Monday, 28 April 2025
CRIMES

DSI ปูพรมค้น 41 จุด ก๊วนลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ขุดเงินดิจิทัลเลี่ยงภาษี ทำรัฐสูญรายได้กว่า 500 ลบ.

DSI เปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด (ปฏิบัติการ Electrical Shock) ปูพรมค้น 41 จุด ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าและใช้เครื่องขุดเงินดิจิทัลเลี่ยงภาษีในเหมืองขุดบิตคอยท์ รัฐสูญรายได้กว่า 500 ล้านบาท

(30 พ.ย. 65) ณ หน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ, นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพันตำรวจตรี วรณันศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ/โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด หรือปฏิบัติการ ‘Electrical Shock’ โดยมีพันตำรวจโท เฉลิมชนม์ อุณหเสรี รองผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ รักษาการผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ และนายชวภณ สินพูนภักดิ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ 2 สนธิกำลังร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดปฏิบัติการ ‘Electrical Shock’ เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 41 จุด ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพมหานคร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท 

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องเรียน การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี  มีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์โดยผิดกฎหมาย มีการนำเครื่องมือที่ใช้ในการขุดบิทคอยน์มาจากต่างประเทศ และมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบสืบสวน โดยมีการประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งกรมศุลกากร จนพบจุดต้องสงสัยมากกระจายตัวในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งการทำเหมืองขุดบิทคอยน์ดังกล่าวจะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบต่อไฟตรง โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ อันเป็นการลักกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด ซึ่งกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ได้ดำเนินการสืบสวนจนพบกลุ่มนายทุนที่มีพฤติการณ์จัดหาอาคารพาณิชย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 41 แห่ง เช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล โดยแต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล จุดละประมาณ 100 เครื่อง มีการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ ทำให้เสียค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง แต่มีการจ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละประมาณ 300 - 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้การไฟฟ้านครหลวงเสียหายกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละเกือบ 300 ล้านบาท   

ดังนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเพื่อเข้าค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัย จำนวน 41 แห่ง เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานการลักไฟฟ้า เพื่อกล่าวโทษดำเนินคดีอาญา และร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลกว่า 2,000 ตัว มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท ไว้เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งตรวจสอบกับกรมศุลกากรว่ามีการนำเข้าราชอาณาจักรไทย โดยผ่านพิธีการทางศุลกากร โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษก็จะได้รับคดีดังกล่าวไว้ทำการสอบสวนต่อไป

เมียนมา สกัดยาบ้าที่รัฐฉานก่อนทะลักเข้าไทย จับ 8 ผู้ต้องหา พร้อมอุปกรณ์การผลิตเพียบ

แผนความร่วมมือระหว่างประเทศ พม่าตรวจยึดยาเสพติดก่อนทะลักเข้าไทย พร้อมประสานความร่วมมือต่อเนื่อง

พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเลขาธิการร่วม CCDAC เมียนมามีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง เลขาธิการ ป.ป.ส. ถึงผลการจับกุมโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ทหารเมียนมา และเจ้าหน้าที่ CCDAC เมียนมา ปะทะขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่บ้านน้ำปุ่งใหม หรือบ้านนายาว เมืองกาน จังหวัดเมืองสาด รัฐฉาน ประเทศเมียนมา พร้อมจับกุม 8 ผู้ต้องหา และตรวจยึดยาเสพติด พร้อมอาวุธปืน และอุปกรณ์การผลิตได้เป็นจำนวนมาก

เตือน!! ‘พริตตี้-เน็ตไอดอล’ รับงานช่วงบอลโลก หากเข้าข่ายชวนเล่นพนัน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

วันที่ 26 พ.ย. 65 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก ตร. แจ้งเตือนบุคคลที่มีชื่อเสียง ศิลปิน ดารา พริตตี้ เน็ตไอดอล และนักพากย์เสียง ให้ใช้ความรอบคอบและระมัดระวังในการรับงานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โปรโมตเว็บไซต์ต่างๆ ต้องตรวจสอบรายละเอียดของงานและหลีกเลี่ยงงานที่มีความเสี่ยง ถ้าถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาหรือชักชวนประชาชนให้เล่นการพนันทายผลแข่งขันฟุตบอล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 

