Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

มินนี่ (G)I-DLE บริจาค 2.3 ล้านบาท ช่วยฟื้นฟูแผ่นดินไหวในไทย-เมียนมา

สำนักข่าวเกาหลี Star News รายงานว่า มินนี่ (G)I-DLE หรือ มินนี่ ณิชา ยนตรรักษ์ ศิลปินไทยชื่อดัง ได้บริจาคเงินจำนวน 100 ล้านวอน (ราว 2.3 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือและฟื้นฟูความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นใน เมียนมาและประเทศไทย

แผ่นดินไหวดังกล่าวส่งผลกระทบรุนแรงต่อหลายพื้นที่ในเมียนมาและภาคเหนือของไทย มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก บ้านเรือนเสียหาย และความช่วยเหลือยังคงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน

การบริจาคของ มินนี่ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากแฟนๆ และประชาชนทั่วไป โดยเธอถือเป็นศิลปินที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดบิวต์ในวงการบันเทิงเกาหลี โดยก่อนหน้านี้เธอได้ บริจาคเงิน 100 ล้านวอน ให้กับสภากาชาดเกาหลีเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูจาก เหตุไฟป่าครั้งใหญ่ในเกาหลี และยังเคย บริจาคเงิน 20 ล้านวอน ให้กับการฟื้นฟูจาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวในตุรกี-ซีเรีย เมื่อปี 2023 อีกด้วย

ด้านแฟนคลับของมินนี่ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ต่างร่วมกันแสดงความชื่นชมและขอบคุณในความมีน้ำใจของเธอ พร้อมติดแฮชแท็กสนับสนุนในโลกออนไลน์ #MINNIE #GIDLE #PrayForMyanmarAndThailand

ชุดปฏิบัติการสุดซอยลุยตรวจโรงงานผลิตเหล็ก ‘ซิน เคอ หยวน’ หวังไขปมเหล็กล็อตไหนถูกใช้สร้างอาคาร สตง. รอเฉลยภายใน 7 วัน

(2 เม.ย. 68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ ผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 1 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้เข้าตรวจสอบโรงงานผลิตเหล็ก บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง

โดยโรงงานผลิตเหล็ก บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ถูกสั่งให้ ปิดกิจการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2567 แต่ก็มีชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่า “ที่โรงงานยังมีคนเข้าออกอยู่เลย” ส่งผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องบุกไปดูโรงงานซินเคอหยวน ให้เห็นกับตา 

การตรวจสอบดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำตัวอย่างเหล็กจากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาตรวจสอบคุณภาพ และพบว่าเหล็กข้ออ้อยขนาด 20 มิลลิเมตร และ 32 มิลลิเมตร ไม่ได้มาตรฐาน จึงต้องเข้าตรวจสอบของกลางที่ถูกยึดอายัดไว้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม จำนวน 2,441 ตัน มูลค่าราว 50.1 ล้านบาท

จุดแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ คือ บริเวณโกดังเก็บเหล็กเส้นของกลางที่ถูกอายัด เพื่อตรวจสอบว่ามีการนำเหล็กออกไปจากที่เก็บหรือไม่ จากนั้นจุดที่สองคือโรงงานผลิตเหล็ก เพื่อดูว่ามีการเปิดเตาหลอมเหล็กดำเนินกิจการต่อหรือไม่

ก่อนเข้าตรวจสอบภายในโรงงาน หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้พูดคุยกับตัวแทนบริษัท พร้อมทั้งตรวจสอบบิลค่าไฟของโรงงานในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยพบว่าก่อนถูกอายัด โรงงานแห่งนี้มีค่าไฟสูงถึง 130 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ในเดือนมกราคม ค่าไฟลดลงเหลือ 1.2 ล้านบาท และในเดือนกุมภาพันธ์ ค่าไฟลดลงเหลือ 6.4 แสนบาท

