Monday, 28 April 2025
CRIMES

‘ตำรวจไซเบอร์’ เปิดยุทธการทลายเว็บพนันออนไลน์ หลัง ‘ดิว อริสรา’ โพสต์แฉข้อมูล

‘ตำรวจไซเบอร์’ เปิดยุทธการทลายเว็บพนันออนไลน์ ‘มาเก๊า 888’ หลัง ‘ดิว อริสรา’ โพสต์แฉข้อมูล

(3 ก.พ. 66) จากกรณีดาราสาว ‘ดิว อริสรา’ โพสต์แฉเว็บพนันออนไลน์ มาเก๊า 888 พร้อมกับให้ข้อมูลตำรวจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ภายใต้ยุทธการ ‘มาเก๊า 888’

ล่าสุด พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.สอท.1 ได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นที่บ้านหรูหลังหนึ่ง ถนนเลียบคลองประปา ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักของ นายณัฐพงศ์ ระชินลา ผู้ต้องหาหนึ่งในขบวนการ ซึ่งทำหน้าที่การเงินการธนาคาร และรวบรวมโพยพนัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งจับกุมหนุ่มใหญ่ชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมแอบอ้าง 'บิ๊กโจ๊ก' เรียกเงินค่าคุ้มครองจากกลุ่มชาวต่างชาติในพื้นที่พัทยา

จากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชาวต่างชาติซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ว่ามีชายชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมแสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพล โดยแอบอ้างนายตำรวจในพื้นที่พัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) โดยมีการนำภาพถ่ายของตนเองซึ่งถ่ายภาพคู่กับนายตำรวจรายต่างๆ ขณะที่ตนเองเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (Volunteer) ไปใช้ในการแอบอ้างต่อกลุ่มชาวต่างชาติเพื่อเรียกรับเงินค่าคุ้มครองให้สามารถพักอาศัยอยู่ในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ได้นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบการการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฏหมายจนถึงที่สุด

จากการสืบสวนของชุดสืบสวนทราบว่า บุคคลดังกล่าวคือ นายเฮอวี่ คริสเตียน โรเบิร์ต ลีโอนาร์ด หรือ Mr.Herve Christian Robert Leonard อายุ 58 ปี สัญชาติฝรั่งเศส มีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับ ฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมาแล้วหลายคดี โดยครบกำหนดการอนุญาตพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2563 แต่ยังไม่พบข้อมูลว่าเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงตรวจสอบเพื่อแกะรอยหาของตัวของบุคคลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนใช้เวลาในการเฝ้าติดตามตัวนายเฮอวี่ฯ กว่า 4 เดือน จนทราบว่า หลังจากที่ นายเฮอวี่ฯ ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ก่อนหน้านั้น ได้รับการประกันตัวออกมาระหว่างพิจารณาคดีของศาล แต่เมื่อถึงกำหนดนัดพิจารณาคดีกลับหลบหนี โดยนายเฮอวี่ฯ มีพฤติกรรมในการย้ายที่พักอาศัยบ่อยครั้ง ในวงรอบทุกๆ 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่พัทยา หัวหิน และ กรุงเทพมหานคร และแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจะแจ้งกับสถานที่พักต่างๆ ว่าเอกสารหนังสือเดินทางของตนสูญหาย สุดท้ายเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายเฮอวี่ฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมย่านลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้เข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมดังกล่าวจนพบ นายเฮอวี่ฯ พักอาศัยอยู่จริง ซึ่งรวมระยะเวลาในการเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ( 868 วัน ) และเพิ่งย้ายเข้ามาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวเพียง 2 สัปดาห์ จึงได้จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า นายเฮอวี่ฯ ถูกแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จากผู้เสียหายอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก และ ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวจำนวนหลายหมายจับ ได้แก่ 

เปิดคำพูด ‘หนุ่มสิงคโปร์’ เพื่อนดาราสาวไต้หวัน ชี้!! ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จำใจจ่ายเงินให้ตำรวจ

