Tuesday, 13 May 2025
POLITICS NEWS

‘ทิพานัน’ ยันนายกฯ ส่งสัญญาณเปิดประเทศห่วงปากท้องประชาชน ตอกเพื่อไทยค้านทุกเรื่องฉุดรั้งการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ยกตัวเลขนักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บอกซ์ซัดกลับ ต่างชาติเชื่อมั่นไทย ยันรัฐบาลให้ความสำคัญการศึกษาเปิดโรงเรียนก่อนเปิดสถานบันเทิง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานด้านต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย วิจารณ์แผนเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ว่า คนไทยอยู่ในภาวะจำยอมทั้งที่ไม่มีความพร้อม เลื่อนลอยไร้แผนจัดการและต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่นว่า การออกแถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ไปพร้อมๆ กับความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ต้องช่วงชิงสร้างโอกาสการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย โดยมีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมรองรับ เพื่อให้เปิดประเทศอย่างปลอดภัย ในขณะที่ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านทั้งระบบสาธารณสุขที่เริ่มกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ซึ่งขณะนี้ตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกครอบคลุม 53% ทั่วประเทศแล้ว อีกทั้งมีเงื่อนไขและขั้นตอนของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่รัดกุม 

โดยกลุ่มที่จะเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว จะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเท่านั้น และต้องเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ จากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำตามที่ไทยกำหนดอย่างน้อย 10 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี เป็นต้น โดยจะต้องมีหลักฐานผ่านกระบวนการคัดกรองโควิดด้วยวิธี RT-PCR จากประเทศต้นทาง และตรวจหาเชื้ออีกครั้งเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย หลังจากนั้นจึงจะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งคาดว่าเปิดประเทศในเดือนพ.ย.จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 1 แสนคนต่อเดือน ภายในสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 2-3 แสนคน สร้างเม็ดเงินเข้าระบบ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ครม.เคาะเยียวยาแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ ได้สูงสุด 1 หมื่นบาท จ่ายงวดแรก 8 พ.ย.นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อยู่ในกลุ่มแรงงานนอกระบบและไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, มาตรา 39 และมาตรา 40 โดยใช้เงินจากพ.ร.ก.เงินกู้ กรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ที่มีสิทธิทั้งหมด 16,694 คน ใน 29 จังหวัด ซึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 5,000 บาทต่อเดือน โดยแยกเป็นกลุ่มแรก คือผู้ที่อยู่ใน 13 จังหวัดแรก ตามประกาศฉบับที่ 25 และ 28 จะได้รับการเยียวยา 2 เดือน หรือคนละ 10,000 บาท ส่วนที่เหลือ 16 จังหวัดตามประกาศ ฉบับที่ 30 ได้เยียวยา 1 เดือน 

สำหรับการดำเนินการจากนี้ กรมการขนส่งทางบกจะเปิดให้มีการลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ และตรวจสอบข้อมูลผู้ขับรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี จากฐานข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท สำหรับกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เช่าที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ จะต้องทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนก่อน เช่น ให้นิติบุคคลรถเช่า/สหกรณ์แท็กซี่เป็นผู้รับรอง เป็นต้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะจ่ายเงินด้วยวิธีการโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เฉพาะการผูกบัญชีกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด คาดว่าจะจ่ายเงินรอบแรกระหว่างวันที่ 8 - 12 พ.ย.นี้ และจ่ายเงินรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 - 26 พ.ย.นี้ต่อไป 

