Saturday, 10 May 2025
อีสานไทม์

กาฬสินธุ์ – ผู้ปกครองและกลุ่มประชาชนทั่วไปในจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวค และแอสตราเซเนกาเข็มแรก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และสร้างความมั่นใจปลอดภัยจากโรคโควิด-19

เมื่อเวลา 10.30 น.ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) นายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เข้าให้กำลังใจผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ทั้งในส่วนข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวคและแอสตราเซเนกา โดยมีบุคลากร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข คอยอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ ทุกคนต่างสวมหน้ากาก 100%  มีการตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รักษาระยะห่าง ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในส่วนของการให้บริการฉีดวัคซีนในวันนี้ เป็นในรอบของกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งรวมไปถึงข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน โดยเฉพาะผู้ปกครองนักเรียน ที่เริ่มเปิดภาคเรียน ที่ได้ลงทะเบียนขอจองฉีดวัคซีน ตามช่องทางแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม และลงทะเบียนกับโรงพยาบาล สำหรับการฉีดวัคซีนในรอบวันนี้ ได้ให้บริการฉีดวัคซีนทั้งซิโนแวคสำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไป  และแอสตราเซเนกา ในกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว 7 โรค จำนวน 500 ราย ซึ่งเป็นเข็มแรกของรอบนี้ อย่างไรก็ตาม นอกจากวันนี้ให้บริการฉีดในภาคเช้าและภาคบ่ายแล้ว ในวันพรุ่งนี้ยังจะจัดให้มีการฉีดวัคซีนอีกกลุ่มเป้าหมายจำนวน 600 คน

นายแพทย์ประมวลกล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนไว้ และยังรอการรับการฉีดวัคซีน ขอให้ใจเย็น ๆ รอไปสักระยะ หากได้รับการจัดสรรวัคซีนมาอีก ก็จะแจ้งให้มารับบริการฉีดวัคซีนทันที เพราะวัคซีนยังจะมีมาเรื่อยๆ และผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก็จะได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคน ดังนั้น หากได้รับการแจ้งกำหนดนัดหมาย ขอความร่วมมือมาฉีดโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ป้องกันโควิด-19 ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจว่าหลังจากการฉีดวัคซีนแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงหรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ปกครองที่บุตรหลานเพิ่งเปิดเทอมใหม่ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีความกังวลอยู่มาก เนื่องจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งบุคลากรครู นักเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกันเลย  ทำให้รู้สึกว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงตลอด แม้ว่าจะปฏิบัติตนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด แต่การดำเนินชีวิตก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีผู้ป่วยได้รับเชื้อเป็นรายวัน ซึ่งหลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีน จึงรู้สึกอบอุ่นและมั่นใจมากขึ้น

สำหรับ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมวัคซีนทั้งหมด 45,160 โดส ฉีดให้บุคลากรการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และผู้ประกอบอาชีพเสี่ยงไปแล้ว 32,785 โด๊ส คิดเป็นร้อยละ 72.59 ของวัคซีนที่ได้รับจัดสรร ส่วนวัคซีนที่เหลืออยู่ระหว่างการนัดหมายและจัดฉีดเพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ตามประชาชนชาวกาฬสินธุ์ ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในวาระแห่งชาติ "ฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" ผ่านอสม./รพ.สต./โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือผ่าน Platform “กาฬสินธุ์พร้อม” และตรวจสอบคิวนัดหมายและประวัติการได้รับวัคซีนผ่าน Application “หมอพร้อม”

ขณะที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดวันนี้ยังไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 136 ราย  รักษาหายป่วยแล้วสะสม 109 ราย ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 23 ราย และเสียชีวิตสะสม 4 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ขอนแก่น - ส.ส.อีสาน พปชร. พร้อมรับ “ลุงป้อม” ประชุมใหญ่ พปชร.ที่ขอนแก่น “เอกราช” ระบุยังไม่มีวาระใดสอดแทรกทุกอย่างยังเป็นปกติ ปมขัดแย้งภายในไม่มี และใครที่ไม่ได้รับหนังสือเชิญประชุมไม่มีสิทธิ์นับองค์ประชุมและเข้าห้องประชุมเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยจากสถานกา

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 13 มิ.ย.2564  ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งตั้งอยู่ ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ถ.ศรีจันทร์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมด้วย นายวัฒนา  ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และนายเจริญ แซ่เต็ง ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมคณะทำงานพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ในการเตรียมการตามขั้นตอนต่าง ๆ และความพร้อมในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้กำหนดจัดการประชุมในวันที่ 18 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.ขอนแก่น หรือ ไคซ์ โดยจะมีคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคเดินทางเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้การเตรียมการในระดับพื้นที่ทั้งสถานที่การประชุม สถานที่รองรับสมาชิกพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค ที่จะทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.นั้นในภาพรวมเรียบร้อยแล้ว ตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งคณะทำงานได้ประสานงานร่วมกันกับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ และ สำนักงานสาธารณสุข ในการปฎิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด โดยจำกัดผู้เข้าร่วมประชุม350 คน ดังนั้นสมาชิกพรรคท่านใด ที่ไม่ได้หนังสือเชิญประชุมจากหัวหน้าพรรคฯโดยตรง จะไม่มีสิทธิ์และสามารถเข้าห้องปรดชุมที่กำหนดไว้ได้ ตามมาตรฐานคามปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และที่สำคัญคือจะไม่มีสิทธิ์นับองค์ประชุมหรือลงมติใดๆได้ แต่ก็ได้มีการจัดสถานที่รับรองและพักคอยไว้ในจุดที่กำหนด โดยจะมีการถ่ายทอดสดมาให้กับผู้ที่มาในสถานที่ประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมได้ติดตามการประชุมของพรรคตามวาระในภาพรวมทั้งหมด

“ ในการประชุมดังกล่าวนี้นั้นสมาชิกพรรค ทั้ง 350 ท่านที่ได้รับหนังสือเชิญประชุม จะลงทะเบียนตามรายชื่อที่กำหนดในการประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐประจำปีครั้งที่ 1/2564 ตั้งแต่เวลา 08.00-10.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดคอยตรวจคัดกรองและดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ขณะที่การประชุมจะดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. จากนั้นทุกคนจะเดินทางกลับทันที โดยไม่มีการลงพื้นที่หรือปฎิบัติภารกิจใดๆในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งขณะนี้การประชุมนั้นยังคงเป็นไปตามระเบียบวาระที่กำหนด โดยเฉพาะกับการแถลงนโยบายในภาพรวมของพรรค และวาระต่าง ๆ ที่จะเสนอจากสมาชิกที่จะเข้าร่วมประชุม”

นายเอกราช กล่าวต่ออีกว่า สำหรับวาระที่จะนำเสนอที่ประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ภายในกรรมการบริหารพรรคนั้นขณะนี้ยังคงไม่มี โดยวาระการประชุมวันนี้ยังคงเป็นไปตามวาระเดิมที่พรรคกำหนด แต่หากจะมีสมาชิกท่านใดเสนอเรื่องเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมได้รับทราบและดำเนินการตามระเบียบและข้อบังคับนั้นสามารถที่จะกระทำได้ขึ้นอยู่กับกรมการบริหารพรรค ซึ่งโดยส่วนตัวนั้นไม่ได้เป็นกรรมกีบริหารพรรคไม่สามารถที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจใด ๆ ได้ ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ภายในพรรคเท่านั้น และขอยืนยันว่าพรรคไม่มีปัญหาขัดแย้งใด ๆ ทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อประเทศและประชาชน และหากมีการเสนอเปลี่ยนเลขาธิการพรรค บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนั้นจะต้องมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าและมากว่าเลขาธิการพรรคคนปัจจุบัน ซึ่ง กลุ่ม ส.ส.อีสานของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะเข้าร่วมประชุมพรรคในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงและครบทุกคน

ขอนแก่น - นักท่องเที่ยวแห่ชม "เจ้าทองคำ" จระเข้แสนซน สุดแสนน่ารักตะมุตะมิ ที่เลี้ยงไว้ภายในวัดดังขอนแก่น ขณะที่ทางวัดติดป้ายเตือนระวังนักท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัยในการเที่ยวชมอย่างเข้มงวด

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 13 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดอุดมคงคาคีรีเขต ดอนแก่นเท้า ต.นางาม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ มีพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากราบไหว้และทำบุญที่วัดแห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางมาตรการคุมเข้มจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งไฮไลท์และจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมากคือ "เจ้าทองคำ” จระเข้แสนซนสุดเชื่อที่พระในวัดเลี้ยงไว้ภายในสระของวัด โดยมีคณะกรรมการวัดและพระสงฆ์ยืนอยู่ริมสระ เพื่อให้อาหารและกำชับให้นักท่องเที่ยวชมความซนของเจ้าทองคำในจุดที่กำหนดไว้เพื่อความปลอดภัย

ขณะที่เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมและทำบุญที่วัดต่างพากันให้อาหารเจ้ทองคำ ด้วยการใช้ไม้ไผ่ยาวประมาณ 2 เมตร พร้อมทั้งตะโกนเรียกชื่อให้มากินอาหาร ซึ่งไม่นานเจ้าทองคำก็จะมุดน้ำโผล่ขึ้นกินไก่สด ที่เสียบติดกับปลายไม้ไว้  สร้างความตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

พระลุน กันตะธัมโม พระลูกวัดวัดอุดมคงคาคีรีเขต กล่าวว่า เจ้าทองคำอาศัยอยู่ภายในสระของวัดมานานกว่า 10 ปี โดยมีญาติโยมนำมาถวาย ภายหลังจากจระเข้ตัวเก่าชื่อเจ้าบอดที่หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต พระชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียง เลี้ยงไว้ได้ตายลง ซึ่งเจ้าทองคำนั้น สามารถสื่อสาร กับพระลูกวัดซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยง ที่สามารถสัมผัสตัวและลูบที่หัวเจ้าทองคำได้อย่างคุ้นเคย สร้างความประหลาดแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทำบุญและเข้ามาสักการะรูปเหมือนหลวงปู่ผาง อย่างมาก

"มาช่วงสถานการณ์โควิดพบว่ามีพุทธศาสนิกชนเข้ามาน้อยลงมาก แต่ยังคงมีแวะเวียนมาไม่ขาดสาย แม้ว่าเมื่อ 2 -3 ปีก่อนพระลูกวัดที่คุ้นเคยและคอยให้อาหารเจ้าทองคำจะย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่น แต่ทางวัดทั้งพระและญาติโดยมยังคงเลี้ยงและดูแลโดยนำอาหารโยนให้จระเข้ทุกวัน พร้อมกับคอยเตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังอย่าเข้าใกล้สระน้ำมากเพื่อความปลอดภัย"

กาฬสินธุ์ – เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่ให้กับโรงพยาบาลสหัสขันธ์ สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ สู้วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสหัสขันธ์ อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์  เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องต่อสู้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019

ที่วัดพุทธาวาสภูสิงห์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ,ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม และประธานกรรมการอบรมประชาชนกลาง (อ.ป.ก.) มอบหมายให้พระครูสิริพัฒนนิเทศก์ รองเจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์ เจ้าอาวาสวัดไตรภูมิ มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยนายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสหัสขันธ์ เข้ารับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมด ทั้งนี้ จะนำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่สู้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ระลอกใหม่

ในการนี้เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลสหัสขันธ์ จำนวน 6 รายการ  ประกอบด้วย สเปรย์แอลกอฮอล์ 53 ขวด  แอลกอฮอล์สำหรับเติม  24 ขวด เจลแอลกอฮอล์ 18 ขวด ทิชชู่เปียกแอลกอฮอล์ 100 ห่อ ชุด PPE 120 ชุด และหน้ากากอนามัย 10,000 ชิ้น ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ให้เต็มกำลัง ซึ่งเมตตานุเคราะห์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ยังจะสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด

สำหรับอำเภอสหัสขันธ์ มี 8 ตำบล 85 หมู่บ้าน ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 แล้ว 6 ตำบล ประกอบด้วย ต.นิคม ต.สหัสขันธ์ ต.นามะเขือ ต.โนนน้ำเกลี้ยง ต.โนนแหลมทอง และต.โนนศิลา มีผู้ติดเชื้อสะสมที่ 21 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ยโสธร – ผู้ว่าฯ ส่งทีมแพทย์ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ อิมแพคเมืองทองธานี มอบช่อดอกไม้ และกล่าวชื่นชมทีมปฏิบัติการทางการแพทย์

นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานในพิธีส่งทีมปฏิบัติการทางการแพทย์เพื่อปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือสนับสนุนทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลบุษราคัม อิมแพคเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ระหว่างวันที่ 11– 28 มิถุนายน 2564 นี้  โดยมี นายธีระพงษ์ แก้วภมร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร นายแพทย์สมศักดิ์ เชาว์ศิริกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยโสธร พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และสื่อมวลชน ร่วมในพิธีครั้งนี้ ณ บริเวณลานจอดรถสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร  

นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ได้มอบช่อดอกไม้ และกล่าวชื่นชมทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ทั้ง 8 คน ในความเสียสละและความเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคมในสถานการณ์ที่มีความจำเป็นที่ต้องอาศัยผู้มีความรู้ความสามารถ  และชวนให้ชาวยโสธรร่วมเป็นกำลังใจในการไปปฏิบัติหน้าที่ของทีมครั้งนี้ และร่วมใจกันฝากส่งพลังกาย พลังใจให้ทีมไปดูแลรักษา และช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้หายเป็นปกติทุกคน สำหรับทีมปฏิบัติการทางการแพทย์จังหวัดยโสธร เป็นเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลยโสธรทั้งหมด ทั้ง 8 คน ประกอบด้วย 

1.แพทย์หญิงธันยนันท์ ศรีธัญรัตน์ นายแพทย์ชำนาญการ เป็นหัวหน้าทีม 

2.เภสัชกรหญิงภาวินี วารีขัน เภสัชกรปฏิบัติการ 

3.เภสัชกรหญิงณัฐธิดา ดีเพชร เภสัชกรปฏิบัติการ   

4.นางมะลิวรรณ แสนสุข พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ   

5.นางเนตรชนก สิทธิบุรี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ  

6.นางสาวณัฐพร ประสงค์ศิลป์ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ  

7.นางรัตติยา  ยั่งยืน  พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ   

8.นางสาวอารยา  เนติวัชรเวช พยาบาลวิชาชีพ 

โดยได้มีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมความเข้าใจภารกิจในการปฏิบัติหน้าที่แก่ทีม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงการดูแลป้องกันตนเองด้วย 

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้งโรงพยาบาลบุษราคัมที่ อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานีตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้ติดเชื้อทุกคนได้รับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยสีเหลืองให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว จะช่วยลดอาการรุนแรง ลดการเสียชีวิตได้ และเป็นการช่วยให้โรงพยาบาลในเขต กทม. มีเตียงรองรับผู้ป่วยอาการหนักกลุ่มสีแดงได้อย่างเต็มที่ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นมา เบื้องต้นรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,200 คน สามารถเพิ่มเตียงได้ 3,000 – 5,000 เตียง รองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่เจ็บป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง ทั้งจากในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และสายด่วนต่าง ๆ จากกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ให้การดูแลผู้ป่วยครบวงจร ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต   โยจังหวัดยโสธรมีความภูมิใจ ที่เราได้มีส่วนร่วมไปปฏิบัติหน้าที่ในช่วง 11 – 28  มิถุนายน 2564  ถือเป็นความเสียสละที่ทีมปฏิบัติการทางการแพทย์จะได้ทั้งกุศลบุญและประสบการณ์ที่ดีในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สมัย คำแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดยโสธร

มุกดาหาร - “อุ๊บ” เชื่อตำรวจออกหมายจับถูกตัว แจงไม่ได้เป็นนกสองหัว ยังเป็นคนเดิมที่ยืนอยู่กับความถูกต้อง