กัญชาขายได้ไม่ผิด ไม่รู้จริงๆ ว่าบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายไทย ‘สกาย’ หนุ่มสิงคโปร์เผยตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน พยายามพูดขอโอกาส แต่ ตร.ขู่จะพาไปโรงพัก ต้องอยู่ต่ออีก 2 วัน จำใจจ่ายค่าปรับบุหรี่ไฟฟ้า คนละ 8 พัน กับค่าไม่พกพาสปอร์ต ซ่อนไว้ 3 พัน ควักจ่าย 2.7 หมื่น ระบุไม่อยากเอาเรื่อง ตร.ก็มีคนดี คงไม่ซวยเจอทุกครั้ง 

ตำรวจรีดเงิน วันนี้ (1 ก.พ.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นัดเปิดตัว ‘สกาย’ นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวสิงคโปร์ กลุ่มเดียวกับดาราสาวชาวไต้หวัน พยานปากสำคัญ ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงิน 27,000 บาท ให้กับตำรวจ สน.ห้วยขวาง กรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า

ต่อมาเวลา 14.20 น. ‘สกาย’ นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ เริ่มแถลงข่าว เพื่อพูดให้สังคมไทยได้รับฟังว่า ในวันเกิดเหตุพวกเขาไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนที่ “ออนิก” อาร์ซีเอ ไม่ได้จ่ายเงิน จากนั้นเรียกแกร็บแท็กซี่ไปห้วยขวาง จะไปนั่งกินเหล้าชิวๆ  เนื่องจากใกล้กับที่พัก ซึ่งเป็นโรงแรมในย่านห้วยขวาง ภายในรถแท็กซี่มีอยู่ 4 คน เมื่อมาเจอด่านตรวจ มีไฟฉายส่องเข้ามา ตำรวจแจ้งให้เปิดกระเป๋าให้ดูสิ่งของในกระเป๋า สั่งให้ถอดรองเท้า และขอดูพาสปอร์ต พวกตนจึงเปิดให้ดูรูปถ่ายพาสปอร์ตที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์

ระหว่างนั้นชาร์ลีนถ่ายรูปตำรวจ ตำรวจทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนทำอะไรผิด สั่งให้ลบภาพ 2-3 ครั้ง บอกว่าไม่ได้ถ่าย เพื่อนในกลุ่มใช้โทรศัพท์คุยกับเมีย ตำรวจก็บอกไม่ให้คุย ตำรวจถามว่ารู้ไหมว่าทำอะไรผิด ไม่มีวีซ่า ผมก็บอกว่าสิงคโปร์เข้าไทยไม่ต้องทำวีซ่า ตร.บอกมีบุหรี่ไฟฟ้าต้องจับ ตร.พูดคล้ายกับว่าอย่าเถียง ผมก็ถามว่าบุหรี่ไฟฟ้าผิด ทำไมในตลาดเปิดขายทั่วไป ทุกคนใช้อยู่ไม่มีใครบอกว่าผิดกฎหมาย เพราะขนาดกัญชายังถูกกฎหมาย เปิดร้านขายได้ ตร.บอกว่าจะพาไปโรงพัก ผมไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน บอกตำรวจว่าพาสปอร์ตอยู่ที่โรงแรม ขอให้ตำรวจไปดู เขาก็ไม่ไป ผมไม่เคยเจอสถานการณ์อย่างนี้ ก็ได้แต่ถามเขาว่าขอโอกาสได้ไหม บุหรี่ไฟฟ้าทิ้งไปได้เลย ตร.ก็บอกถ้าอย่างนั้นต้องไปโรงพัก

สกาย ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ ชาร์ลีนไม่มีบุหรี่ไฟฟ้า ชาร์ลีนสูบบ้างแต่ไม่บ่อยมาก และวันนั้นชาร์ลีนไม่ได้เอาบุหรี่ไฟฟ้ามา ตร.บอกว่า ปรับบุหรี่ 8,000 บาท ต่อ 1 อัน มี 3 อัน กับไม่พกพาสปอร์ต เขาให้นับเงินส่งไปให้ 27,000 บาท แอบเก็บไว้ 3 พัน เพราะต้องเรียกแกร็บกลับสนามบิน ผมพูดกับเขามีมารยาทมาก แต่เขาขู่ ถ้ามีทางเลือกก็ไม่อยากให้เงิน ตอนที่เอาเงินให้ เขาสั่งให้นับและบอกว่ามีกล้องอยู่ ให้เพื่อนบังกล้องไว้ ผมไม่กล้าท้าทายเขา หลังจ่ายเงินเขาก็ปล่อยตัว แล้วเรียกแท็กซี่ให้ 

