Monday, 7 July 2025
NEWS

ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดี - ฟันวินัยเด็ดขาด ด.ต.หัวร้อน ภ.2 แจ้งข้อหาหนัก ชื่นชม “รองสารวัตร” เข้าระงับเหตุรวดเร็ว กล้าหาญ

(25 มี.ค. 68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า จากกรณี ด.ต.กิตติศักดิ์ ฯ  สังกัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับอดีตแฟนสาว และทำร้ายตำรวจสายตรวจ สภ.สัตหีบ ที่เข้าไประงับเหตุ จนทำให้ ร.ต.ต.พาสกร ภาชูระเบียบนา รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.สัตหีบ จว.ชลบุรี ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจตู้ยามเตาถ่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส นั้น ได้รายงาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบ ซึ่ง ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา พร้อมกำชับให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา พร้อมกำชับให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเฉียบขาดด้วย

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีว่า หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.คมสรร คำตุ่นแก้ว ผกก.สภ.สัตหีบ ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งคุมตัวผู้ก่อเหตุ กระทั่งเวลา 05.00 น. ด.ต.กิตติศักดิ์ เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ จึงได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น ดำเนินคดีข้อหา “เข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข โดยใช้กำลังประทุษร้าย ในเวลากลางคืน, ทำให้เสียทรัพย์, ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส” โดยตนกำชับให้ดำเนินคดีอย่างรอบคอบ ย้ำว่าแม้เป็นตำรวจก็ไม่มีการช่วยเหลือกัน ยิ่งเป็นตำรวจแล้วทำผิดเสียเองต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ส่วนการดำเนินการทางวินัย เป็นเรื่องของหน่วยต้นสังกัดที่จะดำเนินการต่อไป
 
ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า ต้องชื่นชม ร.ต.ต.พาสกร ที่เข้าระงับเหตุอย่างทันท่วงที โดยวันนี้ได้ มอบหมายให้  พ.ต.อ.อรรถพล  พงษ์สุพรรณ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบรี เป็นผู้แทนมอบเงินช่วยเหลือจากกองทุน Police Award และมอบกระเช้าเยี่ยมไข้เป็นการให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และขอให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยไว 

“ชื่นชมในการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหา ระงับเหตุความเดือดร้อนของประชาชนอย่างรวดเร็ว ด้วยความกล้าหาญ แม้ว่าตัวเองจะเสี่ยงอันตราย และจากนี้กำชับให้ตำรวจสายตรวจเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าระงับเหตุ โดยเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย” ผบช.ภ.2 กล่าว

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมกรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ เยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ สภ.สัตหีบ ที่บาดเจ็บจากการระงับเหตุทะเลาะวิวาท

(25 มี.ค. 68) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคุณนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ระดับ ตร./ประธานที่ปรึกษาโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” (ด้านตำรวจทุพพลภาพ) พร้อมด้วย ผศ.ดร.สุเนตร สุวรรณละออง รองประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 รักษาราชการแทนประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 , พ.ต.อ.อรรถพล พงษ์สุพรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และคณะแม่บ้านชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจ ร.ต.ต.ภาสกร ภาชูระเบียบนา รอง สวป.สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาทและช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่ง ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ก่อนถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและชิงอาวุธปืน แล้วหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ 

ในโอกาสนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ พร้อมด้วย คุณนภัสนันท์ฯ , ผศ.ดร.สุเนตรฯ และคณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 ได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ ร.ต.ต.ภาสกรฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว

จีน-ไทย เตรียมซ้อมรบทางทะเล ปลายมีนาคมนี้ ยกระดับความร่วมมือทางทหาร เสริมศักยภาพป้องกันภัยคุกคาม

(24 มี.ค. 68) กระทรวงกลาโหมของจีนได้เปิดเผยในวันนี้ว่า จีนและไทยกำลังเตรียมจัดการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันใกล้กับเมืองจ้านเจียง ในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนนี้

การซ้อมรบดังกล่าวจะเป็นการฝึกฝนร่วมกันระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและการป้องกันภัยคุกคามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานร่วมกันในภาวะสงครามทางทะเลและการจัดการกับภัยคุกคามทางทะเลในอนาคต

กระทรวงกลาโหมจีนระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะมีการฝึกปฏิบัติทางยุทธวิธี การฝึกซ้อมการป้องกันภัยคุกคามจากเรือดำน้ำ การป้องกันจากการโจมตีทางอากาศ รวมถึงการฝึกการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

และครั้งนี้ถือเป็นการขยายความร่วมมือด้านการทหารระหว่างจีนและไทย ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมองว่าความมั่นคงในภูมิภาคเป็นเรื่องสำคัญ การฝึกซ้อมร่วมกันจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในด้านยุทธศาสตร์และปฏิบัติการร่วมในสถานการณ์จริง

ทั้งนี้ การฝึกซ้อมครั้งนี้มีความสำคัญในการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างจีนและไทย โดยเฉพาะในด้านการทหารและการรักษาความสงบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ การซ้อมรบทางทะเลร่วมกันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีทางทหาร พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มุกดาหาร​ - ​ระทึก! กกล.สุรนารี บุกชาร์จแก๊งยาบ้ากลางสี่แยกดอนตาล รวบผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด

(24 มี.ค. 68) เจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) และหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เพื่อขนส่งไปยังพื้นที่ตอนใน จึงจัดกำลังตามแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เข้าซุ่มตรวจพื้นที่ บ้านอุบมุง อ. เขมราฐ จ.อุบลราชธานี กระทั่ง ต่อมาเวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เชฟโรเลต ทะเบียน กอ 616 อุบลราชธานี ต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงสี่แยก อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวจอดติดไฟแดง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการสกัดให้รถหยุดและขอตรวจค้นภายในรถพบกระสอบยาบ้า 6 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้าจำนวนประมาณ 1,200,000 เม็ด แต่ในระหว่างเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัว ชาย 2 คนที่นั่งมาในรถ ปรากฏว่า 1 ใน 2 คนร้าย ได้พยายามแย่งปืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้เกิดปืนลั่นใส่ต้นขาซ้ายของคนร้าย เจ้าหน้าที่จึงได้นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเขมราฐ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ อีกชุดหนึ่ง ยังได้ไล่ติดตามรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ แคป ทะเบียน ผพ 6913 อุบลราชธานี ซึ่งเป็นรถในกลุ่มขบวนการค้ายาบ้า ซึ่งขับหลบหนีไปอีกเส้นทางหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่สามารถติดตามไปสกัดไว้ได้ที่บริเวณ ถนนหมายเลข 2116 บ้านหนองเม็ก ต.ป่าไร่ อ.ดอนตาล จ. มุกดาหาร โดยสามารถควบคุมตัวชายและหญิง รวม 2 คนที่นั่งมาในรถไว้ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พร้อมด้วยยาบ้า และรถยนต์ 2 คัน นำส่ง พนักงานสอบสวน  สภ.เขมราฐ  ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#กองกำลังสุรนารีจับยาบ้าหนึ่งล้านสองแสนเม็ด #สี่แยกดอนตาล #อำเภอดอนตาล #จังหวัดมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

ลำปาง-ตร.ภ.จว.ลำปางแถลงจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ยึดยาบ้า 1,010,000 เม็ด ผู้ต้องหา 2 คน

(24 มี.ค. 68) เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง บูรณาการหลายหน่วยงานร่วมแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 คดี ผู้ต้องหา 2 คน รถยนต์ 1 คัน ของกลางยาบ้า 1,010,000 เม็ด ที่จับกุมได้บริเวณด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง โดยมีนางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, พล.ต.ต.ภูมิปัญญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง, พล.ต. วิชาญ ศรีภัทรางกูร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 5, ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ณ ที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง (แห่งใหม่)

โดยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 06.20 น. บริเวณถนนเส้นทางสายรองเถิน - แม่พริก (สายใน) ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มขบวนการยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดตากจะลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยจะใช้เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจยาเสพติดและใช้วิธีรถนำ - รถตาม เพื่อหลบเลี่ยงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจยาเสพติดกลุ่มผู้ต้องหาใช้ยานพาหนะรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน สฎ 9042 กรุงเทพฯ เป็นรถบรรทุกยาเสพติด และมีรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ หมายเลขทะเบียน บน 2601 ตาก เป็นรถนำทางและสำรวจเส้นทางอีกหนึ่งคัน หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 5 ได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไว้ตามเส้นทางและด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก
ต่อมา เมื่อรถยนต์ผ่านจุดซุ่มบนถนนสายรองแม่พริก - เถิน บริเวณบ่อขยะ หมู่ 1 อ.แม่พริก จ.ลำปาง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการด่านตรวจยาเสพติดจึงได้ทำการตั้งจุดสกัดบนถนนดังกล่าว ซึ่งมีแสงไฟสว่างเพียงพอ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ส่งสัญญาณไฟเพื่อให้รถเป้าหมายหยุดเพื่อตรวจสอบ แต่ผู้ขับขี่กลับเร่งความเร็วเพื่อพยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งติดตามรถคันดังกล่าวจนสามารถหยุดรถได้

จากการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบนายธนิน(นามสมมุติ) เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ดังกล่าว พบยาบ้าซุกซ่อนในกระสอบจำนวน 5 กระสอบ รวมประมาณ 1,010,000 เม็ด
จากการสอบถาม นายธนินฯ รับว่ารถยนต์หมายเลขทะเบียน บน 2601 ตาก เป็นรถนำเส้นทาง เจ้าหน้าที่จึงออกค้นหารถคันดังกล่าวจนพบจอดทิ้งไว้ บริเวณถนนเรียบน้ำวัง - บ้านท่าด่าน ห่างจากจุดสกัดประมาณ 2 กิโลเมตร โดยพบนายวันชัย (นามสมมุติ) อยู่บริเวณดังกล่าว จากการตรวจสอบรถยนต์คันนี้ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย นายวันชัยฯ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นคนขับรถนำเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจยาเสพติดจริง

จากการสอบถาม นายธนินฯ ให้การว่า ตนได้ขับรถยนต์เพื่อไปรับยาเสพติดบริเวณริมทางรถไฟ บ้านแม่พวก ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ และนำไปส่งปลายทางที่ จ.สระบุรี โดยมีนายวันชัยฯ ขับรถนำเพื่อสำรวจเส้นทาง โดยได้รับการว่าจ้างให้ลำเลียงยาบ้าเป็นจำนวน 500,000 บาท เบื้องต้นได้รับเงินค่าจ้างมาแล้วเป็นจำนวน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในส่วนของการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 20 มีนาคม 2568 ตำรวจภูธรจังหวัดลำปางได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จับกุมคดียาเสพติดจำนวน 1,405 คดี คดีรายสำคัญ 7 คดี ยาบ้ารวมประมาณ 22 ล้านเม็ด มูลค่าทรัพย์สินกว่า 24 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลลูกหลานหรือบุคคลใกล้ชิดที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยสามารถแจ้งข้อมูลผ่าน สายด่วนยาเสพติด 1599, สายด่วน 191, Line @inthanon1 (ผบช.ภ.5) และ Application Police i lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น และสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น เข้าพบจเรตำรวจแห่งชาติ ขอบคุณตำรวจไทยที่จับกุมบุคคลตามหมายจับ และช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่คณะทำงาน

