Friday, 9 May 2025
NEWS FEED

‘เทพไท’ ชี้ ‘สุพัฒนพงษ์ - อาคม’ ไม่เข้าใจชีวิตคนยากจนในชนบท ทั้งลำบากในการซื้อสมาร์ทโฟน และขั้นตอนยุ่งยากในการลงทะเบียน แนะรัฐใช้ระบบการเยียวยา 2 ประเภท ผ่านแอพพลิเคชั่นและใช้แบบฟอร์มของราชการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว มีข้อความว่า ตนได้ฟังการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรี 2 ท่านในรัฐบาลชุดนี้ พูดถึงการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น โครงการ เราชนะ เพื่อรับเงินเยียวยาจากผลกระทบของการระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ได้พูดถึงประชาชนระดับรากหญ้า ที่ไม่สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นได้ เพราะ ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ที่จะใช้กับสมาร์ทโฟนได้

ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า “เดี๋ยวนี้ราคาโทรศัพท์ก็ไม่แพง คิดว่าคนไม่มีโทรศัพท์ไม่น่าจะเยอะ โครงการนี้ครอบคลุมประชาชน 31 ล้านคน ถ้า 2 ล้านคนไม่มีโทรศัพท์ ก็แสดงว่า 90% ได้ประโยชน์ไปแล้ว อีก 2 ล้านคนที่เหลือ ก็จะต้องมาดูแล”

และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า “การแจกเงิน 3,500 บาท จะต้องใช้จ่ายผ่านแอพฯ เป๋าตัง อย่างเดียวเท่านั้น เพราะต้องการสนับสนุนสังคมไร้เงินสด ส่วนคนไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เชื่อว่าจะเป็นส่วนน้อย เพราะบางส่วนก็ถือบัตรสวัสดิการอยู่แล้ว แต่หากใครไม่มีก็ต้องขอรบกวน เพราะตอนนี้ราคาไม่แพงแล้ว”

ถ้าพิจารณาดูจากคำให้สัมภาษณ์ของทั้ง 2 ท่านแล้ว จะเห็นได้ว่าบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่าน ไม่ได้เป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในสังคมเมือง เป็นนักธุรกิจ มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูง และเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงไม่มีโอกาสสัมผัสชีวิตประชาชนในพื้นที่ชนบท

จึงไม่เข้าใจว่าคนยากคนจนในชนบท มีความยากลำบากในการจะซื้อโทรศัพท์มือถือชนิดที่ทันสมัยใช้ระบบสมาร์ทโฟนได้ เพราะมีราคาค่อนข้างสูง และแม้ว่าจะมีแล้วก็ตาม ก็ยังไม่มีสามารถใช้ระบบสมาร์ทโฟนได้ เพราะมีขั้นตอนยุ่งยากมากมายในการลงทะเบียน และพบว่าบางคนก็ยังใช้โทรศัพท์ไม่เป็น

จึงอยากจะให้ ผู้บริหารระดับรัฐมนตรีได้เข้าใจถึงชีวิตความเป็นจริงของคนในชนบทด้วย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลอาจจะใช้ระบบการเยียวยาออกเป็น 2 ประเภท คือประเภทลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น กับการลงทะเบียนตามแบบฟอร์มของทางราชการตามปกติ แล้วค่อยนำไปคีย์ข้อมูลลงในระบบของกระทรวงการคลังภายหลัง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนคนรากหญ้า ได้รับโอกาสเยียวยาจากรัฐบาลอย่างเท่าเทียมกัน

รมว.พาณิชย์ เร่งหามาตรการเชิงรุกช่วยเหลือชาวไร่กระเทียม 9 จังหวัดภาคเหนือ กรณีที่มีพ่อค้ากดราคาหรือตกเขียวกระเทียม และการซื้อขายล่วงหน้าในราคาต่ำส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน

นายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในนำเรื่องร้องเรียนกรณีที่มีพ่อค้ากดราคาหรือตกเขียวกระเทียม หรือการซื้อขายล่วงหน้าในราคาต่ำส่งผลให้เกษตรกร ได้รับความเดือดร้อน

