Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

‘โฆษกพรรคก้าวไกล’ จี้ ‘สุพัฒนพงษ์’ รีบแจงรายละเอียดเยียวยาให้ชัด หวั่นตกหล่น ล่าช้า ซ้ำรอยรอบแรก

นาย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า แม้ไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถ ใช้สิทธิในโครงการ ‘เราชนะ’ ได้ หลังจากมีคนจำนวนมากเป็นห่วงว่า ประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในโครงการ

โดยยืนยันว่า ตอนที่ทำแผนกัน ทีมงานคิดละเอียดทุกเรื่องเพื่อไม่ให้คนที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือตกหล่นไปและได้วางรูปแบบไว้แล้วสำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ตนจึงอยากขอให้ชี้แจงรายละเอียดให้ชัดๆว่าหากไม่มีมือถือสมาร์ทโฟนจะให้ทำอย่างไร ซึ่งที่จริงเรื่องแบบนี้ไม่ควรต้องชี้อแจงกันหลายครั้ง หรือให้ประชาชนต้องเสียเวลามาคอยตามการชี้แจงกันรายวันหรือเมื่อกระแสสังคมวิพากษณ์วิจารณ์แค่ออกมาบอกว่าคิดไว้แล้วแบบนี้ก็ไม่พอ สิ่งที่คิดคืออะไร ประชาชนต้องทำอย่างไรบ้างต้องออกมาทันทีเพราะเขารอคอยคำตอบอยู่

นอกจากนี้ นายณัฐชา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า มาตราการเยียวยาที่ผ่านมาของรัฐบาล ยังต้องให้ยืนยันตนผ่านแอพพลิเคชั่นมาตลอด ทั้งที่รัฐบาลก็มีข้อมูลของประชาชนที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากการเยียวยารอบก่อน เหตุใดไม่ทำการโยกข้อมูลส่วนนี้มาใช้ ทำไมต้องให้ประชาชนยุ่งยากทำซ้ำทำซาก หากมีความจริงใจจะเยียวยาจริงๆควรทำกระบวนการให้ง่ายและรวดเร็วไม่ใช่สร้างความสับสนเหมือนต้องลุ้นเสี่ยงโชคกันตลอดเวลา

ส่วนกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีชี้แจงเหตุผลในการไม่จ่ายเงินเยียวยาเป็นเงินสดว่าเพื่อลดการสัมผัสธนบัตรในช่วงสถานการณ์เสี่ยงนั้น การที่ท่านรองนายกรัฐมนตรีตระหนักถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่ดีและน่าชื่นม แต่คงไม่ใช่เหตุผลหลักในเวลานี้ การเยียวยาที่ตรงจุดคือการดูแลประชาชนให้สะดวกนำไปใช้จ่ายหรือลดภาระหนี้สินของเขาได้ง่าย ทั้งยังมีวิธีการที่ง่ายกว่าการใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่นก็คือการจ่ายผ่านระบบพร้อมเพย์

เนื่องจากประชาชนทุกคนมีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักอยู่แล้ว สามารถลงทะเบียนแล้วรับเงินเยียวยาผ่านระบบนี้ได้เลย โดยสามารถทำได้เองผ่านตู้กดเงินสด หรือถ้าใครไม่สามารถทำหน้าตู้ได้ก็สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากธนาคารได้ แต่ถ้าเป็นการจ่ายผ่านแอพพลิเคชั่น หากเขาทำไม่เป็นก็จะไม่มีระบบสนับสนุนความช่วยเหลือเหมือนธนาคาร

“การจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่นไม่เพียงแต่กีดกันประชาชนให้เข้าไม่ถึงการเยียวยาแล้ว ในอีกมุมหนึ่งยังเอื้อให้มีการทุจริตเงินได้ด้วย สมมติเช่นเขาต้องเอาเงินสดไปจ่ายค่าเช่าบ้าน แล้วจ่ายผ่านแอพไม่ได้จะทำอย่างไร ก็ต้องไปพึ่งธุรกิจรับลงทะเบียนซึ่งก็ไม่รู้ว่าท่านรู้ไหมว่ามันมีอยู่ ผู้เดือดร้อนยอมรับเงินสดมาแต่ก็แลกกับการถูกหักเงินไปส่วนหนึ่งทั้งที่เขาลำบากอยู่แล้ว รัฐบาลต้องไม่ไปทำตัวเป็นพ่อรู้ดีว่าเขาจะนำเงินไปใช้ทำอะไร

