Wednesday, 18 June 2025
NEWS FEED

พลิกบทบาทใหม่ 'พีเค' พัสกร (The Face Men Thailand) สู่นักชวนคุยใน 'TIME TO TALK' by THE STATES TIMES

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับหนุ่มเท่เสน่ห์เหลือร้ายกับ 'พัสกร วรรณศิริกุล' หรือ 'พีเค' จากเวทีการประกวด The Face Men Thailand ปี 2017 

แต่หลังจากนั้น บทบาทของพีเค ก็ไม่ได้หยุดแค่เวทีประกวด เขามุ่งมั่นและเสาะแสวงหาเส้นทางใหม่ๆ ให้กับชีวิตแบบไม่หยุดนิ่ง จนมีโอกาสได้โลดแล่นในฐานะศิลปินเต็มตัว ได้เป็นทั้งนักแสดง และนายแบบงานที่ถนัด อีกทั้งยังขยายโอกาสให้ชีวิตด้วยเปิดกิจการของตัวเอง ในรูปแบบของรับงานที่ปรึกษา และเปิดแกลเลอรี่ 2 แห่ง

'ดร.สมคิด' กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอุบลก่อนพบประชาชน 5 พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 พ.ย.) ช่วงเช้าดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมผู้บริหารพรรคฯ ได้เดินทางไปกราบนมัสการพระเจ้าใหญ่อินแปลง วัดมหาวนารามวรวิหาร หรือวัดป่าใหญ่หลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ (วัดป่าใหญ่) ซึ่งเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับร่วมพิธีเสริมสิริมงคลโดยหลวงพ่อเจ้าคุณพระวชิรกิจโกศล เจ้าอาวาสทำพิธี

หลังจากนั้นคณะผู้บริหารพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เดินทางไปยังวัดหนองป่าพง เพื่อกราบสักการะพระอัฐิธาตุ พระโพธิญาณเถรหรือหลวงปู่ชา พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อันเป็นที่เคารพรักและศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งในและต่างประเทศ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน รุดเริ่มโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการภาคอีสาน มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ 'สร้างชีวิต' พร้อมมอบจักรยาน ในโครงการ 'จักรยานเพื่อน้องสัญจร' ครั้งที่ 3 นำหน่วยแพทย์ ออกบริการประชาชนฟรี..ที่จ.สุรินทร์

วานนี้ (3 พ.ย.65) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์  กรรมการ ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นางทรงลักษณ์ วรภัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และ นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วยคณะมูลนิธิสุรินทร์สามัคคีกุศลสถานสงเคราะห์ ร่วมในพิธี  ณ บริเวณหอประชุมจังหวัดสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ และมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี นายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และนายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วยคณะมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถานบุรีรัมย์ ร่วมในพิธี ณ บริเวณหอประชุมจังหวัดบุรีรัมย์  อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ รวมมูลนิธิฯ มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนทั้งสิ้น 2 จังหวัด 31 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น จำนวน 456,140 บาท (สี่แสนห้าหมื่นหกพันหนึ่งร้อยสี่สิบบาทถ้วน) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ "บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ" ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี ทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วย นายวาทิต โสภา (วิน-วาทิต) อาสาสมัครศิลปิน ร่วมในพิธี

นอกจากนี้  ณ บริเวณหอประชุมจังหวัดสุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มอบรถจักรยาน ในโครงการจักรยานเพื่อน้องสัญจร ครั้งที่ 3 จำนวน 100 คัน หน้ากากอนามัย 2,500 ชิ้น แอลกอฮอล์ 5 แกลอน และค่าพาหนะเดินทางแก่โรงเรียนๆละ 1,000 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 174,867.50 บาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นสี่พันแปดร้อยหกสิบเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์) ให้กับโรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 5 โรงเรียน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมถึง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำโดย นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสา เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น คัดกรองเบาหวาน และบริการตัดผม โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

‘หลวงตาบุญชื่น’ สั่งปิดบัญชีรับบริจาคแล้ว ขอประชาชนมารอรับไม่ต้องนำอะไรมาถวาย

หลวงตาบุญชื่นสั่งปิดบัญชีรับบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยโรงพยาบาล ตั้งเป้า 1,300 ล้านบาทแล้ว พร้อมขอให้ขบวนการขายน้ำเปล่า- พวงมาลัย หยุดพฤติกรรม เอาเปรียบประชาชน ย้ำประชาชนที่เดินทางรอรับไม่ต้องนำสิ่งใดติดตัวมา 

