Sunday, 18 May 2025
NEWS

ตำรวจไซเบอร์ระดมกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและอาวุธสงคราม ห้วงก่อนวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.66

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้วันเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้น ในวันที่ 14 พ.ค.66 โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและอาวุธสงคราม ก่อนวันเลือกตั้ง ในห้วงระหว่างวันที่ 4 – 10 พ.ค.66 ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นช่วงที่กลุ่มการเมือง  ผู้มีอิทธิพลต่างๆ อาจจะก่ออาชญากรรมกำจัดศัตรูทางการเมือง หรือ หัวคะแนนของฝั่งตรงข้าม

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยที่ผ่านมาได้กำชับสั่งการให้ทุกกองบังคับการในสังกัดเร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม

วันนี้ (12 พ.ค.66) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์  รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง   ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ณัฐกร  ประภายนต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4, พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ,พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. และ พล.ต.ต.สมภพ คูหาวิชานันท์ ผบก.อก.บช.สอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวกรณี ดำเนินการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้างและอาวุธสงคราม จำนวนทั้งสิ้น 60 จุด ได้ผู้ต้องหา 50 คน ของกลางอาวุธปืน 77 กระบอก เครื่องกระสุนปืนชนิดต่างๆ รวม 2,440 นัด  

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก บก.สอท.2 ได้ทำการสืบสวนขยายผล ภายหลังการจับกุมตัว ผู้ต้องหารายสำคัญ เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. 66  ซึ่งมีพฤติการณ์จำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในระบบออนไลน์ โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล และซุ้มมือปืน โดยการขยายผลพบรายละเอียดของการสั่งซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก จึงนำไปสู่การปิดล้อมตรวจค้นบุคคลและสถานที่เป้าหมาย และจับกุมผู้ต้องหา พร้อมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก ในห้วงวันเวลา ดังกล่าว

ในการปฏิบัติการของ (บช.สอท.) มุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจัง คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน การอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนเป็นสำคัญ และยังคงเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องต่อไป

โซเชียลยกย่อง!! หนุ่มวิ่งบนถนน ตากแดดร้อนๆ เปิดทางให้รถมูลนิธิ นำส่งผู้ป่วยเคสฉุกเฉิน

(12 พ.ค. 66) ‘มูลนิธิสว่างสำเร็จเชียงใหม่’ แชร์คลิปผ่าน TikTok ซึ่งภายในคลิปเป็นภาพหนุ่มคนหนึ่ง วิ่งกลางถนน เพื่อเปิดทางให้รถกู้ภัยนำส่งผู้ป่วย ท่ามแดดช่วงกลางวัน และอากาศร้อนสุดๆ 

โดยโพสต์ข้อความระบุว่า “คนมีน้ำใจที่มีให้รถกู้ภัยครับ#จิตอาสา #มูลนิธิสว่างสว่างสำเร็จเชียงใหม่ #กู้ภัยสว่าง #เชียงใหม่ #ดันขึ้นฟีดที #กู้ชีพกู้ภัย #กู้ภัยสว่าง”

นอกจากนี้ในคลิปยังมีข้อความระบุด้วยว่า “น้ำใจบนท้องถนน พี่ชายใจดี วิ่งเปิดทางรถกู้ภัย เคส ICU แดดร้อนเรื่องเล็ก นับถือหัวใจ”

หลังจากโพสต์คลิปได้ไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

“กราบหัวใจ ที่มีจิตอาสา ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ขอให้พี่เจอแต่สิ่งที่ดี ๆ ๆ เจริญ ๆ”

“ฮีโร่ไม่ต้องมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นมากหรอกครับมีแค่จิตสำนึกที่ดีงามมันก็มีค่ามากพอเสมอมา”

“สิ่งเล็กๆ❤️ที่เขาเรียกว่าน้ำใจ”

“ใจพี่เขายิ่งใหญ่ หมดคำพูด”

“หัวใจหล่อมากน้องชายสุดยอด” เป็นต้น

“ขอชื่นชมน้ำใจที่มีให้กันครับ สังคมไทยจะน่าอยู่มากขึ้นถ้ามีคนแบบนี้เยอะๆๆ🥰🥰🥰”

‘ทนายอนันต์ชัย’ พบ ‘กลุ่มมาเฟีย’ เก็บค่าเช่า-ออกตั๋วผี หน้าพระธาตุพนม สั่งรื้อแผงลอยเช่าขายของทั้งแถบ พร้อมปลด ‘กรรมการวัด’ ที่มีส่วนรู้เห็น

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 นครพนม ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกองทัพธรรม ไวยาวัชรกรวัดพระธาตุพนม สั่งรื้อหมดทั้งแถบ แผงลอยเช่าขายของเรียกเก็บค่าเช่าตั๋วผี พร้อมปลดทั้งชุดกรรมการวัด ตั้งชุดใหม่บริหารงานจัดระเบียบ พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาส ตั้งทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช เป็นประธานฝ่ายประสานงาน ดูแลวัด ทุกภาคส่วน เตือนใครฝ่าฝืนมติวัดดำเนินคดีทันที เดินหน้าขึ้นทะเบียนมรดกโลก ด้านแม่ค้า พ่อค้า ยอมถอยเข้าพื้นที่จัดระเบียบ

จากกรณีมีคำสั่งจัดระเบียบพื้นที่ขายของ หน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จนกระทั่งมีข้อพิพาท ระหว่าง ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม ในฐานะไวยาวัชกรวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อีกทั้งเป็นประธานบริหารดูแลผลประโยชน์ทั้งภายนอกภายในวัด เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนา และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จนกระทั่งภายหลัง บรรดา พ่อค้า แม่ค้า กลุ่มผู้ค้าดอกไม้เร่ ลอตเตอรี่แผงลอย ที่ออกมาประท้วงวางของขายปิดทางเข้าประตูวัดยอมถอย เนื่องจากทางวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร มีการออกกฎเหล็กสั่งดำเนินคดี ขั้นเด็ดขาดหากฝ่าฝืน ทำให้บรรดาพ่อค้า แม่ค้า ยอมถอยเข้าไปขายในพื้นที่จัดระเบียบชั่วคราว รอการสร้างพื้นที่ขายของถาวร เพื่อสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ให้เกิดความสวยงาม เป็นระเบียบ

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม ในฐานะไวยาวัชกรวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้สั่งรื้อแผงลอยเช่าขายของ บริเวณหน้าวัด ที่มีกลุ่มมาเฟีย ที่แอบแฝงผลประโยชน์ อ้างเป็นกรรมการวัด ฉวยโอกาสมาตั้งแผงลอย ให้บรรดา พ่อค้า แม่ค่าเช่า เพื่อเรียกเก็บค่าเช่า แผงละ 500 บาท ต่อเดือน โดยมีการเรียกเก็บมาตั้งแต่งานนมัสการองค์พระธาตุพนม ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 และฉวยโอกาสเก็บค่าเช่าต่อ และออกใบเสร็จเป็นตั๋วผี อ้างนำเงินเข้าวัด จนกระทั่งมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบมีกรรมการวัดบางกลุ่มรู้เห็น จึงมีการสั่งรื้อแผงลอยเช่า ทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหา และเป็นการจัดระเบียบ นอกจากนี้ยังได้ มีคำสั่งปลดกรรมการวัดทั้งชุดเดิม

ทั้งชุด และออกคำสั่งแต่ตั้งใหม่ เพื่อล้างระบบมาเฟีย และป้องกันการฉวยโอกาส แสวงผลประโยชน์จากวัด ทั้งนี้ทาง พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ให้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม ในฐานะไวยาวัชกรวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายประสานงานกิจการคณะสงฆ์วัดพระธาตุพนม เพื่อประสานงานกับทุกภาคส่วนแทนวัดพระธาตุพนม ให้เป็นไปตามระเบียบขอมหาเถรสมาคม และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์

ขณะเดียวกันจากการสอบถามบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการ ในพื้นที่จัดระเบียบ ยอมรับว่า ทำการค้าขายมานานหลาย 10 ปี เมื่อมีการจัดระเบียบ ช่วงแรกยังมีปัญหาความไม่เข้าใจ แต่มีการพูดคุยเจรจาหารือตกลง เกี่ยวกับการจัดสรรพื้นที่เหมาะสมให้ จึงยอมรับในคำสั่งของมติวัดพระธาตุพนม และยอมขายของในพื้นที่จัดระเบียบ แต่เพียงต้องการความชัดเจน และเหมาะสม เนื่องจารกที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจน ในการจัดระเบียบ บางรายยังฉวยโอกาสเข้าไปขายในพื้นที่หวงห้าม ไม่มีมาตรฐาน ฝากถึงคณะกรรมการวัดขอให้มีมาตรฐานในการจัดระเบียบ ทางพ่อค้า แม่ค้า ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ และให้มีการตรวจสอบสำหรับกลุ่มคนที่ยังฉวยโอกาสแสวงประโยชน์กับทางวัด

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลาย 8 เครือข่ายยาเสพติด ยึดไอซ์มโหฬาร 1,300 กก. ยาบ้า 17 ล้านเม็ด คีตามีน 2 กก. มูลค่ามหาศาล

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบาย ตร. ในการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้งปี 2566 ประกอบกับการเดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. อย่างเข้มข้นล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถทลาย 8 เครือข่าย

ผู้ต้องหา 24 คน พร้อมของกลางไอซ์ 1,300 กก., ยาบ้า 17 ล้านเม็ด และ คีตามีน 2 กก.

คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 19 เม.ย.66 เวลาประมาณ 23.30 น.ตำรวจ บก.ปส.3 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ นายเกรียงไกร และ นายอะสะพะ พร้อมด้วยของกลางยาบ้าประมาณ 8.7 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณหน้ารีสอร์ตในพื้นที่ ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดย ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์ของเครือข่ายยาเสพติด

นายเกรียงไกร และนายอะสะพะ ซึ่งลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนติดทางด้าน อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งต่อให้ผู้ลำเลียงใน จ.เชียงใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 19 เม.ย.66 ขณะที่ตำรวจ ปส.3 กำลังเฝ้าติดตามเครือข่าย  ยาเสพติดดังกล่าว พบรถกระบะเป้าหมายวิ่งไปถึง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จึงได้สกัดรถไว้ได้ที่บริเวณถนนหน้ารีสอร์ต แห่งหนึ่ง ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มีนายเกรียงไกร เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอะสะพะ นั่งข้างคนขับ จากการตรวจค้นรถ พบยาบ้า จำนวน 6 กระสอบ จำนวน 1.5 ล้านเม็ด อยู่ภายในห้องโดยสารของรถยนต์ และพบยาบ้า จำนวน 26 กระสอบ หรือ 7.2 ล้านเม็ด อยู่ภายในกระบะท้าย รวมยาบ้า 8.7 ล้านเม็ด  จึงยึดเป็นของกลางและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ดำเนินคดี และสืบสวนขยายผลถึงผู้สั่งการต่อไป
คดีที่ 2 เมื่อ 25 เม.ย.66 ตำรวจ บก.สกส., ขส. และ ปส.3 ได้ร่วมทำการจับกุม ผู้ต้องหา 4 คน ได้แก่   1.นายชรินทร์, 2.น.ส.เกตพิกุล, 3.นายซามูดิน และ 4.นายอับดุลเล๊าะ พร้อมด้วยของกลางไอซ์ประมาณ 251 กก. ได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ต่อเนื่อง บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาบางปะอิน ก่อนการจับกุมสืบทราบว่าเครือข่ายนี้จะลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ มาส่งให้ลูกค้าใน จ.ปทุมธานี โดยจะใช้รถยนต์แบบตู้ทึบ ลักษณะขนส่งสินค้าเอกชนซุกซ่อนและลำเลียงยาเสพติด ตำรวจ ปส. จึงเฝ้าติดตามตลอดเส้นทางจากบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จนถึง จ.นครสวรรค์ และสามารถจับกุม 2 ผู้ต้องหาคือ นายชรินทร์,น.ส.เกตพิกุล   ได้ที่บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี พบไอซ์ถูกซุกซ่อนในรถยนต์ 234 กก. สอบสวนนายชรินทร์ ระบุมีไอซ์    อีก 17 กก. ซุกซ่อนในห้องเช่าใน ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย หลังเช่าไว้สำหรับพักยาเสพติดเพื่อรอส่งมอบให้กับลูกค้า จึงตรวจยึดและจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน คือ นายซามูดิน และ นายอับดุลเล๊าะ ดำเนินคดี

 คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 1 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.3 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ นายกิตติ มิ่งลดาพร และ นายเสกสรร อ่ำส้ม พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 2 ล้านเม็ด ได้ที่ บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า นายกิตติ และ นายเสกสรร มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนด้าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ส่งเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศอย่างต่อเนื่อง กระทั่ง 30 เม.ย.66 ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน   ได้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดอีกครั้ง กระทั่งกลางดึกวันเดียวกัน ผู้ต้องหาได้ขับรถออกมาจากบ้านห้วยปู โดยรถมีการบรรทุกสิ่งของในลักษณะที่มีน้ำหนักมากและขับรถจอดเป็นระยะๆ และเลี้ยวเข้าไปในปั๊มน้ำมัน ปตท.แม่อาย  จ.เชียงใหม่ ตำรวจ ปส.3 จึงเข้าตรวจค้นพบยาบ้าอยู่ภายในห้องโดยสารและท้ายรถ รวม 2 ล้านเม็ด จึงยึดเป็นของกลางและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ดำเนินคดี

คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 6 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.2 ได้ทำการจับกุมนายสหรัถ พร้อมของกลางไอซ์ประมาณ 450 กก. ได้ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านธาตุ ต.ธาตุนาเวง อ.เมือง จ.สกลนคร โดยตำรวจ ปส.2 สืบสวนทราบว่านายสหรัถ จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.บึงกาฬ ไปส่งให้กับลูกค้าใน กทม. จึงวางกำลังตามเส้นทางเพื่อจับกุม กระทั่งเมื่อวันที่ 5 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.2 พบรถเป้าหมายขับมาในเส้นทาง อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร โดยมีรถนำสำรวจเส้นทาง ชุดจับกุมจึงนำกำลังสกัดกั้นได้บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านธาตุ อ.เมือง จ.สกลนคร พบนายสหรัถ เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ จากการตรวจสอบภายในห้องโดยสาร พบไอซ์ 450 กก. บรรจุในกระสอบ 9 กระสอบ สอบถามผู้ต้องหา  รับสารภาพว่า รับยาเสพติดจากชายแดนแม่น้ำโขง จ.บึงกาฬ โดยจะมีกลุ่มนักบินภาคใต้มารอรับอีกทอดหนึ่ง

คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.1 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่นายอดุลย์หรือบังเลาะห์ และ นายธนกฤติ  ได้ที่บ้านพักย่านลำลูกกา บ้านพักย่านสรงประภา และตรวจยึดยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด, คีตามีน 2 กก. ได้ที่ศูนย์กระจายสินค้าเอกชน ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดย ตำรวจ ปส.1 ได้สืบสวนและเฝ้าติดตามพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งลักลอบส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์ และได้ประสานความร่วมมือกับบริษัทขนส่งพัสดุภัณฑ์ เพื่อติดตามพัสดุที่ผู้ต้องหาส่ง จนกระทั่งทราบว่าพัสดุดังกล่าว กำลังขนส่งไปถึง จ.สมุทรสาคร จึงทำการตรวจสอบพัสดุดังกล่าวร่วมกับบริษัทขนส่งพัสดุ พบยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด และ คีตามีน 2 กิโลกรัม บรรจุในกล่องพัสดุ 16 กล่อง จึงได้ยึดเป็นของกลางและติดตามไปจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาดำเนินคดี และตรวจยึดรถยนต์ 3 คัน, สร้อยคอทองคำ 8 บาท และแหวนเพชร 1 วง  รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 3 ล้านบาท