(24 มี.ค. 68) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย และคณะ ได้แก่ นางอะคิยะมะ มาริ อัครราชทูตฝ่ายการเมือง , นายวาตานาเบะ นาโอโตะ เลขานุการเอกและผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ , นายซาโตะ โทโมโนริ เลขานุการโทและทูตตำรวจ (ฝ่ายกงสุล) , น.ส.แพรวพฤกษ์ จิตสกุลชัยเดช เจ้าหน้าที่สถานทูต พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ได้แก่ นายทารุอิ จุน สารวัตรใหญ่ และ นายโอโนกิ โชโกะ สารวัตรใหญ่ , ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดโอซาก้า ได้แก่ นายอิซุมิ ชิเกโตะ สารวัตรใหญ่ ,นายเดกุจิ มาซาฮิโระ สารวัตร และ นายโทชิโอกะ ทัสซึกิ ดาบตำรวจ ณ ห้องพรหมนอก อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขอเข้าพบเพื่อขอบคุณกรณีการจับกุม นายยามากูชิฯ บุคคลที่มีหมายจับประเทศญี่ปุ่น และการช่วยเหลือเหยื่อชาวญี่ปุ่นจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา พร้อมหารือเชิญเข้าร่วมประชุมการต่อต้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

โอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นได้มอบเกียรติบัตรให้กับ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ พร้อมคณะข้าราชการตำรวจที่ร่วมจับกุมและช่วยเหลือดังกล่าว จำนวน 27 ราย ได้แก่
1. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร  จเรตำรวจแห่งชาติ
2. พล.ต.ท.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6
3. พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
4. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
5. พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
6. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
7. พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ
8. พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
9. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
10. พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผู้กำกับการ (สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวน
สอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
11. พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์  รองผู้บังคับการกองการต่างประเทศ
12. พ.ต.อ.ชัช สูงสว่าง ผู้กำกับการฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ
13. พ.ต.ท.ธงชัย ชูแก้ว ผู้ช่วยนายเวร (สบ2) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
14. พ.ต.ท.จตุรงค์ ทองพันเลิศกุล รองผู้กำกับการฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 กองการต่างประเทศ
15. พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ ภาณุดุลกิตติ รองผู้กำกับการฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ
16. พ.ต.ท.ชัยภัทร น้อยศรี รองผู้กำกับการฝ่ายสื่อสิ่งพิมพ์ กองสารนิเทศ
17. พ.ต.ท.หญิง อัจฉรา ศรีพล สารวัตรฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ
18. พ.ต.ท.ภูริศ คำหมื่น สารวัตร กองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
19. พ.ต.ต.หญิง ภทรพัชร เพ็งคล้าย สารวัตรฝ่ายสื่อวิทยุกระจายเสียง กองสารนิเทศ
20. พ.ต.ต.โกเมน วรรณบวร  สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 
21. พ.ต.ต.ภาณุวัฒน์ สวาสดิ์นา  สารวัตร (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง    
22. พ.ต.ต.นฤดม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา สารวัตรฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ
23. ร.ต.อ.ศุภสัณห์ เนื่องศรี รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ 3 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจ
ท่องเที่ยว
24. ร.ต.อ.กรกต เทศทอง รองสารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการอาชญากรรมพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน 
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
25. ร.ต.อ.นันทวัฒน์ สนแจ้ง รองสารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้า
เมือง
26. ร.ต.ท.พิชญตม์ พุกเจริญ รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้า
เมือง
27. ร.ต.อ.หญิง พิชญากร สุขทวี รองสารวัตรฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยินดีอย่างยิ่งในการประสานความร่วมมือกับทางการญี่ปุ่น ตลอดจนนานาประเทศ ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งประเทศไทยจะเดินหน้าขับเคลื่อนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสานความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อต่อสู้และปราบปรามกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปโดยเร็ว

บุรีรัมย์ – วัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาทจัดพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบสร้างพระอุโบสถพร้อมมอบโลงศพแก่ผู้ยากไร้

(22 มี.ค. 68)  ที่ผ่านมาพระครูปลัดวิชาญ ธัมมโชโต (เจ้าอาวาส)วัดวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท พร้อมด้วยคณะสงฆ์เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบสร้างอุโบสถ โดยมี คุณ นิมิต สงค์สุข / คุณอำไพ สงค์สุขและ ครอบครัว สงค์สุข คุณ ณพล (สัมภาษณ์)บริบูรณ์ โฆษกพรรค ไทยชนะ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ การเงิน การคลัง สภาผู้แทนราษฎร, ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร  น.ส.นภชนก เหมือนนามอญ ที่ปรึกษา กมธ คุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ การเงิน การคลัง บริษัท ซินเทคคอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน)  บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท เออีเอเซีย consultant จำกัด ว่าที่ร้อยตรี ธนิตศักดิ์ ดารามั่น อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และครอบครัว และเพื่อนกัลยาณมิตร คุณอนันต์  กิ่งสร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวช่อง3 ภาคตะวันออก นางสาว สุชาดา แก้วเก้า   คุณ โกสินธ์ จินาอ่อน บรรณาธิการข่าว รายการเปิดฟ้า ช่อง5 คณะทำงานที่ปรึกษา/สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายสมหมาย จุฬาลักษณ์  สยมชัย  รองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ ภัทรวสุ ลักษณะหิริ ผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ร่วมเป็นประธานดำเนินการทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดพุทธป่าโคกปราสาท ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบสร้างอุโบสถ ยอดเงินผ้าป่า 374,502 บาท  โดยกิจกรรมในครั้งนี้คุณอำไพ สงค์สุขและ ครอบครัว สงค์สุข นายณพล (สัมภาษณ์)บริบูรณ์ โฆษกพรรค ไทยชนะ กิตติภพ โพธิ์ทอง ผู้ใหญ่อ๊อด ร่วมบริจาคโลงศพจำนวน 6 โลงมอบให้สมาคมกู้ภัยนางรองสัจธรรม ร่วมกับชมรมแสงธรรมนำทางวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาทโดยมีพระครูปลัดวิชาญ ธัมมโชโต เป็นจ้าอาวาสวัดวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท พร้อมด้วยคณะกรรมการเป็นผู้รับมอบเพื่อส่งต่อบุญไปให้กับโครงการศพผู้ยากไร้ต่อไป

