Friday, 9 May 2025
POLITICS NEWS

"เต้" ไล่ "บิ๊กตู่" อยู่บ้านเถอะ เชียร์ "จุรินทร์" นั่งรักษาการนายกฯ คุมงานแทน พูดช้าแต่ชัวร์ ดีกว่าพูดไวแล้วพลาด ส่วน "หมอหนู" ให้เป็นที่ปรึกษา

ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศิวิไลซ์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า การสั่งปิดมีผลให้แคมป์คนงานกว่า 400 แคมป์กระจายไปยังต่างจังหวัดทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มีแรงงานเดินทางออกต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสานเป็นจำนวนมาก การดำเนินงานของพล.อ.ประยุทธ์อาจเป็นความหวังดีก็จริง แต่ความจริงแล้วเป็นความหวังร้าย เพราะเราสามารถส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปตรวจเชิงรุกในแต่ละแคมป์ได้ โดยที่ยังไม่ต้องประกาศปิดแคมป์ 

ซึ่งบางคนที่กลับต่างจังหวัดไปอาจเป็นผู้ติดเชื้อหรือเป็นผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการ เมื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวก็อาจจะทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้น การดำเนินการของพล.อ.ประยุทธ์อาจเป็นความหวังดี แต่คิดไม่รอบคอบไม่รอบด้าน เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจถูก ครม.จะมีมติยกเลิกวันหยุดต่อเนื่องกันในวันที่ 27 ก.ค.ทำไม การตัดสินใจผิดพลาดครั้งนี้จะส่งผลในอีก 14-20 วันข้างหน้า เราจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้น

“หากเรามีผู้นำประเทศที่ฉลาดและตัดสินใจรอบคอบปัญหาจะเกิดขึ้นน้อยลง แต่หากเรามีผู้นำประเทศที่มีพื้นที่ความฉลาดน้อยแต่ขยันก็จะทำให้ประเทศชาติและประชาชนฉิบหาย เหมือนยามรบทัพจับศึก มีแม่ทัพเป็นบ้า ก็จะให้รองแม่ทัพจับและสั่งตัดหัว เพราะจะได้ไม่เสียหายและไม่กระทบต่อภาพรวม” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงขอเสนอให้นายกรัฐมนตรีพักอยู่ที่บ้านไม่ต้องสั่งการอะไร และให้รองนายกเป็นผู้สั่งการแทน โดยมอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะเป็นผู้ที่พูดน้อย ไม่พูดเร็ว สุขุม ไตร่ตรองคิดก่อนพูด ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ทำงานมา 16 เดือน เหนื่อยแล้วให้มาเป็นที่ปรึกษานายจุรินทร์ก็ได้ และให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงกลาโหมและแนวตะเข็บชายแดนแทน

“บิ๊กตู่” ยกเลิกหยุดยาว หวั่นคน แห่กลับบ้านซ้ำรอยสงกรานต์ เร่งหาแนวทางช่วยเหลือคนกลางคืน ลั่น จะพูดน้อยลง พร้อมเล็งเชิญนักวอลเลย์ฯ มาพบที่ทำเนียบฯ  ด้าน “สุพัฒนพงษ์” แจงความพร้อม “ภูเก็ตแซนด์บ็อก” ดีถึงดีมาก

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะถูกโซเชียลมีเดียรุมถล่มจากเรื่องบริหารจัดการแก้ไขโควิด-19 แต่ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดแต่อย่างใด ในช่วงต้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งเรื่องที่ได้ไทยได้อันดับ 1 ของอาเซียน 3 ปีซ้อน ในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน และพูดตอนหนึ่งว่าอยากให้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ เพราะเหมาะสมกับช่วงเวลานี้ 

จากนั้นเมื่อเข้าสู่วาระการประชุม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กางปฏิทินวันหยุดประจำปี ซึ่งเดิมครม. เคยกำหนดให้วันอังคารที่ 27 ก.ค.2564 เป็นวันหยุดพิเศษต่อเนื่อง เพื่อจะให้หยุดยาวตั้งแต่วันที่ 24-28 ก.ค.พร้อมกับหารือที่ประชุมว่าจะยังให้หยุดยาวหรือให้ยกเลิกไป ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุนให้ยกเลิก เพื่อเป็นการหยุดยั้งการเคลื่อนย้าย เกรงว่าจะซ้ำรอยเทศสงกรานต์ที่มีประชากรกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก นอกจากนี้ มีอยู่ช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ชื่นชมผลงานของกระทรวงพาณิชย์ ที่พบว่าการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี และภาคเกษตรก็ยังขยายตัว

