Saturday, 10 May 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กป้อม’ แจง จนท.ดูแลเรียบร้อย หลังมาเลฯผลักคนขาดวีซ่าเข้าประเทศ พร้อมมาตรการโควิด “เผย”รับทราบ ส.ส. สุโขทัยติดโควิดหลังร่วมงานเดียวกับสมศักดิ์

วันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคนไทยเดินทางกลับไทยหลังมาเลเซียขีดเส้นตายให้คนที่วีซ่าขาดออกจากประเทศก่อน วันที่ 21 เมษายน ว่า ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลเรียบร้อยแล้วร่วมทั้งได้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนด ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลได้มีการคุมเข้มผู้กระทำความผิดลักลอบเข้าเมืองอยู่แล้ว 

ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามได้รับทราบรายงานแล้วว่านายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ ติดเชื้อโควิด-19 หลังร่วมงานเดียวกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งคนป่วยเขาต้องดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข และคงไม่ต้องกำชับส.ส. เพราะเขารู้ตัวกันอยู่แล้ว เป็นถึง ส.ส.ก็ต้องดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ออกข้อกำหนดมา ทุกคนก็ระมัดระวังตัวเองอยู่แล้ว

"ศรีสุวรรณ" ยื่นผู้ตรวจฯ ชงส่งศาลปกครองปมอัยการไม่ฟ้อง"ธนาธร" คดีถือหุ้นสื่อชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจฯ กรณีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญามีคำสั่งไม่ฟ้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพื่อขอให้เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นไปยังศาลปกครองว่าการที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญามีคำสั่งไม่ฟ้องนายธนาธร ถือว่าเป็นคำสั่งหรือการกระทำอื่นใดของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เป็นคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา231(2) ประกอบ มาตรา230(2) 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยในคำวินิจฉัยที่ 14/2562 แล้วว่า นายธนาธร เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนอยู่ในวันที่ 6 ก.พ.62 ซึ่งเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้นายธนาธรใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา98(3) ทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายธนาธรสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มสตรา101(6) ประกอบ มาตรา98(3) ย่อมเห็นได้ว่าน่าจะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 มาตรา151 โดยชัดแจ้ง

ซึ่งเมื่อ กกต.ได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีแก่นายธนาธรตามบทบัญญัติของ มาตรา151 ดังกล่าวแล้ว พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วมีความเห็นให้สั่งฟ้องนายธนาธร และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพร้อมนำตัวนายธนาธรไปส่งให้พนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.64 ต่อมาพนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งว่า จะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องในวันที่ 19 ก.พ.64 แต่เมื่อถึงวันนัดได้เลื่อนนัดมาฟังคำสั่งในวันที่ 22 เม.ย.64 ที่ผ่านมา โดยปรากฎว่า โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทราบมาว่า “คดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญามีคำสั่งไม่ฟ้องนายธนาธร”

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่สำนักงานคดีอาญามีคำสั่งไม่ฟ้องนายธนาธรดังกล่าวอาจขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ2560 มาตรา 211 วรรคสี่ ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ

สภาฯระดม ทำความสะอาดห้องนักข่าว-ห้องแถลงข่าว ป้องกันโควิด-19 หลังพบ จนท.ฝั่งส.ว.ติดเชื้อ 1 ราย ขณะร่วมงานโครงการ "Senate Food ส.ว.มาแล้ว"

เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักรักษาความปลอดภัย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้นำพนักงานทำความสะอาดจำนวนหนึ่งมาดำเนินการทำความสะอาด โดยมีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และน้ำยาทำความสะอาดบนพื้น โต๊ะ เก้าอี้ ประตู โพเดียมแถลงข่าวภายในห้องทำงานของสื่อมวลชนประจำรัฐสภา และห้องแถลงข่าว บริเวณชั้น 1 อาคารรัฐสภา เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงมากขึ้นในขณะนี้

รวมถึงเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมามีสื่อมวลชนและช่างภาพบางส่วนไปร่วมทำข่าวโครงการจิตอาสาเพื่อสังคมของวุฒิสภา ขับรถจักรยานยนต์ส่งอาหารในโครงการ "Senate Food ส.ว.มาแล้ว" เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งมีสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)และบุคลากรสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก โดยทราบต่อมาภายหลังว่ามีพนักงานทำความสะอาดเพศชาย ที่ทำงานฝั่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภามาร่วมกิจกรรมโครงการจิตอาสาเพื่อสังคมของวุฒิสภาในการขับรถจักรยานยนต์ส่งอาหาร ติดเชื้อโควิด -19 จำนวน 1 ราย

"แรมโบ้" ขอ "หมอชลน่าน" อย่าเอาข้อมูลเท็จมาโจมตีนายกฯ สร้างความเข้าใจผิด ยัน! บิ๊กตู่ ไม่เอาความเดือดร้อนของประชาชนมาเกี่ยวข้องกับการเมือง มีแต่ฝ่ายค้านที่ทำกับประชาชนได้ลงคอ

เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย บอกว่าระบอบประยุทธ์ ทำลายระบบสาธารณสุขไทย พร้อมเรียกร้องให้ชี้แจงใครกั๊กวัคซีน 1.4 แสนโดส ว่า แค่ตัวเลขก็ไม่ตรง ไม่รู้ว่าเจตนาบิดเบือนทำหายไปเอง 2 แสนโดส หรือว่าไม่ติดตามข่าวสาร จนตกข่าว แล้วมาใส่ร้ายรัฐบาล เรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ศบค.มีการชี้แจงไปแล้ว ว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็ม 1 และ 2 ในพื้นที่ 77 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.- วันที่ 21 เม.ย. 64 ฉีดแล้ว 864,840 โดส แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 746,617 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 118,223 ราย และเมื่อวันที่ 21  เม.ย.วันเดียวฉีดได้กว่า 152,230 โดส ที่สำคัญถ้า นพ.ชลน่าน ยังมีความรู้ จิตวิญญาณความเป็นหมอหลงเหลืออยู่ ก็ควรจะรู้ว่าหมอและพยาบาลกำลังทุ่มเทอย่างหนักในการรักษาผู้ป่วยและดูแลผู้เสี่ยงติดเชื้อจากคลัสเตอร์ช่วงก่อนสงกรานต์ รวมทั้งยังต้องเร่งตรวจเชิงรุกและควบคุมการแพร่ระบาดอยู่ ควรเห็นใจและให้กำลังใจเพื่อนวิชาชีพเดิมของตนด้วย 

นายเสกสกล กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าเจรจาและหารือกับบริษัทผลิตวัคซีนอีกหลายยี่ห้อ ทั้งเรื่องราคาและเงื่อนไข โดยร่วมกับภาคเอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก ประมาณ 35 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีวัคซีนเพื่อคนไทย 100 ล้านโดส ภายในปลายปี 2564 นี้ อีกด้วย