นายวิริยะ พงษ์อาจหาญ หรือ “อุ๊บ วิริยะ” นักปั้นดารามือทอง อดีตกัลยาณมิตรของลุงพล ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจแม่และพ่อน้องชมพู่ที่จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจพ่อและแม่น้องชมพู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ให้กำลังใจมาโดยตลอด เคยมาที่กกกอกแล้วกว่า 10 ครั้ง ทุกครั้งที่มาก็จะมาเยี่ยมทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายพ่อแม่น้องชมพู่และลุงพล แต่ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ข้างฝ่ายที่ถูกต้อง ฝ่ายที่เรารู้สึกมีความสุขกับการที่จะมาพบปะเยี่ยมเยียน วันนี้ถือว่าเป็นวันดีวันหนึ่งเนื่องจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทีมทนายความที่ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวแม่น้องชมพู่ ในส่วนตัวขอชี้แจงว่าไม่ได้เป็นนกสองหัวไปฝ่ายนู้นทีฝ่ายนี้ที ยังเป็นคนเดิมที่ยืนอยู่กับความถูกต้อง

อุ๊บ วิริยะ กล่าวว่า มีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขอออกหมายจับถูกต้องแล้วเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเก็บรวบรวมหลักฐานมาเป็นระยะเวลาถึง 1 ปี ถ้าหลักฐานไม่หนักแน่นจนชี้ชัดมัดตัวคนร้ายได้ก็คงไม่มีหมายจับออกมา เราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของตำรวจว่ามีความถูกต้อง จากการมาที่กกกอกกว่า 10 ครั้ง และติดตามข่าวจากทุกสื่อ ทุกโซเชียล ทำให้สามารถวิเคราะห์แยกแยะออกได้ว่าใครดีใครชั่ว ใครที่กระทำความผิดมันก็เห็นชัดจากพฤติกรรมของคนบางคนที่แสดงออกมาให้เราเห็น ฉายาคน 2 ซิมเป็นเรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นต์ และน่ากลัว ตั้งแต่เกิดมา 62 ปี ในชีวิตนี้ไม่เคยเจอคนแบบนี้ และเมื่อมาเจอก็ทำให้คิดว่าคนเราเป็นไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ น่ากลัว อยู่ห่างไกลไว้เป็นดีที่สุด


ภาพ/ข่าว  ชุด ฉก.พญาอินทรีย์ / เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร

ชัยภูมิ - นายกอบจ.ชัยภูมิ เปิดโครงการอบรมให้ความรู้ แก่บุคลากรหน่วยงานหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2564

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 เวลา 10.00 น. นายอร่าม โล่ห์วีระ นานก อบจ.ชัยภูมิ (ประธานกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ) ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการอบรมให้ความรู้ แก่บุคลากรหน่วยงานหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2564 ณ ห้องประชุมพระยาภักดีชุมพล ชั้น 3 สำนักงาน อบจ.ชัยภูมิ

ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (covid-19) ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ติดเชื้อยืนยันจำนวนมาก กอร์ปกับประกาศจังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 เรื่องขอความร่วมมือประชาชนในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ชะลอการจัดกิจกรรมทางสังคมและงดการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ที่มีคนจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อให้การปฏิบัติราชการตามโครงการอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุน งบประมาณกองทุน ฟื้นฟูสมรรถภาพ จังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2564 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยบรรลุวัตถุประสงค์เป็นไปตามประกาศจังหวัดชัยภูมิ กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิจึงได้จัดทำการอบรมดังนี้

1.อบรมให้ความรู้แนวทางการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ

2. อบรมให้ความรู้บทบาทหน้าที่ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

3. อบรมให้ความรู้วิชาการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ

โดยมีหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ ประจำปีงบประมาณ 2564 ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการผู้สูงอายุจำนวน 15 โครงการ จำนวน 15 คน หน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ ด้านการแพทย์และกายอุปกรณ์ เครื่องช่วยความพิการ จำนวน 15 โครงการ จำนวน 15 คน และหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ที่อยู่ในระยะจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดชัยภูมิ จำนวน 18 หลัง จำนวน 14 หน่วยงาน จำนวน 14 คน