ซึ่งนายสมบัติ ยะสิน อดีต ส.ส. แม่ฮ่องสอน พรรคประชาธิปัตย์ และนายขยัน วิพรหมชัย อดีตนายกเทศมนตรี ลำพูน มาหารือ และได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเร่งรัดหามาตรการเชิงรุกเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรทั้งในจังหวัดเชียงใหม่เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และอุตรดิตถ์

โดยเร่งดำเนินมาตรการการคุ้มครองไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบ ให้มีราคาดีขึ้นกว่าราคาตกเขียว พร้อมสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดดำเนินการประสานงาน ติดตามสอดส่องตลาดทุกระดับ ทั้งตลาดระดับจังหวัด ห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดในภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้นายจุรินทร์ จะเดินทางไปประชุมและพบกับเกษตรกรรวมทั้งผู้ประกอบการเพื่อขับเคลื่อนและแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตนเองในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2563 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

ประชาชนลุ้นกระทรวงการคลัง ทำโครงการคนละครึ่งเฟสสาม รอบใหม่ช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.64 แย้มหากเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองยังไม่ดีก็อาจพิจารณาโครงการ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะยังไม่ขยายเวลาหรือเพิ่มจำนวนลงทะเบียนคนละครึ่งเฟสสองออกไป รวมถึงจะไม่มีการเปิดให้ลงทะเบียนรอบเก็บตกเพิ่มเติมด้วย ส่วนการเปิดคนละครึ่งรอบใหม่จะต้องรอฝ่ายนโยบายพิจารณาก่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีประชนชนเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยทำโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดค่าครองชีพในช่วงที่เกิดไวรัสโควิด-19ระบาด

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีข้อเรียกร้องการเปิดลงทะเบียนอีกรอบว่า กระทรวงการคลังจะดูก่อนว่าโครงการคนละครึ่งเฟสสามทำได้หรือไม่ เพราะต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดก่อน รวมทั้งดูเศรษฐกิจในประเทศว่ามีความคึกคักแค่ไหน เบื้องต้นถ้าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองยังไม่ดีก็อาจพิจารณาโครงการ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น

สำหรับการลงทะเบียนคนละครึ่งรอบใหม่ ล่าสุดยังไม่มีข้อสรุปจากกระทรวงการคลังออกมาว่าจะทำได้หรือไม่ จะต้องรอจบโครงการรอบนี้ 31 มี.ค.63 ก่อน และจึงจะพิจารณาเปิดเพิ่มเติมใหม่ช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.64 ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมอีกครั้ง

‘อ.นิด้า’ โพสต์เฟซบุ๊กเรียกสติคนรุ่นใหม่ อย่าหลงเชื่อรัฐบาล ‘ผูกขาด’ สั่งซื้อวัคซีนบ.สยามไบโอไซนส์ ซึ่งเป็นของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พร้อมเผย ‘แอสตร้าฯ’ เลือก ‘สยามไบโอฯ’ ไม่ใช่รัฐจิ้มเอง

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Warat Karuchit ว่า...

คนจำนวนหนึ่ง ที่หลายคนเป็นคนรุ่นใหม่ ควรจะมีความรู้ หาข้อมูลเองได้ แต่กลับไปเชื่อข้อมูลที่มีคนพยายามปั่นตามๆกันว่า รัฐบาลผูกขาด สั่งซื้อวัคซีนกับ บ.สยามไบโอไซนส์ ซึ่งเป็นของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งๆที่ความจริงคือ

1. "คนขาย ไม่ได้เป็นสยามไบโอไซนส์" :  รัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนจาก บ.แอสตร้า เซเนก้า ซึ่งก็ยังต้องสั่งตรงกับทางแอสตร้า จนกว่าบ.สยามไบโอไซนส์ จะผลิตเองได้

2. "แอสตร้า เซเนก้า เลือกสยามไบโอไซนส์เอง" : ไม่ใช่รัฐบาลเลือก รัฐบาลเสนอไปหลายแห่ง แต่ แอสตร้า เซเนก้า เลือกเพียงแห่งเดียว เพราะมีศักยภาพสูงพอจะผลิตได้ เนื่องจากสยามไบโอไซนส์ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเรื่องการผลิตวัคซีน

