Monday, 30 June 2025
NEWS FEED

‘อนุทิน’ ภูมิใจ!! โพสต์ภาพอดีต ‘หญิงโผกอด’ หลังเคยช่วย ‘ชุบชีวิต' ปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ-ไต

(7 เม.ย.66) จากเฟซบุ๊ก 'อนุทิน ชาญวีรกูล' ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เล่าถึงเรื่องราวน่าประทับใจพร้อมรูปถ่ายแนบว่า...
.
ชุบชีวิต 
.
"เป็นโรคไต แล้วมันกระเทือนหมด หัวใจก็มีปัญหา เกือบตาย โชคดีมากๆ วันหนึ่งมีโทรศัพท์เข้ามา ว่ามีทั้งไต และหัวใจมาเปลี่ยนให้" 

หญิงวัยกลางคน เล่าเรื่องราวชีวิตของเธอ ระหว่างรอชายคนหนึ่ง 

เมื่อเขาเดินมาถึง เธอโผเข้าหาชายคนนั้น และไปยืนอยู่ตรงหน้า แววตาเป็นประกาย 
ชายคนนั้นผงะด้วยความตกใจ

"ท่านช่วยชีวิตฉันไว้" 

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 17 มีนาคม 2562 หญิงคนนั้น คืออดีตผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจ และไต จนชีวิตที่สิ้นหวัง ได้กลับมามีร้อยยิ้มอีกครั้ง

ส่วนชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคือ...
"อนุทิน ชาญวีรกูล" ซึ่งขับเครื่องบินไปรับอวัยวะมาช่วยเหลือผู้ป่วยอาการโคม่า โดยเขาไม่รู้เลยว่า หญิงที่อยู่ตรงหน้า คือ คนที่เขาช่วยไว้ 

เธอกล่าวกับเขา
"ขอบคุณมากค่ะท่าน" เสียงนั้นสั่นเครือ 
"ดีใจมาก อยากขอบคุณกับตัวมาตลอดเคยไปดักเจอมาแล้ว ได้เจอแล้ว แต่ไม่กล้า ครั้งนี้ คิดมาแล้ว ว่าต้องทำให้ได้ ขอบคุณท่านมากๆ" 

‘ธิอาโก เทเซียรา’ โร่ฟ้องสื่อบราซิล ปมโปรโมท 'กุนขแมร์' หลังโดน ‘WMO’ ถอดตำแหน่งแชม์มวยไทยโลก

ธิอาโก เทเซียรา! ร้องสื่อบราซิลช่วย หลังโดนปลด แชมป์โลก มวยไทย

ธิอาโก เทเซียรา นักมวยชาวบราซิล ตัวแทนมวย 'กุนขแมร์' ถูกองค์กรมวยไทยโลก WMO (World Muaythai organization) ถอดจากตำแหน่งแชมป์โลกอย่างเป็นทางการ และถูกแบนจากกิจกรรมของ WMO ในอนาคตทั้งหมด โดยให้เหตุผล พฤติกรรมทำให้กีฬามวยไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่มีน้ำใจนักกีฬา เจตนาทำให้กีฬาประจำชาติไทยเสื่อมเสีย ยุยงให้เกิดความเกลียดชัง

ล่าสุด ธิอาโก เทเซียรา ได้โพสต์ไอจี ระบุว่า “หากใครสามารถติดต่อกับสถานีโทรทัศน์ใด ๆ ในบราซิลและช่วยให้ผมพูดเรื่องนี้ ผมถูกทำให้เสียชื่อเสียงและถูกโจมตี ผมไม่ต้องการอะไรตอบแทน ทุกคนเห็นและรู้ว่าใครคือแชมป์ตัวจริง ผมอยากให้คนบราซิลต้องรับรู้เรื่องนี้”

‘รพ.เมดพาร์ค’ แจง กรณีงานมอบรางวัล The People Awards 2023 เผย ทาง รพ.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังพบโลโก้ของ รพ.ปรากฎในงาน

(7 เม.ย. 66)  จากกรณีการมอบรางวัล The People Awards 2023 เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีชื่อ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ‘ตะวัน’ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ ‘แบม’ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 รวมอยู่ด้วย และภายในงานได้มีภาพโลโก้ของโรงพยาบาลเมดพาร์ดปรากฎอยู่นั่น ล่าสุดทางเฟซบุ๊กแฟนเพจของโรงพยาบาลเมดพาร์ค ได้ออกหนังสือชี้แจง โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“MedPark ชี้แจงเกี่ยวกับงานมอบรางวัล The People Awards 2023