ครม.เห็นชอบโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan 5พันล้าน ปล่อยกู้อุตสาหกรรม S - Curve ลงทุนปรับปรุงเครื่องจักร รายละไม่เกิน 100 ล้าน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 ว่า ครม.เห็นชอบโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan วงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท และอนุมัติงบประมาณ 575 ล้านบาท แก่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับดำเนินโครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยโครงการสินเชื่อ EXIM Biz จะเป็นสนับสนุนการให้สินเชื่อให้ผู้ประกอบการรายละไม่เกิน 100 ล้านบาท ระยะเวลาการให้กู้ยืมไม่เกิน 7 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2  คงที่ร้อยละ 2 ปีที่ 3-5  Prime Rate - ร้อยละ 2 และปีที่ 6-7  Prime Rate (ปัจจุบัน ณ 30 ก.ค 64 อัตราดอกเบี้ย Prime Rate อยู่ที่ร้อยละ 5.75) เพื่อใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรหรือลงทุนในเครื่องจักรใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ แถลงเปิดประเทศ ถือเป็นการส่งสัญญาณ Welcome to Thailand พร้อมขอความร่วมมือคนไทย การ์ดอย่าตก เตือนทุกภาคส่วน ยังต้องปฏิบัติมาตรการ COVID-Free Setting อย่างเคร่งครัด 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 วางเป้าหมาย ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป โดยไม่ต้องกักตัว  ภายใต้ข้อกำหนดเงื่อนไขที่คำนึงถึงความปลอดภัยสาธารณสุขคนไทยและชาวต่างชาติ อาทิ ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศจากประเทศที่กำหนดว่า เป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ เป็นต้น  การเปิดประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นการสร้างบรรยากาศและส่งสัญญาณให้นานาชาติตลอดจนนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทย อย่างไรก็ตามขอเน้นย้ำกับประชาชนคนไทยทุกคนซึ่งแม้ว่ารัฐบาลจะมีการเตรียมเปิดประเทศ แต่ก็ขอให้ยังคงระมัดระวังและป้องกันตนเอง "การ์ดอย่าตก" ยังต้องยึดหลักอนามัยส่วนบุคคล ดูแลตัวเองแบบครอบจักรวาล  รวมทั้งผู้ประกอบการ  ชุมชน ตลาด  ต้องปฏิบัติตามมาตรการ COVID-Free Setting  อย่างเคร่งครัด 

‘อนุชา’ เชื่อ ‘มหาสมปอง’ เข้าใจคลาดเคลื่อนถูกกดดันให้สึก วอนอย่าเอาพุทธศาสนาไปอยู่ในวังวน ระบุ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไม่มีอำนาจ ชี้ เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคมดำเนินการ

เมื่อเวลา 08.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ออกมาระบุว่าถูกกดดันให้สึก ว่า ทางพศ.ไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจของพศ. แต่เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ตามพ.ร.บ.สงฆ์ ซึ่งหากจะมีเหตุใดเกิดขึ้นก็ต้องเกิดจากการกระทำผิด โดยพระผู้ปกครองจะเป็นผู้พิจารณาเพียงหนทางเดียว 

ดังนั้น ในครั้งนี้อาจจะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่อยากให้สังคมแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ในฐานะฆราวาส ที่กำกับดูแลพศ. ไม่อยากพูดถึงเรื่องดังกล่าวเลย เนื่องจากพระพุทธศาสนาเป็นเสาหลักของชาติ คนไทยจึงต้องช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา ดูแลด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าสังคมแบ่งฝ่ายเพื่อให้เกิดกระแสของพระสงฆ์เกิดขึ้น เราไม่ต้องการให้เรื่องพระพุทธศาสนาเลยเกิดไป จึงขอวิงวอนให้ทุกคนเล็งเห็นว่า เสาหลักของชาติบ้านเมืองที่เราอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจึงต้องปกป้อง ถอดจิตวิญญาณมาช่วยกันปกป้องดูแล อย่าให้เกิดความแตกแยกในพระพุทธศาสนา

‘อนุทิน’ ขานรับ เปิดประเทศ 1 พ.ย.ลั่น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ชี้ เปิดได้ก็ปิดได้ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องโรค 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ว่า เราเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่งและหารือในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนองนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่แจ้งไว้ต่อประชาชน ส่วนการจะเปิดให้ 10 ประเทศเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องของประเทศ รอให้ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) หารือก่อนที่จะนำเสนอศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีปัญหากับการเปิดประเทศ และยังสามารถรองรับเรื่องการรักษาได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯ ให้เหตุผลความสำคัญต่างๆ ไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุขต้องปฏิบัติตามนโยบายด้วยความระมัดระวังและเตรียมการให้มากที่สุด 

“ประวิตร” สั่ง หน่วยงานมั่นคงดูแลความปลอดภัย รับ “เปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ว่า  ถือว่าดี เราจะได้ทำงานโดยตนสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา 

 

รัฐบาล คืบ คก.ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา อว. ยัน ช่วยนร. นศ. กว่า 1.5 ล้านราย โอนให้แล้ว กว่า 91.46%  รัฐบาล คืบ คก.ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา อว. ยัน ช่วยนร. นศ. กว่า 1.5 ล้านราย โอนให้แล้ว กว่า 91.46%

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้าแผนโครงการลดค่าเทอมและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิต นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อนุมัติงบประมาณเพื่อให้สถาบันอุดมศึกษานำไปใช้ลดค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคเรียนที่ 1/2564 ให้แก่นิสิต นักศึกษา