คดีที่ 6 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 7 คน ได้แก่ 1.นายธงไชย, 2.นายวิทยา, 3.นายสมชาย, 4.นายธรรมนูญ, 5.นายภาคภูมิ, 6.น.ส.สุธาดา และ 7.นายบัญฑิตย์ พร้อมของกลางยาบ้า 4.4 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณริมถนนตาก-พิษณุโลก(หมายเลข 12) ต.ไกรนอก อ.กงไกรลาส จ.สุโขทัย โดยชุดจับกุมสืบสวนทราบว่าในห้วงวันที่ 6–8 พ.ค.66 จะมีเครือข่ายค้ายาเสพติดจากภาคเหนือนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้รถยนต์ 3 คัน ในการลำเลียงยาเสพติดและนำทาง ตำรวจ ปส.ชุดจับกุม จึงวางกำลังตามเส้นทางบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย จนถึง จ.สุโขทัย กระทั่งจับกุม 7 ผู้ต้องหา ได้บริเวณริมถนนตาก–พิษณุโลก จ.สุโขทัย ตรวจสอบรถที่ใช้ก่อเหตุพบยาบ้าประมาณ 4.4 ล้านเม็ด และตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ขนยาเสพติด 3 คันดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 7 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.4 ร่วมกับ บก.ขส. ได้ร่วมทำการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 คน ได้แก่   1.นายกฤษณ์, 2.น.ส.สิรารมย์, 3.นายธนิสร และ 4.น.ส.วรัญธิญา ได้ที่ด่านตรวจยาเสพติด (บ้านควนมีด) อ.จะนะ จ.สงขลา ต่อเนื่องบริเวณจุดสกัดป้อมตำรวจโคกกอก ต.ท่ามิหรำ อ.เมือง จว.พัทลุง พร้อมของกลางไอซ์ประมาณ 300 กก. จากการสืบสวนขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไอซ์ 688 กก. เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พบว่าเครือข่ายดังกล่าวจะลักลอบขนยาเสพติดจากภาคกลางซุกซ่อนมากับรถ 2 คัน เพื่อส่งให้ลูกค้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ ต่อมาวันที่ 9 พ.ค.66 พบรถ 2 คัน มุ่งหน้าลงใต้ในลักษณะเป็นรถนำ-รถตาม ตำรวจ ปส.4 จึงประสานด่านตรวจยาเสพติดบ้านควนมีด จ.สงขลา ให้เตรียมเรียกตรวจรถ แต่รถดังกล่าวได้จอดหลบข้างทางก่อนถึงด่านตรวจ 3 กม. ตำรวจ ปส.4 จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นรถ พบนายกฤษณ์ และ น.ส.สิรารมย์ให้การมีพิรุธ จึงเชิญทั้ง 2 คน เข้าด่านตรวจยาเสพติด พร้อมนำรถยนต์เข้าตรวจเอกซเรย์พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายยาเสพติด จึงทำการตรวจค้น พบไอซ์ 300 กก. ถูกซุกซ่อนมากับพืชผลทางการเกษตร จากนั้นได้ติดตามจับกุมรถสำรวจเส้นทาง มีนายธนิสร เป็นผู้ขับขี่และ น.ส.วรัญธิญา นั่งไปด้วย ขณะนี้ ตำรวจ ปส.4 อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

คดีที่ 8 เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.3 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ 1.นายบรรยงค์ และ  2.นายยิ่งคุณ พร้อมด้วยของกลางไอซ์ประมาณ 300 กก. ได้ที่ บริเวณถนนหมายเลข 1063 ต่อเนื่องบริเวณถนนหมายเลข 1209 หน้าบ้านเลขที่ 205 หมู่ 15 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย โดยตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดตามแนวชายแดนด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ทราบว่าจะมีการขนยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในด้วยรถกระบะ จึงเฝ้าสืบสวนติดตาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 พบรถยนต์ต้องสงสัยขับตามกันมาจึงเข้าตรวจสอบรถทั้ง 2 คัน ได้ขับขี่หลบหนี แต่ตำรวจ ปส.3 สามารถสกัดจับกุมได้ ตรวจสอบรถคันที่นายบรรยงค์เป็นผู้ขับขี่พบไอซ์ 300 กก. อยู่ภายในรถ โดยมีนายยิ่งคุณ ขับขี่รถนำทางอีกคัน ซึ่งตำรวจ ปส.อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลถึงผู้สั่งการต่อไป

‘เปิ้ล ไอริณ’ เปิดใจถึงประเด็นแช่ง ‘ใบเตย’ ในอดีต เผย ถ้าย้อนกลับไปจะไม่พูด ปัจจุบันไม่ขอซ้ำเติมใคร

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 ตอนนี้ชาวเน็ตพากันขุดคลิปเก่าที่ ‘เปิ้ล ไอริณ’ พูดถึง ‘ใบเตย สุธีวัน’ ครั้งทั้งคู่มีปัญหากันเมื่อ 9 ปีก่อน และเปิ้ลออกมาบอกว่า “ถ้าไม่ยอมขอโทษ ได้ไปนอนหนุนแอร์เมสในตารางแน่นอน ฝากไปบอกเขาด้วย” บางคนถึงกับบอกว่าปากของเธอศักดิ์สิทธิ์ และคำสาปเป็นจริงแล้ว

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ‘เปิ้ล ไอริณ’ ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าย้อนกลับไปได้ก็จะไม่พูดประโยคดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเหมือนกับจิตใจค่อนข้างจะอ่อนแอ เพราะเจอหลายเรื่องมาก ทั้งโดนแคนเซิลงาน ทั้งโดนผู้ใหญ่ต่อว่า โดนเยอะแยะ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

“เปิ้ลเป็นคนให้เกียรติคนอย่างที่สุด แล้วชั่วโมงนั้นรู้สึกเหมือนโดนหยามเกียรติ ยอมรับว่าด้วยความที่มันหลายเรื่อง และใจตอนนั้นก็ค่อนข้างบางๆ อาจจะพูดไปโดยที่โมโหอยู่ แต่หลายปีผ่านไป ย้อนไปดู เรื่องเกียรติยศ หรือศักดิ์ศรีมันก็คืออัตตา ตัวตน เราไปยึดก็หนัก ตอนนี้ถ้าย้อนกลับไปได้ก็ไม่คิดพูด ไม่สาปแช่งใคร อยากส่งคลื่นพลังงานดีๆให้คนมากกว่า”

เธอยังบอกด้วยว่า เธอคงไม่อวดอ้างว่าตัวเองพูดอะไรไปแล้วศักดิ์สิทธิ์ ที่บอกได้คือเป็นคนเชื่อหลักฟิสิกส์ ควอนตัม เชื่อในกฎวิทยาศาสตร์

“อะไรก็ตามที่พูดจากใจ ด้วยพลังงานที่มันเพียว มันก็จะแอทแทคให้ให้เป็นเรื่องจริง บวกกับเราเป็นคนค่อนข้างรักษาศีล พยายามไม่มุสา แล้วก็ใช้ปากในการสวดมนต์ทุกคืนตั้งแต่จำความได้ ตั้งแต่เด็ก เหมือนกับเราใช้ปากในการท่องคาถามั้ง แล้วพยายามไม่พูดคำหยาบ ก็เลยคิดว่าอาจจะมีส่วนที่เวลาพูดอะไรมันก็เลยมีพลัง เชื่อเรื่องพลังมากกว่าเชื่อเรื่องงมงายค่ะ”

เธอยังบอกด้วยว่า หลายคนอาจไม่ทราบว่ากรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอีกฝ่ายได้ฝากคำขอโทษโดนนัยมากับผู้จัดการของเธอแล้ว

“เขาฝากขอบคุณมากับผู้จัดการเปิ้ล บอกถ้าไม่ได้พี่เปิ้ลช่วงนั้นเขาอาจจะไม่เปรี้ยงก็ได้ เขาฝากผู้จัดการเปิ้ลมาพูด เปิ้ลเองก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ แล้วตัวเปิ้ลเองไม่ชอบเห็นใครโดนซ้ำเติม แล้วตัวเองก็จะไม่ทำอย่างนั้นกับใครด้วยค่ะ”

“เอาเป็นว่าตอนนี้เปิ้ลไม่มีอะไรกับใคร ใฝ่หาความสงบ แล้วอยากจะเดินหน้าทำงานต่อไป ทำอะไรให้สังคม อยากเป็นตัวอย่างมายด์เซ็ตที่ดีให้กับผู้คน ไม่อยากส่งอะไรให้คนทุกข์ คิดว่าตอนนี้ทุกคนต้องการกำลังใจ อยากส่งกำลังใจให้ทุกคนมากกว่าค่ะ”

“ถ้าย้อนกลับไปได้ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเลยค่ะ”

‘โบว์ เบญจวรรณ’ เปิดใจทั้งน้ำตา รับเลิก ‘ก๊อต จิรายุ’ ยืนยัน ไม่ได้เป็นฝ่ายหมดรัก ไม่รู้จุดพลิกมันคือตรงไหน

(12 พ.ค. 66) เป็นที่จับตาสำหรับความรักของ ‘ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล’ พระเอกชื่อดัง และ ‘โบว์ เบญจวรรณ’ ที่คบหากันมานานกว่า 10 ปี หลังจากฝั่งชายได้ออกมาโพสต์ว่า “Good bye social media … see u soon” ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ได้ลบภาพคู่ออกจากในอินสตาแกรม

ล่าสุด โบว์ เบญจวรรณ ได้มาออกรายการแฉ เปิดใจครั้งแรก แบบสดๆร้อนๆ กับเรื่องราวความรักครั้งนี้

นักแสดงสาว เปิดใจว่า โบว์ไม่เคยไม่มั่นใจในความรักของโบว์ เราอาจจะไม่เข้าใจกัน เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ จริงๆ ที่มีการเมนชั่นถึง ตั้งแต่ต้นปี ยันวันครบรอบ 8 กุมภาพันธ์ ทุกอย่างก็ยังโอเค ไม่มีสัญญาณอะไร วาเลนไทน์ก็ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ไม่ได้รู้สึกมีสัญญาณอะไร หรืออาจจะมองข้ามไป

