Sunday, 27 April 2025
CRIMES

‘ตำรวจนครบาล’ แถลงความคืบหน้ากรณีบุกทลายปาร์ตี้ยาเค ณ อาคารร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65

ตามนโยบายการป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดยาเสพติด ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ 10 นโยบายเข้ม ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. โดย พล.ต.อ.ชินภัทรสารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เร่งรัดให้กวาดล้างยาเสพติดและพฤติการณ์การมั่วสุมเสพยาเสพติดตามแหล่งสถานบันเทิงอย่างจริงจัง        

   

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น., พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น., กก.สส.บก.น.6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามจับกุมผลการปฏิบัติ ดังนี้  

วันที่ 26 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 00.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้น อาคารร้าน จินหลิงและ อาคาร LEELA อาคาร WIP WUP CAR WASH ได้ทำการจับกุม

1. นายธนบดี (สงวนนามสกุล) โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” 

2. Mr.Huang Haitao อายุ 39 ปี  โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

3. Mr.Yang Chen อายุ 37 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

4. จับกุมผู้กระทำความผิดในข้อหาเสพยาเสพติด จำนวน 78 ราย

5. ดำเนินคดีตาม พรบ. คนเข้าเมือง จำนวน 124 ราย 

พร้อมตรวจยึดยาเสพติด ได้แก่ 

1. เฮโรอีนผสมเคตามีน (แฮปปี้วอเทอร์) 323 ซอง

2. ไฟว์ ไฟว์ จำนวน 8 เม็ด

3. ยาอี น้ำหนักชั่งรวมถุง ประมาณ 3,919.7 กรัม

4. เคตามีน น้ำหนักชั่งรวมถุง ประมาณ 855.9 กรัม

พร้อมยึดทรัพย์สินไว้ทำการตรวจสอบจำนวน 49 รายการ และรถยนต์ 35 คัน

‘ตำรวจ’ รวบ 31 ผู้ต้องหาเครือข่ายเว็บพนัน พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1,200 ล้านบาท

สืบเนื่องจากช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งทีม ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ทลายเว็บพนันในเครือ ‘MESSI’ เมสซี่ ซึ่งเป็นเว็บพนันรายใหญ่ที่มีสโลแกนว่า แตกง่าย แทงบอล อันดับ 1 ตรวจสอบแล้วมีประชาชนรวมไปถึงเด็กและเยาวชนถูกมอมเมาเป็นจำนวนมาก ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความห่วงใยปัญหาดังกล่าวโดยบางรายมีอายุเพียง 13 ปี และเครือเว็บพนันรายนี้ยังมีการลักลอบใช้ช่องทางเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการในการเผยแพร่เว็บไซต์การพนัน โดยนำช่องทางการเข้าลิงก์เว็บไซต์ของตนไปแปะทับเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและเว็บไซต์ของศูนย์สารสนเทศยุทธศาสตร์ภาครัฐ สำนักงานสถิติแห่งชาติ 

ซึ่งต่อมาชุด PCT5 ได้มีการตรวจสอบขยายผลทางเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในระบบกว่าพันล้านบาท โดยพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บก.น. /หน.ชุดปฏิบัติการ PCT 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT5 เข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย 8 แห่งในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จำนวน 2 จุดและ จ.จันทบุรี จำนวน 5 จุดซึ่งเป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันกว่า 18 URL คือ Messi1688, Messibet168, Messinow เป็นต้น และสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับจำนวน 20 หมายจับ จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีรวม 1,200 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปอส.ตร. (PCT), พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. / รอง ผอ.ศปอส.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล, พ.ต.ท.นรามินทร์ เทพจักรินทร์, พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ, พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี, พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี, พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) และ กก.สส.จว.ระยอง จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 31 คน ดังนี้

1. นายณัชพล ปากน้ำเขียว อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.1 ต.คมบาง อ.เมือง จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2743/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 65 จับกุมตัวได้ที่จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 59/36 หมู่บ้านยลดาวิลล์ ถ.พระยาตรัง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี

