Sunday, 5 May 2024
POLITICS

‘บิ๊กป้อม’ ลุยตราด ติดตามมาตรการรับมือฤดูแล้ง พร้อมสั่งเตรียมแหล่งน้ำสำรอง รองรับพื้นที่ EEC

(20 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส, รมว.ศธ., รมช.คลัง, รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.จันทบุรี) เพื่อไปปฎิบัติราชการพื้นที่ จ.ตราดในช่วงบ่าย โดยเมื่อเดินทางถึง โครงการแก้มลิงหนองฉุงใหญ่ อ.เขาสมิง จ.ตราด มีนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผวจ. ให้การต้อนรับ

จากนั้นได้รับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำ จาก เลขาฯ สทนช. ต่อด้วยอธิบดีกรมชลประทาน เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ และอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำได้รายงานผลการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำในพื้นที่ รวมทั้ง นายก อบต.ประณีต ได้รายงานผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในระดับชุมชน ที่สำคัญโดยสรุป จ.ตราด พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก มีลำน้ำสำคัญ คือแม่น้ำตราด และมีฝนตกชุกเกือบตลอดปี มีโครงการสำคัญ ที่รัฐบาลสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมและแก้ปัญหาภัยแล้ง ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้แก่ โครงการแก้มลิงฉุงใหญ่ สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ 1,000 ไร่ 1,244 ครัวเรือน และยังช่วยชะลอการไหลของน้ำ บรรเทาการเกิดอุทกภัยพื้นที่ตอนล่าง โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูคลอง ทรายขาว-หนองหวีด-คุ้งกะปาง ช่วยพื้นที่เกษตรได้ 6,000 ไร่ รวมถึง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคุณภาพน้ำบริโภค และโครงการงานปิดกั้นคันดินกั้นน้ำเค็มชั่วคราว คลองเวฬุ-ท่าเสมอ เป็นต้น

‘บิ๊กตู่’ ลุยเมืองคอน ติดตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิต ชาวบ้านแห่ต้อนรับอบอุ่น ตะโกนเชียร์ “รักลุงตู่ๆ”

แน่นทุกจุด ชาวบ้านแห่รับ ‘บิ๊กตู่’ แน่นรพ.มหาราชฯ ตะโกนเชียร์ “รักลุงตู่ๆ” เจ้าตัวอ้อน “รักจังฮู้” ฝากหมอ-พยาบาลช่วยดูแลสุขภาพประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงวัย ‘ย้ำ’รัฐบาลและรมว.สาธารณสุขทำงานร่วมกันอย่างดีมาตลอด

(20 ก.พ.66) ที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครศรีธรรมราช พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางไปตรวจติดตามการพัฒนาความมั่นคงด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมี แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนมารอต้อนรับจำนวนนับพันคน

'รฟท.' เร่งจัดหา 'รถไฟ EV ต้นแบบ' เพิ่ม 50 คันในปี 66 ชู ระบบรางไร้มลพิษ ยกระดับการขนส่ง-คมนาคม

รถไฟ EV ต้นแบบของไทยดังไกลถึงอาเซียน 'ชาวเวียดนาม' แห่ชื่นชม รฟท.เดินหน้าทดสอบ เตรียมจัดหาอีก 50 คัน ภายในปี 66 ใช้ลากขบวนโดยสารเข้าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ลดมลพิษ

(20 ก.พ. 66) นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่การรถไฟฯ ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA จัดทดสอบการใช้งานรถจักรพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รถต้นแบบคันแรกในการพัฒนารถไฟระบบ EV on Train ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ปรากฏว่า นอกจากจะได้รับความสนใจ และเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนคนไทยแล้ว รถจักรคันดังกล่าวยังโด่งดังไปไกลถึงประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ที่มีการแชร์เรื่องราวของรถจักรพลังงานไฟฟ้าลงในกลุ่มเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศของเวียดนาม ซึ่งมีการแสดงความชื่นชมยินดีกับประเทศไทย และพูดคุยแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย

นอกจากนี้ ยังมีชาวเวียดนามบางคนมาช่วยเพิ่มเติมข้อมูล และตอบคำถามในบางประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยกัน เช่น ทำไมถึงต้องใช้รถไฟแบตเตอรี่ ซึ่งประเด็นนี้ นอกจากจะใช้แบตเตอรี่เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันแล้ว ยังสามารถนำไปต่อยอด โดยการยกระดับขนส่งโดยสารของเมือง และรองรับการใช้งานในระบบรถไฟฟ้ารางเบา Light Rail Transit (LRT) ได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนยังเห็นด้วยว่า ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีถือเป็นเรื่องสำคัญมาก และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะการจะเริ่มต้นจากศูนย์ ทำเพียงคนเดียวอาจเป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งเมื่อพัฒนาขึ้นมาได้แล้ว เทคโนโลยีนี้ก็จะอยู่กับประเทศไทยตลอดไป

สำหรับรถจักรพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ประเทศไทยสามารถประกอบ ติดตั้งระบบแบตเตอรี่สำหรับรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าเองได้ เสร็จเมื่อปี 2565 เป็นแห่งแรกของโลก ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดมลพิษ และบรรเทาภาวะโลกร้อน อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แทนน้ำมันเชื้อเพลิงในระบบขนส่งของประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) เพื่อให้ประเทศไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกลง 20-25% ภายในปี 2573

ปัจจุบัน รถจักรพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ได้ดำเนินการทดสอบเดินรถในเส้นทางต่าง ๆ แล้ว รวมถึงการทดสอบลากจูงขบวนรถโดยสารขึ้นมาบนสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ถือว่าประสบความสำเร็จเรียบร้อยดี ซึ่งหลังจากนี้การรถไฟฯ จะพิจารณานำไปลากจูงรถโดยสาร และรถสินค้าในโอกาสต่อไป

โดยในระยะแรก จะนำรถจักรดังกล่าวมาใช้ลากเป็นรถสับเปลี่ยน (Shunting) ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อลดมลพิษในอาคารสถานีชั้นที่ 2 ซึ่งจากผลการทดสอบของการรถไฟฯ สามารถลากขบวนรถจากย่านสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปที่ชานชาลาสถานีที่ชั้น 2 ได้จำนวน 12 เที่ยว ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ระยะเวลาการชาร์จจนแบตเตอรี่เต็มประมาณ 1 ชั่วโมง

จากนั้น ในระยะต่อไปจะทดลองวิ่งในระยะทางใกล้ เช่น ขบวนรถโดยสารชานเมือง ระยะทางประมาณ 30-50 กิโลเมตร และระยะทางที่ไกลมากขึ้น เช่น ขบวนรถข้ามจังหวัด ระยะทางประมาณ 100-200 กิโลเมตร และขบวนรถขนส่งสินค้า จาก ICD ลาดกระบัง ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น เพื่อทดสอบจนเกิดความมั่นใจและปลอดภัย

‘อนุสรณ์’ อัด ‘ประยุทธ์’ ไม่รับผิดชอบ ‘ทุนจีนสีเทา’ ซ้ำยังพูดตัดตอนความจริง - สร้างวาทกรรมบิดเบือน

(20 ก.พ. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลุยปราบมาเฟีย ดำเนินคดีทุนจีนสีเทา ขอ พท.อย่าละเว้นตรวจสอบปมซุกทรัพย์สินเป็นโครงการบ้านหรูว่า ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แต่การตอบโต้แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่เกิดประโยชน์ ขว้างงูไม่พ้นคอ จนเหมือนทำให้ไม่เหลือความจริงแม้แต่นิดเดียว ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปตั้งนานแล้ว บอกว่าจะไม่รัฐประหาร ก็รัฐประหาร บอกว่าขอเวลาอยู่ไม่นาน ก็ปาเข้าไป 10 ปี บอกว่าไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองถึง 2 พรรค พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความน่าเชื่อถือในสภา จึงอาจใช้วิชามารลอกการเมืองแบบเก่า ตัดตอนความจริง สร้างวาทกรรมบิดเบือนว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีขายบ้านแถมสัญชาติ ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงไปมาก

นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า 1.) รัฐบาลประยุทธ์สารภาพกลางสภาว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้เซ็นอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย พล.อ.อนุพงษ์ไม่ใช่พนักงานส่งเอกสาร หากการดำเนินการในขั้นตอนก่อนหน้าไม่ถูกต้องย่อมสามารถระงับยับยั้งได้ แต่ทำไมรัฐบาลประยุทธ์ไม่ยับยั้ง

'บิ๊กตู่' โชว์ผลงาน 'บัตรทองพรีเมียม' เพิ่มสิทธิประโยชน์ ช่วยประชาชนเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม-ทั่วถึง

(20 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งขับเคลื่อนให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐฯ อย่างมีประสิทธิภาพ เท่าเทียมและทั่วถึง หลักประกันสขุภาพไทยได้เปลี่ยนผ่าน 'บัตรทอง' หรือ 'บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า' ให้กลายเป็น 'บัตรทองพรีเมี่ยม' ยกระดับการบริการ เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมและทลายข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างแท้จริง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับบัตรทองพรีเมียมในยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์มากมาย เช่น เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์เข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในหน่วยบริการสาธารณสุขทุกที่ โดยไม่เก็บค่ารักษาพยาบาลภายใน 72 ชั่วโมงหรือพ้นภาวะวิกฤต รักษาโรคติดเชื้อไวรัส-19 โควิดฟรี โดยสามารถเข้ารักษาในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ ผู้ป่วยโรคมะเร็งรับบริการที่ไหนก็ได้ ย้ายหน่วยบริการได้ทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน

รวมถึงให้สิทธิฟอกไตฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก รักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซียาต้านไวรัส HIV เพิ่มสิทธิ์ด้านวัคซีน 5 ชนิด ได้แก่ คอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน, ไวรัสตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

