(21 ก.พ. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล หัวข้อ
['แลนด์สไลด์' ที่พรรคก้าวไกลแก้ไม่ออก] โดยมีรายละเอียดดังนี้
ประชาชนจำนวนมากต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หากสังเกตจากผลการสำรวจความคิดเห็นหรือการรับรู้พูดคุยในกลุ่มแวดวงต่าง ๆ เชื่อได้ว่า ร้อยละ 60 อยากเปลี่ยนรัฐบาล และจะใช้การเลือกตั้งในปี 2566 นี้เป็นเครื่องมือสำคัญ
การรณรงค์ให้ลงคะแนนแบบยุทธศาสตร์ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ กำลังเป็นที่แพร่หลายและได้การยอมรับไปทั่ว
หากดูผลสำรวจความคิดเห็น ก็จะพบว่า คะแนนของพรรคเพื่อไทยและคุณแพทองธารสูงมาก ทั้งในภาพรวมทั่วประเทศ และในทุกพื้นที่ แม้กระทั่งภาคใต้
สำหรับพรรคก้าวไกลเอง คะแนนนิยมอยู่นิ่งอยู่กับที่มาปีเศษแล้ว ผู้อำนวยการนิด้าโพล ได้วิเคราะห์ไว้ในรายการหนึ่งว่า คะแนนของพรรคก้าวไกล เป็น 'น้ำเต็มแก้ว' ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์ใด เวลาผ่านไปนานเท่าไร คะแนนก็จะอยู่เท่านี้ เรียกได้ว่า คะแนนจากผลสำรวจที่พรรคก้าวไกลได้รับนั้น คือ 'แฟนพันธุ์แท้'
หากพรรคก้าวไกลต้องการคะแนนมากกว่านี้ ต้องการมี ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้มากกว่านี้ จำเป็นต้องแสวงหาคะแนนจากกลุ่มผู้ที่ไม่ตัดสินใจ หรือกลุ่มที่ตัดสินใจเลือกพรรคอื่น จะได้คะแนนส่วนนี้เพิ่มมาได้ พรรคก้าวไกลต้องแก้ปมปัญหาเรื่อง 'แลนด์สไลด์'
คนจำนวนมากที่เป็น 'แฟนพันธุ์แท้' พรรคเพื่อไทย ย่อมลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ แต่มีคนอีกจำนวนมากที่รักเพื่อไทย แต่ก็เห็นประโยชน์ของการมีพรรคแบบก้าวไกล
คนจำนวนมากที่รักทั้งสองพรรค
คนจำนวนมากที่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำ แต่คิดว่าเป็นการต่อสู้ระยะยาว
หรือคนจำนวนมากชอบพรรคก้าวไกล แต่ไม่คิดว่าจะชนะได้ในเขตเลือกตั้ง ไม่คิดว่าจะชนะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้
คนเหล่านี้ อาจเลือก ส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทย และแบ่งมาลงคะแนนบัญชีรายชื่อให้พรรคก้าวไกล ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากความคิดเรื่อง 'แลนด์สไลด์'
ด้วยระบบเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 400 บ้ญชี 100 ทำให้คะแนนแบบแบ่งเขตของผู้ที่ไม่ได้ลำดับที่ 1 ถูกทิ้งน้ำไปหมด ไม่เหมือนตอนปี 62 ที่ยังนำมาคำนวณเป็น ส.ส.ทั่วประเทศ
และด้วยความคิดที่ว่า หากเพื่อไทยกับก้าวไกลแข่งกันเองในเขตเลือกตั้ง อาจทำให้แพ้ทั้งคู่ จนพรรคประยุทธ์ หรือพรรคอื่นที่อยู่อีกขั้ว ชนะไป ดังปรากฏให้เห็นหลายเขตในการเลือกตั้งปี 62 ประกอบกับ 'สวิทช์ สว 250' คนยังทำงานออกฤทธิ์ได้อีก
ทั้งหมดนี้ ทำให้ประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาลเลือกที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยสองใบ หรือเลือกพรรคเพื่อไทยในแบบเขต เลือกพรรคก้าวไกลแบบบัญชีรายชื่อ
หากสถานการณ์และอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ยังเป็นเช่นนี้ ไปจนถึงวันลงคะแนน พรรคก้าวไกลก็จะได้ ส.ส.เขตน้อยมาก และได้ 'ส่วนแบ่ง' จากบัญชีรายชื่อมา รวมยอด ส.ส. ทั้งหมด คงไปไม่เกิน 30
หากพรรคก้าวไกลไม่คิดอะไรมาก ได้เท่าไร ก็เท่านั้น รอบนี้ ขอ 'เกาะพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล' ไว้ก่อน พรรคก้าวไกลก็ไม่ต้องแก้ไขอะไร ไม่ต้องคิดยุทธวิธีใหม่ ประคองตัวไปจนจบเลือกตั้ง และถ้าไม่มีสัญญาณแปลกๆใดมาขัดขวาง หรือรวมเสียงฝ่ายค้านเดิมเพียงพอ พี่ใหญ่” ก็อาจเมตตาชวน 'น้องเล็ก' ไปร่วมรัฐบาล แบ่ง รมต ให้สัก 2-3 ที่
แต่ถ้าพรรคก้าวไกลยังคงต้องการเสียงมากกว่านี้ จำนวน ส.ส.มากกว่านี้ พิสูจน์ตนเองว่าแนวคิดแนวทางที่ทำกันมาตั้งแต่อนาคตใหม่ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ประชาชนเห็นด้วยมาก พรรคก้าวไกลก็ต้องคิดแก้ปมปัญหา 'แลนด์สไลด์' ให้ได้
หนึ่ง ทำให้คนจำนวนมากเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสชนะในเขตเลือกตั้งสูง ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะเข้าที่ 1 ไม่ใช่เข้าที่ 2 หรือที่ 3 หากทำให้คนจำนวนมากเชื่อได้ คนก็จะมาเลือก เพราะ คะแนนนี้ไม่ทิ้งน้ำ ไม่เปล่าประโยชน์ แต่จะทำให้พรรคก้าวไกลชนะ ส.ส.เขต