“พอกลับจากต่างประเทศก็เริ่มไม่เหมือนเดิม เขารู้สึกว่าอยากขอเวลาไปอยู่กับตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีโมเมนต์พวกนี้ อาจจะเหนื่อย ล้า จากงานที่กระทบเรา ก็ขอเวลาไปอยู่แบบนั้น ผ่านมา เดือนกว่า 2 เดือนกว่า พอได้คุยกัน ก็มีความไม่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ”

“เราไม่อันฟอล ไม่ได้ลบรูป ตอนนั้นโบว์ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยซ่อนไว้ เพราะเวลามีคนคอมเมนต์ รูปนั้นมันจะเด้ง โบว์สับสนอยู่ว่าจะไปยังไงนะ เขาบอกจะไปจัดการ อาทิตย์ที่แล้วก็บอกเขาว่า โบว์จะมาทำงานอาจจะต้องพูดถึง ขอคุย ก็ได้คุยก่อนเข้ารายการ”

ก่อนที่โบว์ เบญจวรรณ จะเงียบไป จนมดดำถามว่า “บทสรุปคือ ทุกอย่างจบแล้ว” โบว์จึงได้พยักหน้า มีน้ำตาซึม และระบุว่า “ใช่” พร้อมบอกว่า “แต่ว่า มันปุปปัป แค่รู้สึกว่า เรารู้สึกว่า 10 ปี มันมีอะไรดีๆด้วยกันมาตั้งเยอะ เราโตมาด้วยกัน มันผ่านอะไรหลายๆอย่าง พอมาถึงตรงนี้ ก็แค่คิดว่า มันไม่มีอะไรที่เราไม่สามารถคุยหรือเคลียร์กันได้ แต่พอเอาจริงๆ มันก็แค่ โบว์ยังมึนๆ อึ้งๆ เพราะมันเฟรชมาก”

ถามต่อว่าได้พูดคุยก่อนที่จะขอเวลาอยู่กับตัวเองไหม โบว์ กล่าวว่า มีการตั้งคำถาม แต่เป็นสิ่งที่โบว์กับเขา ต้องจัดการกันเอง

เขาเพิ่งให้คำตอบวันนี้? “โบว์ว่า เขาอาจจะให้สัญญาณ อาจจะเป็นปีที่แล้ว หรือช่วงก่อนหน้านี้ ช่วงปีใหม่ สิ่งที่โบว์ลงไป ก็คือความรู้สึกนั้นๆ อาจจะมีพูดไม่เข้าหูบ้าง เราอาจจะไม่ได้คิดว่าไปทริกเกอร์อะไร โบว์ก็พยายามบอก ว่ามีอะไรคุยกันได้ไหม แต่แบบ โบว์ไม่รู้”
.
และว่า ‘อยากเคลียร์’ ? โบว์บอกว่า “โบว์ไม่ได้หยุดรักเขา ไม่รู้ว่าจุดพลิกมันคือตรงไหน ไม่เห็นประโยชน์ของการจี้ถาม เขาเองก็อาจจะลำบากใจด้วย” จนทำให้เหล่าพิธีกร ในรายการถึงกับช็อก มดดำได้บอกว่า หมดคำถาม เพราะสคริปต์ไม่มีคำว่าเลิกกันเลย และอยากให้พูดอะไรหากก็อตได้ฟังอยู่
.
“ไม่รู้จะพูดอะไร หนูบอกเขาไปแล้ว ว่าหนูรักเขา หนูบอกแล้วไม่อยากยอมแพ้ หนูรู้สึกว่า 10 ปีที่ผ่านมา หรือการได้อยู่กับเขามาตลอด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย โบว์รู้สึกว่าเรามีการเติบโต และพัฒนาด้วยกันมาเรื่อยๆ เราเติบโตทางความคิด สติปัญญา มันมีความทรงจำ ตีภาพมาอยู่เรื่อยๆ และคิดถึงโมเมนต์นั้นๆ เขารู้ว่าโบว์รัก และรู้ด้วยว่าเขาคือคนสำคัญของโบว์นะ” ถามถึงปัญหาที่ผ่านมา โบว์บอกว่าปัญหาจุกจิก มีอยู่บ้าง เช่น พูดไม่เข้าหู ปฏิกิริยาไม่น่ารัก
.
เป็นไปได้ไหม เพราะต่างคนต่างดัง? ดาราสาวก็ว่า “โบว์ว่าไม่เกี่ยว อาจจะอยู่ในจุดที่แต่ละคนหาอะไรที่เอนจอยมากขึ้น ส่วนอยากจะถามอะไร โบว์ถามไปหมดแล้ว บางอย่างได้คำตอบ บางอย่างไม่ได้คำตอบ ขอไม่ลงรายละเอียด”
.
มดดำ กล่าวว่า ไม่มีคำถามว่าเลิกกันเลย แค่บอกว่าจะพูดถึง แต่ระหว่างรอเข้ารายการก็ได้คำตอบ ตอนแต่งหน้าอยู่นี่หละ มันหนักนะ หนักสำหรับคนถามด้วย โบว์ จึงได้เสริมว่า “จริงๆ ก่อนได้คุย โบว์ก็แอบหวังว่าอาจจะมีอะไรคาใจ หรือให้เวลารักษามัน ต่อให้มันยาก โบว์ก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจ เพราะรู้สึกว่าโบว์ให้คุณค่ากับสิ่งที่โบว์มี และทุ่มเทกับมันมาก เพราะรู้สึกว่ามีค่าสำหรับโบว์”
.
“หลังๆ เราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เขาทำงานเยอะ เขาทำเพื่อตัวเอง ครอบครัว เขาทุ่มเท เราเห็นก็รู้สึกว่า คนนี้ไกด์เราได้ วันไหนเราเคว้ง หรือมีคำถามที่ตอบไม่ได้ จึงรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เราอยากไปต่อยาวๆ ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน เป็นคนที่เราสบายใจ เป็นตัวของตัวเอง อยากโตไปด้วยกัน แค่นั้นก็มีค่า โบว์ก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ โบว์เห็นภาพอนาคตของเรา จนวันนี้ยังเห็น ก็ไม่คิด ประเด็น คือ มีโมเมนต์ที่แฮปปี้ด้วยกันเยอะ”

ถามว่า ได้คุยกับเขาวันนี้ว่าอะไร? โบว์บอกว่า “วันนี้โบว์ก็บอกว่าโบว์จะมาทำงาน อาจจะมีการถามเรื่องนี้ ให้โบว์ตอบว่าอะไร เขาบอกว่าอยากพูดอะไร พูดได้เลย เขาไม่ได้พูดคำนั้น แต่บางทีไม่ต้องพูดคำนั้นก็ได้ เพราะสัญญาณมันชัด เขารู้อยู่แล้ว ว่าโบว์จะพูดประมาณไหน บางทีไปไหนมาไหน ก็ยังถามอยู่ว่า ก็อตหละ เราก็พูดไม่ถูก พอวันนึงไม่มีแล้ว มันก็…(พูดไม่ออก)”

สำหรับ 2 ครอบครัว เป็นอย่างไร? โบว์บอกว่า “แม่โบว์รู้ แม่เขาก็รู้ แม่โบว์ดีขึ้น แต่อึ้งแอบงอนโบว์ ว่าเอ้าทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะเขาก็ถามตลอด เราก็บอกว่าไม่ต้องห่วง จะตัดสินใจกัน แต่พอมาวันนี้ แม่โบว์ 70 กว่าแล้ว เขาก็คิดว่าอย่างน้อยคือมีคนดูแล คนที่ห่วงที่สุดในการพูดเรื่องนี้คือแม่ เพราะไม่รู้สภาพจิตใจยังไง”

“ก่อนหน้านี้ โกรธกันหลักเดือนมี แต่พอบอกว่า ขอกลับไปจัดการตัวเอง ไม่พร้อมปะทะ ก็คุยกัน แล้วกลับมาปกติ ครั้งนี้ก็คิดว่าแบบนั้น แต่คำตอบสาหัสอยู่”

ศลต.ตร.เผยตั้งแต่บ่ายวันนี้ มีเวทีปราศรัยใหญ่ 8 พรรค 8 จุด กทม. – ปริมณฑล แนะประชาชนวางแผนการเดินทาง จัดกำลังตำรวจจราจรอำนวยความสะดวก

วันนี้ (12 พฤษภาคม 2566) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการ ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ โฆษก ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศลต.ตร. กำชับให้ ศลต.ตร.กำหนดแผน และมีมาตรการในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชน ในช่วงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ.2566
 
พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวว่า เนื่องจากในวันนี้ (12 พฤษภาคม 2566) ศลต.ตร.ได้รับแจ้งว่า พรรคการเมืองหลายพรรคได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ศลต.ตร.โดยพล.ต.อ.รอยฯ ได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ที่มีการจัดการปราศรัย และพื้นที่ติดต่อ วางมาตรการเพื่อบริหารจัดการการจราจรอำนวยความสะดวกกับประชาชนที่เดินทางไปร่วมฟังการปราศรัย และเพื่อให้ผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนน้อยที่สุด ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนรับทราบ เพื่อการวางแผนการเดินทางด้วย
 
ขณะนี้ ศลต.ตร.รับแจ้งว่าตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้ ซึ่งเป็นวันศุกร์ที่ปริมาณรถมากกว่าปกติ จะมีการปราศรัยใหญ่ของพรรคการเมือง 8 จุด ดังนี้
1. พรรคพลังประชารัฐ ปราศรัยที่ อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย - ญี่ปุ่น เขตดินแดง กทม. ในเวลา 14.00 น.
2. พรรคภูมิใจไทย ปราศรัยที่ ห้างสรรพสินค้า โชว์ ดีซี ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กทม.ในเวลา15.30 น.
3.พรรครวมไทยสร้างชาติ ปราศรัยที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กทม. ในเวลา 16.00 น.
4.พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยที่ ลานคนเมือง เขตพระนคร กทม. ในเวลา 17.00 น.
5.พรรคเพื่อไทย ปราศรัยที่ อิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานี จว.นนทบุรี ในเวลา 17.30 น.
6. พรรคก้าวไกล ปราศรัยที่ อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย - ญี่ปุ่น เขตดินแดง กทม. ในเวลา 18.00 น.
7. พรรคชาติพัฒนากล้า ปราศรัยที่ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กทม. ในเวลา18.00 น.
และ 8. พรรคไทยสร้างไทย ปราศรัยที่ ลานกิจกรรม ปาร์ค พารากอน เขตปทุมวัน กทม.ในเวลา 18.00 น.
ขณะเดียวกันกรมอุตุนิยมวิทยา ออกรายงานแจ้งว่า ด้วยอิทธิพลจาก พายุไซโคลนโมคา ทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง และฝนตกหนักบางแห่ง ทั่วประเทศ รวมถึงกทม.และปริมณฑล ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ดังนั้นอาจส่งผลให้การจราจรติดขัด หนาแน่นกว่าปกติ จึงขอให้ประชาชนวางแผนการเดินทาง และเผื่อเวลาในการเดินทางด้วย
 
พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวด้วยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ผอ.ศลต.ตร.จึงได้สั่งการกำชับไปยังตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1 ให้เตรียมแผนรองรับ และให้จัดกำลังตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รวมถึงบริการดูแลประชาชน อย่างเต็มที่ โดยประชาชนสามารถโทรสอบถามเส้นทาง สภาพการจราจรได้ที่สายด่วน 1197 กองบังคับการตำรวจจราจร หรือติดตามได้ทางเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์  “1197สายด่วนจราจร”
 

กองทัพเรือจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี “เสด็จเตี่ย” ณ อาคารอเนกประสงค์ พิพิธภัณท์ทหารเรือ (อาคาร Utility Hall) พร้อมให้ข้าราชการทหารเรือและประชาชนที่สนใจเข้าชม

วันที่ 11 พ.ค.66 พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะประธานกรรมการจัดงานครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ติดตามความพร้อมในการจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสครบรอบวันสิ้นพระชนม์  100 ปีฯ เพื่อเปิดให้ข้าราชการทหารเรือ และประชาชนเข้าชมได้ในวันจันทร์ - วันศุกร์ ตั้งแต่ 12 พ.ค.66 เวลา 09.00 - 15.00 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ พิพิธภัณท์ทหารเรือ (อาคาร Utility Hall) ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

การจัดแสดงนิทรรศการดังกล่าวดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการจัดทำหนังสือที่ระลึกและการจัดกิจกรรมด้านวิชาการ การจัดงานครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปีฯ ได้กำหนดกรอบและนำวัตถุพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญจัดแสดงนิทรรศการฯ เพื่อเทิดพระเกียรติ “เสด็จเตี่ย” ที่ทรงวางรากฐานให้กองทัพเรือเป็นปึกแผ่นตราบจนปัจจุบัน ณ ห้องโถงชั้นล่างของอาคารอเนกประสงค์ (Utility Hall) ดังนี้

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. ขอนแก่น ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 11 เขตของจังหวัดขอนแก่น ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>>เขต 1 อ.เมืองขอนแก่น (เฉพาะต.ในเมือง ต.เมืองเก่า และต.พระลับ)

>>เขต 2 อ.เมืองขอนแก่น (เฉพาะต.บ้านเป็ด ต.ศิลา ต.โคกสี ต.หนองตูชม ต.แดงใหญ่ ต.บึงเนียม ต.สําราญ และต.สาวะถี)

>>เขต 3 อ.กระนวน อ.ซําสูง อ.น้ําพอง (เฉพาะต.บัวเงิน ต.พังทุย ต.ทรายมูล ต.บัวใหญ่ และต.บ้านขาม) อ.เขาสวนกวาง (เฉพาะต.เขาสวนกวาง และต.คําม่วง)

>>เขต 4 อ.น้ําพอง (เฉพาะต.น้ําพอง ต.สะอาด ต.กุดน้ําใส ต.วังชัย ต.หนองกุง ต.ม่วงหวาน และต.ท่ากระเสริม) อ.อุบลรัตน์ อ.เขาสวนกวาง (เฉพาะต.ดงเมืองแอม ต.นางิ้ว และต.โนนสมบูรณ์) อ.เมืองขอนแก่น (เฉพาะต.บ้านค้อ และต.โนนท่อน)

>>เขต 5 อ.ภูเวียง (เฉพาะต.ภูเวียง ต.บ้านเรือ ต.ดินดํา ต.หว้าทอง ต.ทุ่งชมพู ต.นาหว้า ต.หนองกุงธนสาร ต.นาชุมแสง และต.สงเปือย) อ.สีชมพู (เฉพาะต.สีชมพู ต.บริบูรณ์ ต.ดงลาน ต.บ้านใหม่ ต.ภูห่าน ต.หนองแดง ต.ศรีสุข และต.วังเพิ่ม) อ.หนองนาคํา อ.เวียงเก่า

>>เขต 6 อ.ชุมแพ อ.ภูผาม่าน อ.สีชมพู (เฉพาะต.ซํายาง และต.นาจาน)

>>เขต 7 อ.หนองเรือ อ.บ้านฝาง อ.ภูเวียง (เฉพาะต.หนองกุงเซิน และต.กุดขอนแก่น)

>>เขต 8 อ.มัญจาคีรี อ.พระยืน อ.เมืองขอนแก่น (เฉพาะต.บ้านทุ่ม ต.บ้านหว้า ต.ดอนช้าง ต.ดอนหัน และต.ท่าพระ)

>>เขต 9 อ.พล อ.แวงน้อย อ.แวงใหญ่

>>เขต 10 อ.หนองสองห้อง อ.โนนศิลา อ.เปือยน้อย อ.โคกโพธิ์ไชย อ.ชนบท (เฉพาะต.ห้วยแก ต.วังแสง และต.ปอแดง)

>>เขต 11 อ.บ้านไผ่ อ.บ้านแฮด อ.ชนบท (เฉพาะต.ศรีบุญเรือง ต.ชนบท ต.โนนพะยอม ต.บ้านแท่น และต.กุดเพียขอม)

หอภาพยนตร์ (ประเทศไทย) จัดงานประชุมสามัญประจำปีของสมาคมอนุรักษ์สื่อโสตทัศน์ตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (SEAPAVAA) ครั้งที่ 27 ที่เมืองพัทยา

(10 พ.ค.66) ณ ศูนย์ประชุมมหาไถ่ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดงานประชุมสามัญประจำปีของสมาคมอนุรักษ์สื่อโสตทัศน์ฯ ครั้งที่ 27 โดยมี Ms.Karen Chan (มิส คาเร็น ชาน) ประธานสมาคมฯ และกรรมการบริหารพร้อมด้วยสมาชิกสมาคมฯ เข้าร่วมงาน 

สืบเนื่องจาก ระหว่างวันที่ 8 - 13 พฤษภาคม 2566 หอภาพยนตร์ (องค์การมหาซน ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการจัดงานประชุมสามัญประจำปีของสมาคมอนุรักษ์สื่อโสตทัศน์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (South Pacific Audio Visual Archive Associations หรือ SEAPAVAA) ครั้งที่ 27 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 ของประเทศไทยที่ ได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าว ซึ่งการจัดประชุมครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO), เมืองพัทยา และองค์กรบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท, โดยเลือกศูนย์ประชุมมหาไถ่ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่จัดประชุม 

ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เมืองพัทยา และขับเคลื่อนภารกิจเมืองพัทยาสู่เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านภาพยนตร์ของยูเนสโก และเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ตามยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่เมืองพัทยา และวัตถุประสงค์หลักเฉกเช่นทุกปีของการจัดประชุมสามัญประจำปีของสมาคมอนุรักษ์สื่อโสตทัศน์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (SEAPAVAA) ก็คือการสร้างความตระหนักรู้และความสำคัญของการอนุรักษ์ภาพยนตร์และสื่อโสตทัศน์ในสังคมไทย และสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ภาพยนตร์ สื่อโสตทัศน์ ตลอดจนสิ่งเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ และเผยแพร่องค์ความรู้นั้นให้แก่สาธารณชนทั้งในระดับชาติและนานาชาติ พร้อมไปกับการสร้างเครือข่ายการทำงานด้านภาพยนตร์

ซึ่งในวันนี้ได้มีการจัดบรรยายในหัวข้อ Global audiovisual archive: a call forcollaboration and sustainabillty โดย Ms Giovana Fossati (มิส จิโอวาน่า ฟอสซาติ) จาก EYE Filmmuseum และหัวข้อ High Productivity Digitization โดย Jim Lindner and David Barnard ณ ศูนย์ประชุมมหาไถ่ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

‘นักวิจัยไทย’ เจ๋ง!! คิดค้น ‘ปุ๋ยไอออนิค’ จากการเคลือบพอกสำเร็จ ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มผลผลิต การันตีด้วยรางวัล ‘นวัตกรรมโลก’ จากสวิสฯ

(11 พ.ค. 66) ขอแสดงความยินดีกับ คุณฝนธิป ศรีวรัญญู CEO บริษัท ไอออนิค จำกัด ผู้นำการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี และปุ๋ยชีวภาพแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนนักวิจัยไทย โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ วช. นำปุ๋ยนวัตกรรมการเคลือบพอก เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต คว้ารางวัล ‘นวัตกรรมโลก’ Silver Medal ในงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมระดับนานาชาติ ‘The 48th Internaional Exhibition of Inventions Geneva’ จัดขึ้นวันที่ 26-30 เมษายน 2566 ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีนักประดิษฐ์นักวิจัยนำผลงานเข้าประกวดและจัดแสดงมากกว่า 1,000 ผลงานจากนานาชาติกว่า 40 ประเทศทั่วโลก

นวัตกรรมเคลือบพอกเม็ดปุ๋ยด้วยสารเสริมประสิทธิภาพ เป็นการนำประโยชน์จากเวสท์อุตสาหกรรม ประเภทไม่เป็นอันตราย (non hazardous) อาทิ กากถั่วเหลือง, กากงา, กากชา, กากกาแฟ กากตะกอนนม และกากตะกอนชีวภาพจากระบบบำบัด นำมาตรวจ วิเคราะห์ ค่าธาตุอาหาร พัฒนาเป็นปุ๋ยสูตรคุณสมบัติพิเศษ ทดลองใช้กับพืช โดยวัดเปรียบเทียบค่าสารอาหาร เช่น ค่าโปรตีน ค่าธาตุอาหารหลัก ค่าวิตามิน และค่าไลโคปีน มีระดับค่าสูงขึ้นอย่างเห็นผล

จุดเด่น ‘ปุ๋ยไอออนิค’ ที่คว้าได้รางวัลนวัตกรรมโลก ได้แก่

- เพิ่มผลผลิต 25% ด้วยนวัตกรรมในการเคลือบพอก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปลดปล่อยธาตุอาหาร ทำให้พืชได้รับธาตุอาหารครบถ้วน
- ลดต้นทุนการผลิตได้ 30-40% ประหยัดการใช้เคมี
- สามารถผลิตได้ทุกสูตร ตามสภาพพื้นที่ ตามความต้องการพืช
- ลดกากอุตสาหกรรม และลดก๊าซ co2
- ธาตุอาหาร ค่าวิตามินในผลผลิต สูงขึ้น 30%

ผบ.ตร.ลงพื้นที่ภูเก็ต วางมาตรการดูแลประชาชน นักท่องเที่ยวทุกมิติ คุมเข้มอาชญากรรม ยาเสพติด คดีออนไลน์ การเอารัดเอาเปรียบ ย้ำต้องทำงานเอาปัญหาชุมชนเป็นที่ตั้ง มีตำรวจคอยประสานงานแก้ไข พร้อมกำชับสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

วันนี้ (11 พ.ค.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อวางมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวและบริหารจัดการนักท่องเที่ยว และบุคคลต่างด้าวทั้งระบบตามนโยบายรัฐบาลร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง สำหรับจังหวัดภูเก็ตถือเป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ รัฐบาลได้จัดทำโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” กระตุ้นและฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูเก็ตหลังโควิด ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก นำรายได้เข้าสู่ประเทศจำนวนมาก อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาอาชญากรรม การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว การให้บริการ แท็กซี่ป้ายดำ รวมทั้งปัญหากลุ่มชาวต่างชาติ คนต่างด้าวเข้ามาทำผิดแฝงในคราบนักท่องเที่ยว ที่ต้องดำเนินการ

โดยในช่วงเช้า ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต , นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รอง ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจท้องที่ และส่วนราชการเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ตม.จว.ภูเก็ต เพื่อนำเสนอภาพรวมการทำงาน และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้สั่งการเน้นย้ำการบูรณาการ ทำงานเป็นเนื้อเดียวกันในทุกภารกิจ ทุกมิติ มีการประสานงานกันต่อเนื่องในการดูแลนักท่องเที่ยวตั้งแต่เข้ามาผ่านสนามบิน การเดินทางสัญจร การท่องเที่ยวในพื้นที่ มีการควบคุมการเข้าออกประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ , ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว สุ่มตรวจที่พักอาศัย โรงแรมตามมาตรา 38 พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ , ให้ตำรวจร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องควบคุมการให้บริการ ไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว อาทิ เช่น รถแท็กซี่ป้ายดำ การเช่าเรือ ที่พักโรงแรมร้านอาหารต่างๆ ร้านขายของที่ระลึก และสั่งการให้ศูนย์ข้อมูลสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 เชื่อมต่อกับศูนย์ 191 ของตำรวจพื้นที่ ส่งต่อข้อมูล เพื่อให้บริการ ช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที ทั้งเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนอุบัติเหตุจราจร  ส่วนในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต้องมีมาตรการดูแลเป็นพิเศษ ทั้งการคัดกรอง จุดให้บริการ การติดตั้งกล้อง CCTV ดูแลความปลอดภัย และการ Show of Force เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยว 

พร้อมย้ำข้าราชการตำรวจทุกฝ่าย สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งการแต่งกาย การพูดจา การสวมใส่หมวกนิรภัย หรือปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว ที่สำคัญห้ามมีการเรียกรับสินบน ผลประโยชน์ หรือกระทำการใดๆ ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวโดยเด็ดขาด 

ต่อมาในช่วงบ่าย ผบ.ตร.ได้เดินทางไปประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยมี พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ จตร.ปฏิบัติราชการ ภ.8  ,รอง ผบช.ภ.8 ทุกท่าน, พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต , ผกก.หัวหน้าสถานี และข้าราชการตำรวจเข้าร่วม  ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้กำชับมาตรการดูแลประชาชน และนักท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต เน้นการบูรณาการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับการให้บริการประชาชน มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ โดยให้ ผกก.หรือหัวหน้าสถานี ลงพื้นที่ และรายงานผลการปฏิบัติในจุดสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาด้วยตนเอง

- นโยบายด้านยาเสพติด กำชับโครงการชุมชนยั่งยืนที่ภูเก็ตดำเนินการ 11 หมู่บ้าน มีการตรวจสารเสพติด 19,669 ราย เป็นผู้เสพที่เข้าสู่กระบวนการบำบัด 179 ราย 
- อาชญากรรมออนไลน์ เน้นย้ำมิติการป้องกันควบคู่การสืบสวนปราบปราม ทั้งการเตือนภัยรูปแบบต่างๆ พร้อมการแจ้งความออนไลน์ การรับแจ้ง สอบปากคำ หมายเรียกต่างๆ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง ทำเป็น SOP ให้เป็นมาตรฐาน 