รวมทั้ง การใช้กัญชาทางการแพทย์ ในผู้ป่วยโรคมะเร็งพาร์กินสัน ไมเกรน ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก การให้บริการแว่นตาเด็ก แจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับการขับถ่ายสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้มีปัญหากลั้นขับถ่าย การรักษาผู้ป่วยติดบ้านหรือผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนทุกสิทธิ์และทุกกลุ่มอายุ และยังลดภาระการเดินทางไปสถานพยาบาลของประชาชน ลดความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ สามารถรับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันใกล้ เป็นต้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนสมัครรับสิทธิบัตรทองพรีเมียม และสมัครให้บุตรหลาน เพื่อเลือกหน่วยบริการ ซึ่งสามารถสมัครได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด ซึ่งในปี 2566 ได้มีการเพิ่มสิทธิ์ใหม่ที่ได้มากกว่าเดิม ได้แก่

1.) การดูแลภาวะความดันเลือดในปอดสูงในทารกแรกเกิด (Persistent Pulmonary Hypertension of the Newborn)
2.) บริการทันตกรรม Vital Pulp Therapy หรือการรักษาเนื้อเยื่อในฟันกรามแท้
3.) บริการรากฟันเทียม
4.) บริการห้องฉุกเฉิน คุณภาพภาครัฐฯ
5.) ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ
6.) บริการยาป้องกัน การติดเชื้อเอชไอวี
7.) เพิ่มยาจำเป็นแต่มีราคาแพง ในกลุ่มบัญชียา จ (2) จำนวน 14 รายการ
8.) บริการดูแลผู้ป่วยกึ่งเฉียบพลัน
9.) บริการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับพิษ
10.) เพิ่มเติมบริการที่คลินิกการพยาบาลฯ กายภาพบำบัด คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมและคลินิกทันตกรรม

‘โรม’ งัดหลักฐาน สู้กลับ ‘ส.ว.อุปกิต’ ชี้!! แสดงทรัพย์สินเท็จ - จ่อยืน ป.ป.ช. เอาผิด

‘โรม’ เปิดหลักฐานเพิ่ม สู้กลับ ‘อุปกิต’ ชี้แสดงบัญชีทรัพย์สินเท็จ ปมขายโรงแรมอัลลัวร์รีสอร์ท จ่อยื่น ป.ป.ช. สัปดาห์นี้ วินิจฉัยฟันพ้น ส.ว. - เพิกถอนรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต ตั้งคำถามตำรวจ กล้ายึดอาคารพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จี้ ‘ประยุทธ์’ อย่าหนีความรับผิดชอบ ตอบสังคม ทำไมตำรวจรับผิดชอบคดี ‘ทุนมินลัต’ โดนย้าย

(20 ก.พ.66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดหลักฐานเพิ่มเติมสืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เปิดโปงกรณี ‘ไทยดำ-จีนเทา’ ซึ่งพาดพิง อุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. จนรังสิมันต์ถูกอุปกิตฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

รังสิมันต์กล่าวว่า จากการอภิปรายของตน ระบุว่า อุปกิต เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด (Allure Group) ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็นบริษัทเพื่อฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายของ ‘ทุนมินลัต’ (Tun Min Latt) นักธุรกิจชาวเมียนมา แต่ต่อมาเมื่อมีการจับกุมทุนมินลัต อุปกิตก็รีบออกมาชี้แจงว่าได้ขายหุ้นและลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ Allure Group และ Myanmar Allure แล้วในปี 2562 ก่อนรับตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงโรงแรม Allure Resort ก็ขายไปแล้ว และยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อย แต่ครั้งนี้ ตนจะมาพูดถึงการขายหุ้นขายโรงแรมที่อุปกิตอ้างว่าทำไปแล้วก่อนมาเป็น ส.ว. ว่าจริงเท็จอย่างไร 

เนื่องจากหนึ่งในเอกสารที่อุปกิตยื่นประกอบบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. คือเอกสารสัญญาซื้อขายอาคารและกิจการโรงแรม ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เนื้อหาสัญญาระบุว่า อุปกิต ซึ่งเป็นผู้ขาย ทำสัญญากับ ชาคริส กาจกำจรเดช ผู้ซื้อ ว่าตกลงซื้อขายอาคารตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ห้องพักจำนวน 78 ห้อง และกิจการโรงแรม Allure Resort และสิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าว ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ชำระเงินในเดือนสิงหาคม 2562 และตกลงกันว่าจะส่งมอบและรับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าวในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญา นอกจากนี้ อุปกิตยังแนบสำเนาหนังสือรับรองจากธนาคาร B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2562 รับรองบัญชีธนาคารดังกล่าว ว่ามีเงินฝากจำนวน 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อสังเกตต่อเอกสารสัญญาฉบับนี้ คือสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับโรงแรม Allure Resort ตามสัญญา BOT ที่ทำกับกรมการโรงแรมฯ เมียนมานั้น ต้องเป็นของบริษัท Allure Group หรือ Myanmar Allure ดังนั้นถ้าจะมีการขายโรงแรม Allure Resort ให้ผู้อื่นจริงๆ ก็ควรเป็นการที่อุปกิตขายหุ้นของตัวเองใน Allure Group หรือ Myanmar Allure ที่ถือสิทธิและหน้าที่ในโรงแรม ให้กับชาคริส หรือไม่ถ้าเป็นกรณีที่ Allure Group หรือ Myanmar Allure จะขายสิทธิและหน้าที่ในโรงแรมที่บริษัทถืออยู่ให้กับชาคริส ก็ควรต้องเป็นสัญญาที่ทำขึ้นในนามของบริษัทนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่ากรณีนี้ทำได้หรือไม่ เพราะสัญญา BOT กำหนดว่ากรมการโรงแรมฯ ต้องยินยอมด้วย 