2. นายสหรัฐ เจนช่าง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/10 ม.3 ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2740/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 65 จับกุมตัวได้ที่จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 59/36 หมู่บ้านยลดาวิลล์ ถ.พระยาตรัง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี

3. นายศิรสิทธิ์ พรหมเกิด อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 ถ.ชวนะอุทิศ ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2742/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 65 จับกุมตัวได้ที่จุดที่ 6 ร้าน 24wash&day บ้านเลขที่ 2/2026 ม.9 ซ.รักศักดิ์ชมูล 9 ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี

4. น.ส.วฒิภา เรณู ณ อยุธยา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/678 ซ.พหลโยธิน 52 แยก 43 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2738/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 65 จับกุมตัวได้ที่ สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสายไหม แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ

ผู้ต้องหาที่ 1-4 ถูกจับตามหมายจับข้อหา ‘ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานและร่วมกันฟอกเงิน’ ถูกนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ดำเนินคดีตามกฎหมาย

5. นายอภิสิทธิ์ มิ่งขวัญ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 114 ม.9 ต.คำเตย อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร
6. นายชยากร ประทุมทอง อายุ 23 ปี ที่อยู่ 28 ม.4 ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี
7. นายณัฐนนท์ บำรุงเชาว์เกษม อายุ 25 ปี ที่อยู่ 39/691 ซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 71 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพ
8. นายธนพร วัฒนกุล อายุ 28 ปี ที่อยู่ 60 ซอยรังสิต-นครนายก 44 ซอย 1 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
9. นายสุรสิงห์ สงวนนามสกุล อายุ 26 ปี
10. นายณพวัฒน์ รอดสูง อายุ 31 ปี ที่อยู่ 56/152 ม.5 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
11. นายทิวากร จูวงษ์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 8/48 ม.4 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
12. นายอธิษฐ์ภณ คันศรวสิษฐ์ อายุ 28 ปี ที่อยู่ 77/266 ซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 4-45 (ม.ชลลดา) แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพ
13. น.ส.ปพิชญา แซ่แต้ อายุ 27 ปี ที่อยู่ 189/87 ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพ
14. น.ส.อัญวีณ์ สวาสดิ์โรจน์ อายุ 33 ปี ที่อยู่ 10/394 ซอยหัวหมาก 18 (หวังภาษิต2) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพ
15. น.ส.รมิดา ตั้งวนิชนิกุล อายุ 26 ปี ที่อยู่ 234/463 ถนนเทพรักษ์ แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพ
16. น.ส.สุดารัตน์ จอมสง่า อายุ 29 ปี ที่อยู่ 35 ม.7 ต.บ้านสร้าง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี
17. นายก้องภพ เทียนน้อย อายุ 25 ปี ที่อยู่ 67/11 ม.1 ต.หนองบัว อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์

ผู้ต้องหาที่ 5-17 ถูกจับกุมที่จุดที่ 1 บ้านเลขที่ 44/100 หมู่บ้านอัมรินทร์นิเวศ 1 ซอย 4 ถ.รามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ และถูกแจ้งข้อหาว่า ‘ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน’

18. น.ส.พีรดา เรืองทอง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/700 ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
19. น.ส.นลัทธมนต์ ลิมปิชัยวิทย์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/190 ซ.วัดเวฬุวนาราม 9 (เกตุวรชัย) แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
20. นายพิศุทธิ์ อนุมานศิริกุล อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 344 ซ.เจริญนคร 46 ถ.เจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯ

ผู้ต้องหาที่ 18-20 ถูกจับกุมที่จุดที่ 2 ภายในห้อง PENTOR PRODUTION บนชั้น 4 ภายในบ้านเลขที่ 9 ซอยรามอินทรา 5 แยก 15 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ และถูกแจ้งข้อหาว่า ‘ร่วมกันชักชวนหรือสนับสนุนให้มีการเล่นพนัน ประกาศ โฆษณา หรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต’ ถูกนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

