Tuesday, 20 May 2025
NEWS

นราธิวาส-เลขาธิการ ศอ.บต. ชื่นชมเยาวชนชายแดนใต้ ที่เข้าอบรมศาสนา ที่ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หวังอยากเห็นเยาวชนทุกคน เติบโตเป็นคนดีของสังคม และอยู่ใกล้ชิดหลักคำสอนของศาสนาที่ดีงาม 

เมื่อวันที่ (9 กรกฎาคม 2566) พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ลงพื้นที่เยี่ยมให้ขวัญกำลังใจแก่เยาวชนที่เข้าศึกษาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมดูสถานที่เพื่อเตรียมจัดกิจกรรมการส่งเสริมการสร้างคนดี ตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศาสนาที่มีความสำคัญอย่างมากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 กำหนดให้ส่งเสริมศาสนิกชนทุกศาสนาได้มีการศึกษาอบรมหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อีกทั้งการเรียนศาสนาสำหรับเด็กมุสลิมและเด็กที่นับถือศาสนาพุทธมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปลูกฝังหลักการทางศาสนาเบื้องต้นตั้งแต่เยาว์วัย ณ วัดชลธาราวาส (วัดร่อน) ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นกิจกรรมของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ร่วมสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขับเคลื่อนการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดความเข้าใจต่อหลักการทางศาสนา ที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างถูกต้อง นำไปสู่สังคมของคนดี อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยมีนางสุนิสา รามแก้ว  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กรมประชาสัมพันธ์) นายปัญญา น่วมประวัติ  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กรมพัฒนาชุมชน) ข้าราชการในสังกัด ศอ.บต.  คณาจารย์และเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรม กว่า 100 คน

ในการนี้ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า เยาวชนคนที่เข้าร่วมศึกษาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เป็นจำนวนตัวเลขที่ไม่มาก แต่หากจำนวนดังกล่าวสามารถเป็นสะพานส่งต่อความดี เผยแพร่หลักคำสอนที่ถูกต้องของศาสนาไปยังเพื่อนฝูง และครอบครัว เชื่อว่าจะสามารถสร้างสังคมคนดีตามหลักศาสนาไปทั่วทุกมุมในชายแดนใต้ จะส่งผลให้เยาวชนพุทธบุตรเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม ผลักดันการพัฒนาทุกมิติ ทั้งการพัฒนาคน ทรัพยากรมนุษย์ สุขภาพ การศึกษา อาชีพ และเป็นคนดี คนเก่ง มีความสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในอนาคตอยากเห็นลูกๆ ทุกคน เป็นลูกหลานชาวพุทธที่มีความใกล้ชิดหลักคำสอนของศาสนา โดยมีการพัฒนาการแสดงออกทางมารยาทของชาวพุทธ ให้เป็นคนดี มีกิริยาวาจาและพฤติกรรมอันพึงประสงค์ การพัฒนาศีล เป็นการฝึกตนให้เป็นคนดี มีศีลธรรมประจำใจ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน มีการพัฒนาจิต ฝึกให้เป็นคนที่มีพลังจิตและสุขภาพจิตที่ดี และ มีการพัฒนาปัญญา ฝึกให้เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่อย่างรู้เท่าทันโลก นำพาชีวิตสู่ความสำเร็จต่อไป

สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการจัดการศึกษาทางศาสนาสำหรับเด็กและเยาวชนหลากหลายรูปแบบ อาทิ ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) และศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ (ศพอ.) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศาสนาที่มีความสำคัญอย่างมากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  อีกทั้งการเรียนศาสนาสำหรับเด็กมุสลิมและเด็กที่นับถือศาสนาพุทธมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปลูกฝังหลักการทางศาสนาเบื้องต้นตั้งแต่เยาว์วัย ศอ.บต. จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อส่งเสริมสังคมแห่งคนดี บนวิถีความหลากหลายของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจากการรับฟังข้อเสนอของผู้นำศาสนา พบว่า กระบวนการขัดเกลาทางศาสนาให้แก่เด็กและเยาวชน ในปัจจุบันกระทำได้อย่างจำกัดเนื่องจากขาดการสนับสนุนงบประมาณ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการสนับสนุนอาหารกลางวันให้เด็กได้รับอาหารรับประทานในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) และศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ (ศพอ.)  ซึ่งจะทำให้เกิดสมาธิศึกษาเล่าเรียนหลักการทางศาสนา เพื่อสร้างสังคมคนดีอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป 
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

‘เสาสะพานพระราม 3’ การก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ลดขนาดโครงสร้าง เพื่อทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง

(9 ก.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Applied Physics’ ได้แชร์เกร็ดความรู้เพิ่มเติมเชิงวิศวกรรมของ 'เสาสะพานพระราม 3' โดยระบุว่า…

จุดประสงค์เพื่อการแบ่งปันข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์เชิงการศึกษาต่อนักเรียนนักศึกษาที่สนใจนะครับ

บางไปไหม? จะหักไหม?
มันบางจริงๆ แต่แข็งแรงนะ และแข็งแรงไม่น้อยไปกว่า สะพานที่ใช้เสาตอม่อขนาดใหญ่ 2 ต้นเพราะมีการวางเสาต่อเนื่องกัน ในการถ่ายเทน้ำหนัก แล้วยังใช้งบมากกว่าแบบหนาๆด้วย

สะพานนี้ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และเรื่องนี้ เคยมีวิศกรออกมาให้ความรู้มาก่อนแล้วว่าลักษณะเสาที่บางของสะพานนี้ เป็นการก่อสร้างโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า ‘คอนกรีตอัดแรงแบบพิเศษ’ ซึ่งจะใช้เหล็กที่เป็นโครงสร้างด้านในมากกว่าโครงสร้างทั่วไป …แถมการสร้างด้วยเทคโนโลยีแบบนี้ มีมูลค่าสูงกว่าการก่อสร้างทั่วไปเสียอีก จุดประสงค์ก็เพื่อลดขนาดโครงสร้างคอนกรีตที่ใหญ่เทอะทะ จนกลายเป็นทัศนะอุจาดในเขตเมือง มองแล้วไม่สบายตา พอลดขนาดเสาลง มันก็ดูโปร่งสบายตากว่ามาก

