Saturday, 7 June 2025
NEWS FEED

รัฐสภา ‘ศรีลังกา’ ไม่สนใจเสียงม็อบ เทคะแนนเลือก ‘วิกรมสิงเห’ นั่งผู้นำคนใหม่

รานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรี 6 สมัย ได้รับเลือกจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของศรีลังกาเมื่อวันพุธ (20 ก.ค.) โดยมีพรรคการเมืองของโกตาภยา ราชปักษา อดีตผู้นำที่บินหนีออกนอกประเทศให้การสนับสนุน

ก่อนการโหวตของสภา รานิล วิกรมสิงเห แถลงออกตัวว่า ตอนที่เข้าร่วมรัฐบาลของราชปักษาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น เศรษฐกิจศรีลังกาพังครืนไปแล้ว แต่นับจากนั้นเขาดำเนินการจนกระทั่งสามารถลดเวลาการดับไฟฟ้าเนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิงในการผลิต จากวันละ 5 ชั่วโมง เหลือ 3 ชั่วโมง รวมทั้งสามารถแจกจ่ายปุ๋ยให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแบนซึ่งบังคับใช้อยู่ก่อนหน้านั้น

สำหรับผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการของรัฐสภา ปรากฏว่า วิกรมสิงเหได้คะแนนจากสมาชิกสภา 134 เสียง ขณะที่คู่แข่งสำคัญคือ ดัลลัส อลาฮัปเปอรูมา ได้ 82 เสียง และตัวแทนจากพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย อนุรา ดิษนายาเก ได้แค่ 3 เสียง เท่ากับว่า วิกรมสิงเหได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง และชนะแบบขาดลอยไปตั้งแต่การโหวตรอบแรก ทั้งนี้ศรีลังกาเป็นประเทศที่รัฐสภามีเพียงสภาเดียว

หลังจากนั้น วิกรมสิงเห ที่เคยล้มเหลวในการสมัครลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมา 2 ครั้ง 2 ครา กล่าวสั้น ๆ ว่า ขณะนี้ความแตกแยกจบลงแล้ว และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อนำประเทศพ้นจากวิกฤต พร้อมแสดงความหวังว่า จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งแบบเรียบง่ายภายในอาคารรัฐสภาที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดให้แล้วเสร็จภายในวันพุธเลย

‘เทสลา’ เทขายบิตคอยน์ 75% ของที่ถือครอง หลังราคาทรุดหนัก ส่งผลกระทบกำไรบริษัท

บริษัทเทสลา อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ขายบิตคอยน์ในสัดส่วนสูงถึง 75% ของจำนวนบิตคอยน์ที่บริษัทถือครองอยู่ คิดเป็นมูลค่าการขาย 936 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ เทสลาได้เทขายบิตคอยน์ หลังจากมูลค่าของบิตคอยน์ทรุดตัวลงอย่างหนัก โดยร่วงลงมากกว่า 50% แล้วในปีนี้

“ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 ปีนี้ เทสลาได้เทขายบิตคอยน์ไปประมาณ 75% ของจำนวนบิตคอยน์ที่เราถือครอง ซึ่งทำให้งบดุลบัญชีของเรามีเงินสดเพิ่มขึ้น 936 ล้านดอลลาร์”

เทสลาระบุในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันพุธ (20 ก.ค.)

เทสลาระบุในแถลงการณ์ดังกล่าวว่า บิตคอยน์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้

ที่ผ่านมานั้น นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซี โดยเขามักจะโพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์และส่งผลให้ราคาคริปโทเคอร์เรนซีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์และดอจคอยน์

แถลงข่าว - โครงการปั่นเทิดพระเกียรติมิตรภาพไทย-มาเลเซีย

วันที่ (20 กรกฎาคม 2565) เวลา 15.30 น. มีแถลงข่าวโครงการปั่นเทิดพระเกียรติมิตรภาพไทย-มาเลเซีย ในบรรยากาศสุดอบอุ่นใต้ต้นไม้ บริเวณตรงข้ามด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก โดยนำกีฬามาเป็นสื่อ ภายใต้ความร่วมมือของสองประเทศ โดยนายวิเซษฐ์ ไทยทองนุ่ม ผู้แทนกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และนายกสมาคมการกีฬาแห่ง จ.นราธิวาส ซึ่งมีนายทศพล สวัสดิสุข รองผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส มาร่วมเป็นประธานเปิดพิธี รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะนราธิวาส และผู้ใหญ่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ร่วมเป็นเกียรติ

