Monday, 28 April 2025
CRIMES

'ตำรวจ' ปลอมตัวเป็น นทท. บุกข้าวสาร รวบแก๊งเมียนมา ลอบเข้าเมือง เปิดร้านขายโรตี-เคบับ แย่งอาชีพคนไทย

(8 ก.พ. 66) ว่าที่ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าภายในถนนข้าวสารและซอยรามบุตรี แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ว่ามีคนต่างด้าวจำนวนมาก มาเปิดร้านในลักษณะรถเข็น ขายโรตีและเคบับ ซึ่งเป็นอาชีพต้องห้าม แย่งอาชีพคนไทย

ต่อมาวันที่ 7 ก.พ. 66 จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ตรวจสอบ และประชุมวางแผน เพื่อดำเนินการเข้าตรวจสอบจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 อำพรางตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้าไปตรวจสอบตามที่ประชาชนให้เบาะแส พบว่าภายในซอยรามบุตรีมีคนต่างด้าวมาเปิดร้านขายโรตีและเคบับจำนวนหลายร้าน จึงแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมแสดงบัตรประจำตัวให้คนต่างด้าวดู

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบนั้น คนต่างด้าวหลายรายไหวตัวทันและวิ่งหลบหนีไป ทิ้งไว้เพียงรถเข็นขายของ จึงควบคุมตัวคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไว้ได้ 11 ราย ได้แก่

1.) นายทะอ่อง อายุ 21 ปี, 2.) นาย โมยัมเอ อายุ 20 ปี, 3.) นาย ฮงทาย อายุ 33 ปี, 4.) นายอู อายุ 25 ปี, 5.) นาย โทเร อายุ 19 ปี, 6.) นาย มีโส อายุ 30. ปี, 7.) นาย ออจุน อายุ 33 ปี, 8.) น.ส.เลเนวี อายุ 29 ปี, 9.) น.ส.สาเน ทุย อายุ 33 ปี, 10.) น.ส.แวว อายยุ 46 ปี และ 11.) น.ส.มูมู อายุ 28 ปี

ซึ่งระหว่างการตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 11 ราย ไม่สามารถแสดงเอกสารหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานให้เจ้าหน้าที่ดูได้

ทั้งนี้ การเร่ขายสินค้านั้นเป็นงานต้องห้าม คนต่างด้าวไม่สามารถทำได้ อันเป็นความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ทั้งหมดยอมรับว่าได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางพรมแดนที่ติดกับประเทศไทย และเข้ามาเปิดร้านขายโรตีและเคบับ รวมถึงสินค้าอื่น ๆ โดยมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีรายได้เฉลี่ยต่อวันยังไม่หักต้นทุนถึง 1,000-1,500 บาท สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยที่ค้าขายอย่างถูกต้องในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก

'เพจดัง' ติง!! กรณีนักท่องเที่ยวจีนถูก 'โกง-ทำร้าย' ที่ภูเก็ต "ถ้า จนท.ช่วยจริงจังแต่แรก เรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้น"

ไม่นานมานี้ เพจ 'ลุยจีน' ได้โพสต์ข้อความแจ้ง กรณีนักท่องเที่ยวจีนถูกบริษัททัวร์ภูเก็ตทำร้ายและโกง (อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ที่ >> https://facebook.com/100064606066871/posts/pfbid02ircqQ1vk7gPwecVSsJUi9gtevFucTeqJQRoKZEPkfiuqKXmffXjCkeAs52VVKDgtl/) โดยล่าสุดได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว ว่า...

จับแล้วเมื่อวานครับ เคสพนักงานบริษัททัวร์อักษรย่อ บ ที่ทำร้าย นทท.จีนปลาย ม.ค. จนเป็นคลิปไวรัลที่จีน

เบื้องต้นให้การรับสารภาพ มีการตรวจยึดมีดที่ใช้ก่อเหตุ และส่งฟ้องศาลต่อไป

แต่ประเด็นที่คนจีนตั้งคำถามกันคือ "ถ้า ตร. ท่องเที่ยวไทย ไปช่วยเรื่องนี้อย่างจริงจังแต่แรก ไม่โยนเรื่องให้คนอื่น เรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้นมั้ย?" 

