Wednesday, 26 June 2024
POLITICS NEWS

นายกฯ สั่ง หน่วยงาน ติดตามเฝ้าระวัง ตรวจตราอุปกรณ์ พัฒนาระบบป้องกัน เตือนภัยสึนามิ ของไทย เชื่อมโยงภูมิภาค

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่ภูเขาไฟใต้ทะเล บริเวณมหาสมุทรแปซิกฟิกตอนใต้ ทางด้านตะวันออกของประเทศตองกา เกิดปะทุอย่างรุนแรงทำให้เกิดคลื่นสึนามิเข้าพัดชายฝั่งในเมืองนูกูอาโลฟา ประเทศตองกา และหลายประเทศรอบแนวมหาสมุทรแปซิฟิก และได้มีคำเตือนภัยสึนามิ จนทำให้เกิดความห่วงกังวลถึงระบบการติดตามและเฝ้าระวังการเกิดสึนามิของไทย นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังผลกระทบ รวมทั้งตรวจสอบระบบป้องกัน และเตือนภัยของไทยให้พร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบ ความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นหากมีสถานการณ์ไม่พึงประสงค์

นายธนกร กล่าวว่า ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ได้รายงานว่า มีการติดตามข้อมูลจากเครื่องมือเฝ้าระวังของหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อประกอบการวิเคราะห์ แจ้งเตือนการเกิดสึนามิ อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตลอด 24 ชั่วโมง โดยการเฝ้าระวังการเกิดสึนามิฝั่งอันดามัน จะมีข้อมูลจากทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิของประเทศไทย จำนวน 2 ตัว ตัวแรกติดตั้งในมหาสมุทรอินเดีย (สถานี 23401) กรณีเกิดสึนามิสามารถยืนยันคลื่นสึนามิที่จะกระทบชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ล่วงหน้า 1 ชั่วโมง 45 นาที ใช้งานได้ปกติ และตัวที่ 2 ติดตั้งในทะเลอันดามัน (สถานี 23461) กรณีเกิดสึนามิสามารถยืนยันคลื่นสึนามิที่จะกระทบชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ล่วงหน้า 45 นาที ปัจจุบันทุ่นตัวนี้หลุดจากจุดที่ตั้งซึ่งกำลังประสาน และทุ่นตรวจวัดสึนามิทดแทนกำลังอยู่ระหว่างเร่งกระบวนการผลิต ทั้งนี้ ปภ. จะใช้ข้อมูลจากต่างประเทศมาประกอบการวิเคราะห์ซึ่งจะทำให้ทราบสถานการณ์ได้ ส่วนการเฝ้าระวังการเกิดสึนามิฝั่งอ่าวไทย จะใช้ข้อมูลจากทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิของประเทศในฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก 

ศบค. ชี้ วัคซีนเข็ม 3 ทั่วประเทศฉีดน้อยมาก วอน ผู้สูงอายุ-ผู้มีโรคประจำตัว เร่งเข้ารับการฉีดวัคซีน ป้อง ป่วยหนัก เสียชีวิต ย้ำ ในที่ทำงาน เว้นระยะห่าง -ไม่กินข้าวร่วมกัน

ที่ ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)แถลงข่าวถึงสถานการณ์การรับการวัคซีนของประเทศไทยขณะนี้ ว่า ในช่วงนี้กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสาม โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนทั้งประเทศ 172,437 โดส ซึ่งเข็มสาม โดยรวมทั้งประเทศตัวเลขอยู่ที่ 14.1% เท่านั้น ถือว่ายังน้อยมาก และเป็นผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เพียง 13.8% เท่านั้นซึ่งถือว่าน้อย รวมทั้งผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค เข็มสาม อยู่ที่ 16.1% 

ดังนั้นนโยบายการบริหารวัคซีนเข็มกระตุ้นของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงเดือนมกราคม 2565 นี้เป็นต้นไป ขอให้ทุกคนที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้วให้มารับเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่สาม หรือผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวบางคนที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มหนึ่ง ก็ขอให้ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน เพราะอย่างที่เห็นแล้วว่าหลายคนชะล่าใจว่าโอมิครอนไม่รุนแรงแต่เมื่อไปติดเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยเปราะบางก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