สกาย ชี้แจงถึงรูปถ่ายชาร์ลีนถือบุหรี่ไฟฟ้าว่า ตร.สั่งให้ถือบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อถ่ายรูปไว้ ทำให้มีรูปถ่ายถือบุหรี่ไฟฟ้ารวมถึงตนด้วย

ตำรวจ ปส. สกัดผู้ต้องหา คาด่านชั่งน้ำหนักย่านพระราม 2 หลังลอบขนยาบ้า 3 ล้านเม็ด ก่อนยาหลุดลงภาคใต้

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2  ให้ ตำรวจ ปส. เร่งเดินหน้ากวาดล้าง จับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า 

ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ล่าสุด ช่วงสายของวันที่ 27 ม.ค.2566 เจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดพัทยา กก.1 ร่วมกับ ศูนย์วิเคราะห์ข่าว บก.ปส.2, ตำรวจทางหลวง และ ป.ป.ส.ภ.7 เข้าจับกุม นายยมนา หรือหมี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ได้ที่บริเวณหน่วยบริการตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ถ.พระราม 2 ในจุดสถานีตรวจสอบน้ำหนัก (ขาออก) อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร ก่อนจับกุมได้รับแจ้งว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.สระบุรี ลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ โดยจะใช้รถบรรทุก 12 ล้อ เป็นพาหนะที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด 

'ชูวิทย์' ยัน!! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง แถมแต่งเรื่อง-ทำลายหลักฐาน-ไม่ยอมรับความจริง

(30 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสตฺข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

หลังจากเมื่อเย็นวันก่อน ผบช.น. ให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์ 

แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวัน

ให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง! และมีคลิปยืนยันด้วย

เพราะเห็นว่าการแถลงข่าวเมื่อเย็นของนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ

ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสด ๆ ร้อน ๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง!

ก่อนหน้านี้ ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง

ใช้ให้ลูกน้อง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการ น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ไปวางแผนทำขายขี้หน้า หลายเรื่อง...

1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน

2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน

3. กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ

4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน

5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง 

ผบ.ตร. เห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน

พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเอง

ทีม บชน. จึงชิงกลับลำ ให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า

ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า วันจันทร์คงแบกหน้าสารภาพผิด

เรื่องสำนวน 'ตู้ห่าว' ยังมีกลิ่นตุๆ ไม่หาย

ยังมาทำเรื่อง 'สาวไต้หวัน' ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก

ตม.ประจวบฯ ตะครุบ 21 เมียนมาหนีเข้าเมือง มุ่งไปมาเลเซีย

(29 ม.ค.66) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.ท ณัฐพงษ์ จันทร์แจ่มหล้า รอง ผกก.ตม.จว.น่าน ปฏิบัติราชการ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ นำโดย พ.ต.ต.ปวริศ ปานะจินาพร สว.ตม.ประจวบคีรีขันธ์ บูรณาการร่วมกับชุดฉก.จงอางศึก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและ สภ.ห้วยยาง โดยวันที่ 27 มกราคม 2566 สนธิกำลังร่วมกันจับกุม น.ส.วิลัยพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี หมู่ 5 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พร้อมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 21 คน และรถยนต์กระบะแบบหลังคาทึบ ยี่ห้อโตโยต้า กทม. จับกุมได้ที่บริเวณจุดตรวจ สภ.ห้วยยางสืบเนื่องจากขณะตั้งจุดตรวจบริเวณหน้า สภ.ห้วยยาง มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าแบบมีหลังคาทึบ ซึ่งมี น.ส.วิลัยพร เป็นคนขับ ท่าทางน่าสงสัย จึงขอตรวจค้นพบแรงงานหลบหนีเข้าเมือง เป็นชาวเมียนมา 21 คน ซึ่งได้เดินเท้าข้ามแดนมาทางช่องทางธรรมชาติ ไม่มีเอกสารใดให้ตรวจสอบ 