ถ้าจ่ายแล้วกำหนดเงื่อนไขได้ว่าไม่ให้นำเงินไปซื้อเหล้าหรือไม่ให้นำเงินไปใช้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถามหน่อยว่าเวลาประชาชนเสียภาษีจะกำหนดไม่ให้ท่านเอาเงินไปซื้อเรือเหาะ ซื้อเรือดำน้ำจีนได้ไหม ผมหวังมาตลอดว่ารัฐบาลจะมีบทเรียนและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ล้มเหลวจากการออกมาตราการเยียวยาแก่ประชาชนรอบก่อนที่มีความล่าช้าและไม่ทั่วถึง แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนพวกท่านก็ไม่ได้เรียนรู้และแก้ไขอะไรเลย ผู้ที่รับผลกรรมกับความไร้ศักยภาพของรัฐบาลก็หนีไม่พ้นประชาชน” นายณัฐชา กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ โพสต์แจงผลการตรวจหาโควิด-19 หลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ประกาศข่าวช่อง NBT ที่ติดโควิด-19 โดยล่าสุด ยืนยันแล้วว่า ผลตรวจไม่พบเชื้อแต่อย่างใด

เป็นข่าวให้ได้ติดตามกันตลอดในวันนี้ สำหรับกรณี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้ออกมาแถลงว่า มีผู้ประกาศข่าวชายของสถานีโทรทัศน์ NBT ติดเชื้อโควิด-19 หนึ่งราย ซึ่งก็เป็นผู้ที่มาช่วยงานตนเองในตอนเช้าที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นเหตุให้เจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยง และต้องปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อความปลอดภัย ทั้งการไปตรวจหาเชื้อ และการกักตัวเอง

"ผมเองในฐานะผู้สัมผัสกับผู้เสี่ยงสูง ในความหมายของทางด้านนี้คือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่อย่างไรก็ตามผมก็จะทำตัวเองที่จะขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ก็จะไปตรวจตัวเอง แล้วบ่ายนี้ก็จะกักตัวเอง qurantine ไปก่อน ซึ่งถ้าผลของน้อง ๆ ออกมาแล้ว ซึ่งถ้าเขาไม่ไปติดเชื้อคงจะได้พิจารณาอีกทีว่า จะดูแลตัวเองอย่างไรต่อไป นี่คือสิ่งที่ใกล้ตัวเราอย่างมาก" นพ.ทวีศิลป์กล่าว

ล่าสุดเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นพ.ทวีศิลป์ ก็ได้ขึ้นโพสต์สร้างความเบาใจให้กับผู้ที่ติดตามข่าวว่า ผลการตรวจออกมาแล้ว #ไม่พบเชื้อ

ทั้งนี้ต้องติดตามในรายละเอียดต่อไปว่า ผลการตรวจหาเชื้อของผู้ที่เข้าข่ายคนอื่น ๆ จะออกมาเป็นเช่นไร และโฆษก ศบค. จะต้องกักตัวเองต่อไปหรือไม่

‘บิ๊กตู่’ หารือทางโทรศัพท์ ‘นายกฯ ลาว’ แสดงความยินดีในโอกาสได้รับเลือกเป็นเลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว เห็นชอบร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทางโทรศัพท์กับนายทองลุน สีสุลิด (H.E. Mr. Thongloun Sisoulith) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีทองลุน ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับการประชุมใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศ ครั้งที่ 11 ของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวที่สำเร็จลุล่วงด้วยดี พร้อมกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับท่านทองลุนที่ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ได้รับจากสมาชิกพรรคประชาชนปฏิวัติลาว เป็นเสียงสะท้อนที่สำคัญอันเป็นผลจากความสำเร็จในการบริหารประเทศของท่านตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าท่านจะนำพาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวให้มีความเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ด้านนายกรัฐมนตรีลาว กล่าวขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีไทยแสดงความยินดี พร้อมกล่าวว่า ไทย-ลาวนับเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา ยืนยันจะสานต่อความสัมพันธ์ไทย-ลาวด้วยความมุ่งมั่น ต่อไป ในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การเดินทางไปมาหาสู่กันเป็นไปได้ยาก แต่มีความปรารถนาดีต่อกันเสมอ

นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและลาวมาตลอด ว่า เป็นมิตรประเทศที่มีความใกล้ชิด แน่นแฟ้น มายาวนาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันที่จะจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ในรูปแบบที่สามารถดำเนินการได้ในปี 2564 นี้ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายพิจารณากิจกรรมเฉลิมฉลองฯ เพื่อให้เป็นที่รับรู้ของสาธารณชนผ่านช่องทางต่างๆ

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการดูแลการเดินทางข้ามแดนระหว่างไทย-ลาวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (22 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 309 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 13,104 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 71 ราย รักษาหายเพิ่ม 382 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 10,224 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,809 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 309 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากเลบานอน 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 2 ราย ,เอสโตเนีย 1 ราย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ,อิตาลี 2 ราย ,ซูดาน 2 ราย ,สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย ,ศรีลังกา 1 ราย ,เยอรมนี 1 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 80 ราย

ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 217 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 174 ราย รักษาหายแล้ว 169 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 456 ราย รักษาหายแล้ว 399 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 9.52 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.73 แสน เสียชีวิต 27,203 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.73 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.3 แสน ราย เสียชีวิต 642 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.36 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.2 ราย เสียชีวิต 3,013 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.08 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.67 แสน ราย เสียชีวิต 10,116 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,235 ราย รักษาหายแล้ว 58,959 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,546 ราย รักษาหายแล้ว1,411 ราย เสียชีวิต 35 ราย

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Cameron Reiser แชร์ประสบการณ์ การช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปจำนวนมาก โดยข้อความระบุว่า “แชร์ประสบการณ์สวัสดิการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ”

วันนี้ผมพึ่งได้รับเช็คจากการช่วยเหลือของรัฐบาล เป็นครั้งที่สอง ซึ่งครั้งนี้รัฐบาลจ่ายให้จำนวน $600 ต่อคน (18,000 บาท)

ผมกับแบรนดอนได้มาคนละใบ = $1200 (36,000 บาท)

ถ้ารวมครั้งแรกที่รัฐบาลเคยจ่ายให้ คนละ $1200 ผมได้มาสองคนเท่ากับ $2400 (72,000 บาท) และหลังจากประธานาธิบดีไบเดนได้รับตำแหน่งแล้ว มีการประกาศแล้วว่าจะจ่ายให้อีกคนละ $1400 (42,000)

รวมทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯจ่ายให้ต่อคน 3 ครั้ง = $3200 หรือ 96,000 บาทโดยที่ไม่ต้องลงทะเบียน ไม่ต้องยื่นอะไรทั้งนั้น รวยจนจ่ายเท่ากันหมด ได้รับเป็นเช็คที่สามารถขึ้นเงินได้ทันที และรัฐบาลจ่ายให้กับทุกคนที่มีเลขเสียภาษี ซึ่งประชากรเกือบทุกคนจะมีเลขเสียภาษีติดตัวอยู่แล้ว

รัฐบาลที่นี่เค้ามองว่าการที่ได้ช่วยเหลือประชาชน ก็ยังได้ช่วยเหลือเศรษฐกิจในประเทศด้วย เพราะเงินที่ประชาชนนำไปใช้ ก็ต้องมีการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มวนกลับมาให้รัฐบาลได้อีกอยู่ดี

ทั้งๆ ที่ประชากรอเมริกันมีมากถึง 328 ล้านคน รัฐบาลจ่ายให้แทบทุกคนโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ต้องจ่ายคนละครึ่ง ไม่ต้องแย่งกันลงทะเบียนแต่เช้า

นี่แหละครับวิธีที่จะช่วยเหลือพลเมืองของชาติได้อย่างแท้จริง แถมยังพ่วงด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้อย่างเต็มที่มากๆ

มองกลับไปที่บ้านเรา ผมสงสารหลายๆ คนที่ได้รับสวัสดิการเช่นนั้น ทั้งที่ประชากรก็อยู่ในเกณฑ์ที่รัฐบาลสามารถจ่ายให้ได้แทบทุกคน

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตบางส่วนที่เข้าไปติดตาม ก็มีการแย้งว่า "เสียภาษีเท่าโรฮิงยา แต่อยากได้การเยียวยาเท่าสวิสฯ...ประเทศแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศหนึ่ง" รวมถึงยังกล่าวอีกว่า "การเก็บภาษีในไทยกับสหรัฐฯ ต่างกัน การเยียวยา จึงไม่มีทางได้เช่นเดียวกัน"


