Sunday, 27 April 2025
CRIMES

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมกำลังปูพรมค้น 91 จุดทั่วประเทศ ตามแผน 'พิทักษ์ประชา ปราบยาเสพติด 1/66'

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ทั้งการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทำลายและตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ขยายผล ยึดและอายัดทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู้ประเทศไทย และการส่งออกจากประเทศในผ่านระบบขนส่งพัสดุภัณฑ์ ไปรษณีย์ และระบบ Logistics ทุกรูปแบบ นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาล มาสู่การปฏิบัติ โดยมีนโยบายให้ดำเนินการปราบปรามทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ และเพิ่มความเข้มในการทำลายเครือข่ายผู้ค้ารายย่อยในระดับชุมชนอย่างจริงจัง สืบสวนจับกุมผู้ค้ารายย่อยในชุนชน ขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายผู้ค้ารายสำคัญ และหากมีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดจำนวนมาก ให้ทุกหน่วยดำเนินการขยายผล จับกุม ยึด อายัดทรัพย์สินเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกราย โดยดำเนินการสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางการเงินเพื่อหาความเชื่อมโยงเครือข่ายการค้ายาเสพติด เพื่อกำหนดเป้าหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนจับกุมทำลายเครือข่ายผู้ค้ารายกลางและรายย่อยในพื้นที่ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติ ควบคุมกำกับดูแลและสั่งการให้สืบสวนขยายผลคดีรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 5 หลังจากเมื่อวันที่ 28 ก.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลาง รถยนต์ 3 คัน ยาบ้า 1.5 ล้านเม็ด ในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ จากนั้นจึงสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ข้อมูลทางโทรศัพท์และเส้นทางการเงิน จนทราบว่ามีเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับตัวการสำคัญ เครือข่ายผู้ค้าระดับกลางและรายย่อยในชุมชน กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ จึงได้กำหนด เปิดปฏิบัติการ 'พิทักษ์ประชาปราบยาเสพติด 1/66' เมื่อวันพุธที่ 11 ม.ค.66 ที่ผ่านมา โดยปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 91 จุด พร้อมกันทั่วประเทศ ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, สิงห์บุรี, สระบุรี, ลพบุรี, เชียงใหม่, นครสวรรค์, นครปฐม, สมุทรสงคราม, กาญจนบุรี, เพชรบุรี, และ สุพรรณบุรี โดยมีเป้าหมายจับ 10 หมายจับ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 517 จุด กวาดล้างอาวุธในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8

เตรียมพร้อมเปิดประเทศรอรับนักท่องเที่ยว 2 ชายฝั่ง อันดามันและอ่าวไทย แถลงผลการปิดล้อมตรวจค้น ณ ตำรวจภูธรภาค 8

เมื่อวานนี้ที่ (11 ม.ค. 66)  เวลา 13.30 น. จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมีจำนวนลดน้อยลงมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย ในภาพรวม แต่ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มคลี่คลายลง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก ที่หลายประเทศได้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคและเปิดประเทศควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลอดจนกิจกรรมเทศกาลปีใหม่ 2566 ซึ่งตามพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ล้วนเป็นพื้นที่ที่ชาวต่างชาติและชาวไทย นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก เช่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา เป็นต้น 

ในการนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้กำหนดและวางมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ในปีงบประมาณ 2566 โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ให้ดำเนินการ ตามมาตรการเชิงรุก ลดอาชญากรรมในพื้นที่ สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในภาพรวม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์  ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จึงได้มีการวางแผนในการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น ผู้มีอิทธิพล อาวุธปืน ยาเสพติด วัตถุระเบิด ค้าประเวณี โจรกรรมรถ โดยให้ทุกหน่วยในสังกัด ภ.8 รวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติหมายค้นต่อศาลเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายทั้งห้องเช่า เกสเฮ้าส์ บ้านพัก รีสอร์ท แหล่งมั่วสุมอาชญากรรมทุกรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 19 - 23 ธ.ค.65 กว่า 517 เป้าหมายใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บินตรวจความคืบหน้าคดี ครูโรงเรียนนานาชาติกระทำอนาจารเด็กอนุบาล

จากกรณีเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ผู้ปกครองได้พาตัวเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินคดีกับ ครูโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง กล่าวหาว่าถูกครูรายดังกล่าวกระทำอนาจารหลายครั้ง ขอให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด นั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ศรัญญู ชำราญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวอย่างละเอียดรอบคอบ สอบสวนปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