โครงการฯ ได้กำหนดจัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ในรัชกาลที่ 10 และส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายมีสุขภาพกายใจที่แข็งแรง พร้อมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์เมืองน่าท่องเที่ยวที่เชิญชวนให้มาเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดนราธิวาส ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ นายวิเซษฐ์ ไทยทองนุ่ม ผู้แทนกองทุนกล่าวว่า นราธิวาสมีศักยภาพและมีความพร้อมสามารถเป็นโมเดลเมืองกีฬา พร้อมสนับสนุนผลักดันผ่านสามคมการกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาสต่อไป

ในส่วนเส้นทางการปั่นในครั้งนี้ เริ่มต้น อ.สุไหงโกลก ไปยังด่านบูเกะตาเข้าสู่อำเภอยือลี รัฐกลันตัน ร่วมทำกิจกรรมปลูกต้นไม้และพักตามอัธยาศัยที่ตลาดยือลี รวมระยะทางการปั่นไปกลับทั้งสิ้น 96 กิโลเมตร 

นายวิเซษฐ์ ไทยทองนุ่ม ผู้แทนกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และนายกสมาคมการกีฬาแห่ง จ.นราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือของทุกฝ่ายพร้อมเปิดบ้าน และสร้างความมั่นใจในการเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยว ได้กลับมาชื่นชมบรรยากาศ และสิ่งสวยงามที่พร้อมให้มวลชนมาเยี่ยม สร้างมิตรไมตรี ที่ผู้คนพร้อมต้อนรับนักปั่นเกือบ 2000 ชีวิตที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

สตช. ชี้แจงกรณีตำรวจสิงคโปร์ออกหมายจับคดีฉ้อโกง หญิงไทยและสามีชาวสิงคโปร์หลอกซื้อขายนาฬิกาและกระเป๋า มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียนชี้แจงกรณีตำรวจสิงคโปร์ออกหมายจับหญิงไทยและสามีสิงคโปร์ ในคดีฉ้อโกงมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท

 จากประเด็นที่สำนักข่าวไทยและต่างประเทศรายงานเหตุการณ์หญิงไทย และสามีชาวสิงคโปร์ ถูกสำนักงานตำรวจสิงคโปร์ออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกง กรณีหลอกซื้อนาฬิกาและกระเป๋าหรูมูลค่าความเสียหายกว่า 800 ล้านบาท และมีผู้เสียหายกว่า 180 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจสิงคโปร์ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองรายได้หลบหนีการประกันตัวในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่

กรณีดังกล่าวได้ตรวจสอบข้อมูลจากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ปัจจุบัน องค์การตำรวจสากล ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศด้านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งมีประเทศสมาชิกจำนวน 195 ประเทศทั่วโลก ได้ออกหมายแดง (Red Notice) ตามที่ทางการสิงคโปร์ร้องขอจริง แต่ยังมิได้มีการประสานเรื่องหรือร้องขอมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินการแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากได้รับการประสานมาเมื่อใด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมที่จะดำเนินการแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทางการสิงคโปร์ทันที และทำการจับกุมตัว เพื่อนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายกฯ ชื่นชม ‘อภิญญา ทาจิตต์’ รับรางวัล TIP Heroes 2022 จากสหรัฐฯ

(20 ก.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมแสดงความยินดี และชื่นชมการทุ่มเททำงานช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ จนทำให้ คุณอภิญญา ทาจิตต์ จากองค์กร Stella Maris สังฆมณฑลจันทบุรี ได้รับรางวัล TIP Heroes ในปีนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศรายชื่อ นักสู้ต่อต้านการค้ามนุษย์ (TIP Heroes) ประจำปี 2022 จำนวน 6 คน ซึ่งเป็นบุคคลหลากหลายประเทศทั่วโลกที่มีผลงานในด้านปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยทั้ง 6 คนได้รับประกาศเกียรติคุณยกย่องต่อการอุทิศตนเพื่อต่อสู้กับปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งน่าภูมิใจว่า 1 ในนั้นมีคนไทยรวมอยู่ ได้แก่ คุณอภิญญา ทาจิตต์ จากองค์กร Stella Maris สังฆมณฑลจันทบุรี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พร้อมกรมประมงบินประสานมาเลเซียขอเรือประมง IUU ที่หลบหนีกลับมาดำเนินคดีที่ไทย

จากกรณีที่เมื่อเดือน ธ.ค.๖๔ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการประมง ร่วมกับ ศรชล จับกุมเรือประมงปลอมแปลงสัญชาติซึ่งลักลอบเข้ามาทำการประมงโดยผิดกฎหมาย จำนวน ๕ ลำ พร้อมดำเนินคดีเจ้าของเรือและลูกเรือรวมจำนวน ๒๒ ราย ซึ่งร่วมกันกระทำความผิดกรณีลักลอบเข้ามาในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ และมีการปิดบังและเปลี่ยนแปลงชื่อเรือและสัญชาติจากมาเลเซียเป็นสัญชาติอินโดนีเซีย ตามที่ทราบแล้ว นั้น