3. "ผลประโยชน์ต่อสาธารณะ ไม่ใช่ส่วนตัว" : อีกเหตุผลสำคัญที่แอสตร้า เซเนก้า เลือกสยามไบโอไซนส์ เพราะแม้ว่าเป็นบริษัทเอกชน แต่เป็นเอกชนที่ไม่หวังผลกำไร ทำให้ขาดทุนมาตลอด แต่เป็นพระราชปณิธานของในหลวง ร.9 ที่จะสร้างรากฐานทางการแพทย์ โดยมีความคล่องตัวในการบริหารแบบเอกชน ไม่ต้องขึ้นกับนโยบายหรือผู้บริหารภาครัฐ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของ Oxford ผู้คิดค้นวัคซีน ว่าบริษัทที่ผลิตวัคซีนสูตรนี้ ต้องไม่ทำกำไร แต่ก็ไม่ขาดทุน  (No Profit, No Loss) คือต้องขายเท่าทุน เพื่อไม่ให้แพงเกินไป และบริษัทอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Oxford ร่วมงานกับแอสตร้า เซเนก้า เพราะยอมรับหลักการนี้

ดังนั้นแม้ว่าในเฟสต่อๆไป เมื่อสยามไบโอไซนส์ผลิตวัคซีนเองได้แล้ว รัฐบาลจะสั่งต่อโดยตรงกับสยามไบโอไซนส์ ก็ยิ่งมีแต่ผลดี เพราะได้ราคาเดิม ไม่มีการโก่งราคาแน่นอน และสะดวกรวดเร็วเพราะผลิตในประเทศได้เอง รวมทั้งมีความมั่นคงยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย เพราะกลายเป็นเราผลิตวัคซีนได้เองประเทศเดียวในอาเซียน นับเป็นโชคอย่างมหาศาลของคนไทยอย่างไม่รู้จะว่ายังไงอีกแล้ว

ส่วนเงินที่รัฐบาลอุดหนุนสยามไบโอไซนส์เพิ่มเติมห้าร้อยกว่าล้าน ก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะ 1. นำไปพัฒนาศักยภาพในการผลิตให้สูงยิ่งขึ้น รองรับเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตวัคซีนนี้ 2. เงินก้อนนี้ ประชาชนไทยจะได้คืนมาในรูปแบบของวัคซีน ในราคาเท่าทุน เรียกว่ามีแต่ Win-Win

ส่วนใครที่มัวจับผิดเรื่องไม่ต้องมีดอกเบี้ย ผมว่าคุณก็ใจต่ำไปแล้ว อย่างที่บอกว่า เงินทุกบาทของบริษัทนี้ ก็นำมาพัฒนาและผลิตวัคซีนที่อาจช่วยคุณ พ่อแม่ ปู่ย่าตายายคุณได้ เป็นบริษัทไทยที่เราควรภาคภูมิใจและต้องเอาใจช่วยบริษัทนี้ ไม่ใช่หาเรื่องจับผิดด้วยอคติ

เรียกว่าสยามไบโอไซเอนซ์ สถานภาพอาจเป็นเอกชน แต่เป็นบริษัทเอกชนที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ 100% ซึ่งในประเทศไทย (หรือแม้กระทั่งในอาเซียน) ก็คงมีเพียงบริษัทเดียวนี่แหละที่ทำแบบนี้ได้ คือทั้งมีศักยภาพสูงพอ และไม่แสวงหากำไร และนี่ก็เป็นพระวิสัยทัศน์ของคนบนฟ้า เป็นอีกหนึ่งในมรดกที่นับไม่ถ้วนที่พระองค์ทิ้งไว้ให้กับพวกเราทุกคน

ปล. แล้วถ้าจะกล่าวหาว่าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ได้ประโยชน์จากดีลนี้ (ซึ่งไม่มีเลย) ลองกดหาข่าวดู แล้วจะทราบว่าตั้งแต่ครองราชย์มาไม่กี่ปี ในหลวงและพระราชินี ทรงบริจาคพระราชทรัพย์เพื่อการแพทย์ไปแล้วหลายพันล้านบาท ทั้งหมดเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนไทยทั้งสิ้น