สะพานนี้ เปิดใช้เมื่อปี พ.ศ. 2542 ก่อสร้างโดย บริษัทเยอรมัน Ed.Zublin Ag.Wayss สร้างเสร็จมา 20 กว่าปีแล้ว ก็ไม่เคยมีปัญหา

โดยทั่วไปแล้ว เสาตอม่อเล็ก มีความนิยมกันมาก เพราะประหยัดพื้นที่ ให้พื้นที่ด้านล่างน้อย โดยเฉพาะในต่างประเทศ มีการใช้เป็นจำนวนมาก ( เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ ญี่ปุ่น)

โดยจุดดังกล่าว เป็นเชิงสะพาน ก่อนเข้าถึงตัวสะพานกลางแม่น้ำเท่านั้น แต่พอไปถึงช่วงกลางสะพาน เสาตอม่อก็มีขนาดใหญ่ เหมือนสะพานอื่นๆ

อดีต ผจก.โรงงานน้ำปลาร้า เผยข้อมูลอีกด้าน 'พิมรี่พาย' ชี้!! 'ได้เงินตลอด-ไม่โดนเบี้ยว' แต่คุณภาพไม่ได้ ไม่ให้ผ่าน

(9 ก.ค. 66) ฟังอีกมุม อดีตผจก.โรงงานน้ำปลาร้า ลั่นอย่าโบ้ยความผิดให้ ‘พิมรี่พาย’ เผยได้เงินตลอด-ไม่โดนเบี้ยว ชี้หากสินค้าไม่มีคุณภาพ เขาจะขายออกสู่ตลาดได้อย่างไร

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์ในการผลิตและขายน้ำปลาร้า พร้อมระบุข้อความว่า “ผมก็โดนพิมรี่พายเทน้ำปลาร้าเหมือนกัน #ปลาร้าพิมรี่พาย”

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.66 นายเต้ย อายุ 24 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว และอดีตผจก.โรงงานน้ำปลาร้า เปิดเผยกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า ตนเคยเป็นผู้จัดการโรงงานผลิตน้ำปลาร้าแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นทางโรงงานเหลือกำลังในการผลิต จึงเสนอขายน้ำปลาร้าให้แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง นั่นคือ ‘พิมรี่พาย’ โดยติดต่อพูดคุยกับแม่ค้าออนไลน์คนดังกล่าวและทีมงานโดยตรง เพื่อร่วมชิมรสชาติน้ำปลาร้า ก่อนตัดสินใจว่าได้หรือไม่ได้ ซึ่งมีการเสนอขายกันอยู่หลายครั้ง จนสามารถจบออร์เดอร์ได้ 26 ล้าน แล้วบริษัทก็ผลิตน้ำปลาร้าและจัดส่งให้แม่ค้าออนไลน์คนดังกล่าวเรื่อยมา ซึ่งพิมรี่พายจะสุ่มเช็กคุณภาพของน้ำปลาร้าตลอด จนช่วงหลังๆ พิมรี่พายเริ่มรู้สึกว่ารสชาติน้ำปลาร้าไม่เหมือนเดิม จึงสั่งเบรกการผลิตไว้ก่อน และเรียกตนไปพบ มีทีมงานของพิมรี่พายกว่า 10 คนที่จะมาเช็กคุณภาพและได้ปรับสูตรใหม่อยู่ 7 วัน ซึ่งพิมรี่พายย้ำว่า “ต้องคงสูตรนี้ไว้ให้ได้ตลอด” และการผลิตก็ดำเนินต่อไป ซึ่งยอมรับว่ากว่าจะได้ออเดอร์ของพิมรี่พายนั้น ไม่ง่ายเลย

นายเต้ย กล่าวว่า ส่วนเรื่องมาตรฐานน้ำปลาร้านั้น พิมรี่พายจะให้โจทย์มาแล้วให้เราผลิตตามความต้องการ เพราะมาตรฐานน้ำปลาร้าของเขาสูงมาก เนื่องจากพิมรี่พายอยากได้ปริมาณเนื้อเยอะๆ แต่ในตอนนั้นเครื่องจักรที่โรงงานมีอยู่ เพื่อเอาไว้กรองเศษทางกายภาพออกให้หมด เนื่องจากจะต้องส่งออกไปยัง EU และอเมริกา จึงอาจจะไม่สามารถทำได้ตรงตามที่พิมรี่พายขอเป๊ะๆ แต่จะพยายามทำให้เต็มที่ เนื่องจากหากต้องปรับเครื่องจักร หรือลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เลยก็เป็นมูลค่าหลายสิบล้าน

นายเต้ย เล่าว่า โดยปกติสินค้าเวลามีปัญหา เราต้องเอากลับมาจัดการแก้ไขเอง เพราะมาตรฐานเราไม่ตรงตามมาตรฐานของเขา เนื่องจากสินค้าน้ำปลาร้ามาตรฐานต้องแน่น ทั้งนี้ทางโรงงานก็ประเมินว่าหากลูกค้ามีมาตรฐานแบบนี้ แล้วทางโรงงานไม่สามารถทำให้ได้จริงๆ ทางโรงงานจะไม่ตะบี้ตะบันเอาออเดอร์และไม่เดินไปต่อ

นายเต้ย กล่าวอีกว่า ส่วนที่ตนเขียนข้อความในคลิปว่า “โดนพิมรี่พายเทน้ำปลาร้าเหมือนกัน” นั้น จริงๆ ตนแค่เขียนเพื่อให้คนเข้ามาฟังเหตุผลให้จบ และยืนยันว่าไม่ได้ถูกเท แต่เป็นการถูก reject เนื่องจากสินค้าไม่ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ และเมื่อตนไปตรวจสอบก็พบว่ามีเนื้อปลาร้าน้อยจริงๆ ซึ่งในส่วนนี้ทางโรงงานก็ยอมรับได้ อีกทั้งตลอดการทำการค้าขายกับพิมรี่พายเองก็ได้เงินตลอด ไม่มีการขาดทุนจากพิมรี่พาย ขณะที่อีกโรงงานหนึ่งตนเชื่อว่าเติบโตจนมีโรงงานขนาด 30-40 ล้าน เพราะออเดอร์จากพิมรี่พายด้วยซ้ำ

