Monday, 9 June 2025
NEWS FEED

‘ดอน’ เผย เมียนมาเสียใจ กรณีเครื่องบินรบรุกล้ำไทย รับปากไม่บินล้ำน่านฟ้าไทยอีก พร้อมทำหนังสือชี้แจง

(5 ก.ค.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือทวิภาคีกับ นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเมียนมา ระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ (4 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่า... 

ได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเครื่องบินของเมียนมาที่บินลุกล้ำน่านฟ้าไทย ซึ่งฝ่ายเมียนมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และไม่ได้เกิดขึ้นโดยเจตนาถือเป็นอุบัติเหตุ โดยฝ่ายเมียนมาแจ้งว่าจะทำหนังสือมาถึงฝ่ายไทย
 

มองเบื้องลึก สายการบินจีนสั่งซื้อล็อตใหญ่ ‘แอร์บัส’ เชื่อ ‘จีน’ อยากสั่งสอน ‘สหรัฐฯ’ ให้เลิกจุ้นทะเลจีนใต้

นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pat Hemasuk’ วิเคราะห์กรณีสายการบินจีนเมินซื้อเครื่องบินโบอิ้ง จากสหรัฐฯ หันไปออเดอร์เครื่องบินแอร์บัสของฝรั่งเศสเกือบ 300 ลำ ว่า ..

การพังทลายจากภายในนั้นคือความวิบัติที่แท้จริงและวิบัติอย่างถาวร 

คืนนี้ผมอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนเกี่ยวกับ จีน สหรัฐ และฝรั่งเศส ในกรณีที่จีนตัดสินใจซื้อเครื่องบิน A320neo family จากแอร์บัสล็อตใหญ่จำนวน 292 ลำ ราคาไม่น้อยกว่าสามหมื่นเจ็ดพันล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในสายการบินหลัก 4 สายการบินคือ  Air China, China Southern Airlines, China Eastern Airlines และ Shenzhen Airlines ซึ่งทั้ง 4 สายการบินมีทั้งเครื่องบินของแอร์บัสและโบอิ้งให้บริการอยู่รวมแล้วกว่าพันลำ 

เรื่องที่ทำไมจีนถึงเลือกซื้อเครื่องจากแอร์บัสนั้นมีหลายสาเหตุ เอาสาเหตุแรกก่อนคือความเสียหายที่ Boeing 737 Max รุ่นเจ้าปัญหาที่ต้องหยุดบินหลังเครื่องตกติดต่อกันสองลำคนตายไป 346 คน แล้วต้องหยุดบินกันไปถึง 20 เดือนจากการที่ FAA สั่งระงับการบินเพื่อหาสาเหตุและทางโบอิ้งเองต้องปรับปรุงเครื่องใหม่ให้มีความปลอดภัยจำนวน 367 ลำจาก 59 สายการบินทั่วโลก สายการของบินจีนก็เป็นหนึ่งในนั้น ตามที่คาดการณ์เอาไว้สายการบินทั่วโลกเสียหายไปจากการห้ามขึ้นบินของ 737 Max ถึงสองหมื่นล้านดอลลาร์ 

แต่เรื่องหลักที่จีนไม่ซื้อโบอิ้งนั้นเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกนั้นเปลี่ยนไปมากแล้วตั้งแต่จีนโดนสหรัฐเล่นงานมาตลอด 5 ปีตั้งแต่สมัยสงครามการค้าในสมัยบริหารของ ปธน.ทรัมป์ จนถึงสมัย ปธน.ไบเดนก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมยังไปยั่วโมโหจีนอีกในเรื่องไต้หวัน

จนถึงการแบ่งขั้วของโลกอย่างชัดเจนจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน ที่สหรัฐนั้นเข้าแทรกแซงโดยใช้มือของกลุ่มประเทศนาโต้และมิตรประเทศนอกนาโต้ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการสนับสนุนสงครามด้านอาวุธให้ยืดเยื้อไปอีกจนคนที่เจ็บตัวนั้นไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นบรรดากลุ่มประเทศยุโรปที่ร่วมแซงชั่นรัสเซีย รวมถึงสหรัฐเองด้วยที่ต้องเจอกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากราคาพลังงานที่ขึ้นไปเกือบสองเท่าทั้งโลก รวมถึงซัพพลายเชนจากรัสเซียและจีนที่ทำให้สภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐหลังโควิดรุนแรงขึ้นไปอีก

