Monday, 28 April 2025
CRIMES

‘กฤษณะ’ อดีตทนายคุณแม๊ ตัดสินใจปฏิเสธ ไม่ทำคดีให้ ‘แอม ไซยาไนด์’ หลัง ไม่ยอมสารภาพคดีก้อย

จากกรณีที่ ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ซึ่งเคยเป็นทนายความให้คุณแม่ของแตงโม ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีรับว่าความเป็นทนายให้ แอม ไซยาไนด์ โดยยื่นข้อแม้ว่า ต้องรับสารภาพในคดีของก้อย ไม่เช่นนั้นตนจะถอนตัว

ล่าสุดวันนี้ ทนายกฤษณะ เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นทนายของแอมเมื่อคืนนี้ เหตุผลเพราะแอมไม่รับสารภาพในคดีการเสียชีวิตของก้อย โดยบอกตนตั้งแต่ตอนที่เข้าไปเยี่ยม เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ตนมานั่งตรึกตรองดูอีกครั้ง เมื่อเขาไม่รับสารภาพ ทั้งที่ตนอธิบายเหตุผลทุกอย่างให้ฟังแล้ว เขาบอกว่าจะยังสู้ต่อ ตนก็เลยตัดสินใจถอนตัวเมื่อคืนนี้

ขณะที่ ทนายพัช ธันย์นิชา ที่ยังระบุตัวเองว่าเป็นทนายของแอม จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มาพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ฐานช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ ด้วยการทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผย ‘แอม ไซยาไนด์’ เล่นพนันสูงสุดวันละ 10 ล้าน!! เตรียมจับเจ้าของเว็บฯ ก่อนส่งสำนวนอัยการ 15 คดี อาทิตย์หน้า

(19 พ.ค. 66) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังจากเมื่อวานที่ผ่านมาได้เข้าไปสอบปากคำนางสาวสรารัตน์ หรือ ‘แอม’ ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง แล้วพบว่า ไม่ยอมให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน และไม่ยอมลงลายมือชื่อในคำให้การที่ให้ไว้เดิม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่เหนือความคาดหมายที่ผู้ต้องหาไม่ให้การ หลังจากที่ได้รับคำปรึกษาจากทนายความซึ่งยังคงเป็นนางสาวธันย์พิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ‘ทนายพัช’ และยังไม่มีการเปลี่ยนตัวทนายความ และแม้ว่าผู้ต้องหายังไม่ได้รับสารภาพในข้อหาฆ่าผู้อื่น แต่รับในข้อเท็จจริง ซึ่งก็ยังยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานที่แน่นหนา สามารถดำเนินคดีในชั้นศาลได้

ส่วนการกลับคำให้การไปมาของนางสาวแอม ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการดำเนินคดี แต่จากการเข้าไปสอบปากคำด้วยตัวเองในเรือนจำ ยังพบว่านางสาวแอม ยังไม่สำนึกผิด ส่วนจะมีที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับนางสาวแอมจะมีความผิดหรือ ขณะนี้ยังไม่พบความผิด

นอกจากนั้น ยังได้สืบสวนถึงแหล่งที่มาของไซยาไนด์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยปละละเลย รวมทั้งกลุ่มเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่พบว่านางสาวแอมโอนเงินไปเล่นพนันกว่า 78 ล้านบาท ขณะนี้ทราบถึงเจ้าของเว็บไซต์ทั้งหมดแล้ว และพบว่าไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว

ส่วนนางสาวแอม ยังยอมรับว่า เล่นการพนันมาตั้งแต่ปี 2563 โดยรวมเงินจากกลุ่มเพื่อน และวงแชร์ วงจำนำรถ และกลุ่มเงินกู้ เพื่อไปเล่นพนัน โดยบางวันเข้าเว็บพนันมียอดเงินสูงถึง 10 ล้านบาท และจากการตรวจสอบยังไม่พบว่า พันตำรวจโทวิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีของนางสาวแอม เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเล่นพนัน แต่ได้ช่วยเหลือด้านการเงิน ทั้งกู้เงินจากสหกรณ์ และจำนองบ้าน เพื่อเอาเงินไปให้นางสาวแอม