กรมควบคุมโรคระบุว่า กรณีสูตรฉีดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศมานั้นถือได้ว่ามีงานวิจัยรองรับอย่างแน่นอน ถือว่ามีความปลอดภัย กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ถึง 90-100% ในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตแต่หากใครต้องการฉีดวัคซีนด้วยสูตรอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ขอให้ดูตามความพร้อมของวัคซีนในพื้นที่ ถ้ามีตามต้องการก็ให้ขอเข้ารับการฉีดได้ 

“บิ๊กตู่” เตรียมถกครม.ออกมาตรการแก้ของแพง 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ฃติดตามสถานการณ์สินค้าราคาแพงด้วยความห่วงใย แม้จะเข้าใจดีว่า การปรับราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากที่ผ่านมา ราคาสินค้าต้นทุนหลายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งราคาพลังงาน อาหารสัตว์  รวมไปถึงสินค้าบางประเภท เช่น เนื้อสัตว์ ไก่ หมู ที่มีปริมาณในระบบลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคยังคงเท่าเดิมหรือสูงขึ้น ปลายเดือนนี้ เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน อาจทำให้ปริมาณความต้องการเนื้อสัตว์ หมู ไก่ เป็ดและผลไม้ รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น อาจกระทบราคาจำหน่ายที่แพงขึ้นเป็นการชั่วคราว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้นำประเด็นสินค้าราคาแพง เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 18 ม.ค.นี้ เพื่อให้ที่ประชุม ครม. ร่วมกันพิจารณามาตรการเร่งด่วนในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยไม่ให้กระทบกลไกตลาดเพิ่มเติมจากหลายมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้  

พลังหญิง ปชป. ปลื้มหลัง “น้ำหอม” สร้างประวัติศาสตร์คว้าชัยเป็น ส.ส.หญิงคนแรก สงขลา

พรรคประชาธิปัตย์--นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ดร.รัชดา ธนาดิเรก  กรรมการบริหารพรรค และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวแทนกลุ่มพลังหญิง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชน เขต 6 จังหวัดสงขลา ที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับ “น้ำหอม” นางสาวสุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัครหมายเลข 1 ของพรรค ที่คว้าชัยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เป็น ส.ส.หญิงคนแรกของจังหวัดสงขลา 

ทั้งนี้ พบว่าระหว่างการหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะมีพี่น้องเข้ามาให้กำลังใจอย่างอบอุ่น และมีเสียงเรียกร้องอยากให้ผู้สมัครของพรรค ได้เป็น ส.ส.หญิงคนแรกของจังหวัดสงขลา โดยเฉพาะช่วงการปราศรัยใหญ่ในคืนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง มีพี่น้องชาวสงขลามาร่วมฟังกันอย่างเนืองแน่น พร้อมส่งเสียงเชียร์ผู้สมัครของพรรคและทีมขุนพลของพรรคตลอดเวลา

ดร.รัชดา กล่าวว่า ปัจจุบัน มีสัดส่วน ส.ส.หญิงในสภาฯ น้อยมาก ชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงการเปิดพื้นที่ในการส่งเสริมบทบาทสตรีในเวทีการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเป็นตัวแทน ทำหน้าที่ให้กับพี่น้องประชาชน และจะเป็นส่วนหนึ่งของการลดช่องว่างระหว่างเพศ

‘อลงกรณ์’ ชี้ 4 ปัจจัย นำปชป.สู่ชัยชนะ กวาดเรียบ เลือกตั้งซ่อม ‘ชุมพร-สงขลา’

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ เขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง ‘4 ปัจจัยสู่ชัยชนะจุดเปลี่ยนประชาธิปัตย์’ วันนี้ว่า เหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งเขตเลือกตั้งที่ 1 ชุมพรและเขตเลือกตั้งที่ 6 สงขลา มาจากปัจจัย 4 ประการหลัก

1.) ผู้สมัครของพรรคเป็นคนรุ่นใหม่ทำให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มโดยเฉพาะเสียงจากคนรุ่นใหม่และกลุ่มสตรี

