Monday, 6 May 2024
POLITICS NEWS

‘เสาชิงช้า-กิโยติน’ สิ้นมงคลดลวิบัติ ใยผู้ดูแล จึง ‘ละเว้น-ปล่อยปละ’ ม็อบ

เสาชิงช้าสร้างมาแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชในปี ๒๓๒๗ หน้าเทวสถานโบสถ์พราหณ์ และหน้าวัดสุทัศน์เทพวราราม พราหมณ์ที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์นี้บ้างก็ว่าสืบทอดมาจากกรุงศรีอยุธยา หรือมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดเพชรบุรี และสืบตระกูลพราหมณ์ราชสำนักมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้มีพระราชครูวามเทพมุนีเป็นหัวหน้าคณะพราหมณ์ประจำเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ 

ในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เขียนอธิบายไว้โดยละเอียดว่าพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย หรือพระราชพิธีโล้ชิงช้า นั้นเดิมจัดขึ้นในเดือนอ้าย ต่อมาขยับมาเป็นเดือนยี่ เพื่อนมัสการบูชาพระอิศวร พระนารายณ์ และพระพิฆเนศ โดยเป็นพิธีขึ้นปีใหม่ของพราหมณ์ โดยที่พราหมณ์ได้อัญเชิญพระเป็นเจ้าเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์พร้อมกันนี้ก็ได้เชิญเทพยดาองค์อื่นๆ เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระคงคา และพระธรณีมาเข้าเฝ้าและร่วมในพิธีด้วย 

การพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย เดิมเน้นเป็นพิธีฮินดู-พราหมณ์ แต่อย่างเดียว แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดให้จัดพิธีอย่างพุทธเข้าไปเป็นหลักด้วย เช่น มีพระราชพิธีสงฆ์ให้พระสงฆ์รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ มีการสวดมนต์ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นต้น 

การพระราชพิธีที่เป็นของฮินดู-พราหมณ์แต่เดิมก็ยังคงอยู่ มีการพระราชทานแต่งตั้งพระยายืนชิงช้า ซึ่งโดยปกติจะเป็นตำแหน่งของเกษตราธิการในจตุสดมภ์ ๔ คือเจ้าพระยาพลเทพ แต่ในภายหลังก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมในแต่ละปีไป ความเรียงอธิบายขั้นตอนและสิ่งประกอบในพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวายในพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือนนั้น ละเอียดลออ ครบถ้วน หากอ่านจนครบจะเข้าใจและเห็นภาพได้อย่างกระจ่างชัดจนสามารถนำมารื้อฟื้นพระราชพิธีได้ 

อย่างไรก็ตามพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวายนี้ได้ถูกยกเลิกไปหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และกรุงเทพมหานครได้ใช้เสาชิงช้าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง อีกทั้งการบูรณะเสาชิงช้าในยุคหลังก็ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร ถือว่ากรุงเทพมหานครเป็นผู้ดูแลสถานที่ ทั้งนี้เสาชิงช้านั้นตั้งอยู่หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครด้วย โดยที่เสาชิงช้าเป็นสถานที่สำคัญมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนากรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนเสาชิงช้าเป็นโบราณสถานของชาติ

'ยิ่งลักษณ์' เคลื่อนไหวแล้ว! หลังถูกออกหมายจับปม ย้ายถวิล เปลี่ยนศรี โดยมิชอบ ระบุ ย้ายข้าราชการคนเดียว แล้วถูกดำเนินคดี ถูกกลั่นแกล้งไม่จบ

(22 พ.ย. 65) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ Yingluck Shinawatra @PouYingluck หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับคดี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตกรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับพวก ใช้อำนาจโอนนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. ในขณะนั้นให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบเมื่อช่วงเดือน ก.ย.54 โดยฟ้องเมื่อเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา

‘สุทิน’ ยัน!! หาก ‘ตู่-ป้อม’ แตกกันไม่กระทบฝ่ายค้าน แต่อาจเกิดศึกชิงรัก-หักเหลี่ยมภายในรัฐบาล