พระครูปลัดวิชาญ ธัมมโชโต เจ้าอาวาสวัดวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาทวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท (กล่าวว่า)วัดพุทธป่าโคกปราสาท ตำบลหนองปล่อง อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์กำลังก่อสร้างอุโบสถซึ่งสร้างแล้วเสร็จประมาณ 70  เปอร์เซ็นต์ ยังรอเพียงการ ตีฝ่าเพดาน ประดับลวดลาย  เดินสายไฟภายในอุโบสถ  ปรับระดับทางเดินรอบอุโบสถ จึงขอเจริญพรบอกบุญมายังท่านเพื่อร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อรวบรวมจตุปัจจัยร่วมก่อสร้างอุโบสถให้แล้วตามวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาฝากชื่อไว้ในพระพุทธศาสนาให้ดำรงถาวรสืบต่อไปชั่วกาลนาน ตามกำลังทรัพย์ศรัทธา

เนื่องจากวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท เริ่มก่อสร้างปี พ.ศ. 2538 เพื่อเป็นวัดสถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่ออนุรักษ์ป่าไว้ ทั้งนี้มีแต่ละปี กิจกรรมจัดงานปริวาสกรรมเป็นประจำ ตั้งแต่ วันที่ 20 ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม ของทุกๆ ปี ปัจจุบันมีพระสงฆ์อยู่ ๑๒รูป ทั้งเป็นศูนย์อบรมจัดค่ายคุณธรรมจริยะธรรม แด่เยาวชน เป็นสถานรายงานตัวผู้กระทำความผิดและบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดทำ mou ร่วมกับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบุรีรัมย์ (สาขานางรอง)ขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัยและกุศลบุญครั้งนี้ จงอำนวยอวยชัยให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาจงประสพด้วย จตุรพิธพรชัยทั้ง ๔ ประการ คือ  อายุ  วรรณ สุขะพละ เทอญ  ฯ
 

‘รถถัง’ น็อก ‘ทาเครุ’ ดับฝันเจ้าถิ่น ประกาศแบ่งโบนัสช่วยชาวมุสลิมที่ยากไร้

(24 มี.ค. 68) รถถัง จิตรเมืองนนท์ นักชกชาวไทย วัย 27 ปี สร้างผลงานยอดเยี่ยมในศึก ONE 172 ที่ไซตามะ ซูเปอร์ อารีนา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 โดยสามารถเอาชนะน็อก ทาเครุ เซกาวา นักชกเจ้าถิ่น วัย 33 ปี ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต ซูเปอร์ไฟต์

การชกเริ่มขึ้นเพียงไม่นาน รถถังได้ปล่อยหมัดซ้ายเข้าเต็มหน้าของทาเครุ ส่งผลให้นักชกญี่ปุ่นล้มลงไปนั่ง กรรมการจึงยุติการชกทันที ทำให้รถถังชนะน็อกในเวลาเพียง 1 นาที 14 วินาทีของยกแรก

ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้กับแฟนมวยชาวไทยและญี่ปุ่น แต่ยังทำให้รถถังได้รับโบนัสพิเศษจาก ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธาน ONE Championship เป็นจำนวนเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านบาท)

โดยเงินโบนัสส่วนหนึ่ง ‘รถถัง’ ประกาศจะมอบให้กับพี่ชาวมุสลิมที่ยากไร้ “ต้องขอบคุณพี่ชาตรี (ศิษย์ยอดธง) มาก เขาไม่ใช่แค่บอส เขาคือพี่ชายของผม ส่วนเงินโบนัสที่ได้ในครั้งนี้ แบ่งสัดส่วนแล้ว ผมจะเอาส่วนหนึ่งมอบให้พี่น้องชาวมุสลิมที่ยากไร้ แล้วก็ขาดแคลนครับผม”

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ‘บอสชาตรี’ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ เตรียมให้รถถังขึ้นชกกับ โจนาธาน แฮกเกอร์ตี นักชกชาวอังกฤษ ซึ่งคาดกันว่าจะชกกันที่รุ่นแบนตัมเวต เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่แฮกเกอร์ตีจะทำน้ำหนักลงมาเล่นในรุ่นฟลายเวต

‘หมอเดชา’ สูญที่ดิน 6 ไร่ ดับฝัน!! รพ.ทางเลือก ถาม ‘แอ๊ด คาราบาว’ เงินบริจาค 5 ล้าน อยู่ไหน

(23 มี.ค. 68)  เฟซบุ๊ก Deycha Siripatra ของ อาจารย์เดชา ศิริภัทร หมอพื้นบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) เพื่อใช้ทางการแพทย์ โพสต์ข้อความระบุว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผมและตัวแทนผู้บริจาคฯ ได้ไปทำพิธีอำลา ที่ดิน 6 ไร่ ที่ดินผืนนี้ (มีรั้ว ระบบน้ำ อาคารสำนักงาน) ใช้เงินบริจาค 5 ล้านบาท แต่ถูกยืดครองไปโดยใช้กระบวนการกฏหมาย และผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น จนกลายเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ผมทำได้เพียงแจ้งความจริงให้ผู้บริจาค ผู้ป่วย และผู้รอคอยโรงพยาบาลฯ ได้รับทราบ และขอโทษที่มีส่วนทำให้ผู้บริจาคคาดหวัง และเชื่อมั่นว่าเงินบริจาคจะใช้เป็นประโยชน์ แต่กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งยักย้ายเอาสิ่งที่เกิดจากเงินบริจาคไปเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล จึงต้องยอมรับถึงความไม่รู้เท่าทัน ความไว้วางใจนำคนกลุ่มนี้มาร่วมงานด้วยตั้งแต่แรก

