Sunday, 27 April 2025
NEWS

ตำรวจท่องเที่ยวปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย เตรียมพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568

​​​ตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว “สร้างรายได้ สร้างความสุข สร้างความปลอดภัย” ยกระดับการรักษาความปลอดภัยและการดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้

​​(24 ธ.ค.67) เวลา 17.00 น. ณ บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจัด พิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568 โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ. กรไชย  คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร.,  พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. นางสาวนัทรียา ทวีวงส์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทูตานุทูต และข้าราชการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยร่วมบูรณาการ รวม 135 นาย

​​ไฮไลต์สำคัญของพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงกำลังความพร้อมในการดูแลนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ยังเป็นโอกาสเปิดตัว Thailand Tourist Police Application (TTPB-APP) ของขวัญที่ตำรวจท่องเที่ยวมอบให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน โดยมีจุดสำคัญ คือการให้นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยว แจ้งเหตุฉุกเฉิน และแชร์โลเคชั่นได้แบบออนไลน์ เพื่อรับความช่วยเหลือจากตำรวจท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้ ยังมีการสาธิตระบบปฏิบัติการรถโมบายตำรวจท่องเที่ยวเคลื่อนที่ ซึ่งจะออกประจำการในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศในปี 2568 ที่จะถึงนี้ด้วย

สตม. เร่งรัดปราบปราม การกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว 

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ให้ สตม. เร่งรัดปราบปราม การกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงาน 3 สัญชาติ นั้น  

วันนี้ (24 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.ปรก.รอง ผบช.สตม. , นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร  พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3,  พ.ต.อ.ปัณณวิช จันทร์สมบูรณ์ รอง ผบก.ปรก.รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.ฯ ปรก.รอง ผบก.ตม.3

พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3
 
พร้อมด้วยกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัด สตม. ได้แก่ ตม.จว.สมุทรสาคร, กก.สส.บก.ตม.3, บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร  รวมกว่า 100 นาย  ได้เข้าตรวจสอบบริเวณตลาดกลางกุ้ง เพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรมมช่วงวันคริสมาสต์ และเทศกาลปีใหม่

ตรวจสอบคนต่างด้าว บริเวณตลาดกลางกุ้ง ต.ท่าทราย อ.เมือง จว.สมุทรสาคร
เมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุ พบคนต่างด้าว 3 สัญชาติ กว่า 500 ราย ทำงานอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าว  
ผลการปฏิบัติ จับกุมผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ดังนี้

1. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 20  ราย  
2.ข้อหา เป็นคนต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวไม่พักอาศัย ณ ที่ ที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม  ม.37(2) จำนวน  1 ราย

รวมทั้งสิ้น 21 ราย  

ซึ่งตลอดทั้งปี 2567 ทาง ตม.จว.สมุทรสาคร ได้จับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย หรือเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวนกว่า 1,500 ราย

ทั้งนี้พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.ปรก.รอง ผบช.สตม.  ยังได้เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการทำงานในด้านต่างๆ ดูได้จากการที่ ครม. มีมติผ่อนผันการทำงานของแรงงานต่างด้าว ตลอดจนปัจจุบันก็อนุญาตให้คนต่างด้าวสามารถทำงานขายของหน้าร้านได้ โดยต้องมีนายจ้างและอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดโดยกระทรวงแรงงาน นั้น

แต่ก็ยังคงมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายทั้งโดยเจตนา หรือโดยความไม่รู้ของผู้ประกอบการ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองก็มิได้นิ่งนอนใจ ส่วนหนึ่ง จึงได้มีการกวดขัน ปราบปราม เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดและบังคับให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ เจ้าของร้านที่มีลูกจ้างเป็นต่างด้าวขายของหน้าร้าน ผู้ประกอบการต้องอยู่ประจำที่ร้านหรือสถานประกอบการด้วย เป็นการยืนยันว่ากิจการดังกล่าวเป็นกิจการของนายจ้างคนไทยทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแฝงตัวของคนต่างด้าว กรณีประกอบกิจการเองโดยผิดกฎหมาย

จันทบุรี พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะเยี่ยมบำรุงขวัญทหาร/ตชด

(24 ธ.ค.67) พลเรือโท สมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด พันตำรวจเอก พรชัย แช่มช้อย ผู้กำกับการ ตชด.11และพันตำรวจโท คณิศร์ ผิวขาว รองผู้กำกับการ ตชด.11พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ร่วมให้การต้อนรับพลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะ ในการตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญหน่วยปฏิบัติงานสนามในพื้นที่ กปช.จต. ณ บก.กปช.จต. จ.จันทบุรี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะ ขึ้นแท่นรับความเคารพจากหน่วยทหาร ตชด. ที่หน้ากองบัญชาการ ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้มีทหารและตชด.ร่วมต้อนรับ ทหารเข้ารายงาน ภารกิจต่างๆ การบฏิบัติงานตามแนวชายแดนด้านจันทบุรี ต่อท่านรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ท่านได้กล่าวชื่นชมการทำงาน ของหน่วยทหารและ ตชด.