แต่ปรากฏว่าสัญญาฉบับนี้กลับมีลักษณะเป็นสัญญาในนามบุคคลธรรมดา 2 คน ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ได้เป็นสัญญาเพื่อซื้อขายหุ้นของบริษัทใด ๆ แต่เป็นการซื้อตึกโรงแรม กิจการโรงแรม และสิทธิใช้ประโยชน์บนที่ดินโรงแรม หมายความว่า ตามสัญญานี้สิทธิในโรงแรม Allure Resort จะต้องตกเป็นของบุคคลธรรมดาที่ชื่อชาคริสคนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ 

ยิ่งกว่านั้น เมื่อไปดูเนื้อหาหนังสือรับรองของ B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. แม้จะระบุว่าบัญชีธนาคารที่อุปกิตอ้างมีเงินฝาก 8,150,000 ดอลลาร์ฯ จริง แต่ก็ไม่มีตรงไหนระบุว่าเป็นการจ่ายมาจากชาคริสจริงหรือไม่ นี่คือข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลของการขายโรงแรม ที่อุปกิตอ้างต่อ ป.ป.ช.

ที่สำคัญ หลังจากนั้นเมื่อมีการสืบสวนสอบสวนคดียาเสพติดและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องไปถึงพนักงานของ Allure Group มีการเรียกชาคริสไปให้การเมื่อเดือนเมษายน 2565 ตามบันทึกคำให้การช่วงหนึ่ง ชาคริสให้การว่าตนถือหุ้น 15% ของโรงแรมอัลลัวร์ฯ มาตั้งแต่ปี 2558 จนกระทั่งประมาณปลายปี 2562 ตนเคยทำการตกลงซื้อกิจการโรงแรม Allure Resort จากอุปกิตในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 251,572,000 บาท แต่ไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายกันจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตนไม่มีเงินซื้อกิจการดังกล่าว ไม่รู้จะไปหามาจากไหนตั้ง 250 กว่าล้าน และยังให้การอีกว่าต่อมาอีก 1 ปีให้หลัง ประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 อุปกิตได้ตกลงขายกิจการให้กับบุคคลอื่นในราคาประมาณ 300 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายแล้วคงเหลือ 265 ล้านบาท ตนได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนที่ถือหุ้น 15% เป็นเงินจำนวน 39,750,000 บาท

‘บิ๊กป้อม’ ลุย ‘เมืองจันท์-ตราด’ แก้ปัญหาน้ำ-ที่ดินทำกิน พร้อมปลุกเกษตรกรรุ่นใหม่ พัฒนาเกษตรไทยให้ยั่งยืน

(20 ก.พ. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนานกรัฐมนตรี พร้อมทั้ง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางลงพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน และการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมี ผวจ.จันทบุรี ผวจ.ตราด เลขา สทนช. และ หน.ส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ

โดยได้รับทราบความคืบหน้า การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการแก้ปัญหาความยากจนลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะการกระจายการถือครองที่ดินทำกินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนให้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองและมีที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผ่าน ผวจ.จันทบุรี และตัวแทนเกษตรกร พร้อมทั้งเยี่ยมชมแปลงเกษตรวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนาและพบปะรับทราบปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน

โดย พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความขอบคุณ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. ที่ขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่ดินทำกินอย่างมีพัฒนาการและก้าวหน้าในทุกด้าน โดยได้มอบสิทธิที่ดินทำกินแล้วในหลายพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา และตาก โดยย้ำ ส่วนราชการในพื้นที่ และ บจธ. ขอให้ความสำคัญ ในการป้องกันการสูญเสียสิทธิที่ดินทำกินให้เกษตรกรจากการจำนองและการขายฝาก เพื่อให้เกษตรกรยังคงสิทธิในที่ดินทำกินของตนเอง ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนการใข้ประโยชน์ที่ดินให้เต็มศักยภาพ รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนไปพร้อมกัน

'ชัยวุฒิ' เสนอนโยบาย 'เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี' นำเงินพัฒนาประเทศ พร้อมปรับกฎหมายให้เป็นสากล หนุน 'ธุรกิจผับ บาร์'

