Monday, 9 June 2025
NEWS FEED

'หมอยง' ชี้!! โควิด 19 แนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อไปแล้วจำนวนมาก

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด 19 แนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อไปแล้วจำนวนมาก

ภาพรวมของ covid 19 มีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น

ประชากรส่วนใหญ่ มีภูมิต้านทานเกิดขึ้น จากการฉีดวัคซีน มีการฉีดวัคซีนไปแล้วเกือบ 143 ล้านโดส แต่เมื่อดูการฉีดครบ 2 เข็ม ก็อยู่ประมาณเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ และการฉีด 3 เข็ม ประมาณเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เรามีวัคซีนเพียงพอ และอยากให้มีการฉีดวัคซีนให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง

ในขณะเดียวกันประชากรส่วนใหญ่ มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติ ยอดการติดเชื้อที่มีการแจ้งให้ทราบ เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ในความเป็นจริงประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง

‘อรุณี’ รองเลขาฯ เพื่อไทย เรียกร้อง ‘พล.อ.ประวิตร’ ผอ.กอ.รมน.สั่งตรวจสอบระบบการฝากกำลังพลใน กอ.รมน. หลังเกิดกรณี ‘ส.ต.ท.หญิง’ ไม่ใช่แก้ไขรายกรณี ชี้ 8 ปี ‘พล.อ.ประยุทธ์’ สร้างระบบเผด็จการ แผ่อำนาจ กอ.รมน.

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณี ผลการสอบของคณะกรรมการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. เรื่องการมาช่วยราชการของ ส.ต.ท.หญิง เป็นการขอมาช่วยราชการเอง พิจารณาแล้วเหมาะสม และได้มีคำสั่งให้พ้นหน้าที่โดยมีผลย้อนหลังนั้น การกระทำดังกล่าวถือว่าจบ แต่คำถามที่สังคมสงสัย คือกรณีแบบนี้มีอีกกี่คน และใครควรต้องรับผิดชอบ กอ.รมน.เองใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนอย่างคุ้มค่าหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ประชาชนทุกข์ยากลำบากจากสภาวะเศรษฐกิจแค่ไหน แต่ก็ยังต้องจ่ายภาษีทุกวัน เพื่อให้ผู้มีอำนาจบางคนถลุงเงินภาษีไปในทางที่ไม่เหมาะสม

น.ส.อรุณี กล่าวว่าที่ผ่านมา ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศ ได้มีการออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 312/2562 แบ่งโครงสร้าง กอ.รมน.ใหม่ 17 หน่วยงาน ให้หน้าที่ อำนาจส่วนงาน ศูนย์ประสานการปฏิบัติ กอ.รมน.ภาค จังหวัด ขึ้นตรงกับ ผอ.กอ.รมน. ส่วนอัตรากำลังให้ ผอ.กอ.รมน. จัดสรรจำนวนตามที่ ครม.กำหนดให้เพียงพอกับความจำเป็นและยังให้หน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนตามที่ได้รับการประสานและร้องขอ

‘บิ๊กป้อม’ ฟิตจัด วางคิวตจว.ทุกวันจันทร์ ตลอดเดือน ก.ย. ‘กระบี่-ตาก-นราธิวาส’ ดูบริหารจัดการน้ำ-ที่ดินทำกิน

4 ก.ย. 2565 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ‘พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี General Prawit Wongsuwon’ที่ระบุ FC ทำขึ้น ได้โพสต์ข้อความว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี มีการวางกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัดทุกวันจันทร์ตลอดทั้งเดือน ก.ย. 2565
.
โดยในวันที่ 5 ก.ย. มีกำหนดการลงพื้นที่จ.กระบี่ วันที่ 12 ก.ย.ลงพื้นที่จ.ตาก และวันที่ 19 ก.ย.ลงพื้นที่จ.นราธิวาส ซึ่งการลงพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นการลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติภารกิจทั้งในฐานะรองนายกฯ และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีควบคู่ไปด้วย ทั้งในส่วนงานที่รับผิดชอบเรื่องปัญหาแรงงาน, ปัญหาเกษตรกรชาวสวนปาล์ม การบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการที่ดิน, การแก้ปัญหาด้านที่ดินทำกินให้เกษตรกรและคนยากจน การคืนโฉนดอนุญาตทำประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 เป็นต้น