ที่มา: เฟซบุ๊ก Warat Karuchit

‘กอ.รมน.’ ยืนยัน ไม่มีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. อุ้ม ‘เยล’ การ์ดราษฎร ตามที่กล่าวอ้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมการเอาผิดในข้อหาแจ้งความเท็จเพื่อดำเนินคดีต่อไป

พล.ต. ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายมงคล สันติเมธากุล หรือ เยล การ์ดราษฎร อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่จากกอ.รมน.อุ้มไปเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ตามที่มีภาพข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆนั้น ว่า

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ตามจุดต่างๆ รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสของกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ภายหลังการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งช่วงก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ รวมทั้งสอบสวนพยานบุคคลและพยานแวดล้อมโดยรอบ พบว่าสมาชิกกลุ่มการ์ด ที่อ้างว่าถูกกักตัวได้อยู่เพียงลำพังตลอดทั้งคืน จึงยืนยันได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีอยู่จริงตามที่ได้กล่าวอ้างแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมการ เอาผิดในข้อหาแจ้งความเท็จเพื่อดำเนินคดีต่อไป

“กอ.รมน. ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด จากการกล่าวหาข้างต้น” พล.ต.ธนาธิป กล่าว

ทั้งนี้ กอ.รมน. ขอประชาสัมพันธ์กับประชาชนที่ติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะทางสื่อโซเชียล ขอให้มีการรับฟังอย่างรอบคอบในทุกๆด้าน ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และอาจทำให้หน่วยงานรัฐ เกิดความเสียหาย และจะทำให้เกิดผลกระทบต่อตนเองในภายหลังได้

กรมการขนส่งทางราง เคาะค่าโดยสารรถไฟสายสีแดง ทั้ง 2 เส้น คือ สายตลิ่งชัน-บางซื่อ และสายบางซื่อ- รังสิต จะจัดเก็บค่าโดยสารในอัตรา 14 – 42 บาท โดยจะมีการนำเสนอคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย เห็นชอบต่อไป

กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต-บางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือถึงกรณีการกำหนดอัตราค่าโดยสาร เบื้องต้น ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง ทั้ง 2 เส้น คือ สายตลิ่งชัน-บางซื่อ และสายบางซื่อ- รังสิต จะจัดเก็บค่าโดยสารในอัตรา 14 – 42 บาท ซึ่งขั้นตอนจากนี้ จะมีการนำเสนอคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เห็นชอบต่อไป

นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า การกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟสายนี้ จะกำหนดอัตราแรกเข้าและอัตราค่าโดยสารต่อกิโลเมตร เพื่อให้ได้อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรมไม่เป็นภาระต่อประชาชน และไม่เป็นภาระหนี้สินต่อ รฟท. ในอนาคต

ทั้งนี้ในความคืบหน้าของโครงการนั้น กระทรวงคมนาคมจะเปิดทดลองการเดินรถเสมือนจริง ในเดือนมี.ค.2564 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ รฟท. เตรียมความพร้อมรองรับ การเปิดทดลองการเดินรถเสมือนจริงในเดือนมี.ค.2564 และการเปิดทดลองให้บริการแบบไม่จัดเก็บค่าโดยสาร ในเดือนก.ค. –ต.ค.2564 และการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนพ.ย.2564

ประธานก้าวหน้า พร้อมบวก หลังถูกแจ้งความการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คดีอาญา มาตรา 112 และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีวัคซีน ชี้ต่อให้ดิสเครดิตหรือเอาคดีความมาก่อกวนมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ข้อสงสัยที่ผมตั้งไว้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีถูกแจ้งความการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คดีอาญา มาตรา 112 และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีวัคซีนว่า…

ทำไมรัฐต้องรับหน้าแทนบริษัทเอกชนมากขนาดนี้ ยอมรับแล้วหรือไม่ว่า เราให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทเอกชนนี้จริงๆ ถ้าอยากจบเรื่องนี้ก็ต้องชี้แจงด้วยเอกสาร-หลักฐานให้กระจ่าง โดยผมขอให้เปิดเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น...