จีนนั้นเลือกแล้วที่จะยืนอยู่ข้างรัสเซีย ซึ่งจีนเองก็คงเห็นแล้วว่าสักวันถ้าจีนโดนสหรัฐเข้าแทรกแซงเรื่องไต้หวันก็คงต้องทำเหมือนกับที่รัสเซียทำ จากกรณีที่รัสเซียโดนแทรกแซงเรื่องยูเครน จนรัสเซียต้องตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าบุกยูเครนก่อนที่ยูเครนจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกนาโต้ เรื่องนี้รัสเซียยอมไม่ได้ที่จะสูญเสียการควบคุมทางการทหารของกองเรือทะเลดำไปอย่างถาวร ซึ่งไม่ต่างกับจีนที่ยอมไม่ได้ในเรื่องที่สหรัฐเข้าแทรกแซงสนับสนุนไต้หวันและเข้ามายุ่งกับปัญหาของทะเลจีนใต้

จากตัวอย่างของรัสเซียที่โดนยึดเงินและทรัพย์สินทั้งในสหรัฐและยุโรป จีนก็ยอมไม่ได้อีกเช่นกันที่จะโดนยึดทรัพย์ทุกอย่างในรูปของเงินลงทุนที่เป็นเจ้าหนึ้อันดับต้นของสหรัฐ และเงินลงทุนมหาศาลในยุโรปเหมือนรัสเซียถ้าสหรัฐไม่พอใจ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงต้นไตรมาสสามในเวลานี้ จีนถอนการลงทุนในตลาดหุ้นของสหรัฐไปมากพอสมควร กิจการบางบริษัทที่เป็นหุ้นใหญ่ก็ขายทิ้งไปทั้งหมดเลย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าจีนนั้นก็ไม่พอใจเรื่องของสหรัฐที่เข้ามาสอดมือเข้ามายุ่งในทะเลจีนใต้ รวมถึงไต้หวันที่จีนบอกแล้วว่าห้ามยุ่ง แต่รัฐบาลของ ปธน.ไบเดนก็ไม่ฟังคำเตือนของจีน 

สิ่งหนึ่งที่ ปธน.มาครองของฝรั่งเศสได้ทำมาตลอดกับจีนและรัสเซียก็คือการติดต่ออย่างใกล้ชิดในทุกปัญหา ไม่ต่างกับที่ นางแมร์เคิลของเยอรมันทำก็คือการโทรพูดคุยกับ ปธน.ปูตินของรัสเซีย และ ปธน.สีจิ้นผิงของจีนก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม ในช่วงสงครามยูเครนนั้น ปธน.มาครองเกือบจะคุยกับ ปธน.ปูตินรายวันเลยก็ว่าได้ เป็นประเทศเดียวที่ทำแบบนี้ เพราะคนที่ ปธน.ปูตินจะคุยด้วยแบบดีๆ ก็เหลือแต่ ปธน.มาครองคนเดียวก็ว่าได้ เพราะป้าแมร์เคิลก็ลงจากตำแหน่งไปแล้ว จนหนังสือพิมพ์ในยุโรปและสหรัฐหลายฉบับได้กล่าวถึงเรื่องนี้แบบติดตลกว่าถ้าสงครามลามไปทั่วยุโรปคงเหลือฝรั่งเศสประเทศเดียวที่ไม่มีนิวเคลียร์ของรัสเซียลงถล่มเมือง

เปิดใจเจ้าสำนักฯ สักยันต์ เรียนสายตรงท่านพ่อแก่ ต้องเชื่อถึงขลัง ไม่เชื่อฟันแล้วอาจเข้าโรงหมอ

เปิดใจเจ้าสำนักสักยันต์ท่านพ่อแก่ในลำพูน หลังโลกโซเชียลฯ โพสต์คลิปมีดอีโต้ฟัน-สากกระเบือทุบ ไม่เข้า บอกเรียนมาสายตรงท่านพ่อแก่ แต่คนสักต้องเชื่อก่อน ถ้าไม่เชื่อฟันแล้วอาจเข้าโรงพยาบาล