(22 พ.ย. 65) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่านค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมวุฒิสภา ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ พิจารณาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญไปพร้อมกับการเลือกตั้งว่า การที่เสนอให้ทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งเพื่อไม่ต้องการให้เสียเวลา แต่การที่วุฒิสภา ตั้งกมธ. ขึ้นมาศึกษาก็สามารถทำได้ แต่เมื่อตั้งกมธ. มาแล้วก็สามารถทำได้ แต่ต้องรับผิดชอบให้มีคำตอบทันกับการเลือกตั้งว่าทำหรือไม่ทำ แต่ถ้าตั้งไปเรื่อย และไม่ได้รับผิดชอบเวลา ก็ต้องมีการตั้งข้อสังเกตว่ายื้อหรือไม่ 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะลาขาดจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คิดว่าจะมีจุดเปลี่ยนทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่มีใครรู้แน่ เราก็เพียงแค่คาดหมาย และวิเคราะห์พฤติกรรมเอา ซึ่งมีหลายอย่างบ่งชี้ว่า ทั้ง 2 คนไม่ได้ไปด้วยกัน และมีหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า ไปด้วยกัน ฉะนั้นการที่ทั้ง 2 คน ไปหรือไม่ไปด้วยกันก็มีผลทางการเมือง ถ้าเขาไปด้วยกันก็ทำให้เขามีเอกภาพ แต่ถ้าไม่ไปด้วยกันก็ไม่เป็นเอกภาพ หรือถ้าแยกออกจากกันแล้วเป้าหมายของพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ตรงไหน และเป้าหมายนั้นทันหรือไม่ทันเวลา เพราะมีผลเกี่ยวกับกฎหมายลูก ฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไปทั้ง 2 คนถือว่าทำให้การเมืองของประเทศผันผวนได้ 

'เพื่อไทย' เตรียมดึงนักลงทุนคุณภาพ เมื่อเป็นรัฐบาล

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟสบุ๊กเล่าถึงการได้ทำหน้าที่ผู้แทนของพรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารค่ำ กับ H.E. Dr. Morris Chang ผู้แทนพิเศษ ของเขตเศรษฐกิจไต้หวัน ในการประชุม APEC 2022 และภริยา พร้อมกับแขกคนสำคัญของท่านทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เมื่อค่ำวานนี้ว่า ได้แลกเปลี่ยนทัศนะซึ่งจะยังประโยชน์กับการทำงานของประเทศในอนาคต 

ทั้งนี้นายกิตติรัตน์ ยังได้กล่าวอีกว่า โชคดีที่ได้นั่งใกล้กับนักธุรกิจสุภาพสตรีท่านหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ผู้แทนนักธุรกิจของหนึ่งในสมาชิก APEC และเป็นประธานกรรมการของบริษัทธุรกิจสิ่งทอที่มีพนักงานหลายหมื่นคนในหลายประเทศ โดยมีโรงงานใหญ่ที่สุดอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสตรีนักธุรกิจท่านนี้ได้กล่าวอย่างประทับใจถึงความเป็นระบบและความสะดวกที่ได้รับจากทางการของประเทศเหล่านั้น จึงมุ่งมั่นตอบแทนด้วยการทำธุรกิจอย่าง 'ใส่ใจที่สุด' เพื่อเป็นการตอบแทนโดยมอบสิ่งที่ดีแก่ชุมชนและทรัพยากรบุคคล ด้วยงานสถาปัตยกรรม และวิศวกรรมของโรงงานที่สวยงามและเป็นระบบ เป็นมิตรต่อสายตา ปราศจากมลพิษ เป็นสภาพการทำงานที่ให้ความสุขแก่พนักงาน ควบคู่ไปกับการจ่ายค่าตอบเเทนที่สูงให้พนักงานและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ การกระทำดังกล่าวยิ่งทำให้กิจการมี 'ผลิตภาพ' ที่ดีและมีกำไรที่มั่นคง

‘นันทิวัฒน์’ ชื่นชม ‘กลมา แฮร์ริส’ ตัวแทนสหรัฐฯ ไม่ยก ม.112 กดดันไทยช่วงประชุมฯ อย่างที่หลายฝ่ายหวัง

(22 พ.ย. 65) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ว่า อเมริกามหามิตร การประชุมเอเปค 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ถูกบางคนค่อนแคะว่า ไบเดน ผู้นำใหญ่ของโลกประชาธิปไตยไม่มาร่วม จะทำให้การจัดงานประชุมเอเปคครั้งนี้กร่อยแน่นอน

ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า… ในฐานะเจ้าภาพ ไทยอยากให้ผู้นำเอเปคทุกคนมาร่วมประชุมให้ได้ คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกและรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เดินสายมอบหนังสือเชิญด้วยตนเอง แต่เราก็ต้องเข้าใจบริบทในความจำเป็นของผู้นำต่างๆ ที่ติดธุระสำคัญ ไม่สามารถมาร่วมงานได้ และมีอย่างน้อย 4 เขตเศรษฐกิจที่ส่งผู้แทนมาร่วมประชุม