ในที่ประชุมครม.พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดถึงโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย หรือเดลต้า ว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนให้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถป้องกันสายพันธุ์ดังกล่าวได้ และช่วงนี้อยากให้ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะฉีดดีกว่าไม่ฉีด รักษาได้ ไม่เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังพูดถึงการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดฉบับที่ 25 รวมถึงกรณีกลุ่มคนทำงานกลางคืนในสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ อะโกโก้ อาบ อบ นวด ที่มาทำกิจกรรมนำรองเท้าส้นสูงและชุดบิกินีมาเป็นสัญลักษณ์หน้าทำเนียบฯ  เพื่อร้องเรียนขอให้รัฐบาลช่วยเยียวเดือนละ 5,000 บาทนั้น ว่าเราต้องช่วยเหลือและรับฟังเขา ต้องเข้าใจความเดือดร้อนทุกฝ่าย เดี๋ยวหาแนวทางช่วยเขา ยืนยันว่าจะช่วยเหลือทุกกลุ่ม รวมถึงยังได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดูแลว่าธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างไรและจะช่วยเหลืออย่างไร พร้อมกันนี้ ยังกำชับทุกหน่วยงานถึงมาตรการที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนว่าอย่าให้เกิดการทุจริต และเวลาแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ อยากให้แต่งตั้งคนรุ่นใหม่เข้ามาบ้าง ไม่ใช่วนกันไปกันมาอยู่แค่นี้ 

พล.อ.ประยุทธ์ ยังพูดถึงมาตรการปิดแคมป์ที่มีคนบางส่วนออกมาแสดงความเห็นว่าหากปิดแคมป์ 1 เดือน จะทำให้เกิดความเสียหาย 1 หมื่นล้านบาท โดยนายกฯ ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปตอบชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพราะตนเองพยายามจะพูดให้น้อยๆ ทั้งนี้ ในที่ประชุม ครม. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้รายงานผลการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อไปติดตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. โดยนายสุพัฒนพงษ์ถึงขั้นยืนยันว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี มีความพร้อมมาก จากการไปตรวจทั้งทางบก น้ำ อากาศ มีความพร้อมทุกด้าน โรงแรมก็ดี มีมาตรฐาน SHA+ ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ทั้งยังได้รับการจัดสรรวัคซีนฉีดให้กับคนในพื้นที่กว่า 50-70% ต้องยอมรับว่าความพร้อมอยู่ในขั้นดีถึงดีมาก เราต้องเปิดประเทศให้สำเร็จจริงๆ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันทำงาน

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ชื่นชมนักกีฬาวอลเลย์บอล ที่เพิ่งแข็งขันรายการเนชั่น ลีกส์ เสร็จสิ้น อยู่ระหว่างการกักตัว โดยบอกว่า หากพ้นการกักตัวแล้ว อยากให้มาพบที่ทำเนียบฯ แม้เราจะแพ้ แต่ก็สามารถชนะบางประเทศได้ เล่นได้ใจประชาชน ต้องให้ความสำคัญ ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาได้ขานรับคำปรารถดังกล่าว

ครม.ไฟเขียวขยายเวลาสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอีถึงสิ้นปี

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบทบทวนมติครม. เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอกบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ปรับปรุงการดำเนินโครงการซอฟต์โลน ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย และโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเอสเอ็มอี  มีที่มีเงินสำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว ทั้งนี้แยกเป็น

1.โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด -19 โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โดยจะขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย. 64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค. 64

2. ปรับปรุงโครงการซอฟต์โลน ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย โดยธนาคารออมสิน ทั้งขยายระยะเวลากู้ จากเดิมไม่เกิน 5 ปี เป็นไม่เกิน 7 ปี ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 1 ปี เป็นสูงสุดไม่เกิน 2 ปี และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.  64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค. 64

3. ปรับปรุงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเอสเอ็มอี สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว โดยธนาคารออมสิน ทั้งขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการฯ ครอบคลุมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการโควิด ระลอกใหม่ เช่น ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจโรงเรียนเอกชน หรือผู้ประกอบการในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ตามที่ธนาคารออมสินเห็นสมควร 

พร้อมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์วงเงินสินเชื่อต่อรายกรณีผู้กู้เป็นนิติบุคคล จากเดิมพิจารณารายได้รวมของงบการเงินปีล่าสุด (รอบบัญชีปี 62) เป็นพิจารณารายได้รวมของงบการเงินปีล่าสุด (รอบบัญชีปี 62 หรือปี 63 แล้วแต่กรณีใดสูงกว่า) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของเอสเอ็มอี 

พร้อมปรับปรุงการพิจารณาหลักประกันการกู้เงินจากเดิมไม่รับหลักประกันที่ไม่มีสภาพคล่อง เช่น ที่ดินที่ไม่มีทางเข้า-ออก ที่ดินที่มีบ่อน้ำ หรือถูกขุดหน้าดิน ที่ดินใต้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวน เป็นต้น เป็นไม่รับหลักประกันที่ไม่มีสภาพคล่องตามที่ธนาคารออกสินกำหนด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค. 64

รมว.ยุติธรรม เห็นใจครอบครัวน้องชมพู่ เผยยธ.มุกดาหาร อนุมัติจ่ายเงินเยียวยา 110,000 บาท และกรมคุ้มครองสิทธิฯ จ่ายค่าเสียประโยชน์ให้ "ธเนตร" 1,089,730 บาท หลังติดคุกฟรี ยันพร้อมช่วยเหลือประชาชนชนทุกคนที่ตกเป็นเหยื่อ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า จากกรณีน้องชมพู่ที่ เสียชีวิต บนเขาภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร ตนได้ติดตามความคืบหน้าทางคดีอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด พร้อมกับรู้สึกห่วงใยครอบครัวผู้เสียชีวิต ล่าสุดสำนักงานยุติธรรมจังหวัดมุกดาหาร ได้จัดประชุมอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาต่อคดีดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอนุมัติเงินให้ความช่วยเหลือเยียวยาทายาทผู้เสียหายในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 คือ

1. ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย 50,000 บาท

2. ค่าจัดการศพ 20,000 บาท

และ 3. ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 110,000 บาท

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายธเนตร อนันตวงษ์ นักกิจกรรมทางการเมือง เรียกร้อง เงินเยียวยา ตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 จากการถูกดำเนินคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยนายวัลลภ  นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พร้อมด้วย นางทัศนีย์ เปาอินทร์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ  อนุมัติเงินให้ความช่วยเหลือแก่นายธเนตรฯ เป็นค่าทดแทนการถูกคุมขัง 674,000 บาท ค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน 415,730 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,089,730 บาท

นายสมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ หรือผู้เสียหายในคดีอาญา เพื่ออำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย ซึ่งสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ส่วนกลาง (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) และส่วนภูมิภาค (สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ) หรือติดต่อ สายด่วนยุติธรรม โทร. 1111 กด 77

ครม. เห็นชอบ ปรับหลักเกณฑ์ คชจ.ในการรักษา ผู้ป่วย โควิด-19 ให้สอดคล้องปัจจุบัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบหลักเกณฑ์  วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด -19 ฉบับที่ 4 ซึ่งเป็นการปรับปรุงรายละเอียดของฉบับก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดเป็นวงกว้าง รวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น และไม่ครอบคลุมถึงบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายบางรายการที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด -19

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ปรับปรุงใหม่มีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้ ค่าห้องและค่าอาหารทั้งหอผู้ป่วยวิกฤตและห้องแยกโรควันละ 6,250 บาท , ค่าบริการพยาบาลทั่วไปไอซียูวันละ 7,400 บาท , ค่าบริการแพทย์ขณะส่งผู้ป่วยด้วยรถพยาบาลครั้งละ 2,000 บาท , ค่ารถยนต์รับส่งต่อผู้ป่วยจากบ้านหรือโรงแรมไปและกลับครั้งละ 875 บาท, ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดโรคชุดละ 13,750 บาท เพิ่มข้อความ “ยา Remdesivir 100 mg inj. ให้เบิกจากกระทรวงสาธารณสุข” เป็นต้น