ครบรอบปีที่ 85 “วันเรือดำน้ำ” กองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ จัดงานวันเรือดำน้ำ ประจำปี 2565

(2 ก.ย.65) พลเรือเอกสมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบหมายให้ พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นผู้แทนในการเป็นประธานในงาน “วันเรือดำน้ำ” ประจำปี 2565 วันที่ 4 ก.ย.65 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติ ให้แก่อดีตทหารเรือที่เป็นนักดำเรือดำน้ำ และรำลึกถึงอดีตนักดำเรือดำน้ำผู้ล่วงลับไปแล้ว ตลอดจนรำลึกประวัติศาสตร์การมีเรือดำน้ำของกองทัพเรือ รวมทั้งเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับบทบาทความสำคัญของเรือดำน้ำ และแนวคิดในการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนาขีดความสามารถเรือดำน้ำของ ทร.ในปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2480 หรือเมื่อ 85 ปีที่แล้ว เป็นวันที่สำคัญยิ่งอีกหน้าหนึ่งที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือไทย ที่กองทัพเรือได้ประกอบพิธีรับมอบเรือดำน้ำ คือ เรือหลวงมัจฉาณุ และเรือหลวงวิรุณ ณ อู่ต่อเรือ มิตซูบิชิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ธงราชนาวีไทยได้โบกสะบัดอย่างสง่างามบนยอดเสาเรือดำน้ำ ณ บริเวณท้ายเรือหลวงมัจฉาณุ และเรือหลวงวิรุณเป็นครั้งแรกซึ่งนับได้ว่าเป็นเรือดำน้ำ 2 ลำแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากนั้น ในปี พ.ศ.2481 บริษัท มิตซูบิชิ ได้ต่อเรือดำน้ำจนครบทั้ง 4 ลำ ตามสัญญาการว่าจ้างจากกองทัพเรือเสร็จสมบูรณ์ ประกอบด้วย เรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ เรือหลวงสินสมุทร และเรือหลวงพลายชุมพล โดยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2481 เรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ ได้ออกเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นและเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2481 ตามลำพัง โดยปราศจากเรือพี่เลี้ยงซึ่งยังความประหลาดใจแก่ชาวญี่ปุ่นรวมทั้งชาวอเมริกันเป็นอันมากเนื่องด้วยเรือดำน้ำขนาดเล็กเช่นนี้ การออกทะเลหลวงในยามปกติ มักมีเรือพี่เลี้ยงคอยติดตามอยู่ใกล้ๆ ในระยะปลอดภัยทั้งสิ้น นับเป็นการแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของกำลังพลประจำเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ที่ได้ปรากฏแก่สายตาอารยะประเทศ นอกจากนี้ ระหว่างที่เรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ ประจำการมีภารกิจที่สำคัญที่ต้องจารึกไว้คือ เมื่อกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส แม้ว่าเรือหลวงธนบุรี และเรือตอร์ปิโดของไทยถูกเรือรบฝรั่งเศสยิงจมลงแต่ทว่าเรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ เรือหลวงสินสมุทร และเรือหลวงพลายชุมพลก็มิได้เสียขวัญยังคงปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบอย่างสุดความสามารถ โดยได้วางกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณหน้าฐานทัพเรือเรียมของอินโดจีน-ฝรั่งเศส โดยในเวลากลางวันจะทำการดำอยู่ใต้น้ำ  ส่วนกลางคืนแล่นลาดตระเวนบนผิวน้ำเพื่อประจุแบตเตอรี่ นับเป็นปฏิบัติการใต้น้ำเพื่อเป็นการปกป้องอธิปไตยในยามสงครามครั้งแรกของเรือดำน้ำไทยโดยภายหลัง จดหมายเหตุฝ่ายฝรั่งเศสจารึกยุทธนาวีที่เกาะช้างไว้ว่าฝรั่งเศสมีความหวั่นเกรงเรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ ของไทย เป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจหลีกเลี่ยงการเข้ามาปฏิบัติการในอ่าวไทยหากมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด จะเข้าพื้นที่ปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติภารกิจ ที่ได้รับมอบในช่วงระยะเวลาอันสั้น และเมื่อปฏิบัติการแล้วเสร็จจะถอนกำลังกลับทันที เนื่องด้วยเกรงว่าจะถูกโจมตีจากเรือดำน้ำ