ภาพ/ข่าว  อรรถดิษฐ์ จันตะเสน จ.ชัยภูมิ

นครราชสีมา - ตำรวจทางหลวงโคราช นำคาราวานปันสุข รุดช่วยเหลือน้องเก้า เด็กสู้ชีวิตลำพัง เก็บของเก่าขาย มอบทุนการศึกษา สิ่งของ รวมถึงส่งกำลังใจ หมอ-พยาบาล 4 โรงพยาบาล สู้โควิดไปด้วยกัน รวมแล้ว 25 โรงพยาบาลทั่วโคราช

วันนี้ 10 มิถุนายน เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง สารวัตรตำรวจทางหลวงนครราชสีมา เป็นตัวแทน พลตำรวจโท ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.ร่วมกับ จิตอาสา 904 ร่วมกับ จิตอาสาตำรวจทางหลวงนครราชสีมา กรรมการหอการค้าโคราช ชมรมฮักเขาใหญ่ และชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว 

ร่วมกันจัดกิจกรรม คาราวานปันสุข เติมพลังใจ หมอ-พยาบาล 4 โรงพยาบาล ครั้งที่ 5 โดยเริ่มมอบสิ่งของให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลประทาย โรงพยาบาลสีดา โรงพยาบาลบัวลาย และโรงพยาบาลแก้งสนามนาง รวม 4 โรงพยาบาล 4 อำเภอ

โดยมีการนำอาหารกล่อง น้ำดื่ม ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผลไม้ ทยอยมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเป็นกำลังใจปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยไวรัสโควิด สำหรับกิจกรรมคาราวานครั้งนี้ ได้ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลไปแล้ว 21 โรงพยาบาล โดยรวมทั้งวันนี้ 25 โรงพยาบาลแล้ว

ภายหลัง พ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง สารวัตรตำรวจทางหลวงนครราชสีมา พร้อมคณะคาราวาน เป็นตัวแทน พลตำรวจโท ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.ร่วมกับ จิตอาสา 904 เดินทางไปเยี่ยม นายตะวัน มุสิกา หรือน้องเก้า อายุ 16 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 9849/1 ถนนหัวหนอง 5 ต.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่สู้ชีวิตเพียงลำพังด้วยการเก็บของเก่าขาย หลังจากพ่อกับแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว น้องเก้า ก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ สภาพทรุดโทรม มานานกว่า 1 ปี ปัจจุบันนี้ น้องเก้า ได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคบัวใหญ่ ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างยนต์ อาศัยออกเก็บของเก่าขายเลี้ยงตัวเองตามที่เสนอข่าวในโลกโซเชี่ยล

โดยน้องเก้า รู้สึกดีใจ พร้อมกล่าวขอบคุณ ทุกคนที่ได้ช่วยเหลือตนเอง โดยน้องเก้าได้ยกมือไหว้ขอบคุณ นอกจากนี้ ยังมีผู้บริจาคเงินช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษาให้น้องเก้าแล้ว จำนวน 300,000 บาท ซึ่งน้องเก้าสัญญาว่า จะตั้งใจเรียน เป็นคนดี และจะใช้จ่ายเงินที่บริจาคให้อย่างประหยัด เพื่อเป็นทุนในการเรียนต่อจนจบ หากใครที่ต้องการจะสนับสนุนช่วยเหลือน้องเก้า สามารถโทรศัพท์สอบถามเพื่อนบ้านของน้องเก้าได้ที่เบอร์ 062-369-4639

กาฬสินธุ์ – ฝนตกสะสมท่วมถนน ติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน ทำนาข้าวชาวนาช้ำ