ก.แรงงาน แจง กรณีล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง มีมาตรการเยียวยาคนงานดูแลค่าชดเชยระหว่างหยุดงาน

นายประทีป ทรงลำยอง โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ กรณี "การล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง สาวโพสต์โวย พ่อถูกกักตัวในแคมป์ก่อสร้าง ทหารคุมออกไปตรวจไม่ได้ ซ้ำมีข้าวให้เพียง 50 กล่อง แต่คนในแคมป์ 400 คน" จากที่มาข่าว : อมรินทร์ทีวี https://www.amarintv.com/news/detail/86501 นั้น ในเรื่องนี้กระทรวงแรงงานขอชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องว่า ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) 

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง งดการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคลัสเตอร์แคมป์คนงานนั้น และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานดูแลค่าใช้จ่าย เงินชดเชยให้แก่ลูกจ้างแทนผู้ประกอบการนั้น

นายประทีป กล่าวต่อว่า ในส่วนมาตรการรองรับของกระทรวงแรงงานเพื่อช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้างในแคมป์คนงาน ได้แก่

1) การจ่ายค่าชดเชย กรณีเป็นผู้ประกันตนจะได้รับ 50 เปอร์เซ็นของค่าจ้าง ซึ่งผู้ประกันตนจะต้องจ่ายประกันสังคมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือนใน 15 เดือน ส่วนกรณีไม่เป็นผู้ประกันตน จะขอความร่วมมือนายจ้างจ่าย

2) ขอความร่วมมือนายจ้างสถานประกอบการดูแลเรื่องอาหารแก่คนงานทั้ง 3 มื้อ โดยกระทรวงแรงงานจะร่วมสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค

3) ตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุกในแคมป์คนงาน หากพบเชื้อนำเข้าสู่การรักษา

4) ฉีดวัคซีนโควิด-19

และ 5) ประเมินสถานการณ์ทุก 15 วัน

“กระทรวงแรงงานได้พยายามให้ความช่วยเหลือในเรื่องอาหาร โดยการขอรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคจากผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ บริษัทในเครือแสงทอง-อัครา เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานตามมาตรการปิดแคมป์คนงาน ซึ่งในเบื้องต้นได้รับบริจาคปลากระป๋อง 90,000 กระป๋อง และไข่ไก่ 250,000 ฟอง และนำไปมอบให้สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อส่งต่อให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานตามแคมป์คนงานต่างๆ ต่อไป” โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวในตอนท้าย

ผบ.ทบ. กำชับหน่วย จัดกำลังหนุน ศบค. ดูแลแคมป์ก่อสร้าง 10 จังหวัด ซีลพื้นที่ระงับเคลื่อนย้าย พร้อมรับทหารใหม่เข้าหน่วยแบบปลอดโควิด ชูนโยบายฝึกทักษะชีวิตวิถีใหม่ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ ศบค. ได้ออกประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 25 เกี่ยวกับมาตรการเร่งด่วนเพื่อสกัดกั้นการระบาดในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ ควบคุมที่พักแรงงานและเขตก่อสร้างที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด COVID ใน กทม., ปริมณฑล และ จชต. รวม 10 จังหวัด มีผลตั้งแต่ 28 มิ.ย. 64 และศูนย์ปฏิบัติการด้านความมั่นคงกองทัพบก ได้รับมอบภารกิจให้เข้าควบคุมดูแลพื้นที่แคมป์คนงานตามมาตรการดังกล่าวนั้น 