‘ศาลอาญา’ สั่งจำคุก ‘เสี่ยโป้’ 50 ปี 48 เดือน คดีชวนเล่นพนันออนไลน์ - ฟอกเงิน 1.7 พันล้าน

(14 ธ.ค. 65) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีชักชวนเล่นพนันออนไลน์ หมายเลขดำอ.981/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ อดีตผู้กว้างขวางย่านฝั่งธนบุรี น.ส.จุฑามาศ จันที แฟนสาว กับพวก เป็นจำเลยที่ 1-21 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478, พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2504, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ฯลฯ

อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 10 ส.ค.61- 20 ธ.ค.63 จำเลยทั้ง 21 คนกับพวกที่หลบหนี อาทิ น.ส.บานเย็น ชาญนรา มารดานายเสี่ยโป้ บังอาจร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกันโดยจัดและโฆษณาชักชวน จูงใจ หรือไลฟ์สด ในฐานะเจ้ามือรับกินรับใช้ โดยจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โปรแกรม แอปพลิเคชันต่าง ๆ ทุกประเภทการพนัน ลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำเป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มบริหารสั่งการ มีนายเสี่ยโป้ จำเลยที่ 1, น.ส.จุฑามาศ แฟนสาวนายเสี่ยโป้ จำเลยที่ 2, นายพุทธรักษ์ ชัชอานนท์ ญาตินายเสี่ยโป้ จำเลยที่ 3, น.ส.พลอยพิชชา ปะดุลัง จำเลย ที่ 4 และน.ส.บานเย็น มารดา ที่หลบหนี

กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มครอบครองและใช้บัญชีเงินฝาก 

กลุ่มที่ 3 เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่ใช้ในการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ พบว่า มีการรับโอน-รับแทงจำนวน 575,323 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,760,970,545 บาท รวมทั้งการโอนเงิน อันเป็นการฟอกเงินรวม 2,713 รายการ รวมยอดเงิน 841,678,523 บาท

โจทก์จึงขอให้ศาล พิพากษาลงโทษพวกจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ โดยนายเสี่ยโป้ กับพวกรวม 19 คน ไม่ได้รับการประกันตัว ถูกคุมขังในเรือนจำ

ส่วนนายพุทธรักษ์ จำเลยที่ 3 และน.ส.พลอยพิชชา จำเลยที่ 4 ได้รับการประกันตัว แต่หลบหนีระหว่างพิจารณา ศาลสั่งออกหมายจับ โดยวันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยที่ถูกคุมขังในเรือนจำมาศาล ส่วนจำเลยที่ 3-4 (พี่ชาย-พี่สะใภ้) ซึ่งได้ประกันหลบหนี

ศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่า นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1 กระทง จำคุก 3 เดือน, ฐานเป็นเจ้ามือ จำนวน 3 กระทง จำคุก 3 เดือน, ฐานช่วยประกาศโฆษณาชักชวน ให้เข้าเล่นพนัน จำนวน 14 กระทง จำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 48 เดือน และฐานฟอกเงิน จำนวน 25 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 50 ปี รวม 4 ฐานความผิด เป็นจำคุก 50 ปี 48 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว คงลงโทษได้ไม่เกินเพดานโทษจำคุก 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) 

น.ส.จุฑามาศ จันที ภริยาเสี่ยโป้ จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานช่วยประกาศโฆษณาชักชวนให้เข้าเล่นพนัน จำนวน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 6 เดือน 

นายพุทธรักษ์ ชัชอานนท์ พี่ชายเสี่ยโป้ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานช่วยประกาศโฆษณาชักชวนให้เข้าเล่นพนัน จำนวน 1 กระทง จำคุก 3 เดือน 

น.ส.พลอยพิชชา ปะตุลัง จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานฟอกเงิน จำนวน 7 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 14 ปี 

‘ตำรวจ’ กระจายกำลังตรวจค้น 30 จุดในอีสาน ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ 2.5 พันล้านบาท

