Monday, 30 June 2025
NEWS FEED

อบจ.ร่วมกับทม.ศรีสัชนาลัยบวงสรวงบูรพกษัตริย์สุโขทัย รับปีใหม่สรงน้ำโอยทานฯ

บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระมหาธรรมราชาที่๑ (พระยาลิไท) ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ดร.มนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานพิธีถวายสลากภัต และบวงสรวงสักการะพระมหาธรรมราชาที่๑  พิธีเริ่มในเวลา 07.00 น. ของวันที่ 8 เมษายน 2566
โดยมีนายสมพงค์ ชมชัย นายอำเภอศรีสัชนาลัย กล่าวต้อนรับประธานและนักท่องเที่ยว และนายสมศักดิ์ พุ่มชื่น นายกเทศมนตรีนำคณะผู้บริหารสมาชิกสภาฯกล่าวรายงานการจัดงาน พร้อมบุคลากรในสังกัดเทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย หัวหน้าส่วนราชการ นายก อปท. ในพื้นที่  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ผู้นำท้องที่-ท้องถิ่น พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมพิธีจำนวนมาก

งานประเพณีสรงน้ำโอยทาน สงกรานต์ศรีสัชนาลัย และงานสักการะพระยาลิไท ประจำปี 2566 จนถึงวันที่ 12 เมษายน 2566 ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) หมูู่ที่ 5 ทุ่งหนองช้าง ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย 

ผบ.เด่นสั่งรวบสาวหล่อ อ้างคนสนิทนางเอก ต. คา ด่าน ตม.อรัญประเทศ พฤติกรรมหลอกลวงแฟนคลับ ลงทุนหุ้นเก๊ เสียหายกว่า 40 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งชุด PCT5 ร่วมกับสืบสวนนครบาลลุยกัมพูชา ตามล่า “สาวหล่อ” อ้างเป็นแฟนของนางเอกระดับตำนาน ชื่อ ต. รายการนำเที่ยวหลังก่อวีรกรรมสุดแสบตระเวนฉ้อโกงเหยื่อ โดยเจาะตลาดไปที่กลุ่มผู้เสียหายที่เป็นเหล่าแฟนคลับดาราสาว โดยผู้เสียหายบางรายกล่าวว่า สาวหล่อใช้จิตวิทยาเปิดภาพที่ได้ถ่ายกับดาราก่อนจะเชือดเหยื่อให้ลงทุนหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งแท้จริงเป็น “หุ้นเก๊” เบื้องต้นพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 20 ราย ซึ่งมีความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ได้มาขอความช่วยเหลือกับ ผบ.ตร. คดีนี้เป็นที่ฮือฮาในแวดวงบันเทิงช่วงปี 2565 จนมีผู้เสียหายบางรายตั้งข้อสังเกตุว่า ตัวนางเอกเอง “อาจมีเอี่ยว” กับสาวหล่อรายนี้หรือไม่

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) , พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. / รอง หน. PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ทองแพ พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว , พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี  , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 , ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว

น.ส.พาฬ นลินวัชร์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ถ.ประชานิมิต ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับกว่า 4 หมายจับ คือ

1.หมายจับศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ จ.126/2565 ลงวันที่ 25 พ.ค. 65 ข้อหา “ฉ้อโกง”
2.หมายจับศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ จ.127/2565 ลงวันที่ 25 พ.ค. 65 ข้อหา “ฉ้อโกงและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
3.หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.126/2565 ลงวันที่ 25 ก.พ. 65 ข้อหา “ฉ้อโกง”
4.หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.128/2565 ลงวันที่ 26 ก.พ. 65 ข้อหา “ฉ้อโกง”
โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกง

จับกุมตัวที่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2563 ถึงห้วงกลางปี พ.ศ.2564 ได้เกิดเรื่องฉาวในแวดวงบันเทิง เมื่อได้เกิดเหตุหลอกลวงครั้งใหญ่เกิดขึ้น เหล่าผู้เสียหายได้ทยอยเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้ถูก “สาวหล่อ” ซึ่งอ้างว่าเป็นอดีตแฟนกับดารานางเอก “ระดับตำนาน” หลอกลวงเงิน โดยแผนประทุษกรรมการหลอกลวงเรียกได้ว่าสุดแสบ โดยสายหล่อรายนี้จะแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มแฟนคลับของดาราสาวแล้วทำทีตีสนิท โดยจะโชว์พาวให้กับกลุ่มแฟนคลับว่าตนเองนั้นเป็นแฟนกับดาราสาว 