ฉงน!! ‘ข้าราชการสีเทา’ ฉายแสงซ้ำซาก ฤๅฤทธิ์แรงโหมจาก ‘เงา’ หลังฉาก ที่ให้ท้ายจนเคยตัว

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายในสังคม ‘ข้าราชการสีเทา’ ก็เน่าออกมาอีกเป็นระลอกคลื่น 

เพราะเมื่อปลายปีที่แล้ว กรณีข้าราชการสีเทา สุดงามไส้ ที่ทำเอา ‘ท็อป’ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ ยังต๊กกะใจ และตามหลอกหลอนอยู่นั้น สาเหตุมันก็มาจากความละโมบส่วนบุคคล ที่ไม่รู้มีใครหนุนหลังให้หาญกล้าลงมือกิน

แต่ก็อย่างว่า คดีนี้ก็จบลงเมื่อผู้ถูกกระทำเกินทน จนเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แท็กมือกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) บุกเข้าจับกุม ‘รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา’ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเป็นผลสำเร็จ 

เป็นเหตุเซอร์ไพรซ์ท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ในห้องประชุม และกำลังรออวยพรปีใหม่ ‘ทั่นอธิบดี’ ซึ่งถูกแจ้งข้อหา ‘เรียกรับผลประโยชน์’ เรียกเก็บค่าวิ่งเต้นตำแหน่ง-รีดลูกน้อง โดยจากการตรวจค้นห้องทำงาน พบเงินสดประมาณ 5 ล้านบาท ใส่ซองจำนวนหลายต่อหลายซองเป็นของกลาง แม้เจ้าตัวจะให้การปฏิเสธ ว่าไม่รู้เงินอะไร ก็มิเป็นผล 

ถัดมาวันนี้ (2 ก.พ.66) ก็ได้ข่าวทำนองว่า ผอ.โรงเรียนดังในเมืองกรุง รีดเงินเอกชน 3.2 แสนบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุจริตเกี่ยวกับอาหารนักเรียน จนโดนเจ้าเดิมอย่าง บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท., เปิดปฏิบัติการ ‘ไข่นกกระทา’

ผู้ต้องหา รอบนี้ มีชื่อว่า นายไพฑูรย์ ภูมิช่อ ผู้อำนวยการโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) อายุ 58 ปี ถูกรวบในข้อหา เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด และ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ภายในห้องทำงานโรงเรียน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

โดยสืบเนื่องจากก่อนหน้าได้รับการร้องเรียนและก่อนเข้าทำการจับกุมนั้นสายข่าวแจ้งว่าว่า นายไพฑูรย์ มีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม เรียกรับเงินจากคู่สัญญาหรือผู้ประกอบการที่ชนะการเสนอราคาโครงการจ้างเหมาประกอบอาหารสำหรับนักเรียน ภาคเรียนที่ 2/2565 ของโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) เป็นเงิน 329,000 บาท อ้างว่าจะนำไปปรับปรุงวัสดุ อุปกรณ์ โต๊ะ เก้าอี้ ภายในโรงอาหารของโรงเรียน และ เรียกเก็บเพิ่มเติมเป็นเงินรายเดือนอีกเดือนละ 9,000 บาท ซึ่งเงินส่วนหลังนี้อ้างว่าเป็นค่าดูแลเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารของนักเรียน จำนวน 5 คน

เมื่อจับได้ ก็เข้าสูตร อ้างว่าไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าก่อนหน้าจะถูกจับกุมได้มีการเชิญตัวผู้ประกอบการมาเข้าพบจริง แต่เป็นการเรียกมาพบเพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาที่มีการร้องเรียนเรื่องคุณภาพอาหารเพียงเท่านั้น ส่วนซองเงินที่อยู่บนโต๊ะนั้น ก็ไม่ทราบว่าเป็นของผู้ประกอบการคนดังกล่าววางลืมไว้หรือไม่ แต่ไม่ใช่ของตนอย่างแน่นอน เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. เพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลระดมจับกุมความผิดอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมาย และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 แสนเม็ด ไอซ์ 40 กก.และของกลางจำนวนมาก