(14 ธ.ค. 65) ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ประกาศจะปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อจะตัดวงจรของเครือข่ายยาเสพติด โดยยึดอายัดทรัพย์สินตลอดจนการป้องกันและปราบปรามแหล่งชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ชุมชนที่เชื่อว่าเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด และพื้นที่ล่อแหลม

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) /ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 รับนโยบายและได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลเครือข่ายที่เคยถูกจับกุมไปแล้วว่ามีความเคลื่อนไหวหรือไม่ และ มีเครือข่ายหน้าใหม่หรือไม่ สืบเนื่องการจับกุม นายวัฒนา ศรีวิไล พร้อมของกลางยาบ้า 1,976,000 เม็ด ได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าจึงขยายผลโดยใช้ข้อมูลจาก Big Data จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน และพบว่าเครือข่ายนี้มีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจากภาคอีสานลงสู่พื้นที่ภาคใต้ แล้วหลายครั้ง กระทั่งเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 จับกุมเครือข่ายได้อีก 2 รายคือ น.ส.รวิวรรณ วรรณฟัก ได้ที่หน้าโรงเรียนอนุบาลเพ็ญจันทร์ ต.วานรนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร และจับกุมตัว นายจักรพงษ์ คำชนะ ได้ที่หน้าหอพักพลอยสุข อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยแฝงด้วยการเป็นธุรกิจรับจ้างขนส่งสินค้าทั่วไประหว่างประเทศและในประเทศ

เจอด่านต้องทำอย่างไร! ศจร.ตร.ชี้วิธีสังเกตจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรที่ถูกต้อง แนะการถ่ายภาพ - คลิป พิจารณาก่อนแชร์

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) แจ้งประชาสัมพันธ์ประชาชน เรื่องการตั้งจุดตรวจของตำรวจจราจร ตามแนวปฏิบัติในการกวดขันวินัยจราจรเพื่อความปลอดภัยของทุกคนบนท้องถนน 

พล.ต.ต.นิธิธรฯ กล่าวว่า ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง เป็นเจ้าพนักงานจราจรตามกฎหมาย พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มีอำนาจหน้าที่ตั้งจุดตรวจ เพื่อกวดขันวินัยจราจรป้องกันอุบัติเหตุ และป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนท้องถนน ป้องกันปราบปราม สอดส่องดูพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบนท้องถนน โดยด่านตรวจ หรือจุดตรวจ ต้องมีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ระดับรองสารวัตรขึ้นไปเป็นหัวหน้ากำกับควบคุม

พล.ต.ต.นิธิธร ฯ กล่าวด้วยว่า เมื่อพบจุดตรวจ หรือด่านตรวจ กรุณาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ สอบถาม แสดงเอกสารหลักฐาน ทั้งนี้การขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ผู้ใดต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการต่อสู้หรือขัดขวางนั้น ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือ ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้หากขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งการตามอำนาจตามกฎหมาย โดยไม่มีเหตุ หรือข้อแก้ตัวอันสมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผบ.ตร.ลุยเอง!! เร่งขยายผล คดีผับจินหลิง มั่นใจ ทุกฝ่ายทำงานไร้ปัญหา เข้าขากันดี

(13 ธ.ค 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม กรณีผับจินหลิง ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับ รปภ.ว่าจะมีความเห็นต่างระหว่าง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หรือไม่

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่ได้มีความเห็นแตกต่าง ต้องเข้าใจว่าทุกคนปรารถนาดี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ปรารถนาดี ทางคณะทำงานที่มี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน และมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้ากำกับดูแลและรายงานผม ส่วนสาเหตุที่แจ้งข้อหาหัวหน้า รปภ. เปิดสถานบริการ เป็นเจ้าของกิจการ จริง ๆ แล้วในวันนั้น ที่ ผบช.น.เข้าไปตอนแรก ส่วนใหญ่จะพบคนจีนแต่มีหัวหน้า รปภ.มาแสดงตนว่าเป็นผู้ดูแลสถานที่นี้ จึงต้องมีการแจ้งข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน ต่อมามีการประกันตัวในชั้นศาล