1.สัญญาจ้างผลิตระหว่าง AstraZeneca กับ Siam Bioscince ว่าตกลงแล้วจะรับผลิตกี่โดส ราคาต้นทุนการผลิตของบริษัทเท่าไหร่ ราคาขายให้ AstraZeneca เท่าไหร่ มีรายละเอียดในสัญญาอย่างไรบ้าง

2. สัญญารับงบประมาณระหว่างสถาบันวัคซีนแห่งชาติกับ Siam Bioscience ว่ามีรายละเอียดเงื่อนไขอย่างไร มีมูลค่าเท่าไหร่กันแน่ และเอาไปใช้ทำอะไร ตรงตามที่เคยแถลงไว้หรือไม่

3. บันทึกการประชุมของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติและเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการวางเงื่อนไข คุณสมบัติ และรายละเอียดของเอกชนที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐในการผลิตวัคซีน เพื่อให้ประชาชนแน่ใจว่าการเลือกสนับสนุน Siam Bioscience เป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้องตามหลักการ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

“ยิ่งเปิดเผยมากยิ่งโปร่งใส” นายธนาธร ระบุ

นอกจากนี้ นายธนาธร ยังได้ทิ้งท้ายอีกว่า “ผมเห็นด้วยทุกประการที่รัฐหรือเอกชนไทยจะได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อผลิตวัคซีน แต่ผมตั้งคำถามถึงกระบวนการคัดเลือกเอกชน การใช้ประเด็นเรื่องวัคซีนมาสร้างความนิยมทางการเมือง และวิธีการบริหารจัดการที่ไม่มีการกระจายความเสี่ยง ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนช้าและครอบคลุมประชากรน้อยกว่าประเทศอื่น ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า หากยึดตามไทม์ไลน์ของรัฐบาล กว่าเราจะกลับทำมาหากินได้ตามปกติไม่ต้องเปิดๆ ปิดๆ แบบนี้ ก็อย่างน้อยปี 2565 ซึ่งประชาชนรอไม่ไหว”

มาเลเซียประกาศล็อคดาวน์เมืองสำคัญไปกว่า 1 อาทิตย์ แต่ยอดผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสยังไม่มีทีท่าลดลง ล่าสุดยอดผู้ป่วยสะสมใกล้แตะหลัก 2 แสนรายแล้ว

หลังจากรัฐบาลมาเลเซียประกาศล็อคดาวน์ MCO 2.0 รวมทั้งประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินมาแล้ว 1 สัปดาห์ แต่ยอดผู้ติดโควิด - 19 รายใหม่ยังไม่มีทีท่าจะลดลง

โดยวันนี้ยอดพุ่งไป 4,000 กว่า ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสม ณ วันนี้เกือบ 170,000 รายแล้ว เสียชีวิตเพิ่ม 11 ราย รวมเสียชีวิตแล้วทั้งหมด 630 ราย

รัฐที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในประเทศอยู่ที่รัฐสลังงอร์ คือ 1,391 ราย ส่วนใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ (KL) อยู่อันดับสอง 513 ราย

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาตรการ Home Quarantine 101 สำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิด – 19 ที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยให้พักรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน โดยจะมีบุคลากรทางการแพทย์คอยให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนเอง และผู้ป่วยจะต้องรายงานอาการอาการผ่านทางแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า MySejahtera เป็นประจำทุกวัน


Credit Info: KKM

ผิงกั่ว รายงานจากกัวลาลัมเปอร์

ทันทีที่ ‘กลุ่มไทยภักดี’ ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้จัดตั้งพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณี ‘กลุ่มไทยภักดี’ ตั้งพรรคการเมืองทันที

“การตั้งพรรคโดยชูเรื่องปกป้องสถาบันกษัตริย์ ไม่ว่าหวังดีต่อสถาบันฯ หรืออ้างเพื่อทำลายผู้อื่น แต่ทั้งหมด คือ การนำสถาบันฯ เข้ามาอยู่ใน ‘แดนทางการเมือง’ หากประชาชนเลือกพรรคนั้นน้อย จะหมายความอย่างไร?