ในวาระที่วันเรือดำน้ำเวียนมาบรรจบครบรอบปีที่ 85 ในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2565 นี้ ขอเชิญชวนท่านทั้งหลายน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และจอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ที่ได้ทรงวางรากฐานกิจการเรือดำน้ำให้แก่กองทัพเรือ และพร้อมใจกันร่วมเชิดชูเกียรติประวัติ ของกำลังพลประจำเรือดำน้ำแห่งราชนาวีไทยในอดีต ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยกล้าหาญ ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาสละเลือดเนื้อและชีวิตให้กับกองทัพเรือและอธิปไตยของประเทศชาติ

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผลประโยชน์ทางทะเล นับเป็นหลายล้านล้านบาทต่อปี และนับวันจะทวีมูลค่ามากขึ้นในอนาคต ดังนั้น การปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยการเสริมสร้างกำลังทางเรือจึงเป็นความจำเป็น เพื่อให้มีกำลังทางเรือที่สมดุลทัดเทียมกันในภูมิภาค หรือ เพื่อให้มีศักยภาพในการรบที่ใกล้เคียงกันหรือเหนือกว่า ทั้งนี้ในปัจจุบันประเทศต่างๆ ในภูมิภาคได้เสริมสร้างกำลังทางเรือเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกำลังเรือดำน้ำ ทำให้เมื่อเปรียบเทียบขีดความสามารถของกำลังทางเรือแล้ว กองทัพเรือมีความเสียเปรียบอย่างยิ่ง จึงมีความจำเป็นต้องจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการ จึงจะรักษาสมดุลย์กำลังทางเรือในการรักษาความมั่นคงทางทะเลในปัจจุบันได้ โดยเรือดำน้ำ ถือเป็นเรือรบที่มีศักยภาพสูงที่สุดในบรรดาเรือรบด้วยกัน เป็นอาวุธที่มองไม่เห็น ตรวจจับยาก ปฏิบัติการได้ไกล และมีอำนาจการทำลายรุนแรง สามารถสร้างความยำเกรงให้กับฝ่ายตรงข้ามที่มีกำลังทางเรือเหนือกว่าอย่างมากได้ เรือดำน้ำจึงจะเข้ามาเสริมเติมเต็ม ให้กองทัพเรือมีขีดความสามารถครบทุกมิติ คือ ผิวน้ำ ใต้น้ำ และ ในอากาศ ซึ่งจะเป็นหลักประกันในการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติอย่างมั่นคงสืบไป

​​​

ศรชล.จัดการฝึกปฏิบัติการร่วม ประจำปี 65 เพื่อเตรียมความพร้อมในการแก้ไขวิกฤตของชาติทางทะเล เป็นหลักประกันที่มอบให้กับชาติและประชาชาชน

(2 ก.ย.) พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสนาธิการทหารเรือในฐานะเลขาธิการ ศรชล.ตรวจเยี่ยมการฝึกปฏิบัติการร่วม ศรชล. ประจำปี 2565  ใน 2 หัวข้อ “1.การต่อต้านการก่อการร้ายทางทะเล และ 2.การปราบปรามการลักลอบขนอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงทางทะเล" โดยมี พลเรือโท ประวิณ  จิตตินันท์ รองเลขาธิการ ศรชล. พลเรือโท พิชัย  ล้อชูสกุล ผู้อำนวยการ ศรชล.ภาค 1 ผู้บริหารจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และหน่วยงานหลักทั้ง 7 หน่วยงานใน ศรชล. ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมชมการฝึก ณ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ท่าเรือจุกเสม็ด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

พลเรือตรี อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล โฆษก ศรชล. กล่าวว่า การฝึกปฏิบัติการร่วม ศรชล. ประจำปี 2565 ภายใต้หัวข้อ “การฝึกการต่อต้านการก่อการร้ายทางทะเล และการปราบปรามการลักลอบขนอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง สินค้าทางทะเลที่ผิดกฎหมายหรือสินค้าต้องห้ามตามพันธกรณีระหว่างประเทศ” โดยใช้กำลังหลักของ ศรชล.ภาค 1 ดำเนินการฝึก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2565 เป็นการบูรณาการปฏิบัติการร่วมกับกำลังทางเรือของหน่วยงานหลักใน ศรชล. โดยมีเรือจากกองทัพเรือ ประกอบด้วยเรือหลวงจักรีนฤเบศร, เรือหลวงสิมิลัน,  เรือหลวงตากใบ กรมศุลกากร กองบังคับการตำรวจน้ำ เฮลิคอปเตอร์จากกองทัพเรือ 3 ลำ ชุดปฏิบัติการพิเศษ จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ พร้อมนำเรือปฏิบัติการพิเศษแบบใหม่ หรือที่เรียกกันว่า เรือยางท้องแข็งทางยุทธวิธี จำนวน 2 ลำ มาร่วมฝึกด้วย รวมทั้งได้จัดชุดแพทย์ฉุกเฉิน จากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ชุดถอดทำลายอมภัณฑ์ จากกรมสรรพาวุธทหารเรือ และชุดตรวจอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง จากกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ 

