Saturday, 26 April 2025
NEWS

เปิดประวัติ 'ลิม กึมยา' อดีตสส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกยิงปริศนาในไทย ด้านตร.ออกหมายจับมือยิงแล้ว

(8 ม.ค. 68) ลิม กึมยา (Lim Kim Ya) อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชาจากพรรคสงเคราะห์ชาติ (Cambodia National Rescue Party หรือ CNRP) วัย 74 ปี ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 18.00 น.  

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากลิม กึมยา วิพากษ์วิจารณ์ "รัฐบาลตระกูลฮุน" อย่างหนักในประเด็นที่เกี่ยวกับเกาะกูด โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลฮุน เซนกำลังวางแผนยกเกาะกูดให้ไทยเพื่อแลกกับผลประโยชน์ผ่านบันทึกความเข้าใจ MOU 44  

พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นชายขับรถจักรยานยนต์สีแดงที่คาดว่าใช้ปืนยิงผู้เสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ  

รายงานจากคมชัดลึกระบุว่า ลิม กึมยา ถูกยิงเข้าบริเวณชายโครงขวาและหัวไหล่ขวาอย่างละนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ชีพพยายามช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้  

ในขณะเดียวกัน สื่ออมรินทร์รายงานว่าผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัสพร้อมภรรยาชาวฝรั่งเศสและญาติชาวกัมพูชา ก่อนจะถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต  

ลิม กึมยา เป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรค CNRP ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2555 และเคยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งปี 2556 ด้วยการคว้าที่นั่งในสภาได้ 55 จาก 123 ที่นั่ง พรรคนี้เป็นแกนนำในการวิพากษ์วิจารณ์สมเด็จฯ ฮุน เซน และรัฐบาลของเขา  

สมเด็จฯ ฮุน เซน เคยออกมาระบุว่าสมาชิกพรรค CNRP เป็น "ผู้ก่อการร้าย" และกล่าวหาว่าพรรคนี้สมคบคิดกับต่างชาติในการโค่นล้มรัฐบาล จนศาลกัมพูชาสั่งยุบพรรคในปี 2560 และห้ามสมาชิกพรรค 118 คนยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นเวลา 5 ปี  

การโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทำให้พรรค CNRP ถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาก็เผชิญแรงกดดันจากประชาคมโลกในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางการเมือง  

เหตุการณ์นี้ยังสร้างความสนใจในประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีเกาะกูด ซึ่งถูกหยิบยกมาเป็นข้อถกเถียงทั้งในฝั่งไทยและกัมพูชา โดยฝ่ายค้านกัมพูชาเชื่อว่ารัฐบาลฮุน เซน จะยกเกาะกูดให้ไทย  

สมเด็จฯ ฮุน เซน เรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อตราหน้าผู้พยายามล้มล้างรัฐบาลลูกชายของเขา ฮุน มาเนต ว่าเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ซึ่งสะท้อนถึงความตึงเครียดทางการเมืองที่ยังคงสูงขึ้นในกัมพูชา  

ล่าสุด (8 ม.ค. 68) พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับการสถานีตำรวจชนะสงคราม เปิดเผยว่า สน.ชนะสงคราม ได้ออกหมายจับคนร้าย นายเอกลักษณ์ แพน้อย อายุ 41 ปี ที่ก่อเหตุยิง นายลิม กิมยา ชายสัญชาติฝรั่งเศส-กัมพูชา ที่ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.68) ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรยิงปืนฯ หลังก่อเหตุยิง นาย ลิม กิมยา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 7 ม.ค.68 เวลา 17.45 น.บริเวณวงเวียน 13 ห้าง ถนนสิบสามห้าง แขวงบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กทม

ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดกิจกรรมรักษ์ทะเลไทย  โครงการในพระราชดำริ ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา'

เมื่อวันที่ (7 ม.ค.68) เวลา 08.30 น. พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นประธานจัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา' เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา วันที่ 8 มกราคม 2568 ณ บริเวณหาดเตยงาม หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีคณะกรรมการโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทยฯ ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ จากทุกภาคส่วน นักดำน้ำจิตอาสา ประชาชน และนักเรียน กว่า 500 คน ร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ 

การจัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา' ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงมีเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย และทรงห่วงใยปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรใต้ทะเล และแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่ พระบรมวงศานุวงศ์ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ อันจะเป็นประโยชน์ในการประสานความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยกิจกรรมประกอบด้วย พิธีเปิดกรวยถวายความเคารพ ถวายพระพรชัยมงคลและเทิดพระเกียรติ การปลูกปะการังในทะเลบริเวณเกาะไก่เตี้ย การปล่อยพันธุ์ปลากะพง จำนวน 339 ตัว ปล่อยหอยมือเสือ จำนวน 39 ตัว การปล่อยเต่าทะเล จำนวน 39 ตัว การเก็บขยะชายหาด และดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลบริเวณอ่าวนาวิกโยธิน กิจกรรมบริจาคโลหิต และการจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงานสนองพระดำริ 