โดยภายในสัปดาห์หน้าจะพบความชัดเจนในการแจ้งข้อกล่าวหา และการออกหมายจับกับบุคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนนางสาวแอม ก็จะถูกแจ้งข้อความหา ใช้เอกสารปลอมเพิ่มเติม หลังจากพบว่าปลอมทะเบียนรถของนายแด้ อดีตสามี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุว่า สำนวนคดีนี้ได้ปรึกษาร่วมกับอัยการอยู่โดยตลอด เพื่อให้การส่งสำนวน และการตรวจสอบสำนวนไปในทิศทางเดียวกัน และพร้อมที่จะส่งสำนวนคดีทั้ง 15 คดี ไปให้อัยการพิจารณาภายในสัปดาห์หน้า โดยคดีนี้จะรวมทั้ง 15 สำนวน ดำเนินคดีศาลอาญา

โดยจะมอบหมายให้พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้ารวบรวมสำนวนคดี และ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งเป็นผู้ทำคดีและเป็นผู้มีประสบการณ์ในการร้อยเรียงสำนวนทั้ง 15 สำนวนขึ้นเบิกความให้ศาลรับฟัง

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยและ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งได้รายงานความคืบหน้าคดีให้ทราบโดยตลอด ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจและตนเองได้กำชับเร่งรัดคดีโดยให้ทำให้เร็วแต่ก็ต้องรอบคอบ  ซึ่งทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เองก็มีการประชุมชุดคลี่คลายคดีทุกวัน โดยเฉพาะพนักงานสอบกองปราบปรามและตำรวจภูธรภาค 7 ในการทำงานร่วมกัน และคงจะดำเนินเสร็จสิ้นเร็ว ๆ นี้

ส่วนสำนวนคดีทราบว่าจะมีการรวบรวมและส่งให้อัยการไปมีเดียว 15 สำนวน เน้นย้ำให้ทำอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ดีที่สุด พร้อมระบุว่า บางกรณีที่ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือและหลักฐานบางชิ้นไม่สมบูรณ์ ก็ได้กำชับไปแล้วว่าให้ทำให้ดีที่สุดในการรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ แม้ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือก็ให้หาหลักฐานส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานแวดล้อม รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ นำมาร้อยเรียงให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนส่งสำนวนให้อัยการ ซึ่งย้ำว่า คดีนี้ตำรวจมีหลักฐานขอให้มั่นใจว่าเอาผิดผู้ต้องหาได้แน่นอน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตุ๋นเงิน ‘ต๋อง ศิษย์ฉ่อย’ อ้างพัวพัน ยาเสพติด ฟอกเงิน พร้อมโชว์บัตรตำรวจให้ดู

“ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” วัฒนา ภู่โอบอ้อม ยอดนักสนุกเกอร์ไทย ที่เพิ่งคว้าเหรียญทองสนุกเกอร์ 6 แเดง ชายคู่ ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวว่า ก่อนไปแข่งขันซีเกมส์ที่กัมพูชา ตนซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน วงเงินบัตรเครดิต 1 แสนบาท ใช้ไป 5-6 หมื่นบาท จากนั้นจะใช้อีก ปรากฏว่า เต็มวงเงิน ก็แปลกใจ แต่คิดว่าไปแข่งซีเกมส์ก่อน กลับมาไทยค่อยมาจัดการ ซึ่งหลังจากได้เหรียญทองกลับมาแล้ว

เหตุเกิดวันที่ 16 พ.ค. ตั้งแต่ราว 11.00 น. มีผู้หญิงโทรมา ถามว่าใช่ วัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือไม่ แล้วบอกว่าตนติดหนี้ 8.9 หมื่นบาท ตนยืนยันไม่เคยติดหนี้ แล้วก็ถามว่า เคยไป จ.นครสวรรค์ หรือไม่ ตนบอกว่า ไม่ได้ไป 5-6 ปี แล้ว ทางนั้นก็ให้ติดต่อ สภ.เมืองนครสวรรค์ ตนบอกไปไม่ได้ ติดแข่ง จึงให้ต่อสายไป สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้แอบอ้างเป็นตำรวจ มารับช่วงคุย แล้วให้รอ 10 นาที