จากการซักถามปากคำเด็กร่วมกับสหวิชาชีพแล้วให้การว่า ได้ถูกคุณครูที่โรงเรียนนานาชาติที่ตนศึกษาอยู่ กระทำอนาจารโดยการจับอวัยวะเพศหลายครั้ง โดยเกิดเหตุในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเกาะสมุย และจับกุมตัวครูดังกล่าวมาดำเนินคดีในความผิดฐาน “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก” รวมทั้งตรวจค้นที่พัก โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นครูรายดังกล่าวให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

‘สตม.’ รวบชาวจีนสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศ หลังหนีหมายจับคดีฉ้อโกง เสียหายกว่า 1,400 ลบ.

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 

ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สรร พูลศิริ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ  สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.

คดีที่ 1 'รวบหนุ่มแดนมังกรสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศชักชวนหลอกลงทุนความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท' เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม, กก.1 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุมตัว MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ในข้อหา 'เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต' 

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามบุคคล ราย MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน อายุ 44 ปี ซึ่งได้รับการขอร้องให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญจากสำนักงานกงสุล(ฝ่ายตำรวจ) ณ นครคุณหมิง โดยผู้ต้องหารายดังกล่าว ได้ฉ้อโกงประชาชน มีมูลค่าความเสียหาย กว่า 1,400 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้เปิดบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศและทำการชักชวนให้ประชาชนเข้าทำการลงทุน ซึ่งเป็นการหลอกลวง ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบบุคคลมีตำหนิรูปพรรณคล้าย MR.Shangguan จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ผู้ต้องหารับว่าตน คือ MR.Shangguan อายุ 44 ปี ไม่มีหนังสือเดินทางจริง และรับว่าได้หลบหนีเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาที่ประเทศไทย  จึงได้ให้ดูหมายจับประเทศจีน รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันในหมายจับดังกล่าวจริง และจากการตรวจค้นตัว พบโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาจากประเทศจีน,เอกสาร

รวบผู้ต้องหาต่างด้าวหนีคดีฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายร่วม 600 ล้านบาท

ตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการกับนายจง (นามสมมติ) คนต่างด้าวซึ่งเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับและต้องการตัวไปดำเนินคดี ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา นายจง ได้ร่วมกับเพื่อนเปิดบริษัทและจ้างพนักงานมาทำหน้าที่โทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อหลอกให้มาร่วมลงทุน โดยอ้างว่าบริษัทเป็นบริษัทที่สามารถทำบัตรเครดิตได้จำนวนมาก มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 600 ล้านบาท และนายจงได้หลบหนีมายังประเทศไทย กก.1 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนและตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า 

นายจง ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว 60 วัน และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปถึงวันที่ 20 ก.ย. 2566 จึงได้เสนอขอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายจง

ซ้อนแผนรวบแฟ้มเมืองทองลูกจ้างสุดแสบลักพระพุทธรูปเก่าแล้วนำของปลอมมาวางตบตาเจ้าของ

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศอ.ปส.ตร. (ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ส่งทีมแกะรอยจับกุม แฟ้มเมืองทอง มือขโมยพระพุทธรูปปรางนาคปรกเก่า ก่อนนำไปขายในโลกโซเชียล หลังได้รับเบาะแสจากประชาชนว่ามีคนร้ายนำพระพุทธรูปสมบัติเก่า และทรัพย์สินอีกหลายรายการมาขายในโลกโซเชี่ยลดังกล่าว จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น /หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 ศอ.ปส.ตร. จัดชุดลาดตระเวนในโลกออนไลน์สืบสวนจับกุมคนร้าย

เมื่อวันที่ (8 ม.ค. 66) เวลาประมาณ 17.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. /ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.ธรรมศาลา , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.ฯปฏิบัติหน้าที่ ศอ.ปส.ตร.  พ.ต.ท.นรามินทร์ เทพจักรินทร์ , พ.ต.ท.ปรีชา ใยมะเดื่อ , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น , ร.ต.อ.วุฒินันท์ คงดี , ร.ต.อ.ปรมา ปราณี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ศอ.ปส.ตร.ชุดปฏิบัติการที่ 5 ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) และฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายสันติชัย คำบอนพิทักษ์หรือ แฟ้ม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124/3 ม.3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยกล่าวหาว่า 'ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง'
ตรวจยึดของกลางกว่า 5 รายการ ดังนี้
1. พระพุทธรูปปรางนาคปรก สีดำฐานกว้าง 6 นิ้ว สูง 9 นิ้ว 1 องค์
2. พระพุทธรูปปรางลีลา สีทอง ฐานกว้าง 4 นิ้ว สูง 20 นิ้ว 1 องค์
3. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 8 พลัส สีทอง 1 เครื่อง
4. พระเครื่องจำนวน 7 องค์
5. สมุดบัญชีธนาคารธนชาตทหารไทย เลขที่ 308-7-17xxxx