อิทธิพลของฝนต้นฤดูที่ตกลงมาต่อเนื่อง 3 วัน ส่งผลให้เกิดการสะสมของปริมาณน้ำตามแหล่งเก็บน้ำ รวมทั้งคลองระบายน้ำในชุมชน และแปลงนาของเกษตรกร โดยเฉพาะเขตตำบลดอนสมบูรณ์ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์  ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมถนนสายหลักระยะทางยาวกว่า 100 เมตร และนาข้าวที่เพิ่งหว่านจมอยู่ใต้น้ำ ชาวนาต้องหาเครื่องสูบน้ำออกก่อนเน่าเสียหาย

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามผลกระทบ หลังฝนต้นฤดูตกลงมาต่อเนื่อง 3 วัน ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ พบว่าถนนสายหลักของ ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด บริเวณหน้า อบต.ดอนสมบูรณ์ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านดอนยานาง ได้เกิดน้ำท่วมขังเป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร ลึก 30-50 ซม. รถเล็กบางคันผ่านไม่ได้ ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่จึงเลี่ยงไปใช้เส้นทางจราจรสายอื่น ขณะที่บริเวณแปลงนาในเขต ต.ดอนสมบูรณ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวนากำลังหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว พบว่าได้เกิดน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง จึงต้องหาเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออก ก่อนที่เมล็ดพันธุ์ข้าวจะเน่าเสียหาย

นายนาคินทร์ ภูจ่าพล ผู้ใหญ่บ้านดอนยานาง ต.ดอนสมบูรณ์กล่าวว่า ฝนที่ตกติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน ถึงแม้จะไม่ตกหนัก แต่ก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำฝนเกิดการสะสม โดยตามร่างระบายน้ำในชุมชน และตามคูคลองระบายไม่ทัน จึงทำให้เกิดการเอ่อท่วม และท่วมขังดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ประกาศเตือนชาวบ้าน ให้ระมัดระวังอันตรายและอุบัติเหตุ จากภาวะน้ำท่วม เช่น อุบัติเหตุ งูพิษ แมลงมีพิษ รวมทั้งห้ามลงไปแช่น้ำ เนื่องจากอาจจะเหยียบตะปู เศษแก้วหรือวัสดุแหลมคม ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคบาดทะยัก และสารเคมีที่เจือปนอยู่ในน้ำ ที่อาจะซึมเข้าสู่ร่างกายได้รับอันตรายได้

ขอนแก่น - ทหารพันธุ์ดี ค่ายสีหราชเดโชไชย รับมอบไก่พันธุ์ประดู่หางดำ และกบพันธุ์ทุ่งกุลา พระราชทานจากกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นำไปกระจายพันธุ์ แจกจ่าย และช่วยเหลือประชาชน

กองทัพบกได้ดำเนินโครงการทหารพันธุ์ดีมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่หน่วยทหารทั่วประเทศ โดยเป็นศูนย์การเรียนรู้ เป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ และเพาะพันธุ์สัตว์ เพื่อการบริโภคให้กับกำลังพลและครอบครัว ตลอดจนประชาชนรอบค่าย ตามแนวทางพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 64 พ.อ.ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8 เป็นประธานพิธีรับมอบไก่พันธุ์ประดู่หางดำ และกบพันธุ์ทุ่งกุลา พระราชทาน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้กับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการทหารพันธุ์ดี ณ กองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 8 ค่ายสีหราชเดโชไชย ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น

พิธีรับมอบไก่พันธุ์ประดู่หางดำ และกบพันธุ์ทุ่งกุลา พระราชทานฯ ครั้งนี้ ประกอบด้วยไก่พันธุ์ประดู่หางดำ จำนวน 50 ตัว และกบพันธุ์ทุ่งกุลา จำนวน 2,020 ตัว ให้กับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการทหารพันธุ์ดี กรมทหารราบที่ 8 เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้กับกำลังพล,ครอบครัว และทหารกองประจำการ รวมถึงให้นำไปขยายพันธุ์ และสามารถนำไปเป็นอาหารและจำหน่ายได้ตามแนวเกษตรพอเพียง พอมี พอกิน และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ขยายผลสู่ประชาชนรอบค่าย ในโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง”และส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกร และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชนที่อยู่รอบค่ายฯ มาศึกษา นำไปปฏิบัติใช้ในชุมชนต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top