สำหรับเคสเรื่องเงินที่เป็นประเด็นร้อนว่ามีการติดกันจริงไหม โดยปกติที่ทำธุรกิจกับพิมรี่พายนั้น ทางเขาจะจ่ายเงินเป็นงวด และบริษัทจะไม่มีการปล่อยเครดิตเกิน ถ้าเขาไม่จ่ายก็จะติดต่อในส่วนของฝ่ายบัญชี ยอมรับว่าทางเขามีการจ่ายเงินช้าบ้าง โดยชี้แจงเป็นเหตุผลต่างๆ ซึ่งถ้าจ่ายเงินช้า ทางบริษัทจะแก้ปัญหาด้วยการบริหารจัดการของบริษัท

นายเต้ย กล่าวอีกว่า ยืนยันไม่ได้เข้าข้างใคร แต่พูดในมุมมองที่ได้เจอมา อยากให้สังคมเข้าใจด้วยว่าก่อนจะตัดสินใคร ให้รอฟังให้รอบด้านก่อน ตนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุใดพิมรี่พายไม่ออกมาพูดหรือชี้แจง แต่พี่กบออกมาพูดแล้ว ตนเองรู้ด้วยว่าสุดท้ายแล้วคดีจะชนะด้วยเหตุผลอะไร แต่ตนพูดไม่ได้ เพราะเป็นคนนอก แต่ในฐานะคนที่เคยทำงานอยู่ตรงนั้นแบบเต็มตัว มองในมุมการค้าขาย สุดท้ายแล้วลูกค้าต้องอยากได้สินค้าที่มีคุณภาพไปขาย ถ้าหากได้สินค้าไม่มีคุณภาพ เขาจะขายออกสู่ตลาดได้อย่างไร แล้วหากเราผลิตสินค้าไม่คุณภาพจะไปต่อกับเขาได้อย่างไร ตนจึงไม่อยากให้โบ้ยไปทางพิมรี่พาย และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าไว้ใจคู่ค้ามากเกินไป เพราะสุดท้ายคนเสียหายคือเราเอง

ทหารใหม่โอนเงินเดือนแรกให้แม่ 1 หมื่นบาท บอก!! รับราชการทหาร ก็สร้างความสุขได้

(9 ก.ค. 66) กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึง หลังจากชาวเน็ตพร้อมใจคอมเมนต์ พร้อมใจแชร์กระหน่ำ โพสต์จากเฟซบุ๊ก กองพันทหารช่างที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2 หลังโพสต์ภาพพลทหารใหม่หลายนาย โอนเงินให้ครอบครัว พร้อมระบุข้อความว่า...

"เงินเดือน…เดือนแรกผมให้แม่นะครับ"

📌หน่วยฝึกทหารใหม่ ช.2 พัน.202 ให้น้องๆ ทหารใหม่สามารถโอนเงินเดือนที่ได้รับเป็นครั้งแรกของเดือน มิ.ย. และตกเบิก พ.ค. โอนให้กับครอบครัว 'ตามความสมัครใจ' เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ ช.2 พัน.202 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์

#เชื่อผมเถอะครับถือว่าเป็นเงินเดือนครั้งแรก...ในการเข้ามารับราชการทหารเป็นทหารกองประจำการ สามารถสร้างความสุข…กับทั้งผู้ให้และผู้รับจริงๆ

ซึ่งจากภาพต้นโพสต์เป็นภาพที่พลทหารใหม่หลายนายกำลังนั่งโอนเงินกลับไปให้ทางครอบครัวหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น

ส่วนชาวเน็ตและผู้ที่เคยมีประสบการณ์ต่างเข้ามาคอมเมนต์ เช่น ถ้าไม่หักก็เป็นเรื่องน่ายินดี, เซ็นต์ PX ไว้เท่าไหร่? และมีหลายคนเข้ามาเมนต์บอกว่า ตนเป็นแม่ของทหารใหม่ได้รับเงินเดือนจากลูกแล้ว ดีใจมาก

รองโฆษก ตร. เตือน “หลอกลงทุนระบาดหนัก” ยอดความเสียหายรวมสูงกว่าหมื่นล้านบาท ย้ำต้องมีสติ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” 

วันนี้ (9 ก.ค.66) เวลา 09.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยสถิติคดีอาชญากรรมออนไลน์ประเภท “หลอกให้ลงทุน” และอุบายในการหลอกลวง พร้อมเน้นย้ำ เจ้าของบัญชีม้าหรือเบอร์ม้า มีโทษอาญาหนัก

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ เปิดเผยสถิติคดีออนไลน์ที่ประชาชนแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com โดยคดีหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ 1 มี.ค.65 - 30 มิ.ย.66 มีการแจ้งความจำนวนสูงถึง 23,616 คดี ยอดความเสียหายรวมสูงกว่า 11,550 ล้านบาท สำหรับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มียอดการแจ้งความสูงถึง 876 คดี ยอดความเสียหายรวมสูงกว่า 600 ล้านบาท

รองโฆษกฯ ให้ข้อมูลว่า ในปัจจุบันโจรออนไลน์ใช้อุบายที่หลากหลายในการหลอกลวง เช่น เทรดเหรียญดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์, ลงทุนเกี่ยวกับเหรียญคริปโต, ลงทุนกับบริษัทปล่อยเงินกู้ผลตอบแทนสูง, ร่วมลงทุนประมูลสินค้าเพื่อรับผลตอบแทน, ลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศ, และลงทุนหุ้นในเครือบริษัทชื่อดัง นอกจากนี้ โจรออนไลน์มักปลอมโปรไฟล์เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเรื่องการเงินการลงทุนเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง และเข้าหาผู้เสียหายผ่านการแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มสังคมออนไลน์ของผู้ที่สนใจด้านการลงทุน

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ ยังได้ให้ข้อมูลอีกว่า พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ที่มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 ผลของกฎหมายมีผลให้เจ้าของบัญชีม้าหรือเบอร์ม้า มีโทษอาญาหนัก จำคุก 3 ปี หรือ ปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่ได้เป็นธุระจัดหา โฆษณา ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ ก็มีโทษอาญาหนักเช่นกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีความห่วงใยประชาชน จึงได้จัดทำแบบทดสอบ Cyber Vaccine เพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์ให้กับประชาชน ขอให้ประชาชนต้องมีสติ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของโจรออนไลน์ ทั้งนี้สามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ www.เตือนภัยออนไลน์.com และ เพจเฟซบุ๊ก “เตือนภัยออนไลน์” ปรึกษา-ขอคำแนะนำได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-866-3000 โดยผู้เสียหายสามารถติดต่อธนาคารของตนเองเพื่อทำการระงับบัญชี โดยธนาคารจะออก Bank ID ผ่าน sms และขอให้ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจที่ใดก็ได้โดยเร็ว โดยไม่ต้องคำนึงถึงท้องที่เกิดเหตุภายใน 72 ชั่วโมง หรือแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