ต๋อง กล่าวต่อไปว่า ต่อมา ทางผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ บอกว่าตนเองพัวพัน ยาเสพติด ฟอกเงิน ตนสงสัยว่าตำรวจจริงหรือไม่ บุคคลดังกล่าวก็ส่งบัตรประจำตัวให้ดู เป็นยศ พันตำรวจเอก แล้วก็ให้เปลี่ยนมาคุยวิดีโอคอลล์ ทางนั้นถามว่า เปิดบัญชีที่จันทบุรีหรือไม่ แล้วบอกว่า 2 สัปดาห์ก่อน จับพ่อค้ายาเสพติด ชื่อ สัญญา แซ่ลี้ อ้างว่าซื้อบุ๊คแบงค์จากตน 5 หมื่นบาท แล้ว ต๋อง ได้เงินเปอร์เซ็นต์จากการลำเลียงยาเสพติด 10 เปอร์เซ็นต์ 8.5 แสนบาท ตนบอกไม่รู้จัก
.
จากนั้นทางผู้ที่แอบอ้างเป็นตำรวจ บอกว่า ถ้าอย่างนั้น ต้องแสดงความบริสุทธิ์ เช็คเส้นทางการเงิน ถามว่ามีเงินฝากกี่แห่ง ตนก็บอก 5 แห่ง แล้วก็เริ่มให้โอนเงิน เพื่อเช็คเส้นทาง พร้อมขู่ว่า ตอนนี้ชื่อไปอยู่ชั้นศาลแล้ว ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ อาจถูกจำคุก 1 ปี 6 เดือน จนก็จิตตก กลัว โอนไปเรื่อยๆ คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะเห็นบัตรว่าเป็นตำรวจจริง โอนไปจนเรื่อย ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ยืมแม่มาอีก 2 แสนบาท ตอนนั้นอยู่โต๊ะสนุกเกอร์ทีบีซี สนุกเกอร์ เตรียมซ้อม จนเพื่อนนักสนุกเกอร์ เอะใจ มาแย่งโทรศัพท์ไป แล้วด่าใส่โทรศัพท์ ก่อนวางสายไป สรุปแล้ว โอนไป 10 รายการ โอนจนแบตเตอร์รี่โทรศัพท์แทบหมด หมดไป 3.2 ล้านบาท เงินสดทั้งตัวเหลือ 8 พันบาทเศษๆ เท่านั้น เพราะเงินที่ได้มา ส่วนใหญ่แปรทรัพย์สินไปซื้อที่ดิน

“เขารู้ข้อมูลหมดทุกอย่าง มาถามว่ามีที่ดินที่ไหน ที่จันทบุรีมีเท่าไหร่ บ้านเมืองนอกมีไหม ผมระวังตัวมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะเจอ อยากเป็นอุทธาหรณ์เตือนใจ อยากเตือนให้ทุกคนรู้ว่ามันอันตรายจริงๆ ผมไม่อาย ที่เปิดเรื่องนี้ขึ้นมา” ต๋อง กล่าว

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเปิดเผยอีกว่าจนได้ไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลางไว้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทันหรือไม่ทัน แล้วแต่บุญแต่กรรม ไปสถานีตำรวจ 3 รอบแล้ว เหนื่อยมาก วันที่ 19 พ.ค.ก็มีแข่ง ก็ไม่มีแก่ใจ ตอนนี้ไม่กล้ารับสายใครแล้ว

‘ตร.’ จับจริง!! ร้านอาหารอีสานดัง ฝ่าฝืนคำสั่งขายเบียร์ ชี้!! ผิดกฎหมายเลือกตั้งชัดเจน เตรียมส่งดำเนินคดี