สำหรับความคืบหน้า ‘หลวงตาบุญชื่น’ อายุ 74 ปีเดินจาริก ธุดงค์ด้วยเท้าเปล่าจากอำเภอหาดใหญ่ไปจังหวัดนครพนม ระยะทาง 3,415 กม.และมีข่าวการรับบริจาคตั้งกองทุนช่วย รพ.ขาดแคลน โดยมีการตั้งเป้ารับบริจาคไว้ที่ 1,300 กว่าล้านบาท พร้อมมีการไลฟ์สดขอบริจาคเงินเข้ากองทุนเพื่อพระนิพพาน-ชมรมคณะลูกหลานศิษย์ หลวงพ่อวัดวีระโชติฯ

 ผบ.ตร.สั่งการชุด PCT รวบแก๊งแขกดำตุ๋นขายเพชรเก๊ 16 ล้าน

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางขุนนนท์ ว่าประมานวันที่ ฝ15 มิ.ย. 65 ถึง 20 ต.ค. 65 ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวง โดยเอาเพชรปลอมมาจำนำครั้งละ 1-2 เม็ด ตามร้านสาขาต่าง ๆ รวม  21 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท          

จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวต่างชาติ และแหล่งผลิตทำเพชรปลอมนำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีการทำใบรับรอง หรือที่เรียกว่า 'ใบเซอร์' ตบตาทางร้านได้อย่างแนบเนียนจนทางร้านผู้เสียหายหลงเชื่อ รับจำนำเพชรในราคาที่สูง แต่ได้ 'เพชรปลอม' สูญเงินจำนวนมาก จากแผนประทุษกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างยิ่ง     

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.
ศปอส.ตร (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จึงเร่งรัดสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) เวลาประมาณ 15.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลัง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5  พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ , พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เสวกวัง , ร.ต.อ.ปรมา ปราณี, ร.ต.ท.พุฒิพงศ์ กองแก้ว , จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ผู้ต้องหาจำนวน 2 รายเป็นชาวต่างชาติ 1 และชาวไทย 1 ราย คือ

1. Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย ผู้ต้องหา
ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.549/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 
2. นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/436 ซ.ศาลธนบุรี 29/2 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.548/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม พร้อมตรวจยึด 
1. ตั๋วรับจำนำจำนวน 10 ฉบับ 
2. วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ 
3. ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ 
4. โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง 
5. สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม 
6. นามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ
7. นาฬิกาข้อมือโลหะสีเงิน จำนวน 1 เรือน
8. โทรศัพท์มือถือ Sumsung Galaxy F62 สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง
9. เอกสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรจำนวน 7 ฉบับ

จับกุมตัว Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์กล่าวคือ ภายหลังผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมโดยละเอียดของกลุ่มคนร้ายจะใช้การลบแก้ไขข้อความบางส่วน โดยทำลายบริเวณของคำว่า 'LABGROWN' คือเพชรที่ทำสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฎิบัติการ โดยลบให้เหลือแค่คำว่า “BGROW” ซึ่งยังมองเห็นด้วยกล่องที่ส่องกำลังขยาย และจะมีการยิงเลเซอร์ที่ขอบเพชร ให้ตรงกับหมายเลขประจำใบรับรอง หรือ 'ใบเซอร์' ซึ่งทั้งตัวเพชรและใบเซอร์ต่างถูกปลอมขึ้นทั้งสิ้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบโดยละเอียด ตามขนาดของเพชรที่นำมาจำนำมีความแตกต่างของขนาดไปจากข้อมูลบนใบรับรอง , บริเวณขอบเพชรพบว่ามีการทำลายบริเวณของคำว่า “LABGROWN” ให้เหลือเพียง “BGROW” , ตำหนิภายในของเพชรที่นำมาจำนำพบว่าไม่ตรงกับข้อมูลบนใบรับรอง , ลักษณะของใบรับรองปลอมแปลงที่แตกต่างไปจากใบรับรองตัวจริงจากสถาบัน GIA  ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ลงพื้นที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จนสามารถพิสูจน์ทราบผู้ร่วมขบวนการทั้ง 2 คน ได้คือ Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย และ นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี สัญชาติไทย  ผู้ต้องหาทั้ง 2 จะเดินทางมาก่อเหตุหลอกจำนำเพชรที่ร้านรับจำนำพร้อมกันทุกครั้ง และจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่า Mr.Sajan จะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทย – อินเดีย เป็นจำนวน 4 ครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค. 65 ที่ผ่านมา  เพื่อลักลอบนำเพชรปลอมเหล่านี้มาจากต่างประเทศ  