ที่มา/ภาพ: เฟซบุ๊ก Cameron Reise

‘บิ๊กบี้’ ตรวจเยี่ยมกำลังพล บริจาคโลหิตให้สภากาชาดไทย ได้รับผลกระทบ 'โควิด' ระบาด ทำขาดแคลนเลือด ย้ำแนวคิดให้ทหารบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน ตามวงรอบของตัวเอง เพื่อให้มีโลหิตสำรอง

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลและจิตอาสา ที่ร่วมบริจาคโลหิต ตามโครงการ "จิตอาสาร่วมบริจาคโลหิตเพื่อชาติ" เพื่อสำรองไว้ช่วยเหลือประชาชนในเหตุฉุกเฉิน และภาวะขาดแคลนโลหิตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ตลอดช่วงเวลา ที่เปิดโครงการตั้งแต่วันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา มีกำลังพลและจิตอาสาส่วนกลางและภูมิภาคบริจาคโลหิต กว่า 1 หมื่นนาย ล่าสุดจนถึงเมื่อวานนี้ได้โลหิตมากกว่า 2,600,000 ซีซี

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทหารบริจาคโลหิตอย่างตลอด แต่เนื่องจากมีวิกฤต จึงมีแนวคิดให้ทหารบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง ทุก 3 เดือน ตามวงรอบของตัวเอง เพื่อให้มีโลหิตสำรองอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ที่ผ่านมาประชาชนได้ร่วมบริจาคโลหิตอยู่แล้ว แต่เนื่องจากติดปัญหาความไม่สะดวกจากภาวะโควิด 19 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่คนไทยช่วยกัน

พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ถือเป็นภารกิจสำคัญของกองทัพในการสนับสนุนและช่วยเหลือภัยพิบัติโควิด 19 โดยกำลังพลจะทำงานต่อเนื่อง ด้วยความทุ่มเทและเสียสละ ทั้งกำลังพลที่อยู่ใน state quarantine จุดคัดกรองชั้นใน ตามแนวชายแดนทหารช่าง สร้างโรงพยาบาลสนาม รวมทั้งในหน่วยทหารเอง ก็พร้อมรองรับเป็นโรงพยาบาลสนามหากเหตุการณ์วิกฤตขั้น 2 และ 3 รวมทั้งสนับสนุนภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลทุกอย่าง จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

‘จุรินทร์ - นิพนธ์’ อนุมัติแผนงบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ดัน 650 โครงการ เตรียมพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ กระตุ้นภาคการเกษตร-ท่องเที่ยว ย้ำ พัฒนาเศรษฐกิจจากฐานรากเพื่อสร้างความเข้มแข็ง

ที่อาคารรัฐสภา ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เป็นการประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน (อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน) ครั้งที่ 1/2564 ที่ห้องประชุม401 โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช. มหาดไทยและหัวหน้าคณะทำงานกลั่นกรองแผนงานโครงการ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เข้าร่วม

โดยที่ประชุมได้พิจารณาแผนงบประมาณการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ และกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีมติเห็นชอบ ประกอบด้วย 1.) แผนงานโครงการของส่วนราชการภายใต้แผนปฏิบัติราชการภาคใต้และแผนปฏิบัติภาคใต้ชายแดน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 2.) แผนพัฒนาจังหวัด /กลุ่มจังหวัด (พ.ศ.2561-2565) ฉบับทบทวน ของภาคใต้และภาคใต้ชายแดน 3.) ผลการพิจารณาแผนปฏิบัติราชการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 4. การเปลี่ยนแปลงโครงการตามแผนปฏิบัติราชการ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (กรณีกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของโครงการ)

ทั้งนี้ในส่วนแผนงานของการอนุมัติแผนในที่ประชุมนั้น มีการอนุมัติโครงการทั้งสิ้น 650 โครงการ งบประมาณจำนวนกว่า 19,807.08 ล้านบาท โดยโครงการทั้งหมด ที่ประชุมได้กลั่นกรองเห็นชอบเบื้องต้นเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ).ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อพิจารณาอนุมัติอีกครั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 นี้

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะทำงานช่วยอำนวยการพิจารณากลั่นกรองแผนงานโครงการ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน นั้น ได้ไปติดตามการประชุมพิจารณากลั่นกรองแผนปฏิบัติราชการประจำปีจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ทุกกลุ่มด้วยตนเอง ทั้งภาคใต้ชายแดน ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ภาคใต้ฝั่งอันดามัน