การปกป้องสถาบันฯ ที่ถูก ต้องช่วยกันรักษาสถานะความเป็นกลางทางการเมืองของสถาบันฯ”

หลังจากข้อความจากนายปิยบุตรถูกโพสต์ขึ้นได้ไม่นาน ด้าน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ‘ดร.นิว’ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความบนฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan สวนกลับสิ่งที่นายปิยบุตรได้ดึงสถาบันฯ เข้ามาเกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวโดยทันที...

#เมื่อไหร่ปิยบุตรจะหยุดบิดเบือน

คนรกโลกและหนักแผ่นดินอย่างนายปิยบุตร ไม่ทำอะไรนอกจากบิดเบือนโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ และคอยยุยงปลุกปั่นเพื่อปลุกม็อบล้มเจ้า ยัดเยียดความแตกแยกให้คนไทยทะเลาะกันเอง บั่นทอนความมั่นคงของประเทศชาติให้ระส่ำระสายไปวันๆ

สถาบันพระมหากษัตริย์ในต่างประเทศมีบทบาทในการบริหารราชการแผ่นดินมากกว่าประเทศไทยเสียอีก แต่นายปิยบุตรกลับไม่เคยพูดถึงเลยแม้แต่นิดเดียว

พระมหากษัตริย์ไทยเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญซึ่งไม่ได้มีพระราชอำนาจ (Royal prerogative) อย่างที่มีปรากฏในรัฐธรรมนูญของประเทศอื่นๆ ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานการแนะนำ, การส่งเสริม และการตักเตือนแก่รัฐบาล ซึ่งตามรูปแบบปกติโดยทั่วไป นายกรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีจะต้องเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรายงานการทำงาน และรับฟังคำปรึกษาแนะนำจากพระมหากษัตริย์เป็นประจำ (อังกฤษ, เบลเยียม, นอร์เวย์, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, เดนมาร์ก, สเปน)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศนอร์เวย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีจะต้องเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรายงานการทำงาน และรับฟังคำปรึกษาแนะนำจากพระมหากษัตริย์นอร์เวย์รวมถึงองค์รัชทายาทเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่คนไทยกลับไม่เคยเห็นภาพอะไรแบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย อีกทั้งพระราชอำนาจและบทบาทสำคัญแบบนี้มักถูกบิดเบือนใส่ร้ายให้ดูเป็นเรื่องที่ผิดปกติและไม่เหมาะสมเสียด้วย ทั้งหมดเป็นเพราะลัทธิรัฐธรรมนูญตั้งแต่คณะราษฎรในอดีตเรื่อยมาจนถึงนายปิยบุตรในปัจจุบัน คอยยัดเยียดชุดความคิดบิดเบือน บั่นทอนความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ ลิดรอนพระราชอำนาจและบทบาทอันพึงมีตามปกติของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

สถาบันพระมหากษัตริย์ในต่างประเทศเขาก็มีรายได้และธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป สถาบันพระมหากษัตริย์เกือบทุกประเทศในโลกมีธุรกิจเป็นของตัวเองแทบทั้งสิ้น แล้วการที่สถาบันพระมหากษัตริย์ในแต่ละประเทศร่ำรวยไม่เท่ากันก็เป็นเพราะภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และพระราชวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกัน ในแง่นี้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยดูเหมือนจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไป นั่นก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ช่วยเหลือประชาชน คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขและอยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด แต่ด้วยเจตนาอันโสมมของนายปิยบุตร นายปิยบุตรจึงไม่เคยพูดถึงความดีของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเลยแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่โบราณกาลนานมาตลอดจนถึงการสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์จำนวนมากของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนและรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

นับได้ว่ามีเรื่องสำคัญอยู่ 2 เรื่องที่นายปิยบุตรไม่เคยพูดถึง 1.ความดีของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย 2. ความชั่วช้าสามานย์ของคณะราษฎร พฤติกรรมของนายปิยบุตรจึงมีแต่กัดเซาะบ่อนทำลายให้สถาบันพระมหากษัตริย์เหินห่างจากประชาชน ทั้งๆ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นผู้วางรากฐานของชาติและระบอบประชาธิปไตยเพื่อประชาชนมาตั้งแต่ต้น

สิ่งที่ปิยบุตรทำมาทั้งหมดจึงเป็นไปเพื่อสร้างความแตกแยก บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติและประชาชน พยายามยัดเยียดทำให้พระมหากษัตริย์กลายเป็นนักโทษ ตลอดจนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ลงในที่สุด

ในเมื่อนายปิยบุตรถูกเปิดโปงซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาจนถึงขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่หยุดสำรอกกำพืดชั่วๆ ออกมาอีก เมื่อพูดจากันดีๆ ด้วยหลักการและความจริงไม่รู้เรื่อง ถ้าเจอนายปิยบุตรที่ไหน ตบมันที่นั่นเลยดีไหมครับ?