วันนี้ ผมขอแสดงความเสียใจ และขอโทษเป็นอย่างยิ่ง ต่อคุณ สมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เอเชี่ยน ซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้บริจาคเงินร่วมสร้างโรงพยาบาลทางเลือก ที่อำเภอด่านช้าง จำนวนเงิน 5 ล้านบาท คุณรสนา โตสิตระกูล ได้แนะนำให้คุณสมศักดิ์ฯ บริจาคในครั้งนี้ และร่วมกันถ่ายภาพไว้ ในภาพจะเห็นคุณ รสนาฯ ผม คุณสมศักดิ์ฯ และคุณแอ๊ดฯ (นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว) ยืนอยู่ด้วยกัน โดยคุณสมศักดิ์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ลงในหนังสือพิมพ์กรุงเทพฯธุรกิจ

ที่ผมต้องแสดงความเสียใจ และขอโทษคุณสมศักดิ์ฯ (และคุณรสนาฯ) เป็นอย่างยิ่ง เพราะเงินบริจาคของคุณสมศักดิ์ฯ 5 ล้านบาทนั้น ผมนำมาใช้ตามความประสงค์ฯ ไม่ได้ เนื่องจากเงินบริจาคนี้ คุณสมศักดิ์ฯ ได้มอบให้คุณแอ๊ดฯ โดยตรง ผมไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด อาจจะไม่ได้นำเข้าบัญชีธนาคารฯ ที่ผมเปิดร่วมกับคุณแอ๊ดฯ ก็ได้ (ยังตรวจสอบไม่ได้) หรือนำเข้าบัญชีธนาคารฯ นั้นจริง ก็ถูกนำมาใช้ในที่ดิน 6 ไร่ (ที่ถูกยึดครอง) ไปหมดแล้ว เงินบริจาคที่คุณสมศักดิ์ฯ ตั้งใจมอบให้ใช้สร้างโรงพยาบาลทางเลือกจึงไม่เกิดขึ้นจริง

ผมคงไม่ทราบได้เลยว่า เงินบริจาค 5 ล้านบาทของคุณสมศักดิ์ฯ นั้น ไปอยู่ที่ใหนกันแน่ ผู้ที่จะให้คำตอบได้ คือ คุณแอ๊ด คาราบาว ผู้รับมอบเงินก้อนนี้ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ซึ่งผมพยายามติดต่ออย่างไรก็ไม่สำเร็จ (เช่น ขอให้มาปิดบัญชีธนาคารฯ ที่เปิดร่วมกัน) ดังนั้น คุณสมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ในฐานะผู้บริจาคเงิน 5 ล้านบาทนี้ จึงควรเป็นผู้ถาม หรือ คุณรสนา โตสิตระกูล ผู้แนะนำให้คุณสมศักดิ์ฯ บริจาคเงินครั้งนี้ ก็มีสิทธิ์เป็นผู้ถาม เชื่อว่าผู้บริจาครายอื่นๆ อีกนับหมื่นราย คงอยากทราบคำตอบนี้ ... จากคุณ แอ็ดฯ ด้วย"

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 อาจารย์เดชาโพสต์ข้อความพาดพิงถึงนายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว นักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง ว่า ขาดการติดต่อจากแอ๊ด คาราบาว หลังจากมีข่าวว่านายยืนยงไม่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ และไม่สนับสนุนการสร้างโรงพยาบาลทางเลือก ที่ทำร่วมกันตั้งแต่ปี 2562 โดยยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยและโปร่งใสอยู่อีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องบัญชีธนาคารที่เปิดร่วมกันกับอาจารย์เดชาเพื่อรับเงินบริจาค (ในลักษณะบัญชี "และ") โดยได้เรียกร้องให้นายยืนยงไปปิดบัญชี และนำเงินทั้งหมดมอบให้คณะกรรมการฯ แต่ถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

‘ดร.พิริยะ’ มอง!! ไม่ควรใส่ใจ กับการจัดอันดับของ World Population Review ชี้!! เป็นเรื่องของ ‘การรับรู้’ มากกว่าการใช้ ‘ข้อมูลทางสถิติ’ ที่เชื่อถือได้

(23 มี.ค. 68) ศาสตราจารย์ ดร.พิริยะ ผลพิรุฬห์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การจัดอันดับของ World Population Review โดยมีใจความว่า ...

‘อย่าไปซีเรียสมากกับการจัดอันดับของ World Population Review’

ทุกครั้งที่มีหน่วยงานไหนจัดอันดับการศึกษาของโลกออกมา และพบว่าประเทศไทยเราอยู่ในอันดับต่ำ (หรือต่ำกว่าประเทศที่เราคิดว่าเราน่าจะสูงกว่า) ก็จะมีสื่อต่างๆ ออกมาประกาศและซ้ำเติมระบบการศึกษา (โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาไทย) เราอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดจากการที่นักข่าวไปขุดผลการจัดอันดับการศึกษาของ World Population Review ที่รายงานว่าประเทศไทยเรามีอันดับการศึกษาที่อันดับ 107 (จาก 203 ประเทศ) โดยต่ำเป็นอันดับ 8 ของอาเซียน (และทีี่ข่าวเอามาขยี้ที่สุดคือต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านเราอย่าง สปป.ลาว และเหนือกว่าพม่าและกัมพูชาแต่เล็กน้อยเท่านั้น) https://worldpopulationreview.com/.../education-rankings...
แต่เพื่อความแฟร์แล้ว ในฐานะของนักวิจัย เราควรที่จะต้องไปหาดูก่อนว่า ตัดชี้วัดที่จัดอันดับดังกล่าวนั้นมาจากไหน มันเป็นวิธีการวัดที่น่าเชื่อถือและถูกต้องเพียงใด และมันมี "ความคลาดเคลื่อน (Error) ที่อาจจะเกิดขึ้นในประเด็นใดได้บ้าง 