อนึ่งในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ:
- ส่งเสริมขวัญกำลังใจของหน่วยปฏิบัติงาน ในการปฏิบัติงานในพื้นที่ตามแนวชายแดนที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ตรวจสอบการปฏิบัติงานและความพร้อมของหน่วยทหารและตชด.ในพื้นที่ จ.จันทบุรีการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานทหาร ตชด.ตำรวจ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ 

ไปที่ห้องประชุม พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะ ได้เข้าร่วมประชุมกับหน่วยทหารที่ปฏิบัติตามแนวชายแดนด้านจันทบุรี พร้อมกับหน่วย ตชด. ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ได้กำชับถึงการทำงานในพื้นที่ตามตะเข็บชายแดนที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชาให้เน้นถึงความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง รวมถึงการกระทบกระทั่งระหว่างกองกำลังทั้งสองประเทศ การป้องกันปราบปรามการกระทำผิดทุกรูปแบบ ในเรื่องของการลักลอบขนถ่ายสินค้าที่หนีภาษีอาทิเช่นเนื้อหมู เนื้อไก่ สัตว์ต่าง ๆ เพราะไม่ได้ผ่านการตรวจของกรมปศุสัตว์ อาจมีเชื้อโรคเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศของเราได้เนื่องจากไม่ได้ผ่านการตรวจอย่างถูกต้อง และยังเน้นย้ำ ถึงเรื่องการลักลอบขนของหนีภาษี ตามชายแดน อาทิเช่นบุหรี่ เหล้า ไพ่ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านการเสียภาษี สิ่งของต่างๆที่ไม่ได้ผ่านศุลกากร หรือตามช่องทางที่ถูกต้อง หรือแอบลักลอบขนย้ายตามช่องทางธรรมชาติ 

ต้องขยันออกเดินเท้าตามแนวชายแดน ที่มีรายงานว่าแอบลักลอบหรือแอบขนข้ามคลอง หรือข้ามแนวเขตตามป่าเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ของหนีภาษีเคลื่อนย้ายเข้ามาในจังหวัดจันทบุรี นั้นทำรายได้กับผู้ที่ลักลอบขนย้ายเป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากไม่ต้องผ่านการเสียภาษีแต่ไปขายในราคา ดีได้กำไรมาก สินค้าที่รอบขนข้ามฝั่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จะเข้ามาตามแนวตะเข็บชายแดนด้านอำเภอสอยดาวและโป่งน้ำร้อนในพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรีเพื่อ กระจายสินค้าไปจังหวัดต่าง ๆ อีก ส่วนด้านการค้ามนุษย์ ก็ต้องตรวจเข้มตรวจการเข้าออก ตามด่านที่มีอยู่ในจังหวัดจันทบุรี ในสองด่านคือด่านบ้านเขาแหลมและด่านบ้านเขาเกลือ ในการตรวจพาสปอร์ตหรือหนังสือผ่านแดน สำหรับบุคคลที่จะเข้าออก เดินทางเข้ามาในจังหวัดจันทบุรี และการป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดน การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า  

ซึ่งเป็นภารกิจที่ทหารและ ตชด. ทั้งสองหน่วยนี้ปฏิบัติและประสานงานทำงานร่วมกันบูรณาการในการจับ กวดขันและการออกลาดตระเวนร่วมกัน ในพื้นที่ตามตะเข็บชายแดน ด้านจังหวัดจันทบุรี กันเป็นประจำการปฏิบัติครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของหน่วย และชื่นชมหน่วย กก.ตชด.11 ในการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานหทหารที่ร่วมปฏิบัติ งานของการปฏิบัติในการตรวจตราและเสริมกำลังของทหารอย่างดีเยี่ยม จึงมีผลงานในการปฏิบัติเป็นที่น่ายกย่อง นี่คือทหารของประชาชน 

ชลบุรี-รวมผู้กระทำผิดกว่า 600 ราย จาก ผบก.ชลบุรี ผนึกกำลังเปิดปฏิบัติการ "ล้างบางปรสิต EP.2 ขจัดพิษร้ายซอยจอมเทียน" 

(24 ธ.ค. 67) สืบเนื่อง จากปฏิบัติการ "ล้างบางปรสิต" ที่ได้เปิดปฏิบัติการภายใต้นโยบายของ พลตำรวจโท ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เปรียบเสมือน "ปรสิต" ที่คอยกัดกินความสุข ความเป็นอยู่ที่ดี และยังคอยทำร้ายพี่น้องประชาชน นับว่าเป็นปฏิบัติการที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและมีผลการจับกุมได้จำนวนมาก

ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีนำโดย พลตำรวจตรีธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้ดำเนินการต่อยอดโดยเปิดปฏิบัติการ "ล้างบางปรสิต EP.2 ขจัดพิษร้ายซอยจอมเทียน" มุ่งเน้นกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่เป้าหมายอาคารพาณิชย์ ภายในซอยจอมเทียนซอย 2,3 และ 4 เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่เป้าหมายที่มีการแพร่กระจายของยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้จำหน่ายและผู้เสพ จนปรากฎเป็นภาพข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ อีกทั้งระดมกวาดล้างชาวต่างชาติที่แฝงตัวเข้ามาและทำงานผิดกฎหมาย โดยได้เปิดปฏิบัติการในช่วงเช้า เวลา 06.00 น. ของวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้กระทำความผิด ได้ดังนี้

1. ปฏิบัติการจอมเทียน 3 ซอยโมเดล
- จับกุมยาเสพติดในข้อหาจำหน่าย 5 ราย ,คดีครอบครองยาเสพติด 15 รายและข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ 82 ราย รวมจับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 93 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้าจำนวน 981 เม็ดและยาไอซ์รวม 53 กรัม
- จับกุมคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด Overstay  5 ราย, เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 6 ราย, ความผิดตาม ม.38 เป็นเจ้าบ้านฯ รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชม. 16 ราย รวมจับกุมผู้ต้องหาใน พรบ.คนเข้าเมือง 27 ราย

