Tuesday, 20 May 2025
NEWS

ผบ.ตร. ลงใต้ ตรวจเยี่ยม บำรุงขวัญ เร่งรัดคดีสำคัญ จังหวัดชายแดนใต้ ย้ำขวัญกำลังใจ ความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ภาคสนาม พร้อมติดตามโครงการชุมชนยั่งยืน ชื่นชมความร่วมมือเข้มแข็งทุกฝ่าย จนประสบความสำเร็จ ส่งต่อความยั่งยืนให้ชุมชน

วานนี้ (13 ก.ค. 66)  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผบช.ตชด., พล.ต.ท.นพดล ศรสำราญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร., พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ ประชุมติดตามสถานการณ์ความมั่นคงและคดีสำคัญของตำรวจภูธรภาค 9 (ภ.9) ณ ศปก.ตร.ส่วนหน้า จ.ยะลา โดยมี พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 , รอง ผบช.ภ.9 ,ผบก.ในสังกัด ภ.9 และเจ้าหน้าที่เข้าร่วม 

ผบ.ตร.ได้ติดตามคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในห้วงที่ผ่านมา ติดตามสถานการณ์ความมั่นคง การปราบปรามอาชญากรรม การดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ พร้อมรับฟังข้อมูลปัญหา  สถานภาพกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ความต้องการสนับสนุนด้านต่างๆของจังหวัดชายแดนได้

ผบ.ตร.ได้กำชับการฝึกทางยุทธวิธีที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องเพื่อลดการสูญเสีย ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม อบรมความรู้งานสืบสวนสอบสวน และการขับเคลื่อนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เน้นย้ำให้ความสำคัญกับกำลังผู้ปฏิบัติ ให้มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังตามความเหมาะสม ฝึกทบทวนยุทธวิธี แผนเผชิญเหตุ เตรียมความพร้อมสมรรถนะด้านต่างๆ ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมจะสนับสนุนช่วยเหลือขวัญกำลังใจการทำงานอย่างเต็มที่

จากนั้น ผบ.ตร.พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ ชุมชนทุ่งยามู ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา  โดยมี นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ผู้นำท้องถิ่น ชุมชน เข้าร่วม

สำหรับชุมชนบ้านทุ่งยามู มี 234 ครัวเรือน ประชากร 694 ราย มีการเอ็กซเรย์ 100% สามารถค้นหาพบผู้เสพยาเสพติดเป็นจำนวน 10 คน นำผู้เสพเข้าสู่การบำบัดฟื้นฟู  มีกิจกรรมบำบัดแบบผสมผสาน บำบัดทางการแพทย์ อาชีพบำบัด และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์บำบัด มีการฝึกอาชีพกิจกรรมดนตรี เลี้ยงไก่ ปลาดุก หลังการบำบัดฟื้นฟู เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อความยั่งยืน มอบสมุดประจำตัวให้ผู้เข้ารับการบำบัด โดยจะมีการตรวจสารเสพติดและติดตามอย่างสม่ำเสมอ ส่วนชุมชนจะต่อยอดความยั่งยืนโดยการสร้างชุมชน ปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เหมาะสม ติดกล้อง CCTV เพิ่มแสงสว่าง และให้ผู้นำชุมชนร่วมติดตามแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง  ส่วนมิติการปราบปราม ตำรวจได้ดำเนินการปราบปรามจับกุมดำเนินคดีผู้ค้า และคดียาเสพติด 12 คดี จนปัญหายาเสพติดลดน้อยลง
 
ต่อมาในช่วงบ่าย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ ชุมชนสถานี 2 ต.หาดใหญ่ จ.สงขลา  ซึ่งแม้จะเป็นพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมากถึง  817 ครัวเรือน 2,873 คน สภ.หาดใหญ่ ได้ร่วมกับเทศบาลหาดใหญ่ ทำการตรวจสารเสพติดเอ็กซเรย์ 100% พบผู้เสพและสมัครใจเข้ารับการบำบัด  39 คน นำเข้าสู่โครงการบำบัดฟื้นฟูจนประสบความสำเร็จ  ส่วนมิติการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ตำรวจได้ส่งชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด เข้ากดดันจับกุมผู้ค้า ผู้จำหน่ายยาเสพติด จนกระทั่งออกนอกพื้นที่ไปหมด  และเพิ่มมาตรการป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้จำหน่ายในพื้นที่อื่นเข้ามาด้วยการร่วมกันตั้งจุดสกัดบริเวณรอบๆ ชุมชน

นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอผลการดำเนินการของโครงการชุมชนยั่งยืนฯ ชุมชนทุ่งแม่บัว ของ สภ.คลองหอยโข่ง ที่ทาง อบจ.สงขลา ให้การสนับสนุน ดำเนินการค้นหาผู้มีสารเสพติด ทำการเอ็กซ์เรย์ 100% จำนวน 154 ครัวเรือน ประชากร 449 คน ค้นพบผู้เสพและสมัครใจบำบัด รวม 22 ราย ขณะนี้ได้ผ่านการบำบัดประสบความสำเร็จ ซึ่งปัจจัยในความสำเร็จของโครงการบ้านทุ่งแม่บัวเกิดจากตัวผู้เสพที่เปิดใจยอมรับในการแก้ไข ครอบครัวเข้าใจเอาใจใส่ ชุมชนให้โอกาส รัฐให้ความสำคัญ ส่วนมิติการปราบปราม สภ.คลองหอยโข่ง ได้ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังร่วมกับภาคส่วนต่างๆ จนผู้ค้าถูกจับ หลบหนีออกจากพื้นที่ไปหมด ได้รับคำชื่นชมจากชาวบ้าน ที่สามารถคืนลูกหลานเป็นคนดี และส่งต่อความยั่งยืนให้ชุมชน

โมเดลความสำเร็จของชุมชนทุ่งแม่บัวดังกล่าว ทำให้ อบจ.สงขลา สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมให้ สภ. คลองหอยโข่ง ขยายโครงการไปอีก 2 หมู่บ้าน คือ  บ้านโคกพยอม และ บ้านพรุกง ซึ่งเป็นหมู่บ้านพื้นที่ติดกับหมู่บ้านทุ่งแม่บัว โดยบ้านโคกพยอม มีประชากร 268 ครัวเรือน 913 ราย และบ้านพรุกง มีประชากร 130 ครัวเรือน 415 ราย ซึ่งได้เริ่มโครงการฯ และลงนามความร่วมมือร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด เมื่อ 10 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติดหมดไปจากพื้นที่ ครอบคลุมทั้งอำเภอคลองหอยโข่ง 

ผบ.ตร. กล่าวว่า “ขอขอบคุณ และชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ร่วมดำเนินการโครงการชุมชนยั่งยืน ทั้งชุมชนยั่งยืนทุ่งยามู อ.เมือง จ.ยะลา ชุมชนสถานี 2 ต.หาดใหญ่ และ ชุมชนทุ่งแม่บัวอ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ที่มีความเข้มแข็ง แสดงถึงความพร้อมเพียง ร่วมมือร่วมใจ มีศักยภาพ จนโครงการประสบความสำเร็จ พร้อมให้กำลังกำลังใจผู้เข้ารับการบำบัด และครอบครัว ที่ส่วนใหญ่เลิกได้ สำหรับส่วนที่ยังเลิกไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะช่วยในการลดการเสพให้น้อยลง จนเลิกได้ในที่สุด ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือทุกฝ่าย สิ่งที่ตำรวจได้ดำเนินการควบคู่การบำบัดฟื้นฟู คือ การป้องกันปราบปราม จับกุมกดดันผู้ค้าดำเนินการตามกฎหมาย บางส่วนหลบหนีออกพื้นที่ พร้อมกับร่วมกันตั้งจุดตรวจป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่อีก เพื่อส่งต่อความยั่งยืนให้ชุมชน 