(14 พ.ค. 66) พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ ได้ทำการจับกุม ร้านอาหารที่ฝ่าฝืน เปิดร้านจำหน่ายสุรา ซึ่งผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ที่มีคำสั่งห้ามจำหน่ายตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของเมื่อวานที่ผ่านมา (13 พ.ค.) จนถึงเวลา 18.00 น. วันนี้

โดยเจ้าหน้าทีได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ และพบร้านจำหน่ายอาหารอีสานฝ่าฝืนคำสั่ง เมือช่วงค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมา (13 พ.ค.) จึงได้จับกุมตัว นายณรงค์ คงจันทร์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/16 หมู่ที่ 14 ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยของกลาง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์ จำนวน 1 ขวด ที่เปิดฝาดื่มแล้ว วางอยู่บนโต๊ะที่ลูกค้า

“ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ออกตรวจร้านอาหารสถานบริการและร้านจำหน่ายสุราในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ก่อนวันเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อเจ้าหน้ามาถึงร้านมิตรภาพลาบก้อย ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พบว่า ร้านดังกล่าวมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบ นายณรงค์ แสดงตัวรับว่าเป็นเจ้าของร้านมิตรภาพลาบก้อย เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบภายในร้าน พบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วางอยู่บนโต๊ะที่ลูกค้านั่งดื่มแล้วลุกออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาถึงภายในร้าน”

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวต่อว่า เจ้าของร้าน ยอมรับว่า ได้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารให้กับผู้ที่มารับใช้บริการที่ร้านจริง จึงได้แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด ในข้อหา ผู้ใดขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิด ในเขตเลือกตั้ง ในระหว่างเวลา 18.00 นาฬิกา ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวัน จนถึงเวลา 18.00 นาฬิกา ของวันเลือกตั้ง แต่ร้านมิตรภาพลาบก้อย ยังมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มาใช้บริการ

จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘หนุ่มคลั่ง’ ยอมจำนน หลังก่อเหตุยิงในบ้าน กว่า 30 ชม. ตร.บุกเข้าจู่โจม พบอาวุธปืน 9 มม.1 กระบอก

(13 พ.ค. 66) พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง ได้วางแผนเข้าจับกุม นายพงศ์ ภูธนะกูล หนุ่มคลั่งก่อเหตุยิงในบ้านมากกว่า 30 ชั่วโมง โดยมีการใช้พลแม่นปืนสไนเปอร์ พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวนภาค 2 สืบสวนจังหวัดระยอง และ สืบสวน สภ.เมืองระยอง เข้ามาตรึงกำลัง พร้อมทั้งเจรจากับผู้ก่อเหตุตลอด

แต่ผู้ก่อเหตุได้ตะโกนด่าออกมาเป็นระยะ พร้อมบอกว่า “พร้อมเผาตัวเอง” โดยบอกว่ามีน้ำมันอยู่ 6 ขวด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่สแตนด์บายไว้ ได้ลากสายน้ำเข้าไปเตรียมพร้อมภายในซอย พร้อมพลแม่นปืนที่มีการหาพื้นที่เตรียมพร้อม แต่ก็ยังไร้การบุกเข้าไป

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายพงศ์ ได้ยิงออกมา 2 นัด เสียงปืนดังสนั่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เตรียมพร้อมได้วิ่งกรูเข้าไป พร้อมกับทีมจู่โจม ใช้เวลา 30 นาที ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว โดยมีแม่เข้าไปรับ จึงยอมเดินลงมา และเดินออกมาจากบ้าน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวขึ้นรถตู้ไปควบคุมตัวที่ ภ.จว.ระยอง เพื่อทำการสอบสวน โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 เตรียมเดินทางมาแถลงข่าว

‘ครูฝึกยิงปืน’ คลุ้มคลั่ง!! ลั่นไกสนั่นบ้าน ชาวบ้านหวาดผวา ล่าสุดยังไม่ยอมมอบตัว ตร.ปิดล้อมพื้นที่ ขอเน้นเจรจา