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้ขอเอกสารบันทึกการขายเหล็ก เพื่อตรวจสอบว่าเหล็กล็อตใดถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างอาคาร สตง. ซึ่งตัวแทนบริษัทเปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้ขายเหล็กให้กับ สตง. โดยตรง แต่ขายผ่านบริษัทตัวกลางก่อนส่งต่อให้กับผู้รับเหมาที่ก่อสร้างอาคารดังกล่าวอีกทอดหนึ่ง

เบื้องต้น ตัวแทนบริษัทรับปากว่าจะจัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อตรวจสอบภายใน 7 วัน นับจากวันที่ 2 เมษายน 2568

สำหรับการเข้าตรวจสอบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมมาตรฐานอุตสาหกรรมของภาครัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กไม่ได้มาตรฐานถูกนำไปใช้ในงานก่อสร้างที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในอนาคต

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568

(2 เม.ย. 68) ตำรวจภูธรภาค 5 ระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมกุมบุคคลตามหมายจับในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ.2568

วันอังคารที่ 1 เมษายน 2568 เวลา 13.00 น.พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมกุมบุคคลตามหมายจับ ในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ.2568 (ห้วงวันที่ 21-30 มี.ค.68) ดังนี้

1. การสืบสวนขยายผลปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้ค้าอาวุธปืนออนไลน์ของ ภ.5 จำนวน  4 เครือข่าย
2. ผลการสืบสวนขยายผลการจับกุมผู้ค้าอาวุธปืนออนไลน์ 4 เครือข่าย ในพื้นที่ ภ.5 จับกุมจำนวน 28 ราย 27 คนขยายผลในพื้นที่ ภ.2 จับกุมจำนวน 2  ราย 2 คน รวม 30  ราย 29 คน ของกลาง 21 รายการ
3.ผลระดมกวาดล้างอาวุธปืน On Ground ในพื้นที่ ภ.5 จับกุมจำนวน 356 ราย 334 คน ของกลาง 6 รายการ
4. สรุปผลระดมกวาดล้างอาวุธปืน Online และ On Ground ในพื้นที่ ภ.5 จับกุมจำนวน 61 คน
5. ผลการจับกุมบุคคลตามหมายจับ ทั้งหมด 1,409 หมาย แบ่งเป็นหมายจับ ตร. จำนวน 1,026 หมาย แยกเป็นหมายใน ภ.5 จำนวน 964 หมาย / นอก บช. 57 หมาย / หมายนอก 383 หมาย

โดยมี พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และ ผกก.สภ.พื้นที่ ร่วมแถลงผลการจับกุม ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ชั้น 2 อาคารตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีอุปสมบทหมู่ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี 

(2 เม.ย. 68) พล.ต.ต.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ 2 เมษายน 2568 ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 70 พรรษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้โครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล โดยวานนี้ เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชนาค พิธีมอบบาตรและผ้าไตร และพิธีบรรพชาอุปสมบท ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดโครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2568 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึงวันที่ 14 เมษายน 2568 รวมทั้งสิ้น 19 วัน โดยมีข้าราชการตำรวจเข้าร่วมโครงการ จำนวน 78 นาย ซึ่งหลังจากบรรพชาและอุปสมบทแล้ว วันที่ 3 – 13 เมษายน 2568 จะไปศึกษาพระปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรม ณ ศาลาปฏิบัติธรรมเตชะอิทธิพร วัดโบสถ์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เมื่อครบกำหนดโครงการมีพิธีลาสิกขาและแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ในวันที่ 14 เมษายน 2568 ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ทั้งนี้ นับเป็นโอกาสมหามงคลที่สำคัญอีกวาระหนึ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีและปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล และสืบทอดพระพุทธศาสนารักษาขนบธรรมเนียมประเพณี อันดีงามของไทย 

นาทีชีวิตแม่ช้างมือใหม่ของสวนนงนุชพัทยาตกลูกครั้งแรกเกือบไม่รอด เจ้าหน้าที่มีความพร้อมเลยช่วยชีวิตลูกช้างไว้ทัน