ซึ่งเป็นการไปดำเนินการตามแผนงานร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อการจัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณประจำปี พ.ศ.2565 โดยวางหลักในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเกิดความเข้มแข็งจากระดับล่าง ประชาชนพึ่งพาตนเองได้"

ส.ส.ประชาธิปัตย์ ยำใหญ่ กกต.ส่งรายงานช้าไปสามปี ทำงานไร้ประสิทธิผล ปล่อยโกงเกลื่อนประเทศ ชี้ เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เลวร้ายที่สุดในรอบ 30 ปี ทำประชาธิปไตยถดถอย หวังพลิกโฉมการเมือง ให้บัตรเลือกตั้ง มีอำนาจกกว่ากระสุน

ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายในการประชุมสภา ระหว่างการรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงาน กกต.ประจำปี 2561 โดยตำหนิว่าเป็นการนำรายงานเข้าสู่สภาที่ล่าช้าเกินไปถึงสามปี จะมีผลกระทบต่อรายงานครั้งถัดไปที่จะช้าออกไปสามปีเช่นเดียวกัน

พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาว่า เลวร้ายที่สุดในรอบสามสิบปี ซึ่งตนเชื่อในการเมืองระบอบประชาธิปไตย และการเลือกตั้งที่สุจริต มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นต้นแบบ ทั้ง ๆ ที่เราคาดหวังการเลือกตั้งที่ดีขึ้น แต่กลับเลวร้ายลง ประชาธิปไตยถดถอย ประชาชนยากจน ทำให้เกิดการซื้อเสียงง่ายขึ้น หนึ่งหมู่บ้านเลือก 20 คน เป็นแกนนำ 20 คนดูแลคนในครอบครัว 20 คน ซื้อเสียงตามสบาย เพราะไม่มีใครขายครอบครัวตัวเอง 20 คูณ 20 เท่ากับ 400 เสียง เอาแค่ครึ่งเดียว 200 เสียง บางพื้นที่ปรากฏหนึ่งหมู่บ้านได้ 200 เสียงทั้งอำเภอ ไม่สงสัยบ้างหรือว่าเกิดอะไรขึ้น

“ภาคใต้ของดิฉันไม่เคยซื้อสิทธิ ขายเสียง ประชาชนมีความภูมิใจในการสั่งส.ส.ให้ทำงาน แต่วันนี้ก้มหน้าสารภาพบาปมีการซื้อสิทธิ ขายเสียง จนสมเพชตัวเองหมดแล้ว กกต.ทำอะไรอยู่ พัทลุง ซื้อเสียงจนจะยิงกันตายอยู่แล้ว แต่กกต.บอกไม่ผิด ซื้อไก่ กกต.ท้องถิ่นบอกผิด ส่วนกลางบอกไม่ผิด ใช้กฎหมายเล่นเล่ห์ เพทุบาย

กกต.ต้องใช้งบประมาณ เพื่อไม่ให้เกิดการซื้อสิทธิ ขายเสียง ดิฉันเกิดมาซื้อเสียงไม่เป็น ถ้าซื้อคงแพ้ เพราะซื้อไม่เก่ง คนอย่างดิฉันและพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องแพ้อีกขนาดไหนเพราะปัญหานี้ กกต.ต้องทำให้บัตรเลือกตั้งมีอำนาจมากกว่ากระสุน ประชาชนไม่เชื่อ เหยียดหยาม กกต. เหมือนที่เหยียดหยาม ส.ส. ปลาเน่าตัวเองเน่าทั้งเข่ง จะอยู่อย่างนี้อีกนานไหม

จะตอบคำถามลูกหลานอย่างไร จะสร้างความเปลี่ยนแปลงการเมืองอย่างไร ให้บัตรเลือกตั้งส่งผลต่อประชาธิปไตย อย่าให้การเมืองเสียหายเพราะการซื้อสิทธิ ขายเสียง จากการคอร์รัปชันบ้านเมือง ฝาก กกต.ชี้แจงให้ชัดแก้อย่างไรในการรายงานต่อสภาครั้งหน้า” ดร.พิมพ์รพีกล่าว

ประเทศไหนรีบไปก่อนเลย แต่ออสเตรเลียขอเลือกรอดูผลสัมฤทธิ์ของวัคซีนก่อน ค่อยประกาศฉีดวัคซีนทั่วประเทศ แม้จะมีวัคซีนในสต็อคอยู่จำนวนหนึ่งพร้อมฉีดแล้วก็ตาม