กรณีที่เพจแม่ทัพลิง 3/1 ได้มีการโพสต์ข้อความว่า..อภินิหาร สากกระเบือวิเศษ (เดี๋ยวไปหาส้มตำกินหน้าปากซอยแป๊บ)...พร้อมคลิปวิดีโอ โดยในภาพจะเห็นชายใส่เสื้อขาวกำลังท่องพึมพำคาถาและใช้มีดคล้ายมีดอีโต้ฟันไปที่หน้าขาทั้งสองข้างของชายคนหนึ่งซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า และต่อมาชายที่ใส่เสื้อขาวยังใช้อะไรบางอย่างคล้ายกับสากไม้ทุบลงไปที่สันมีดแต่ก็ไม่ได้สร้างบาดแผลแก่คนที่มาทำพิธีแต่อย่างใด
 

พก. ผนึกกำลัง APCD หนุนโครงการพัฒนาทักษะด้านอาชีพคนพิการ เพื่อการจ้างงานอย่างยั่งยืน

วันที่ 4 ก.ค. 65 เวลา 10.30 น. นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารในสังกัด เยี่ยมชมการดำเนินโครงการ “พัฒนาทักษะด้านอาชีพเพื่อการจ้างงานอย่างยั่งยืน” โดยความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) และศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) สำหรับในปี 2565 เปิดการอบรมฯ เป็นรุ่นที่ 7 ใน 3 กิจกรรม ได้แก่ 

1) การทำเบเกอรี่ยามาซากิ ร้าน 60+ Plus Bakery and Cafe by Yamazaki and MarkRin 
2) การฝึกอาชีพงานโรงแรม 
และ 3) ครัว 60+Plus Kitchen by CP หรือ ครัวซีพี ฝึกอาชีพคนพิการ 

โดยมี นายพิรุณ ลายสมิต ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) นำชมการดำเนินงาน พร้อมคนพิการสาธิตการฝึกอาชีพ ณ ร้าน 60+Plus Bakery & Chocolate Cafe และอาคาร APCD Training Center ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ 

นางสาวสราญภัทร กล่าวว่า การฝึกอบรมดังกล่าวเป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 ภายใต้โครงการฝึกอบรมพัฒนาทักษะคนพิการภาคธุรกิจอาหาร 60+Plus โปรเจกต์ “ธุรกิจที่มีส่วนร่วมของคนพิการ” (Disability Inclusive Business) โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณการฝึกอบรมจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) โดยกระทรวงการพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม - 20 กันยายน 2565 

FBI ตั้งรางวัลล่าตัว Ruja Ignatova ผู้ก่อตั้ง OneCoin โกย 4 พันล้านเหรียญ จากเหยื่อกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก

Ruja Ignatova ผู้ก่อตั้ง OneCoin หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า Cryptoqueen เป็นเจ้าแม่แชร์ลูกโซ่คริปโตรายใหญ่ที่สุดของโลก จากมูลค่าความเสียหายกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งทาง FBI ออกประกาศตั้งรางวัลนำจับมากถึง 3.5 ล้านบาทสำหรับคนที่ชี้แบะแสนำไปสู่การจับกุม Cryptoqueen ได้

สำนักงานสอบสวนกลาง (Federal Bureau of Investigation) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐภายใต้สังกัดกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ประกาศรางให้รางวัลนำจับ Ruja Ignatova ผู้ก่อตั้ง OneCoin ในรายการ Ten Most Wanted Fugitives เป็นจำนวนเงินกว่า 3.5 ล้านบาท หลัง Ruja Ignatova ถูกระบุว่า ฉ้อโกงนักลงทุนมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านบริษัท OneCoin cryptocurrency

จากการเปิดเผยของ theblock ระบุถึงธุรกิจของ OneCoin ที่สร้างขึ้นจากการขายแพ็คเกจการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเพื่อการศึกษาแก่สมาชิก ซึ่งได้รับแรงจูงใจจากค่าคอมมิชชั่นเพื่อขายให้กับสมาชิกใหม่ โครงการดังกล่าวอ้างว่ามีสมาชิกภาพมากถึง 3 ล้านคนในช่วงพีคสุดของตลาดคริปโต ซึ่งรวมถึงบุคคลทั่วโลกที่ตกเป็นเหยื่อด้วย