กรณีอเมริกา แม้ไบเดนจะมาไม่ได้ แต่ก็ส่งกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีมาแทน ซึ่งไม่ได้ด้อยค่าอะไรต่อไทยแต่อย่างใด

เครือข่ายปกป้องสถาบันฯ รวมพล จ่อชง 'เสี่ยเฮ้ง' เขี่ยแอมเนสตี้พ้นไทย

(21 พ.ย.65) มีรายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 24 พ.ย.นี้ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศปปส. พร้อมด้วยกลุ่มนักรบองค์ดำ และศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) เตรียมเดินทางไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อยื่นหนังสือต่อนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พิจารณาเพิกถอนสัญญาแอมเนสตี้ (amnesty) ในประเทศไทย เนื่องจากเห็นว่าแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยยุยงปลุกปั่นให้ประชาชน คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศปปส. เผยว่าสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2565 ทางศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้รับหนังสือตอบกลับจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร.0105.04/43146 โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประสานส่งเรื่องให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่มีหน้าที่รับผิดชอบรับไปพิจารณาแล้ว ทางศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน กลุ่มนักรบองค์ดำและศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) ซึ่งได้ติดตามความคืบหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 โดยมีนางนลินี มหาขันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน ปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้เซ็นลงนามในหนังสือตอบกลับดังกล่าว

แต่ผลปรากฏว่าทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้แจ้งว่าทางพม.ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงกับเรื่องที่ร้องมาและชี้แจงว่าให้ไปที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งในวันดังกล่าวทางผู้ร้อง ก็ได้เดินทางต่อไปยังกระทรวงมหาดไทยซึ่งทางกระทรวงมหาดไทย ก็แจ้งมาว่าเรื่องที่ผู้ร้อง ร้องนั้นกระทรวงมหาดไทยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง โดยชี้แจงว่าต้องไปที่กระทรวงแรงงาน

ดังนั้นศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) กลุ่มนักรบองค์ดำและศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) จึงทำหนังสือมายังนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรง งานตามคำชี้แจงของกระทรวงมหาดไทย

‘นพดล’ ชี้!! BCG ไม่ใช่ของใหม่ หลายประเทศไปไกล ส่วนไทยเหมือนช่างบั้งไฟที่แนะวิศวกรนาซ่าทำจรวด 

(21 พ.ย.65) นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าภายหลังการประชุมเอเปค 2022 ได้เสร็จสิ้นลง รัฐบาลก็อย่าลิงโลดไปกับการจัดการประชุมมากนัก เพราะในการประชุมระดับพหุภาคีนานาชาติ ก็เป็นเช่นนี้ เพราะในปฏิญญาก็มักเต็มไปด้วยความหวัง ความปรารถนา ความตั้งใจกันทั้งนั้น แต่จะแปรเปลี่ยนให้เป็นการกระทำให้สัมฤทธิ์ผลได้มากหรือน้อย ก็อยู่ที่แต่ละประเทศว่าจะเข้าทำนอง คิดระดับโลก แต่กระทำในท้องถิ่น Think globally, act locally หรือไม่ 

โดยเฉพาะแนวคิด เศรษฐกิจชีวภาพ หรือ BCG ที่ประเทศไทยผลักดันนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่หลายประเทศเดินหน้าไปไกลมาก ทั้งอุตสาหกรรมอาหารของออสเตรเลีย อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ของเวียดนามหรืออินโดนีเซีย เขาถึงขั้นผลิตส่งขายกันแล้วแต่เราเพิ่งมาพูด

‘นันทิวัฒน์’ ยกไทยเจ้าภาพ ‘เอเปค’ สมบูรณ์แบบ แถมได้พรีเซ็นเตอร์ระดับผู้นำ ชวนทั่วโลกตามรอย

(21 พ.ย.65) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า... 

เอเปกสมบูรณ์แบบ การจัดประชุมเอเปกสำเร็จเสร็จสิ้นลงเรียบร้อย ได้รับคำชมมากมายจากผู้นำทุกประเทศที่มาร่วมประชุม 

งานนี้ ประเทศไทยมีพรีเซนเตอร์ระดับผู้นำโลก ทั้งประธานาธิบดีมาครง ที่ไปชมมวยไทยที่สนามมวยราชดำเนิน เดินชิมอาหารที่สตรีทฟู้ดเยาวราช และพาชมวัดโพธิ์

รองประธานาธิบดีกมลา ไปวัดราชบพิตร เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช และเดินซื้อของที่ตลาดนัดจตุจักร ได้พริกแกงกลับบ้าน และนายกฯ ลีเซียนลุง โพสต์อาหารที่เสิร์ฟในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ 