สภาเกษตรแถลงความสำเร็จคูปองดิจิทัลเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล (Depa mini transformation voucher)

(2 ก.ย.65) สภาเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จัดงานแถลงความสำเร็จในการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและสนับสนุนและส่งเสริมคูปองดิจิทัลเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล (Depa mini transformation voucher) ประจำปีงบประมาณ 2565 โดยมี นายศรีษะเกษ สมาน รองเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม และ สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ เข้าร่วมงานดังกล่าวฯ ณ ห้องบางปะกง โรงแรม ที วินเทจ บางคล้า ตำบลท่าทองหลาง อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา 

โดยทางสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ได้สนับสนุนเงินอุดหนุนคูปองดิจิทัลให้แก่สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 100 คูปอง คูปองละ 10,000 บาท รวมทั้งสิ้น 1 ล้านบาท โดยสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหน่วยงานในการประชาสัมพันธ์เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลและรับสมัครเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดไกล้เคียง ผู้สนใจใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล แบ่งเป็นชนิดการใช้เทคโนโลยี โดรนช่วยฉีดพ่น และ ระบบ Iot Smart farm ควบคุมน้ำอัจฉริยะ 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กห. ลงพื้นที่อยุธยา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการเตรียมการป้องกัน รับมือมวลน้ำเจ้าพระยาเพิ่ม

(2 ก.ย.65) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อม รมช.กห. ปล.กห. และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่เตรียมการรองรับสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยาและการปฏิบัติงานของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กห.และเหล่าทัพในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

โดยเดินทางไปยังวัดกษัตราธิราชเจ้า เป็นจุดแรก โดยเมื่อมาถึง พลเอก ประยุทธ์ฯ ได้เข้าสักการะพระพุทธกษัตราธิราช พระพุทธกษัตราภิมงคล สมเด็จพระพนรัตน์ พระอาจารย์ในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จากนั้น ได้รับฟังบรรยายสถานการณ์น้ำและแนวทางรับมือ พร้อมตรวจเยี่ยมกำลังพลมอบสิ่งของให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่กรอกกระสอบทรายทำเขื่อนกั้นน้ำชั่วคราว และตรวจความพร้อมของเครื่องสูบน้ำ รวมทั้งการเตรียมการป้องกันสถานที่สำคัญๆ ชุมชน และการรับมือกับปริมาณน้ำในแม่น้ำที่เพิ่มขึ้น ก่อนที่จะเดินทางต่อไปสังเกตการณ์สถานการณ์น้ำและการสนับสนุนของหน่วยทหารในพื้นที่บริเวณพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย โดยได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ปฎิบัติงาน จากนั้นเดินทางต่อไปยังพระตำหนักสิริยาลัยเป็นจุดถัดไป

'ชาวทวิต' รุมสับ!! รายการ ‘ร้องข้ามกำแพง’  หลังปล่อยพูดเรื่อง 18+ ต่อหน้า ‘สไปร์ท’ วัย 16 ปี

ทำเอาโลกออนไลน์เดือดไม่น้อย สำหรับรายการ 'ร้องข้ามกำแพง' ที่ชาวเน็ตถามหาความเหมาะสมของเนื้อหารายการ ว่าสามารถพูดถึงเรื่องลามกบนเวทีได้แล้วหรือไม่

โดยรายการตอนดังกล่าว มี ชมพู่ ก่อนบ่าย มาร่วมรายการ ในช่วงที่ทายแขกรับเชิญปริศนานั้น หมอก้อง ซึ่งเป็นแขกรับเชิญหลังกำแพง ได้ใบ้ว่า “คุณชอบให้สามีประแป้งที่…ครับ” ซึ่ง ชมพู่ ยังได้ตอบว่า “ทุกวันนี้ ที่คนทักว่าคอบวม เป็นเพราะกินแป้ง”