กองทัพเรือ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานสนองพระดำริ ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์และพระประสงค์ของพระองค์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนการดำเนินโครงการตามพระดำริแล้ว ยังเป็นการสร้างความร่วมมือร่วมใจในการร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล ตลอดจนเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเล นำไปสู่ความสมดุลทางธรรมชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบไป

'คลัง' ปลุกพลัง-ติดปีก SME ออก 2 Soft loan 2 หมื่นล้าน ดอกเบี้ย 3% ผ่าน SME Bank

ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังต้องการเข้าช่วยเหลือ SME ที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินพาณิชย์ เนื่องจากยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในภาวะที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ รัฐบาลจึงเร่งใช้กลไกสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเพิ่มเติม โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการด้านการเงิน 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และ 2) โครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME ผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME-D Bank) ดังนี้

1) โครงการสินเชื่อ 'ปลุกพลัง SME' วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการให้กับ SME รายย่อยและมีความเปราะบางที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 – 3 ร้อยละ 3 ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 12 เดือน รับคำขอถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568

2) โครงการสินเชื่อ Beyond 'ติดปีก SME' วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ ปรับเปลี่ยนทรัพย์สินหรือเครื่องจักร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับ SME ที่มีรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 – 3 ร้อยละ 3 ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 12 เดือน รับคำขอถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568

ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุน SME ในทุกภาคธุรกิจทั้งในส่วนของ SME รายย่อยและมีความเปราะบาง สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทั่วถึงและมีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจทันที

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพตำรวจกล้า 'ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร'

เมื่อวานนี้ (7 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สว (ป) สน.สายไหม โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา และเพื่อนข้าราชการตำรวจ ร่วมพิธี ณ วัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร รอง สวป.สน.สายไหม เสียชีวิตในขณะเข้าระงับเหตุฯ จากกรณีผู้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท บริเวณถนนเฉลิมพงษ์ แขวงและเขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 มกราคม 2568

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความไว้อาลัย และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลดูเรื่องเกี่ยวกับสวัสดิการปูนบำเหน็จให้ตามระเบียบต่อไป

ดาราจีน พาเหรดแฉขบวนการค้ามนุษย์จับตัวเรียกค่าไถ่ ชี้ กรณี ‘ซิงซิง’ ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้ามีเหยื่อแล้ว 3 คน

(7 ม.ค. 68) หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวของ “ซิงซิง” นักแสดงหนุ่มชาวจีน ที่หายตัวไปบริเวณชายแดนไทย-พม่า ซึ่งมีพฤติการณ์คล้ายกับขบวนการค้ามนุษย์ ก็มีนักแสดงหลายคนออกมาเปิดเผยว่าตนเองก็ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกัน!

โดยนักแสดงที่ชื่อ "เติ้งโหย่ว"ได้โพสต์ว่า เขาก็ถูกชักชวนจากบุคคลที่ใช้ชื่อวีแชตว่า "GMMGrammy~十六" ติดต่อให้มาทำงานที่ไทยเช่นเดียวกันกับซิงซิง แต่เขารู้สึกแปลกๆ และได้เตือนนักแสดงคนอื่นๆ ให้ระวังคนคนนี้เอาไว้ด้วย

ด้านนักแสดงที่ชื่อ "ฟ่านหู่" ก็ออกมาเปิดเผยประสบการณ์โดนแก๊งหลอกลวงระดับมืออาชีพ หลอกมาไทยพร้อมกับนักแสดงอีกหลายคน ทว่าโชคดีที่เขาพบพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ และทำการส่งข้อความไปหาผู้กำกับชาวไทยที่ถูกนำชื่อมาแอบอ้าง ก่อนที่จะได้รู้ความจริงว่าตนเองกำลังโดนหลอก และวางแผนหลบหนีมาได้สำเร็จ

ขณะที่นักแสดงอีกคน ที่ชื่อ "สี่ว์ต้าจิ่ว" ได้โพสต์ว่า เขาถูกหลอกเหมือนกัน และได้นั่งเครื่องบินมาที่ไทยด้วย แต่เขาเอาตัวรอดมาได้และเดินทางกลับจีนแล้ว โดยซิงซิงน่าจะอยู่ในล็อตที่ 3 ส่วนเขาเป็นล็อตที่ 2 หรือกล่าวคือ ขณะนี้มีคนอย่างน้อย 3 กลุ่มที่ถูกหลอกลวง โดยมีเหยื่อมากกว่า 1 ราย