(19 ก.พ. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาทุนสีเทา ว่า รัฐบาลเอาจริงและจะเร่งดําเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุมพรรคพิจารณา เพื่อจัดทำเป็นนโยบายพรรค ด้วยวิธีแก้กฎหมายที่ล้าสมัยหรือขัดกับวิถีชีวิตของประชาชน ต้องปรับให้ทันสมัยตรงกับหลักสากล ให้ธุรกิจไปได้ โดยเปลี่ยนส่วยมาเป็นภาษี จะทำให้ได้เงินเข้ามาพัฒนาประเทศ ธุรกิจไม่ต้องมีการจ่ายส่วย ไม่มีการคอรัปชั่น 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และพรรคพปชร.มองว่าแนวทางการแก้ไขปัญหานอกจากการปราบปรามอย่างจริงจัง ต้องแก้ไขกฎหมายเปลี่ยนส่วยให้เป็นภาษี สกัดกั้นช่องทางเรียกรับส่วยจากผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่นธุรกิจบริการบางประเภท เช่น ผับ บาร์ เป็นต้น ควรเปิดขายได้มากกว่าเที่ยงคืนเช่นเดียวกับต่างประเทศ แต่ไทยไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ทำให้เกิดการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยผู้ประกอบการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้เปิดบริการเกินเวลา รองรับท่องเที่ยวต่างชาติได้ จึงเกิดทุนสีเทา ธุรกิจผิดกฎหมายขึ้นมา

'เสรีพิศุทธ์' เปรย!! จับมือ 'ป้อม' ได้ แต่ไม่เอา ‘ตู่' พร้อมเผยเตรียมจีบ ‘ชูวิทย์’ เข้าก๊วนร่วมปราบโกง

(18 ก.พ.66) ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ เขตบางพลัด กทม. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งของพรรคเสรีรวมไทยว่า จะพยายามส่งผู้สมัครให้ครบทุกเขต รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้ไม่ได้มาจากเฒ่าสารพัดพิษ เละเทะมาก ผู้สมัครบางคนตอบรับมาอยู่พรรคเสรีรวมไทยแล้ว แต่เจอพรรคใหญ่แย่งไป ต้องหาใหม่ ผู้สมัครบางคน พรรคเพิ่งได้ตัวมาเมื่อคืนเอง หรือส.ส.บางคนจะย้ายไปพรรคอื่นก็ห้ามไม่ได้ เช่น ส.ส.ลำปาง ตนไปช่วยหาเสียงเต็มที่อยู่เป็นเดือน ยังถูกทรยศหักหลัง ซื้อตัวไป แต่พรรคเสรีรวมไทยไม่มีส.ส.ย้ายมา เพราะไม่มีเงินให้ ถึงมีก็ไม่ให้ อย่าไปเลือกพรรคเหล่านี้ ให้มาเลือกพรรคเสรีรวมไทย 

ส่วนเรื่องการเตรียมตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ครบตามกฎหมายเลือกตั้งนั้น คาดว่าสิ้นเดือนก.พ.จะเตรียมได้ครบทั้งหมด ส่วนพื้นที่เป้าหมายพรรคเสรีรวมไทยนั้น คือ กทม. และต่างจังหวัดบางพื้นที่ แต่การหาเสียงขณะนี้ กกต.ไม่ทำหน้าที่ บางพรรคเอาคนมาฟังการปราศรัย ไม่รู้มีการจ่ายเงินให้หรือไม่ กกต.ต้องไปตรวจสอบ หลายนโยบายพรรคเสรีรวมไทยก็ถูกลอกไป ทั้งที่คิดมาก่อน แต่พรรคใหญ่เสียงดังกว่า เช่น บำนาญประชาชน เบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ

เมื่อถามว่า หากหลังเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล พรรคเสรีรวมไทยพร้อมร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนต่อต้านการรัฐประหาร ซึ่งพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เกษียณมาหลายปี ไม่มีปัญญาทำรัฐประหารแน่นอน ต้องให้คนคุมกำลัง มีอาวุธเท่านั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วนพล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แค่มาช่วย

“จุดยืนผมจะต่อต้านเฉพาะตัวหลักการทำรัฐประหาร แต่พล.อ.ประวิตรไม่ใช่ตัวหลัก ถ้าจะร่วมกันทำงานก็ทำได้ แต่ไม่ร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์แน่นอน ถ้าเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐก็ร่วมกันได้” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าว

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง พบปะกับผู้สมัครในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง พบปะกับผู้สมัครในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูลและสงขลาเพื่อแถลงนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อใช้ในการหาเสียง และสอบถามถึงปัญหาในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โหมดเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงในเร็วๆ นี้