ภายหลังจากการสอบสวนและมีพยานหลักฐาน พบว่าไม่ใช่ผู้ดูแลที่แท้จริง เมื่อสอบลึกไปก็ทราบว่าใครเป็นเจ้าของตัวจริง ซึ่งจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ไม่ได้มีเจตนาที่จะจับแพะ เพียงแต่เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงแต่ละขณะไม่เหมือนกัน ต้องมองภาพก่อนว่าคดีจินหลิงเกิดเหตุในพื้นที่นครบาล ทางพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น ได้เข้าไปด้วยตัวเอง ผมได้ยกระดับให้ท่านเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ส่วนคดีที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาที่มีการไปตรวจค้นนอกพื้นที่นครบาล หรือในพื้นที่นครบาล ส่วนหนึ่งจะมีทางพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม ไปช่วยขยายผลกับทาง สอท. ส่วนภาพรวมในการสืบสวนในที่ต่าง ๆ มีทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ควบคุม นำจิ๊กซอว์มารวมกัน ส่วนไหนที่เป็นคดีเกี่ยวเนื่องกับคดีจินหลิงก็จะเป็นทาง ผบช.น. หากเกี่ยวเนื่องกับคดีอื่นต่าง ๆ อาจจะมีการเพิ่มเติมในคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมเปิดปฏิบัติการค้น 53 จุดใน 18 จังหวัด ปราบเอเจนซี่เปิดมูลนิธิเอื้อประโยชน์ต่อวีซ่ากลุ่มทุนจีนสีเทา

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบสวนจับกุม กลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยโดยใช้คนไทยเป็นนอมินี แต่แอบแฝงด้วยธุรกิจสีเทา ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด หรือคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขยายผลสืบสวนจับกุมกลุ่มทุนจีนสีเทาเหล่านี้ และเข้าตรวจค้นยึดทรัพย์สินได้เป็นจำนวนมาก ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอข่าวไปแล้ว นั้น

​จากการสืบสวนขยายผลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่กลุ่มทุนจีนเหล่านี้สามารถเข้ามาภายในราชอาณาจักรและขออนุญาตอยู่ต่อได้นั้น ได้ใช้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา หรือเป็นอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ เพื่อขยายเวลาในการอยู่ต่อทุกครั้ง โดยที่ไม่ได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดว่ามีการดำเนินการตามที่แจ้งจริงหรือไม่ จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับกลุ่มเอเจนซี่ที่รับต่อวีซ่าโดยเปิดตัวเป็นมูลนิธิหรือสถานศึกษา เพื่อตรวจสอบข้อมูลว่ามีการดำเนินการจริงหรือไม่

​โดยเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.65 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานความร่วมมือไปยัง บช.น. ,บช.ภ.1 , บช.ภ.2 ,บช.ภ.3 ,บช.ภ.4 , บช.5 บช.ภ.7 สตม. และ บช.ทท. เปิดปฏิบัติการเข้าค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 53 จุด อยู่ใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ ลำพูน น่าน หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา ยโสธร อำนาจเจริญ ขอนแก่น และอุดรธานี โดยผลการตรวจค้น

กลุ่มที่ 1. มูลนิธิและสถานศึกษา ตรวจยึดเอกสารการสมัครเรียนและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบความผิดปกติจำนวนมาก

กลุ่มที่ 2 ผับเบบี้เฟส ซูเปอร์คลับ เอกมัย ตรวจยึด/อายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบ ลำโพง ยี่ห้อ aike Audio จำนวน 82 ตัว, ไฟสแกน (ไฟ Beam) จำนวน 176 ตัว , เครื่องทำควัน/ไอน้ำ จำนวน 25 ตัว , ไฟสำหรับทำแสงเลเซอร์ จำนวน 10 ตัว  ตรวจยึดทรัพย์ ไฟสแกน (ไฟ Beam) จำนวน 3 ตัว ,กระสุนปืนพลุ จำนวน 261 ชิ้น ,ปืนสำหรับยิงพลุ (กระบอกเล็ก) จำนวน 11 กระบอก ,ปืนสำหรับยิงพลุ (กระบอกใหญ่) จำนวน 2 กระบอก ,น้ำยาสโมค ยี่ห้อ DJ RABBIT จำนวน 10 ลัง (40 แกลลอน) ,น้ำยาสโมค ยี่ห้อ YEROMCA จำนวน 6 ลัง (24 แกลลอน)
ผับ Space Plus และบริษัท สเปซ พลัส คลับ ตรวจยึด/อายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบ ,ไฟติดตั้งเวที (LED+BEAM) จำนวน 150 ชิ้น , ไฟติดตั้งเวที BEAM XD-LIGHT) จำนวน 35 ชิ้น ,จักรยานออกกำลังกาย (PS300) จำนวน 81 คัน, ไฟสปอร์ตไลท์ ยี่ห้อ ACME จำนวน 4 ชิ้น, ไฟสปอร์ตไลท์ ยี่ห้อ ADJ จำนวน 4 ชิ้น, ลูมอม มีไฟ จำนวน 1000 ชิ้น, พลุ แบบยาว(ใช้ไฟฟ้า) (ลังละ 20 อัน) จำนวน  260 ลัง, รถไฟฟ้าเด็กเล่น จำนวน 3 คัน, กำไลข้อมือเรืองแสง (ลังละ 48 อัน) จำนวน 50 ลัง, แก้วน้ำพลาสติก (ลังละ 100 อัน) จำนวน 93 ลัง, ซองกันน้ำโทรศัพท์ (ลังละ 500 อัน) จำนวน 40 ลัง, ถังขยะ (ลังละ 6 อัน) จำนวน 3 ลัง, แก้วน้ำ จำนวน 60 ชิ้น, แก้วน้ำโปเกม่อน จำนวน 60 ชิ้น, แก้วยาว (ลังละ 72 อัน) จำนวน 40 ลัง, น้ำยาควันเวที  DT4 (ลังละ 70 อัน) จำนวน 4 ลัง เพื่อตรวจสอบความผิดตามเกี่ยวกับ พรบ.ศุลกากร

กลุ่มที่ 3 ความผิดเกี่ยวกับนายหลิน หลง ตรวจพบเสื้อคล้ายเครื่องแบบทหารพร้อมเครื่องหมายประดับคล้ายยศพันเอก จำนวน 1 รายการ ,ไวน์และสุราต่างประเทศ โดยตรวจยึดตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต และศุลกากร

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากช่วงที่ผ่านมา ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลเกี่ยวกับการจับกุมกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีในการทำธุรกิจในไทย ทำให้พบแผนประทุษกรรมที่เป็นรูปแบบใกล้เคียงกันของกลุ่มดังกล่าว โดยพบว่ากลุ่มดังกล่าวจะใช้เหตุผลในการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรไทยโดยอ้างเหตุจากการศึกษา หรือเป็นอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ได้มีการดำเนินการตามที่กล่าวอ้าง ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบกลุ่มเอเจนซี่เหล่านี้ เพื่อมิให้คนไม่ดีใช้เป็นเครื่องมือหรือเป็นช่องทางในการอยู่อาศัยเพื่อกระทำความผิดในประเทศไทยเราได้ นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบถึงเจ้าของหรือผู้เปิดมูลนิธิหรือสถานที่เหล่านี้ รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วยว่า ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนจีนสีเทาหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดจะขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ผบ.ตร.แจงทุกประเด็นคดีทุนจีนสีเทา ยืนยันทำตรงไปตรงมา ไม่กลัวอิทธิพล แต่ตำรวจต้องสั่งคดีตามพยานหลักฐาน โดยทำงานร่วมทั้ง ปปส., ป.ป.ง. และ อัยการ

จากกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถึงความคืบหน้าการเดินหน้าแฉกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ‘วิ่ง สู้ ฟัด’ ตำรวจทำคดี ‘ตู้ห้าว’ ตั้งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ไร้ข้อหา ‘ฟอกเงิน’ พร้อมตั้งคำถามถึงผบ.ตร. ว่าอาจจะกลัวอิทธิพล ‘ตู้ห้าว’ นั้น