โฆษก ตร. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีสาวชาวไตหวันเที่ยวไทย อ้างว่า ถูกตำรวจไทยขอค้น ไถเงินกว่า 20,000 จนปล่อยตัว

วันนี้ (26 ม.ค.66) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
กรณีสาวชาวไตหวันเที่ยวไทย อ้างว่า ถูกตำรวจไทยขอค้น ไถเงินกว่า 20,000 จนปล่อยตัว

จากเพจ มติชน: สาวชาวไต้หวัน อ้างถูก ตร.ไทยค้นตัว เรียกเงิน 27,000 บาท เตือน นทท.อย่าพกเงินสดเยอะ 
(วันที่ 25 มกราคม 2566 - 15:42 น.) สาวชาวไต้หวัน อ้างถูก ตร.ไทยค้นตัว เรียกเงิน 27,000 บาท เตือน นทท.อย่าพกเงินสดเยอะ

เมื่อวันที่ 25 มกราคม เฟซบุ๊กแฟนเพจ หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ซึ่งนำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรม ในไต้หวัน ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก เล่าข่าวที่เกิดขึ้นกับสาวชาวไต้หวันรายหนึ่ง ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย โดยอ้างว่าถูกตำรวจไทยขอค้นตัว และรีดไถเงินกว่า 2 หมื่นบาท ซึ่งเธอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายแห่ง โดยเฟซบุ๊กหนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “สาวชาวไต้หวันเที่ยวไทย อ้างว่า ถูกตำรวจไทยขอค้นตัว ค้นกระเป๋า รีดไถเงินกว่า 20,000 บาท จนยอมปล่อยตัว” นั้น

ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า 

- ผู้กล่าวอ้างเป็น หญิงสาวชาวไต้หวัน อายุ 33 ปี  ให้ข่าวว่าเหตุเกิดวันที่ 4 ม.ค.66 เวลาประมาณ 01.00 น.
- พบว่ามีการเช็คอิน FB ที่แอสคอท(Ascott) ทองหล่อ ระหว่างที่พักในไทย
- เริ่มออกข่าววันที่ 7-8 ม.ค.ที่ไต้หวัน เพราะโพสในสตอรี่ IG ทุกสำนักข่าวออกข่าวเพียงวันเดียว แล้วก็ไม่มีข่าวออกมาอีกเพราะไม่มีหลักฐานมาขยายความต่อ  มีแต่คำกล่าวอ้างของเจ้าตัว
- สอบถามไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคนไต้หวันในประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า หลังเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน ไม่พบข้อมูลขอความช่วยเหลือ หรือร้องเรียน รับแจ้ง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 
- ตรวจสอบกับระบบ สตม.พบว่า เดินทางเข้าเมื่อ 29 ธ.ค.65 ทาง สนามบินสุวรรณภูมิ วีซ่า VISA ON ARRIVAL เพื่อการท่องเที่ยว  และเดินทางออกเมื่อ 5 ม.ค.66 สนามบินสุวรรณภูมิ 

สอบขยายผล  หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการตามที่เป็นข่าวจริง  จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป

อาละวาดหนัก! ‘ผู้ช่วยฯสมพงษ์-ศปอส.ตร.’ เปิด 4 กลโกงโจรออนไลน์มาแรง เตือนปชช.ระวัง

26 มกราคม 2566 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) หัวหน้าอำนวยการด้านประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) , พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบช.ศปก.ตร./หัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ฯ ปฏิบัติหน้าที่ ศปอส.ตร. และ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก./รองหัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ร่วมกันเปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม 2566 ฝ่ายบริหารการรับแจ้งความออนไลน์ ศปอส.ตร. และ บก.ตอท. พบคดีที่น่าสนใจควรเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อฉ้อโกง 4 คดี คือ

1) หลอกให้ลงทุนกับสถาบันติวสอบครูผู้ช่วย
2) ปลอมเพจโรงรับจำนำอีซี่มันนี่หลอกขายสินค้าหลุดจำนำ
3) หลอกให้โอนเงินโดยอ้าง 'โครงการประชารัฐ'
4) หลอกลงทุนอ้างบริษัทยักษ์ใหญ่ 'CP ALL'