ที่ ห้องประชุมย่อย ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง พบปะกับผู้สมัครในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูลและสงขลาเพื่อแถลงนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อใช้ในการหาเสียง และสอบถามถึงปัญหาในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โหมดเลือกตั้งที่จะถึงในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้น นายนิพนธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้เปิดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ถึงความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการเตรียมความพร้อมของพรรคปชป.ชายแดนใต้ ตั้งแต่สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ซึ่งหลังจากประชุมที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว วันนี้ก็ประชุมเตรียมความพร้อมทุกอย่าง และที่ประชุมก็ได้รับการยืนยันว่าทุกเขตมีความพร้อมในการเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนใต้ ประชาธิปัตย์ได้ชูนโยบาย สันติภาพสู่สันติสุข ดังนั้นจึงคิดว่าเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ ถ้าไม่สามารถแก้เรื่องความเห็นต่างหรือความขัดแย้งไม่ได้ก็ยากที่จะนำสันติสุขมาสู่ชายแดนใต้ วันนี้ประชาธิปัตย์จึงได้นำเสนอยุทธศาสตร์สำคัญนั่นคือ การทำให้เกิดสันติภาพ และนำไปสู่สันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉะนั้นเราสนับสนุนการที่จะพูดคุยในความเห็นที่ต่างกันอยู่ในพื้นที่ ทุกฝ่ายจึงต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้ 

ตลอดเวลาที่เราใช้ความมั่นคงหรือการแก้ปัญหาด้วยอาวุธมันไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใจ้ได้ วันนี้เราใช้งบประมาณไปเกือบ 5 แสนล้าน ในช่วง 19 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มีเหตุปล้นปืน ดังนั้นถ้าจะแก้ปัญหาโครงสร้างซึ่งได้มีความพยายามแก้กันมาตั้งแต่เรื่องของการศึกษาก็ดี เรื่องความยุติธรรมหรือเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็ดี วันนี้ได้แก้ปัญหาเหล่านี้ไปเยอะเหลืออีกหนึ่งปัญหาทีาราต้องเร่งรัดในการแก้ไขคือในเรื่องของการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื่นที่ที่จังหวัดชายแดนใต้ ฉะนั้นการที่จะแก้ปัญหาความยากจนได้ก็คือ การสร้างงานให้เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยสร้างอาชีพให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และยุทธศาสตร์ของประชาธิปัตย์ที่สำคัญคือ ทำให้พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทสงด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นดารปนะมง การเพาะเลร้ยงแลาในกะชัง หรือแศุสัตว์ต่างๆ ซึ่งกระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งเสริมเรื่องนี้มาตลอด โดยการส่งเสริมให้แนะชาชนรวมกลุ่มเลี้ยงโค ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเลี้ยงโคอาลังสึกะก็ดี หรือหาแหล่งทุนต่างๆมอบให้กลุ่มเกษตรกรทำการเลี้ยงปลาหรือโค ฉะนั้นนี่คือรูปแบบการส่งเสริมอาชีพ ตลอดจนถึงการทำการเกษตรพืชสวน ทำนาร้างให้เป็นนาข้าว สิ่งเหล่านี้จะเป็นการทำรายได้ให้กับประชาชน คือการสร้างงานในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่ และจะเชื่อได้ว่าจังหวัดชายแดนใต้จะคืนสู่สันติสุขอย่างแท้จริง 

ดังนั้นยืนยันได้ว่าวันนี้ พวกเราในจังหวัดชายแดนใต้พร้อมเข้าสู่สถานการณ์การเลือกตั้ง และนำเอายุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่การแก้ปัญหา นำสันติภาพมาสู่จังหวัดชายแดนใต้ นำสันติภาพมาสู่พื้นที่อย่างแท้จริง และเชื่อว่าเราจะเกิดความสันติสุขอย่างแท้จริง ดังนั้นในนามของผู้สมัครในนามพรรคปชป.ยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า การที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้ต้องพูดถึงเรื่องสันติภาพ ให้เข้าใจตรงกัน บทเรียนในอดีตที่เรามีปัญหาในช่วงความเห็นต่างมันจบลงได้ด้วยการพูดคุยกัน จบลงได้ด้วยนโยบายการเมืองที่ชัดเจน 

'อนุสรณ์' เย้ย 'บิ๊กตู่' จนมุม ตอบคำถามฝ่ายค้านไม่ได้ จวก!! ปัดความรับผิดชอบ พูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น

(18 ก.พ.66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี​ โดยไม่มีการลงมติ​ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ 2560​ เมื่อวันที่​ 15-16 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่สามารถตอบให้ตรงคำถามของฝ่ายค้านได้เลย ซ้ำยังพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เฉไฉ ปฏิเสธความรับผิดชอบ ในหลายประเด็นดังนี้

1.การที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้ขายบ้านแถมสัญชาติ ถือเป็นการตอบที่ต่ำกว่ามาตรฐานของคนเป็นนายกฯ เพราะเลือกใช้วาทกรรมการเมืองเก่า โดยเลือกที่จะมองข้ามข้อเท็จจริง ไม่มีใครในโลกนี้ซื้อบ้านแถมสัญชาติหรือซื้อบ้านทั้งโครงการ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือทุนจีนสีเทาซื้อบ้านหลายโครงการ ไม่ใช่โครงการเดียว ส่วนการซื้อเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผู้ประกอบการจะขายให้คนสัญชาติไทย บริษัทผู้ขายก็เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สามารถตรวจสอบได้  