ตามที่ปรากฎโลโก้ของโรงพยาบาลเมดพาร์ดในงานมอบรางวัล The People Awards 2023 ซึ่งจัดโดย The People สื่อออนไลน์ในเครือของเนชั่น นั้น รพ.เมดพาร์ค ขอชี้แจงว่าที่ผ่านมา โรงพยาบาลฯ ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ที่แจ้งถึงวัตถุประสงค์ที่ดี โดยมีเจตนารมณ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ

ทั้งนี้ รพ.เมดพาร์ค ขอชี้แจงว่า โรงพยาบาลฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการการตัดสินรางวัล The People Awards 2023 หรือบุคคลผู้ที่ได้รับรางวัลแต่อย่างใดรวมทั้งไม่ได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ได้รับรางวัลมาก่อน

โรงพยาบาลเมดพาร์ค เป็นองค์กรที่ประกอบกิจการ ให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยและป้องกันโรค ตามมาตรฐานสากล ภายใต้หลักธรรมาภิบาลในกรอบของกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เรายึดมั่นในชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ฝักใฝ่หรือเกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น”

ในขณะเดียวกัน ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘Seiko Club by Seiko Thailand’ ก็ได้มีการออกมาโพสต์หนังสือชี้แจง ถึงกรณีงานมอบรางวัล The People Awards 2023 ว่า ทางบริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินผู้ได้รับรางวัลทั้ง 10 ท่าน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับความขัดแย้งทางการเมือง และไม่ทราบรายละเอียดของผู้ที่จะเข้ารับรางวัลจากการตัดสินของคณะกรรมการล่วงหน้า

ทางบริษัทฯ จึงขอแจงรายละเอียดเพื่อป้องกันความเข้าใจอันคลาดเคลื่อน และเน้นย้ำ ถึงการเล็งเห็นความสำคัญของสังคม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยทางบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่ ดำเนินงานอันเป็นประโยชน์แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมต่อไป

ทว่าในเวลาต่อมา ทาง 'Seiko Club by Seiko Thailand’ ก็ได้ลบแถลงการณ์ดังกล่าวไปจากหน้าเพจ


ที่มา: https://www.facebook.com/medpark.thailand/posts/pfbid02HtrS4gX2a5wRSzpRX4pc92BmhLXGzd692B7rpuHzkmaHxitZptY7zDjD6QUUXeSBl

‘อาจารย์มศว.’ ผุดไอเดีย ช่วยนักศึกษาได้รู้จักตัวเอง สั่งงานหัวข้อออกไปใช้ชีวิต-ไปเที่ยว เพื่อสร้างแรงบัลดาลใจ

ออกไปใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ! โซเชียลฯ แชร์ อาจารย์สั่งงานนิสิต ด้วยหัวข้อสุดฉีกให้นิสิตออกไปใช้ชีวิต-ออกไปเที่ยว สร้างแรงบันดาลใจ

เมื่อไม่นานนี้ กลายเป็นที่ให้ความสนใจ หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์ ‘@marchyblue’ โพสต์ใบสั่งงานจากอาจารย์ ของคณะมนุษยศาสตร์ เอกจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) จนกลายเป็นไวรัลในหัวข้อ “ให้นิสิตออกไปใช้ชีวิต” และกลับมาเขียนแรงบันดาลใจการออกไปใช้ชีวิตมาส่ง

โดยในโพสต์อาจารย์ให้ความคิดอิสระเสรีกับนิสิต เพื่อให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นอีกด้วย งานนี้เรียกได้ว่าตอบโจทย์มีผู้สนใจเพียบ

“ประกาศๆ พรุ่งนี้ เป็นการให้นิสิตออกไปใช้ชีวิตนะครับ โดยโจทย์ คือ การให้นิสิตได้ออกไปเที่ยว เน้นย้ำว่าออกไปเที่ยว ไม่ใช่แค่อ่าาห์ ฉันขี้เกียจ ฉันนอนไปค่อนวัน ฉันเดินไปหน้าปากซอยซื้อข้าวกลับมากิน…เย้

‘บิ๊กป้อม’ กร้าว!! 3 ปี ดันเน็ตชุมชน 24,654 แห่ง มุ่งเป้าครอบคลุม ‘หมู่บ้าน-โรงเรียน-โรงพยาบาล’

(7 เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ 

ที่ประชุมรับทราบ เรื่องสำคัญประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการและคณะทำงานภายใต้คำสั่งแต่งตั้งของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ระบบบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคล 

