Tuesday, 10 June 2025
NEWS FEED

พก. ผนึกกำลัง APCD หนุนโครงการพัฒนาทักษะด้านอาชีพคนพิการ เพื่อการจ้างงานอย่างยั่งยืน

วันที่ 4 ก.ค. 65 เวลา 10.30 น. นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารในสังกัด เยี่ยมชมการดำเนินโครงการ “พัฒนาทักษะด้านอาชีพเพื่อการจ้างงานอย่างยั่งยืน” โดยความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) และศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) สำหรับในปี 2565 เปิดการอบรมฯ เป็นรุ่นที่ 7 ใน 3 กิจกรรม ได้แก่ 

1) การทำเบเกอรี่ยามาซากิ ร้าน 60+ Plus Bakery and Cafe by Yamazaki and MarkRin 
2) การฝึกอาชีพงานโรงแรม 
และ 3) ครัว 60+Plus Kitchen by CP หรือ ครัวซีพี ฝึกอาชีพคนพิการ 

โดยมี นายพิรุณ ลายสมิต ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) นำชมการดำเนินงาน พร้อมคนพิการสาธิตการฝึกอาชีพ ณ ร้าน 60+Plus Bakery & Chocolate Cafe และอาคาร APCD Training Center ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ 

นางสาวสราญภัทร กล่าวว่า การฝึกอบรมดังกล่าวเป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 ภายใต้โครงการฝึกอบรมพัฒนาทักษะคนพิการภาคธุรกิจอาหาร 60+Plus โปรเจกต์ “ธุรกิจที่มีส่วนร่วมของคนพิการ” (Disability Inclusive Business) โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณการฝึกอบรมจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) โดยกระทรวงการพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม - 20 กันยายน 2565 

FBI ตั้งรางวัลล่าตัว Ruja Ignatova ผู้ก่อตั้ง OneCoin โกย 4 พันล้านเหรียญ จากเหยื่อกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก

Ruja Ignatova ผู้ก่อตั้ง OneCoin หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า Cryptoqueen เป็นเจ้าแม่แชร์ลูกโซ่คริปโตรายใหญ่ที่สุดของโลก จากมูลค่าความเสียหายกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งทาง FBI ออกประกาศตั้งรางวัลนำจับมากถึง 3.5 ล้านบาทสำหรับคนที่ชี้แบะแสนำไปสู่การจับกุม Cryptoqueen ได้

สำนักงานสอบสวนกลาง (Federal Bureau of Investigation) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐภายใต้สังกัดกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ประกาศรางให้รางวัลนำจับ Ruja Ignatova ผู้ก่อตั้ง OneCoin ในรายการ Ten Most Wanted Fugitives เป็นจำนวนเงินกว่า 3.5 ล้านบาท หลัง Ruja Ignatova ถูกระบุว่า ฉ้อโกงนักลงทุนมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านบริษัท OneCoin cryptocurrency

จากการเปิดเผยของ theblock ระบุถึงธุรกิจของ OneCoin ที่สร้างขึ้นจากการขายแพ็คเกจการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเพื่อการศึกษาแก่สมาชิก ซึ่งได้รับแรงจูงใจจากค่าคอมมิชชั่นเพื่อขายให้กับสมาชิกใหม่ โครงการดังกล่าวอ้างว่ามีสมาชิกภาพมากถึง 3 ล้านคนในช่วงพีคสุดของตลาดคริปโต ซึ่งรวมถึงบุคคลทั่วโลกที่ตกเป็นเหยื่อด้วย

ขณะที่ FBI ได้มีการเสนอรางวัลสูงถึง 100,000 เหรียญสหรัฐสำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมเธอ แต่ไม่ใช่หน่วยงานเดียวที่ไล่ล่าเธอ โดยในเดือนพฤษภาคม Ignatova ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อที่ต้องการตัวมากที่สุดของ Europol แม้ว่าจะมีรางวัลน้อยกว่าเพียง 5,000 ยูโรเท่านั้น

Ronald Shimko เจ้าหน้าที่พิเศษจากสำนักงานภาคสนามนิวยอร์กของ FBI ซึ่งกำลังสืบสวนคดีนี้ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “มีเหยื่อจำนวนมากทั่วโลกที่ได้รับความเสียหายจากสิ่งนี้ เราต้องการนำเธอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”