แม่ช้างชื่อพังมุกมีอาการเต้านมคัด มีน้ำนมไหลตลอดเวลาใกล้คลอดมาเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งแม่ช้างมีอาการร้อง และอาละวาดเนื่องมาจากแม่ช้างที่ยังไม่เคยมีลูกมาก่อนและในเวลา 23.00 น.ของคืนวันที่ 21 มีนาคม 2568 แม่ช้างคลอดลูกด้วยความเจ็บปวดและดูหงุดหงิด ในขณะที่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังช่วยดึงลูกช้างออกมาเพราะกลัวแม่ช้างจะเหยียบลูกตัวเอง จากนั้นช่วยกันเอาเมือกออกจากปากและงวง กระตุ้นการหายใจ ใช้ผ้าพยุงตัวให้ยืนขึ้น หลังจากนั้นนำลูกช้างคืนให้แม่ช้างอย่างปลอดภัย

ตามประเพณีของป้างช้างสวนนงนุช นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา จัดพิธีรับขวัญช้างเพื่อตอนรับสมาชิกใหม่ได้นิมนต์พระครูเกษมกิตติโสภณ เจ้าคณะตำบลภูตาหลวง วัดสามัคคีบรรพตมาประกอบพิธี 

โดยพิธีคล้องพวงมาลัยและสายสิน ลงแป้งเจิมหน้าผากแม่ช้างและลูกช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล
         
การจัดขบวนรับขวัญช้างประกอบไปด้วย ขบวนนางรำกว่า 50 คนและโขลงช้าง จำนวน 30 เชือก พร้อมกันนี้ท่านประสวนนงนุชพัทยา ตั้งชื่อให้น้องช้างว่า พังจุ๊บแจง นับเป็นช้างที่คลอดลำดับที่ 3 ของปีนี้ ปางช้างสวนนงนุชพัทยามีช้างในความดูแล 83 เชือก จึงถือได้ว่ามีความพร้อม และยังได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง จากกรมปศุสัตว์และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และทางป้างช้างสวนนงนุชพัทยาดีใจนาน ๆ ครั้งที่ได้ลูกช้าง 3เชือกภายใน 3 เดือน

ทายาท ‘รังสรรค์ ต่อสุวรรณ’ ออกมาชี้แจงกรณีนายหน้าขายตึก ‘สาทร ยูนีค’ ยืนยันยังไม่ได้ขายตึกในราคา 4 พันล้านบาท ตามที่เป็นข่าว

(2 เม.ย. 68) จากกรณีมีนายหน้ารายหนึ่ง โพสต์ข้อความว่า ปิดดีลขายตึก ‘ตึกสาทร ยูนีค’ ที่ร้างมานาน ได้แล้ว ซึ่งขายได้ในราคา 4 พันล้านบาท ก่อนที่โพสต์ดังกล่าวจะถูกลบออกไป สร้างความฉงนให้กับชาวเน็ตบนโลกโซเชียล

ล่าสุด เฟซบุ๊ก Tampote Torsuwan หรือคุณตามโพธ ต่อสุวรรณ ลูกของ อ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ เจ้าของตึกตัวจริง ออกมาโพสต์ถึงกรณีนี้ว่า คุณพ่อไม่ได้เป็นผู้ประกาศขายตึกสาทรยูนีคตามที่หลายคนเข้าใจผิดกัน

ตึกสาทรยูนีคนี้มีข้อพิพาทและคดีความมากมาย โดยผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่มีลักษณะของการฉ้อฉล ซึ่งการยึดทรัพย์ภาคเอกชนถูกถ่ายโอนไปยังองค์กรข้ามชาติแล้วฟอกทรัพย์กลับมาเข้ามือกลุ่มทุนสามานที่มีอำนาจในประเทศนี้ อีกทั้งยังกล่าวถึงการต่อสู้ของคุณพ่อและคุณแม่ที่ยาวนานร่วม 30 ปีในการต่อสู้กับกระบวนการดังกล่าว