รายงานระบุว่า นี่เป็นวิธีการตกเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะมีการแทรกซึมเข้าไปตามกลุ่มเพื่อน หรือกลุ่มหางานในวีแชต ชักจูงและหว่านล้อมให้ผู้คนหลงเชื่อ พร้อมกับเสนอค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง เพื่อดึงดูดความสนใจ ซึ่งคล้ายกับกรณีของ "สี่ว์ป๋อชุน" ในปี 2023 ที่เขาเห็นประกาศรับสมัครนักแสดงในกลุ่มพาร์ทไทม์ โดยบอกว่าเป็นโปรเจกต์ฟอร์มยักษ์ ต้องเก็บเป็นความลับ

หลังจากพูดคุยและตกลงกันเรียบร้อย สี่ว์ป๋อชุนก็เดินทางไปยังแคว้นปกครองตนเองสิบสองปันนา กลุ่มชาติพันธุ์ไท มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) จากนั้นก็ถูกพาตัวไปยังพม่า และถูกกักตัวไว้ เพื่อเรียกเงินค่าไถ่จากครอบครัว ถึง 620,000 หยวน (ประมาณ 3.1 ล้านบาท) และถึงแม้จะได้เงินไปแล้วแต่เขาก็ต้องรออีก 100 กว่าวันถึงจะถูกปล่อยตัวกลับจีน

GMM ยันไม่เกี่ยวข้องกรณี 'ซิงซิง' หลังถูกแอบอ้างพัวพันดาราจีนหายตัว

(7 ม.ค. 68) จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหลอกลวง ซิงซิง นักแสดงจีน แจงกระบวนการคัดเลือกศิลปินโปร่งใส ขอ ปชช.อย่าเชื่อข่าวปลอม

จากกรณีหญิงรายหนึ่งระบุใน weibo ของจีน ว่าแฟนหนุ่มของเธอคือ ซิงซิง หรือ หวังซิง นักแสดงจีน หายตัวไปที่ชายแดนไทย-เมียนมา เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากเดินทางมาเพื่อถ่ายทำงานในประเทศไทย โดยมีการกล่าวอ้างถึงค่ายศิลปินยักษ์ใหญ่

ทางด้านบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GMM Grammy ออกแถลงการณ์ผ่าน Weibo ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณีนักแสดงชาวจีนหายตัวที่แม่สอด

" บริษัทขอย้ำว่ากระบวนการคัดเลือกศิลปินและนักแสดงของเรามีความโปร่งใส และปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เราจะไม่ติดต่อบุคคลใดๆ ผ่านช่องทาง ส่วนตัว และจะไม่ขอให้ผู้สมัครรายใดจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆ

บริษัทขอแนะนำให้ประชาชนไม่เชื่อในข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัทเท่านั้น"

'พล.ต.อ.กรไชยฯ' ตรวจสถานที่เกิดเหตุ และเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการตำรวจและครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้แฟลตตำรวจวิภาวดี 

วันนี้ (7 ม.ค. 68) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุและเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ อาคารบ้านพักส่วนกลาง ตร. (วิภาวดี) เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ณ แฟลตตำรวจส่วนกลางวิภาวดี อาคาร 2 แขวงลาดยาว  เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่ให้ความใส่ใจด้านการดูแลสวัสดิการตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสถานที่พักอาศัย ความเป็นอยู่และสวัสดิการขั้นพื้นฐานของข้าราชการตำรวจ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและมีความสุขในชีวิตการทำงาน  โดยมี พล.ต.ต.สมิทธิ สุวรรณสุขโรจน์ ผบก.ยธ., พ.ต.อ.กล้าหาญ โชคพิพัฒน์ไพบูลย์ รอง ผบก.สก.,  พ.ต.อ.มารุต สุดหนองบัว ผกก.สน.พหลโยธิน, พ.ต.อ.หญิง ประติชญา อินทรสุขศรี ผกก.ฝ่ายสวัสดิการบ้านพัก และ พ.ต.ต.อาทิตย์ บือซา สว.ฝ่ายสวัสดิการบ้านพัก /ผู้ปกครองอาคารบ้านพัดส่วนกลาง (วิภาวดี) ร่วมให้การต้อนรับ

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลางสันนิษฐานว่าเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้าลัดวงจร แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใด จึงเก็บหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินการตรวจพิสูจน์ต่อไป โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นมีข้าราชการตำรวจและครอบครัวได้รับผลกระทบ จำนวน 3 ครัวเรือน ซึ่งกองสวัสดิการได้จัดห้องพักอาศัยชั่วคราวเพื่อให้ความช่วยเหลือ และกองโยธาธิการได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเพื่อประมาณการความเสียหายและการซ่อมแซมอาคารที่พัก