2. ปฏิบัติการบุกทลายแก๊งชาวต่างชาติทำผิดกฎหมาย
- ตรวจค้นบ้านพักย่าน ถ.เทพประสิทธิ์ ตามหมายค้นศาลแขวงพัทยา 2 หลัง จับกุมชาวต่างชาติรวมกลุ่มกันในลักษณะแก๊งคอลเซนเตอร์ และหลอกขายสินค้าโดยใช้ประเทศไทย เป็นฐานที่มั่น ได้ 13 ราย (จีน 10 ราย เกาหลี 3 ราย) พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือกว่า 60 รายการ
- จับกุมชาวต่างชาติ (จีน) 2 ราย ในข้อหาลักทรัพย์ เครื่องรับ-ส่งสัญญาณติดเสาสัญญาณโทรศัพท์ บริษัทเครื่อข่ายโทรศัพท์มือถือค่ายใหญ่ ตรวจยึดของกลางเป็นเครื่องขยายสัญญาณโทรศัพท์ 94 เครื่อง รวมมูลค่า 8 ล้านบาท ได้ที่บริเวณพื้นที่ สภ.หนองขาม
- จับกุมชาวต่างชาติ (ฮ่องกง) ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าขาย โดยตั้งฐานการผลิตในโรงแรมหรูกลางเมืองพัทยา พร้อมตรวจยึดหัวบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 1,300 ชิ้น (จากการล่อซื้อ), ตัวบุหรี่ไฟฟ้า, ก้นบุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า, ผงส่วนผสมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอีกจำนวนมาก และอาวุธปืนแบบกึ่งอัตโนมัติไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน

3.ปฏิบัติการกวาดล้างความผิดตาม พรบ.คนเข้าเมืองของ สตม. ตั้งแต่เปิดปฏิบัติการ "กวาดล้างปรสิต" จนถึงปัจจุบัน
-จับกุมคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด Overstay 10 ราย, เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 253 ราย, ความผิดตาม ม.38 เป็นเจ้าบ้านฯ รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชม. 116 ราย, ความผิดตาม พรก.การทำงานของคนต่างด้าว 28 ราย และหมายจับ 26 ราย 

โดยปฏิบัติการดังกล่าว เป็นเพียงหนึ่งในนโยบายในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดที่เป็นปัญหาเรื้อรังระดับชาติ และคดีอื่นๆ รวมแล้วกว่า 600 ราย

อีกทั้ง หากไม่กำจัดให้สิ้นซาก จะเป็นภัยแก่สังคมและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องเติบโตและใช้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยยาเสพติด โดยตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จะดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อสร้างความปลอดภัย จนเกิดความอุ่นใจ นำไปสู่ความเชื่อมั่นของประชาชนและสายตาชาวโลก ดังวิสัยทัศน์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน”
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

ผบก.ตม.1 ร่วมพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year 2025)

(24 ธ.ค. 67) เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ 2568 และให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานในพื้นที่ในการจัดพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรมฯ  

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 เป็นผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 เข้าร่วมการปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year2025) ซึ่งจัดโดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พิธีจัดขึ้นโดยมี นายสรสงงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี และมีหน่วยงานเข้าร่วมพิธีปล่อยแถว เช่น ....

พิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year 2025) จัดขึ้นเพื่อเเสดงให้เห็นถึงความพร้อม ของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สามารถดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่จะถึงนี้ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองได้มีการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตรวจนครบาล 1 – 9 โดยจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสืบสวนหาข่าว และเจ้าหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วใช้รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (SMART PATROL CAR : SPC)ออกสืบสวนหาข่าวและตรวจพื้นที่บริเวณสถานที่จัดงานและในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น

ทั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงวันคริสต์มาส และวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2568 ช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 17 – 23 ธันวาคม 2567 (7 วัน) และช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2567 – 2 มกราคม 2568 (7 วัน) โดยกำหนดเป้าหมายในการระดมกวาดล้าง เช่น
1. เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบุคคลและหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ที่เดินทางเข้าออกประเทศ หรือมายื่นคำร้องขออยู่ต่อในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวด้วยความระเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ มีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาให้เข้ามาในราชอาณาจักรหรือเป็นบุคคลต้องห้ามตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
2. เตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์และยานพาหนะ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานตำรวจท้องที่ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงเมื่อได้รับการร้องขอ พร้อมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุตามมาตรฐานการปฏิบัติ (SOP)
3. เพิ่มความเข้าในการสืบสวน ปราบปราม และจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เช่น นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หลบหนีเข้าเมือง ช่วยเหลือซ่อนเร้นคนต่างด้าวให้พ้นการจับกุม อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVER STAY) หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบของขวัญปีใหม่ 2568 “สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน”แถลงผลการระดมกวาดล้างในช่วงวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ 2568 

ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

(24 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และผลการระดมกวาดล้างก่อนวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมีผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจสันติบาล , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน  ฯลฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งในภาพรวมการจัดงานทั่วประเทศ มีจำนวน 695 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 258 แห่ง และจังหวัดอื่น ๆ 437 แห่ง โดยแบ่งเป็นพื้นที่การจัดงานขนาดใหญ่ 47 แห่ง และได้เตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลองทั่วประเทศ 8,468 นาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ในห้วงวันที่ 17 - 23 ธันวาคม 2567 มีผลการดำเนินการ ดังนี้

1. อาชญากรรมทั่วไป รวมจับกุม 36,609 คดี ผู้ต้องหา 37,574 คน ตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 114,225,749 บาท
- ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และสถานบริการ รวมจับกุม 31,036 คดี ผู้ต้องหา 32,172 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 103,490,764 บาท / ในส่วนคดียาเสพติด จับกุมได้ 10,465 คดี ผู้ต้องหา 10,461 คน ตรวจยึดยาเสพติดของกลาง ยาบ้า 10,833,177 เม็ด ยาไอซ์ 8,209.51 กรัม เคตามีน 620.59 กรัม เฮโรอีน 81.3 กิโลกรัม ฝิ่น 3,428 กรัม ยาอี 273 เม็ด โคเคน 213 กรัม กัญชา 18.16 กิโลกรัม น้ำกระท่อม 44,000 มิลลิลิตร 

- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน รวมจับกุม 1,664 คดี ผู้ต้องหา 1,595 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 10 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 1,062 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน 345 กระบอก วัตถุระเบิด 1,075 ลูก พลุ/ดอกไม้ไฟ 248 ดอก เครื่องกระสุนปืน 7,618 นัด มูลค่า 5,574,133 บาท

- จับกุมบุคคลตามหมายจับ รวม 3,909 หมายจับ ผู้ต้องหา 3,807 คน

2. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 
- ความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน หลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย เผยแพร่ข่าวปลอม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และพนันออนไลน์ รวมจับกุม 3,519 คดี ผู้ต้องหา 3,490 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 712,266,009 บาท      

- ความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 (บัญชีม้า ซิมม้า) รวมจับกุม 447 คดี ผู้ต้องหา 427 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 284,940 บาท 

พร้อมกันนี้ได้วาง 10 มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 ได้แก่ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนถึงกำหนดการจัดงานตามเทศกาล สืบสวนหาข่าว เฝ้าระวังการลักลอบขนย้ายและการจำหน่ายยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่จัดงาน เฝ้าระวังการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรของบุคคลกลุ่มเสี่ยง รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ตลอดจนการดำเนินโครงการ “ร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ” (ฝากบ้าน 4.0) ระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2567 ถึง 2 มกราคม 2568 และแสวงหาความร่วมมือจากภาคประชาชน 

อีกทั้งยังได้วาง 3 มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เช่น ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 และเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งเน้นลดอุบัติเหตุทางถนน ตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1 – 9 ดำเนินการปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 พร้อมกันทั่วประเทศ 71 จุด โดย พล.ต.อ.ประจวบฯ เป็นประธานพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้แทนหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานภาครัฐ องค์กรส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร มูลนิธิ และภาคประชาสังคมในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า วันคริสต์มาส และห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2568 มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและพักผ่อนในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก ตลอดจนมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยว 

ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันและลดอุบัติทางถนน และอำนวยการจราจรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดวามสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชนและสังคมในช่วงเทศกาลปีใหม่ 

สวนนงนุชพัทยานำช้างซานตาคลอส ร่วมขบวนพาเหรดพร้อมมอบของขวัญคนเกิดเดือนมกราคมเข้าฟร

วันที่ (24 ธ.ค. 67)  เวลา 09.30 น. สวนนนงนุชพัทยา โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำช้างแสนรู้แต่งกายด้วยชุดซานตาคลอส รวมทั้งนักแสดงชายหญิง แต่งกายเป็นซานตาคลอสและแซนตี้  ร่วมเดินขบวนพาเหรดต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส  และส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่สำหรับคนที่เกิดเดือนมกราคม ฟรีบัตรผ่านประตูตลอดเดือน

วันหยุดยาวปีนี้อย่าพลาดพาครอบครัวเที่ยวสวนนงนุชพัทยา สวนที่ติดหนึ่งในสิบสวนที่สวยที่สุดในโลก ในโฉมใหม่ที่มีการประดับตกแต่ด้วยดอกไม้นับหมื่นต้น สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิใหม่ล่าสุด พระพิเฆศ เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ เป็นต้น เพื่อเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ชมสวนสวยมากกว่า 60 สวน น้องๆหนูๆพลาดไม่ได้กับความยิ่งใหญ่ของหุบเขาไดโนเสาร์ ที่มีมากกวา 1,700 ตัว

สำหรับผู้ที่เกิดเดือนมกราคมรับสิทธิ์เพียงแสดงบัตรประชาชน ส่วนโปรโมชั่นอื่นสำหรับเด็กที่มีความสูงไม่เกิน140 ซม.(ที่มากับครอบครัว) และผู้พิการเข้าฟรีทุกวัน ผู้สูงอายุ (มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป)เข้าชมสวนฟรีทุกวันศุกร์ สำหรับท่านที่สนใจชมการแสดงนงนุชโชว์ และการแสดงของน้องช้างแสนรู้ มีการแสดงวันละ 4 รอบ ณ โรงละครสกาลานงนุชพัทยา  สวนนงนุชพัทยาเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.00-18.00 น. สามารถสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ www.nongnoochpattaya.com

กมธ.การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภาประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

กมธ.การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา เดินทางไปราชการเพื่อประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บริหาร และผู้แทนของหน่วยงานในกำกับของกระทรวง

เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.67) เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 801 ชั้น 8 คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา โดยนายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล ประธานคณะกรรมาธิการ และคณะ เข้าร่วมประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ

ซึ่งได้หารือและให้ความคิดเห็นในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Protection) การศึกษาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดการกับข่าวปลอมและเนื้อหาอันตราย ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่ควรเร่งดำเนินการแก้ไข

ทั้งนี้ การประชุมรับฟังความคิดเห็นร่วมกันในครั้งนี้ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมอง ข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนและพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสนองต่อความต้องการของประชาชนและส่งเสริมความก้าวหน้าของประเทศไทยในยุคดิจิทัลต่อไป

สุราษฎร์ธานี-เปิดรับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีวันแรกคึกคัก มีผู้สมัครร่วมชิงชัยทั้งอดีตนายก อบจ.คนล่าสุด อดีต สส. และอดีตข้าราชการชื่อดัง 