ซึ่งแรกเริ่มนั้นเหยื่อต่างยังไม่เชื่ออย่างสนิทใจ ซึ่งผู้เสียหายรายหนึ่งได้กล่าวว่า สาวหล่อรายนี้ใช้จิตวิทยาด้วยการเปิด ภาพ ที่ได้ถ่ายกับดาราสาว นอกจากนั้นบางรายสาวหล่อรายนี้ถึงขนาดเปิดเทปบันทึกเสียงการสนทนาของสาวหล่อกับดาราสาวให้ฟัง ซึ่งทำให้เหล่าผู้เสียหายเชื่ออย่างสนิทใจว่าสาวหล่อรายนี้เป็นแฟนของดาราสาวจริงๆ ซึ่งเมื่อเหยื่อเริ่มหลงกลจิตวิทยาของสาวหล่อแล้ว ก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการหลอกลวง เบื้องต้นพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 20 ราย ซึ่งมีความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท โดยข้อมูลจากการสืบสวนสอบสวนสาวหล่อรายนี้จะหลอกลวงให้เหยื่อ “ลงทุน” เล่นหุ้นประเทศสิงค์โปโดยจะใช้จิตวิทยาหว่านล้อมว่าตนเองนั้นเล่นให้กับดาราสาว จากเงิน 40 ล้านบาท สามารถเพิ่มมูลค่าเป็น 100 ล้านบาท ได้ ซึ่งเหยื่อต่างหลงเชื่อ “หอบเงิน” มาร่วมลงทุนกับสาวหล่อรายนี้เป็นจำนวนมาก อันเกิดจากการถูกสาวหล่อใช้จิตวิทยาเล่นกับจิตใจของเหล่าผู้เสียหายที่ลุ่มหลงในตัวดาราสาว ซึ่งแท้จริงไม่ได้มีการนำเงินไปลงทุนหุ้นแต่อย่างใด โดยช่วงแรกนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกตัวสาวหล่อรายนี้มาดำเนินคดี เจ้าตัวได้เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนแต่ต่อมาห้วงเดือน ต.ค. 64  ได้หายตัวไป “เข้ากลีบเมฆ” 

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทยอยออกหมายจับสาวหล่อรายนี้ โดยล่าสุดมีหมายจับที่ยัง ACTIVE อยู่ในระบบกว่า 4 หมายจับ ซึ่งผู้เสียหายบางรายได้ตั้งข้อสังเกตุว่า อาจมีเอี่ยวกับคนในวงการหรือไม่ เนื่องจากดาราสาวมีการส่งทนายมาช่วยเหลือสาวหล่อในชั้นการรับทราบข้อกล่าวหา อีกทั้งหลังจากที่สาวหล่อรายนี้หลอกลวงเหล่าแฟนคลับไปแล้ว ดารานางเอกรายนี้มีการซื้อรถ “ลัมโบร์กินี” จึงเป็นที่คลาบแคลงใจของเหล่าผู้เสียหายเป็นอย่างยิ่ง

รองโฆษก ตร. เตือน สงกรานต์นี้ต้องระวัง 'ภัยออนไลน์หน้าร้อน' ย้ำมิจฉาชีพมาได้ทุกรูปแบบ ขู่!!! รับจ้างเปิด 'บัญชีม้า – เบอร์ม้า' ติดคุก 3 ปี ปรับ 3 แสน !!!

วันนี้ (8 เม.ย.66) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ระวังมิจฉาชีพใช้โอกาสเทศกาลสงกรานต์ออกอุบายหลอกลวงออนไลน์

รองโฆษกฯ เปิดเผยสถิติคดีอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนร้องเรียนผ่านแจ้งความออนไลน์ เว็บไซต์ thaipoliceonline.com ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนถึง 22,486 คดี ยอดความเสียหายรวมสูงกว่า 1,842 ล้านบาท โดย 5 ลำดับสูงสุด ได้แก่ 1) หลอกซื้อขายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นขบวนการ 2) หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 3) หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานฯ 4) ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) และ 5) หลอกให้กู้เงิน