พล.ต.อ.กรไชยฯ ได้สั่งการให้มีการติดตั้งสัญญาณเตือนไฟไหม้ ทั้งหัวและท้ายอาคารที่พัก เพื่อตรวจจับควัน หรือความร้อน อันจะลดการสูญเสียหรืออันตรายจากการสำลักควันหรือถูกไฟคลอก ที่อาจเกิดขึ้นได้และ กำชับฝ่ายโยธาธิการตำรวจ ให้เร่งรัดการซ่อมแซมอาคารที่พักด้วยความมั่นคงและแข็งแรง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ได้มอบเงินและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นเบื้องต้นให้แก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว โดยหนึ่งในครอบครัวของข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบ มีบุตรชาย อายุ 7 ปี ซึ่งพิการป่วยติดเตียงรวมอยู่ด้วย

‘พระพยอม’ ชี้ คนไทยไม่ควรบล็อกสมอง ‘ทักษิณ’ แนะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ต่อยอดช่วยชาติ

(7 ม.ค. 68) พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์ในรายการเอื้อย talk ทางมติชนทีวี โดยช่วงหนึ่งได้กล่าวฝากปริศนาทางธรรม ถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เดิมบอกจะกลับมาเลี้ยงหลาน แต่ดูเหมือนว่าระยะหลังจะทำหน้าที่หลากหลาย ว่า จะไปบล็อกสมองคนพรรค์นี้ไว้เพื่ออะไร?  คนพรรค์นี้มีสมอง จะเอาสมองคนพรรค์นี้ไว้แค่เลี้ยงหลานเหรอ? จ้างใครก็ได้มาเลี้ยงหลานได้ตั้งหลายคน

ส่วนคนอย่างทักษิณ ต้องเค้นสมองออกมาทำงาน ส่วนเวลาพักผ่อนก็แค่ไปเล่นกับหลานบ้าง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ขอคนไทยอย่าไปบล็อกสมองคนแบบนี้ ในอดีตเคยมีมาแล้วหลายยุคหลายสมัยที่เสียคนแบบนี้ไป ยกตัวอย่างเช่น ท่านปรีดี (พนมยงค์) และอีกหลายท่าน 

ต่อคำถามที่ว่า นายกรัฐมนตรี ถูกพ่อควบคุมนั้น พระพยอม กล่าวว่า ถ้าสมมติว่า พ่อเป็นอันธพาล สันดานไม่ดี เป็นคนชั่วร้าย แล้วมาสอนมาตักเตือนลูก ถ้าเป็นเช่นนี้ ลูกไม่ควรเชื่อฟัง แต่ถ้าพ่อเป็นผู้มีประสบการณ์ที่ดี อย่างที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า อยากเอาประสบการณ์ของพ่อที่ประสบความสำเร็จ เมื่อครั้งเป็นพรรครัฐบาล ที่ช่วยปลดหนี้ ปลดสิน ชาวไร่ชาวนา ถ้าเอาสมองส่วนนี้มา แล้วลูกเอาไปผลักดันต่อ นำไปต่อยอด มันจะเสียหายอะไร?

มุกดาหาร​ -​ฉก.ทพ.2105 จับ 2 นักค้า พร้อมยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด ล่า "ไอ้พล"ต่อ หลังถูก M-16 ยิงจนรถพรุนแต่ยังหนีไปได้