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการตำรวจภูธรภาค 7  อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยรองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลถลงผลระดมจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย (On Ground) และจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ผ่านระบบออนไลน์และโซเซียลมีเดียโดยผิดกฎหมาย (Online) ระหว่างวันที่ 1 - 5 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยแยกความผิด 

1.) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน จำนวน 582 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 578 คน 
2.) ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( On Ground ) จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน อาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1 นัด 
3.) ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( Online) จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 4 คน และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 ผู้ต้องหาจำนวน 7 คน ช.4 ญ.3 พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 264 มัด รวมประมาณ 528,000 เม็ด ไอซ์ จำนวน 40 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 40 กิโลกรัม รถยนต์จำนวน 7 คัน อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก และอื่นๆ อีกหลายรายการ)

สำหรับผลการจับกุมคดียาเสพติด ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนครปฐม มีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า) จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ทางด้าน อ.สังขละบุรี และสืบสวนทราบว่า หนึ่งในขบวนการกลุ่มเครือข่ายนายโก๊ะ มีนายวิเชียรหรือตั้มฯ และ น.ส.หฤทัยชลหรืออ้อย ฯ เป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ส่วนวันเวลาก่อนการจับกุมประมาณ 1 เดือน ทราบว่า นายโก๊ะ สั่งการให้ น.ส.หฤทัยชลฯ กับพวก ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ทะเบียน 6กท-4926 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำยาเสพติดซุกซ่อนภายในรถยนต์ โดยมีการทำช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด ซึ่งทำการจับกุมเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา ณ ถนนแสงชูโต ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อู่ทำสีรถยนต์ ซอยตลาดเทศบาลเมืองสามพราน อ.สามพราน และต่อเนื่อง บ้านเลขที่ 44/128 หมู่ที่ 8 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม

รวบสามีภรรยาแดนมังกร ฉ้อโกงประชาชน ชักชวนซื้อเหรียญเว็บพนันออนไลน์ หอบเงินหนีซุกไทย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

สืบเนื่องจากได้รับการประสานงานจาก สำนักงานกงสุล(ฝ่ายตำรวจ) ณ นครคุนหมิง และสถานฑูตจีนประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ ราย   

1. MR.YANG หรือ นาย หยาง (นามสมมติ) อายุ 38 ปี    
2. MS.ZENG หรือ นาง เจิ้ง (นามสมมติ) อายุ 36 ปี    
ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในลักษณะฉ้อโกงประชาชนฯ  มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท แล้วหลบหนีการจับกุมเข้ามายังประเทศไทย 

จึงได้สั่งการให้  พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม.,ร.ต.อ.อดิศร บุญชุ่ม รองสว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พร้อมพวก ทำการสืบสวนติดตามจับกุม MR.YANG หรือนาย หยาง และ MS.ZENG หรือ นางเจิ้ง จนทราบว่า ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่คอนโด ในพื้นที่สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และ ผบก.สส.สตม.ได้อนุมัติเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรฯของ MR.YANG หรือนาย หยาง และ MS.ZENG หรือ นางเจิ้ง ไว้แล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 09.00 น. จึงได้เดินทางไปเพื่อตรวจค้น เมื่อไปถึงห้องพัก พบ MR.YANG หรือนาย หยาง ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับประเทศจีน และถูกเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรฯ ออกมาจากห้อง  จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอทำการตรวจค้น โดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว โดย MR.YANG สมัครใจพาตรวจค้นห้อง จึงทำการตรวจค้นพบ MS.ZENG หรือ นางเจิ้ง ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับประเทศจีน และถูกเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรฯ อาศัยอยู่ในห้องดังกล่าวด้วย จึงได้ทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริง จึงได้แจ้งทั้ง 2 ราย ถึงการถูกเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรของบุคคลต่างด้าวฯ และตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ เงินสดสกุลเงินไทยและสกุลเงินอื่นกว่า 6 สกุลเงิน มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท

สตม. บุกทลายบริษัททำวีซ่าปลอม ค้นเจอพาสปอร์ตหลายร้อยเล่ม

สืบเนื่องจากตั้งแต่ห้วงเดือนธันวาคม 2565 ถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ประจำด่านต่างๆ ได้จับกุมตัวชาวต่างชาติจำนวนหลายราย ซึ่งกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ในข้อหา “ปลอมและใช้รอยตราของเจ้าพนักงาน (รอยตราวีซ่า)” ซึ่งจากการจับกุมพบว่ารอยตราวีซ่าปลอมมีลักษณะเดียวกัน จึงเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกันเป็นผู้กระทำความผิด ต่อมา บก.สส.สตม. ได้รับสั่งการให้ทำการสืบสวนขยายผลจนพบว่า บริษัท รับทำวีซ่าแห่งหนึ่ง บริเวณ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. มีพิรุธน่าสงสัย เชื่อว่าเป็นบริษัทที่รับทำวีซ่าให้กับลูกค้าชาวต่างชาติโดยเป็นผู้ปลอมรอยตราวีซ่าให้กับชาวต่างชาติที่มาใช้บริการ จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญา 

ซึ่งศาลอาญาอนุมัติหมายค้นที่ ค.49/2566 ลง 17 ม.ค.2566 จึงได้เข้าตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว พบ น.ส.อังศณา เกษมสุข เจ้าของบริษัท พร้อมลูกน้อง ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นพบหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติ ภายในบ้านจำนวน 700 เล่ม บางส่วนแอบใต้ฝากเพดานชั้น 2 บางส่วนวางกระจัดกระจายอยู่ที่ชั้น 1 จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่า มีหนังสือเดินทางจำนวน 124 เล่ม มีรอยตราวีซ่าปลอมในหนังสือเดินทาง จากนั้นได้ตรวจยึดหนังสือเดินทางทั้งหมดเพื่อตรวจสอบและนำส่งกองพิสูจน์หลักฐานต่อไป และได้ขออนุมัติหมายจับ น.ส.อังศณาฯ ต่อศาลอาญา โดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับที่ จ.226/2566 ลง 21 ม.ค.2566

ผบช.ภ.1 ร่วมกับ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ปปส.ภาค 1 จัดแถลงข่าวจับกุมยาเสพติดเครือข่าย 'เฮียเยะ เชียงราย' ได้ของกลางยาบ้า 1.73 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือสู่ภาคกลาง

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา สํานักงาน ปปส.ภาค 1 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายลําเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ "เฮียเยะ เชียงราย" เพื่อนํามาจําหน่าย และแพร่กระจายในภาคกลางและภาคตะวันตก

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายบุญหลง หรือ หลง ยานะนวล อายุ 42 ปี ลําเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง โดยใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย จึงประสานให้ สภ.มหาราช ตั้งจุดสกัดที่ถนนสายเอเชีย กม.47 บริเวณหน้าตู้ยาม ต.02 สภ.มหาราช ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนกําลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่เหลือ ได้วางกําลัง เฝ้าสังเกตุการณ์ตามเส้นทางหลักและรอง เพื่อจะสกัดกั้นการลําเลียงยาเสพติดในครั้งนี้

DSI ลงพื้นที่ท่าใหม่ จันทบุรี ตรวจยึด/อายัดทรัพย์คดี Forex 3-D เพิ่มเติม

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566)  พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก วิษณุ  ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ ร้อยตำรวจโท เสฎฐวุฒิ สายป้อง ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 3 และ นางสาวนันท์นภัส  เกยุราพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 1 พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 36/2563 สนธิกำลังกับ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 2 และกองปฏิบัติการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำหมายค้นศาลจังหวัดจันทบุรี เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 14/2 ถนนศรีนวดิตถ์ ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี    