อีกศพ!! ‘นศ. ปี 1’ ขี่จักรยานยนต์อัดเสาไฟดับคาที่ ทั้งที่ไฟสว่าง ชาวบ้าน เชื่อ!! อาถรรพ์ตัวตายตัวแทน ตามฉายา ‘ยูเทิร์นร้อยศพ’ 

(9 ก.ค. 66) ร.ต.ท.ศุภกร ทุมจีน รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนเสาไฟส่องสว่าง บริเวณจุดกลับยูเทิร์น ถนนนิตโย หมายเลข 22 ขาเข้าตัวจังหวัดอุดรธานี หน้าโรงงานยางศรีตรังยางพารา ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี

หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย กู้ภัยส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี ถึงที่เกิดเหตุพบรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 สีแดงดำ สภาพรถถูกชนเข้ากับเสาไฟฟ้าส่องสว่างพังยับเยิน ชิ้นส่วนของรถกระเด็นและแตกละเอียดกระเด็น ข้างๆ รถพบศพ น.ส.อภิวรรณ อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรานี และมีกระเป๋าสะพายของผู้เสียชีวิตอยู่ใกล้ศพ ส่วนหมวกกันน็อคที่สวมใส่กระเด็นไปไกลถึง 20 เมตร และที่บริเวณโคนเสาไฟฟ้าส่องสว่างมีร่องรอยการชนน่าจะแรงมาก

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและจะได้ติดต่อญาติที่ อ.หนองหาน เพื่อมารับศพต่อไป สอบถามชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาช่วงเกิดเหตุเบื้องต้นบอกว่า ไม่เห็นตอนรถชนแต่เห็นมีรถปิคอัพ นิสสัน นาวาร่า สีดำ คาดจะขับชนน้องจนเสียหลักชนเสาไฟส่องสว่างจนเสียชีวิต มาจอดดูสักพักแล้วขับหนีไปเส้นทางเข้าตัวเมืองอุดรธานี และไม่เข้าไปช่วยเหลือหากเป็นจริงหรือว่าใจดำมาก ซึ่งตำรวจจะได้ไล่เช็คกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุว่าน้อง นศ. ที่เสียชีวิตถูกรถกระบะตีนผีซิ่งชนหรือไม่อย่างไร

นายสนอง สุวรรณแสง อายุ 56 ปี หัวหน้า รปภ. โรงงานยางพารา เปิดเผยว่า หลังจากตนเองเลิกงาน รับแจ้งจากลูกน้องบอกว่ามีอุบัติเหตุตรงยูเทิร์นหน้าโรงงานยางพารา จึงรีบออกมาดู ตรวจสอบเอกสารพบว่าเป็นชาวอ.หนองหาน เป็นนศ.เพิ่งเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ขอแสดงความเสียใจของญาติด้วย

สำหรับยูเทิร์นตรงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก ผมทำงานฯ มาเกือบ 10 ปี เกิดอุบัติเหตุตรงนี้บ่อยมาก จะมีคนเจ็บคนตายทุกเดือน จนชาวบ้านตั้งฉายาให้เป็นยูเทิร์นผีสิงหรือยูเทิร์น 100 ศพ คนขับรถที่ผ่านไปมาจะมองเห็นไม่เป็นยูเทิร์น เหมือนเป็นทางตรงไปเลยทั้งๆ ที่มีไฟส่องสว่าง ที่ผ่านมามีชาวบ้านและคนงานยางพาราออกกะงานกลางดึกบางคนพูดว่า กลางคืนจะเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่แถวยูเทิร์น บางคนก็เหมือนคนโบกรถให้จอด และบางคนรถเสียหลักลงข้างทางเหมือนผีดึงลง เชื่อว่าคนที่ตายตรงยูเทิร์นผีสิง 100 ศพตรงนี้เหมือนจะหาเอาตัวตายตัวแทน วิญญาณคนตายบางรายยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดก็เลยหาตัวแทน

อย่างเคสวันนี้ของน้องนักศึกษาชนเสาไฟส่องสว่าง ตนเองไปดูก็ไม่มีรอยถูกเฉี่ยวชนแม้แต่นิดเดียว เชื่อว่าวิญญาณคนตายตรงยูเทิร์นผีสิงแห่งนี้ที่ตายไปแล้ว จะดึงเอาน้องผู้หญิงที่กำลังขับรถกลับหอไปชนกับเสาไฟฟ้า แล้วคนตายคนนั้นจะได้ไปเกิดใหม่ ไม่ให้เชื่อก็ไม่ได้ทั้งมีไฟส่องสว่าง และมีอุบัติเหตุตายทุกเดือน

อย่างไรแล้วก็ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตรงเส้นนี้ให้ระมัดระวังกันมากเป็นพิเศษด้วย หัวหน้า รปภ. แม้จะไม่กลัวผีแต่กล่าวด้วยอาการขนลุกในตอนท้าย

ธรรมะประจำวันวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2566

‘คนฉลาด’
ไม่ใช่แค่ ‘ฉลาดพูด’ เท่านั้น
ต้องรู้จัก ‘นิ่งอย่างมีสติ’ ให้เป็นด้วย
ต้องรู้ใน ‘สิ่งที่ไม่ควรพูด’
ให้มากยิ่งกว่า ‘สิ่งที่ควรพูด’

-พุทธทาสภิกขุ-

‘ลูกชายผู้บาดเจ็บ’ จาก ‘ทางเลื่อนดอนเมือง’ เผย!! คุณแม่เดินได้ไกลกว่า 15 เมตร - มีกำลังใจดีขึ้น

(8 ก.ค. 66) ส่งกำลังใจให้ ‘ลูกชายผู้บาดเจ็บ’ จากเหตุทางเดินเลื่อนสนามบินดอนเมือง อัปเดตอาการแม่ เผย เดินได้ไกลกว่า 15 เมตรแล้ว ยังต้องฝึกการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดินเข้าห้องน้ำ การขึ้นนอนบนเตียง ระบุ แม่แอบบ่นว่า เหมือนกลับมาเป็นเด็กใหม่เลย