2.) ผลงานของประชาธิปัตย์ยุคอุดมการณ์-ทันสมัย สร้างผลงานตามนโยบายที่แถลงไว้และสร้างผลงานในพื้นที่สไตล์ทำได้ไวทำได้จริงลบล้างภาพเก่าที่ถูกปรามาสว่าเชื่องช้าและดีแต่พูดจนได้อันดับ 1 ที่ประชาชนพอใจผลงานในการสำรวจความเห็นของประชาชน 2 ปีซ้อนเป็นภาพใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ประชาชนสัมผัสได้และให้โอกาสใหม่กับพรรคประชาธิปัตย์

3.) การบริหารจัดการการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบของพรรคและความทุ่มเทของแกนนำพรรคแกนนำท้องถิ่นผสานพลังทำงานร่วมกันภายใต้การขับเคลื่อนของรองหัวหน้าพรรคภาคใต้คนใหม่และผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งทำให้เกิดเอกภาพและประสิทธิภาพในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

4.) กลยุทธ์การหาเสียงแบบออนไซต์และแบบออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียผสมผสานการเคาะประตูบ้านและปราศรัยสื่อสารตรงถึงประชาชนโดยตรงเน้นการนำเสนอนโยบายวิสัยทัศน์และผลงานของพรรคและผู้สมัคร

“บิ๊กป้อม” ถก กพย.เร่งขับเคลื่อนการพัฒนาโอกาสเยาวชน-เอกชน ยกระดับความเป็นอยู่ปชช.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(กพย.)ครั้งที่1/2565  ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรน 

โดยที่ประชุม กพย.เห็นชอบปรับปรุงคณะอนุกรรมการฯให้มีภาคเอกชนและเยาวชน เข้ามามีส่วนร่วม และแต่งตั้งคณะทำงาน ขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของไทยในกรอบสหประชาชาติ เพื่อประสานท่าที และร่วมขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน และเห็นชอบ แนวทางการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ของไทยในระยะต่อไป โดยยึดหลัก วงจรการบริหารงานคุณภาพ "PDCA" (ตั้งเป้า ปฏิบัติ ตรวจสอบ ปรับปรุง)

ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย ซึ่งมีผลการดำเนินงานคืบหน้าทั้ง 6 ด้านหลัก ได้แก่1.การสร้างความตระหนักรู้ 2.การวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายการพัฒนากับแผน 3ระดับ ของประเทศ 3.การกำหนดกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาผ่านกลไกในระดับประเทศ ระดับหน่วยงาน และระดับพื้นที่ 4.การดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนา 5.การสร้างควาร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ และ6.การติดตามประเมินผล รวมทั้งรับทราบรายงานVNR (Voluntary National Review) ประจำปี2564 เพื่อขับเคลื่อน SDGs ของไทยทั้ง 17 เป้าหมาย คำนึงถึงผลกระทบของโควิด-19 เพื่อฟื้นฟูให้กลับมาดีขึ้นกว่าเดิม โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการพัฒนาของไทย

 

โควิด-19 ทำเด็กไทยเสียโอกาสหลุดจากระบบศึกษา “บิ๊กตู่” ลั่นเดินหน้าโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” ย้ำทุกกระทรวง ใกล้จัดทำงบประมาณ ขอจัดโครงการสำคัญให้ดี อย่าเอาแต่โครงการใหญ่ วอนเข้าใจงบมีจำกัด นายกฯต้องคุมตามกรอบวินัยการเงินการคลัง

ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม  เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา “พาน้องกลับมาเรียน” และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยมี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องพัฒนาคนและความรู้ให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งกิจกรรมนี้มีความสำคัญและสอดคล้องสถานการณ์โควิด19 ในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดเป็นระยะ ตนรู้สึกยินดีที่ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนของไทยในโอกาสที่ต้องประสบปัญหาจากสถานการณ์โรคระบาด ที่เป็นการดำเนินงานตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องในวิกฤตต่างๆ

ซึ่งรวมถึงเรื่องการศึกษาจากผลกระทบโควิด ตนดีใจที่เห็นความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่พยายามทำเพื่อให้โอกาสเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา และเด็กที่ไม่มีโอกาสเข้ารับการศึกษา ให้ทุกคนเข้ารับการศึกษาที่ดี มีความเสมอภาคและเท่าเทียม โครงการพาน้องกลับมาเรียนถือเป็นระโยชน์อย่างยิ่งและเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจุบันที่ทราบดีว่ามีเด็กที่ตกหล่นและหลุดจากการศึกษากว่าแสนคน รัฐบาลและทุกคนต้องช่วยกันทุกวิถีทางเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา

“ หลายคนออกจากระบบการศึกษาคงไม่ใช่แค่เพราะโควิด อาจด้วยเหตุความจำเป็นของบ้าน ของผู้ปกครอง หรือด้วยใจของเขาเอง ด้วยเพื่อน หรืออะไรต่างๆ เราต้องหาข้อมูลและแก้ปัญหาไปทีละจุด ซึ่งขณะนี้มีการเรียนหลายวิธีด้วยกันทั้งออนไลน์ ออนไซต์ ความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ จึงอยากฝากให้ดูแลครอบครัว ผู้ปกครองของเขาด้วยว่ามีความพร้อมหรือไม่ หากเอาเด็กกลับมาตอนนี้และต่อไปจะหลุดอีกหรือเปล่า ตรงนี้จะเป็นสิ่งยืนยันว่าที่เราทำจะสำเร็จหรือไม่ เพราะผู้ปกครองบางคนอาจมีค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ ซึ่งหน่วยงานต้องเข้าไปดู จึงขอฝากข้อสังเกตไว้ด้วยหากเด็กคนเดิมๆหายซ้ำไป มันต้องมีปัญหาที่ลึกซึ่งกว่านั้น ขอฝากหน่วยงานเกี่ยวข้องประสานบูรณาการกันให้ดี”นานกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาคงใช้เงินอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด และเราก็ไม่มีเงินที่เพียงพอขนาดนั้น ฉะนั้นต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ต้องช่วยกันคิด เราเป็นผู้นำทางการศึกษาที่เป็นงานฟังชั่น แต่ก็มีงานบูรณาการที่ท่านช่วยดูแลได้อีก จึงขอให้ทุกหน่วยงานใช้งบประมาณให้คุ้มค่าในการส่งเสริมภารกิจที่มีความสำคัญกับประเทศชาติ ฉะนั้นความร่วมมือวันนี้ที่ทุกคนได้ตกลงใจลงนามความร่วมมือกันแล้วตนถือเป็นของขวัญที่สำคัญที่รัฐบาลจะทำเพื่อคนไทยและประเทศไทยต่อไป และขอฝากผู้ที่เกี่ยวข้องทราบว่าเรื่องการให้การศึกษากับคนไทยเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก เราต้องให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง หาวิธีการที่เหมาะสม ทำอย่างไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์และวัดผลได้ ทั้งนี้การนำเด็กเข้ารับการศึกษา ซึ่งการจะจัดหาโรงเรียนที่ดีมีคุณภาพ มีกองทุนต่างๆ แต่เมื่อกลับมาเรียนต้องเรียนโรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพมันก็ไม่ได้กลับขึ้นมา จึงต้องพิจารณาตรงนี้อีกข้อให้ตนด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ตนเป็นกังวลคือเราต้องสอนให้เด็กรู้จักมีความคิดที่ดีในหลายๆเรื่อง ต้องเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และนำมาคิด เพื่อเตรียมตัวไปสู่อนาคตว่าจะเรียนอะไร และนำไปสู่การพัฒนาชุมชนหมู่บ้านของเขา ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ จึงต้องพูดกับเด็กให้เข้าใจว่ามันไม่ได้ง่ายนักการที่จะโตขึ้นมา มีความสำเร็จ มีงานทำ มีรถขับ มีบ้านอยู่ ไม่อย่างนั้นก็จะคิดง่ายและมีปัญหา ไม่อยากให้ทุกคนเรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ เรียนมาแล้วยังไม่ทันจบก็สร้างหนี้สิน จบมาก็มีหนี้สินติดตัว ซึ่งทำให้ทุกอย่างพัฒนาไม่ได้ ก็ขอให้เปรียบเทียบกับต่างประเทศด้วยว่าเขาพัฒนามาอย่างไร ขอให้เร่งสร้างความคิด สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เขาไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ทุกอย่างยากในโลกของการแข่งขัน และทำอย่างไรจะไม่เป็นภาระของครอบครัวต่อไปในอนาคต นั่นคือเป้าหมายของการเรียนด้วย ทั้งนี้ถ้าลูกรักพ่อแม่ขอให้ช่วยกันเรียนหนังสือ ช่วยกันอยู่ในระเบียบ ในระบบ มีวินัย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้พ่อแม่ ไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงของครอบครัว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่มีต่อนักเรียนในช่วงโควิด เดิมที่มอบเงินให้คนละ 2,000 บาท ตนเห็นในข่าวครูบางโรงเรียนมีแนวคิดว่ามีใครจะมาสมทบเงินตรงนี้ ก็มีการมาสมทบคนละครึ่งและนำไปจัดซื้อโทรศัพท์ที่เรียนหนังสือได้ ซึ่งหลายโรงเรียนทำแล้วได้ประโยชน์ เกิดการช่วยเหลือตัวเองและความรับผิดชอบไปด้วย ตนย้ำอีกทีการสร้างโอกาสทางการศึกษาต้องเน้นทั้งโอกาสและคุณภาพของการศึกษา รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ปกครองด้วย วันนี้ตนขอขอบคุณในการลงนามที่เป็นการใช้พลังร่วมกันในการบูรณาการ ทั้งแผนคน แผนเงิน แผนงานโครงการ มาร่วมกันทำกิจกรรมที่เกิดผลสัมฤทธิ์โดยรวม ตนขอฝากผู้เกี่ยวข้องว่าการให้โอกาสทางการศึกษาถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เมื่อร่วมมือกันเต็มที่ความสำเร็จจะเกิดกับพวกเรา ประเทศชาติ และคนในชาติต่อไป ตนรู้ว่าเป็นงานที่หนักต้องใช้พลังอย่างมากในงานบูรณาการที่เพิ่มขึ้นมา นี่คือปัญหา อุปสรรคมีไว้ฝ่าฟัน ปัญหามีไว้ให้แก้ไข อย่าท้อแท้ ถ้าโลกไม่มีปัญหา โลกไม่มีอุปสรรค โลกก็จะไม่เจริญ ทุกคนก็นั่งเฉยๆใช้ชีวิตไปสบายๆ แต่วันนี้โลกมีทั้งอุปสรรค ปัญหา และบทเรียนต่างๆมากมาย โดยเฉพาะประเทศไทย 

“เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่ดี อะไรที่เป็นประวัติศาสตร์ที่ดีเราก็เรียนรู้ อะไรที่ไม่ดีเราก็อย่าไปทำอีกในทุกๆเรื่อง อย่าบอกว่าประวัติศาสตร์ไม่มีความสำคัญ ทุกอย่างมีประวัติศาสตร์มาทั้งหมดจนถึงวันนี้ นี่คือประวัติศาสตร์โลก ความขัดแย้ง สงครามมีที่ไหนบ้างเกิดจากอะไร ทำไมเขาถึงไม่ค่อยทะเลาะกัน เพราะเขาเห็นแล้วว่าประวัติศาสตร์ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากความไม่สามัคคี เกิดจากความขัดแย้งระดับต่ำจนระดับสูง สิ่งต่างๆเหล่านี้ครูต้องสอนใหม่ทั้งหมด”นายกรัฐมนตรีกล่าว

"แรมโบ้" ขอบคุณประชาชน ปลื้มใจ! ผลสำรวจ "ซูเปอร์โพล" ประชาชนยังอยากให้ "นายกฯประยุทธ์" แก้ปัญหาประเทศ เปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ ยืนยันนายกฯมีความตั้งใจทำงาน ไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนรวมถึงนักการเมือง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับซูเปอร์โพล สำรวจความนิยมต่อนายกรัฐมนตรี และเบื้องหลังปัญหาวิกฤต ช่วงต้นปี 2565 พบว่าความต้องการของประชาชนร้อยละ 82.0 ต้องการให้ นายกฯเป็นผู้ถือธงนำ กล้าเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ การบริหารงานใหม่ๆ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง หลุดออกจากการบริหารประเทศแบบรัฐราชการ และร้อยละ 83.7 หวังให้นายกฯประยุทธ์ฯ กล้าเปลี่ยนแปลงและตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประชาชน เหมือนปี 2557 ที่มีความจริงจังเด็ดขาด ถือธงนำในการแก้ปัญหาเพื่อประชาชนแท้จริง ร้อยละ 70.5 เห็นนายกฯทำงานหนักและไม่เคยเห็นภาพความสุขส่วนตัวตลอด 7 – 8 ปีที่ผ่านมา