‘คอนโดปะการัง’ ระบบนิเวศแห่งใหม่ใต้แท่นขุดน้ำมัน ที่พี่ไทยคิดไว้แล้ว ผ่านแนวคิด 'ทะเลเพื่อชีวิต'

(4 พ.ย. 65) เพจ Open Up ได้โพสต์เรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับ ‘บ้านหลังใหม่ของเหล่าสัตว์ทะเล’ ที่สร้างระบบนิเวศแห่งใหม่ด้วยการเปลี่ยนแท่นขุดน้ำมันเป็นปะการังเทียมให้เหล่าน้อง ๆ ไว้ว่า...

ส่วนใหญ่คนมักจะคิดว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นเหมือนกับปราสาทของเหล่าตัวร้ายจากในการ์ตูนหรือหนัง เพราะคนยังติดภาพจำที่ว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันเหล่านี้อาจจะไปสร้างทับบ้านของเหล่าน้อง ๆ สัตว์ทะเลหรือไม่ก็ทำให้ระบบนิเวศในบริเวณนั้นเกิดความเสียหาย 

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ถ้าจะบอกว่าแท่นขุดน้ำมันเหล่านี้มันถูก ‘คิดค้น’ มาเพื่อเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตทางทะเลด้วยนะ 

เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนผมได้ไปเจอเข้ากับวิดีโอตัวหนึ่งในยูทูป เขาเล่าเกี่ยวกับเรื่องของโครงการ 'Rigs-to-Reef' หรือการเปลี่ยนแท่นขุดเจาะที่ปลดประจำการแล้วให้กลายเป็นปะการังเทียมเพื่อให้สิ่งมีชีวิตทางทะเลได้เข้ามาตั้งรกรากใต้แท่นขุดเจาะ 

แล้วมันมีข้อดีอะไรหลาย ๆ คนอาจจะสงสัย เพราะถ้าพูดถึงของเทียมมันก็ต้องดีไม่เท่าของแท้อยู่แล้ว แต่ผมบอกเลยว่าไม่ใช่แบบนั้นถึงจะขึ้นชื่อว่าปะการังเทียมแต่จริง ๆ แล้วมันมีข้อดีมากกว่าปะการังแท้ ๆ อีกนะ ก็อย่างเช่น ...

รมว.สุชาติ เร่งขับเคลื่อนระบบประกันสังคมให้ทันสมัย ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ประกันตน

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการจัดงานประชุมวิชาการประกันสังคม 5 ภาค ประจำปี 2565 (ภาคกลาง) Modernizing SSO 2022 : ก้าวสู่ระบบประกันสังคมที่ทันสมัย พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง 'นโยบายการพัฒนา และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน' โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานให้การต้อนรับ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

นายสุชาติ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจความสำคัญของงานประกันสังคมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการพัฒนางานประกันสังคมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสำนักงานประกันสังคมสามารถนำไปใช้ขยายผลได้ในอนาคต โดยรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และท่านรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็ว ภายหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการช่วยเหลือนายจ้าง และผู้ประกันตนมาโดยการลดอัตราเงินสมทบ การนำส่งเงินสมทบผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ การปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน ตลอดจนสิทธิประโยชน์และการให้บริการทางการแพทย์กรณีโรคโควิด-19 

'หมอยง' เตือน 'ไข้ปวดข้อยุงลาย' กำลังระบาดหนักใน กทม.