ความคืบหน้าในส่วนของคดีนั้น ศาลได้มีการพิจารณาคดีเกี่ยวกับเรือประมงดังกล่าวไปแล้วจำนวน ๓ ลำ เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพ โดยสั่งริบเรือประมง และปรับเงินจำนวนกว่า  ๑๙ ล้านบาท ส่วนอีก ๒ ลำ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ต่อมาในช่วงเดือน มี.ค.๖๕ ระหว่างที่มีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องนั้น ในส่วนของเรือประมงที่ยึดไว้ทั้ง ๕ ลำ ซึ่งเก็บรักษาไว้ ณ กรมศุลกากรจังหวัดสงขลา ได้เข้าสู่กระบวนการประมูลเรือขายทอดตลาดของกรมศุลกากร แต่ปรากฏว่า หลังจากที่เรือประมงทั้ง ๕ ลำ ถูกประมูลไปแล้วนั้น กลับฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าหน้าที่ ลักลอบเดินทางออกไปยังน่านน้ำประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประสานงานกับทางการมาเลเซียเพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมเรือประมงทั้ง ๕ ลำดังกล่าว ซึ่งต่อมาในช่วงเดือน พ.ค.๖๕ ทางการมาเลเซียได้แจ้งว่า สามารถติดตามจับกุมเรือประมงทั้ง ๕ ลำไว้ได้ครบถ้วนแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายของทางการมาเลเซีย

ในการนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการประสานงานกับทางการมาเลเซีย เพื่อขอความร่วมมือในการขอรับเรือประมงทั้ง ๕ ลำ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงได้บูรณาการร่วมกับ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เพื่อดำเนินการประสานงานกับทางการมาเลเซียต่อไป

ในวันนี้ (๒๐ ก.ค.๖๕) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.๑, พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง และนายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง ได้เดินทางไปพบกับ ดาโต๊ะ สรี ซัมรี บิน ยะฮ์ยา ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ประเทศมาเลเซีย เพื่อประสานความร่วมมือในการนำเรือประมง ๕ ลำดังกล่าวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ณ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยได้มีการพบปะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งการแสวงหาความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งกรณีเรือประมงทั้ง ๕ ลำดังกล่าว จะถูกนำกลับมาดำเนินคดีในความผิดฐาน ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามออกนอกราชณาจักร และลักลอบออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการของกรมเจ้าท่า และตรวจคนเข้าเมือง

ฉะเชิงเทรา-ปปช.ลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำบาดาลอ.สนามชัยเขต

(19 ก.ค.65) นายสมชาย ยิ้มแฉล้ม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมกลุ่มงานป้องกันการทุจริต ได้ลงพื้นที่ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบประมาณ 14,109,300 บาท อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ยังไม่ได้ส่งมอบให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใด ) โดยลงพื้นที่ ณ บ้านทุ่งเหียง ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ร่วมกับผู้แทนสำนักงานทรัพยากรน้ำเขต 9  และผู้อำนวยการกองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบลท่ากระดาน  

จากการลงพื้นที่ พบว่าโครงการดังกล่าวมีการขุดเจาะน้ำบาดาล  ทำเสร็จเมื่อปี2564 จำนวน 4 บ่อ ซึ่งเมื่อตรวจสอบจากเลขมิเตอร์และสอบถามชาวบ้านบริเวณดังกล่าวพบว่าได้มีการจ่ายน้ำให้กับชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น จนกระทั่งเกิดเหตุมีช้างที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหลุดมาจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงโครงการฯมาเหยียบทำให้เกิดความเสียหาย 1 บ่อ และอุปกรณ์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายจากช้างป่าทำลาย ขณะนี้อยู่ในระหว่างซ่อมแซมจากผู้รับจ้าง 

ขณะที่ท่อส่งน้ำหลักเชื่อมทั้ง 4 บ่อเกิดความเสียหายทำให้ท่อน้ำรั่ว จำนวน 3 จุด ชาวบ้านผู้ควบคุมการเปิด-ปิดน้ำบาดาลจึงได้ทำการปิดท่อส่งน้ำชั่วคราวไปก่อน โดยโครงการนี้มีประชาชนที่ได้รับประโยชน์จำนวน 30 ครัวเรือน

ทั้งนี้ ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 9 และผู้รับจ้าง ได้นำอุปกรณ์สำหรับซ่อมแซมท่อส่งน้ำมาเตรียมการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะซ่อมแซมแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2565 