เมื่อวันที่ (7 ม.ค. 68)​ ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2105 (ร้อย.ฉก.ทพ.2105) มุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราช. ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และพลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี แถลงข่าว เจ้าหน้าที่ทหารพรานจับขบวนการค้ายาเสพติด ตรวจยึดยาบ้าได้ 1,200,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน และผู้ต้องหา 2 คน 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม  พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์กระบะบรรทุกจะเข้ามารับยาเสพติดในพื้นที่บ้านท่าไค้ ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ พ.ต.คำรณ คุ้มเขต​ ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.ที่2105​ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมชุดปฏิบัติการข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง พบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 2 คัน ประกอบด้วย รถกระบะบรรทุกอีซูซุ  4 ประตู ๆสีขาว หมายเลขทะเบียน  ขฉ 3269 สุราษฏร์ธานี วิ่งนำหน้าโดยมีรถกระบะบรรทุกโตโยต้าหมายทะเบียน บฉ 6208 นครพนม ซึ่งบรรทุกยาบ้าแล่นตาม โดยเจ้าหน้าที่สามารถขับรถเข้าสกัดกั้นรถกระบะบรรทุกอีซูซุซึ่งเป็นรถนำทางไว้ได้ 1 คัน มีนายจิรายุทธ หรือ หนุ่ม   อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 ม.4 ต.ดงมอน อ.เมืองมุกดาหาร เป็นคนขับโดยมี น.ส.ปัทมา หรือ หมิว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.10 ต.ดงมอน อ.เมืองมุกดาหาร นั่งโดยสารมาด้วย ส่วนรถกระบะบรรทุกโตโยต้าที่บรรทุกยาบ้าได้พุ่งชนรถเจ้าหน้าที่เพื่อขับหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงสกัดเพื่อให้รถหยุดแต่รถคันดังกล่าวก็ยังคงสามารถวิ่งฝ่าออกไปได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถไล่ติดตามไปถึงถนนบ้านสงเปือย ม.5 ต.บ้านโคก อ.เมืองมุกดาหาร คนขับรถซึ่งเป็นผู้ชายก็ได้เปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าไปในหมู่บ้านจนสามารถหลบหนีไปได้ โดยทราบชื่อต่อมาภายหลังว่า คือ นายวีระพล หรือ พล  ภูมลา อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี จากการตรวจค้นรถยนต์กระบะบรรทุกโตโยต้า  พบกระสอบบรรจุยาบ้าจำนวน 6 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูพบเป็นยาบ้ากระสอบละ 200,000 เม็ด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมดจำนวน 1,200,000เม็ด จึงได้ทำการควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และตรวจยึดยาบ้าทั้งหมดพร้อมรถยนต์กระบะบรรทุก 2 คัน ไว้เป็นของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ นำคณะ ‘คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ’ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) และสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี) ลดผลกระทบประชาชน-สิ่งแวดล้อม 

(7 ม.ค. 67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล. ) พร้อมด้วย ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสิทธิชัย เสรีสงแสง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม , ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นำคณะลงพื้นที่ติดตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ) และสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี) บริเวณสถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรการปองกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดลอม ซึ่ง กก.วล. เห็นชอบเมื่อเดือนเมษายน  2562 และเดือนธันวาคม 2564 รวมทั้งให้ความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีนายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ 

นอกจากจะเป็นการติดตรวจเพื่อรับทราบข้อมูลผลกระทบที่มีต่อประชาชน ผลกระทบต่อการจราจร การท่องเที่ยวและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องประชาชนจากการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว ประธาน กก.วล. ยังได้เน้นย้ำถึง ความสำคัญและความจำเป็นที่ผู ้รับเหมาโครงการต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการป้องกันผลกระทบในระยะการก่อสร้างของโครงการรถไฟฟ้าทั้งสองโครงการอย่างเคร่งครัด เช่น การป้องกันปัญหาการฟุ้งกระจายของฝุ่น เสียง การสั่นสะเทือน การคมนาคมขนส่ง การโยกย้าย การเวนคืนและชดเชยที่ดิน ทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้าง ให้ดำเนินการแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ อย่างครบถ้วน 

รวมถึงขอความร่วมมือในการบริหารจัดการพื้นที่ก่อสร้างให้มีความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกต่อการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งได้เน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับแหล่งโบราณคดี ประวัติศาสตร์และศาสนสถานในพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ ที่ต้องมีการดำเนินการก่อสร้างด้วยความระมัดระวัง และปฏิบัติตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าในเรื่องรูปแบบและตำแหน่งสถานีให้สอดคล้องกลมกลืนกับอารยสถาปัตย์ของพื้นที่โดยรอบการก่อสร้างโครงการ 

จเรตำรวจแห่งชาติรับตัวแล้ว "หวังซิง" ดาราจีน ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก เข้าสู่กระบวนการคัดกรองต่อไป

(7 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และคณะเดินทางไปดูจุดที่ทหารกะเหรี่ยงมารับตัว นายหวังซิง ที่บริเวณชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นเดินทางไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวดตาก พร้อมด้วย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เพื่อรับตัว นายหวังซิง 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้ร่วมซักถาม นายหวังซิง ด้วยตัวเอง เบื้องต้นจาการสอบถาม นายหวังซิง ให้การว่าถูกชาวจีนด้วยกันพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันวีแชต ใช้ชื่อเป็นบริษัทบันเทิงชื่อดังของไทยทักมาติดต่อให้ทำงาน จึงหลงเชื่อ ก่อนเดินทางทางยังประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นนั่งรถที่ถูกส่งมารับที่สนามบินพาไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะมีคนมารับข้ามแดนทางเรือที่บริเวณชายแดน อ.แม่สอด นายหวังซิง ระบุว่ารู้ตัวว่าถูกหลอกเมื่อถูกพาข้ามแดนแต่ไม่กล้าขัดขืน อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการสอบสวน ซักถาม และตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การดำเนินการช่วยเหลือ นายหวังซิง นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานให้ความช่วยเหลือจนประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นการร่วมมือช่วยเหลือทางการจีนตามที่ได้ประสานมา หลังจากนี้จะได้เข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) หากพบว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ก็จะเข้าสู่กระบวนการคุ้มครอง และประสานส่งตัวกลับประเทศตามกระบวนการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และประสานญาติมารับตัว หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดลักษณะใด ก็จะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ผช.รมต.กต. ติง “วิโรจน์” ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง 4 ลูกเรือไทยยังไม่ได้รับการปล่อยตัว หวั่นถูกเมียนมามองกดดันแทรกแซง - เตือนอย่าเอาชีวิตคนมาเป็นเรื่องการเมือง 