(13 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายบาส หรือพงศ์ อายุ 36 ปี ครูฝึกยิงปืน เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธยิงภายในบ้าน เหตุเกิดตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผ่านไปแล้วกว่า 24 ชั่วโมง การเจรจายังไม่เป็นผล นายบาสยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน ซึ่งตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรงและป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียโดยจะยึดแนวทางการเจรจา ซึ่งท่าทีของนายบาสล่าสุดไม่ได้แสดงอาการคลุ้มคลั่งแล้ว แต่ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน

ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.อภิชนันท์ วัฒนวรางกูล ผกก.กลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ได้นำโดรนขึ้นบินสังเกตปฏิกิริยาของนายบาส ที่ยังคงกบดานอยู่ภายในบ้านพักบนชั้น 2 ก็ยังไม่พบว่ามีการกระทำที่รุนแรงใดๆ ซึ่งก็หมายความว่า ตัวของนายบาสยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้าน ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าระวังและเตรียมวางแผนการเจรจาอีกครั้งเพื่อให้เหตุการณ์สงบก่อนช่วงบ่ายของวันนี้ เนื่องจากต้องใช้พื้นที่จัดตลาดนัดถนนคนเดินวันเสาร์

‘ทนายธันย์พิชา’ ยืนยันเลิกเป็นทนายให้ ‘แอมไซยาไนด์’ ชี้ สุดสิ้นหน้าที่ตั้งแต่ 1 พ.ค. ลั่น!! ใครวิจารณ์เสียหายเจอฟ้อง

(12 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธันย์พิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความของนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ ‘แอม ไซยาไนด์’ ได้ติดต่อผ่าน อมรินทร์ทีวี แจ้งว่าขณะนี้อย่ามาเรียกว่าทนายแอม เพราะตนไม่ทำคดีให้แอมแล้ว ตอนนี้แอมมีการเปลี่ยนทนายใหม่ ตอนแรกตนสอบถามแอมในชั้นพนักงานสอบสวนว่าจะเปลี่ยนทนายหรือไม่ ถ้ายังรับได้กับการทำคดีของตน ซึ่งแอมบอกไม่เปลี่ยน

“แต่พอเข้าไปสู่เรือนจำ เมื่อถามแอมอีกครั้ง แอมบอกเปลี่ยน ดิฉันจึงสิ้นสุดการทำคดีให้แอม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จึงอยากให้รับทราบโดยทั่วกัน หลังจากนี้เรื่องคดีความของแอม ขอให้สื่อมวลชนไปติดตามกับทนายคนใหม่ คือนายชินคุปต์ ไทยยะกร”

น.ส.ธันย์พิชา บอกอีกว่า ส่วนตัวไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับแอม แต่มาทำหน้าที่ในฐานะของทนายความในชั้นพนักงานสอบสวนเท่านั้น วันนี้แอมได้แต่งตั้งทนายใหม่เรียบร้อยแล้ว ถือว่าหน้าที่ทนายความของตนสิ้นสุดลงแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.

“ส่วนคนที่ทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของดิฉันให้เกิดความเสียหายหลังจากนี้ ตอนนี้จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จะฟ้องกลับทุกคดี” น.ส.ธันย์พิชา ระบุ

‘ตร.’ จับมือ ‘กรมปศุสัตว์’ บุกค้น 16 โกดัง ซุกซ่อนหมูเถื่อน หวั่นนำ ‘โรคอหิวาต์’ จากแอฟริกามาแพร่ระบาดในไทย

(11 พ.ค. 66) ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ และเข้ากระบวนการต่าง ๆ เพื่อนำออกสู่ท้องตลาด โดยมิได้ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ทำให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับสินค้าอันไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงอาจนำโรคระบาดชนิดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) มาแพร่ระบาด ทำให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสุกรภายในประเทศ และเกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559, พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.และ พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองบริโภค (บก.ปคบ.) ตำรวจภูธรภาค 1, 5 และ 7 ร่วมกับ กรมปศุสัตว์เข้าตรวจสอบสถานที่ต้องสงสัยทั้งหมด 16 แห่ง ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ

จากการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่นำหมายค้นของศาลอาญาทำการตรวจค้น 16 แห่ง พบว่า จังหวัดนครปฐม 1 จุด สามารถอายัดเนื้อสุกรแช่แข็งรวม 4,070 กิโลกรัมและ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 จุด สามารถอายัดเนี้อสุกรแช่แข็งรวม 11,100 กิโลกรัม ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิด พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งนี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอฝากเตือนพี่น้องประชาชน โปรดระมัดระวังในการบริโภคเนื้อสุกร ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหรือไม่ได้มาตรฐาน และขอความร่วมมือกรณีหากมีเบาะแส / เรื่องร้องเรียนลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียน / เบาะแสโดยตรงได้ที่สายด่วน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โทร.1135 หรือ สายด่วนฉุกเฉิน 191 และสามารถแจ้งผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน DLD 4.0 ของกรมปศุสัตว์

เปิดสตอรี่ ‘เก่งลายพราง’ อดีตคนคุกกลับใจกับชีวิตกินหรูอยู่สบาย หรือแท้จริง ‘ธุรกิจหมึกย่าง’ เป็นแค่ฉากบังหน้าเพื่อไว้ฟอกเงิน

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 66 รายการ ‘ถอนหมุดข่าว’ เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ เปิดลับ เก่ง ลายพราง ฟอกเงินจากเว็บพนัน ผ่านสตอรี่หมึกย่างอำพราง

‘เก่ง ลายพราง’ นายจิรายุ ยิ้มอำไพ อินฟลูเอนเซอร์ดัง ที่ขายลุค ‘คนคุก’ ได้เวลากลับเข้าคุกอีกรอบแล้ว หลังโดนตำรวจไซเบอร์จับข้อหาชักชวนคนเล่นการพนัน จากการโฆษณาเชิญชวนคนไปเข้าเว็บพนันออนไลน์ อย่างโจ๋งครึ่ม ทั้งแปะลิงก์ ทั้งพูดโต้งๆ ออกไลฟ์สด พอถูกจับก็อ้างว่า เพราะธุรกิจ “หมึกย่างลายพราง” ของตัว ที่เคยขายดีทำรายได้วันละเป็นแสนบาท ตอนนี้ยอดตกหนัก เหลือแค่วันละ 6 พันบาท เงินไม่พอยาไส้ จำต้องมารับจ้างดึงคนไปเล่นพนัน มีรายได้เดือนละ 300,000 บาท

หากพิจารณาเรื่องราวของ ‘เก่ง ลายพราง’ ตั้งแต่ต้น สามารถฟันธงได้เลยว่า มันล้วนเป็น ‘สตอรี่’ ที่เขาจงใจสร้างมา ให้มีความดรามาเรียกคนติดตาม

เขาขายสตอรี่คนคุกที่ออกมาสร้างครอบครัวใหม่อย่างสุจริต โอ้โห ช่างโดนใจสายโซเชียล สังคมไทยเป็นนักให้โอกาสคนอยู่แล้ว

‘หมึกย่างลายพราง’ ไม้ละ 120 บาท ของ ‘เก่ง ลายพราง’ เลยดังเปรี้ยงปร้าง ขายดีจนเจ้าตัวออกอาการคึก ประกาศจะขยายสาขา แต่สตอรี่จริงๆ ที่ซ่อนไว้เนียนๆ ก็คือ ธุรกิจหมึกย่างของเขา มันก็มีไว้เพื่อฟอกเงินกลายๆ เพื่อจะตอบสังคมได้ว่า ทำไมเขาถึงใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบาย มีทั้งบ้านหลังใหญ่ รถแพงๆ หลายคัน เที่ยวนอนรีสอร์ท พลูวิลล่าแพงๆ เอามาอวดให้ FC ฮือฮาตลอด เขาเบี่ยงเบน ให้คนเข้าใจไปว่าเขารวยจาก ‘หมึกย่างลายพราง’ ทั้งที่เขารวยจากเว็บพนันต่างหาก