เกิดเหตุกราดยิงขบวนฉลองวันชาติสหรัฐ ดับ 6 ราย ตร.รวบผู้ต้องสงสัย เป็นชายวัย 22 ปี

เกิดเหตุมือปืนใช้ปืนไรเฟิลอานุภาพสูงกราดยิงขบวนพาเหรดฉลองวันชาติสหรัฐฯ ในเมืองไฮแลนด์ปาร์ก รัฐอิลลินอยส์ ตาย 6 ราย เจ็บมากกว่า 30 คน

เจ้าหน้าที่ในเมืองไฮแลนด์ปาร์ก รัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ (4 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุกราดยิงขบวนพาเหรดเฉิลมฉลองวันชาติสหรัฐฯ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย โดยมือปืนเปิดฉากยิงจากดาดฟ้าร้านค้าแห่งหนึ่งหลังขบวนพาเหรดเริ่มกิจกรรมไปประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เดิมมีรายงานผู้บาดเจ็บ 24 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ต่อมาโฆษกของโรงพยาบาลรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 31 คน

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ เป็นชายผิวขาวสวมเสื้อยืดสีขาวหรือสีน้ำเงิน ในเวลาต่อมา ตำรวจยืนยันตัวผู้ต้องสงสัยคือ โรเบิร์ต ครีโมที่ 3 วัย 22 ปี โดยเชื่อว่าครีโมมีอาวุธและเป็นบุคคลอันตราย

โฆษกของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจด้านอาชญากรรมแห่งเทศมณฑลเลคเคาน์ตี้ คริสโตเฟอร์ โคเวลลี กล่าวว่า มือปืนใช้ “ปืนไรเฟิลอานุภาพสูง” ยิงลงมาจากบนอาคารซึ่งคนอื่นจะมองเห็นเขาได้ยากมาก

จนกระทั่งราว 5-6 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า สามารถจับกุมครีโมได้แล้ว และเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

การโจมตีในไฮแลนด์ปาร์กยังส่งผลให้ผู้เข้าร่วมขบวนพาเหรดหลายร้อยคนต้องหนีตาย บางคนมีร่องรอยได้รับบาดเจ็บ หลายคนต้องทิ้งเก้าอี้ รถเข็นเด็ก และผ้าห่มไว้

‘ยูเครน’ ดี๊ด๊า!! ประกาศชัยเหนือรัสเซีย หลัง ‘ซุปบอร์ช’ กลายเป็นมรดกของยูเครน

เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา องค์การ UNESCO (ยูเนสโก) แห่งสหประชาชาติ ได้ขึ้นทะเบียนซุปผัก ที่เรียกว่า ‘Borscht Soup’ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเครน ต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเหตุปัจจัยจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจทำให้ ซุปบอร์ช ต้นตำรับดั้งเดิมของยูเครนสูญหายไป 

ข่าวนี้สร้างความยินดีแก่ชาวยูเครนเป็นอย่างมาก โดยนาย โอเล็กซานเดอร์ ทคาเชงโก้ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของยูเครนได้ออกมาประกาศว่า “ชัยขนะในสงครามซุปบอร์ชเป็นของพวกเราแล้ว!”

ขณะที่ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมาตอบโต้ว่า ซุปบอร์ชเป็นของรัสเซียและไม่จำเป็นต้องให้ใครมาปกป้อง

สำหรับ ซุปบอร์ช นั้น เป็นซุปผักชนิดหนึ่งที่ทำจากบีทรูท เคี่ยวจนได้เป็นน้ำซุปสีแดงเข้ม แต่บางครั้งก็พบซุปบอร์ชที่ทำจากมันฝรั่ง และกะหล่ำปลี ที่ทำให้น้ำซุปมีสีเขียว หรือขาวได้เช่นกัน มักนิยมบริโภคในกลุ่มประเทศฝั่งยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เคยอยู่ในเครือสหภาพโซเวียต ที่หล่อหลอมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และอาหารการกินซึ่งกันและกัน จนยากที่จะแยกได้อย่างชัดเจนว่าถิ่นกำเนิดที่แท้จริงมาจากไหน 

อย่างไรก็ตาม ซุปบอร์ช ได้กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรงมาหลายปีระหว่างรัสเซีย และยูเครน ที่ต่างก็ต้องการอ้างสิทธิ์ว่าซุปดังกล่าวเป็นอาหารประจำชาติของตน 