วันที่ 11 ธันวาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า นายชูวิทย์ อาจจะมีการเข้าใจผิดในหลายเรื่องที่อาจจะทำให้ไม่มั่นใจในตำรวจขึ้นมา เริ่มต้นคดีผับจินหลิงเกิดจากพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ต้องให้เครดิตท่าน เนื่องจากมีการสืบทางลึกมาและได้ใช้กำลังที่ไม่เกี่ยวกับท้องที่ เพื่อไม่ให้มีการข่าวรั่ว โดยได้เข้าไปดำเนินการเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก ที่นายชูวิทย์บอกว่าตรวจปัสสาวะเหลือ 6 คน ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเข้าใจกันผิด ทั้งนี้ได้มีการตรวจสารเสพติดเบื้องต้นเป็นผลบวก  104 คน ซึ่งได้ส่งทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลธัญลักษณ์ เพื่อตรวจยืนยันผล เพราะตามกฎหมายต้องยืนยันผล ทางโรงพยาบาลได้ยืนยันผลมา 77 ราย รับสารภาพ 66 ราย ก็ได้ส่งฟ้องศาล ปฏิเสธ 11 ราย โดยมีหนึ่งรายได้ประกันตัวและหลบหนี 1 ซึ่งทั้งหมด 76 รายอยู่ระหว่างการควบคุมตัวของทางการ ส่วนใหญ่ที่เป็นคนจีนต้องรอส่งกลับเมื่อคดีเสร็จสิ้น เป็นความคืบหน้าว่าได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทางผู้บัญชาการก็รู้รายละเอียดดีจึงเป็นสาเหตุให้ผมได้แต่งตั้ง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทันทีที่คดีเกิดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ทางพล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6. ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ไปร่วมในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งท่านก็พึ่งมาใหม่ได้เพียงไม่กี่วันก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนโดยให้รองผู้บังคับการที่ดูแลด้านสืบสวนสอบสวนนครบาล 6 เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ทางผบก.น.6 ไม่ได้ให้สน.ยานนาวาทำโดยลำพัง ต่อมาผมเห็นว่าคดีนี้เป็นที่น่าสนใจและเป็นคดีที่อาจจะมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับคดีต่างๆ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานโดยมีผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวนโดยผมได้เซ็นคำสั่งเอง 

นอกจากนั้นได้มอบหมายให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เป็นหัวหน้ากำกับดูแลงานสืบสวนสอบสวนด้วย ซึ่งท่านสามารถมีอำนาจเต็มแทนผมได้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถ้าคุณชูวิทย์ไปพูดแล้วทำให้คนอื่นเข้าใจคลาดเคลื่อน ผมจะมากำกับดูแลใกล้ชิดด้วยตนเอง เพื่อจะได้ตัดปัญหาความคลางแคลงใจในเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งผมก็มั่นใจว่าคดีนี้ไม่ใช่เป็นคดีมวยล้มต้มคนดู

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้รายงานความคืบหน้ากับผมเป็นระยะๆ เบื้องต้นอย่างที่ทุกท่านทราบว่าคดีนี้ สามารถจับกุมขยายจากคดีเสพมาเป็นคดีครอบครองได้หลายคน ต่อมาได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาที่เปิดสถานบริการด้วย จากนั้นได้ขยายผลต่อจนเป็นคดีสมคบเรื่องยาเสพติด ออกหมายจับและอยู่ในความควบคุมตัวของตำรวจ 9 ราย รวมนายตู้ห้าว ซึ่งพยานหลักฐานในตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการ ทุกคนยังอยู่ในเรือนจำอยู่ ศาลได้พิจารณาหลักฐานของตำรวจโดยทางผบช.น.ไปขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลก็ได้อนุมัติ เป็นผลการปฏิบัติเบื้องต้นที่มั่นใจได้