เท่าที่พยายามเข้าไปดูถึงวิธีการคำนวณอันดับคร่าวๆ พบว่า World Population Review "ไม่ได้เป็นหน่วยงาน"ที่ทำการคำนวณอันดับดังกล่าว แต่จะไปเอาข้อมูลจากสองแหล่งได้แก่ 1) US News Best Countries report และ 2) the nonprofit organization World Top 20 (หรือพูดง่ายๆ ก็คือ World Population Review ก็เหมือนกับสำนักข่าวเราดีๆ นี่แหละ ไม่ได้ทำเอง แค่เอาที่เขาประกาศมาทำเป็น graphic สวยๆ และเขียนวิเคราะห์คร่าวๆ เฉยๆ)

โดยถ้าเข้าไปดูในส่วนของ US News Best Countries Report (ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลัก) เป็นรายงานที่ทำในปี 2024 https://www.usnews.com/.../best-countries-for-education ซึ่งเป็นการสำรวจมิติของประเทศในด้านต่างๆ ได้แก่ Quality of Life, Heritage, Adventure, Citizenship, Open for Business, Entrepreneurship, Social Purpose, และ Cultural Influence (คล้ายๆ กับการสำรวจ Soft Power Index ของ Brandfinance) โดยข้อมูลที่ได้มาจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้คน 17000 คนจากประเทศต่างๆ ใน 78 ประเทศ จากนั้นจัดอันดับประเทศเหล่านั้นตามการตอบแบบสำรวจ ส่วนในด้านการศึกษาของแบบสำรวจนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจจะถูกถามคำถามที่ประเมินปัจจัยต่างๆ เช่น

1) คุณภาพของระบบการศึกษาของรัฐ: ผู้ตอบแบบสำรวจจะประเมินว่าระบบการศึกษาของรัฐในแต่ละประเทศนั้นพัฒนาและมีประสิทธิภาพเพียงใด

2) ความน่าสนใจในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย: ผู้ตอบแบบสำรวจจะประเมินว่าประเทศนั้นๆ มีความน่าสนใจในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยมากน้อยเพียงใด

3) คุณภาพของการศึกษาโดยรวม: ผู้ตอบแบบสำรวจจะประเมินว่าประเทศนั้นๆ มีการให้การศึกษาที่มีคุณภาพสูงเพียงใด
หลังจากนั้นรายงานได้รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจและนำมาถูกนำมาวิเคราะห์และประมวลผลและทำการใส่น้ำหนักของแต่ละปัจจัย เพื่อให้ได้คะแนนรวมสำหรับแต่ละประเทศ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การจัดอันดับที่ได้นั้นจึงเป็นการจัดอันดับที่เกิดจาก "การรับรู้ (Perception)" ของคนประเทศต่างๆ เกี่ยวกับระบบการศึกษาของประเทศนั้น โดยอาศัยคำถามที่เจาะจงเกี่ยวกับคุณภาพและความน่าสนใจของการศึกษาในแต่ละประเทศ โดยการสำรวจได้จัดทำขึ้นระหว่างเดือน มีนาคม-พฤษภาคมปี 2023

จากข้อมูลคร่าวๆ นี้ก็พอสรุปได้ว่า "เราไม่ควรจะต้องไปใส่ใจกับอันดับที่ World Population Review นี้รายงานออกมา" เพราะมันเป็นเรื่องของ Perception มากกว่าการใช้ข้อมูลทางสถิติที่เชื่อถือได้

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าคุณภาพการศึกษาของเรา ‘ยังไม่ดี’ จริงๆ ซึ่งปัญหามันก็เหี่ยวกับกระทรวงศึกษาเพียงส่วนหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายบริบทมากๆๆๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งถ้าให้เขียนต่อมันก็จะยาวมากๆ

‘เอ็ม บี เค’ ออกจดหมายแจง!! เหตุทะเลาะวิวาท ยัน!! มีมาตรการตรวจสอบอาวุธ อย่างเข้มงวด

(23 มี.ค. 68) ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้ออกจดหมายแถลงการณ์ มีใจความว่า ...

ตามที่เกิดเหตุการณ์นักศึกษาสองสถาบันทะเลาะวิวาท เมื่อวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 19.15 น. 

ทางศูนย์การค้าฯ ขอยืนยันว่า ได้มีมาตรการตรวจสอบอาวุธอย่างเข้มงวด และจากกรณีมีข่าวว่ามีเสียงดังคล้ายอาวุธปืนนั้น ไม่เป็นความจริง โดยเสียงดังกล่าวเกิดจากป้ายโฆษณาโครงเหล็กกระทบพื้น

ขออภัยในความไม่สะดวก!! 