‘หมึกย่างลายพราง’ จึงมีสถานะก็แค่ ‘หมึกย่างอำพราง’ ธุรกิจทำเงินจริงๆ ของเขา คือเว็บพนัน จากที่อ้างว่าได้เงินจากแอดมินแค่เดือนละ 300,000 บาท ก็ไม่น่าจะเป็นคำให้การตามจริง เนื่องจากทุกวันนี้ ธุรกิจเว็บพนันเจอปัญหาใหญ่ คือ ขาดแคลนอินฟลูเอนเซอร์ ที่จะมาชักชวนเด็กๆ เยาวชน มาเป็นเหยื่อ เพราะหลายรายถูกจับเข้าตะรางไปแล้ว หลายรายก็เริ่มไหวตัว ขืนทำต่อละก็คุกแน่นอน เลยชิงวางมือกันไปหมด เหลือแต่อินฟลูเอนเซอร์ ที่วอนนอนคุกอย่าง ‘เก่ง ลายพราง’ ที่ยังวาดลวดลายอย่างไม่แคร์สื่อ

ซึ่งภาวะที่วงการขาดแคลน ‘คนชั่วที่ใจกล้า’ นี่เอง ประกอบกับเขาทำงานแบบเกินร้อย ชักชวนคนเล่นพนันต่อหน้ากล้องอย่างชัดเจน ในสไตล์คล้ายกับ ‘เสี่ยโป้’ เคยทำมาก่อน

ราคาค่าตัวของ ‘เก่ง ลายพราง’ น่าจะไม่ใช่แค่ 300,000 ต่อเดือน อย่างที่เขาอ้างกับตำรวจ แต่น่าจะเป็นเงินถึงหลักล้าน สอดคล้องกับชีวิตกินหรูอยู่สบาย หรือแม้แต่พูดอวดว่า เขายังติดการพนัน แค่เจียดเงินบางส่วนมาเล่น ก็ยังเล่นเสียไปถึง 3 ล้านบาท รายได้แค่ 300,000 บาทต่อเดือน จากเว็บพนัน คงไม่มากพอที่จะทำเช่นนั้นได้

เรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนของสังคมไทย อย่าหลงเชื่อสตอรี่ดราม่าอะไรง่ายๆ และก็อย่าโลกสวย เชื่อว่าคนบางคนจะกลับตัวกลับใจ ทำมาหากินสุจริตได้

‘ราชทัณฑ์ฯ’ เผย ‘ใบเตย’ เครียด-นอนไม่หลับ หลังฝากขังคืนแรก ด้าน ‘ดีเจแมน’ ยังปกติดี ยัน!! พร้อมดูแลผู้ต้องหาตามหลักสิทธิมนุษยชน

(10 พ.ค. 66) นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวหลังจากทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำพิเศษกกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวจำเลยในคดีร่วมกันฉ้อโกงแชร์ Forex 3D ทั้ง 6 คน รวมถึงนายพัฒนพล หรือ ‘ดีเจแมน’ และ น.ส.สุธีวัน หรือ ‘ใบเตย’ ไว้ในการควบคุมเรียบร้อยแล้ว

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ทัณฑสถานหญิงกลางและเรือนจำพิเศษกกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจสอบจัดทำทะเบียนประวัติ ประเมินสุขภาพเบื้องต้น และส่งตัวเข้าสู่ห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เมื่อครบกำหนดจะส่งตัวเข้าแดนแรกรับ

ขณะที่เช้าวันนี้ ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ‘ใบเตย’ มีอาการเครียดเล็กน้อย นอนไม่หลับและยังไม่รับประทานอาหาร ส่วน ‘ดีเจแมน’ รับประทานอาหารได้ นอนหลับพักผ่อนได้ ไม่มีสภาวะความเครียด ซึ่งทั้ง 2 คนให้ความร่วมมือดีในการปฏิบัติตามระเบียบของทัณฑสถานฯ และเรือนจำ

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การปฏิบัติต่อใบเตย ดีเจแมนและพวก เป็นไปตามมาตรการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่จากภายนอกตามปกติ และปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้วยความเท่าเทียมเสมอภาค พร้อมดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top