นอกจากนี้ หัวใจสำคัญที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ ห้องชุดในตึกนี้ได้ถูกขายไปแล้วมากกว่า 90% ตั้งแต่เปิดขายเมื่อกว่า 30 ปีที่ผ่านมา และกลุ่มทุนสามานนี้ไม่ได้แค่ปล้น Developer เท่านั้น แต่ยังปล้นผู้ซื้อทุกคนผ่านการโอนถ่ายทรัพย์ไปมาเพื่อทำให้ตึกนี้กลายเป็นตึกเปล่าที่ไม่มีใครสามารถซื้อได้อย่างแท้จริง จนกลายเป็นตึกที่ดูเหมือนจะไม่มีเจ้าของแม้จะมีห้องชุดที่ขายไปแล้วมากมาย

สุดท้าย คุณตามโพธ ต่อสุวรรณ ได้เน้นย้ำว่าเรื่องราวการต่อสู้ของคุณพ่อและคุณแม่ยังคงดำเนินต่อไป และมั่นใจว่ามันจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ “การประกาศขายไม่ได้มาจากคุณพ่อ และท่านไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับใครเกี่ยวกับตึกนี้ในการขาย” เขากล่าว พร้อมกับเสริมว่า ช่วงระยะหลังคุณพ่อสุขภาพไม่ค่อยดี และท่านพักผ่อนเสียเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ขอให้ชาวเน็ตที่รับข่าวสารนี้ใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวและเข้าใจสถานการณ์อย่างละเอียด โดยเฉพาะกับตึกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 30 ปี หากปัญหาตึกนี้มันสามารถจบได้ง่ายๆ คงไม่กลายเป็น “อนุสาวรีย์ต้มยำกุ้ง” มานานขนาดนี้

นักวิชาการด้านแผ่นดินไหว ชี้ เหตุอาคาร สตง.ถล่ม ไม่ได้เป็นเพราะสาเหตุทางวิศวกรรมอย่างเดียว

(2 เม.ย. 68) ดร.ไพบูลย์ นวลนิล นักวิชาการด้านแผ่นดินไหว โพสต์เฟซบุ๊ก Namom Thoongpoh ถึงกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างถล่ม ว่า “สาเหตุอาคาร สตง. ถล่ม ไม่ได้เป็นเพราะเหตุทางวิศวกรรมอย่างเดียว แต่เป็นเพราะต้นกำเนิดแผ่นดินไหวที่มีแนวพังทลายซูเปอร์เชียด้วยนะครับ”

สมุทรปราการ- 'พระครูแจ้' จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา ถวายเป็นพระราชกุศล กรมสมเด็จพระเทพฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 เมษายน 2568 ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานดำเนินการ จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา ถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ

โดยในปี 2568 นี้ มีผู้ขออุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุ จำนวน 19 องค์ ซึ่งทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้เป็นเจ้าภาพในการบรรพชาอุุุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติกรมสมเด็จพระเทพฯ ตลอดทุกปี มีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการตำรวจ นักธุรกิจ และประชาชนเข้าร่วมบรรพชาอุปสมบทหมู่ในครั้งนี้ โดยมี นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี เป็นนาคเอก และนายเลิศศักดิ์ เลิศอริยานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อริยะอีควิปเม้นท์ จำกัด เป็นนาคโท  

จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลและประชาชนจำนวนมากได้ร่วมกันโห่ร้องแห่นาครอบอุโบสถ จำนวน 3 รอบ ก่อนนำนาคเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ โดยได้รับความเมตตาจาก พระธรรมสุธี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ 