(7 ม.ค. 68) นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร จะขอประธานสภาผู้แทนราษฎร อนุมัติการเดินทางไปศึกษา และตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเรือประมงไทย ถูกเรือรบของเมียนมายิง และมีลูกเรือชาวประมงไทย 4 คน ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เกาะสอง และเพื่อให้มั่นใจว่า ลูกเรือชาวประมงไทย จะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยในวันที่ 13 – 14 มกราคมนี้ว่า หากนายวิโรจน์ และกรรมาธิการการทหารฯ จะเดินทางไปในกรณีดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศคงไม่สามารถห้ามได้ แต่ก็จะต้องขออนุญาตผ่านช่องทางการทูต แต่การไปพบผู้คุมเรือนจำนั้น ก็ไม่มีอำนาจปล่อยตัว และอาจทำให้เมียนมามองว่า ไปกดดันและแทรกแซง ทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น ดังนั้น จึงขอให้นายวิโรจน์ ควรใคร่ครวญดี ๆ นึกถึงผลที่ตามมาด้วย เพราะผู้ที่ถูกขังคือลูกเรือไทย ดังนั้น จึงอย่าเอาชีวิตคนมาเป็นเรื่องการเมือง

จเรตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่ด่วน อ.แม่สอด จ.ตาก ติดตามกรณีนักแสดงจีนหายตัว กำชับทำคดีให้ชัดหลังพฤติการณ์คล้ายขบวนการค้ามนุษย์

วันนี้ (7 ม.ค.68) เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และ พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมคณะ ลงพื้นที่ด่วนไปยัง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีการหายตัวของ นายซิงซิง หรือ หวังซิง นักแสดงสัญชาติจีน จากรายงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เจ้าหน้าที่ได้นำรูปของนักแสดงคนดังกล่าวเข้าตรวจสอบในระบบไบโอเมติกซ์ทำให้ยืนยันได้ว่า นายหวังซิง เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.00 น. เป็นการเดินทางจากสนามบินผู่ตง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ซึ่งไม่ได้แจ้งรายละเอียดที่พัก  

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการยืนยันว่าพบตัว นายหวังซิง แล้ว ซึ่งได้เดินทางมารับตัวที่ อ.แม่สอด ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมชายที่ขับรถตู้ไปรับ นายหวังซิง ที่สนามบิน มาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นไม่ปรากฏว่า นายหวังซิง อยู่ในลักษณะถูกบังคับหรือลักพาตัว โดยเมื่อนำตัวไปส่งที่ชายแดน อ.แม่สอด แล้ว ได้มีคนมารับช่วงต่อไปยังจุดหมายทางช่องทางธรรมชาติ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ และทำให้เรื่องดังกล่าวกระจ่างมากที่สุดเนื่องจากลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้เคียงกับขบวนการค้ามนุษย์

'สถาบันพระปกเกล้า' จัดงานครองราชย์ สู่ 100 ปี พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

เมื่อวานนี้ (6 ม.ค.68) พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สถาบันพระปกเกล้า จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงกาเฉลิมพระเกียรติในโอกาส '99 ปี แห่งการครองราชย์  สู่ 100 ปี พระราชพิธีบรมราชาภิเษก' พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 

นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายกู้เกียรติ ภูมิรัตน์ กรรมการพิพิธภัณฑ์ฯ ประธานกรรมการจัดการแสดงเฉลิมพระเกียรติฯ และ คณะกรรมการ 

นอกจากนั้น ภายในงานยังมีกิจกรรม เสวนาพูดคุยประเด็นที่มาและความสำคัญของการจัดงาน โดย นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการพิพิธภัณฑ์ฯ นายศิริพงษ์ ทวีทรัพย์ นาฏศิลปินทักษะพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการสังคีต กรมศิลปากร และ ผศ.ดร.มณิศา วศินารมณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ดำเนินรายการโดย นายณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ นักศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ 27 สถาบันพระปกเกล้า (ปปร.27)