โดยจับกุมตัวได้ที่ ลานจอดรถT10 ถ.ป๊อปปูล่า ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 

'ตม.เชียงราย' สกัดจับรถขนแรงงานต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากชายแดนแม่สาย

(7 ม.ค. 66) พ.ต.อ.เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผู้กำกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายรับรายงานว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากชายแดนแม่สายไปส่งจังหวัดเชียงใหม่จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.กิตติธร นาคเกลี้ยง รองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย, พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย, ร.ต.อ.รัชภูมิ ฤทธิศร รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย นำกำลังชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายร่วมกับสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง 5 ติดตามไปถึงบริเวณถนนหมายเลข 1063 ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมือง พบรถปิกอัป 3 คันขับตามกันมามุ่งหน้าไปทางอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงขับรถไล่สกัดบังคับรถทั้ง 3 คันให้จอดเพื่อทำการตรวจค้น

.

คันแรกเป็นรถปิกอัปโตโยต้าวีโร่สีดำ ทะเบียนเชียงใหม่โดยมีนายใจเป็นคนขับรถนำทางคอยดูต้นทาง

.

คันที่ 2 รถปิกอัปโตโยต้าวีโก้ทะเบียนเชียงใหม่ โดยมีนายวันเป็นคนขับรถขนแรงงานชาวเมียนมามา 10 คน เป็นชาย 6 หญิง 2 เด็ก 2 คน 

คนร้ายบุกแทงนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ในร้อยเอ็ดดับ หลังลงจากรถตู้รับ-ส่ง ลั่น!! "จะฆ่าล้างหมดชั่วโคตร"

เกิดเหตุระทึกขวัญ คนร้ายถือมีดบุกกระซวกแทงนักเรียนหญิงชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคารขณะกำลังจะลงจากรถตู้รับ-ส่ง ครูชายต้องช่วยกันล็อกตัว หวั่นคลุ้มคลั่งทำร้ายคนอื่นต่อ ด้านนักเรียนหญิงอาการสาหัสไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เผยชายคนร้ายเป็นญาติกับนักเรียนที่ถูกแทงและเพิ่งออกจากคุกมาได้แค่ 3 วัน

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ ( 6 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญ คนร้ายเป็นชายไม่ทราบชื่อถือมีดบุกแทงนักเรียนในโรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคาร ตำบลหนองกองแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ สร้างความหวาดผวาแก่นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนเป็นอย่างมาก

หลังเกิดเหตุ ดร.ลัดดาวัลย์ สืบจิต ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชาย ช่วงเกิดเหตุ คือเวลาที่ครูเวรกำลังยืนรอรับเด็กนักเรียนที่กำลังลงจากรถรับ-ส่งของโรงเรียน พอรถจอด เด็กนักเรียนกำลังจะทยอยลงรถ ปรากฏว่า ชายคนร้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามมา ได้จอดรถแล้ววิ่งปรี่เข้าไปที่รถรับส่งนักเรียน แล้วจับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ไปแทง 1 คน ครูเห็นเหตุการณ์จึงรีบไปขอความช่วยเหลือจากคนในชุมชน

รองโฆษก ตร. เตือน ปชช. ระวังโจรออนไลน์ หลอกให้โหลดแอปควบคุมมือถือ ก่อนฉกเงินหนี

วันนี้ (5 ม.ค. 66) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณี มีผู้เสียหาย ถูกคนร้ายส่งข้อความ “ขอขอบคุณที่ใช้บริการ จะมอบคูปองฟรีให้ 1 ใบ” ตามลิงก์ที่คนร้ายส่งให้ ผู้เสียหายกดลิงก์แอดไลน์ คนร้ายขอให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน ไลอ้อนแอร์ แล้วพิมพ์ชื่อ นามสกุล ภาษาอังกฤษ และเบอร์โทรศัพท์ จากนั้น คนร้ายบอกว่าให้รอห้ามวางสาย ต่อมาปรากฎว่ามีเงินหายไปหมดบัญชี คนร้ายยังกดเงินจากบัตรเครดิตซึ่งผูกกับ แอปพลิเคชันธนาคารออนไลน์ สูญเงินทั้งสิ้นกว่า 2 แสนบาท