‘สืบนครบาล’ รวบ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’  หลอกทำบุญกฐิน-เช่าพระ เสียหาย 10 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 65 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่, พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี, พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม, พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ, พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี, พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ, ร.ต.อ.ธนพล มโนสร และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. จับกุมนายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’ อายุ 36 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 214/2565 ลงวันที่ 28 มี.ค. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’ พร้อมของกลางบัตร ATM จำนวน 2 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม สำเนาสลิปที่เกี่ยวข้อง 2 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เอกสารระบุสัญญาร่วมลงทุน จำนวน 1 ชุด / 4 ใบ เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 1 ชุดจับกุมตัวได้ที่บริเวณริม ถ.ประตูขาว ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนทางเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’ ซึ่งมีอาชีพเป็นครูสอนเทรดหุ้น แต่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่า นายปอ เป็นคนพื้นเพที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จากนั้นได้เริ่มเดินสายฉ้อโกงทางออนไลน์ เปลี่ยนถิ่นที่อยู่ไปอยู่ในพื้นที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง จนกระทั่งได้ผันตัวมาเป็นครูสอนเทรดหุ้น โดยใช้ชื่อเรียกตนเองว่า ‘โค้ชจอห์น’ แอบอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น 

ผู้เสียหายรวมตัวกันกว่า 140 รายขอความช่วยเหลือทางเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น’ ครูสอนเทรดหุ้น โดยใช้ชื่อเรียกตนเองว่า ‘โค้ชจอห์น’ แอบอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น โดยเนื้อหาที่สอนนั้นกลับมีเพียงคลิปวีดิโอ 4 คลิป ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป แต่โค้ชจอห์น จะสรรหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้ตนเองมีความน่าเชื่อถือ จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อไม่ต่ำกว่า 140 คน โดยในห้วงเวลาใกล้กันนั้นก็ยังเดินสายฉ้อโกงทางออนไลน์โดยใช้ความเชื่อทางศาสนาหลอกลวงผู้คนไปด้วย เช่น หลอกซื้อขายเช่าบูชาพระ, หลอกซื้อขายซิมโทรศัพท์เบอร์มงคล, หลอกจัดทำบุญกฐิน ก่อเหตุมาโชกโชนจนถึงปัจจุบัน 

จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหา พบหมายจับจำนวน 4 หมายจับคือ หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 88/2565 ลงวันที่ 30 ก.พ. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกงประชาชน’, หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 214/2565 ลงวันที่ 28 มี.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’, หมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 194/2564 ลงวันที่ 7 ก.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ยักยอก’, หมายจับศาลแขวงกระบี่ ที่ 5/2565 ลงวันที่ 10 ม.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง ปลอมเอกสาร และใช้หรืออ้างเอกสารปลอม’ ท้องที่ สภ.อ่าวนาง ภ.จว.กระบี่

‘ตำรวจ’ รวบ หนุ่ม-สาวปลอมเป็นพนักงานแกรมมี่ ตระเวนฉกสินค้าลิขสิทธิ์ เสียหายกว่า 50 ล้านบาท

กองปราบฯ จับ หนุ่ม-สาวแสบปลอมตัวเป็นพนักงานแกรมมี่  GMM ตามมินิบิ๊กซี กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ.8), พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง.ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศชัน ผบก.ป.,พ.ต.อ.สุเทพ โตยิ้ม รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร, พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก รอง ผกก.2 บก.ปทส. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป., พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ รอง ผกก.2 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.2 บก.ป. นำโดย พ.ต.ท.พิเชษ ชมมณฑา สว.กก.2 บก.ป., พ.ต.ต.ธานุพันธ์ สุระสะ สว.กก.2 บก.ป., และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว

1.) นายพีรพล แพงศรี อายุ 20 ปี หมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.595/2565 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้า หรือด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหน้าหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม

2.) น.ส.สุนิภา สุขโต อายุ 35 ปี หมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.594/2565 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้า หรือด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหน้าหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม พร้อมของกลาง แผ่น CD MP3 USB ค่ายเพลงลิขสิทธิ์แกรมมี่ กว่า 700 รายการ  