จากกรณี ทางเดินเลื่อนสนามบินดอนเมือง ทรุดทำให้ น.ส.สุพรรณี ผู้โดยสารหญิงได้รับบาดเจ็บขาขาดนั้น ล่าสุดนายกฤตย์ กิตติรัตนา ลูกชายของ น.ส.สุพรรณี ผู้บาดเจ็บ โดยระบุว่า วันนี้ 8 กรกฎาคม 2566 แม่ลงมากายภาพที่ยิมของโรงพยาบาล และสามารถเดินได้ไกล กว่า 15 เมตรแล้ว แต่ยังคงต้องฝึกการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดินเข้าห้องน้ำ การขึ้นนอนบนเตียง

สำหรับในขณะนี้ แม่กำลังใจดีมากๆ ตั้งใจทำกายภาพ ไม่มีอิดออด แม้จะมีอาการเจ็บแผล และ Phantom Limb Pain (กลุ่มอาการความรู้สึกหลอนว่าแขนขายังคงอยู่) ซึ่งคนในครอบครัวเป็นกองเชียร์ช่วยคุณแม่ศึกษาข้อมูลอุปกรณ์ขาเทียม เพื่อเป็นทางเลือกในอนาคต ตอนนี้มีความหวังมากมายรอบตัว และแม่แอบบ่นว่า.. เหมือนกลับมาเป็นเด็กใหม่เลย แต่ไม่เป็นไรให้คุณพ่อและน้องๆ ช่วยกันดูแล อีกแป๊บนึงคุณแม่ต้องวิ่งไวกว่าแน่ๆ

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายและการสืบสวน ปล่อยให้ตนเองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการต่อไป

‘SEED Thailand’ ผนึกกำลัง ‘สำนักงานสลากฯ - สถาบันพระปกเกล้าฯ’ จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ Seed Project รุ่นที่ 3

(8 ก.ค.66) กลับมาอีกครั้งกับโครงการที่ทุกคนรอคอย Seed Project ปี 3 รอบภาคกลาง 

ด้วยเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand วุฒิสภาร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ Seed Project รุ่นที่ 3 เรื่อง My Future Hometown สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล โดยโครงการจัดขึ้นในวันที่ 6 - 9 กรกฏาคม 2566 ณ ห้องประชุม โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น แจ้งวัฒนะ 

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.66 พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ ร่วมกับคุณดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ เลขาธิการและกรรมการมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 80 คน 

อีกทั้งมีปาฐกถาเรื่องพลังเยาวชนต่อทิศทางการพัฒนาประเทศไทย โดย คุณนพพล ชูกลิ่น ประธานบริหารโดยในวันนี้ยังมีวิทยากรมากประสบการณ์มาบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย ประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์และความเป็นไทย สู่การสร้างพลัง Soft Power จากท้องถิ่น โดย นายพิชิต วีรังคบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การสร้างนักข่าวท้องถิ่น Local Reporter โดยนางสาวขวัญธรรมภรณ์ ทิพยโกศัย ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ PPTV อีกทั้งมีการสร้างเสริมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากพี่ๆ ทีม SEED Thailand

'รองต่อ' ชื่นชมตำรวจขอนแก่น ใช้ยุทธวิธีสยบหนุ่มคลั่งขับรถชนทั่วเมือง

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ที่ใช้หลักยุทธวิธีในการเข้าระงับเหตุและติดตามจับกุมคนขับรถที่มึนเมายาเสพติดและขับชนรถของประชาชนทั่วไปได้รับความเสียหาย เป็นการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

วันนี้ 8 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลงานป้องกันปราบปราม ได้เรียกประชุมสรุปเหตุการณ์ กรณีชายคลุ้มคลั่งขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์ของประชาชนและเจ้าหน้าที่ จำนวน 6 คัน ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ จ.ขอนแก่น และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้นั้น

เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์และทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น จากนั้นได้ขับหลบหนีและไปเฉี่ยวชนรถของประชาชนรายอื่นๆ ซึ่งสัญจรผ่านไปมาเสียหาย โดยทันทีที่ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับรายงานได้บูรณาการกำลังทุกฝ่ายทั้ง ฝ่ายป้องกันปราบปราม สืบสวน และ จราจร ออกติดตามและสกัดจับรถคันดังกล่าว ไม่ให้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น

โดยผู้ก่อเหตุได้ขับหลบหนีไปตามถนนศรีจันทร์-หน้าเมือง-หลังเมือง-รอบเมือง-รื่นรมย์ และ ประชาสโมสร เมื่อมาถึงวงเวียนศาลหลักเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นจุดก้าวสกัดจับที่วางกำลังไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อุปกรณ์ Stop Stick ซึ่งเป็นอุปกรณ์หยุดรถกรณีฉุกเฉินขวางรถผู้ก่อเหตุไว้ เมื่อรถผู้ก่อเหตุขับเหยียบผ่านไปทำให้ยางรถรั่ว แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมหยุดรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แบ่งกำลังไล่ติดตามและวางกำลังในเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี จนผู้ก่อเหตุขับรถเข้าไปในซอยสุภะภีระ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถยนต์กระบะมาจอดขวางไว้ ผู้ก่อเหตุได้ขับรถพุ่งชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหายจนไม่สามารถขับไปต่อได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัวผู้ขับขี่ไว้ได้ โดยอยู่ในอาการมึนเมายาเสพติด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นได้รับความเสียหาย , ขับขี่รถประมาทหวาดเสียว , ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย , ขับขี่รถชนแล้วหลบหนี และ ขับขี่รถโดยมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย” นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ ได้กล่าวชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องทุกนาย และสั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 4 ถอดบทเรียนเพื่อนำมาเป็นกรณีศึกษา พร้อมทั้งฝากความห่วงใยไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ได้ ให้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุสม่ำเสมอ รวมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา

“ขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายที่ยึดหลักยุทธวิธีในการปฏิบัติหน้าที่ มีการนำอุปกรณ์ Stop Stick มาใช้ เพื่อลดความรุนแรงและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้ก่อเหตุ และตัวเจ้าหน้าที่เอง แสดงให้เห็นถึงความพร้อม ความใส่ใจ ความร่วมมือ และความมีมาตรฐาน สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ ขอฝากไปยังข้าราชการตำรวจทุกหน่วยให้หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ ฝึกฝนและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับพี่น้องประชาชนได้”

สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติงบประมาณให้แก่ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กำกับดูแล เพื่ออบรมเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากทุกหน่วยทั่วประเทศ อาทิเช่น 

• โครงการฝึกอบรมการบริหารเหตุการณ์ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 
• โครงการฝึกอบรมการระงับเหตุของผู้ปฏิบัติงานสายงานป้องกันปราบปราม 
• โครงการฝึกทักษะยิงปืนให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานป้องกันปราบปราม สืบสวน และจราจร ในสถานีตำรวจ
• โครงการฝึกอบรมการสร้างพื้นที่ข่าวออนไลน์  เป็นต้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เรียกประชุมเตรียมความพร้อมจัดตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์จากเมียวดี

วันนี้ (7 ก.ค.66) เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) เป็นประธานในการประชุมหารือเรื่องการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเฉพาะกิจไตรภาคี เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ในพื้นที่จังหวัดเมียวดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ ห้องประชุมตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหลายหน่วยงานเช่น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 

สืบเนื่องจากผลการประชุมหารือไตรภาคีว่าด้วยการค้ามนุษย์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย กระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 24 มี.ค.66 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเฉพาะกิจไตรภาคีฯ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสามประเทศ ในการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งถูกหลอกไปในพื้นที่จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวที่ชายแดนไทย-เมียนมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีคำสั่งจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจดังกล่าวขึ้น โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ดังกล่าว โดยเตรียมการในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานที่ ตม.จว.ตาก 

วันนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือในการกำหนดแนวทางการจัดกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ภายในศูนย์ประสานงาน รวมทั้งอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ รวมไปถึงแนวทางการปฏิบัติในการประสานงานช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ที่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดภายใต้ทรัพยากรที่มี นอกจากนี้ยังมีการติดตามความคืบหน้าผลการปฏิบัติของหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์สืบเนื่องจากการประชุมไตรภาคีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อกำหนดแนวทางในการปฏิบัติและการจัดตั้งศูนย์แล้ว จะได้นำผลการประชุมเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาดำเนินการโดยเร็ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการประชุมไตรภาคีร่วมกันของทั้งสามประเทศ เพื่อประสานความร่วมมือกันในการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา พบการหลอกลวงผู้เสียหายไปทำงานที่จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ดังนั้นจึงมีแนวทางในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานดังกล่าวขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานความช่วยเหลือผู้เสียหายให้สามารถเดินทางกลับมาตุภูมิของตนเองได้อย่างปลอดภัย โดยหลังจากวันนี้ จะได้มีสรุปแนวทางการจัดศูนย์ประสานงาน เพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อเร่งรัดการจัดตั้งศูนย์ให้สามารถเริ่มการปฏิบัติให้ได้โดยเร็ว

'เด็กไทยรักสถาบันฯ' แสดงจุดยืนต่อ 'เพลงสรรเสริญฯ' ลั่น!! "ทัวร์ลง ก็แค่เสียงลม คิดดีทำดี จะกลัวทำไม"

ไม่นานมานี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี ‘cancan0823’ ได้โพสต์คลิปแชร์เรื่องราวของ ‘น้องออมสิน วิชญาพร’ เด็กรุ่นใหม่ที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับประเด็น ยืนเคารพเพลงสรรเสริญฯ หรือเคารพธงชาติ แล้วโดนกล่าวหาว่าเป็นสลิ่ม ซึ่ง ‘น้องออมสิน’ ได้เปิดเผยความรู้สึกเหล่านี้ว่า…

“เราทำดีอยู่แล้ว เราจะไปกลัวทัวร์ลงทำไม? หนูไปดูหนังในโรง แล้วเขาก็หาว่าหนูเป็นสลิ่ม ตอนนั้นหนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน หนูก็ได้ถามกับตัวเอง ที่หนูยืนคือหนูโง่เหรอ? หนูก็แค่แสดงจุดยืนของหนู”

น้องออมสินได้เล่าต่อว่า “มีอยู่วันนึงหนูได้ไปอ่านโพสต์ของพี่เอเกี่ยวกับเรื่อง ‘เพลงสรรเสริญฯ’ และได้ไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ว่า “หนูก็ยืน คือมีเพลงสรรเสริญเมื่อไหร่ จะยืนแล้วหยุด” ไม่ใช่แค่เพลงสรรเสริญฯ แต่รวมถึงเพลงชาติ หรือเพลงสวดมนต์ของโรงเรียนอะไรอย่างนี้ก็ต้องยืนแล้วหยุด เป็นการแสดงความเคารพให้กับเพลง หนูยืนตลอด เคยมีเหตุการณ์ที่เข้าไปยืนกับเพื่อน 2 คน แล้วโดนหาว่าเป็นสลิ่ม ก็ไม่ได้ทำยังไงต่อ เพราะพวกหนูยืนของหนูกันอยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีคนอื่นเขาหันหน้ามาคุยกันบ้าง อะไรบ้าง แต่หนูก็ไม่ได้สนใจ เราทำหน้าที่ของเรา เราเป็นนักเรียน เราก็ทำหน้าที่ของเราไป เพราะเด็กนักเรียนควรเคารพในเพลงสรรเสริญฯ เพลงชาติ หนูขอถามหน่อยว่า ทำไมโรงเรียนถึงต้องให้เด็กนักเรียนเคารพธงชาติตอน 8 โมงเช้า นั่นเป็นเพราะว่า ‘เราเป็นคนไทย’ มันเป็น ‘เพลงชาติไทย’ ของเรา”

นอกจากนี้ น้องออมสินยังได้เล่าถึงที่บ้านของตน ว่าภายในบ้านจะมีภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 5 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ติดไว้ในบ้านด้วย อีกทั้งคุณแม่ของตนจะชอบเปิดข่าว ซึ่งตัวของน้องออมสินนั่นเป็นคนชอบฟังข่าวในพระราชสำนักอยู่แล้วด้วย เนื่องจากจะมีภาพฉายให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกปรุงแต่งขึ้นมา และตนเชื่อตามสิ่งที่ตนเห็น 