ถึงแม้การตัดสินใจดึงเวลาที่จะเริ่มฉีดวัคซีน COVID -19 ออกไปจนถึงเกือบสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ จะทำให้ชาวออสเตรเลียบางส่วนไม่พอใจ แต่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สก็อต มอร์ริสัน ตัดสินใจรอดูผลจากประเทศที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

สก็อต มอร์ริสัน ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลียว่า ประเทศอื่นที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมการระบาด อาจจำเป็นต้องรีบฉีดวัคซีนแม้จะรู้ว่าเสี่ยง แต่ไม่ใช่กับที่ออสเตรเลีย ที่เราควบคุมการแพร่ระบาดได้ เราจึงต้องขอดูผลให้แน่ใจก่อนค่อยฉีด ก็ไม่สายเกินไป

จะเห็นได้ว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อในประเทศเพียง 10 ราย ล่าสุดเพิ่มขึ้นอีก 9 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นเคสที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในออสเตรเลียอยู่ที่ 28,739 ราย เสียชีวิต 909 คน

และรัฐบาลออสเตรเลียก็มีวัคซีนของ AstraZeneca อยู่แน่ ๆ แล้ว 53.8 ล้านโดส กับวัคซีน Pfizer อีก 10 ล้านโดส พร้อมฉีดให้กับบุคลากรแถวหน้า และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้เริ่มฉีดวัคซีดให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการระบาดระลอกใหม่

แต่รัฐบาลยังคงยืนยันว่าต้องการรอดูผลเพื่อความปลอดภัยจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เลื่อนให้แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นตั้งใจจะรอจนถึงเดือนมีนาคมด้วยซ้ำไป

และออสเตรเลียก็ไม่ใช่ชาติเดียว ที่ขอประวิงเวลาในการฉีดวัคซีนออกไปก่อน นิวซีแลนด์ก็เพิ่งประกาศว่าจะเริ่มแผนการฉีดวัคซีน COVID -19 ให้เฉพาะบุคลากรแถวหน้าได้ในเดือนเมษายน ส่วนประชาชนทั่วไปจะเริ่มรับวัคซีนหลังจากกรกฎาคมไปแล้ว

และไม่ใช่ว่านิวซีแลนด์หาวัคซีน COVID -19 ไม่ได้ แต่ได้จองซื้อไว้แล้วถึง 7.6 ล้านโดสจาก AstraZeneca และ 10.72 ล้านโดสจาก Novavax เพียงพอแล้วที่จะฉีดให้กับประชากรนิวซีแลนด์ทั้งประเทศ 5.36 ล้านคน แถมยังแจกให้ฟรีกับประเทศชาวเกาะเพื่อนบ้านได้อีกด้วย เพียงแค่ตอนนี้ขอดูผลข้อสอบจากประเทศอื่นก่อนเท่านั้น

ซึ่งยังมีอีกหลายประเทศที่ขอดูผลข้างเคียงจากประเทศอื่น รวมถึงเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ก็มีวัคซีนพร้อมแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่ประกาศฉีดทันทีในตอนนี้ แม้จะมีกระแสกดดันจากฝ่ายค้าน และประชาชนบางส่วนในประเทศที่กำลังตื่นตระหนกกับคลื่นการระบาดระลอกใหม่ของ COVID -19 ในประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนได้ให้เหตุผลว่า ที่บางประเทศดึงเวลาการฉีดวัคซีน COVID -19 ออกไป เพราะยังไม่แน่ใจถึงประสิทธิภาพ และผลข้างเคียง เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ใช้กระบวนการพัฒนาอย่างเร่งด่วนกว่าวัคซีนอื่นๆ และบางบริษัทใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น การใช้ mRNA ที่เป็นการตัดต่อสารพันธุกรรมจากไวรัส COVID -19 ที่ยังไม่อาจคาดเดาผลข้างเคียงเมื่อใช้งานจริงในกลุ่มผู้รับวัคซีนจำนวนมากถึงล้านคน

ดังนั้นหากประเทศใดที่คิดว่ายังสามารถจำกัดการแพร่ระบาดได้ดี ก็ยังพอมีเวลาที่จะศึกษาข้อมูลจากประเทศที่ได้ฉีดไปแล้ว แต่สำหรับบางประเทศที่วิกฤติจนรับมือไม่ไหวแล้ว ผลลัพธ์อาจคุ้มค่ากับความเสี่ยง