ทั้งนี้ นายฉะโอด รุ่งเรือง ที่ปรึกษานายก อบจ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก (อบต.) ตำบลบางพลีใหญ่ ตลอดจน ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี ไวยาวัจกร ตัวแทนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 2 สมุทรปราการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ ผอ.โรงพยาบาลสมุทรปราการ คณะแพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลบางพลี โรงพยาบาลบางจาก และเครือญาติตลอดจนประชาชนเข้าร่วมพิธีกันอย่างเนื่องแน่น

กฟผ. – มูลนิธินายช่างไทยฯ เตรียมนำทีมวิศวกรลงพื้นที่ ตรวจสอบโครงสร้างอาคารโรงเรียน สพฐ. หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว

(1 เม.ย. 68) กฟผ. จับมือ มูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา จัดอบรมความพร้อมวิศวกรและช่างอาสา กฟผ. ก่อนเริ่มลงพื้นที่ 4 – 5 เมษายน 2568 นี้ เพื่อตรวจสอบโครงสร้างอาคารโรงเรียน สพฐ. ที่ได้รับผลกระทบเบื้องต้น 130 โรงเรียนในพื้นที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และสมุทรสงคราม หวังฟื้นฟูอาคารเรียนที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะประธานมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา เผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ศูนย์กลางประเทศเมียนมา ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนในหลายพื้นที่ของไทยได้รับความเสียหาย ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก รวมทั้งโรงเรียนภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กฟผ. จึงร่วมกับมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา เตรียมนำทีมวิศวกรและช่างอาสา กฟผ. กว่า 200 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้างอาคารเรียนของ สพฐ. เบื้องต้น จำนวน 130 โรงเรียน ใน 7 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครปฐม ระหว่างวันที่ 4 - 5 เมษายน 2568 นี้ หวังฟื้นฟูเพื่อให้ครู นักเรียนกลับเข้าเรียนและสอบได้โดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ กฟผ. และมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา เตรียมจัดอบรม “แนวทางการตรวจสอบอาคาร หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว เพื่อเตรียมพร้อมก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบโรงรียนในสังกัด สพฐ.” ให้กับทีมวิศวกรและช่างอาสา กฟผ. โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ศาสตราจารย์ ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และนายวสวัตติ์ กฤษศิริธีรภาคย์ เลขาธิการมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา และอดีตนายกสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร เพื่อให้วิศวกรและช่างอาสา กฟผ. ทุกคน ได้รับความรู้ ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และสามารถตรวจสอบสภาพอาคารที่ผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้อย่างถูกต้อง ในวันพุธที่ 2 เมษายน 2568 ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 3 อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 

“กฟผ. ขอขอบคุณ วิศวกร และช่างอาสา ทุกท่านที่ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้างอาคารโรงเรียน สพฐ. ในครั้งนี้ และ กฟผ. ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ เคียงข้างคนไทยทุกวิกฤต” นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าว

“พล.ต.อ.กรไชยฯ” ตรวจสอบอาคารที่ทำการ สตม. และ บช.สอท. รวมทั้ง อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการ สตม. สร้างความเชื่อมั่นให้กับตำรวจและผู้ติดต่อราชการ

(1 เม.ย. 68) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ได้ร่วมสำรวจความเสียหายของอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ (อาคาร 30 ชั้น) ที่ทำการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี และอาคารที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ จากกรณีเเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. , พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. , พล.ต.ต.สมิทธิ สุวรรณสุขโรจน์ ผู้บังคับการกอง
โยธาธิการ และคณะผู้เชี่ยวชาญ ร่วมตรวจสอบ

นอกจากนี้ วานนี้ (31 มีนาคม 2568) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กรไชยฯ พร้อมคณะ ได้ร่วมตรวจสอบอาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคาร 32 ชั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ต.ภาณุวัฒน์ ร่วมรักษ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง , ผู้บังคับการกองโยธาธิการ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบ

พล.ต.อ.กรไชยฯ กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่สำรวจอาคารที่ทำการและที่พักอาศัย หน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ผู้ที่พักอาศัยในอาคาร และประชาชนที่ติดต่อราชการต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top