“ที่หมอชลน่านบอกว่าระบอบประยุทธ์ทำลายระบบสาธารณสุขของไทยนั้น ผมไม่เห็นว่ามีอะไรที่เป็นระบอบดังกล่าว อย่าพยายามประดิษฐ์วาทกรรมสร้างความแตกแยก สิ่งที่หมอชลน่านพูดน่าจะหมายถึง หลักคิดในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เน้นการป้องกัน สมเหตุสมผล มีวิสัยทัศน์ และบูรณาการพลังทางสังคม ซึ่งนำมาสู่ความสำเร็จถึงสองครั้งในการรับมือและแก้ปัญหาวิกฤตโควิด จนเป็นที่ยอมรับของนานาขาติ และองค์กรระดับโลก อย่างองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การสหประชาชาติ (UN) ที่ชื่นชมและยกให้แนวทางการรับมือและแก้ไขปัญหาโควิดของไทยเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาคมโลก แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าระบอบประยุทธ์ ส่วนที่หมอชลน่านพูดน่าจะเป็นคำชมมากกว่า ขอร้องหมอชลน่านอย่า ปั้นน้ำเป็นตัว เอาข้อมูลผิดเพี้ยน มาโจมตีการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล กล่าวหานายกฯ หรือสร้างความสับสนให้กับประชาชน ขอให้รอดูสถาการณ์ก่อน ไม่ใช่พอมีวิกฤตขึ้นมาพรรคเพื่อไทย ฝ่ายค้านก็เรียงหน้าออกมากล่าวหา โจมตีนายกฯทันที แบบนี้น่าจะเรียกฝ่ายแค้น ไม่ให้โอกาสนายกฯ และเจ้าหน้าที่ได้ทำงานเลย ออกมาโจมตีรายวันอย่างไร้ข้อเท็จจริง เกรงว่าจะเป็นการบั่นทอนขวัญและกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ทำงานอย่างหนักในการช่วยประชาชน อย่างทุ่มเทและเสียสละ”นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า การนำงบประมาณแจกจ่ายให้กับประชาชนนั้นก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ขออย่ามองเป็นเรื่องทางการเมืองเพื่อหาคะแนนเสียง เพราะนายกฯไม่เอาความเดือดร้อนของประชาชนมาเกี่ยวข้องกับการเมือง เรื่องแบบนี้มีแต่พรรคฝ่ายค้านเท่านั้นที่ทำกับประชาชนได้ลงคอ ที่สำคัญยามคับขันเช่นนี้ ประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ ไม่ต้องการคนพูดพล่าม ประเทศชาติต้องการบัณฑิต ไม่ใช่จระเข้ขวางคลอง หมอชลน่านเป็นหมอ อย่าทำตัวเป็นคนหัวหมอดีกว่า เดี๋ยวประชาชนจะเรียกว่า"หัวหมอชลน่าน"และจะถูกคนตำหนิติเตียนให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้

“บิ๊กตู่” กำชับ ทุกหน่วยดูแลคนไทย ออกจากมาเลเซีย สั่งคุมเข้มช่องทางธรรมชาติ สกัดโควิด ลั่น พร้อมช่วยทุกคนกลับบ้าน วอนอย่าลักลอบข้ามแดน

เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ห่วงใยคนไทยที่พำนักในประเทศมาเลเซียเกินกำหนด และทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)มาเลเซีย กำหนดให้ วันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายที่ชาวต่างชาติจะได้รับการผ่อนปรนไม่ถูกดำเนินคดี ทจึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลืออำนวยความสะดวกคนไทยให้ทุกคนได้กลับบ้าน ขอให้สบายใจและอย่าลักลอบเข้าทางช่องทางธรรมชาติ เพราะอาจนำไปสู่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในวงกว้าง 

สำหรับด่านพรมแดนทางบก เปิดให้คนไทยเดินทางเข้าประเทศทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ โดยมีโควต้าจำนวนผู้ลงทะเบียนกลับ ขณะนี้ยังมีที่ว่างเพียงพอ และในช่วงปีที่ผ่านมามีคนไทยเดินทางกลับจากมาเลเซีย ทั้งที่ถูกและไม่ถูกกฏหมายจำนวนมาก ผู้เดินทางทุกคนได้รับการตรวจคัดกรองโควิด19 และกักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ หากรายใดมีอาการผิดปกติจะถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลทันทีและทำการตรวจหาเชื้อ และการจัดหาเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด19 ทั้งเตียงในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และสถานพยาบาลที่เป็นโรงแรม ในจังหวัดชายแดนใต้ มีประมาณ 2,000 เตียง 

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เพิ่มกำลังพลลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เสริมกำลังตามด่านตรวจจุดตรวจ เส้นทางหลัก เส้นทางรอง บูรณาการการปฎิบัติงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ตลอดจนอาสาสมัครประจำถิ่นและผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เครือข่าย อสม. เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ

นางสาวรัชดา กล่าวว่า สถานทูตไทยในมาเลเซีย ขอให้คนไทยที่พำนักเกินกำหนด ตั้งแต่วันที่1ม.ค.2563 และยังไม่เดินทางออกจากมาเลเซีย รีบลงทะเบียนเดินทางกลับที่เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศโดยเร็วที่สุด (http://dcaregistration.mfa.go.th) และนำใบรับรองการเดินทางจากสถานทูตฯ ไปติดต่อตม. มาเลเซียโดยเร็ว เพื่อขอ special pass นำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ด่านพรมแดนในการขอเดินทางออกจากมาเลเซีย ส่วนจะมีค่าปรับด้วยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ที่จะพิจารณาจากเหตุผลที่ยังไม่เดินทางกลับ 

ส่วนคนไทยที่พำนักเกินกำหนด ก่อนวันที่ 1 ม.ค.2563 หรือก่อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะไม่ได้รับการยกเว้นโทษในฐานะคนตกค้าง เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด19 กฎหมายมาเลเซียได้กำหนดโทษปรับไม่เกิน 10,000 ริงกิต หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนั้น คนไทยที่เข้าข่ายนี้ทางสถานทูตฯแนะนำให้เข้าร่วมโครงการ Recalibration Program (Repatriation) โดยทำนัดหมายกับตม. มาเลเซีย เพื่อชำระค่าปรับ 500 ริงกิต และจะได้รับ special pass เพื่อใช้เดินทางกลับไทย และจะไม่ถูกจับกุมดำเนินคดี ยกเว้นรัฐซาบาห์ รัฐซาราวัก และเขตปกครองพิเศษลาบวน ซึ่งจะประกาศรายละเอียดโครงการต่างหาก ทั้งนี้ จะต้องเดินทางออกจากมาเลเซียภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 และควรนัดหมายกับตม. มาเลเซียเพื่อไปชำระค่าปรับแต่โดยเร็วเนื่องจากคิวการนัดหมายมีจำนวนจำกัดในแต่ละวัน

“จุรินทร์” เชื่อโควิด-19 ไม่กระทบแก้ รธน. ขี้เป็นสัญญาณดีมี ส.ว.ส่วนหนึ่งหนุนแก้ม.272 ตัดอำนาจสภาสูงโหวตเลือกนายกฯ

เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความพยายามดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ว่า  ที่จริง การพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะเริ่มขึ้นได้ต่อเมื่อเปิดการประชุมสภาสมัยสามัญแล้ว แต่ในระหว่างนี้เป็นช่วงการเตรียมการสำหรับการยกร่างและการหารือกับตัวแทนของพรรคร่วมรัฐบาลที่สนใจจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ในการยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาที่มีความคิดเห็นในเบื้องต้นคล้ายคลึงกับพรรคประชาธิปัตย์ ช่วงนี้ก็จะได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว 6 ฉบับ และจะนำไปพิจารณาร่วมกับทั้งสองพรรค ทั้งนี้ตนคิดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่ถึงขั้นที่จะส่งผลกระทบกับการเดินหน้าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถึงอย่างไรจะต้องรอการพิจารณาเมื่อเปิดการประชุมสภาสมัยสามัญ

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า  นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่ดีจากกรณีที่มี ส.ว.จำนวนหนึ่งที่แสดงความเห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ในเรื่องที่จะให้ส.ว.มีหน้าที่เฉพาะการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ไม่จำเป็นต้องมีอำนาจในการร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีควรเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เท่านั้นมากกว่า ถ้า ส.ว.จำนวนหนึ่งเห็นด้วยกับการแก้มาตรา 272 ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และเป็นสัญญาณที่ดี แสดงให้เห็นว่าส่วนหนึ่งก็มีความเห็นใกล้เคียงกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่จะร่วมเสนอกันต่อไปในอนาคต

เมื่อถามว่าสัญญาณที่ดีดังกล่าวจะทำให้การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นหรือไม่  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  ก็เป็นไปได้ เพราะการจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ นอกจากจะต้องใช้เสียงสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วมรัฐสภา คือ ส.ส.และ ส.ว. รวมกันแล้ว ในส่วนตรงนั้นต้องมีเสียงส.ว.ไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3  และต้องมีเสียง ส.ส.ฝ่ายค้านจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 มาประกอบด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเราได้เสียงส.ว.จำนวนเกินกว่า 1 ใน 3 เห็นชอบด้วย ก็จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญประสบผลสำเร็จได้