น้องออมสินยังกล่าวถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมตนนั้นไม่เชื่อสื่อที่ให้ร้ายต่อสถาบันฯ ด้วยว่า “เราต้องถามค่ะ อย่างเวลาเห็นอะไรมาหนูจะถามคุณแม่ ว่ามันเป็นแบบนี้จริงเหรอ? ส่วนเพื่อน ๆ นั้นก็จะมีส่งมาให้ดูบ้างเช่นกัน แต่หนูก็จะถามคุณแม่ ซึ่งคุณแม่จะบอกว่า มันก็จะมีพวกแอนตี้อะไรแบบนี้ มันเป็นเฟคนิวส์ ซึ่งหนูก็ไม่ได้โง่ ที่จะยอมให้ใครมาจูงจมูกได้ หนูจะคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ เขามีเจตนาอะไร คือจะรู้อยู่แล้วว่าเขาให้ร้าย หนูเลยเลือกที่จะไม่เชื่อ”

ต่อมา น้องออมสินได้เล่าถึงประเด็น ‘ทัวร์ลง เพราะปกป้องสถาบันฯ’ ว่ามีคนมาคอมเมนต์ด่าหยาบคายและแรงใส่ตน แต่น้องออมสินก็ยังยืนหยัดที่จะขอแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบฯ ต่อไป

“ถ้าหนูจะโดนหาว่าเป็นสลิ่ม ทั้งที่หนูจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ หนูก็ยอมที่จะเป็นสลิ่ม หนูรู้ว่าเรามีความคิดเห็นที่ต่างจากคนอื่น จึงโดนว่าหรือโดนทัวร์ลง แต่หนูก็ไม่กลัว เพราะมันเป็นการแสดงความคิดเห็นของหนู ทำไมหนูถึงต้องกลัว? นั่นเป็นสิ่งที่หนูคิด คนคนหนึ่งคิดเหมือนกัน คนอื่นเขาก็อาจจะมีความคิดเห็นที่ต่างจากเรา หรือคิดเหมือนเรา ซึ่งพวกเขาสามารถคิดได้ ไม่มีใครสามารถมาว่าเราว่าคิดแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เวลาเขาแสดงความคิดเห็นของเขา หนูก็รับฟังเหมือนกัน เพราะมันคือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เขาแสดงความคิดเห็นและจุดยืนของเขา หนูก็แสดงจุดยืนให้เขาเห็นเหมือนกัน หนูรับฟังความคิดเห็นของเขาอยู่แล้ว ไม่ได้ไปเถียง ไม่ได้ไปโต้แย้งว่าความคิดเห็นของคุณไม่ถูก และเวลาหนูฟัง หนูก็จะวิเคราะห์ตามเสมอว่าสิ่งนั้นถูกหรือไม่ เราต้องคอยเสพข่าวหลายๆ ทาง หาข้อมูลจากที่อื่น ว่าเขาเขียนเหมือนกับที่เราไปเจอไหม แล้วจึงนำข้อมูลเหล่านี้ มาคิดวิเคราะห์แยกแยะอีกทีหนึ่ง ว่ามันถูกต้องหรือไม่” น้องออมสิน กล่าว

นอกจากนี้ น้องออมสินยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่คนกลุ่มหนึ่งบอกว่า ‘บุญคุณพ่อแม่ ไม่ต้องทดแทน’ ว่า ตนนั้นไม่เห็นด้วย เพราะพ่อแม่ท่านเลี้ยงลูกมา ทำเพื่อลูกได้ทุกอย่าง ให้ความรัก หรืออะไรก็ตาม ท่านเลี้ยงลูกจนเติบโตมาได้ถึงขนาดนี้ แล้วเหตุใดลูกถึงจะไม่กตัญญูต่อท่าน? ตนไม่เข้าใจคนที่คิดแบบนี้ หากสมมติว่าพ่อแม่ไม่อยากมีลูก ทำไมท่านไม่เอาเราออกตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าจะมีลูก ทำไมถึงเลือกที่จะเก็บเอาไว้ จนเป็นภาระตัวเอง

“พ่อแม่เขาสร้างเรามาเพื่อให้เราเป็นคนดีของสังคม ถ้าเราไม่กตัญญูต่อท่าน แล้วอ้างว่าเพราะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ อยู่แล้ว หนูคิดว่ามันไม่ถูกต้อง และการตอบแทนบุญคุณนั้นไม่ได้มีเพียงแค่พ่อแม่เท่านั้น เราสามารถตอบแทนบุญคุณกับคุณครู ญาติ พี่น้อง หรือคนที่คอยให้ความช่วยเหลือในยามที่เราลำบากได้อีกด้วย ใครจะมองว่าหนูหัวโบราณ ก็ช่างเขาไป”

ทั้งนี้ น้องออมสิน ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ที่หนูกตัญญูต่อสถาบันฯ เพราะว่า ในหลวงท่านทรงทำงานหนัก ทรงเหนื่อย ท่านทำเพื่อประชาชนมามากมาย หนูคิดว่าคนที่ยังจงรักภักดีต่อสถาบันฯ ก็ยังมีอยู่ในคนรุ่นใหม่ ขอให้กล้าที่จะแสดงจุดยืนของตัวเอง ไม่ต้องไปกลัวว่าทัวร์จะลง หรือว่าจะโดนอะไร ไม่ต้องไปสนใจคนที่เขามาว่า ส่วนคนที่มาว่า เราก็คิดเสียว่าเป็นเสียงลม เสียงนก เสียงไม้ ไม่ต้องไปสนใจ มันเป็นความคิดเห็นของเรา เราทำดี คิดดีตลอด เราจะไปกลัวทำไม”

'วปอ.-พระปกเกล้า' ถกร่วม ใช้ศุภชลาศัย จัดใหญ่ฟุตบอลประเพณี 'รักเมืองไทย'

วันที่ 7 กรกฎาคม ที่ห้องประชุมย่อย 5 สถาบันพระปกเกล้า ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ศิษย์เก่า-ปัจจุบันสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง 4 หลักสูตร (ปปร. -สสสส. -ปรม.-ปศส.) นำโดย ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานรุ่น ปปร.26 ดร.ดำรง ประทีป ณ ถลาง ปปร.26 พร้อมด้วยผู้แทน สสสส. คุณมณฑาทิพย์ คงจรูญ ดร.สิปปภาส  สีลเตโชธาม นายสมชาย จรรยา และนายนพดล ลิปิเวชกุลกิจ พร้อมด้วยพลโท นักรบ บุญบัวทอง ผู้แทนจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เข้าพบ นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า เพื่อประชุมหารือเตรียมความพร้อมการจัดงานฟุตบอลประเพณี “รักเมืองไทย” ที่จัดขึ้นวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2566 ณ สนามศุภชลาศัย 