ทั้งนี้ สำหรับโครงการ โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเริ่มดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 3 ปี มีชุมชน/หมู่บ้าน ที่เข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 ปีละ 1,483 ชุมชน/หมู่บ้าน รวม 4,449 ชุมชน/หมู่บ้าน ปัจจุบันสามารถค้นหาผู้เข้ารับการบำบัดกับโครงการฯ สะสมได้ จำนวน 52,209 คน ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินโครงการฯ เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เม.ย. – มิ.ย.66)  สามารถค้นหาผู้เข้ารับการบำบัดกับโครงการฯ ได้จำนวน 25,822 คน”

ไม่เห็นชอบ!! 'คอร์ดแบดอุตรดิตถ์' แสดงจุดยืน แบน 'ส.ว.-กกต.' เชือด 'พิธา' ส่วน 'ส.ส.-ส.ว.' หนุน 'พิธา' นั่งนายกฯ เล่นฟรีตลอดชีพ

(14 ก.ค.66) เพจ 'สนามแบดมินตัน Panda Arena อุตรดิตถ์' ได้โพสต์จุดยืนชัด ระบุว่า...

สนามเราไม่อนุญาตให้ ส.ว. และ กกต. รวมไปถึงลูกหลานของพวกเขาทุกคน ห้ามเข้ามาใช้บริการ เสนียดมากค่ะ ขอบคุณค่ะ

ผบ.ทบ.ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนตรวจเยี่ยมการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาในพื้นที่ปลอดภัยบ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง

พล.อ.ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ทหาร (ฮ.ท.06 ) ตรวจเยี่ยมการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ที่กองร้อยทหารพราน 3601 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ฐานปฏิบัติการบ้านเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีนายประเสริฐ  จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ,พันเอก วันชัย มณีวรรณ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ( ฉก.ร.17) และ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36  ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปภารกิจการช่วยเหลือดูแลผู้ลี้ภัยสงครามความไม่สงบชาวเมียนมา ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ให้กับกำลังพลทหารพรานและฝ่ายปกครองเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลทุกข์สุขความเดือดร้อนของผู้ลี้ภัยตามหลักมนุษยธรรม พร้อมกันนี้ผู้บัญชาการทหารได้เดินไปเยี่ยมดูสภาพความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านเสาหิน จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ทหารจากฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพราน 3601 บ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหารกองร้อยทหารราบที่ 713 ฐานนาป่าแปก บ้านรักไทย ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

ปัจจุบัน มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม) เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย จำนวน 8,504 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ชั่วคราวบ้านเสาหิน หมู่ที่ 1 ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนยอดเดิม 3,530 คน ไม่มียอดเดินทางเข้าเพิ่มเติม พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านพะแข่ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 826 คน เดินทางเข้ามาเพิ่มอีก  6 คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านอุน หมู่ที่ 4 ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 316 คน และพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านจอปร่าคี หมู่ที่ 9 ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 501 คน และพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านในสอย หมู่ 4 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 3,331 คน ซึ่งเดินทางเข้ามาในเขตไทยเมื่อวันที่ 12 ก.ค.66 ที่ผ่านมา หลังจากมีการสู้รบการเกิดขึ้นระหว่างทหารเมียนมากับกอง

โดย กองกำลังนเรศวร และฝ่ายปกครองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดตามสถานการณ์ ในฝั่งประเทศเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย กองทัพอากาศ เฝ้าตรวจทางอากาศ และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมขึ้นบินลาดตระเวนรบ หากอากาศยานมีแนวโน้มจะลุกล้ำน่านฟ้าไทย ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลความปลอดภัย และการให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม 

‘น.ร.หญิง’ โรงเรียนเตรียมอุดมฯ รัชดา ทำ CPR ช่วยชีวิตคน โซเชียลชื่นชม!! ฮีโร่ไม่ต้องมีพลังวิเศษ แค่สองมือเปล่าก็เป็นได้