เชื่อได้เลยว่า นับจากนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเดินตามรอยผู้นำเหล่านี้ 

ชาวเน็ตถาม ‘เศรษฐา’ ออกเงินค่าลิขสิทธิ์บอลโลกกี่บาท เจ้าตัวสวน “ไม่ได้ออก-เราเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์” 

‘เศรษฐา ทวีสิน’ ซีอีโอแสนสิริ และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ลั่น!! ที่นี่ประเทศไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ชาวเน็ตถามออกเงินกี่บาท ตอบ "ไม่ได้ออก" เปรยเป็นบริษัทอสังหาฯ

(21 พ.ย.65) ทวิตเตอร์ @Thavisin ของนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า "ถ่ายทอดสดบอลโลก 300 ล้านได้ถ่าย 32 คู่และได้เลือกคู่เด็ดๆ ก่อน 600 ล้านได้ที่เหลือ 32 คู่ ที่นี่ประเทศไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงครับ"

‘โก้-วรนัยน์’ ขนทัพ ร่วมงาน ‘ชาติพัฒนากล้า’ พร้อมลุยโปรเจกต์ ‘My Life My Goal’ ทั่วประเทศ

ตามคาด! โก้-วรนัยน์ วาณิชกะ ร่วมงาน ‘ชาติพัฒนากล้า’ พร้อมลงมือทำพลิกโฉมประเทศ ฟิตจัดเตรียมลุยทำโปรเจ็กต์ ‘My Life My Goal’ พบคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ ‘กรณ์’ เปิดรับคนรุ่นใหม่เสริมทีม เติมเต็ม 4 ปัจจัย พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง  

(21 พ.ค. 65) ที่พรรคชาติพัฒนากล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แถลงข่าวเปิดตัวนายวรนัยน์ วาณิชกะ อดีตหัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด พร้อมด้วยนายกอบกฤต สุขสถิตย์, นายวรธรรม แซ่โง้ว, นายปัญจเดช สิงห์โท เข้าร่วมงาน 

นายกรณ์ จากติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคต้องย้ำอีกครั้งว่าชาติพัฒนากล้า คือ พรรคของคนทุกรุ่น พร้อมทำงานกับคนทุกกลุ่ม ทุกวัย เรามีเป้าหมายในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยทุกคนให้ดีขึ้น ที่ผ่านมาเราได้พยายามทำงานในหลายเรื่อง และจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งปัญหาของแพง ความมั่นคงในชีวิตของประชาชนในวัยทำงาน และผู้สูงอายุ ที่มีความกังวลว่าในอนาคตจะมีใครมาดูแลเขาหรือไม่ และคนรุ่นใหม่ที่รู้สึกขาดโอกาส ขาดความหวัง ซึ่งทั้งหมด เป็นเหตุให้คนไทย รอคอยโอกาส ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้นั่นคือการเลือกตั้ง หมดยุคแล้วที่จะหวังอัศวินม้าขาวหรือใครคนใดคนหนึ่งที่จะมาแก้ปัญหาในทุกเรื่องให้กับเรา ประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยการทำงานร่วมกัน ต้องมีความเป็นทีมที่จะสามารถขับเคลื่อนเรื่องยากๆ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน 

“ทีมจะต้องมาหนุนเสริม 4 ปัจจัยหลักคือ 1. คือจินตนาการ อุดมการณ์ ความคิด ความฝันและความเข้าใจ ในโลกที่เปลี่ยนไปในเรื่องของเทคโนโลยี และจะเอาความเปลี่ยนแปลงนั้นมาทำให้ประโยชน์ให้กับประชาชนและขับเคลื่อนประเทศได้อย่างไร 2. ประสบการณ์ เป็นสิ่งสำคัญที่จะแปรความคิดความฝันไปสู่ความเป็นจริง ต้องบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไร 3. ต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำเรื่องยากได้ และ 4. สำคัญมากคือต้องมีไฟ มีกำลังแรงกล้าที่จะลงมือ ซึ่งเมื่อเรามอง ปัจจัยเหล่านี้ จะเห็นว่ามีความสำคัญอย่างมาก วันนี้เราพูดได้เลยว่าพรรคชาติพัฒนากล้าเรามีครบทุกองค์ประกอบที่พร้อมจะทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง สร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน ทำให้คนรุ่นใหม่ มีความรู้สึกมีความหวัง อนาคตของตัวเองและบ้านเมือง” นายกรณ์ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top