‘อนุทิน’ เผยผลเจรจา ‘ผู้แทนไฟเซอร์ สำเร็จด้วยดี ได้โควตา 10 ล้านโดส แต่ไม่กำหนดเวลาส่งมอบ ด้านกระทรวงสาธารณสุขยันพร้อมแก้ไขระเบียบให้จัดซื้อเร็วขึ้น แม้ไม่ลงทะเบียนก็ตาม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก อนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า ได้พบผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ เจรจาจัดซื้อวัคซีนให้ประชาชน ผู้แทนบริษัทฯ แจ้งว่าพร้อมจัดหาวัคซีนให้ประเทศไทย จำนวน 10 ล้านโดส แต่ยังไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่ชัดได้

จึงขอให้บริษัทฯ รีบจัดทำกำหนดการส่งมอบโดยด่วน พร้อมทั้งราคา และเงื่อนไขต่าง ๆ โดยละเอียด เพื่อประกอบการพิจารณาจัดซื้อของกระทรวงสาธารณสุข

ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าพร้อมจะปรับแก้กฎระเบียบต่าง ๆ ให้จัดซื้อได้เร็วขึ้น แม้จะยังไม่มาขึ้นทะเบียน ก็สามารถซื้อได้ด้วยการใช้กฎหมายพิเศษจัดซื้อวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การเจรจาครั้งแรกกับผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ เป็นไปด้วยดี และคาดว่าบริษัทจะจัดหาวัคซีน ให้ประเทศไทยได้โดยเร็ว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม รัสเซีย ตอบรับเจรจานำเข้าวัคซีน ‘สปุ๊ตนิค วี (Sputnik V) แล้ว หลังสั่งการให้กระทรวงต่างประเทศเจรจาขอซื้อตรงกับรัฐบาลรัสเซีย พร้อมมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขนัดหารือบริษัทตัวแทนเร่งด่วน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยระบุว่า ตามที่ได้สั่งการกระทรวงการต่างประเทศ เจรจาหารือกับรัฐบาลรัสเซียโดยตรง เรื่องวัคซีนสปุตนิค วี (Sputnik V) ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) เพิ่มมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศได้รับคำตอบจากรัสเซียว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย ยินดีให้การสนับสนุนรัฐบาลไทยในเรื่องดังกล่าว เนื่องด้วยไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลปัจจุบัน

"ผมจึงได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการต่อไปให้เป็นรูปธรรม และได้รับทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการ ตามสั่งการแล้วโดยได้นัดบริษัทตัวแทนสปุตนิคในไทย มาหารืออย่างเร่งด่วนแล้วครับ" นายกฯ กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘พรรคกล้า’ ออกแถลงการณ์ 3 ข้อเสนอถึงรัฐบาลไทย แสดงท่าทีในเวทีสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดพิเศษ

‘พรรคกล้า’ ออกแถลงการณ์ 3 ข้อเสนอถึงรัฐบาลไทย แสดงท่าทีในเวทีสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดพิเศษ “ชี้ความรุนแรงในเมียนมา กระทบชายแดนไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมิติความมั่นคง-การจัดการโควิด19”, “ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในเมียนมา เสี่ยงต่างชาติแทรกแซง”, “เสนอ รัฐบาลทหารเมียนมา-รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ใช้อาเซียนเป็นตัวกลาง หาทางออกด้วยวิธีทางการเมือง"

พรรคกล้า ออกแถลงการณ์ข้อเสนอถึง “รัฐบาลไทย” ต่อ “การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดพิเศษ” ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 เมษายนนี้ ที่สำนักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีเนื้อหาว่าการรัฐประหารในประเทศเมียนมา (1 ก.พ. 2564) มาถึงวันนี้ผ่านมาเป็นระยะเวลา 2 เดือนเศษ เกิดเหตุการใช้ความรุนแรง และมีแนวโน้มที่จะบานปลายไปสู่การสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่รวมตัวกันเป็นรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ

แม้เหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นการเมืองภายในประเทศเมียนมา แต่ด้วยประเทศไทยมีเขตแดนติดกับประเทศเมียนมาถึง 2,401 กิโลเมตร มีจุดผ่านแดน 16 จุด ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายคนตามแนวชายแดน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ รัฐบาลไทยจึงควรต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดพิเศษ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 เมษายนนี้

1.) รัฐบาลไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ต้องชี้ให้เห็นว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ไม่ได้เป็นปัญหาความมั่นคงภายในประเทศเท่านั้น แต่จะส่งผลให้เกิดการอพยพย้ายถิ่น หนีร้อนมาพึ่งเย็นประเทศเพื่อนบ้าน เกิดเป็นภาระและความเสี่ยง ทั้งด้านความมั่นคงและการจัดการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยรวมถึงทุกประเทศในอาเซียนกำลังเผชิญอยู่ และไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

2.) รัฐบาลไทยควรแสดงท่าทีอย่างแข็งขัน ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน และชี้ให้เห็นว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาหรือการรักษาความมั่นคงภายใน รังแต่จะทำให้เกิดความไม่สงบมากขึ้น นำไปสู่การสู้รบกลางเมือง หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น เสี่ยงต่อการแทรกแซงจากต่างชาติ อันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงโดยรวมในภูมิภาคอาเซียนไปด้วย

3.) เสนอให้ รัฐบาลทหารเมียนมา กับ กลุ่มชาติพันธุ์ที่รวมตัวกันในนามรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ใช้วิธีทางการเมือง หารือเพื่อหาทางออกร่วมกันโดยสันติ โดย ASEAN ต้องพร้อมทำหน้าที่เป็นกรรมการตัวกลาง

คาดหวังว่ารัฐบาลไทย จะแสดงท่าทีชัดเจน แสดงบทบาทความเป็นผู้นำในภูมิภาค กำหนดท่าทีร่วมกันกับผู้นำชาติอาเซียนอื่น ๆ เพื่อนำมาสู่การสร้างสันติสุขกลับมาสู่ประเทศเมียนมา และรักษาความมั่นคงของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

“บิ๊กตู่” สั่งด่วน แก้ระบบรับ-ส่ง ผู้ป่วยโควิด ย้ำให้รวดเร็ว พร้อมบูรณาการฐานข้อมูลเป็นระบบ

เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2564 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รับทราบปัญหาการรับส่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม สถานพยาบาลที่เป็นโรงแรม (Hospitel) ทั้งจากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข และได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรงรวมถึงจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจและได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เร่งประสานบูรณาการส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์โดยเร็ว ในกรณีที่อยู่ในระว่างรอรับตัวต้องแจ้งแนวทางปฏิบัติของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้ทราบอย่างชัดแจน

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า นายกฯรัฐมนตรี กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานบูรณาการข้อมูลกันอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็น สถานพยาบาลที่ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งภาครัฐและเอกชน สถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ให้แก้ไขปัญหาสายด่วนในการจัดหาเตียง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทราบว่าบุคลากรไม่เพียงพอ จึงได้แก้ไขปัญหาเป็นการด่วนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน นอกจากนั้นสั่งการให้กระทรวงกลาโหม นำยานพานะในกองทัพ ช่วยในการขนส่งผู้ป่วยด้วย เพื่อให้การนำส่งผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า นายกฯ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยรัฐบาลระดมทุกสรรพกําลังในการแก้ไขสถานการณ์การระบาดในครั้งนี้จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันระมัดระวังตนเอง หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็น เว้นระยะห่างทางสังคม สวมใส่หน้ากากอนามัย ตรวจสอบตนเองอย่างสม่ำเสมอ เชื่อว่าประเทศไทยจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้โดยเร็ว เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top