พร้อมทั้งได้รับเกียรติจาก ผู้บริหารสถาบันฯ ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และนายณัฐพงศ์ รอดมี ผู้ช่วยเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า

เนื่องในโอกาสอันสำคัญแห่งการครบรอบ 100 ปี การขึ้นครองราชย์ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ.2569 สถาบันพระปกเกล้า โดยพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงจัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ “99 ปี แห่งการครองราชย์ สู่ 100 ปี พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอด 2 ปี นับตั้งแต่นี้จนถึงปี 2569 

โครงการประกอบด้วย งานเสวนาวิชาการ บรรยายพิเศษ การจัดแสดงนิทรรศการ และงานการแสดงเฉลิมพระเกียรติ ที่ได้หยิบยกเอาดนตรีนาฏกรรมอันทรงคุณค่าและเกี่ยวเนื่องในรัชสมัย โดยเฉพาะงานสมโภชพระนคร 150 ปี ซึ่งเป็นงานสำคัญงานหนึ่ง มาร้อยเรียงเป็นชุดการแสดงที่จะจัดให้มีขึ้นตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 - 12 มกราคม 2568 ระหว่างเวลา 17.00 – 20.30 น. ณ อาคารใหม่สถาบันพระปกเกล้า หลานหลวง และพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 

กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานพบกับ การแสดงเฉลิมพระเกียรติจาก สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ร่วมสนุกไปกับกิจกรรมพิเศษมากมาย เชิญชวนแต่งกายชุดไทยเพื่อร่วมเก็บภาพบรรยากาศงามสมโภชอย่างจุใจ ถ่ายภาพย้อนยุคด้วย AI ร่วมกิจกรรมเวิร์คชอป ทำยาดม ต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง มาลัยลูกปัด และดอกไม้โปรยทาน ชม ชิม อาหารย้อนยุค รวทั้งบูธสินค้าชุมชนจากนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรธรรมาภิบาลกับการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศสำหรับผู้บริหาร (GGE) รุ่นที่ 2 และหลักสูตรผู้นำทางการแพทย์ (ปนพ.) รุ่นที่ 1

กิจกรรม workshop พิเศษต่างๆ อาทิ  กิจกรรมสาธิตการทำยาดม การทำพุ่มดอกบัว  เปิดลงทะเบียนเพียง 5 รอบเท่านั้น 

'ดร.สุวินัย' ชี้วิกฤตจากยกเลิกเอ็นทรานซ์ สู่ปัญหาคนรุ่นใหม่ความคิดตกต่ำไร้คุณภาพ

(7 ม.ค.68) รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  โพสต์ข้อความแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 'สมภพ พอดี' ระบุว่า … หายนะยุคใหม่ทางการศึกษาไทยเริ่มจากการยกเลิกการสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยที่ใช้คะแนนสอบครั้งเดียว 100% เป็นเกณฑ์คัดเลือกนักเรียน ในปี พ.ศ. 2542  และหลังจากนั้นก็ใช้คะแนนสอบวัดผลมัธยมปลายที่ไม่มีมาตรฐานใด ๆร่วมกับคะแนนสอบเข้า เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันที่ใช้เกณฑ์สารพัดตั้งแต่พอร์ตโฟลิโอ จนถึงคณะจัดสอบเอง หลากหลายไปหมด 

ต่อด้วยการปล่อยให้มหาวิทยาลัยของรัฐที่ส่วนใหญ่ใช้เงินภาษีของประชาชนก่อตั้ง ทำนุบำรุง สนับสนุนให้เติบโต ออกจากระบบราชการ ด้วยความเชื่อโง่ ๆ ว่ามหาวิทยาลัยต้องมีอิสระ แต่ก็ยังต้องเอาภาษีจากประชาชนอุดหนุนแถมให้ทุกปี นอกจากที่ได้ยกทรัพย์สินของชาติให้เป็นของมหาวิทยาลัยให้ไปใช้หาประโยชน์กันเองแล้ว 

และการปล่อยและละเลยให้การศึกษาอาชีวะตกตํ่า ทั้งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับผลผลิต เศรษฐกิจ รายได้ของชาติ และคุณภาพชีวิตของประชาชน สำคัญมากกว่าการศึกษาสายสังคมในระดับอุดมศึกษาเป็นร้อย ๆ เท่า

ส่วนเรื่องยิบย่อยโง่ ๆ อย่าง 'ควายเซ็นเตอร์' ที่ทำให้ลูกคนเป็นลูกควายเพราะแทนที่จะได้เรียนรู้ตามศักยภาพก็ได้แค่ตามสภาพ การรับเด็กนักเรียนที่อาศัยในพื้นที่ใกล้กับโรงเรียนที่ลอกเลียนจากฝรั่งที่เขาใช้ภาษีของคนในพื้นที่สร้าง สนับสนุน และอุดหนุนการดำเนินการของโรงเรียนที่ต่างจากบ้านเราที่ โรงเรียนของรัฐบาลส่วนใหญ่ใช้ภาษีจากคนทั้งประเทศก็สะท้อนถึงความรู้และสติปัญญาของผู้บริหารในยุคนั้น 