ในส่วนเงินสนับสนุนจากรัฐบาลตามหลักเกณฑ์และวิธีการตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2564 จนถึงวันที่ 8 ต.ค. 2564 ได้อนุมัติงบประมาณให้กับสถาบันอุดมศึกษาทั้งในและนอกสังกัดไปแล้ว จำนวน 150 แห่ง คิดเป็น 91.46% เป็นเงิน 7,831,638,424 บาท สำหรับช่วยเหลือนักศึกษา จำนวน 1,582,665 คน คิดเป็น 88.49% ขณะเดียวกันโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนโรงเรียนสาธิตในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา ฯ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 2564 จนถึงวันที่ 8 ต.ค. 2564 ได้อนุมัติงบประมาณให้กับสถาบันการศึกษาต้นสังกัดโรงเรียนสาธิตไปแล้ว จำนวน 62 แห่ง มากกว่า 95.% เป็นเงิน 154,326,000 บาท คิดเป็น 97.04% สำหรับช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 77,163 คน ทั้งนี้ ส่วนที่เหลือคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ 

“อนุทิน” ขานรับ เปิดประเทศ 1 พ.ย.ลั่น ถูกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ชี้ เปิดได้ปิดได้ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องโรค 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้จะดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ว่า เราเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่งและ
หารือในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนองนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่แจ้งไว้ต่อประชาชน ส่วนการจะเปิดให้ 10 ประเทศเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องของประเทศ รอให้ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.)หารือก่อนที่จะนำเสนอศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีปัญหากับการเปิดประเทศ และยังสามารถรองรับเรื่องการรักษาได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯให้เหตุผลความสำคัญต่างๆไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุข ต้องปฏิบัติตามนโยบายด้วยความระมัดระวังและเตรียมการให้มากที่สุด 

เมื่อถามว่านายกฯระบุว่าเมื่อเปิดไปแล้ว อาจมีความเสี่ยงแพร่ระบาด และอาจมีโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ ต้องมีมาตรการเข้ามารองรับหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯพูดเผื่อ ถ้าหากมีสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาและสถานการณ์ไม่ดีก็ค่อยว่ากัน พูดง่ายๆว่าเปิดได้ แต่ถ้าดูแล้วไม่ดีก็พร้อมจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาต่อไป เราต้องยืดหยุ่นถ้าไปกำหนดไว้หมดว่าพูดอย่างนี้ต้องทำอย่างนั้นเท่านั้น ถอยหลังไม่ได้ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รออย่างนี้ไปดีกว่าซึ่งก็ไม่ดี เพราะรัฐบาลต้องการจะแก้ปัญหาในทุกมิติ 

เมื่อถามว่าหากเปิดสถานบันเทิงและร้านเหล้าคนจะเข้าไปใช้บริการได้เหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กรมควบคุมโรคคงต้องหามาตรการ แต่เราต้องดูว่าเปิดแล้วมีความเสี่ยงหรือไม่ ถ้าเสี่ยงก็ต้องหามาตรการมาดูแล เช่น covid free settingคือทุกคนต้องฉีดวัคซีนทั้งผู้ให้บริการ ลูกค้า และสถานที่นั้นต้องปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรค แต่เวลานี้ยังไม่ได้หารือในส่วนการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนสถานบันเทิงก็ต้องปฏิบัติในแนวเดียวกัน

"สุชาติ" เชื่อแรงต้าน "พีระพันธุ์" เรื่องเล็ก แค่ความเห็นส่วนตัว ไม่เชื่อจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว มั่นใจทุกคนเชื่อมั่นในแนวทาง+ นโยบายบิ๊กป้อม

ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประขุม ครม.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน  กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงแรงกระเพื่อมต่อต้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มารับตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ โดยเปรียบเป็นพระบวชใหม่ ถ้าจะรับตำแหน่งสำคัญจะต้องนั่งเรียงตามลำดับพรรษาก่อน ว่า พรรค พปชร. มีคน 100 กว่าคนซึ่งทุกคนก็รับนโยบายและแนวทางจาก พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.อยู่แล้ว ในส่วนดังกล่าวส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองทุกพรรคพี่มีคนหลากหลายอยู่ภายในพรรคซึ่งก็อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่การที่จะเป็นพรรคการเมืองหรือสถาบันการเมืองก็ต้องฟังหัวหน้าพรรคและนโยบายพรรคอยู่แล้ว

“ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นได้อยู่แล้วแต่สุดท้ายก็ต้องจบที่แนวทางของหัวหน้าพรรค และเชื่อว่าจะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของบางคนทุกวันนี้ทุกคนอยู่ในระบบประชาธิปไตยก็ต้องให้ในสิทธิการแสดงออกแต่ สุดท้ายก็ต้องยอมรับกฎเกณฑ์และกติการวมทั้งแนวคิดนโยบายของหัวหน้าพรรค ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นไม่เป็นปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก”
นายสุชาติกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top