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 65 บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) มาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ได้เข้าไปแสดงตนกับพนักงานของร้านบิ๊กซีมินิ ว่าเป็นพนักงานบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เข้ามาตรวจสอบสินค้าที่วางขายในร้านบิ๊กซีมินิ โดยอ้างเอกสารใบรับคืนสินที่ทำปลอมลักษณะคล้ายกับใบรับคืนสินค้าของบริษัทแกรมมี่ เพื่อใช้มาเรียกเก็บสินค้าของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ที่วางขายภายในร้านที่เกิดเหตุ ทำให้พนักงานของบริษัท บิ๊กซี หลงเชื่อและส่งมอบแผ่นซีดี ให้กับคนร้ายไป

ผบ.ตร.ตั้ง ผบช.น.สอบคดี รองผู้การ 6 ช่วย ‘ตู้ห่าว’ หลังพบเอี่ยวปล่อยรถหรู 4 คัน แลกเงิน 8 ล้าน

ผบ.ตร. ตั้ง ผบช.น.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีรองผู้การ 6 ช่วย ‘ตู้ห่าว’ ปล่อยรถหรู 4 คันแลกเงิน 8 ล้าน 

วันนี้ (24 พ.ย.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) เปิดเผย ถึง คดี ‘ตู้ห่าว’ นายทุนจีนสีเทา ว่า ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น) เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงโดยมี  พล.ต.อ.สุเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร กำกับดูแล กรณี (พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ) รอง ผบก. น. 6 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือนายตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทา ปล่อยรถหรูจำนวน 4 คัน แลกกับเงิน 8 ล้านบาท โดยยืนยันว่าหากพยานหลักฐานไปถึงใครก็จะต้องมีการดำเนินคดีทั้งหมด หากไม่มีมูลก็แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากมีการแจ้งข้อกล่าวก็แสดงว่ามีมูลอยู่ ส่วนรายละเอียดไม่อยากก้าวล่วงให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนจะมีระดับใหญ่กว่า รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 หรือไม่ที่เรียกรับเงิน 8 ล้าน ก็ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน จะไปพูดถึงหรือพาดพิงใครไม่ได้ ตอนนี้พยานหลักฐานถึง ตู้ห่าว เราก็ดำเนินคดีขออนุมัติหมายจับ ไปแล้ว

‘ตำรวจ’ เตือน!! ‘SMS อนุมัติให้กู้เงิน’ กลับมาระบาดหนัก แนะทริกสังเกต เพื่อไม่ตกหลุมพรางแก๊งหลอกลวง

วันนี้ (23 พ.ย. 65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยกรณี รองโฆษกรัฐบาล ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่ง SMS อนุมัติกู้เงิน ก่อนหน้านี้นั้น  

​พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมายังสายด่วนไซเบอร์ 1441 ว่าพบ พฤติการณ์คนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่จะให้เงินกู้ แล้วโฆษณาผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ส่งอีเมล หรือ ส่ง SMS หาเหยื่อโดยตรงว่ามีสิทธิได้รับสินเชื่อจากธนาคารพร้อมกับลิงก์เพื่อดาวน์โหลดแอป หรือให้แอดไลน์คุยกัน นอกจากไม่ได้เงินแล้ว ยังเสียเงินโดนหลอกเอาเงินประกัน หรือ เงินค่าดำเนินการจากเหยื่อ ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์เตือนภัยเป็นระยะ แต่พบว่า กลับมาระบาดหนักอีกในระยะนี้ มักอ้างกับกลุ่มบริษัทสินเชื่อภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกระทรวงการคลัง

พล.ต.ต.อาชยนฯ กล่าวต่อว่า วิธีป้องกันตนเองต่อภัยโจรออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ในกรณีนี้ สามารถสังเกตและป้องกันได้ ดังนี้

1.) ขอข้อมูลเชิงลึกมากผิดปกติ เช่น เลขบัตรประชาชน, เลขบัตรเครดิต, เลขบัญชีธนาคาร, วันเดือนปีเกิด, รหัส ATM, Password รวมถึงรหัส OTP ในการทําธุรกรรม ซึ่งการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ขอข้อมูลเชิงลึกมากขนาดนี้ 