(23 ธ.ค.67 ) เวลา 08.00 น. ที่ศูนย์กลางการประชุมภาคใต้ตอนบน ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี  เปิดรับสมัครการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นวันแรก  ซึ่งวันนี้ทั้งในส่วนของนายก อบจ. และ ส.อบจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกองเชียร์ต่างเดินทางมาส่งกำลังให้ผู้สมัครของตนอย่างคึกคัก โดยมีผู้สมัครนายก อบจ. เดินทางเข้ามาสมัครเป็นจำนวน 5 คน  ประกอบด้วย นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายก อบจ.คนล่าสุด ลงในนามกลุ่มคนรักสุราษฎร์ , นางโสภา กาญจนะ อดีต สส. สุราษฎร์ธานี กลุ่มพลังสุราษฎร์ , นายวิเชียร จันทร์บัว กลุ่มสุราษฎร์ก้าวใหม่ , นายแพทย์ จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในนามพรรคประชาชน และนายสมพล สิงหพล อดีตผู้สมัคร สส. เขต 4 สุราษฎร์ธานี ทีมสุราษฎร์ยุคใหม่ ซึ่งแต่ละคนมายื่นใบสมัครพร้อมกันก่อนเวลา 08.30 น. ขณะที่การรับสมัคร ส.อบจ. จำนวน 19 รวม 36 เขต ต่างมีผู้สมัครแต่ละเขตเข้ามายื่นใบสมัครเช่นเดียวกัน

โดยนายฉัตรชนัย โนต๊ะยศ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งได้นำผู้สมัครนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดไปแสดงตนและยื่นใบสมัคร จากนั้นมีการรับสมัครตามขั้นตอนและให้ผู้สมัครจับฉลากหมายเลขเพื่อใช้ในการหาเสียงต่อไป  

โดยแต่ละคนได้ลำดับหมายเลขดังนี้  
หมายเลข 1 ได้แก่ นายสมพล สิงหพล 
หมายเลข 2 ได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว 
หมายเลข3 ได้แก่ นายวิเชียร จันทร์บัว 
หมายเลข 4 คือ นางโสภา กาญจนะ 
และหมายเลข5 คือ นายแพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์
หมายเลข 6 นายกฤษณ์ บุญประสพ

ซึ่งปรากฏว่าทุกคนต่างพอใจในหมายเลขของตนเองและพร้อมเดินหน้าลงพื้นที่หาคะแนนเสียงต่อไป

‘รองนายกฯ ประเสริฐ - รมต. จิราพร' ย้ำที่ประชุม ‘กปช.’ เร่งขับเคลื่อนงานประชาสัมพันธ์ภาครัฐ เน้นนำเสนอนโยบายที่เห็นผล-เข้าถึงประชาชน ชู ‘ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ผลงานสำคัญของรัฐบาล

(23 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน กปช. และคณะกรรมการ กปช. เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานสำคัญประจำปี พ.ศ. 2567 ภายใต้การกำกับของ คณะ กปช. พร้อมทั้งพิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568       

นายประเสริฐ กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันทำงานเพื่อขับเคลื่อนสนับสนุนและผลักดันให้แผนปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 ฉบับนี้ ให้บรรลุเป้าหมาย ผ่านการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐทั้ง 20 กระทรวง อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นแนวทางการประชาสัมพันธ์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานประจำปีนำเสนอต่อ ครม. อีกทั้งเน้นย้ำนโยบายของรัฐบาล ทั้งนโยบายระยะยาวเชิงโครงสร้างและนโยบายสำคัญในปี 2568 ผ่านการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิตสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง  ซึ่งนโยบายต่างๆเหล่านี้จะขับเคลื่อนไปสู่ประชาชนโดยผ่านหน่วยงานต่าง ๆ จากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม 

นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ประชุม กปช. ได้เน้นย้ำการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในการแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนนโยบายด้านดิจิทัลเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ได้แก่ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ โดยขอความร่วมมือคณะกรรมการฯ และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน การทำงาน เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาภัยออนไลน์ และผลักดันการแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์อย่างแท้จริงไปด้วยกันทุกภาคส่วนงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้นำเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่มีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรายงานการเตรียมความพร้อมสำหรับอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่จะมาถึงด้วย

'เผ่าภูมิ' ส่งท้ายปี 67 มอบสัญญาเช่าที่ดิน สระบุรี 'เอาที่รัฐ ให้ราษฎร์ทำกิน' ถูกเพียงปีละ 200 บาท/ไร่

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวในโครงการ 'ธนารักษ์เอื้อราษฎร์' สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน ในอำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ว่า

กระทรวงการคลัง มอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้พี่น้องประชาชน ตามโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ 'สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน' 'เอาที่รัฐ ให้ราษฎร์ทำกิน' โดยในวันนี้เป็นการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สบ.689 ต.บ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี และแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สบ.5, สบ.275, สบ.325, สบ.642 รวม 120 ราย (154 สัญญา) เนื้อที่ประมาณ 46 ไร่ 1 งาน 94.40 ตารางวา เป็นเพื่ออยู่อาศัย จำนวน 106 ราย (115 สัญญา) เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ 1 งาน 47.40 ตารางวา และ เพื่อการเกษตร 39 สัญญา เนื้อที่ประมาณ 29 ไร่ 47 ตารางวา ในอัตราค่าเช่าผ่อนปรน ดังนี้
- เช่าเพื่ออยู่อาศัย อัตราค่าเช่า ตารางวาละ 0.75 บาท/เดือน
- เช่าเพื่อประกอบเกษตรกรรม อัตราค่าเช่า ไร่ละ 200 บาท/ปี

โดยสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้ประชาชน ตามโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ 
1. ช่วยให้ประชาชนมีที่ดินทำกินในอัตราค่าเช่าถูก มีรายได้ที่มั่นคง และมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง 
2. เข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานของรัฐ ทั้งสาธารณูปโภค สาธารณูปการ (น้ำ ไฟ ฯลฯ)
3. นำไปเป็นส่วนหนึ่งในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ 
4. สามารถไปยื่นขอบ้านเลขที่ ขอทะเบียนบ้านได้
5. สามารถได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลในกรณีต่างๆ เช่น ภัยพิบัติ น้ำท่วม ฯลฯ

กระบี่สมัครนายก อบจ.กระบี่วันแรกช่วงเช้า 'โกหงวน' นำทีมมีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.คนแรก

(23 ธ.ค.67)การเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่(นายก อบจ.กระบี่) และ และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่(ส.อบจ.กระบี่) ที่ห้องประชุมช้างเผือก องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา(23 ธ.ค.67) บรรยากาศเป็นไปค่อนข้างคึกคัก มีผู้สมัครรับเลือกตั้งพร้อมกองเชียร์ไปถึงสถานที่รับสมัครก่อนเวลา 08.30 น.พร้อมมีการเตรียมพวงมาลัยดาวเรืองไว้คล้องคอผู้สมัครที่สนับสนุนด้วย

ในส่วนของผู้สมัครนายก อบจ.กระบี่ มีผู้ไปลงชื่อยื่นใบสมัครก่อนเวลา 08.30 น.เพียงคนเดียวคือนายสมศักดิ์  กิตติธรกุล อดีตนายก อบจ.กระบี่สมัยที่ผ่านมา ยื่นใบสมัครในนามกลุ่มรักกระบี่ โดยไม่ต้องจับสลากหมายเลข ทำให้ได้หมายเลข 1 โดยอัตโนมัติ

สำหรับผู้สมัคร ส.อบจ.กระบี่ ส่วนใหญ่ไปลงชื่อก่อนเวลา 08.30 น. ทำให้เขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครลงชื่อก่อนเวลา 08.30 น.มากกว่าหนึ่งคนถือว่ามาพร้อมกัน เจ้าหน้าที่ใช้วิธีจับสลากเพื่อเลือกลำดับการยื่นใบสมัครก่อนหลัง หากผู้สมัครมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม มีเอกสารหลักฐานการสมัครถูกต้อง ครบถ้วน ก็จะได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครตามที่ผู้สมัครจับสลากได้ ไปใช้ในการหาเสียงต่อไป

สำหรับจังหวัดกระบี่ มีเขตเลือกตั้งนายก อบจ. 1 เขตเลือกตั้ง ส่วน ส.อบจ.มีเขตเลือกตั้ง 24 เขต  ดังนี้ อ.เมืองกระบี่  6 เขต อ.คลองท่อม 4 เขต อ.เหนือคลอง 3 เขต อ.อ่าวลึก 3 เขต อ.เขาพนม 3 เขต อ.ปลายพระยา 2 เขต อ.เกาะลันตา 2 เขต และ อ.ลำทับ 1 เขต โดยกำหนดวันเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ....

มุกดาหาร​ -​รับสมัครนายก อบจ.มุกดาหาร วันแรกสุดคึกคัก อดีตนักการเมืองแห่สมัครชิงเก้าอี้

(23 ธ.ค.67​) ที่หอประชุม 250 ปี จังหวัดมุกดาหาร ได้จัดให้มีการรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายจักรรินทร์ ชาลีพุทธาพงษ์ ผู้อำนวยการการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ทรงยศวัฒนา ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ร่วมปฏิบัติหน้าที่ และมึนายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วยเช่นกัน

โดยบรรยากาศช่วงเช้าของวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในส่วนของการรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งแต่ละคนมาพร้อมกับกองเชียร์และรถขบวนแห่เป็นจำนวนมาก โดยมีนายสุพจน์ สุอริยพงษ์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ผู้สมัครจากพรรคประชาชน เดินทางมาเป็นคนแรก พร้อมกับนายณกร ชารีพันธ์ ส.ส. มุกดาหาร เขต 2 พรรคประชาชน และได้เข้าสักการะอนุสาวรีย์ พระยาจันทรศรีสุราช อุปราชามันธาตุราช (เจ้าจันทกินรี) เจ้าเมืองมุกดาหารคนแรก เพื่อเป็นสิริมงคล 

ขณะที่มีผู้มาสมัครก่อนเวลา 8.30 น. รวม 4 คน คือ นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ผู้สมัครจากพรรคประชาชน นายบุญฐิน ประทุมลี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร เขต 2 พรรคเพื่อไทย  พ.ต.ท. ดร.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร และนายคมสัน ไชยต้นเทือก อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านบางทรายน้อย อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร

โดยผู้สมัครดังกล่าวเดินทางมาถึงสถานที่รับสมัครก่อนเวลา 08.30 น. ถือว่ามาก่อนเวลาเปิดรับสมัคร และไม่สามารถตกลงในเรื่องเลขหมายประจำตัวกันได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ทุกคนดำเนินการจับฉลาก ผลปรากฏว่า นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ ได้หมายเลข 1 พ.ต.ท. ดร.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ หมายเลข 2 นายคมสัน ไชยต้นเทือก หมายเลข 3 นายบุญฐิน ประทุมลี หมายเลข 4 และนายวีระพงษ์​ ทองผา​ หมายเลข 5 มาสมัครเป็นคนสุดท้าย

พิจิตรรับสมัคร นายก อบจ.พิจิตร เจ้าสัวประดิษฐ์ปั่นหลานชายลงแข่งกับญาติผู้น้องชิงเก้าอี้ นายก เมืองชาละวัน