โดยที่ประชุมของทั้งสองสถาบัน ได้หารือ ถึงวัตถุประสงค์ และรูปแบบการจัดกิจกรรม ประกอบด้วย การจัดทำถ้วยรางวัล การเชิญประธานเปิดงาน การเชิญแขกวีไอพี การจัดทำเสื้อนักกีฬา การจัดทำเสื้อเชียร์ ทั้ง วปอ.-พระปกเกล้า การกำหนดธีมขบวนพาเหรด วางหลักเกณฑ์นักฟุตบอลของทั้งสองสถาบัน มี 2 คู่ ประกอบด้วย ทีมเล็ก อายุ 45 ปีขึ้นไป ทีมใหญ่ อายุ 55 ปีขึ้นไป รวมทั้งการถ่ายทอดสด เพื่อให้ผู้ชมทางบ้านได้รับชมด้วย 

พลโท นักรบ บุญบัวทอง เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่ 2 สถาบันจัดกิจกรรมกีฬาประเพณีระดับชาติ ขณะนี้ได้จัดแบ่งหน้าที่ของแต่ละฝ่ายไปดำเนินการ เพื่อให้งานครั้งนี้ลุล่วงสำเร็จ เกิดความรัก ความสามัคคี และส่งต่อให้กับรุ่นต่อไปได้สืบสานเพื่อเกิดความยั่งยืนในอนาคต จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนศิษย์เก่า-ศิษย์ปัจจุบันของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) และสถานบันพระปกเกล้า (KPI) มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ให้มากๆ โดยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ 

73 ปี มทบ.44 จัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนามณฑลทหารบกที่ 44

วันที่ 7 ก.ค. 66 เวลา 07.00 น.  พล.ต.เสนีย์ ศรีหิรัญ ผบ.มทบ.44  ร่วมกับแม่บ้าน ทบ.สาขา มทบ.44, ร.25 พัน.1 , ป.5 พัน.25 และ กำลังพลค่ายเขตอุดมศักดิ์ ได้จัดงานวันสถาปนามณฑลทหารบกที่ 44 ครบรอบปีที่ 73  ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรม  สักการะอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ พระอนุสาวรีย์ฯ กิจกรรมการมอบทุนการศึกษาให้กับบุตรข้าราชการ ณ.บก.มทบ.44 พิธีมอบประกาศเกียรติคุณให้กำลังพลที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น และมอบรางวัลการประกวดสื่อสร้างสรรค์

เวลา 10.00 น  พล.ต.เสนีย์ ศรีหิรัญ ผบ.มทบ.44 เป็นประธาน วันสถาปนา มณฑลทหารบกที่ 44 ครบรอบปีที่ 73 ณ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 ค่ายเขตอุดมศักดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โดยหน่วยได้จัดให้มีการประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อเป็นสิริมงคลแก่หน่วยกำลังพลและครอบครัว และเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับกำลังพลผู้เสียชีวิต

ก.แรงงาน ยกทัพความอร่อยปักหมุดเมืองอุบลฯ เปิดงานสตรีทฟู้ดไทย สร้างผู้ประกอบการ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจชุมชน

วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เวลา 17.00 น. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางโสภา เกียรตินิรชา หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดงาน “IT Tastes Good อร่อยปักหมุด สตรีทฟู้ดไทย จังหวัดอุบลราชธานี” ภายใต้โครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด (Street Food) กระทรวงแรงงาน โดยมี นางทรงลักษณ์ วรภัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดอุบลราชธานี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้ประกอบการร้านค้าสตรีทฟู้ด และประชาชนที่มาร่วมงาน ร่วมให้การต้อนรับ นายบวร ดรุณสนธยา แรงงานจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน ณ ลานร้อยพันธุ์บัว หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 

นางโสภา กล่าวว่า ตามที่กระทรวงแรงงาน ได้จัดทำโครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด (Street Food) กระทรวงแรงงาน โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การเปิดตัวโครงการ การจัดฝึกอบรมผู้สนใจประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดรายใหม่ และผู้ประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดรายเดิม จำนวนกว่า 30,000 ราย รวมทั้ง การจัดกิจกรรมแสดงร้านค้าสตรีทฟู้ดในวันนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพสตรีทฟู้ด สร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน เป็นการประชาสัมพันธ์อาหารในท้องถิ่นและร้านอาหารต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังเป็นการยกระดับผู้ประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดของจังหวัด ให้มีโอกาสนำเสนอรูปแบบการขายใหม่ เช่น รูปแบบฟู้ดทรัค (Food Truck) ซึ่งถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ต้องการเริ่มต้นธุรกิจสตรีทฟู้ดในรูปแบบต่าง ๆ 

นางโสภา กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณจังหวัดอุบลราชธานีที่ให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด (Street Food) โดยคัดเลือกร้านค้าสตรีทฟู้ดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกว่า 60 ร้านมาร่วมกิจกรรมแสดงร้านค้าสตรีทฟู้ดในครั้งนี้ และขอเชิญชวนผู้ที่ประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดอยู่เดิม ประชาชนผู้สนใจที่จะประกอบอาชีพสตรีทฟู้ด ตลอดจนพี่น้องประชาชนชาวอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง มาเที่ยวชมงาน “It Tastes Good อร่อยปักหมุด สตรีทฟู้ดไทย จังหวัดอุบลราชธานี” ณ ลานร้อยพันธุ์บัว หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 7 - 9 กรกฎาคมนี้ ซึ่งกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การออกบูธจําหน่ายอาหารจากผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ดจํานวนกว่า 60 ร้านค้า กิจกรรม Workshop พัฒนาอาชีพ กิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพร้านค้าอาหาร และกิจกรรมความสนุกความบันเทิง อาทิ พบกับการแสดงของนักร้องศิลปิน เฉลิมพล มาลาคำ ซึ่งนอกจากจะได้รับทั้งความรู้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดแล้วยังได้เลือกชิมเลือกซื้ออาหารสตรีทฟู้ดที่มีคุณภาพของจังหวัดอุบลราชธานีจากงานนี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top