- ส่วนการเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้ ตำรวจต้องวางตัวเป็นกลาง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต เป็นธรรม อย่างเต็มที่ ป้องกันการซื้อสิทธิ์ขายเสียง พร้อมกับระดมกวาดล้าง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม 
- ที่สำคัญต้องเอาปัญหาของประชาชน คนในพื้นที่เป็นที่ตั้ง จัดตำรวจประสานงานระหว่างชุมชน เพื่อรับทราบปัญหา แล้วนำไปสู่การแก้ไข ไม่ให้เกิดบานปลายลุกลาม 
    
ทั้งนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า “ วันนี้ได้เดินทางมาจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว เพื่อวางมาตรการดูแลความปลอดภัยประชาชน และนักท่องเที่ยว ของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว ได้สั่งการเน้นย้ำอยากเห็นภาพการบูรณาการทำงานร่วมกันของตำรวจและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกมิติ และได้เน้นย้ำสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานของตำรวจ คือ การนำปัญหาของสังคม ประชาชนในพื้นที่เป็นที่ตั้ง อยากเห็นการมอบหมายตำรวจไว้คอยประสานงานในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆไม่ให้ลุกลาม และเกิดความยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นักท่องเที่ยวในทุกๆมิติ”

‘ลูกชาวนา’ เปิดใจ!! เล่าความบอบช้ำชาวนาเมื่อปี 57 ยอมรับ!! รอดพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้เพราะ ‘รัฐบาลลุงตู่’

(11 พ.ค. 66) ผู้งานติ๊กต็อกชื่อ ‘skincare_by_yammy’ ได้ออกมาพูดถึงเรื่องการเลือกตั้งปีนี้ และได้เปิดเผยสาเหตุในการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบ โดยเจ้าของช่องติ๊กต็อกดังกล่าวได้เผยว่า…

“เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ลงคลิปตอนที่ถามกับลูกว่าจะเลือกใครเป็นนายก แล้วลูกได้ตอบว่า “เลือกลุงตู่” ซึ่งเราก็ได้ลงคลิปไปเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่ก็เกิดดรามาขึ้นจนได้ หลังจากมีชาวเน็ตมาแห่กันคอมเมนต์ในคลิปดังกล่าวที่เราได้โพสต์ลงไป”

เจ้าของช่องติ๊กต็อกดังกล่าวได้เล่าต่อว่า “เราเป็นคนบ้านกง จังหวัดสุโขทัย เป็นลูกชาวนาแทนๆ พ่อแม่ของเราก็เป็นชาวนา พ่อใหญ่แม่ใหญ่ของเราก็เป็นชาวนามาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เราและครอบครัวก็เคยสนับสนุนพรรคการเมืองที่ดูแลในเรื่องของการทำนา การเกษตร จนได้มีจุดเปลี่ยน ในปี 2557 ที่ทำให้เราและครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากเราได้ขายข้าวไป แต่ไม่ได้รับเงิน ทำให้ครอบครัวเราต้องแบกรับภาระค่าปุ๋ย ค่ายา ตลอดจนค่าจ้างในการเก็บเกี่ยวข้าวทั้งหมด เป็นเงินร่วมหลายแสนบาท ครอบครัวของเราเครียดเป็นอย่างมาก จากการต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้ ซึ่งใน ณ ห้วงเวลานั้น ถือเป็นวิกฤตอย่างหนักของชาวนา หากใครย้อนกลับไปมองในช่วงนั้น จะเห็นได้ว่า ‘ลุงกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ’ ได้พาชาวนาไปประท้วง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลในยุคนั้นเร่งแก้ไขปัญหานี้ให้ชาวนาโดยด่วน ซึ่งเราไม่ได้ไปร่วมเดินประท้วงด้วย แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบตรงนี้จริงๆ”

เจ้าของช่องติ๊กต็อกยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากเกิดการปฏิวัติ โดยกล่าวว่า “แต่หลังเกิดการปฏิวัติ ‘ลุงตู่’ ได้เข้ามาช่วยชำระหนี้สินตรงนี้ทั้งหมด ทำให้หลังจากนั้นเราได้เปลี่ยนความคิดว่า เราอยู่ได้ เพราะยึดราคาต้นทุนต่าง ๆ ตามราคาท้องตลาด หากต้นทุนไม่สูง เราก็พออยู่ได้… แต่เมื่อเกิดสงครามระหว่างประเทศยูเครนและรัสเซีย ก็ทำให้ราคาปุ๋ยและยาแพงขึ้นมากอีก ส่งผลให้ต้นทุนในการทำนาสูงขึ้น หากไม่ได้รัฐบาลยุคลุงตู่ช่วยเข้าไปเจรจา ราคาปุ๋ยในท้องตลาดของประเทศไทยก็คงจะยังราคาสูงอยู่ ตอนนี้ราคาปุ๋ยลดลงมาแล้ว ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการทำนาเป็นอย่างมาก”

“เราเป็นคนบ้านกงแท้ ๆ เป็นคนสุโขทัยแท้ ๆ ขอยืนยันที่จะสนับสนุนลุงตู่ต่อไป เพราะเรารักสถาบันฯ เราเรียนประวัติศาสตร์มา เราอย่าให้ตัวอักษรที่ถูกบรรจงเขียนไว้ ถูกลบเลือนไป เรายินดีที่จะรักษาความมั่นคงของประเทศชาตินี้ไว้ แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็ขอยืนยันจริง ๆ ที่จะสนับสนุนต่อไป และขอชื่นชมอีกหลาย ๆ คนที่ออกมาพูดเช่นกัน การออกมาพูดของเราในครั้งนี้ อาจจะทำให้เพื่อนลดลง ก็ไม่เป็นไรค่ะ” เจ้าของช่องติ๊กต็อก กล่าวทิ้งท้าย

ผบ.ตร.- นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เปิดร้านกาแฟ 'ปันรักษ์ คาเฟ่ @phuket immigration' สาขา 4 ณ ตม.จว.ภูเก็ต หวังพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวตำรวจและชุมชน ยกระดับสร้างภาพลักษณ์ให้บริการนักท่องเที่ยว

วันนี้ (11 พ.ค.66) ที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วยคุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เป็นประธานในพิธีเปิดร้านกาแฟ 'ปันรักษ์ คาเฟ่ (Punrak Cafe) @phuket immigration' ซึ่งร้านดังกล่าวดำเนินการโดยสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต โดยมี พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ จตร.ปฏิบัติราชการ ภ.8 , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รอง ผวจ.ภูเก็ต , นางบุญวันดี วุ่นซิ้ว นายกเหล่ากาชาดภูเก็ต, คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ อุปนายกสมาคมตำรวจ, คุณอนงค์นาถ ถนอมจิตร ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 8, ตัวแทนกงสุลประเทศต่างๆ, คณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ , ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมพิธีฯ

ร้านกาแฟ 'ปันรักษ์ คาเฟ่ (Punrak Cafe) @phuket immigration' เกิดขึ้นเนื่องจาก ตม.จังหวัดภูเก็ตเล็งเห็นว่า ร้านกาแฟปันรักษ์ คาเฟ่ ที่ดูดี มีมาตรฐาน นอกจากจะเป็นสวัสดิการให้ตำรวจและครอบครัว สามารถช่วยอำนวยความสะดวก ให้บริการ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ยกระดับความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือขององค์กรได้ 

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 จึงเห็นชอบในโครงการ ให้ พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ผกก.ตม.ภูเก็ต สร้างร้าน 'ปันรักษ์ คาเฟ่ (Punrak Cafe) @phuket immigration' ขึ้น ตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ที่มีดำริสานต่อโครงการสวัสดิการ ร้านปันรักษ์ คาเฟ่ เพื่อเป็นรายได้เสริมให้ข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และชุมชน โดยตั้งใจจะขยายโอกาสไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ 

ร้าน 'ปันรักษ์ คาเฟ่' ที่ตำรวจ ตม.ภูเก็ต จัดสร้างขึ้นนับเป็นสาขา 4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวตำรวจและชุมชน โดยต่อยอดหลังจากที่สมาคมแม่บ้านตำรวจ เปิด 'ร้านปันรักษ์' 3 สาขาแล้ว ได้แก่ สาขาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สาขากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ สาขากองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อรวบรวมสินค้า ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ของที่ระลึก ของขวัญ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ของฝาก ของดีประจำจังหวัด และจากฝีมือของครอบครัวตำรวจทั่วประเทศมาวางจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปและข้าราชการตำรวจ 