นอกจากนี้พบว่ากลุ่มโจรออนไลน์ยังแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร หลอกลวงประชาชน โดยหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมมือถือระยะไกล ลงในมือถือ หลอกว่าจะคืนภาษี ทวงภาษี หรือให้เราตรวจสอบการเสียภาษี โดยการตรวจสอบผ่านโปรแกรมที่ส่งเป็นลิงค์มาให้โหลด ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเราโดยตรง เมื่อมือถือถูกมิจฉาชีพเข้าควบคุม ซึ่งมีคนตกเป็นเหยื่อมาแล้วหลายราย เบื้องต้นให้ตั้งสติ แล้วรีบกดปุ่มปิดมือถือให้ไว เพื่อตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตในเครื่อง แล้วคนร้ายจะไม่สามารถใช้งานบนมือถือเราได้ แล้วรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงไว้เป็นหลักฐานเพื่ออายัดบัญชีของเราไว้ก่อน 

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สายการบินแจกตั๋วเครื่องบินฟรีในฤดูกาลท่องเที่ยว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สายการบินส่งข้อความสั้น (SMS) และโทรศัพท์ไปหลอกลวงประชาชนแจ้งว่าเป็นผู้โชคดีได้รับคูปองเที่ยวบินฟรี ดังนี้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) มายังโทรศัพท์มือถือของตน แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สายการบินต่างๆ เช่น สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air) พร้อมกับข้อความในลักษณะว่า “ ขอบคุณที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ท่านได้รับบินเที่ยวฟรี ” โดยให้กดลิงก์ที่แนบมากับข้อความดังกล่าวเพื่อเป็นการเพิ่มเพื่อนสายการบินทางแอปพลิเคชันไลน์ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้เสียหายสอบถามข้อมูลต่างๆ และหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของสายการบินที่ส่งให้ทางไลน์อีกครั้ง เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อติดตั้งแอปพลิเคชันดังกล่าว มิจฉาชีพจะหลอกให้เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลทางการเงิน หรือให้ตั้งรหัส PIN 6 หลัก รวมถึงการให้สิทธิ์แอปพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนต่างๆ ทำให้มิจฉาชีพสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ามา และควบคุมหน้าจอโทรศัพท์ของเหยื่อเมื่อใดก็ได้ โดยจะทิ้งระยะเวลาให้เหยื่อตายใจ ระหว่างนี้มิจฉาชีพจะสังเกตพฤติกรรมของเหยื่อ เช่น ใช้ธนาคารใด มีเงินในบัญชีเท่าไหร่ และจดจำรหัสผ่านจากที่เหยื่อกดเข้าระบบของแอปพลิเคชันธนาคาร กระทั่งเวลาผ่านไปจนเหยื่อเผลอ เมื่อได้โอกาสมิจฉาชีพจะเชื่อมต่อแล้วโอนเงินออกจากบัญชีไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานต่างๆ ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

พิษณุโลก ตำรวจภาค 6 กวดล้างอาชญากรรม ยึดปืน ยาบ้า อาวุธสงคราม

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 66 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตำรวจภูธรภาค 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมรองผู้บัญชา และผู้บังคับการตำรวจภูธรในสังกัดภาค 6 ร่วมกันแถลงข่าวผลงานการกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด ในช่วงระหว่างวันที่ 15-24 ม.ค. 2566 ตามแผนป้องกันปราบปรามอาชญกรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 'ป้องราษฎร์ ปราบภัย หัวใจคือประชาชน' 

สำหรับการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในครั้งนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายในภาพรวมของหน่วยอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม โดยใช้ผลวิเคราะห์ข้อมูล สถานภาพอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และนาฬิกาอาชญากรรม เป็นข้อมูลในการวางแผนปฏิบัติ ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค ได้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม เน้นความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม การพนัน ยาเสพติด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง อาวุธปืน ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และบุคคลตามหมายจับ บังเกิดผลการปฏิบัติ อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top