'จตุพร' ฟันฉับ!! 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่เหมาะนั่งนายกฯ แนะ!! ประเมินตัวเอง - เช็กกระแสประชาชน

(17 ก.พ.66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน 'ตีเนียน' ย้ำถามถึงเพื่อไทยจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พปชร.หรือไม่ ต้องประกาศคำมั่นสัญญาให้ชัดเจน เช่นเดียวกับ 'อุ๊งอิ๊ง' ถ้าต้องการเป็นนายกฯ ตามอารมณ์ความรู้สึกของโพลแล้ว เพื่อไทยควรแถลงให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพียงคนเดียว ซึ่งบางกลุ่มจะส่งข้อมูลที่ตัวเองยังไม่รู้มาช่วยประชาสัมพันธ์ให้

นายจตุพร กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยโดยผู้มีอำนาจทั้งอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวทักษิณ ชินวัตร และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค หรือทักษิณ ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดของพรรค ต้องแถลงให้ชัดจะจับมือกับ พล.อ.ประวิตรและ พปชร. หรือไม่ และเพื่อให้เกิดความเด็ดขาด น่าเชื่อมั่น และสังคมจะยอมรับ จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาได้ง่ายที่สุด

"แต่วันนี้ คนไม่มีบทบาทนำของเพื่อไทย เป็นแค่กองเชียร์กลับมาพูดว่า เลือกอิ๊งค์ ก็ต้องได้อิ๊งค์เป็นนายกฯ สิ จะไปได้ป้อม (พล.อ.ประวิตร) ได้ยังไง ดังนั้นควรเอากันให้ชัดเลยว่า เพื่อไทยต้องการให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ จริงหรือเปล่า ถ้าต้องการจริง ต้องเสนออุ๊งอิ๊ง เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยเพียงคนเดียว"

นายจตุพร ระบุว่า พปชร.ก็ควรเสนอ พล.อ. ประวิตร คนเดียว ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แม้ยังไม่มีมติพรรคก็ควรเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียว ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้แถลงแล้วจะเสนออนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรค เช่นกันกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็เสนอจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค

ดังนั้น คำถามง่ายๆ คนที่มีอำนาจและบทบาทเต็มของเพื่อไทยต้องออกมายืนยันให้เป็นคำมั่นสัญญา ว่า แม้ผลเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ก็ไม่มีวันไปจับมือกับ พล.อ.ประวิตร-พปชร.เด็ดขาด ซึ่งข้อกล่าวหาใดๆ ที่ตามมาจากคำถามนี้ย่อมเป็นที่ยุติ ไม่มีการพูดถึงต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองที่ผ่านมา พรรคการเมืองมักอ้างความจำเป็นมาเปิดช่องว่างหลบหลีกคำสัญญาที่ให้กับประชาชนเสมอ กรณีปี 2535 เป็นที่ชัดเจน เพราะ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีต ผบ.ทบ. หัวหน้าทหาร จปร.รุ่น 5 สัญญาไม่เป็นนายกฯ แต่กลับอ้างความจำเป็นมาเป็นนายกฯ จนประชาชนออกมาต่อต้านรุนแรงถึงชีวิต เลือดเนื้อและการสูญหายของประชาชนจำนวนมาก

‘อิ๊งค์’ ตอก ส.ว. ตั้งธงไม่เลือกนายกฯ จาก พท. ย้อน!! เหตุผลสุดเชย นี่แหละถึงต้องปิดสวิตช์

‘อิ๊งค์’ แขวะ ส.ว.เชยบอกถึงวุฒิภาวะ ไล่ดูอายุผู้นำทั่วโลก แต่ต้องขอบคุณช่วย เพื่อไทยหาเสียงปิดสวิตช์ ส.ว. ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ ถ้า ปชช.เลือก ฟาก ‘เต้น’ สับ ‘ประยุทธ์’ มะนาวไม่มีน้ำ สาวหาวไม่มีเว้น เลิกบิดเบือน ปม ‘ตู้ห่าว’ แซะหลักฐานคาบัญชี คาที่ดิน

(17 ก.พ. 66) ที่วัดม่วงเดียด หลวงพ่อลี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการปักธงภาคอีสานว่า พรรคเราเคยรับใช้ประชาชนมาแล้ว และแสดงให้ประชาชนเห็นนานแล้วว่าเราทำได้จริง เราเคยมีรัฐบาลที่เคยรับใช้ประชาชนจริง ๆ เรามีพลังของคนรุ่นใหม่จริง ๆ ที่จะสามารถผลักดันนโยบายเหล่านั้นให้เป็นจริงได้ ฉะนั้น ตนมั่นใจว่าประชาชนจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของเขาเช่นกัน 