‘อุ๊งอิ๊ง’ อวยพร!! ‘วู้ดดี้ วุฒิธร-โอ๊ต อัครพล’ ในงานแต่งงาน บรรยากาศชื่นมื่น หลังจดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการ ถูกต้องตามกฎหมาย ‘สมรสเท่าเทียม’

เมื่อวานนี้ (22 มี.ค. 68) นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พร้อมคู่สมรส ร่วมงานมงคลสมรสของ ‘วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา และ โอ๊ต อัครพล จับจิตรใจดล’ หลังจดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการ และถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีนายทะเบียนจากสำนักงานเขตปทุมวัน ดำเนินการจดทะเบียนสมรสตาม พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา 

สำหรับงานมงคลสมรสของ ‘วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา และ โอ๊ต อัครพล จับจิตรใจดล’ วันนี้บรรยากาศเป็นด้วยความชื่นมื่น มีรัฐมนตรี เพื่อนๆ และผู้มีชื่อเสียงในหลากหลายวงการร่วมงานด้วยความยินดี

‘อ.เจษฎา’ โพสต์ข้อความ!! วอน ‘ท่านนายกฯ’ สั่งย้าย อุเทนถวาย ชี้!! มันจบทุกขั้นตอนแล้ว ก็ยังดื้อ ไม่ยอมไปซักที ทำชาวบ้านเดือดร้อน

(23 มี.ค. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

ขอท่านนายกฯ อิงค์ กรุณาลงนามคำสั่งย้ายอุเทนถวาย เถอะครับ มันจบทุกขั้นตอนแล้ว ก็ยังดื้อ ไม่ยอมไปซักที ชาวบ้านเดือดร้อน

‘เกลือ เป็นต่อ’ โพสต์เฟซ!! หลังทัวร์ลง!! จากเหตุ ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ มอบ ‘คอร์สปรับพฤติกรรม’ ให้เกรียนคีย์บอร์ด พร้อมอนุโมทนาให้เจริญขึ้น

(23 มี.ค. 68) จากกรณีที่นายกิตติ เชี่ยววงศ์กุล หรือที่รู้จักในชื่อ ‘เกลือ เป็นต่อ’ ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลว่า “ทีนี้เด็กๆ เห็นความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกันรึยังลูก?” จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยมีสื่อและเพจบางเพจนำข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่ เรียกกระแสทัวร์จากผู้ที่ไม่เห็นด้วยเข้ามาคอมเมนต์โจมตีอย่างดุเดือด ถึงขั้นมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย

ความคืบหน้าล่าสุด นายกิตติ ได้ออกมาตอบกลับผ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์ของตัวเอง โดยระบุว่า…

“ผ่านเวลามาประมาณสองวันแล้วคิดว่าคนที่อยากจะเข้ามาแสดงความคิดเห็นคงจะหมดลงแล้ว บางท่านเห็นด้วย บางท่านไม่เห็นด้วย ผมก็ได้อ่านบ้าง แต่ข้อความทั้งหมดส่วนใหญ่ก็จะมีอีกทีมอ่าน ผมจึงมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับทุกท่านโดยแบ่งเป็นสามกลุ่มดังนี้ 

1.กลุ่มคนที่เห็นคุณค่า และเข้าใจความหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผมดีใจและชื่นชมเป็นอย่างมากที่ได้เห็นทุกคนมาช่วยกันให้ข้อมูลความรู้นี้ แก่บุคคลที่อาจจะยังไม่เข้าใจให้ได้เข้าใจความหมายและคุณค่าของเศรษฐกิจพอเพียง พวกท่าน่ารักและมีจิตใจดีมากครับ และผมเชื่อว่าในการดำเนินชีวิตต่อไปของท่าน จะเป็นการการันตีได้ว่าท่านจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีในชีวิต และสามารถผลิตและรับความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวได้อย่างแน่นอน

2.กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย และพยายามเข้ามาโต้แย้ง แสดงทัศนคติของท่าน แต่ยังใช้ถ่อยคำสุภาพ ผมก็จะบอกท่านว่าการที่ท่านไม่เชื่อ ไม่เห็นด้วย ก็แล้วแต่ตัวท่านเช่นกัน เพราะการที่ท่านจะชื่อสิ่งใดหรือไม่เชื่อสิ่งใด ประโยชน์อยู่ที่ตัวท่านไม่ใช่ตัวผม ถ้าทัศนคติแบบนี้ทำให้ท่านมีความสุขในสังคม ไม่ร้อนรุ่มเที่ยวเกลียดชังใคร มองโลกและปัญหาอย่างมีความสุข ก็ตามสบายได้เลย และบุคคลประเภทชอบมาตั้งคำถามให้ผม หรือบุคคลอื่นพยายามตอบ โดยคำถามนั้นท่านไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆ(ซึ่งท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่าท่านคิดสิ่งใดอยู่ เราทุกคนก็รู้เช่นกันว่าตอบท่านไปก็เปล่าประโยชน์) ก็ต้องบอกว่า พวกเราไม่ใช่ครูบาอาจารย์ของท่าน ท่านควรจะหาความรู้ด้วยตัวเอง ตั้งคำถามและโต้แย้งให้ตัวเองให้เป็นจะได้ไม่เดือดร้อนกับผู้อื่น ฉะนั้นนี้คือเหตุผลที่ผมจะไม่ตอบคำถามใดๆกับท่าน แต่ก็ขอบคุณที่ยังมีความสุภาพครับ

3.เอาล่ะถึงกลุ่มสุดท้าย เป็นกลุ่มที่อยากจะคุยด้วยมากที่สุด การที่ท่านไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเขียนนั้น ความคิดของผมให้ไปอ่านที่ข้อ2. แต่การที่ท่านใช้วาจาสอดเสียด รุนแรงด่าทอ หรือแม้กระทั่งการพยายามทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงนั้น(ใครไม่ได้ทำตามนี้ไม่ต้องร้อนตัวกันนะครับ) เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และผิดกฏหมาย ฉะนั้นผมขอมอบโอกาสนี้ในการมอบคอร์สการปรับพฤติกรรม(ด้วยสิ่งไม่พึงพอใจ) มันจะเป็นอย่างนี้นะครับ เดี๋ยวจะมีซองๆนึงส่งไปหาท่านที่บ้าน เนื้อความคงจะประมาณว่าเชิญท่านมา เพื่อจะให้ท่านมาร่วมทำบุญด้วยกัน เงินนี้ผมจะนำไปทำบุญซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนสื่อการเรียนการสอน ซึ่งต้องใช้เงินมากประมาณนึงเลยทีเดียวฉะนั้นท่านอ่านจะต้องช่วยเหลือผมมากหน่อยนะครับ หวังว่าการมอบสิ่งไม่พึงพอใจครั้งนี้ จะสามารถปรับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของท่านได้ หากท่านคิดได้ ผมก็ขออนุโมทนา ให้บุญกุศลนี้ส่งผลให้ท่านเจริญยิ่งขึ้นไป หากท่านยังคิดไม่ได้ถึงแม้ว่าผมได้มอบบทเรียนนี้แก่ท่าน ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะเราทำบุญร่วมกันไปแล้ว ผมก็คงจะได้มอบบทเรียนแก่ท่านได้อีกในชาติถัดไป