จึงเป็นวิจารณญาณของรัฐบาลแต่ละประเทศที่จะตัดสินใจว่าควรจะใช้วัคซีนเมื่อไร จึงเหมาะสม และปลอดภัยสำหรับประชาชน แต่การฉีดวัคซีนก็ไม่ได้หมายความว่าจะคุ้มกันโรคได้ 100% ดังนั้น การระวังตัวเองด้วยการ ใช้หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ กันไว้ก่อน น่าจะช่วยลดโอกาสการแพร่ระบาดได้ดีที่สุดที่ทำได้ในเวลานี้


แหล่งข่าว

https://www.straitstimes.com/asia/australianz/australia-delays-vaccine-rollout-to-study-how-other-countries-cope-with-the-jab

https://www.theguardian.com/world/2021/jan/08/why-the-delay-the-nations-waiting-to-see-how-covid-vaccinations-unfold

https://www.aa.com.tr/en/asia-pacific/new-zealand-secures-2-more-covid-19-vaccines/2079683

‘อัศวิน ขวัญเมือง’ ไม่สน กมธ.คมนาคม ยันรถไฟฟ้าสายสีเขียวเก็บราคาใหม่ 16 ก.พ.นี้ ย้ำ ราคา 104 บาท ตลอดสาย ไม่ได้แพงเกินไป และรถไฟฟ้าสายอื่นก็เก็บค่าโดยสารไม่ได้ถูกกว่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวแต่อย่างใด ท้าถ้าผิดให้ฟ้อง ป.ป.ช.

นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม แถลงผลการประชุม กมธ. กรณีการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า หลังจากที่ กมธ.ได้เชิญส่วนข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวมาชี้แจง 2 ครั้ง กมธ.มีมติดังนี้ คือ

1.) ไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุสัมปทานครั้งนี้ และ

2.) กมธ.ขอให้ กทม. มีการชะลอการขึ้นค่าโดยสาร 104 บาท ที่จะมีผลในวันที่ 16 ก.พ.64 ออกไปก่อน

วันเดียวกันที่ศาลาว่าการ กทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยกรณีที่ประชุมคณะกรรมาธิการคมนาคม ที่มีนายโสภณ ซารัมย์ เป็นประธาน มีมติให้ กทม. ชะลอการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า สายสีเขียว 104 บาท วันที่ 16 ก.พ.64 นี้ออกไปก่อนนั้นว่า กทม.ยืนยันจะเก็บค่าโดยสารตามที่ประกาศและกำหนดวัน หากจะให้ชะลอมีเพียงกรณีเดียวคือ รัฐบาลสั่งให้ชะลอ

"ส่วนกรณีที่กระทรวงคมนาคมมีหนังสือให้ กทม.ชะลอการเก็บค่าโดยสารออกไปก่อนนั้น เขาก็มีเหตุผลของเขา แต่ กทม.ก็มีเหตุผลเหมือนกัน เพราะถ้าชะลอออกไปอีก จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้เอกชน ทั้งนี้ ถ้า ครม.อนุมัติตามที่ กทม.เสนอทุกอย่างก็จบ ส่วน ครม.จะพิจารณาเมื่อไร ตอบไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กทม.ยืนยันวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ จะเก็บค่าโดยสารในอัตราใหม่แน่นอน" พล.ต.อ.อัศวินกล่าว

ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า สำหรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ราคา 104 บาท ตลอดสาย ไม่ได้แพงเกินไป และรถไฟฟ้าสายอื่นก็เก็บค่าโดยสารไม่ได้ถูกกว่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวแต่อย่างใด

"สามารถเปรียบเทียบกันได้แบบกิโลเมตรต่อกิโลเมตร (กม.) โดยสายสีน้ำเงิน ค่าโดยสาร 1.62 บาท/กม. ส่วนสายสีเขียว 1.23 บาท/กม. นอกจากนี้ รถไฟฟ้าสายอื่น รัฐบาลออกค่าก่อสร้างให้ทั้งหมดแสนกว่าล้านบาท แต่รถไฟฟ้าสายสีเขียว รัฐบาลไม่ได้ออกค่าก่อสร้างให้แม้แต่สลึงเดียว กทม.ยืนยันว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกกว่า และทำถูกต้องตามขั้นตอนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมทุนฯ หากไม่ถูกต้องให้ยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เลย" พล.ต.อ.อัศวินกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top