ขณะที่ FBI ได้มีการเสนอรางวัลสูงถึง 100,000 เหรียญสหรัฐสำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมเธอ แต่ไม่ใช่หน่วยงานเดียวที่ไล่ล่าเธอ โดยในเดือนพฤษภาคม Ignatova ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อที่ต้องการตัวมากที่สุดของ Europol แม้ว่าจะมีรางวัลน้อยกว่าเพียง 5,000 ยูโรเท่านั้น

Ronald Shimko เจ้าหน้าที่พิเศษจากสำนักงานภาคสนามนิวยอร์กของ FBI ซึ่งกำลังสืบสวนคดีนี้ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “มีเหยื่อจำนวนมากทั่วโลกที่ได้รับความเสียหายจากสิ่งนี้ เราต้องการนำเธอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”

เกิดเหตุกราดยิงขบวนฉลองวันชาติสหรัฐ ดับ 6 ราย ตร.รวบผู้ต้องสงสัย เป็นชายวัย 22 ปี

เกิดเหตุมือปืนใช้ปืนไรเฟิลอานุภาพสูงกราดยิงขบวนพาเหรดฉลองวันชาติสหรัฐฯ ในเมืองไฮแลนด์ปาร์ก รัฐอิลลินอยส์ ตาย 6 ราย เจ็บมากกว่า 30 คน

เจ้าหน้าที่ในเมืองไฮแลนด์ปาร์ก รัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ (4 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุกราดยิงขบวนพาเหรดเฉิลมฉลองวันชาติสหรัฐฯ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย โดยมือปืนเปิดฉากยิงจากดาดฟ้าร้านค้าแห่งหนึ่งหลังขบวนพาเหรดเริ่มกิจกรรมไปประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เดิมมีรายงานผู้บาดเจ็บ 24 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ต่อมาโฆษกของโรงพยาบาลรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 31 คน

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ เป็นชายผิวขาวสวมเสื้อยืดสีขาวหรือสีน้ำเงิน ในเวลาต่อมา ตำรวจยืนยันตัวผู้ต้องสงสัยคือ โรเบิร์ต ครีโมที่ 3 วัย 22 ปี โดยเชื่อว่าครีโมมีอาวุธและเป็นบุคคลอันตราย

โฆษกของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจด้านอาชญากรรมแห่งเทศมณฑลเลคเคาน์ตี้ คริสโตเฟอร์ โคเวลลี กล่าวว่า มือปืนใช้ “ปืนไรเฟิลอานุภาพสูง” ยิงลงมาจากบนอาคารซึ่งคนอื่นจะมองเห็นเขาได้ยากมาก

จนกระทั่งราว 5-6 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า สามารถจับกุมครีโมได้แล้ว และเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

การโจมตีในไฮแลนด์ปาร์กยังส่งผลให้ผู้เข้าร่วมขบวนพาเหรดหลายร้อยคนต้องหนีตาย บางคนมีร่องรอยได้รับบาดเจ็บ หลายคนต้องทิ้งเก้าอี้ รถเข็นเด็ก และผ้าห่มไว้

‘ยูเครน’ ดี๊ด๊า!! ประกาศชัยเหนือรัสเซีย หลัง ‘ซุปบอร์ช’ กลายเป็นมรดกของยูเครน

เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา องค์การ UNESCO (ยูเนสโก) แห่งสหประชาชาติ ได้ขึ้นทะเบียนซุปผัก ที่เรียกว่า ‘Borscht Soup’ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเครน ต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเหตุปัจจัยจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจทำให้ ซุปบอร์ช ต้นตำรับดั้งเดิมของยูเครนสูญหายไป 

ข่าวนี้สร้างความยินดีแก่ชาวยูเครนเป็นอย่างมาก โดยนาย โอเล็กซานเดอร์ ทคาเชงโก้ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของยูเครนได้ออกมาประกาศว่า “ชัยขนะในสงครามซุปบอร์ชเป็นของพวกเราแล้ว!”