โดยยูเครนเคยอ้างสิทธิ์การเป็นต้นกำเนิดของซุปบอร์ช ที่มีแพร่หลายไปทั่วทุกบ้านของชาวยูเครน ที่มีแม้แต่เมืองชื่อ ‘บอร์ช’ และยูเครนยังเป็นแหล่งปลูกบีทรูทที่ใช้เป็นวัตถุดิบพื้นฐานของการทำซุปบอร์ช และเชื่อว่าซุปบอร์ชเผยแพร่เข้าไปในรัสเซียตั้งแต่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ซึ่งมีการอ้างถึงตำราทำอาหารในยุคสมัยของผู้นำ โจเซฟ สตาลิน ยังเคยเรียกมันว่า ‘ซุปยูเครน’ 

แต่การอ้างอิงต้นกำเนิดของสิ่งใด ด้วยชื่อเมือง หรือความเป็นแหล่งปลูกวัตถุดิบอาจไม่เพียงพอเสมอไป โดยฝ่ายรัสเซียค้านว่า ซุปบอร์ช ก็มีสูตรเฉพาะของรัสเซียเหมือนกัน และมีการบริโภคกันอย่างแพร่หลายมานานแล้ว และมีประวัติศาสตร์ย้อนไปไกลถึงสมัยยุคกลาง ที่ได้เชื่อว่าเป็นอาหารของชาวบ้านรากหญ้าทั่วไป และมีความผูกพันกับชาวรัสเซียจนสามารถยกให้เป็นอาหารประจำชาติได้ 

‘ศุภชัย’ จวก ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ไร้มารยาท หลังวิจารณ์กัญชาเป็นยาเสพติด ทั้งที่สภาฯปลดล็อกแล้ว

‘ศุภชัย ใจสมุทร’ เดือดจัด! ซัด ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ไร้มารยาท ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง หลังวิจารณ์กัญชาเป็นยาเสพติด เพราะที่ประชุมรัฐสภาปลดล็อกแล้ว

ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ในฐานะประธานกรรมาธิการร่างพรบ.กัญชา กัญชง กล่าวถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า ‘กัญชาเสรีคือยาเสพติด’ นายศุภชัย มองว่าโพสต์ดังกล่าวไร้มารยาท ผิดจรรยาบรรณแพทย์ กำลังทำผิดวัตถุประสงค์ที่แพทย์ชนบทรุ่นก่อนทำกัน มีการบิดเบือนและหลอกลวงประชาชนและไม่เหมาะสม สูญเสียความเป็นกลาง อีกทั้งยังเกินกว่าบทบาทหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ประชาชนในประเทศใช้กัญชาอย่างแพร่หลาย

“ท่านกำลังก้าวล่วงมาในสิ่งที่ท่านกำลังทำในฐานะสิ่งที่ไม่ชอบต่อหน้าที่ของท่านด้วย เพราะล่าสุดก็คือวันนี้กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เพราะรัฐสภาแห่งนี้ได้ปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดจากพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษปี 2522 เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านโพสต์บอกว่ากัญชาเป็นยาเสพติด กำลังบิดเบือนหลอกลวงประชาชน สองก็คือท่านเป็นแพทย์ที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวง ก็คือการนำกัญชา มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่แทนที่ท่านจะทำหน้าที่ตรงนี้ท่านกลับไปพูดเท็จ ทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนก”

นายศุภชัย ยังพูดถึงโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ที่ประธานแพทย์ชนบทคนใหม่เป็นผู้อำนวยการ ก็มีการใช้กัญชารักษาอาการนอนไม่หลับ ยาแก้ไข้ แก้ลม รวมแล้วมีผู้ได้รับยาประมาณ 1,000 คน รวมถึงโรงพยาบาลในภาคใต้และทั่วประเทศมีการใช้กัญชามากกว่า 1 ล้านขวดและได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า

ทัวร์ลง 'ปิยบุตร' หลังแย้งเรื่องอุดมการณ์ 'ชัชชาติ' ด้าน 'โบว์ ณัฏฐา' ให้กำลังใจ ไม่เห็นด้วยกับพวกถล่มด่า

(4 ก.ค. 65 ) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อผมฟังคำอธิบายเรื่องค่าโดยสารสีเขียวของอาจารย์ชัชชาติ และเห็นว่าวิธีคิดของแก คือ นีโอลิเบอรัลที่เน้นการแข่งขันเอกชน และให้เอกชนดำเนินการเป็นหลัก รัฐแทบไม่มีบทบาททางเศรษฐกิจและสังคม ทันใดนั้น ผมก็โดนทัวร์ลงทันที

วัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำให้คนจำนวนมาก “เลือก” ที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เสี่ยงทำให้ “ทัวร์ลง”

ต่อไป เมื่อมีกลุ่มบุคคลทำหน้าที่ชี้เป้าให้ “ทัวร์ลง” มากขึ้น ก็ทำให้คนที่ต้องการวิจารณ์เรื่องใด เลือกที่จะไม่วิจารณ์ในที่สาธารณะ เกิดการเซนเซอร์ตนเองมากขึ้น

สังคมนี้ มีเครื่องมือจำกัดแสดงความเห็น ตั้งแต่ ขนาดเบา คือ “ทัวร์ลง” ตามมาด้วย “ล่าแม่มด” ไปไกลก็ “ฟ้องคดีใช้กฎหมายปิดปาก”

นายปิยบุตรยังตอบคอมเม้นต์ว่า ถ้าวัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำงานได้ดีในโลกโซเชียล ประกอบกับพื้นที่โซเชียลบีบให้คนต้องพูดสั้น เขียนสั้น สื่อต้องพาดหัวหวือหวาเพื่อเรียกยอดไลค์ยอดวิว และคนส่วนใหญ่มักอ่านแต่พาดหัว

สภาพเช่นนี้ ต่อไป ปัญญาชนหรือบุคคลสาธารณะจะเลือกไม่แสดงความคิดเห็นที่แหลมคมแต่อาจพาไปสู่การถกเถียงหรือ controversial มากขึ้น เลือกที่จะไม่แสดงออกซึ่งความเห็นที่ แม้ฝ่ายเดียวกัน ฟังแล้วอาจจะแสลงหู เพราะ ความเห็นแบบนี้ เสียงต่อโดนทัวร์ลง และเสียการยอมรับนับถือ หรือความนิยมไป

นอกจากนี้ ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ Bow Nuttaa Mahattana นักเคลื่อนไหวสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน คอมเม้นต์ว่า เห็นใจอาจารย์นะคะครั้งนี้ สิ่งที่อาจารย์พูด เรื่องการยกพวกถล่มด่าหรือที่เรียกว่าทัวร์ลง และ cancel culture ต่าง ๆ คือสิ่งที่โบว์เคยพูดมาก่อนแล้วเป็นปี ๆ แต่ก็มีกลุ่มคนที่ส่งเสริมวัฒนธรรมแบบนั้นมาก่อน โดยไม่เคยมีการท้วงติงใด ๆ จนวันนี้ ภายใต้คำว่าเสรีภาพในการพูด

'ฤทธิ์ ลือชา' โชว์เติมน้ำมันที่มาเลเซีย ลิตรละ 16.4 บาท ถูกจนอยากขับรถเล่นทั้งวัน

(4 ก.ค.65) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ฤทธิ์ ลือชา’ โพสต์ภาพขณะเติมน้ำมัน โดยระบุข้อความว่า…

เติมเองก็ได้วะ! ถ้ามันถูกขนาดนี้! ที่มาเลย์วันนี้ลงจากรถไปเติมน้ำมันไห้เห็นกันจะ ๆ ไปเลย! 
 

กราดยิงกลางห้างในกรุงโคเปนเฮเกน ตายหลายคน คาดอาจเป็นก่อการร้าย

เดนมาร์กช็อก!! หลังเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลกอย่างกรุงโคเปนเฮเกน เกิดเหตุกราดยิงกันที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) พบผูัเสียชีวิตหลายราย ด้านตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวเดนมาร์กวัย 22 ปี แต่ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าเหตุรุนแรงครั้งนี้อาจเป็น ‘การก่อการร้าย’

สารวัตรใหญ่ โวเรน โทมัสเซน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน และเท่าที่เรารู้ในตอนนี้คือ มีผู้เสียชีวิตหลายคนเช่นกัน" พร้อมระบุว่าตำรวจได้ปฏิบัติการตรวจค้นตามล่าครั้งใหญ่ทั่วภูมิภาคซีแลนด์

ตำรวจโคเปนเฮเกน ระบุว่า เจ้าหน้าที่ติดอาวุธถูกส่งไปยังห้างสรรรพสินค้าฟิลด์ส ในเมืองหลวงของเดนมาร์ก ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) หลังได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุยิงกัน และแจ้งให้ประชาชนภายในห้างอยู่นิ่งๆ รอคอยความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม คลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนท้องถิ่น พบเห็นผู้คนกำลังแตกตื่นวิ่งหนีตายออกจากห้างแห่งนี้

ไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่ามีมือปืนคนอื่น ๆ อีก จากการเปิดเผยของตำรวจ ส่วน โทมัสเซน ปฏิเสธให้ข้อสันนิษฐานใด ๆ เกี่ยวกับแรงจูงใจของคนร้ายหรือให้ข้อมูลว่ามือปืนเคยเป็นที่ติดตามจับตาของตำรวจหรือไม่ 

โฆษกของ Rigshospitalet โรงพยาบาลหลักในเมืองหลวง ระบุว่า ทางโรงพยาบาลได้รับคนไข้กลุ่มหนึ่งจำนวนเล็ก ๆ มารักษา และได้เรียกตัวแพทย์และพยาบาลเข้ามาช่วยดูแลเป็นกรณีพิเศษด้วย

BT หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของเดนมาร์ก เผยแพร่คลิปวิดีโอหนึ่งซึ่งยังไม่ผ่านการตรวจสอบ อ้างว่าบันทึกภาพโดย มาห์ดิ อัล-วาซนิ ผู้เห็นเหตุการณ์ เป็นภาพชายคนหนึ่งกำลังถือปืนไรเฟิลขนาดใหญ่เดินไปทั่วห้างสรรพสินค้าและกวัดแกว่งมันข้ามบ่าไปมา "เขาดูก้าวร้าวมากและยิงสิ่งต่าง ๆ ไปทั่วเลย"

'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย' มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถมแก่เยาวชนที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ประจำปี 2565

วันนี้ (วันที่ 4 กรกฎคม 2565 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2565 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมโดยไม่ต้องละทิ้งหรือยุติการศึกษาลงเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ เติมเต็มความมุ่งหวังในชีวิต เติบโตพร้อมมีวิชาความรู้ สร้างอนาคตของตนเองและครอบครัว เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ 

อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2  อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กล่าวว่า การมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิฯ โดยมีการมอบทุนการศึกษาทั้งในระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับชั้นปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร

รัฐบาล เตือนคนไทย เช็กก่อนเดินทางไปนอก หลายปท. ห้ามนำเข้ากัญชา โทษหนักถึงประหารชีวิต

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนประชาชนคนไทยห้ามนำเข้า กัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวไปยังต่างประเทศ ยืนยันรัฐบาลปลดล็อกกัญชากัญชงเพื่อประโยชน์ทางด้านการแพทย์และเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลบังคับใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

ขอให้ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือยา ที่มีส่วนผสมของกัญชา ตลอดจนมีส่วนต่าง ๆ ของกัญชา กัญชงในครอบครอง ที่จะเดินทางไปต่างประเทศตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางเกี่ยวกับข้อกำหนด การอนุญาต ข้อห้ามโดยละเอียด หากพกติดตัวไปจะได้รับโทษ โดยทางกระทรวงการต่างประเทศได้รวบรวมข้อมูล ดังนี้

อินโดนีเซีย ปรับขั้นต่ำ 1 พันล้านรูเปียห์ โทษจำคุก 5 ปี – ตลอดชีวิต หรือโทษสูงสุดประหารชีวิต

ญี่ปุ่น โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี (กรณีนำเข้า/ส่งออก) โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 3 ล้านเยน (กรณีจำหน่าย)

เวียดนาม โทษปรับ 5,000,000 – 500,000,000 ดองเวียดนาม โทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษสูงสุดประหารชีวิต เนปาล โทษจำคุกตั้งแต่ 1 เดือน – 10 ปี โทษปรับ 2,000- 900,000 รูปี

เกาหลีใต้ โทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป หรือตลอดชีวิต (กรณีลักลอบนำเข้า) โทษจำคุกอย่างน้อย 1 ปี (กรณีปลูก/จำหน่าย) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และถูกเนรเทศห้ามเดินทางเข้าเกาหลีใต้อีก (กรณีครอบครองหรือเสพ)

สิงคโปร์ โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ (กรณีครอบครองหรือเสพ) โทษประหารชีวิต (กรณีลักลอบค้า/นำเข้า/ส่งออก) โทษจำคุก 5-14 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำและปรับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top