ส่วนใครที่กลับตัวกลับใจได้ ก็พิมพ์ข้อความมาขอโทษที่ใต้โพสนี้นะครับ จะถือว่ายกเว้นให้ ส่วนใครที่พยายามจะลบข้อความก็ต้องบอกว่าได้มีทีมพยายามเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้แล้วถ้าท่ารอดได้ ก็ถือว่าแต้มบุญท่านสูงมาก

ส่วนทุกท่านที่อยู่ในที่นี้มีใครอยากจะร่วมทำบุญกับผมครั้งนี้ ก็สามารถทำบุญร่วมกันได้นะครับ เดี๋ยวผมจะแปะข้อมูลทั้งหมดไว้ด้านล่าง เมื่อได้รับข้อความนี้แล้ว เชิญกล่าวอนุโมทนาด้วยกันเทอญ สาธุ!!

‘เอกนัฏ’ ดึง ‘ดีเอสไอ’ ติดดาบคดีพิเศษ กำราบ!! โรงงานตัวแสบ ที่ดื้อด้าน ลั่น!! ถอนรากถอนโคน ทั้งขบวนการ หมายหัวต้นตอ!! นำเข้าขยะอันตราย

(23 มี.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดปฏิบัติการตรวจสุดซอย ในการเข้าตรวจสอบเชิงรุกดูแลโรงงานและผู้ประกอบการเกี่ยวกับการบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรม ตลอดจนการผลิตสินค้าให้ได้ตามมาตรฐาน โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มข้น และต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ประกอบการที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ยังคงจงใจฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ลักลอบประกอบกิจการโรงงานอย่างไม่มีความเกรงกลัว และยำเกรงต่อกฎหมาย จึงได้ประสานความร่วมมือกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ในการยกระดับบางกรณีที่เข้าลักษณะและองค์ประกอบเป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดีและลงโทษกับผู้กระทำความผิด และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด

นายเอกนัฏ เปิดเผยด้วยว่า เบื้องต้นได้ร่วมหารือกับ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว อดีตรองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะที่ปรึกษาดีเอสไอ โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงกรณี บริษัท ทีแอนด์ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ 2017 จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่จดประกอบกิจการหลายประเภทที่เกี่ยวข้องกับรีไซเคิลจัดการของเสีย และวัตถุอันตราย แต่พบว่าประกอบกิจการที่ฝ่าฝืนกฎหมายโรงงาน และกฎหมายวัตถุอันตรายอย่างร้ายแรงในหลายประการ เช่น มีการจัดการขยะอันตรายไม่ถูกต้อง และปล่อยสารเคมีอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ข้างเคียง และแม้จะถูกสั่งหยุดกิจการ ยึดอายัดของกลาง ดำเนินคดี รวมถึงยึดใบอนุญาต แต่ก็ยังคงมีการลักลอบกระทำผิดอยู่ จนเชื่อว่าคงมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง

“กรณี บริษัท ทีแอนด์ทีฯ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในการกระทำความผิดซ้ำซาก โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงต้องยกระดับมาตรการลงโทษ ตลอดจนใช้กลไกของ ดีเอสไอ ในการขยายผลกวาดล้าง ขุดรากถอนโคนไปถึงต้นตอของขบวนการอย่างรัดกุม” นายเอกนัฏ ระบุ

ด้าน น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาได้ร่วมกับ ชุดตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าตรวจจับกุม บริษัท ทีแอนด์ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ 2017 จำกัด หลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็พบว่า ยังคงลักลอบกระทำความผิด ที่สุด กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงมีคำสั่งยึดใบอนุญาต แต่ก็ยังพบว่า มีการลักลอบเคลื่อนย้ายของกลางที่เป็นวัตถุอันตรายไปยังพื้นที่จังหวัดอื่น ทั้ง จ.ฉะเชิงเทรา หรือ จ.สมุทรสาคร อีก จึงมีความจำเป็นต้องยกระดับเพื่อจัดการกับกรณีบริษัทที่ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายเช่นนี้ โดย รมว.อุตสาหกรรม ได้กำชับและขอให้ทาง ดีเอสไอ ดำเนินการขยายผลให้ถึงต้นตอและจัดการขบวนการนำเข้าพลาสติก ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมให้ถึงที่สุด

“กระทรวงอุตสาหกรรม วางแนวปฏิบัติร่วมกับ ดีเอสไอ หากพบกรณีที่มีของกลางและกากของเสียอุตสาหกรรมในปริมาณที่มาก และมีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษจะเชิญ ดีเอสไอ ร่วมตรวจเพื่อยกระดับการสืบสวนขยายผลหาข้อเท็จจริง และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดเพื่อให้เข็ดหลาบโดยเร็วที่สุด” น.ส.ฐิติภัสร์ ระบุ

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เร่งตรวจสอบและขยายผลขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมยืนยันจะดำเนินการเชิงรุกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ลดปัญหาการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ประชาชนในทุกพื้นที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top