2.) SMS ข้อความแจ้งเตือน เพื่อให้อัปเดต หรือ ให้เปลี่ยนรหัสทันที พร้อม ลิงก์ เมื่อคลิก ลิงก์ จะปรากฏหน้าเว็บไซต์ที่ให้กรอก Username/Password ในหน้าแรก ซึ่งผิดปกติ 

3.) ถ้าคลิกเข้าเว็บไซต์ ลิงก์ที่พาไปมักมีชื่อแปลก ๆ พยายามเลียนแบบชื่อเว็บไซต์จริงของธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อ ใช้ภาพโลโก้ มาสร้างโปรไฟล์ ให้เหมือนจริง แม้กระทั่งข้อความส่งไปจะเป็นภาษาทางการเงินของทางธนาคารต่างๆ เพื่อให้ผู้เหยื่อสับสน และหลงเชื่อว่าเป็นข้อความจากธนาคารจริง ควรตรวจสอบตัวสะกดลิงก์เว็บไซต์ต่าง ๆ ในช่องเว็บเบราเซอร์ ว่าถูกต้องตรงตามจริง

4.) ข้อความชวนเชื่อว่า กู้ง่าย ได้เร็ว ดอกเบี้ยต่ำ ใช้เอกสารน้อย ไม่ต้องมีหลักประกัน ติดแบล็กลิสต์ก็กู้ได้

5.) ไม่รู้ว่าผู้ส่งคือใคร เมื่อได้รับ SMS แปลก ๆ ที่ส่งมาชวนกู้เงิน อย่ารีบกดลิงก์หรือกรอกข้อมูล ควรเช็กให้ชัวร์ก่อน จะได้ไม่ถูกเอาเปรียบหรือหลอกลวง

6.) การติดต่อจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่จะให้เงินกู้ทุกครั้ง ควรตรวจสอบจากเบอร์กลางของหน่วยงานนั้นๆ เพราะเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตส่วนใหญ่จะไม่ทักประชาชนมาในลักษณะนี้ ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่ผู้ให้กู้ในระบบหรือเปล่า ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนใช้บริการ ดังนี้

‘ตำรวจ’ รวบเครือข่ายชาวม้งลอบขนยาเสพติด จับกุมได้พร้อมของกลาง ยาบ้ากว่า 1.6 ล้านเม็ด

(23 พ.ย. 65) จากนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด เดินหน้าเชิงรุกทุกมิติการทำงาน เพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน ทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุม รวมทั้งขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้สิ้นซาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. / รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส., ได้สั่งการให้ทุกหน่วยใน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สกัดกั้นจับกุมและสืบสวนขยายผลการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทั่วประเทศ 

ล่าสุด ช่วงวันที่ 20 - 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกันจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา คือ 
1.) นายเนติพงษ์ แซ่ว้าง อายุ 22 ปี
2.) นายนพเดช แซ่ซ้ง อายุ 28 ปี
3.) นายเอกภพ แซ่เฮ่อ อายุ 35 ปี ลำดับ (1-3 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง จังหวัดตาก)
4.) นายจักรกฤษณ์ สวยรักษ์ อายุ 53 ปี 

หลังสืบทราบว่า กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ซึ่งมีภูมิลำเนาในอำเภออุ้มผางและพบพระ จังหวัดตาก มักลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ กทม. และจังหวัดใกล้เคียงเป็นประจำ วันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมาพบว่าจะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก จากพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าโดยจะใช้รถกระบะ และรถยนต์ใช้ในการขนส่ง กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยติดตามรถของขบวนการซึ่งตรงตามที่สืบทราบมา จนเวลาประมาณ 16.00 น. สามารถสกัดจับรถต้องสงสัยคือ รถกระบะ ISUZU D-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน ผค 394 พิษณุโลก ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติด และรถยนต์ HONDA CIVIC หมายเลขทะเบียน กย 2637 ลำปาง มี นายเนติพงษ์ แซ่ว้าง, นายนพเดช แซ่ซ้ง และนายเอกภพ แซ่เฮ่อ เป็นผู้ขับขี่และนั่งมากับรถ ตรวจสอบในรถพบยาบ้า ถูกซุกซ่อนมาในกระเป๋า 16 ใบ รวม 1,600,000 เม็ด ภายในรถกระบะ 

นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง, ไอแพดสีดำ 1 เครื่อง ทั้งหมดรับว่า รับจ้างขนยาบ้าไปส่งลูกค้าตามที่ผู้ว่าจ้างสั่งการ จึงแจ้งข้อกล่าวหา ‘ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน’ โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ที่บริเวณสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนกำแพงเพชร-สุโขทัย ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร 

‘ตำรวจแม่พริก’ จับพิรุธคนขับรถสิบล้อขนสินค้า ตรวจค้นพบ ยาบ้า 5 ล้านเม็ด - ยาเคกว่า 100 กิโล

ผบ.ตร. ชื่นชม ตำรวจแม่พริก ลำปาง มีไหวพริบ รวบหนุ่มขับรถสิบล้อ ขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด เคตามีนกว่า 100 กิโล ตบตา จนท.ซุกซ่อนมากับทิชชู รับมาจากเชียงใหม่ นำส่งสงขลา สั่งการย้ำขยายผลยึดทรัพย์ พร้อมกำชับตำรวจเร่งแก้ปัญหาผู้เสพร่วมกับทุกภาคส่วน 

วันนี้ (22 พ.ย. 65) เวลา 10.00 น. ที่ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง ผบชภ.5, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.นพดล สอนสำราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จว.ลำปาง, นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, ผู้แทน ปปส., ผู้แทน มทบ.32  ร่วมกันแถลงผลการจับกุม คดียาเสพติดรายสำคัญ ผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5 ล้านเม็ด เคตามีน (ยาเค) จำนวน 101 กิโลกรัม และรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 17 พ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก จ.ลำปาง ได้เรียกตรวจรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 66-9601 กทม. พบ นายวัชระ คะรวนรัมย์ อายุ 32 ปี ที่อยู่ 57 ม.5 ต.คูมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ คนขับรถมีท่าทางพิรุธ จึงได้ขอทำการตรวจค้นโดยได้นำรถยนต์บรรทุก เข้าเครื่อง XRAY ประจำด่านตรวจแม่พริก พบวัตถุสงสัยคล้ายก้อนยาเสพติด ปะปนมากับกล่องสินค้า จึงได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพบ ยาบ้าจำนวน 850 ก้อน ประมาณ 5 ล้านเม็ด และเคตามีนอีก จำนวน 101 ก้อน ก้อนละ 1 กก. รวมเป็น 101 กก. 

สอบสวนนายวัชระ ให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายวสันต์ ให้มาขนยาเสพติดดังกล่าว โดยซุกซ่อนยาเสพติดมากับสินค้าจำพวกกล่องทิชชูเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ โดยต้นทางของยาเสพติดมาจาก  อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ปลายทาง จ.สงขลา และนายวัชระ รับว่าได้เสพยาบ้ามาด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีและทำการขยายผลยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป 

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องในทุกมิติ ต้องขอชื่นชมในไหวพริบของตำรวจด่านแม่พริก จ.ลำปาง ที่มีปฏิภาณไหวพริบในการตรวจค้น จนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ โดย ด่านตรวจยาเสพติดแห่งนี้ มีผลงานจับกุมยาเสพติดมาต่อเนื่อง

สตช.แสดงความเสียใจ ‘ผบ.หมู่ (ป.) สภ.แกลง’ เสียชีวิตขณะดูแลความปลอดภัยในการประชุม APEC 2022

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โพสต์แสดงความเสียใจการจากไปของ ด.ต.อดุลย์ มั่งคั่ง ผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.แกลง จ.ระยอง ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุม ‘APEC 2022’

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เพจ ‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ โพสต์แสดงความเสียใจการจากไปของ ด.ต.อดุลย์ มั่งคั่ง ผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.แกลง จ.ระยอง ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุม ‘APEC 2022’

โดยทางเพจรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติแสดงความเสียใจ ‘ผบ.หมู่ (ป.) สภ.แกลง’ เสียชีวิตในห้วงภารกิจเอเปก สั่งดูแลสวัสดิการเต็มที่ เลื่อนยศเป็น ร.ต.ต. มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว 1.96 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top