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันโจรออนไลน์มักจะออกอุบายตามเทศกาลวันสำคัญตามประเพณี ในช่วงฤดูร้อนนี้ จึงขอแจ้งเตือนถึงรูปแบบอาชญากรรมออนไลน์ที่โจรอาจใช้ในการหลอกลวง ดังนี้

ผบ.ฉก.นราธิวาส เป็นผู้แทน ผอ.รมน.ภาค 4 ร่วมกิจกรรมรอมฎอนสัมพันธ์เสริมสร้างสันติสุข คืนความสุขสู่ชายแดนใต้ ประจำปีอิจเราะห์ศักราช 1444 ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ณ มัสยิดบ้านบูกิตปาลัส

ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ มัสยิดบ้านบูกิตปาลัส ตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นผู้แทน พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางลงพื้นที่ร่วมกิจกรรม 'รอมฎอนสัมพันธ์' ละศีลอด (เปิดปอซอ) ในเดือนรอมฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1444 กับผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนไทยมุสลิมในพื้นที่ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เพื่อต้อนรับเดือนรอมฏอนอันประเสริฐ 

สร้างบรรยากาศที่ดีในห้วงของการปฏิบัติศาสนกิจ ตลอดจนสร้างสภาวะแวดล้อมให้เอื้อต่อการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้  พร้อมทั้งเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในห้วงเดือนรอมฎอน เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานรัฐกับผู้นำหมู่บ้าน, ผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนาในพื้นที่ โดยก่อนละศีลอด พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ หัวหน้าส่วนราชการได้พบปะ พูดคุยกับผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งร่วมกันขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า (ขอดุอาร์) ให้ความสันติสุขเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น

'เฉลิมชัย'มอบฟรุ้ทบอร์ดเร่งเดินหน้า 23 มาตรการเชิงรุกภายใต้แผนบริหารจัดการผลไม้ฤดูกาลผลิตปี 2566 'อลงกรณ์' ย้ำนโยบายรักษาคุณภาพมาตรฐานมุ่งสร้างแบรนด์ยกระดับราคาผลไม้ไทย กำชับใช้มาตรการเด็ดขาดป้องกันปัญหาทุเรียนอ่อนทุเรียนสวมสิทธิ์

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board)ว่า ได้มอบนโยบายต่อที่ประชุมดังนี้

1. การรักษามาตรฐานคุณภาพการผลิต การแปรรูป การส่งออกผลไม้ ตามมาตรฐาน GAP GMP และCovid Freeรวมทั้งต้องป้องกันและปราบปรามการ สวมสิทธิทุเรียน และทุเรียนอ่อนอย่างเด็ดขาด(2) สร้างแบรนด์ผลไม้ โดยมอบหมายกระทรวงพาณิชย์สนับสนุนการสร้างแบรนด์ทั้ง Product Brand และ Farm Brand เพื่อส่งเสริมมูลค่าการค้าและการตลาด (3) สนับสนุนการแปรรูปผลผลิตผลไม้เศรษฐกิจของไทย มอบหมายผู้แทนกระทรวงอุตสากรรม นำเสนอแผนการแปรรูปผลผลิตทางเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ แก่คณะกรรมการ Fruit Board ในการประชุมคราวหน้า (4) การพัฒนาและการบริหารโลจิสติกส์ เพื่อการส่งออกผลไม้ และ (5) มอบหมายฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ Fruit Board ประสานคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน จัดการประชุมติดตามสถานณ์การผลิตผลไม้ เพื่อรองรับสถานการณ์ผลิตผลไม้ ในฤดูปีผลิต 2566 โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ ทั้งนี้ ได้มอบหมายคณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการ Fruit Board ประชุมร่วมกับคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด และให้คณะอนุกรรมการ ฯ นำเสนอผลงานความก้าวหน้าการดำเนินงาน ต่อคณะกรรมการ Fruit Board ในการประชุมครั้งต่อไป

ในการนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ ใน 4 แผนงานดังนี้ 1) “แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก (ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) ปี 2566” ตามแผนการบริหารจัดการผลไม้ แบบเบ็ดเสร็จด้วยตัวเอง ในเชิงคุณภาพสอดคล้องตามยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ.2565 - 2570 และในเชิงปริมาณโดยจัดสมดุลอุปสงค์ อุปทาน สรุปได้ดังนี้ 1.1) การบริหารจัดการเพื่อบริหารจัดการผลผลิต -ทุเรียน 758,438 ตัน -มังคุด 170,046ตัน -เงาะ 194,915ตัน -ลองกอง 16,981ตัน ให้เป็นไปตามกลไกตลาดปกติ รวมทั้งสิ้น 1,140,380 ตัน และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับสัดส่วนข้อมูลแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2566 อีกครั้ง หลังการจากการประชุมจัดทำข้อมูลเอกภาพ ครั้งที่ 3 ในวันที่ 31 มีนาคม 2566 และแจ้งเวียนคณะกรรมการทราบอีกครั้ง 1.2) เสนอให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลักบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่ ปี 2566 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย  1.3) กรณีที่การบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่มีปัญหา มอบหมายให้จังหวัดประสานกับฝ่ายเลขานุการคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ และหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องมาดาเนินการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป

2) “แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) ปี 2566” ประกอบด้วย 2.1) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) ปี 2566 จำนวน 34,620 ตัน 2.2) มอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลักบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่ ปี 2566 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และ 2.3) กรณีที่การบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่มีปัญหา มอบหมายให้จังหวัดประสานกับฝ่ายเลขานุการคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป

3) คณะกรรมการ ได้มีมติรับทราบ ผลการดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุก ปี 2565 จำนวน 18 มาตรการ ของกระทรวงพาณิชย์ และมีมติเห็นชอบ “โครงการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566”โดย กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ใช้งบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร วงเงิน 895.56 ล้านบาท ประกอบด้วย 5 กิจกรรมหลัก และ 10 กิจกรรมย่อย ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 : เสริมสร้างประสิทธิภาพการรวบรวมรับซื้อผลไม้จากเกษตรกร กิจกรรมที่ 2 : เชื่อมโยงกระจายผลไม้ออกนอกแหล่งผลิตและเพิ่มช่องทางการจาหน่ายผลไม้ กิจกรรมที่ 3 : ส่งเสริมการจาหน่ายผลไม้ กิจกรรมที่ 4 : ส่งเสริมการแปรรูปเพื่อการส่งออก กิจกรรมที่ 5 : ประชาสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นผลไม้ไทยปลอดภัยจากโควิด-19 

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายและมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566 มีเป้าหมาย เป็นสินค้าผลไม้เศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลาไย ลิ้นจี่ ลองกอง มะม่วง สับปะรด ฯลฯ และผู้เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ เกษตรกร สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการค้าผลไม้ ผู้รวบรวม ผู้แปรรูป และผู้ส่งออก ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้รับมอบหมาย กรมการค้าภายใน ได้จัดประชุมผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้แก่ ภาคราชการ เอกชน และเกษตรกร เพื่อประเมินแนวโน้มสถานการณ์ด้านการผลิตการตลาดผลไม้ฤดูกาลผลิต ปี 2566 รวมถึงสภาพปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในฤดูการผลิตผลไม้ ปี 2566 และได้ร่วมกันกำหนดมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566 
รวม 4 ด้าน 22 มาตรการ ได้แก่ (1) ด้านการผลิต (2) ด้านตลาดในประเทศ (3) ด้านตลาดต่างประเทศ และ (4) ด้านกฎหมาย ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำ และปลายน้ำ 

4) ฝ่ายเลขานุการ ได้ขอเพิ่มวาระพิจารณา แนวทางการกระจายผลไม้สถาบันเกษตรกร นำเสนอโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะกรรมการได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ “โครงการสนับสนุนการกระจายผลไม้เพื่อยกระดับราคาของสถาบันเกษตรกร” มีสหกรณ์จำนวน 49 แห่ง ประกอบด้วยสหกรณ์ผู้กระจายสินค้าจำนวน 500 แห่ง สหกรณ์ระดับอำเภอ เครือข่ายสหกรณ์นอกภาคการเกษตรคู่ค้าทั่วไปทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สมาชิกสหกรณ์จำนวน 87,536 ราย เป้าหมายกระจายสินค้า 2,100 ตัน ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นชอบเป็นมาตรการที่ 23 และมอบหมายกรมส่งเสริมสหกรณ์นำเสนอขอรับงบประมาณสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ 6.594 ล้าน จากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