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้กำชับให้ทุกกองทัพภาคบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบและสนับสนุนในมาตรการดังกล่าวอย่างเต็มขีดความสามารถเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการควบคุมพื้นที่ให้มีความปลอดภัยในการป้องกันเชื้อ ทั้งกับคนงานและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ที่ต้องดำรงมาตรการพิทักษ์พลอย่างเคร่งครัด เพื่อร่างกายแข็งแรงพร้อมปฏิบัติภารกิจ ควบคู่ไปกับการขอความร่วมมือให้ทุกส่วนในพื้นที่เสี่ยงปฏิบัติตามมาตรการเร่งด่วนของ ศบค. ทั้งนี้ในพื้นที่ กทม. ซึ่งกองทัพบกได้รับมอบหมายให้ดูแลใน 27 เขตนั้น กองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 1 ได้จัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจเข้าดูแลควบคุมแคมป์ที่เกิดการแพร่ระบาดตามที่ กทม. กำหนดแล้ว 45 แห่ง สำหรับในเขตปริมณฑลและ จชต. กองทัพภาคที่ 1 และ 4 ก็ได้ดำเนินการร่วมกับทางจังหวัดตรวจสอบพื้นที่เพื่อควบคุมแคมป์คนงานที่เกิดคลัสเตอร์ในรูปแบบเดียวกัน รวมทั้งการจัดตั้งจุดตรวจร่วมควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามพื้นที่ในช่วง 30 วันจากนี้ โดยรัฐบาลได้ให้ความเร่งด่วนในการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ 

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการบรรเทาและช่วยเหลือประชาชน ผู้บัญชาการทหารบกยังได้กำชับให้หน่วยทหารเข้าช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับผลกระทบในช่วงมาตรการเฉพาะด้วย พร้อมมองว่าในสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันทุกภาคส่วนต้องร่วมกันจำกัดการแพร่ระบาดและปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ลดจำนวนผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา รวมทั้งผู้เสียชีวิต ซึ่งในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมาในพื้นที่ กทม. กองทัพบกได้อนุเคราะห์ฌาปนสถาน 3 แห่ง เพื่อจัดพิธีเผาศพให้กับผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 แล้วถึง 232 ราย ล่าสุด กองทัพบกจะได้ประสานกับวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม. เพื่อร่วมเป็นสถานที่จัดพิธีเผาศพผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 โดยจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ น้ำยาฆ่าเชื้อ ให้กับทางวัด เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับญาติผู้เสียชีวิตและเป็นทางเลือกในการจัดพิธีศพต่อไป

และจากการที่กองทัพบกจะดำเนินการรับทหารใหม่ ผลัด 1/64 ซึ่งหน่วยฝึกทหารใหม่ทั่วประเทศได้มีการเตรียมมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การรายงานตัว การเดินทาง พิธีแรกรับเข้าสู่หน่วยทหาร ที่สำคัญจะมีการตรวจคัดกรองและเตรียมการด้านการแพทย์รองรับผู้ที่มารายงานตัวเข้าประจำการแล้วตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ COVID-19 รวมถึงการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและทหารใหม่ โดยกองทัพบกเตรียมแผนฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ทุกนายในสัปดาห์แรกที่เข้าประจำการ

 อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญกับการดูแลทหารกองประจำการให้เป็นไปแบบวิถีใหม่อย่างเคร่งครัด นอกเหนือจากการบ่มเพาะให้มีวินัยด้านการทหาร โดยมอบให้หน่วยทหารพิจารณาปรับรูปแบบการฝึกและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ภายในหน่วยทหารในทุกกิจการกิจกรรม รวมถึงการฝึกทหารกองประจำการทุกนายให้เกิดทักษะในเรื่องการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ ในการปฏิบัติงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน

โฆษกฯ รัฐ แจงแทน “บิ๊กตู่” อ้างคนงานหนีออกจากแคมป์จำนวนไม่มาก เหตุรัฐยังไม่ชัดเจนมาตรการช่วยเหลือ “ห่วง” เอกชนไม่สนนโนบายเวิร์คฟอร์มโฮม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กรณีการปิดแคมป์งานทำให้มีแรงงานส่วนหนึ่งหนีกลับจังหวัดทำให้คนในพื้นที่ต่างจังหวัดเกิดความกลัวเรื่องการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า เรื่องนี้ได้รับคำชี้แจงจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเบื้องต้นจากที่ได้มีการประชุมกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับการยืนยันว่าการที่มีประกาศปิดแคมป์คนงานแล้วมีกระแสข่าวคนงานออกจากพื้นที่กลับภูมิลำเนานั้น ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยยืนยันว่า เป็นจำนวนน้อยเท่านั้นที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เนื่องจากขณะนั้นอาจจะยังไม่ทราบถึงมาตรการที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือ บางแคมป์มีคนงาน 800-900 คน ก็ยอมรับว่ามีคนงานกลับภูมิลำเนาจริงแต่มีจำนวนเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น ดังนั้น การใช้คำว่าผึ้งแตกรัง อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมดนอกจากนี้ เมื่อกระทรวงแรงงานมีมาตรการเยียวยาต่างๆแล้ว จะมีการเข้าไปควบคุมดูแลร่วมกับฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดูแลเรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ และการตรวจเช็คชื่อและจ่ายเงินสดทุกๆ 5 วัน ให้กับแรงงานและแคมป์คนงานด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนที่เกี่ยวกับพื้นที่ต่างจังหวัด ได้มีการประสานกระทรวงมหาดไทย และคนในพื้นที่จังหวัดนั้นๆให้พิจารณาให้ความสำคัญกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ดังนั้น การเดินทางกลับจะมีการพิจารณาโดยกระทรวงาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลในพื้นที่อยู่ โดยที่ผ่านมาจะมีแต่ละจังหวัดประกาศให้ผู้ที่เดินทางมาจาก 10 จังหวัดเสี่ยงกักตัว และรายงานตัวกับผู้นำชุมชน หรืออสม. แต่อย่างไรก็ตาม จนถึง ณ วันนี้ เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคเอกชนที่ควบคุมแคมป์คนงานไม่ให้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือออกจากแคมป์ 

เมื่อถามว่า นายกฯเป็นห่วงหรือไม่ที่มีบริษัทเอกชนหลายบริษัทเริ่มไม่ใช้มาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม หรือทำงานที่บ้านแล้ว นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯมีความเป็นห่วงในกรณีนี้ และอยากขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการให้พนักงานได้ทำงานที่บ้านเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ โดยส่วนราชการนายกฯ ได้กำชับหน่วยงานต่างๆพิจารณาอย่างเข้มงวดในการให้พนักงานราชการในหน่วยงานต่างๆดำเนินการในลักษณะเดียวกันจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าปัจจุบัน 

เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น 400-5,000 คน สะท้อนว่าไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ และจะทำให้ตัวเลขลดลงได้อย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า จากมาตรการที่รัฐบาลมีการออกประกาศมา เป็นส่วนหนึ่งในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งหมดต้องหวังว่าประชาชนจะเข้าใจที่ต้องดำเนินการในลักษณะเช่นนี้เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดมีประสิทธิภาพ

เมื่อถามถึงมาตรการช่วยเหลือศิลปิน ลูกจ้างฟรีแลนซ์ และผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ถูกสั่งปิดมานานหลานเดือน นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯได้มีการพูดคุยกับทางทีมเศรษฐกิจว่านอกเหนือจากการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการออกระเบียบฉบับล่าสุดแล้ว ผู้ประกอบการรายอื่นๆ นายกฯ ได้ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจาณรามาตรการออกมาเยียวยาให้เร็วที่สุด 

เมื่อถามถึงกรณีบางจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนให้กับคนอายุ 60 ปี และผู้ที่เป้นกลุ่มเสี่ยง 7 โรค โดยระบุวัคซีนไม่เพียงพอ นายอนุชา กล่าวว่า ที่ได้มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน เช่น แอสตราเซเนกา ก็ยังยืนยันที่จะส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลไทยในจำนวนเป้าหมายเดิมที่ได้มีการเจรจากันไว้ที่ 61 ล้านโดส ซึ่งในเดือนมิถุนายนนี้ ยืนยันแล้วว่าที่จะมีการส่งมอบ 6 ล้านโดสก็ยังเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันไว้ เช่นเดียวกันกับวัคซีนอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มเติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ชิโนแว็กที่ได้รับการยืนยันจากประเทศจีนแล้ว และในที่ประชุม ครม. ก็ได้รับทราบว่าประเทศญี่ปุ่นจะส่งวัคซีนให้กับไทยจำนวน 1 ล้าน 5 หมื่นโดส ภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ นายกฯได้ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ และ 7 โรคกลุ่มเสี่ยง ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เก่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญให้ผู้ที่ลงทะเบียนในหมอพร้อมได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่าวัคซีนซิโนแว็กอาจจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์อื่นได้ไม่ดีพอ จะมีการทบทวนการนำเข้าหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ นายกฯได้พูดคุย และหารือกับที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขเพื่อบริหารจัดการวัคซีนแล้ว ในการนำวัคซีนยี่ห้องอื่น ๆ เข้ามา เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันทั้งนี้ รัฐบาล และบุคลากรทางการแพทย์อยากให้ทุกท่านได้ฉีดวัคซีนที่รัฐบาลหามา หรือวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ เพราะการฉีดวัคซีนจำทำให้เกิดภูมิ และเมื่อติดเชื้อแล้วการที่จะมีอาการรุนแรง และการเสียชีวิตจะน้อยลง

‘ศิริกัญญา’ ร้องหยุดเยียวยาเหลื่อมล้ำลักลั่น จี้รัฐบาลหยุดล้วงกระเป๋าผู้ประกันตน เอาเงินกองทุนประกันสังคมไปจ่ายเยียวยาล็อกดาวน์ ถาม! เงินกู้สำหรับเยียวก็มีทำไมไม่ใช้???

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยต่อสื่อมวลชน วิจารณ์มาตรการการเยียวยาล่าสุดหลังรัฐบาลออกคำสั่งล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างและไม่อนุญาตให้นั่งในร้านอาหารในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

โดยนางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า มาตรการเยียวยาล่าสุด ที่เขียนออกมาได้ซับซ้อน มีเงื่อนไขซ้อนเงื่อนไขเต็มไปหมด เงื่อนไขสำคัญ คือบริษัทอยู่ในระบบประกันสังคมหรือไม่ ทำให้การจ่ายเงินเยียวยาเกิดอาการลักลั่นโดยไม่จำเป็น กลายเป็นว่าลูกจ้างใหม่จะไม่ได้รับเงินเยียวยา เพราะเงื่อนไขการเยียวยาของประกันสังคมคือต้องส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน ส่วนคนที่นายจ้างไม่ได้เข้าประกันสังคมจะได้เงินแค่ 2,000 บาท

ถามว่ามันเป็นความผิดอะไรของลูกจ้างประกันสังคมไหม? ถามว่ามันเป็นความผิดอะไรของลูกจ้างที่นายจ้างไม่ยอมเข้าระบบ? ถามว่าแรงงานข้ามชาติที่สมทบประกันสังคม จะได้เงินเยียวยาหรือไม่? ยังไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารที่ไม่ได้เข้าประกันสังคม ยินดีด้วยคุณจะได้เงิน 3,000 บาทถ้วน

โดยอีกประเด็นที่สำคัญ คือการที่รัฐบาลเลือกใช้มาตรการเยียวยาจากกองทุนประกันสังคม แทนที่จะใช้จากงบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ฯ

“จากการลดสมทบกองทุนประกันสังคม 4 ครั้ง รวม 88,831 ล้านบาท และจากเยียวยาจากเหตุสุดวิสัย 2 ครั้ง รวม 11,400 ล้านบาท รวมแล้วใช้ไปกับโควิดประมาณ 100,321 ล้านบาท รวมครั้งนี้ด้วยก็จะเป็นเงินกว่า 103,731 ล้านบาท

ต้องย้ำอีกครั้ง เงินประกันสังคมเป็นการสมทบระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เพื่อดูแลสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทำงานในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ใช่งบประมาณที่จะนำออกมาใช้เยียวยาในยามวิกฤติ ดังนั้นบอร์ดประกันสังคมที่นั่งอยู่ตอนนี้แล้วอนุมัติเงินให้รัฐบาลใช้ควรตระหนักไว้ด้วยว่าคุณกำลังขูดเลือดเนื้อผู้ประกันตนทั้งประเทศเพื่อนำเงินไปใช้ในสิ่งที่ผิดวัตถุประสงค์