ต่อจากนั้น ได้ร่วมพิจารณาและเห็นชอบหลักการ การใช้จ่ายเงินตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 และพิจารณาอนุมัติโครงการ ตามมาตรา 26 (3) ของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยอนุมัติ โครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะและบำรุงรักษา โครงข่ายเน็ตชุมชนและส่วนต่อขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยจัดให้มีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงสาธารณะ (WI-FI) ประจำหมู่บ้านในพื้นที่ที่มีการใช้งานจริง จำนวน 24,654 แห่ง และขยายโครงข่ายต่อไปยังโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและสุขศาลาพระราชทาน จำนวน 1,671 แห่ง มุ่งสนับสนุนชุมชนผู้มีรายได้น้อยและแออัดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และโครงการสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับนักเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาและอาชีวะ ภายใน ปี 69 

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’ เปิดประตูสู่ภาคตะวันออก เยือนพัทยาสร้างความมั่นใจ จัดกิจกรรมไมซ์ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” ให้งบสนับสนุนองค์กร จัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม หวังสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท จัดโรดโชว์ปลายทางเมืองไมซ์ซิตี้ทั่วประเทศ กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมอมารี พัทยา จังหวัดชลบุรี


ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นนักเดินทางไมซ์และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้กลไกการสนับสนุนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ


สำหรับงานโรดโชว์ในครั้งนี้ที่พัทยา เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็น 1 ใน 10 “เมืองแห่งไมซ์” ด้วยความพร้อมของสถานที่จัดประชุมสัมมนา เหมาะสำหรับการจัดกิจกรรมไมซ์ และการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลให้กับพนักงาน รวมถึงการจัดงานไมซ์ในสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก ศูนย์ประชุมนานาชาติพีช พัทยา (PEACH) ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา (NICE) ที่ได้รับมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย TMVS (Thailand MICE Venue Standard) สามารถรองรับผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานได้อย่างครบครัน พัทยาจึงมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์ได้อย่างยอดเยี่ยม


ภายในงานโรดโชว์ได้รับเกียรติจาก คุณนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดงาน และคุณทิฐิพันธ์ เพ็ชรตระกูล รองนายกเมืองพัทยา ร่วมเปิดงาน โดยมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเสวนาในหัวข้อ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยกิจกรรมประชุมไมซ์ในประเทศ” โดย คุณสุวิมล ตวงวุฒิกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี  คุณสรรเพ็ชร ศุภบวรเสถียร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก และ คุณบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา โดยมี คุณรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้แทนการตลาดด้านอุตสาหกรรมไมซ์ ภาคตะวันออก มาให้ข้อมูลโครงการประชุมเมืองไทยฯ และ คุณนราศักดิ์ ม่วงแก้ว ผู้จัดการส่วนงาน MICE Innovation ร่วมให้ข้อมูลเรื่องแพลตฟอร์ม Thai MICE Connect

 
นอกจากนี้ยังมีการบรรยายในหัวข้อ “จับตาชีพจรไมซ์ปี 2566” โดย คุณภูมินทร์ มีถาวรกุล ผู้ปฏิบัติการอาวุโส ฝ่าย MICE Intelligence และ นวัตกรรม และยังมี Thai MICE Connect: Exclusive Clinic คลินิกให้คำปรึกษาการใช้งาน Thai MICE Connect แบบตัวต่อตัวอีกด้วย


สำหรับโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เป็นโครงการสนับสนุนด้านงบประมาณการจัดงานไมซ์ให้แก่ผู้ประกอบการและนิติบุคคลตามกฎหมายที่มีแผนการจัดการประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ โดยต้องมีการจัดกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 ประเภท ได้แก่ กิจกรรมการประชุม (Meetings) กิจกรรมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) กิจกรรมสัมมนา (Seminars) กิจกรรมการอบรม (Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และกิจกรรมศึกษาดูงาน (Field trip)

ตำรวจไซเบอร์ ห่วงใยเยาวชนไทยห้วงสงกรานต์ จับฉีดวัคซีนป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หวั่นตกเป็นเหยื่อ พร้อมให้ความรู้ขับขี่ปลอดภัย ปิดเทอม ไม่แว้น ไม่ซิ่ง ไม่แข่ง มอบหมวกกันน็อก แทนความห่วงใย