(23 ธ.ค.67) ที่สนามฟุตซอล ภายในสนามกีฬาจังหวัดพิจิตร ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร  คณะกรรมการการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร  ได้จัดให้มีการรับสมัคร นายก อบจ.พิจิตร และ สมาชิกสภา อบจ.พิจิตร หรือ สจ. บรรยากาศของผู้สมัครทั้ง 2 ทีม คือ ทีมของ พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ 'ผู้กำกับกบ' อดีตนายก อบจ.พิจิตร ที่สวมเสื้อยืดสีเหลืองคอปกสีเขียว และทีมของ นายกฤษฏ์ เพ็ญสุภา ซึ่งเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งมาในทีม บ้านเขียว ที่สวมเสื้อยืดสีเขียว แจ๊คเก็ตสีขาว มาแสดงตนในคูหารับสมัครก่อนเวลา 08.30 น. คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงให้จับสลากผลปรากฏว่า  พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ 'ผู้กำกับกบ' อดีตนายก อบจ.พิจิตร ได้เบอร์ 1, นายกฤษฏ์ เพ็ญสุภา ได้เบอร์ 2 นอกจากนี้ก็มี นายประชา โพธิ์ศรี ซึ่งเป็นผู้สมัครอิสระ แต่สวมเสื้อพรรคประชาชน มาสมัครและ ได้เบอร์ 3

จากนั้นบรรดาผู้สมัคร สจ.เขต ของแต่ละทีม ซึ่งจังหวัดพิจิตร มี สจ.เขต ได้ 30 คน/ 30 เขต  ซึ่งทั้ง 2 ทีม ต่างส่งครบเพื่อแข่งขันกันยึดพื้นที่และหาคะแนนเสียงในแต่ละเขตเพื่อจะได้หนุนหัวหน้าทีม ส่วนผู้สมัครเบอร์ 3 ที่ลงอิสระบินเดี่ยวมาคนเดียวไม่มีทีม สจ.เขต ดังนั้นเมื่อถึงเวลาคณะกรรมการการเลือกตั้งก็เรียกผู้สมัคร สจ.ของแต่ละเขต ทีละเขตเพื่อให้ตกลงกันว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ ว่าจะเอาเบอร์อะไร ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีผู้ลงสมัครแค่ 2 คน ในแต่ละเขตจะมี 3 คน แค่เพียง 2-3 เขต เท่านั้น แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ทำให้คอการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ ลูกหาบของผู้สมัคร นายก เบอร์ 2 กลับไม่ยอมที่จะใช้เบอร์ 2 แต่ขอเสี่ยงดวงจับสลากแย่งชิงเบอร์ 1 ทำให้ในหลายเขตหัวหน้าทีมกับลูกทีมต่างได้เบอร์ไปคนละทิศละทางจึงทำให้บรรดากองเชียร์ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกไปตามๆกัน ว่าสุดท้ายเค้าแข่งกันแบบไหนกันแน่ 

สำหรับบรรยากาศก่อนการสมัครในทีมของ พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ 'ผู้กำกับกบ' อดีตนายก อบจ.พิจิตร เบอร์ 1 ต่างเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ไม่มีการส่งเสียงเชียร์ สุภาพเรียบร้อย ซึ่งเป็นสไตล์ของ 'ผู้กำกับกบ' ในเอกลักษณ์ของ Police Man     

ซึ่งแตกต่างกับทีมของบ้านเขียวที่ส่ง นายกฤษฏ์ เพ็ญสุภา เบอร์ 2 ซึ่งเป็นหลานชายของ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เจ้าสัวหมื่นล้านพี่ใหญ่ของตระกูลภัทรประสิทธิ์ ที่ก่อนหน้านั้นเคยเชียร์ญาติผู้น้อง คือ พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ 'ผู้กำกับกบ' แต่เที่ยวนี้กลับใจปั่นหลานชายมาแข่งกับญาติผู้น้อง โดย นายประดิษฐ์ พาแกนนำหัวคะแนนตะโกนเสียงดังเป็นการข่มขวัญตัดไม้ข่มนาม 'ผู้กำกับกบ' ซึ่งเป็นญาติผู้น้อง แบบสิ้นเยื่อใยความเป็นญาติพี่น้อง รวมถึง นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร เขต 2 , นายภัทรพงศ์  ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร เขต 1 ที่ก้าวขึ้นมาเป็น สส.พิจิตร ในช่วงที่ 'ผู้กำกับกบ' ดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.พิจิตร ก็เอา สจ.ในทีมช่วยหนุนช่วยดัน นายวินัยญาติผู้พี่ และ นายภัทรพงศ์  หลานชายให้ได้เป็น สส.พิจิตร 

แต่มาในสนาม อบจ.พิจิตร ครั้งนี้ญาติผู้พี่และหลานชายต่างย้ายค่ายจะมาล้ม “ผู้กำกับกบ” เสียเอง ในส่วนของ สจ.ทั้ง 30 เขต ที่ในอดีตรวมกันเป็นหนึ่งเดียว พอถึงวันนี้ก็เหมือนสถานการณ์ 'ตกปลาในบ่อเพื่อน' ทีมบ้านเขียวก็ตกปลาจากบ่อของ “ผู้กำกับกบ” ไปเกือบครึ่ง แต่กลุ่ม สจ.หน้าเก่าที่มีดีกรีเป็น สจ.หลายสมัย หลายท่าน ต่างปักหลักขออยู่ทีม “ผู้กำกับกบ” แต่ สจ.หน้าใหม่แค่พรรษาเดียวต่างย้ายค่ายไปอยู่กับทีมบ้านเขียวกันเป็นแถว