ที่ผ่านมา รัฐล้วงเอาเงินกองทุนประกันสังคมไปมากแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก็มีเงินกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 2 ฉบับคือ 1 ล้านล้าน และ 5 แสนล้าน พร้อมจ่ายเยียวยาให้ตรงวัตถุประสงค์อยู่แล้ว” นางสาวศิริกัญญากล่าว

โดยรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะไม่วี่แววว่ารัฐบาลจะคืนเงินให้กองทุนประกันสังคมแล้ว ในร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2565 ประกันสังคมยังถูกตัดงบลงอีกเกือบ 2 หมื่นล้านบาท


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ป.ป.ช. ชี้มูลฯ กิตติรัตน์ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการเอื้อประโยชน์ “สยามอินดิก้า” บริษัทค้าข้าวชื่อดัง เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ “BULOG” พร้อม ฟัน อดีตบิ๊ก อคส.-เอกชน ผิดหลายกระทง

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยละเว้นไม่ควบคุมดูแลหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบ กรณีองค์การคลังสินค้าคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 องค์การคลังสินค้ากับองค์การสำรองอาหาร หรือ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ทำสัญญาซื้อขายข้าว ปริมาณ 300,000 ตัน ในราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาดังกล่าว องค์การคลังสินค้าจึงได้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการค้าข้าวให้เสนอขายข้าวขาว 15% เพื่อส่งมอบให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย 

โดยวิธียื่นซองเสนอราคา ในวันที่ 13 ธันวาคม 2554 โดยไม่ปรากฏว่าหนังสือดังกล่าวได้มีการประกาศเป็นการทั่วไปซึ่งไม่ชอบด้วยระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ. 2541 ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2554 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทได้มอบอำนาจให้พนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้มายื่นซองเสนอราคา ผลการพิจารณาคุณสมบัติปรากฏว่า บริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ จึงเหลือเพียงบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพียงบริษัทเดียว นายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าและได้รับมอบหมายให้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าในขณะนั้น จึงได้อนุมัติให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย 

นายนิวัติไชย กล่าวว่า โดยองค์การคลังสินค้าได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวน 100,000 ตัน ราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และต่อมาองค์การคลังสินค้าได้มีการทำบันทึกต่อท้ายสัญญากับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพื่อตกลงซื้อขายข้าวเพิ่มเติมอีก จำนวน 200,000 ตัน โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปให้ผู้ประกอบการค้าข้าวเสนอราคาขายข้าวเพื่อแข่งขันราคากันแต่อย่างใด กรณีดังกล่าวจึงถือได้ว่านายสุรศักดิ์ นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า และนายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ได้ร่วมกระทำไปโดยมุ่งหมายและมีวัตถุประสงค์ ที่จะเอื้ออำนวยให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้เข้าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับองค์การคลังสินค้าและไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้อีกว่า ภายหลังจากที่องค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้เข้าพบนายกิตติ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทักท้วงว่าการคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย มีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนายกิตติรัตน์ ทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่าองค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย แต่นายกิตติรัตน์ ไม่ใช้อำนาจในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้มีการตรวจสอบ หรือดำเนินการใด ๆ เพื่อยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์การคลังสินค้าดังกล่าว กลับแจ้งแก่ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รวมถึงให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าจะไม่มีการทบทวนเรื่องดังกล่าว โดยกล่าวอ้างว่าการดำเนินการขององค์การคลังสินค้าเป็นไปโดยชอบ และทางฝ่าย BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย เป็นผู้เลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่ปรากฏว่า BULOG ไม่เคยให้ข้อเสนอแนะหรือแนะนำรายชื่อผู้ส่งออกข้าวให้กับองค์การคลังสินค้าแต่อย่างใด แสดงให้เห็นเจตนาว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย แต่เพียงผู้เดียว 
 
นายนิวัติไชย กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังต่อไปนี้ การกระทำของนายกิตติรัตน์ มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ส่วนการกระทำของนายสุรศักดิ์ นายพิทีรต์ดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ นายสมศักดิ์ และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวก มีมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติ  ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top