ที่มา: เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan

อ้างอิง:

https://www.express.co.uk/.../queen-elizabeth-ii-news...

https://thecrownchronicles.co.uk/.../queen-conducts.../

https://www.newmyroyals.com/.../king-carl-gustaf-and...

https://www.newmyroyals.com/.../king-willem-alexander-and...

https://www.royalcourt.no/artikkel.html?tid=30068

https://www.businessinsider.com/royal-family-net-worth...

https://brandinside.asia/private-bank-war-lgt-open.../

https://maroc.mom-rsf.org/.../owner/owner/show/royal-family/

‘หมอวรงค์’ ประกาศตั้งพรรค "ไทยภักดี" รวบรวมเครือข่ายผู้จงรักภักดี มีภารกิจสำคัญปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ถูกรังแกจากผู้ไม่หวังดี ประกาศสู้กับพรรคก้าวไกล กลุ่มก้าวหน้า และม็อบสามนิ้ว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แถลงข่าวการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ชื่อพรรคไทยภักดี ผ่านเพจ ไทยภักดี ประเทศไทย และเพจ Warong Dechgitvigrom มีเป้าหมายเพื่อพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องด้วยที่ผ่านมา มีกลุ่มคนไม่หวังดีต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่องพร้อมส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งต่อไปทุกพื้นที่ทุกเขตทั่วประเทศ

นพ.วรงค์ เปิดเผยว่า การเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ ชื่อพรรคไทยภักดี วันนี้ เกิดขึ้น 5 เดือนหลังจากที่เปิดตัว "กลุ่มไทยภักดี" เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2563 ซึ่งจุดประสงค์กลุ่มขณะนั้น เพื่อเป็นองค์กรกลางในการรวบรวมประชาชนผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

"การรวมเป็นกลุ่มไม่เพียงพอ จุดยืนเราชัดเจน เราจะสู้กับ 3 กลุ่มนี้ เราจะสู้กับพรรคก้าวไกล กลุ่มก้าวหน้า ม็อบสามนิ้ว นี่คือจุดยืนที่ชัดเจนของการประกาศจัดตั้งพรรคไทยภักดี" นพ.วรงค์กล่าว

ทั้งนี้ การจัดตั้งพรรคอยู่บนพื้นที่ฐานความเชื่อว่า สังคมไทยจะดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ร่วมกับนักการเมืองที่มีคุณธรรม แม้เราจะมีสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่นักการเมืองไม่มีคุณธรรม ประเทศชาติก็วุ่นวาย

นพ.วรงค์ กล่าวว่าพรรคไทยภักดีมีเป้าหมายไม่ต่างจากกลุ่มไทยภักดี คือ การใช้กฎหมายรวมทั้งกฎหมายอาญามาตรา 112 ดำเนินคดีกับผู้จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ และนำความจริงบอกกับประชาชน ซึ่งเจตนาของการตั้งพรรคการเมืองเพื่อต้องการมีเครือข่ายให้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ เนื่องจากหากต่อสู้ในนามกลุ่มแม้จะคล่องตัวแต่มีข้อจำกัด

พรรคไทยภักดีตั้งใจจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในทุกเขตทั่วประเทศในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งยังต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน

สำหรับโครงสร้างของพรรคไทยภักดี นพ.วรงค์ จะยังเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค จนกว่าจะมีการประชุมใหญ่อย่างเป็นทางการ และขอไม่เปิดเผยรายชื่อว่าที่กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พรรค ในตอนนี้ แต่ยืนยันว่าประกอบไปด้วยบุคคลมากหน้าหลายตา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top