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 ปัจจุบันมีข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันเพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน ทั้งในผู้ที่มีสุขภาพดี แข็งแรง ซึ่งการเสียชีวิตอย่างกะทันหันนั้นส่วนมากเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่พบมากขึ้นก็เพราะในยุคสมัยนี้ เพราะไลฟ์สไตล์ที่มีการเปลี่ยนไป ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มเติมจากโรคประจำตัวเดิม ทำให้การปั๊มหัวใจช่วยชีวิต (CPR) จึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นพื้นฐานสำคัญที่ประชาชนควรเรียนรู้ไว้ เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน

ทั้งนี้ มีเหตุการณ์ที่เรียกเสียงชื่นชมจากโลกออนไลน์จำนวนมาก เมื่อผู้ใช้บัญชี TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิปนักเรียนช่วย CPR ผู้ป่วย โดยระบุข้อความว่า…

“ฮีโร่ไม่ต้องมีพลังวิเศษ แค่สองมือเปล่าก็เป็นได้ ขอบคุณน้องนักเรียนมาก ๆ นะครับ ที่มาช่วยพี่ทำ CPR ช่วยผู้ป่วย”

ในคลิปจะเห็นทีมกู้ภัยให้การช่วยเหลือชายรายหนึ่ง และมีนักเรียนหญิงช่วยทำซีพีอาร์อยู่ด้วย ทั้งนี้ เจ้าของโพสต์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักเรียนหญิงคนดังกล่าว ชื่อ น.ส.ประติภา ดีหามแห เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา

หลังจากคลิปนี้เผยแพร่ไปมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

“ชื่นชมเลยครับ สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน”
“น้องน่ารักมากก ยอมชุดเปื้อนเลือดเพื่อ 1 ชีวิต น้องน่ารักมากก อนาคตของชาติต้องแบบนี้สิ เก่งมากๆ”
“สุดดดดดดดยอดดดดด”
“ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษ”
“น้องเก่งมากครับ อีกอย่างน้องเป็นอาสาสมัครด้วยครับ”
“ทุกโรงเรียนควรมีการสอนนี้”
“การ CPR ผู้ชายทำยากนะคะ หน้าอกแข็งแน่น แต่คือน้องทำได้ดีมากๆ” เป็นต้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นประธานเปิดการอบรมยกระดับความสามารถการตรวจเรือประมงและแรงงานในเรือประมงของศุนย์ PIPO รุ่น 10

วันนี้ (13 ก.ค.66) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เป็นประธานในการเปิดโครงการอบรมสัมมนา ยกระดับขีดความสามารถในการตรวจเรือประมงและแรงงานในเรือประมงของผู้ปฏิบัติงานศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก รุ่นที่ 10 ณ โรงแรมมณีจันทร์ รีสอร์ท จ.จันทบุรี โดยจะอบรมระหว่างวันที่ 12 – 14 ก.ค.66 ซึ่งในครั้งนี้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมมาจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมการจัดหางาน และพนักงานสอบสวน รวมจำนวนกว่า 702 คน

การจัดการฝึกอบรมนี้ สืบเนื่องจากการประเมินระดับการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ของทางการสหรัฐฯ ซึ่งประเทศไทยได้รายงาน TIP Report และได้รับคำแนะนำเป็นข้อสังเกตว่า ประเทศไทยยังต้องมีการพัฒนาการตรวจแรงงานที่ท่า ซึ่งยังไม่ได้ใช้วิธีการตามมาตรฐานในการตรวจสอบการสูญหายในทะเล และการค้ามนุษย์บนเรือประมง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ยังขาดความสม่ำเสมอและขาดประสิทธิภาพในการตรวจเนื่องจากยังขาดประสบการณ์ ดังนั้น ในปีที่ผ่านมา ศพดส.ตร. จึงได้มีการปรับปรุงคู่มือการปฏิบัติงานศูนย์ PIPO ประจำปี 2566 โดยมุ่งพัฒนา 4 ด้าน ได้แก่ เพิ่มแนวทางปฏิบัติกรณีพบลูกเรือพลัดตกน้ำ การตรวจหนังสือคนประจำเรือ การตรวจคุ้มครองแรงงานบนเรือประมง และตรวจสภาพแวดล้อมของแรงงานเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้เป็นการยกระดับมาตรฐานแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ได้มีแผนที่จะอบรมเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ PIPO ทั่วประเทศในปีนี้จำนวน 10 รุ่นด้วยกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การอบรมสัมมนารุ่นนี้ เป็นรุ่นสุดท้ายประจำปีงบประมาณ 2566  เป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มความรู้เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ PIPO ซึ่งในปีนี้ ศพดส.ตร. จึงได้มีการพัฒนาคู่มือการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ PIPO รวมทั้งจัดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ร่วมกัน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและพัฒนาศักยภาพในการตรวจแรงงานในเรือประมง รวมทั้งสร้างมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยก้าวหน้าไปอีกขึ้นหนึ่ง และยกระดับประเทศไทยสู่เทียร์ 1 ต่อไป