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสอบสวนคดีพิเศษที่ 36/2563 ซึ่งเป็นความผิดฐานฐานฟอกเงิน ในกรณี “การชักชวนให้ลงทุนนำเงินไป ซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ (Forex)  โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60-80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการเทรดฟอเร็กซ์ และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 โดยมีการชักชวนผ่านทางเฟสบุ๊คชื่อ Forex-3D และบัญชี เฟสบุ๊คชื่อ Apirak Krub (นายอภิรักษ์ โกฎธิ)” ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้เพื่อตรวจสอบไว้ก่อนแล้วหลายรายการ ซึ่งต่อมาจากการสืบสวนขยายผล คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบทรัพย์สิน ของนางสาวชนกวนันท์ โกฎธิ หรือ ภคมน สีลุน อดีตภรรยาของนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 60/2564 เป็นบ้านพักและที่ดินมีโฉนด ในพื้นที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และยังไม่มีการยึดอายัดไว้ ซึ่งเชื่อว่าได้มาในช่วงเกิดเหตุคดี Forex 3-D และคาดว่าจะมีทรัพย์สินอื่นๆ ซุกซ่อนอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าวด้วย

'เชียงราย' ยิงสนั่นกลางป่าชายแดนแม่ฟ้าหลวง ทัพเจ้าตาก ปะทะ กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดวิสามัญ 2 ศพ

หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ตามแนวชายแดน จัดกำลังเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปรากฎข่าวสารว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านชายแดนเข้ามายังประเทศไทย จนกระทั่งช่วงค่ำของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 19.15 นาฬิกา ชุดปฏิบัติการของกองร้อย

ทหารพรานที่ 3107 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 ซึ่งปฏิบัติภารกิจเฝ้าตรวจชายแดน บริเวณช่องทางสันมะเค็ด บ้านห้วยกระ ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 5 – 7 คน แบกเป้สัมภาระเข้ามายังพื้นที่เฝ้าตรวจ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา จึงได้เกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ผลการปะทะ ฝ่ายเราปลอดภัย   เนื่องจากอยู่ในยามวิกาล

‘ผู้ช่วยฯสมพงษ์-ศปอส.ตร.’เตือน 3 กลโกงล่าสุด หลอกขายนม-กดลิงก์บริษัทประกันปลอม

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) หัวหน้าอำนวยการด้านประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ./หัวหน้าด้านข่าวสารและประชาสัมพันธ์ , พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบช.ศปก.ตร./หัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ฯ ปฏิบัติหน้าที่ ศปอส.ตร. และ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก./รองหัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ร่วมกันเปิดเผยว่า ในรอบสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารการรับแจ้งความออนไลน์ ศปอส.ตร. และ บช.สอท. พบอาชญากรรมออนไลน์ที่ต้องเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนประชาชน คือ หลอกขายนมไทยเดนมาร์ก , หลอกให้กดลิงก์บริษัท ไทยประกันชีวิตปลอม และหลอกให้ลงทุนเล่นพนันออนไลน์ เป็นต้น
สำหรับการหลอกขาย 'นมไทยเดนมาร์ก' นั้น ขั้นตอนการหลอกลวงคนของคนร้าย คือ

- สร้างเพจ Facebook ขึ้นมาโดยใช้ชื่อ รูปโปรไฟล์ รูปปก ที่อยู่ ข้อความแนะนำ ใกล้เคียงกับเพจไทยเดนมาร์ค
- สร้างเป็นเพจ Facebook หรือซื้อโฆษณาเพจเพื่อให้คนเห็นได้จากระบบอินเตอร์เน็ต
เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสอบถามเพื่อขอซื้อ เพจจะใช้หลักจิตวิทยาเพื่อให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ก่อน เมื่อถึงวันรับสินค้า เหยื่อจะส่งข้อมูลไปสอบถาม  แต่ก็จะอ้างเลื่อนการส่งด้วยมีเหตุต่างๆ สุดท้ายปิดเพจหนีหรือเปลี่ยนชื่อเพจเป็นชื่อ

ข้อควรระวัง คือ ตรวจสอบเพจ Facebook ให้แน่ใจก่อนซื้อ โดยกด 'เกี่ยวกับ' 'ความโปร่งใส' ก็จะเห็นว่าเปิดมานานเท่าใด ผู้จัดการเพจอยู่ประเทศไทยหรือไม่(อยู่ต่างประเทศ ควรหลีกเลี่ยง) และดูช่องกดไลก์ ดูโพสต์เป็นหลัก อย่าดูด้านใต้ชื่อเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถซื้อ 'ไลก์' ได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top