ผบ.ตร. กล่าวว่า  “ต้องขอบคุณสมาคมแม่บ้านตำรวจ และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ที่ร่วมกันผลักดันเปิดร้าน 'ปันรักษ์ คาเฟ่ @phuket immigration' ซึ่งเป็นร้านปันรักษ์ คาเฟ่แห่งที่ 4 ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายของการขยายสาขา เพื่อเป็นการขยายแบรนด์ปันรักษ์ สร้างรากฐานยั่งยืน สร้างอาชีพเสริมให้ครอบครัวตำรวจ โดยร้านปันรักษ์ คาเฟ่ มีเครื่องดื่ม กาแฟ ผลิตภัณฑ์กาแฟ และผลิตภัณฑ์สินค้า ของฝากฝีมือครอบครัวตำรวจทั่วประเทศ เชื่อมั่นว่าร้านปันรักษ์ คาเฟ่ จะเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้า สร้างผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ครอบครัวตำรวจมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นไปตามจุดประสงค์หลักที่เราต้องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพ เริ่มจากการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ตำรวจ และครอบครัวตำรวจ นอกจากนี้ ยังเป็นการอำนวยความสะดวก ยกระดับสร้างภาพลักษณ์การให้บริการกับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

‘ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต’ โต้กลับ 5 ข้อ ลั่น!! ‘ตุ๊ยตุ่ย’ สร้างหนี้เอง ย้ำ!! มาอยู่ฟรี กินฟรี เรียนฟรี ไม่เคยได้เงิน ถ้ามีก็โชว์หลักฐาน

(11 พ.ค. 66) จากกรณีที่ ตุ๊ยตุ่ย นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ได้ออกมาเปิดใจแชร์อดีตที่เคยพลาด สารภาพหลงเข้าลัทธิเข็มทิศชีวิตพัง ทำหมดเงิน 100 ล้าน เป็นหนี้สินติดตัวอีกกว่า 50 ล้าน สูญเสียทั้งมิตรภาพและเงินทอง ซึ่งโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทั้งยังโยงไปถึง ครูอ้อย-ฐิตินาถ ณ พัทลุง เจ้าของคอร์สเรียนดังอย่าง ‘เข็มทิศชีวิต’ ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นเซเลบริตี้คนดังจำนวนมาก

ที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ครูอ้อย ได้ออกมาโพสต์ข้อความตอบกลับประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

“ความจริง การที่ตุ่ยได้ไปออกรายการ แล้วทำให้คนที่ได้ฟังและสื่อจำนวนมากเผยแพร่ออกไปว่า มาเข็มทิศเสียเงิน 100 ล้าน เป็นหนี้ 50 ล้าน ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงคือ…

1. ตุ่ยไม่เคยให้เงินครู ในทางใด หรือค่าเรียนอะไรก็ตาม มาอยู่ฟรี พักฟรี กินฟรี เรียนฟรี โดยไม่เคยเสียค่าใช้จ่าย ค่าเรียน หรือ ค่าใดๆ ที่จ่ายให้ครูอ้อยแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยให้ทั้งค่าเรียน หรือให้โดยเสน่หา ไม่เคย เงินร้อยล้านของตุ่ยมีตอนไหนไม่เคยเห็น ถ้ามีหรือเคยให้ ขอดูหลักฐาน โปรดไปถามเขาชัดๆ เคยให้เงินครูอ้อย 100 ล้าน จริงไหมให้เขาตอบมา เขาอาจจะบอกว่าไม่ได้พูด

2. หนี้ 50 ล้าน ไม่ได้ให้ครู ไม่เกี่ยวกับครู ตุ่ยหาที่อยู่ แล้วไปซื้อคอนโดจากโครงการที่สาทร ประมาณ 40 ล้าน อยู่มาถึงตอนนี้ เกือบ 10 ปี ไปถามเขาใหม่ หนี้ 50 ล้าน คือค่าบ้านคอนโดที่ตัวเองอยู่มาเกือบ 10 ปีใช่หรือไม่

3. ปี 2560 วันที่ตุ่ยกลับจากศรีสัชนาลัย ครูบอกตุ่ยว่า ไม่ต้องมาเจอกันอีก ขอยุติการคบกันแค่นี้ และตุ่ยจะมาหาครูที่บ้าน ครูจึงออกไปพักที่โรงแรมสุโขทัยคนเดียว และเขียนกลับมาบอกในกลุ่มไลน์โดยมีน้องสาวครูและตุ่ยอยู่ว่า ครูขออนุญาตไม่เอาแล้ว เลิกคบกัน ครูพอแค่นี้ เพราะครูเชื่อว่า ทุกคนควรมีสิทธิ์ขอยุติความสัมพันธ์ และต่างคนต่างไปมีชีวิตของตัวเอง โดยไม่ต้องออกมาให้ร้ายกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครูเงียบเฉยมาตลอดแม้จะถูกพาดพิง

ไปถามตุ่ยได้ ว่าวันนั้นทางไลน์กลุ่ม ครูไลน์หาจากโรงแรมที่ครูไปพัก ครูขอเลิกคบกัน แล้วตุ่ยบอกว่า รักครูเหมือนแม่จริงหรือไม่ จากนั้นครูไม่เคยพบตุ่ย พูดคุยหรือติดต่อกันอีกตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา

4. การสอน ครูไม่สอนมาหลายปี แต่ตอนที่สอน ครูสอนให้
– รักครอบครัว รักพ่อแม่ กตัญญู ภรรยาให้เคารพสามี สามีให้รักภรรยา
– คิดดี พูดเรื่องดีดี เอาชีวิตไปทำเรื่องดีดี
– ตั้งเป้าหมายที่ดีงาม แล้วไปทำให้สำเร็จ

คนที่มุ่งร้ายต่อครู โจมตีครูมาตลอดสิบกว่าปี (ซึ่งก็อยู่เบื้องหลังการปั่นข่าวครั้งนี้อีกเหมือนเดิม ครูยังไม่ได้เริ่มจัดการ) เรียกการกตัญญูต่อพ่อแม่ ทำงานให้มีคุณภาพ เรียกให้เสื่อมเสียน่ารังเกียจว่าเป็นลัทธิ การที่เรารักพ่อแม่ กอดท่าน กตัญญูต่อท่าน สามีภรรยา ควรรักกันอย่างซาบซึ้ง เข้าใจต่อกัน และคนทุกคนควรมีโอกาสทำความฝันที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่และครอบครัวให้ดี ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นลัทธิหรือ?

ปัจจุบันครูไม่สอนแล้ว เพราะบทเรียนฟรี ที่ครูทำไว้ให้มีมากพอ และครูก็อยากใช้เวลาสงบสุขของตัวเอง

5. เมื่อหลายปีก่อนตอนยังคบกัน ตุ่ยบอกว่าเพราะครูเลยขายของ ตอนนั้นขายดีมาก วันแรกมาเจอครูอยากมีเงินแค่ 1 ล้าน วันที่ 8 มีนาคม 2559 ที่ห้องเรียนเข็มทิศฟรีฟรีฟรี มีคนไปฟรี 1,000 คน ตุ่ยประกาศว่ามีเงินรวมทรัพย์สิน 200 กว่าล้าน

และภายหลังประกาศกับประชาชนออกสื่อว่าเพราะครูสอนให้ทำงานแบบมีคุณภาพเลยได้งานพิธีกรรายการ Amazing Thailand (ชื่อรายการจำไม่ได้แม่น) ถ่าย 3 เทปได้เงิน 7 แสนบาท ตุ่ยพูดว่า ปกติทำพิธีกรเหนื่อยราวกับไถนา พอทำที่ครูสอนได้เงินจากขายของและทำพิธีกร ดีกว่าเดิมมากๆเลย ไปถามตุ่ยได้ว่า พูดจริงหรือไม่

สรุป ตลอดเวลาที่คบกัน ทุกวันตุ่ยจะขอบคุณครูในสิ่งที่ครูทำให้ และครูไม่เคยได้เงินจากตุ่ยเลย และครูเป็นคนว่าตุ่ยและขอเลิกคบตุ่ย ตลอดเวลาที่เราเคยคบกันตุ่ยไม่เคยแสดงหลักฐานการมี 100 ล้านให้ดู และไม่เคยมีเหตุเสียเงิน 100 ล้านใดๆ ดูจากสเตทเม้นท์ธนาคารของเขาได้

แต่หลังจากครูเลิกคบตุ่ยแล้ว เขาไปเสียเงินกับใครที่ไหนครูไม่เกี่ยวและไม่ทราบ

สุดท้าย แม้ครูไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับตุ่ย แต่ครูก็มีความปรารถนาดีและเห็นใจตุ่ยเสมอ คนบอกว่าตุ่ยเล่าในรายการว่าลำบาก เงินหมดเป็นหนี้ ครูก็ขอเอาใจช่วยให้ตุ่ย พ้นจากเคราะห์กรรมวิบาก พ้นเคราะห์พ้นโศก โรคภัยเสนียดจัญไรเวรกรรม”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top