ผบ.ตร. กล่าวว่า หากถามว่าทำไมยังไม่ดำเนินคดีฟอกเงินต้องชี้แจงว่าคดียาเสพติดข้อหาสมคบตามพ.ร.บ.มาตรการ เจ้าพนักงานป.ป.ส.สามารถยึดและอายัดทรัพย์สินได้ครอบคลุมอยู่แล้วตามประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งสะดวก รวดเร็ว ครอบคลุม เมื่อยึดอายัดทรัพย์สินแล้ว ภาระการพิสูจน์ทรัพย์สินของนายตู้ห้าวทั้งหมด นายตู้ห้าวจะต้องมาแสดงว่าได้ทรัพย์สินมาได้อย่างไร ถูกต้องหรือไม่อย่างไร ส่วนปปง.ก็ไม่ได้ทิ้งก็จะตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินที่ถ่ายทอดไปยังบุคคลอื่นอย่างไร โดยได้ทำงานคู่ขนานกันไป พร้อมเชิญเจ้าหน้าที่ปปง.มาร่วมตรวจสอบด้วย ทั้งนี้กรณีที่มีผู้จัดหาผลประโยชน์ รับเงิน โอนเงิน หรือฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เรามีการแจ้งแน่นอน แต่จะใช้ กม เน้นปราบปราม ตัดวงจร ซึ่งขอระยะเวลาในการรวบรวม

‘ตร.- ปคม.’ บุกทลายร้านสปาย่านเมืองนนท์ รวบ ‘สองผัวเมีย’ ค้ากามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

เมื่อวานนี้ (10 ธ.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. ที่สภ.บางศรีเมือง พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.สภ.บางศรีเมือง, พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รอง ผกก.สส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บางศรีเมือง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์, กองกำกับการสืบสวนจังหวัดนนทบุรี ร่วมกันเข้าจับกุม นาย วิทยา อิ่มหนำ กับ น.ส. ธนภร ชัยมูลวงศ์ สามีและภรรยา เป็นเจ้าของร้าน ถูกจับและตั้งข้อหาจำนวน 10 ข้อหา จะเน้น 2 ข้อหาหลักคือ 

1.ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี 

2. ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์ อายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี พร้อมด้วยเยาวชนหญิงอายุ 15-17 ปี จำนวน 8 คน ที่ร้านนวดดีน่าสปา ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

โดยใช้วิธีการล่อซื้อบริการทางเพศกับเยาวชนกลุ่มดังกล่าว พบว่ามีการซื้อบริการทางเพศจริงภายในร้านดังกล่าว ลักษณะร้านเป็นตึกแถว 3 ชั้น แต่ละชั้นจะมีห้องรับรองแขกจำนวน 2-3 ห้อง หลังจากการตรวจสอบทราบว่าเด็กเยาวชนทั้งหมดเดินทางจากบ้านเกิดที่จังหวัดอุดรธานี มาทำงานในร้านดังกล่าวในจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากมีเพื่อนแนะนำมา ในการใช้บริการทางเพศจะมีราคา 500 บาท 800 บาท และ 1,000 บาท ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, บ้านพักเด็กและครอบครัว เพื่อทำหนังสือส่งตัวเยาวชนทั้งหมดไปที่บ้านพักเด็ก จ.นนทบุรี และจะทำการติดต่อผู้ปกครองของเด็กทุกคน ซึ่งผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่ามีการมาทำงานขายบริการทางเพศ

ไม่รอด!! ‘กรมศุลกากร’ ร่วมกับหน่วย SITF ปิดเส้นทาง ยึดเฮโรอีน 45 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,350 ล้านบาท เตรียมส่งออกออสเตรเลีย

วันนี้ (10 ธันวาคม 2565) เวลา 13.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม และหน่วย SITF 

โดย พ.ต.อ. จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว รอง ผบก. ปส.1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเรือโทภูมิ แสงคำ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ร่วมแถลงข่าว การตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 45 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,350 ล้านบาท (ประเทศปลายทาง) ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร

โดย นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากปัญหาการลักลอบส่งออกยาเสพติดที่ปรากฎในปัจจุบัน กรมศุลกากรในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า-ส่งออก ยาเสพติด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top