‘หมอยง’ เตือน ไข้ปวดข้อยุงลาย กำลังระบาดหนักในกรุงเทพมหานคร แนะทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ระวังไม่ให้โดนยุงกัด

(4 พ.ย. 65) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคที่นำโดยยุงกำลังระบาดมาก

โรคไข้ปวดข้อยุงลาย chikungunya กำลังระบาดมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

เดิมโรคนี้ เมื่อกว่า 10 ปีก่อน จะนำโดยยุงลายสวน (Aedes albopictus) ระบาดมากในสวนยางและทางปักษ์ใต้ แต่ตั้งแต่มี 2561 เป็นต้นมา การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของไวรัส ปรับตัวให้เหมาะสมข้าวกับยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นยุงชนิดเดียวกันที่นำโรคไข้เลือดออก ไข้ไวรัสซิกา ทำให้การระบาดเข้าสู่ในเมืองรวมทั้งกรุงเทพฯ การระบาดเกิดขึ้นมากในปี 2561 จนถึง 2562 หลังจากการระบาดของ covid 19 โรคอยู่เหมือนลดลง แต่ก็ยังพบได้ตลอด จนมาถึงเดือนที่แล้วและเดือนนี้ พบผู้ป่วยไข้ปวดข้อยุงลาย ไข้ไวรัส zika และไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แม้ในกรุงเทพฯ

ไข้ปวดข้อยุงลาย เป็นได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่และสูงอายุ จะมีอาการไข้และปวดข้อ มีผื่นตาแดง บางครั้งรักษาอาการก็แยกกันยากกับไวรัสซิก้า และ ไข้เลือดออก การระบาดมักจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันในกรุงเทพฯ เอง

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาส 3 ปี 2565

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ที่ ห้องปัญญาวิจิตรธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) ริมบึงแก่นนครเขตเทศบาลนครขอนแก่น นายศรัณย์  ธำรงรัตน์  ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประธานการแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาส 3 ปี 2565 โดยมีโดยมี นางรวิวรรณ์  ศิริเกษมทรัพย์  ผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ,นายนพดล  บูรณะธนัง รองผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ,นายสุวัฒน์  วิเชียรศิริ รองผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ,นายวิศลย์  ปรีชา รองผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นางกาญจนา  ภาพพิมาย ผู้จัดการศูนย์ ศูนย์จัดการธนบัตรขอนแก่น และสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมให้ความสนใจการแถลงข่าวในครั้งนี้

นายศรัณย์ ธำรงรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวว่าเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาส 3 ปรับดีขึ้นจาก ไตรมาสก่อน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ทยอยฟื้นตัว โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและรายได้เกษตรที่ยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่การผลิตหดตัวมากขึ้น จากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ (supply disruption) ที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ค่าครองชีพที่อยู่ใน ระดับสูงยังเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน 1.การอุปโภคบริโภคขยายตัวต่อเนื่อง ตามการใช้จ่ายในหมวดบริการ สินค้าคงทน และสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ 2.การลงทุนภาคเอกชน หดตัวเล็กน้อยตามการลงทุนด้านการก่อสร้างที่หดตัวต่อเนื่อง และการลงทุนด้านเครื่องจักรที่ชะลอตัวลง 3.การใข้จ่ายภาครัฐ หดตัวต่อเนื่อง ตามรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
4.การค้าผ่านด่านศุลกากร หดตัวน้อยลงทั้งการส่งออกและนำเข้าจากจีนเป็นสำคัญ5.รายได้เกษตรกร ขยายตัวต่อเนื่อง จากด้านราคาเป็นสำคัญ ตามราคาปศุสัตว์และมันสำปะหลัง ขณะที่ผลผลิตชะลอลง 6.ภาคอุตสาหกรรม หดตัวมากขึ้น ตามการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลงจากปัญหา Supply Disruption ในจีนที่เพิ่มขึ้น 7. การจ้างงานเพิ่มขึ้น ตามจำนวนผู้มีงานทำในระบบที่เพิ่มขึ้น (ม.33) และจำนวนผู้ว่างงานใหม่ในระบบที่ลดลง (ม.38) 8.อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยละ 6.89 ตามราคาอาหารสด ได้แก่ เนื้อสัตว์ และผักสดเป็นสำคัญ ขณะที่ราคาพลังงานชะลง 9. ภาคการเงิน ฝากเงินชะลอตัว ทั้งเงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวัน ส่วนสินเชื่อขยายตัวเล็กน้อย ตามความต้องการเงินทุนของธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย

วธ.เชิญประชาชน-นักท่องเที่ยว ร่วมงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช ๒๕๖๕ 'ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสาน ประเพณีไทย สู่ความยั่งยืน'

กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับเครือข่ายทางวัฒนธรรม จัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช ๒๕๖๕ 'ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสาน ประเพณีไทย สู่ความยั่งยืน' เน้นคุณค่า สาระ เพื่อแพร่ความงดงามของประเพณีสู่สายตานักท่องเที่ยว คุมเข้มงานปลอดโควิด ๑๙ รักษามาตรการความปลอดภัยทางบก-ทางน้ำ ชวนรักษาสิ่งแวดล้อม ลดขยะ มาด้วยกันใช้กระทงร่วมกัน งดจำหน่าย-งดดื่มของมึนเมา งดเล่นประทัดพลุดอกไม้เพลิง ชวนนุ่งผ้าไทย-ผ้าท้องถิ่น เชิญประชาชนนักท่องเที่ยวร่วมงานในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กทม. 

(๓ พ.ย. ๖๕ โถงชั้น ๑ วธ.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในฤดูน้ำหลาก เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะสายน้ำที่ใช้ในการดำรงชีวิต เช่น แม่น้ำลำคลอง ประเพณีนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญา วิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยอันงดงาม ที่ปรากฏในรูปแบบของพิธีกรรม การประดิษฐ์กระทง การประดับประทีปโคมไฟในยามค่ำคืน การแสดงมหรสพ และการละเล่นรื่นเริงต่าง ๆ ในปี ๒๕๖๕ นี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดทำแนวทางปฏิบัติในงานลอยกระทง พุทธศักราช ๒๕๖๕ ภายใต้แนวคิด 'ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสาน ประเพณีไทย สู่ความยั่งยืน' 

ดังนี้ ขอความร่วมมือองค์กร หน่วยงานต่าง ๆ จัดกิจกรรมตามแบบประเพณีนิยมของแต่ละท้องถิ่น ให้ใช้กระทงที่ย่อยสลายง่ายเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม รณรงค์ให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำสะอาด สบู่เหลว ก่อนหรือหลังทำกิจกรรม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด ๑๙ 

นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า ในด้านสถานที่จัดงานควรปรับพื้นที่ให้เหมาะสม กว้างขวาง ไม่แออัด รักษามาตรการเรื่องความปลอดภัย ทั้งการจราจรทางบกและทางน้ำ ดูแลบริเวณท่าน้ำให้มีความมั่นคง สะดวก และปลอดภัย ควรงดการจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มมึนเมา และห้ามการดื่มกินในบริเวณงานหรือใกล้เคียง งดการเล่นดอกไม้ไฟ พลุ หรือวัสดุที่ก่อให้เกิดอันตรายในที่สาธารณะหรือชุมชน ในส่วนมหรสพความรื่นเริง จัดการแสดงต่าง ๆ ทำได้ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะการจัดแสดงวัฒนธรรมของท้องถิ่น การแสดงพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน ที่จะทำให้เด็ก เยาวชน ประชาชนได้เห็นถึงมรดกภูมิปัญญาของไทย เพื่อเป็นการสร้างรายได้สู่ชุมชน และขอเชิญชวนให้ประชาชน 'แต่งไทย ไปลอยกระทง' เพื่อร่วมกันส่งเสริมการใช้ผ้าไทย ผ้าท้องถิ่น เป็นการแสดงถึงเอกลักษณ์การแต่งกายของแต่ละท้องถิ่น อันจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ อีกด้วย

และขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน รวมถึงทักท่องเที่ยว เข้าร่วมงานประเพณีลอยกระทง ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสาน ประเพณีไทย สู่ความยั่งยืน” ตลาดวัฒนธรรมงานวัดย้อนยุค ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ในวันอังคารที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การแสดงทางวัฒนธรรม การประกวดกระทงประเภทสวยงามและสร้างสรรค์(รางวัลรวม ๑๕๐,๐๐๐ บาท) การสาธิตอาหารคาวหวาน การออกร้านสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม การจัดแสดงนิทรรศการข้อมูลองค์ความรู้คุณค่าสาระของประเพณีลอยกระทง และร่วมลอยกระทงอย่างปลอดภัยผ่านสไรเดอร์บริเวณท่าน้ำวัดอรุณฯ  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top