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะได้ ส.ส.อุบลราชธานียกจังหวัด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มั่นใจมาก ๆ ผู้สมัครของเราพร้อมแล้ว และวันนี้เราคิดว่าคนจะมาประมาณ 1 หมื่นคน แต่สรุปนับกันไปนับกันมาจะ 3 หมื่นคน ซึ่งตนเห็นรูปก่อนที่เข้ามาถึง ต้องขอบคุณพี่น้องชาวอุบลมาก ๆ ที่ให้การต้อนรับดี ถือเป็นกำลังใจให้พรรค พท.ที่จะไปอีกหลายจังหวัดใน 3 วันนี้ นี่เป็นแค่เวทีแรก เรายังเหลืออีก 8 เวที 

น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.ตั้งธงว่าแม้ พท.จะชนะแลนด์สไลด์ก็จะไม่เลือกนายกฯ จากพรรค พท.ว่า ต้องขอบคุณที่ช่วยพรรค พท.หาเสียง เพื่อทำให้ประชาชนประจักษ์ว่าที่เขาสงสัยกันอยู่ ว่าทำไมเราถึงพูดว่าปิดสวิตช์ ส.ว.มันจำเป็นแค่ไหน ขอฝากขอบคุณไปเลย เราหาเสียงเหนื่อยแบบนี้ มี ส.ว.ช่วยหาเสียง ขอขอบคุณมาก ๆ ส่วนกรณีที่มองว่าตนเองอ่อนประสบการณ์นั้น ตอนที่ตนอยู่ในด้านธุรกิจได้ไปหลายที่ ซึ่งคนอายุน้อยกว่าตนเองเป็นเจ้าของธุรกิจและเก่งมากๆ แม้ตนไม่ได้เก่งที่สุดแต่มีทีมที่เก่งที่สุด ดังนั้นการคอมเมนต์เรื่องอายุ เป็นคอมเมนต์ที่เชยแล้ว ถ้าเรายังพูดแบบนี้เป็นความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ หันไปดูทั่วโลกว่าเกิดอะไรบ้าง ผู้นำแต่ละที่อายุเท่าไรกันบ้าง ไม่ใช่แค่ผู้นำทางการเมืองแต่ผู้นำบริษัททั้งในและต่างประเทศก็มีเด็กเก่ง ๆ อยู่มาก 

“อย่าคอมเมนต์แบบนี้อีกเลย มันเป็นคอมเมนต์ที่ไม่สร้างสรรค์และแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะ” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่าถ้าประชาชนสนับสนุนพร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ถ้าประชาชนเลือก ก็แน่นอน ต้องสู้เต็มที่อยู่แล้ว เพราะอิ๊งค์มีทีมและนโยบายพรรค พท.ที่ทำกันอย่างเข้มข้น อันนี้มันต้องเคารพเสียงของประชาชนอยู่แล้ว”

เมื่อถามย้ำอีกว่าหมายความว่าคือพร้อมเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนรู้สึกเขิน พอพูดแบบนี้ก็รู้สึกว่า เรายังไม่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ 

เมื่อถามว่าความคิดเห็นของ ส.ว.ออกมาแบบนี้ ยิ่งต้องตอกย้ำให้ ส.ว.เห็นว่าเราพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อันนี้คือสิ่งที่ทำให้ตนมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แต่ตนไม่ขอท้าทายกับดราม่าทางการเมืองแบบนี้ ตนขอท้าท้ายด้วยเสียงและสิทธิของประชาชน ไม่จำเป็นต้องเลือกอิ๊งค์เป็นนายกฯ อิ๊งค์จะเป็นแคนดิเดตหรือเปล่า ตอนนี้ชื่อยังไม่ออกเต็มที่ แต่เคารพเสียงของประชาชนด้วย ที่คุณบอกว่าคุณเคารพเสียงประชาชน คุณเคารพเสียงของเขาหรือเปล่า

‘ส.ว.อุปกิต’ ฟ้อง!! ‘โรม’ ปมอภิปรายหมิ่น เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

(17 ก.พ. 66) ที่ศาลอาญา รัชดา นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยื่นฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ข้อหาหมิ่นประมาทเนื่องจากในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ในช่วงดึกของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายรังสิมันต์ ได้อภิปรายในหัวข้อ ‘เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา’ โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทนายอุปกิต

'ลุงป้อม' เตรียมลุย 'เมืองจันทร์-ตราด' 20 ก.พ.นี้ เยี่ยมชมวิสาหกิจ-ตรวจโครงการแก้มลิงหนองฉุงใหญ่

(17 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริหารจัดการน้ำ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันที่ 20 ก.พ.นี้ มีกำหนดลงพื้นที่ปฎิบัติราชการที่จังหวัดจันทบุรี โดยช่วงเช้าเดินทางไปตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนา ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

จากนั้นเป็นประธาน เปิดงาน 'บจธ. มอบสิทธิ มอบสุขในที่ดินทำกิน' มอบป้ายสัญลักษณ์สิทธิในที่ดินให้แก่ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนฯ จำนวน 10 คน และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ให้กับผู้แทนประชาชน จำนวน 5 คน และเยี่ยมชมร้านค้าจำหน่ายผลผลิตเกษตรในพื้นที่ และชมแปลงเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top