‘นักข่าวอาวุโส’ โวย!! ราคาจริงตั๋วเครื่องบินวันนี้ ‘สุดแพง’ วอน!! รัฐอย่าชี้ราคาผิดเพี้ยน โปรดเอาความจริงมาพูดกัน

(8 เม.ย. 66) นายเฉลียว คงตุก นักข่าวอาวุโส ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

นายกฯ สั่งแก้ไขด่วน ‘ตั๋วเครื่องบินแพง’ หลังผู้โดยสารร้องเรียนเข้ามาเพียบ กระทบ ปชช. - การท่องเที่ยวในประเทศ จี้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมมากขึ้น

นายอธิรัช รัตนเศรษฐ์ รมช.คมนาคม รายงานต่อนายกรัฐมนตรีว่า อัตราค่าโดยสาร (ต่อเที่ยว) ในเส้นทางบินกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เป็นเส้นทางที่ได้รับการร้องเรียนว่าค่าโดยสารราคาแพงมากที่สุด พบว่าอัตราค่าโดยสารเฉลี่ย ซึ่งต่ำกว่าราคา 2,500 บาท คิดเป็น 82.5% ของตั๋วโดยสารทั้งหมด ในขณะที่ราคาสูงกว่า 2,500 บาท คิดเป็น 17.5% โดยราคาบัตรโดยสาร จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเทศกาล

ตำรวจภูธรภาค 5 จัดไหว้ครูมวยไทยยิ่งใหญ่ พร้อมยกระดับมวยไทยให้เป็น Soft Power

เมื่อวันที่ (7 เม.ย. 66) ที่ ลานประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับบัญชา ตำรวจภูธรภาค 5 เป็นประธานพิธีไหว้ครูมวยไทย ตำรวจภูธรภาค 5 โดยมี ร้อยโทสมบัติ บัญชาเมฆ (บัวขาว) และครูมวยค่ายบัญชาเมฆ ร่วมพิธีไหว้ครูมวยไทยดังกล่าว 

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า โครงการ ‘มวยไทย ตำรวจไทย มรดกไทย ตำรวจภูธรภาค 5’ ประจำปี 2566 จัดขึ้นตามโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้มีแนวคิดยกระดับมวยไทยให้เป็น Soft Power ที่สำคัญของประเทศไทย โดยมีแนวคิดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมวยไทยในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศและระดับสากลทั่วโลก และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดดำเนินการให้ได้ผลอย่างจริงจังในทุกตำรวจภูธรภาค

เชิญชม คอนเสิร์ตลูกทุ่งการกุศล 'ยุพราชมหาชน ยกก๊วน ม่วนสงกรานต์'

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่ จัดคอนเสิร์ตลูกทุ่งการกุศล 'ยุพราชมหาชน ยกก๊วนม่วนสงกรานต์' โดย YRC band & YRC combo อำนวยการสร้าง นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย  ผู้สนับสนุน สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย  มูลนิธิพระราชชายาเจ้าดารารัศมี รายได้สนับสนุนเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เป็นนักแสดง และพัฒนาวงดนตรีลูกทุ่ง และวงโยธวาทิตด้วย วันที่ 12 เมษายน 2566 เวลา 19:30 น. เป็นต้นไป ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า  โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้ส่งเสริมความสามารถพิเศษเด็กนักเรียนในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิชาการ ศิลปะ ดนตรี กีฬา ประกอบกับปีนี้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ได้ส่งการแข่งขันชิงช้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่มาของวง YRC. COMBO ของโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ไปได้รับรางวัลรองชนะเลิศและเป็นขวัญใจมหาชนทั่วประเทศ ทำให้เป็นแรงบันดาลใจว่า อยากจะให้ลูกๆหลังจากที่ผ่านการแสดงเวทีชิงช้าสวรรค์ ได้มีโอกาสได้แสดงออก จากการที่ได้ไปแสดงให้ชุมชนต่างๆก็อยากจะจัดเพื่อให้กลุ่มที่เป็น FC และนักเรียนได้ร่วมกันในการที่จะจัดคอนเสิร์ต สำหรับให้นักเรียนได้แสดงออกได้อย่างเต็มที่ซึ่งในการจัดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งนี้เราถือว่าเป็นการจัดให้ FC โดยตรง 