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวคนร้ายแอบอ้างบริษัทเอกชน ที่มีชื่อเสียงต่างๆส่ง sms แจ้งเหยื่อว่าจะได้รับของรางวัล หากหลงเชื่อจะหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่สามารถควบคุมมือถือระยะไกล โดยปกติจะมีขั้นตอนของมันเล็กน้อย คนร้ายอาจจะบอกให้เรากรอก ตัวเลข หรือ ตัวอักษรสักชุด หรือไม่ คนร้ายก็หลอกถามเอาตัวเลขชุดนั้นจากเรา เมื่อคนร้ายได้รหัสหรือตัวเลขบางอย่างจากเครื่องของเรา คนร้ายจะนำรหัสไปใช้ในการควบคุมเครื่องของเราได้ทันที สามารถใช้งานบังคับ ทุกอย่างได้ เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของเครื่อง ขณะหลอกให้รอห้ามวางสาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงดูดข้อมูล จากนั้นคนร้ายจะขอเปลี่ยนรหัสเข้าบัญชีเอง เพราะมีเลข OTP ส่งจากธนาคารมาที่โทรศัพท์ผู้เสียหาย แต่คนร้ายสามารถเห็นได้ที่หน้าจอคนร้ายเอง และจะทำการโอนเงินไปสู่บัญชีเป้าหมายด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องให้เหยื่อโอนเงินให้เหมือนวิธีเดิมๆ ทำให้เหยื่อสูญเงินออกจากบัญชี

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ จึงขอประชาสัมพันธ์ วิธีป้องกันตนเองต่อภัยโจรออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ในกรณีนี้ สามารถป้องกันได้โดย

1. มีสติ ตรวจสอบข้อความที่ได้รับอย่างระมัดระวัง หากมีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดติดต่อหรือแสดงตัว ไม่ว่าเรื่องใด ๆ ให้โทรสอบถามจากเบอร์กลางของหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงนั้น ๆ ทุกครั้ง

2. ห้ามกดลิงก์หรือติดตั้งแอปที่ไม่ทราบที่มาที่ไป รวมถึงไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวใด ๆ เมื่อรับสายจากต้นทางที่ไม่ทราบที่มาที่ไปชัดเจน

หนุ่มกัมพูชาร้องสื่อ ถูกนายจ้างเบี้ยวค่าแรง ทวงเท่าไรก็ไม่คืน แถมถูกชักปืนถล่มกลับ

เมื่อวันที่ (4 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายบอล คัต อายุ 26 ปี สัญชาติกัมพูชา ว่าเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 เกิดเหตุคนร้ายบุกถล่มยิงบ้านจนได้รับความเสียหาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 33/41 ม.4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ แล้ว แต่ด้วยตนเองเป็นชาวกัมพูชา และผู้ก่อเหตุเป็นคนพื้นที่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนให้ช่วยนำเสนอ เพื่อมิให้คนร้ายกลุ่มนี้ลอยนวลได้

โดยนายบอล เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้ทำงาน ที่ร้านขายกระท่อมและน้ำกระท่อมต้ม ภายในซอยชัยพฤกษ์สอง โดยตกลงค่าจ้างวันละ 300 บาท แต่เจ้าของร้านกลับเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าแรงตนและเพื่อน เมื่อทักไปทวงก็จะนัดวันนั้นวันนี้ เมื่อทวงบ่อยเข้าเจ้าของร้านกลับเกิดความไม่พบใจ เคยมาด่าทอที่หน้าบ้าน กระทั่งวันที่ 3 มกราคม เจ้าของร้านกระท่อมที่ตนเองเคยทำงานด้วยได้โทรมาอาละวาดสอบถามว่า ทวงทำไมหนักหนาจนตนรับอารมณ์จากการถูกด่าไม่ไหว จึงด่าสวนกลับไป ก่อนมีการท้าทายนัดกันออกมาเคลียร์ แต่ตนเองกับเพื่อนไม่กล้าออกไป ส่วนที่ตนเองออกจากร้านนั้นเพราะเจ้าของคิดว่าพวกตนขโมยเงิน ทั้งที่เป็นไปไม่ได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top