ซึ่ง สไปร์ท แร็พเปอร์หนุ่มวัย 16 ปี ที่อยู่ในรายการ ได้สงสัยว่าแป้งแล้วทำไมติดคอ ขณะที่ชมพู่ยังอธิบายว่า “เวลาสามีอาบน้ำเสร็จแล้วชอบโรยแป้งที่…” ซึ่ง สไปร์ท ก็ยังคงไม่เข้าใจ

ทั้งยังมี ช่วงตอนหนึ่งที่ ปู่จ๋าน ลองไมค์ มาออกรายการ และมีคำพูดที่สามารถตีความได้

โดยหลายคนมองว่าเรื่องนี้เป็นความไม่เหมาะสม ที่จะพูดต่อหน้าเยาวชน ทั้งการพูดในรายการ โดยว่า

“พูดเรื่องลามกกันเปิดเผยโคตรๆ แล้วสไปร์ทอายุ 16 นั่งหัวโด่อยู่ตรงนั้นอะ น้องมันไม่ทันมุกแล้วก็อุตส่าห์พยายามจะอธิบายอีก แบบหมดคำจะเอ่ยแล้ว ตอนดูกูสงสารสไปร์ทมากๆ”

“ในรายการพูดว่าน้องสไปร์ทมาออกซุปเปอร์เท็นตอนกี่ขวบ ละก็เล่นเข้ามุกว่าอะไรที่ยังไม่ขึ้นตอนนี้ก็ขึ้นละ อะไรที่ยังไม่ฟูตอนนี้ก็ฟูละ กูแบบโอ๊ย มึง sexual harassment เด็กขนาดนี้เลยเหรอวะ อุบาทว์เ-ย ๆ สงสารน้องอะ #ร้องข้ามกำแพง”

คลิปดังกล่าว มีคนรีออกไปหลายหมื่นครั้ง บ้างก็โควทรีทวิตไป และมองว่าไม่เหมาะสม โดยมีความเห็นหลากหลาย อาทิ

“เรื่องลามกไม่ผิดครับ รายการนี้ผิดจุดเดียวแค่ว่าเอาเด็กวัย 16 ปีมาร่วมรายการแล้วทำแบบนี้ ถ้าจะเล่นมุข 18+ ออกอากาศ ควรสามารถทำได้ ตราบใดที่รายการติดเรตติ้งถูกต้อง แล้วไม่มีคนร่วมรายการที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ”

เมื่อสภาพัฒน์ฯ ทำตัวแบบมีธงในการขับเคลื่อนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ นอกจากเอ็นจีโอแล้ว ใครคือไอ้โม่ง ที่อยู่เบื้องหลัง และรักษาการนายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช.) โดยส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 หรือ นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งเป็นโครงการการสร้างเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่เป็นการลงทุนของเอกชน โดยการสนับสนุนของรัฐบาลที่มี วัตถุประสงค์ เพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่สำคัญ เป็นเกตเวย์ หรือท่าเรือ เพื่อการส่งออกที่เป็นประตูที่ 3 ของประทศสู่โลกภายนอก เพื่อการแข่งขันกับนานาประเทศที่เป็นคู่แข่งของประเทศไทย 

ซึ่งการเริ่มเข้ามาขับเคลื่อนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ โดยการที่ สสช. ส่ง เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ เพื่อจัดทำรายงานการศึกษาระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ได้สร้างความดีใจกับคนส่วนใหญ่ของ อ.จะนะ ไม่เฉพาะแต่คนในพื้นที่ 3 ตำบล คือ นาทับ, สะกอม และ ตลิ่งชัน ที่เป็นพื้นที่ตั้งของโครงการ เพราะคนทั้ง อ.จะนะ เชื่อว่า ถ้าโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 หรือนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เกิดขึ้นได้จริง ต้องส่งผลถึงผู้คนใน หลายสาขาอาชีพ ของคนจะนะ และใกล้เคียงด้วย