ดังนั้นศึกครั้งนี้จึงนับได้ว่าเป็นศึกสายเลือดของครอบครัว “ตระกูลภัทรประสิทธิ์” ที่ลงสนามแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองกันเอง ในส่วนของพรรคการเมืองอื่นๆ อย่างเช่น สจ.ในมุ้งของเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย ต่างมาลง สจ.เขต อยู่กับทีม “ผู้กำกับกบ” ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายไพฑูรย์ แก้วทอง ราษฎรอาวุโส และเป็นบิดาของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ปัจจุบันเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้ส่ง สจ.เขต แต่ก็มีนัยยะว่าสนับสนุนทีม “ผู้กำกับกบ” ดังนั้นศึกการเลือกตั้ง นายก – สจ. เมืองชาละวันคงต้องรอดูว่าละครดัง หนังยาว เรื่องนี้จะลงเอยอย่างไรต่อไป
 

กาฬสินธุ์สมัครส.อบจ.วันแรกคึกคัก สส.เพื่อไทยนำทีมคนรุ่นใหม่สมัครไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

บรรยากาศรับสมัคร ส.อบจ.กาฬสินธุ์วันแรกสุดคึกคัก ผู้สมัครแชมป์เก่า และหน้าใหม่เดินทางมาสมัครกันตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่ ส.ส.หมู วิรัช พิมพะนิตย์ - สส.บอล พลากร พิมพะนิตย์ นำทีมผู้สมัครคนรุ่นใหม่ในนามพรรคเพื่อไทยเข้ารับสมัครอย่างพร้อมเพียง พร้อมเข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ด้าน 'สจ.เอ็ดดี้ ภูมินทร์' อดีตสจ.แชมป์เก่าขวัญใจประชาชนเขตอำเภอกุฉินารายณ์เดินทางเข้าสมัครย้ำขอรับใช้ประชาชนอีกครั้ง ด้านปธ.กกต.ประจำอบจ.กาฬสินธุ์ แนะผู้สมัครยึดระเบียบกฎหมายและเลือกตั้งสมานฉันท์

(23 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน จ.กาฬสินธุ์ (ส.อบจ.กาฬสินธุ์) ที่ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง ส.อบจ.กาฬสินธุ์วันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีผู้สมัครแชมป์เก่าและหน้าใหม่ ต่างพากันเดินทางมาสมัครกันตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนเวลา 08.00 น.ท่ามกลางกองเชียร์และประชาชนที่นำดอกไม้มามอบให้กำลังใจกันจำนวนมาก 

โดยมีนายธนภัทร ณ ระนอง รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ประธานกกต.ประจำอบจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ พ.ต.อ.กีรติกร อรมพัฒน์ภาคิน พ.จ.ต.สำเนียง หวังเจริญ นายเสกสรรค์ ทรัพย์นิเวศ กกต.ประจำอบจ.กาฬสินธุ์ นายนวัต บุญศรี ผอ.กกต.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กกต.และเจ้าหน้าที่อบจ.กาฬสินธุ์คอยอำนวยความสะดวกในการรับสมัคร

ขณะที่นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย และนายพลากร พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 2 พรรคเพื่อไทย ได้นำผู้สมัคร ส.อบจ.กาฬสินธุ์ เขต อ.เมือง อ.ยางตลาด และอ.ฆ้องชัยในนามพรรคเพื่อไทยรวม 9 คน นำโดยนายณัฐวัชต์ พิมพะนิตย์ หรือ 'สจ.เบ็นซ์' อดีตรองประธานสภา อบจ.กาฬสินธุ์ และอดีตสจ.อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เขต 4 เดินทางมารับอย่างพร้อมเพียง ซึ่งนายณัฐวัชต์ ยืนยันว่าทีมงานสมัครวันนี้ล้วนแล้วแต่มีความรู้ความสามารถ และพร้อมที่จะทำหน้าที่รับใช้ประชาชนและปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนนโยบายของนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ และภารกิจของอบจ.กาฬสินธุ์ โดยมีประชนและกองเชียร์เดินทางมามอบดอกไม้กันจำนวนมาก 

ทั้งนี้หลังรับสมัครเสร็จ ส.ส.วิรัช และส.ส.พลากร ได้พาทีมงานนำพวงมาลัย ดอกไม้ ธูป เทียน เข้าสักการะกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองภายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ทั้งศาลหลักเมือง หลวงพ่อองค์ดำ วัดกลางพระอารามหลวง อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร เจ้าเมืองคนแรกของกาฬสินธุ์ หอเจ้าบ้าน เพื่อความสิริมงคล และอธิษฐานขอพรให้ได้เป็นรับความไว้วางใจจากประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ส.อบจ.ต่อไป

ขณะที่นายภูมินทร์ ภูมิเขตร หรือ “สจ.เอ็ดดี้” อดีต สจ.เขตอำเภอกุฉินารายณ์แชมเก่าหลายสมัยคนสาธารณะขวัญใจประชาชนชาวอ.กุฉินารายณ์ก็ได้เดินทางมายื่นสมัครตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมผู้สมัคร ส.อบจ.เขาวง โดยมีแฟนคลับ กองเชียร์และประชาชนมามอบดอกไม้ให้กำลังใจจำนวนมาก ด้านนายเดชบดินทร์ พยุงแสนกุล อดีต สจ.อำเภอท่าคันโท แชมป์เก่าหลายสมัยก็ได้เดินทางมาสมัคร และพร้อมรับใช้ประชาชนเช่นกัน

ด้านนายธนภัทร ณ ระนอง รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ประธานกกต.ประจำอบจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับบรรยากาศรับสมัครวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก และเรียบร้อย ยังไม่พบเรื่องร้องเรียน อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงผู้สมัครทุกคนให้ยึดความถูกต้องและปฏิบัติตามกฎหมาย ทุกคนล้วนแล้วเป็นพี่เป็นน้องกันต้องรู้แพ้ รู้อภัย เลือกตั้งอย่างสมานฉันท์ ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่เองก็ยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เป็นกลาง สุจริต และเที่ยงธรรม 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top