วันที่ 7 เมษายน 2566 เวลา 10.00 น. ที่หอประชุมโรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคาร ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 และ ทีมวิทยากรวัคซีนไซเบอร์ ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา มูลนิธิเมาไม่ขับจังหวัดนครราชสีมา ชมรมฮักเขาใหญ่ และคณะครูนักเรียน โรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคาร 

ร่วมเปิดกิจกรรม 'เตือนภัยไซเบอร์ ห่วงใยเด็กไทย ปลอดภัยสงกรานต์ ๒๕๖๖' รวมรณรงค์ สวมใส่หมวกกันน็อก โดยมี เด็กนักเรียน โรงเรียนไตรรัตน์วิทยาคาร จำนวน 150 คน และภาคประชาชน เครือข่ายความปลอดภัยบนท้องถนน เมาไม่ขับ โดยมีการอบรมให้ความรู้เรื่องพิษภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะหวันเกรงเด็กเยาวชนตกเป็นเหยื่อ จากทีมงานตำรวจไซเบอร์

ร้านซีฟู้ดเจ้าดัง ตามหาลูกค้าโอนเงินผิด ระบุ กินแค่หลักพัน แต่โอนเป็นหมื่น

(7 เม.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก แห้วซีฟู๊ด ปูดอง หัวปลาหม้อไฟ - บนถนนพุทธมณฑลสาย2 ประกาศตามหาลูกค้าที่โอนเงินค่าอาหารเกิน โดยระบุข้อความว่า "ตามหาลูกค้าที่เข้ามาทานอาหารที่ร้านแห้วซีฟู๊ด พุทธมณฑลสาย 2 เนื่องจากลูกค้าทำการโอนเงินเกินยอดบิล ทานอาหาร 2,018 บาท ลูกค้าโอนมา 20,183 บาท วันที่ 4/4/66 เวลา 19.57 น. ตำแหน่งโต๊ะในรูป

หากลูกค้าเห็นโพสต์นี้ สามารถติดต่อเพื่อ ขอรับเงินคืนได้ที่ เบอร์ 089-4974595, 062-8764595 เพจ แห้วซีฟู๊ด ปูดอง หัวปลาหม้อไฟ ได้เลยค่ะ รบกวนเพื่อนๆ ช่วยแชร์ให้ด้วย"

ผบ.ตร. ชื่นชม ผกก.สภ.เมืองนครปฐมเข้าชาร์จช่วยเหลือชีวิตชายคิดสั้นอุ้มลูกพยายามกระโดดสะพาน

วันนี้ (7 เม.ย.66) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” แก่ ผกก.สภ.เมืองนครปฐมเข้าชาร์จช่วยเหลือชีวิตชายอุ้มลูกพยายามกระโดดสะพาน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ พบชายอุ้มลูกมีท่าทีจะกระโดดสะพานลอย ย่านถนนเพชรเกษม จึงได้ประสาน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยควบคุมสถานการณ์เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบชายวัยกลางคนยืนกอดรัดเด็กชายบนสะพานลอยฝั่งมุ่งหน้าเข้าจังหวัดราชบุรี มีความสูงจากพื้นถนนประมาณ 20 เมตร ซึ่งมีรถสัญจรผ่านไปมาบนถนน สร้างความหวาดเสียวให้กับประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการปิดกั้นการจราจรเพื่อป้องกันอันตราย และประสานทางเทศบาลนครปฐมกางเบาะลมเพื่อรองรับเหตุที่คาดไม่ถึง ซึ่งชายคนดังกล่าวแจ้งว่า ต้องการพบหน้าอดีตภรรยาและสามีใหม่ของเธอ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเจรจาเกลี่ยกล่อมนานกว่า 1 ชั่วโมงแต่ไม่เป็นผล

ต่อมา พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม จึงได้ตัดสินใจเดินขึ้นสะพานเพียงคนเดียวเพื่อให้ชายคนดังกล่าวเชื่อใจ ในขณะที่ชายคนดังกล่าวและลูกชายเริ่มมีสภาพอิดโรยเพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัด และช่วงจังหวะที่ชายคนดังกล่าวเผลอ พ.ต.อ.ภูภณฯ จึงฉวยโอกาสจู่โจมชาร์จตัวไว้ได้สำเร็จ ตามหลักยุทธวิธีตำรวจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่รอจังหวะอยู่ห่างๆ จะกรูเข้าไปช่วยกันจับแยกลูกชายออกมาได้ แล้วนำชายคนดังกล่าวนำตัวไปสงบสติอารมณ์ ที่ สภ.เมืองนครปฐม และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป 