สำหรับโครงการดังกล่าวยังอยู่ในระยะเวลาประกัน 2 ปี ทั้งสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทราได้ขอเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่มาของโครงการฯ และขั้นตอนการดำเนินโครงการจากสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 9 เพื่อตรวจสอบรายละเอียด 

'กระทรวงเกษตรฯ' หารือ 'หอการค้า' ขยายความร่วมมือภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ 'เฉลิมชัย'

'อลงกรณ์' จับมือ 'สนั่น' ขับเคลื่อนเกษตรมูลค่าสูงยกระดับรายได้เกษตรกรเพิ่มมูลค่าการค้าส่งออกสู่เป้าหมายประเทศมหาอำนาจอาหารภายในปี 2030

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ว่า ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตรของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งขยายความร่วมมือกับทุกภาคีภาคส่วน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีกำหนดประชุมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อหารือแนวทางและโครงการขยายความร่วมมือในทุกมิติตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในการยกระดับภาคเกษตรกรรมสู่เกษตรมูลค่าสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรเพิ่มรายได้เกษตรกรและเพิ่มมูลค่าการค้าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารสู่เป้าหมายประเทศผู้ส่งออกอาหารท็อปเทนของโลกและมหาอำนาจอาหารภายในปี 2030 โดยตนจะนำคณะหารือกับนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและคณะในวันพรุ่งนี้ที่สำนักงานใหญ่หอการค้าไทย โดยจะมีประเด็นการหารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือในโครงการที่ผ่านมาเช่นโครงการ 1 ไร่ 1 แสนและแนวทางความร่วมมือใหม่ๆ เช่น...

การส่งเสริมระบบการค้าสินค้าเกษตรที่เสรีและเป็นธรรม การพัฒนาธุรกิจเกษตรครอบคลุมถึงระบบตลาดสินค้าเกษตรแบบออนไลน์และออฟไลน์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์ การพัฒนาระบบประมูลสินค้าเกษตร ระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตรทั้งในและต่างประเทศ การส่งเสริมเกษตรพันธสัญญา และระบบประกันภัยพืชผล รวมทั้งความร่วมมือด้านการพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิรูประบบอำนวยความสะดวกทางการค้าการส่งเสริมระบบเกษตรกรรมยั่งยืน 

พก.จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “แนวทางการพัฒนาสถานะบุคคลและสัญชาติให้กับผู้ใช้บริการในสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการ”

วันนี้ (20 ก.ค. 65) เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมแบงค็อก มิดทาวน์ กรุงเทพฯ "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “แนวทางการพัฒนาสถานะบุคคลและสัญชาติให้กับผู้ใช้บริการในสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการ” โดยนางสาวอมรศรี รัศมิทัต ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาคนพิการ (กคพ.) เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลให้กับผู้ใช้บริการในสถานคุ้มครองฯ เนื่องจากคนพิการที่อยู่ในความดูแลภายใต้สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการ 11 แห่ง ยังมีผู้ใช้บริการกลุ่มบุคคลไร้รากเหง้าประสบปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติในปัจจุบันมีร้อยละ 10 ของผู้ใช้บริการทั้งหมดที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิและบริการต่างๆ จากภาครัฐได้ ซึ่งในปีงบประมาณที่ผ่านมากองคุ้มครองฯ ได้ดำเนินการทบทวนความรู้ตามข้อกฎหมาย และให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจัดทำข้อมูลยื่นคำร้องเพื่อพัฒนาสถานะทางทะเบียนราษฎรและสัญชาติ 

อบต.เกษตรสุวรรณ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี เสริมสร้างความรู้สิทธิคนพิการ ตามกฎหมาย

อบต.เกษตรสุวรรณ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี เสริมสร้างความรู้สิทธิคนพิการ ตามกฎหมาย

20 ก.ค. 65 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลเกษตรสุวรรณ หมู่ที่ 4 ตำบลเกษตรสุวรรณ อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี จัด "โครงการอบรมให้ความรู้สิทธิที่ควรได้รับสำหรับคนพิการ" จัดโดยสำนักปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเกษตรสุวรรณ  และได้รับเกียรติจาก "นางอมรรัตน์" กตัญชลีกุล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกษตรสุวรรณ เป็นประธานเปิดโครงการฯ พร้อมทั้งกล่าวให้โอวาทกับกลุ่มเป้าหมายผู้เข้ารับการอบรม คนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ ครอบครัวคนพิการ กว่า 40 คน เพื่อแสดงถึงความความห่วงใยการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ครอบครัวคนพิการ ที่อาศัยอยู่ในความรับผิดชอบ และจะมุ่งมั่นสร้างความรัก ความสามัคคี ความมั่นคงในการดำรงชีวิตของประชาชน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามนโยบายของภาครัฐ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top