ขณะที่ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมาตอบโต้ว่า ซุปบอร์ชเป็นของรัสเซียและไม่จำเป็นต้องให้ใครมาปกป้อง

สำหรับ ซุปบอร์ช นั้น เป็นซุปผักชนิดหนึ่งที่ทำจากบีทรูท เคี่ยวจนได้เป็นน้ำซุปสีแดงเข้ม แต่บางครั้งก็พบซุปบอร์ชที่ทำจากมันฝรั่ง และกะหล่ำปลี ที่ทำให้น้ำซุปมีสีเขียว หรือขาวได้เช่นกัน มักนิยมบริโภคในกลุ่มประเทศฝั่งยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เคยอยู่ในเครือสหภาพโซเวียต ที่หล่อหลอมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และอาหารการกินซึ่งกันและกัน จนยากที่จะแยกได้อย่างชัดเจนว่าถิ่นกำเนิดที่แท้จริงมาจากไหน 

อย่างไรก็ตาม ซุปบอร์ช ได้กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรงมาหลายปีระหว่างรัสเซีย และยูเครน ที่ต่างก็ต้องการอ้างสิทธิ์ว่าซุปดังกล่าวเป็นอาหารประจำชาติของตน 

โดยยูเครนเคยอ้างสิทธิ์การเป็นต้นกำเนิดของซุปบอร์ช ที่มีแพร่หลายไปทั่วทุกบ้านของชาวยูเครน ที่มีแม้แต่เมืองชื่อ ‘บอร์ช’ และยูเครนยังเป็นแหล่งปลูกบีทรูทที่ใช้เป็นวัตถุดิบพื้นฐานของการทำซุปบอร์ช และเชื่อว่าซุปบอร์ชเผยแพร่เข้าไปในรัสเซียตั้งแต่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ซึ่งมีการอ้างถึงตำราทำอาหารในยุคสมัยของผู้นำ โจเซฟ สตาลิน ยังเคยเรียกมันว่า ‘ซุปยูเครน’ 

แต่การอ้างอิงต้นกำเนิดของสิ่งใด ด้วยชื่อเมือง หรือความเป็นแหล่งปลูกวัตถุดิบอาจไม่เพียงพอเสมอไป โดยฝ่ายรัสเซียค้านว่า ซุปบอร์ช ก็มีสูตรเฉพาะของรัสเซียเหมือนกัน และมีการบริโภคกันอย่างแพร่หลายมานานแล้ว และมีประวัติศาสตร์ย้อนไปไกลถึงสมัยยุคกลาง ที่ได้เชื่อว่าเป็นอาหารของชาวบ้านรากหญ้าทั่วไป และมีความผูกพันกับชาวรัสเซียจนสามารถยกให้เป็นอาหารประจำชาติได้ 

‘ศุภชัย’ จวก ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ไร้มารยาท หลังวิจารณ์กัญชาเป็นยาเสพติด ทั้งที่สภาฯปลดล็อกแล้ว

‘ศุภชัย ใจสมุทร’ เดือดจัด! ซัด ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ไร้มารยาท ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง หลังวิจารณ์กัญชาเป็นยาเสพติด เพราะที่ประชุมรัฐสภาปลดล็อกแล้ว

ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ในฐานะประธานกรรมาธิการร่างพรบ.กัญชา กัญชง กล่าวถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า ‘กัญชาเสรีคือยาเสพติด’ นายศุภชัย มองว่าโพสต์ดังกล่าวไร้มารยาท ผิดจรรยาบรรณแพทย์ กำลังทำผิดวัตถุประสงค์ที่แพทย์ชนบทรุ่นก่อนทำกัน มีการบิดเบือนและหลอกลวงประชาชนและไม่เหมาะสม สูญเสียความเป็นกลาง อีกทั้งยังเกินกว่าบทบาทหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ประชาชนในประเทศใช้กัญชาอย่างแพร่หลาย

“ท่านกำลังก้าวล่วงมาในสิ่งที่ท่านกำลังทำในฐานะสิ่งที่ไม่ชอบต่อหน้าที่ของท่านด้วย เพราะล่าสุดก็คือวันนี้กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เพราะรัฐสภาแห่งนี้ได้ปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดจากพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษปี 2522 เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านโพสต์บอกว่ากัญชาเป็นยาเสพติด กำลังบิดเบือนหลอกลวงประชาชน สองก็คือท่านเป็นแพทย์ที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวง ก็คือการนำกัญชา มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่แทนที่ท่านจะทำหน้าที่ตรงนี้ท่านกลับไปพูดเท็จ ทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนก”