จะมีกลุ่มที่เป็นศิลปินที่เป็นศิษย์เก่า เท่ อุเทน พรหมมินทร์ เป็นผู้ที่จะเล่นคอนเสิร์ตตรงนี้ด้วย และมีศิลปินที่เป็นเจ้าของเพลงที่เราจะใช้เล่นในครั้งนี้ประมาณ 30 กว่าเพลง FC และพี่น้องประชาชนคงพึงพอใจ เนื่องจากว่าเราซ้อมกันมาเป็นเดือนๆ ช่วงนี้เด็กนักเรียนปิดภาคเรียนด้วย และยังมีโรงเรียนอื่นๆมาร่วมกับเราด้วย เช่น รร.โยธินบูรณะ กรุงเทพฯ รร.ผดุงปัญญา จังหวัดตาก ก็มาร่วมซ้อมกับพวกเรา และยังมีดนตรีของโรงเรียนสันกำแพง และมีนักร้องจาก รร.เชียงกลมวิทยา ที่เคยไปแข่งชิงช้าสวรรค์ มาเล่นด้วยกัน ซึ่งวันนั้นก็คิดว่าเป็นวันหนึ่งที่จะสร้างความสำเร็จให้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง 

สำหรับรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตการกุศลครั้งนี้ ส่วนแรกสนับสนุนเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เป็นนักแสดง ซึ่งมีประมาณเกือบ 60 ชีวิต ซึ่งตรงนี้ จะเป็นต้นทุนการศึกษา โดยเฉพาะนักเรียนที่จะจบ ชั้น ม.6 นักเรียนบางคนมีฐานะยากจน เพราะฉะนั้นจะเป็นทุนการศึกษาให้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งจะใช้ในการพัฒนาวงดนตรีลูกทุ่ง และวงโยธวาทิตด้วย ซึ่งในอนาคตคงมีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รุ่นน้องๆสานต่อจากรุ่นพี่ ได้แสดงออกได้มากขึ้นต่อไปในอนาคต

ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชิญชวนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน พี่น้องประชาชน รวมทั้งกลุ่ม FC ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงและทั่วประเทศได้ช่วยกันและเชิญชวนให้ทุกท่านได้ร่วมชมคอนเสิร์ต สามารถชมได้ทั้งในหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีจำนวนจำกัด และผ่านระบบ Live Streaming สามารถนั่งดูที่บ้านได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับลูกหลานของโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยในการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้

คุณครูรมย์ลักษณ์ เนียมเครือ หรือ “ครูโบว์” ครูพิเศษเฉพาะทางโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย/ผู้กำกับการแสดง กล่าวว่า ได้รับบทมาเป็นผู้สอนผู้ควบคุมการแสดงและกำกับการแสดงในคอนเสิร์ตยุพราชมหาชน ยกก๊วน ม่วนสงกรานต์ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 เมษายนนี้ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รูปแบบในคอนเสิร์ตในครั้งนี้ มีครบรสอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทั้งความสุข ความเศร้า ความตื่นเต้น ความสนุก ทุกอย่างจะมารวมในคอนเสิร์ตนี้ 

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยมีวงดนตรีลูกทุ่ง อย่างที่ทุกคนได้รู้กัน เมื่อแข่งในรายการชิงช้าสวรรค์ 2022 จบลง สิ่งที่จะบอกคือโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้รับรางวัลเป็น ”ขวัญใจมหาชน” คือเป็นการตอบรับไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้อง ดนตรี และเรื่องโชว์ เป็นที่ประทับใจของคนรุ่นใหม่ในยุค 2022  แต่วันนี้คาบเกี่ยวมาสู่ 2023 ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย นำโดย นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง มีแนวคิดและจุดประกายที่จะจัดคอนเสิร์ตให้กับเด็กๆรุ่นนี้ เพื่อประกาศความสามารถต่างๆ ความยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นไม่ได้ 

นิพนธ์ ยัน คุณสมบัติครบถ้วน พร้อมแจง กกต.เรียบร้อย เตือน เรืองไกร เป็นผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ ส่อเจตนาใส่ร้ายป้ายสี ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

 วันที่ 7 เมษายน 2566 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการร้องให้กกต.ตรวจสอบเรื่องการขาดคุณสมบัติของตนว่า เรื่องดังกล่าวนั้น ตนได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการอีก 5 ท่านแล้วเมื่อที่ 4 เม.ย.66 ที่ผ่านมา โดยได้ชี้แจงกกต.