โดยเป็นการแสดงให้เห็นว่าจนถึงขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศยังให้ความไว้วางใจและให้การสนับสนุน ในตัวนายกฯในการทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประเทศและประชาชนอยู่ อีกทั้งการที่ประชาชนอยากให้นายกฯกล้าเปลี่ยนแปลงการเมืองแบบใหม่ ก็อาจเป็นเพราะประชาชนเริ่มเบื่อการเมืองเก่าๆ ที่มีแต่จะออกมาโจมตี ใส่ร้ายกันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น

"ตลอดการบริหารงานนายกฯได้มีความตั้งใจในการพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมถึงการทุจริตคอรัปชั่น  พร้อมขอให้ประชาชนยังเชื่อมั่นในตัวนายกฯในการทำงานต่อไป และยืนยันว่านายกฯจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง จะแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุดจนกว่าจะครบเทอม แม้ว่าจะมีความยากลำบากอยู่ แต่การที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นกับปัญหาต่างๆ และเดินหน้าไปได้นั้นก็จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชน นักการเมืองทุกพรรคด้วย เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเอาชนะหรือผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เป็นเวลาที่ต้องร่วมกันช่วยเหลือประชาชน

 “สุชาติ” รับคำปราศรัย “เลขาฯพปชร” ปมรวยจน ถูกโยงปั่นวาทกรรมโค้งสุดท้าย ลั่น “ทำดีที่สุดแล้ว แพ้ต้องยอมรับ แจง คะแนนตามเป้า เชื่อลต.ซ่อมไม่ทำเกิดศึกในพรรค 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมส.ส.สงขลา เขต 6 กล่าวถึงผลเลือกตั้งซ่อมส.ส.สงขลา อย่างไม่เป็นทางการ โดยผู้สมัคร พรรคพปชร. ว่า คะแนนที่เราได้ กว่า 4หมื่นคะแนน ถือว่าไปตามเป้า แต่การเลือกตั้ง ก็เหมือนแข่งขันกีฬา เราซ้อมแล้วทำลายสถิติโลก แต่มีคู่แข่งที่ทำลายได้มากกว่า เราต้องยอมรับความพ่ายแพ้ อย่างพื้นที่สะเดา ที่เราประเมินจะชนะ 7-8 พันคะแนน แต่สามารถชนะเพียง 1,500 คะแนน ส่วนบางพื้นที่จะแพ้น้อย ก็แพ้เยอะกว่า จึงสวนทางกันไปหมด 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองประเด็นที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพปชร.ขึ้นปราศรัยหยิบยกประเด็นคนรวยคนจน อาจเป็นจุดพลิกให้พรรคพปชร.แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเป็นประเด็นหนึ่ง ที่มีผลให้ฝั่งตรงข้าม หยิบมาเป็นวาทกรรมคนรวย คนจน ในโซเชียล

“สุชาติ” ยินดี “น้ำหอม” คว้าชัยสงขลา ยืดอก “แพ้ก็คือแพ้”คนชนะมีหนึ่งเดียว พร้อมพอใจคะแนน “น้องโบ๊ต”ชาวสงขลาเทให้มากกว่าครั้งก่อนเท่าตัว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.เลือกตั้งซ่อมส.ส.สงขลา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังทราบผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 6 สงขลา อย่างไม่เป็นทาง โดยผู้สมัครหมายเลข 1 น.ส.สุภาพร กำเนิดผล พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์  ผู้สมัคร หมายเลข3 พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนเสียงมาเป็น อันดับ 2 ว่า

“ผลคะแนนของน้องโบ๊ต ที่ออกมา ถือว่าได้ตามเป้า และพวกเราเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะยืดอกรับความจริง ว่า แพ้ก็คือแพ้  เพราะคนชนะต้องมีแค่หนึ่งเดียว ที่ถูกเลือกเข้าไปเป็นผู้แทน จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ใช้สิทธิ์สามารถเลือกได้ตามตั้งใจ  ซี่งผมต้องขอบคุณพี่น้องชาวเขต 6 สงขลา ที่ออกมาลงคะแนนให้ ถือว่าเป็นคะแนนที่เยอะมาก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top