แต่...ประชาชนที่ต้องการเห็นการเกิดขึ้นของนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เริ่มไม่แน่ใจว่าการลงพื้นที่ของ เจ้าหน้าที่ชุดนี้จากสภาพัฒน์ เพื่อทำเรื่อง SEA จะเป็นการมาเพื่อการขับเคลื่อนให้โครงการนี้เกิดขึ้น เพื่อการพัฒนาภาคใต้ หรือมาเพื่อการทำ SEA เพื่อให้หยุดโครงการดังกล่าวกันแน่ 

ตำรวจแถลงกฎหมายจราจรฉบับใหม่เริ่มใช้ 5 กันยายน 2565 พร้อมมอบรางวัลประชาชนส่งคลิปกล้องหน้ารถ ในโครงการอาสาตาจราจร รวม 50,000 บาท

วันนี้ (2 ก.ย. 65) เวลา 10.30 น. ณ ห้องศรียานนท์ โซนซี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ,พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์  รอง ผบช.น., พร้อมด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ, คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษา ฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัลและเกียรติบัตร โครงการอาสาตาจราจร ประจำเดือน ก.ค. 65 ให้แก่ เจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุและเหตุการณ์ขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมายสำคัญ และส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมจำนวน 10 คลิป เงินรางวัลรวมจำนวน 50,000 บาท โดยมีบริษัท วิริยะฯ สนับสนุนเงินรางวัล โดยคลิปสำคัญ มีดังนี้

คลิปรางวัลที่ 1 เป็นคลิปอุบัติเหตุบนถนนพหลโยธิน กรณีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับขี่แทรกมาชนกับรถจักรยานยนต์ไรเดอร์ และไปชนรถยนต์อีก 2 คันด้วย ขณะเดียวกันผู้ขับขี่จักรยานยนต์คันที่ขี่แทรกมานั้น ได้จับรถจักรยานยนต์ของไรเดอร์ แต่มือไปโดนคันเร่ง ทำให้รถพุ่งไปชนกับรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหาย ผลทางคดี พนักงานสอบสวน สน.พลหโยธิน ได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันที่กระทำผิด ข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และชดใช้ค่าเสียหายให้กับรถคันอื่นๆ

คลิปรางวัลที่ 2 เป็นคลิปอุบัติเหตุ บริเวณแยกประชานุกูล ถ.รัชดาภิเษก เหตุการณ์รถยนต์ส่วนบุคคลสีขาวขับมาด้วยความเร็ว ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์กลางแยก ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ ผลทางคดี พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้เรียกตัวผู้กระทำผิดมาตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พบว่าไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ แต่มีความผิดฐานขับขี่ด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ      

คลิปรางวัลที่ 3 เป็นคลิปอุบัติเหตุ บริเวณกำแพงเพชร วัดเสมียนนารี รถแท็กซี่ได้สัญญาณไฟเขียวขับผ่านแยกไปตามเส้นทางปกติ แต่มีรถจักรยานยนต์ ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง พุ่งชนเข้ากลางลำของรถแท็กซี่ หมวกนิรภัยกระเด็นจากศีรษะ ได้รับบาดเจ็บ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้เปรียบเทียบปรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในข้อหา ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ  กล่าวว่า จากการตรวจสอบคลิปอุบัติเหตุ มักจะเกิดจากการขับขี่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งรัดกวดขันวินัยจราจรในข้อหาที่เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุอย่างเคร่งครัด และฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 5 ก.ย.65 อัตราโทษปรับตามกฎหมายจจราจรจะมีอัตราโทษที่สูงขึ้น หากขับฝ่าฝืนกฎจราจรและเกิดอุบัติเหตุ อาจถูกปรับสูงสุดถึง 4,000 บาท

นอกจากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ยังได้ให้ข้อมูลกฎหมายจราจรทางบกฉบับใหม่ที่จะมีผลวันที่ 5 ก.ย.65 ที่ประชาชนต้องรู้เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง มีดังนี้

1) เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับ  กระทำผิดครั้งแรกจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก เพิ่มอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000 – 100,000 บาท และศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ (ม.160 ตรี/1 และ 160 ตรี/3)  

​2) เพิ่มอัตราโทษที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยง ในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทาง     2.1 เพิ่มอัตราโทษปรับ เช่น
- ขับรถเร็วเกินกำหนด ปรับไม่เกิน 4,000 บาท  (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
- ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
- ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
- ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
- ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
- ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)

2.2 เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น
​​- อัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 -10,000 บาท เพิ่มเป็น จำคุกไม่เกิน 1 ปี  ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top