และทำให้คุณภาพของโรงเรียนชั้นนำอย่างสวนกุหลาบ สตรีวิทยา บดินทร์เดชา ตกตํ่าลงตามคุณภาพของนักเรียน การโกงสอบในยุครวยแล้วไม่โกงที่นอกจากทำให้คนโง่ได้แย่งที่เรียนของเด็กนักเรียนคนอื่นแล้ว ยังทำให้คนไทยชินชาเฉยชากับการฉ้อฉล  การยกเลิกวิชาหน้าที่พลเมือง วิชาประวัติศาสตร์ และอื่น ๆ ก็กระหน่ำซํ้าเติมคุณภาพ คุณธรรม จริยธรรมของการศึกษาไทยให้มืดมนลงไปอีก 

นอกจากนี้ ยังมีขบวนการบั่นทอนบ่อนทำลายชาติ ซํ้าเติมด้วยการเผยแพร่ความคิดและวาทกรรมโง่ ๆ ออกมาหลอกคนโง่ ๆ ให้โง่ลง ๆ เช่น ไม่ต้องเรียนก็ประสบความสำเร็จได้อย่าง บิล เกตส์ รึ สตีฟ จ็อบส์, สโลว์ไลฟ์คือความสุข, อย่าสอนปลาให้ขึ้นต้นไม้, ไม่ต้องไปอบรมสั่งสอนเด็กรุ่นใหม่ เพราะเขาฉลาดกว่า รู้มากกว่า รู้ดีกว่า แล้ว, เครื่องแบบและทรงผมนักเรียน กฎระเบียบของโรงเรียน คือการกดขี่กดทับพัฒนาการของเด็ก

ทั้งหมดนี้ ส่งผลร้ายแรงและสร้างความเสียหายต่อสังคมไทยมาตลอด จนทำให้ผู้ที่ผ่านการศึกษาไทยจำนวนมากโง่เง่า ไม่มีความรู้อย่างที่ควรมีโดยเฉพาะคณิตศาสตร์เบื้องต้นและพื้นฐานความเป็นมนุษย์ คิดไม่ได้คิดไม่เป็น ไม่ชอบคิด ขี้เกียจคิด จนคะแนนสอบของนักเรียนส่วนใหญ่ในปัจจุบันตํ่าตมเกือบที่สุดในโลกแล้ว และคนจำนวนมากหลงเชื่อการต้มตุ๋นหลอกลวงต่างๆ มากขึ้นทุกวัน ๆ และวาทกรรมอื่น ๆ เช่น รวยแล้วไม่โกง และอัศวินควายดำ, คนเราเท่ากัน คนที่ไม่ทำหน้าที่เท่ากับคนที่ทำหน้าที่, ประชาธิปไตยคือเป้าหมายสูงสุด, ของฟรีมีในโลก เช่น รัฐสวัสดิการที่ผู้คนจ่ายแวตอย่างเดียว, ลอกเพื่อนยังสอบตก คือ เก่ง ฉลาด สมควรเป็นนายกฯ, ไฮเปอร์ลูป คริปโต วัคซีนเทวดา แชร์สารพัดแม่ ดิไอคอน ฯลฯ 

อย่างไรก็ตาม ทุกวิกฤตมีโอกาสสำหรับคนฉลาด ๆ เสมอ สิ่งที่กล่าวมาแล้ว เกิดขึ้นจริงกับคนจำนวนมาก แต่เราสามารถบริหารจัดการให้ลูกหลานของเราไม่ต้องเป็นอย่างคนจำนวนมากที่โง่เง่า สิ้นคิด ไร้ศักยภาพ ไม่มีอนาคตได้แน่นอน และเมื่อเขามีความรู้ที่มีประโยชน์ ที่ถูกต้องท่ามกลางคนที่ไม่รู้อะไร เขาคิดเป็นคิดได้ท่ามกลางคนสิ้นคิด ที่คิดแค่ อยากมีเหล้าเบียร์เสรี โสเภณีถูกกฎหมาย  เขาย่อมมีความสามารถท่ามกลางคนที่ทำอะไรไม่เป็น เขาจะไม่มีคู่แข่งในแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน การค้าขายทำธุรกิจ การสร้างฐานะ สร้างความมั่นคง สร้างอิสรภาพทางการเงิน จะมีและอยู่ในสังคมของเขาที่ไม่มีคนห่วย ๆ โง่ ๆ มาปะปน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top