ผบ.ตร. และภาคีเครือข่าย มอบรางวัลคลิปกล้องหน้ารถ “โครงการอาสาตาจราจร” พร้อมเตรียมเปิดรับคลิปอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายสงกรานต์ มอบรางวัลวันละ 1 คลิป เงินรางวัลร่วม 200,000 บาท

วันนี้ (7 เม.ย.66) เวลา 10.00 น.ณ ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์        กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. พร้อมด้วย  นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ, คุณ พิศเพลิน วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) คุณนิตยา ลีธีระกุล รองผู้จัดการฝ่ายรายการ สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ คุณอัจฉรา บัวสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัล และเกียรติบัตร โครงการอาสาตาจราจร โดยมอบรางวัลให้กับประชาชนเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่สำคัญ ประจำเดือน ม.ค. และ ก.พ. 2566 จำนวน 20 รางวัล เงินรางวัลคลิปสูงสุดคลิปละ 20,000 บาท รวมเงินรางวัลที่มอบทั้งสิ้น จำนวน 100,000 บาท โดยบริษัท วิริยะประกันภัย เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล

ผบ.ตร.กล่าวว่า ความร่วมมือจากภาคประชาชนเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาสังคมหลายเรื่อง รวมทั้งปัญหาการจราจร ประชาชนสามารถช่วยกันสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน โดยร่วมกันเป็นตาจราจร สอดส่องพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ฝ่าฝืนกฎจราจร ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ เมื่อสังคมเกิดการรับรู้ว่า การขับขี่บนถนนมีกล้องหน้ารถ หรือมีผู้ร่วมทางอาจใช้กล้องโทรศัพท์มือถือบันทึกการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎจราจร และจะเป็นพยานหลักฐานจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาดำเนินคดีในภายหลังได้ ก็จะช่วยยับยั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ที่ผิดกฎหมายบนท้องถนน สำหรับคลิปที่ส่งมาร่วมโครงการทุกคลิป จะเป็นพยานหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี หรือใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลเพื่อพิจารณาลงโทษผู้ทำผิด  คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจที่ได้รับการคัดเลือก นอกจากประชาชนจะได้รับเงินรางวัลแล้ว ยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ด้วย 

** นอกจากนั้น ผบ.ตร.กล่าวเน้นย้ำ 3 ประเด็น เพิ่มเติมว่า

1) การส่งคลิปมาร่วมโครงการ ประชาชนสามรถใช้โทรศัพท์มือถือในการบันทึกอุบัติเหตุ หรือการกทำผิดกฎจราจรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกล้องหน้ารถเท่านั้น  
2) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ จะมีแคมเปญพิเศษเพิ่มเติม ในชื่อว่า “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” สำหรับให้ประชาชน  ส่งคลิปอุบัติเหตุช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นของเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 ถึง 17 เมษายน 2566 มาร่วมในโครงการ และจะทำการคัดเลือกคลิปสำคัญที่เป็นพยานหลักฐานทางคดี จำนวน 7 คลิป รางวัลคลิปละ 10,000 บาท รวม 70,000 บาท 
3) เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.66 เป็นต้น มา ตร.           และกรมการขนส่งทางบก ได้เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน เพื่อบังคับใช้มาตรการชะลอการ ออกป้ายภาษี ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 141/1 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งจะเป็นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพของกฎหมายจราจร ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อลดอุบัติเหตุที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

ทั้ง 3 ประเด็นนี้ อันจะเป็นมาตรการส่งเสริมการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุ  เพื่อให้ลดสถิติได้ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดทั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 แลภาพรวมตลอดทั้งปีต่อไป  ** 

ทางด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวเสริมว่า โครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสร้างการตระหนักรู้ในการขับขี่ปลอดภัย ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย ช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ และทางมูลนิธิได้หาทุนสนับสนุนเงินรางวัลเพิ่มเติม ตั้งแต่เดือน มี.ค. 66 เป็นต้นไปจะมีการมอบรางวัลเพิ่มจากเดือนละ 10 คลิป เป็นเดือนละ 20 คลิป เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนส่งคลิปมาเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยนอกจากคลิปกล้องหน้ารถแล้ว ก็ยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกการกระทำผิดกฎจราจรส่งมาร่วมโครงการได้เช่นกัน ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นอาสาตาจราจร พบเห็นการทำผิดกฎจราจร ให้รีบบันทึกภาพและส่งคลิปมาร่วมโครงการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top