นายศุภชัย ยังพูดถึงโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ที่ประธานแพทย์ชนบทคนใหม่เป็นผู้อำนวยการ ก็มีการใช้กัญชารักษาอาการนอนไม่หลับ ยาแก้ไข้ แก้ลม รวมแล้วมีผู้ได้รับยาประมาณ 1,000 คน รวมถึงโรงพยาบาลในภาคใต้และทั่วประเทศมีการใช้กัญชามากกว่า 1 ล้านขวดและได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า

ทัวร์ลง 'ปิยบุตร' หลังแย้งเรื่องอุดมการณ์ 'ชัชชาติ' ด้าน 'โบว์ ณัฏฐา' ให้กำลังใจ ไม่เห็นด้วยกับพวกถล่มด่า

(4 ก.ค. 65 ) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อผมฟังคำอธิบายเรื่องค่าโดยสารสีเขียวของอาจารย์ชัชชาติ และเห็นว่าวิธีคิดของแก คือ นีโอลิเบอรัลที่เน้นการแข่งขันเอกชน และให้เอกชนดำเนินการเป็นหลัก รัฐแทบไม่มีบทบาททางเศรษฐกิจและสังคม ทันใดนั้น ผมก็โดนทัวร์ลงทันที

วัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำให้คนจำนวนมาก “เลือก” ที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เสี่ยงทำให้ “ทัวร์ลง”

ต่อไป เมื่อมีกลุ่มบุคคลทำหน้าที่ชี้เป้าให้ “ทัวร์ลง” มากขึ้น ก็ทำให้คนที่ต้องการวิจารณ์เรื่องใด เลือกที่จะไม่วิจารณ์ในที่สาธารณะ เกิดการเซนเซอร์ตนเองมากขึ้น

สังคมนี้ มีเครื่องมือจำกัดแสดงความเห็น ตั้งแต่ ขนาดเบา คือ “ทัวร์ลง” ตามมาด้วย “ล่าแม่มด” ไปไกลก็ “ฟ้องคดีใช้กฎหมายปิดปาก”

นายปิยบุตรยังตอบคอมเม้นต์ว่า ถ้าวัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำงานได้ดีในโลกโซเชียล ประกอบกับพื้นที่โซเชียลบีบให้คนต้องพูดสั้น เขียนสั้น สื่อต้องพาดหัวหวือหวาเพื่อเรียกยอดไลค์ยอดวิว และคนส่วนใหญ่มักอ่านแต่พาดหัว

สภาพเช่นนี้ ต่อไป ปัญญาชนหรือบุคคลสาธารณะจะเลือกไม่แสดงความคิดเห็นที่แหลมคมแต่อาจพาไปสู่การถกเถียงหรือ controversial มากขึ้น เลือกที่จะไม่แสดงออกซึ่งความเห็นที่ แม้ฝ่ายเดียวกัน ฟังแล้วอาจจะแสลงหู เพราะ ความเห็นแบบนี้ เสียงต่อโดนทัวร์ลง และเสียการยอมรับนับถือ หรือความนิยมไป

นอกจากนี้ ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ Bow Nuttaa Mahattana นักเคลื่อนไหวสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน คอมเม้นต์ว่า เห็นใจอาจารย์นะคะครั้งนี้ สิ่งที่อาจารย์พูด เรื่องการยกพวกถล่มด่าหรือที่เรียกว่าทัวร์ลง และ cancel culture ต่าง ๆ คือสิ่งที่โบว์เคยพูดมาก่อนแล้วเป็นปี ๆ แต่ก็มีกลุ่มคนที่ส่งเสริมวัฒนธรรมแบบนั้นมาก่อน โดยไม่เคยมีการท้วงติงใด ๆ จนวันนี้ ภายใต้คำว่าเสรีภาพในการพูด

'ฤทธิ์ ลือชา' โชว์เติมน้ำมันที่มาเลเซีย ลิตรละ 16.4 บาท ถูกจนอยากขับรถเล่นทั้งวัน

(4 ก.ค.65) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ฤทธิ์ ลือชา’ โพสต์ภาพขณะเติมน้ำมัน โดยระบุข้อความว่า…

เติมเองก็ได้วะ! ถ้ามันถูกขนาดนี้! ที่มาเลย์วันนี้ลงจากรถไปเติมน้ำมันไห้เห็นกันจะ ๆ ไปเลย! 
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top