  1. กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งที่ 1524/ 2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 
นายนิพนธ์ บุญญามณี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ในวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 


 2. เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ข้าพเจ้าได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1314/2565 โดยมีคำร้องขอทุเลาการบังคับคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งข้าพเจ้าได้ระบุในคำขอทุเลาไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าให้คำสั่งของกระทรวงมหาดไทยในข้อ 1 มีผลบังคับใช้ต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดี เนื่องจากแม้ปัจจุบันผู้ฟ้องคดีได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว 


  3.เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 เรื่อง ให้นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พ้นจากตำแหน่งในวาระการดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น อันมีผลเป็นการชะลอหรือระงับการบังคับตามผลของคำสั่งทางปกครองไว้เป็นการชั่วคราวตามข้อ 72 วรรคสาม และข้อ 69 วรรคสอง ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ทั้งนี้ ศาลได้วินิจฉัยถึงเงื่อนไขในการที่ศาลปกครองจะมีอำนาจออกคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของข้าพเจ้า (ผู้ฟ้องคดี)สรุปความได้ว่า เงื่อนไขประการที่หนึ่ง คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในเงื่อนไขประการที่สองว่า คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว มีผลกระทบต่อคุณสมบัติของผู้ฟ้องคดีในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การที่ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นกรณีที่จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังได้ ดังนั้น การให้คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่สั่งให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลามีผลใช้บังคับต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีจนยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง


   4.การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ทำให้คำสั่งกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวสิ้นผลลงโดยเหตุอื่น ตามมาตรา 42 วรรคสอง พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 และมีผลทำให้ข้าพเจ้ามิใช่บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อีกต่อไป


  5.เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 กระทรวงมหาดไทย(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ได้ทำคำชี้แจงกรณีที่ข้าพเจ้าได้ยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง (ครั้งที่ สาม ต่อศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ 1314/2564 รายละเอียดสรุปความได้ว่าการออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ให้นายนิพนธ์ บุญญามณี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาฯ น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายตามแนวคำวินิจฉัยคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 581/2565 จึงยอมรับและไม่คัดค้านคำขอทุเลาตามคำสั่งทางปกครองของข้าพเจ้า

‘ดีอีเอส’ ชี้!! กรณี 9near โทษแรงส่อคุกได้ถึง 100 ปี แนะ!! ปชช.ต่อจากนี้ เลี่ยงตั้งรหัสด้วย ‘เลขบัตรฯ-วันเกิด’

จากกรณีที่แฮกเกอร์ 9near อ้างว่ามีข้อมูลคนไทยจำนวนกว่า 55 ล้านคน นั้น ในวันนี้ (7 เม.ย.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวว่า... 

“เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถระบุตัวและชื่อของแฮกเกอร์ได้แล้ว อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับสาเหตุการรั่วของข้อมูลอยู่ระหว่างการหาข้อเท็จจริง”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีกฎหมาย PDPA ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีคนร้ายขโมยข้อมูลและนำข้อมูลไปใช้อย่างผิดกฎหมายจะมีโทษ ขณะเดียวกันผู้ที่นำข้อมูลจากคนร้ายนำไปเผยแพร่หรือใช้ต่อจะมีโทษด้วย ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลตนเองกับผู้ที่ไม่รู้จัก

ขณะเดียวกันก็ควรระวังการตั้ง Username และ Password ซึ่งไม่ควรใช้เลขที่บัตรประชาชนและวันเดือนปีเกิดหรือเบอร์โทรศัพท์ และขอย้ำเตือนว่าเรามีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและลงโทษแฮกเกอร์หลายฉบับ ผู้กระทำความผิดก็จะมีโทษหนัก

รัฐมนตรี ดีอีเอส กล่าว “กระทรวงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล และให้ทำการตรวจสอบและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบฐานข้อมูล ปิดช่องโหว่ต่างๆ เพื่อดูแลข้อมูลประชาชนให้ได้มาตรฐานสูงสุด”

ด้านพลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กล่าวว่า “สำหรับผู้กระทำความผิดกรณีนี้ เป็นทหาร ยศจ่าสิบโท ทั้งนี้ จากข้อมูลชี้ว่าแฮกเกอร์คนนี้เป็นคนมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top