รมช.สธ.เปิดการฝึกซ้อมแผนกู้ชีพทางน้ำและการลำเลียงทางอากาศ ช่วยเหลือ ปชช. และ นทท.บนเกาะ ลดความสูญเสีย พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ นทท.

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ห้องประชุมเสม็ด แกรนด์วิว รีสอร์ท เกาะเสม็ด ม.4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศยาน ภายใต้โครงการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดระยอง ด้านการปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ทางอากาศ มีบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการฝึกซ้อมแผนดังกล่าว

ทั้งนี้เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ ซ้อมแผนปฏิบัติการกู้ชีพทางน้ำและลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศให้ได้ตามมาตรฐาน ช่วยให้ ปชช.และนทท.ได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนทันท่วงที ลดความสูญเสีย และเป็นการพัฒนาศักยภาพทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพ มีความเข้มแข็ง สร้างความมั่นใจต่อการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ทางทะเลและเกาะต่างๆ ในพื้นที่

กระทรวงแรงงาน “ร่วมสร้างวัฒนธรรมไทยเชิงป้องกัน สู่ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และความผาสุกที่ยั่งยืน”

วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 35 และมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณให้แก่สถานประกอบกิจการต้นแบบ ที่ผ่านเกณฑ์พิจารณากิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัย ของ สสปท. จำนวน 84 รางวัล โดยมีผู้บริหารส่วนราชการ ผู้บริหารสถานประกอบกิจการ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ณ อาคาร 11-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี 

นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง กล่าวว่า ในปัจจุบันยังมีการประสบอันตรายและโรคจากการทำงานเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงแรงงาน จึงได้ผลักดันระเบียบวาระแห่งชาติ “แรงงานปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี” สู่ระยะที่ 2 (พ.ศ.2560 – 2569) และขับเคลื่อนนโยบาย Safety Thailand เพื่อลดอัตราการประสบอันตรายจากการทำงานให้ได้อย่างยั่งยืน โดยเมื่อพิจารณาเหตุที่เกิดขึ้นจะพบว่า การประสบอันตรายและโรคจากการทำงานมากกว่าร้อยละ 80 มีสาเหตุมาจากตัวผู้ปฏิบัติงานเอง กระทรวงแรงงานจึงมอบหมายให้ สสปท.ซึ่งมีภารกิจหลักในการส่งเสริมและพัฒนางานด้านวิชาการ ดำเนินการศึกษาเครื่องมือในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในการทำงานที่เหมาะสมกับสถานประกอบกิจการทุกประเภท ตามแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ คือ “ร่วมสร้างวัฒนธรรมไทยเชิงป้องกัน สู่ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และความผาสุกที่ยั่งยืน” และได้ผลผลิตเป็นชุดค่านิยมร่วมด้านความปลอดภัย MDC ที่เหมาะสมกับสถานประกอบกิจการทุกประเภท 

ประกอบ ด้วย Mindfulness (สติรู้ตัว) คือ การจดจ่อกับการทำงาน รู้ตัว รู้คิด ทำงานอย่างรอบคอบ ถูกต้อง มีความตระหนัก คำนึงถึงความปลอดภัย และสามารถพิจารณาอันตรายและลดจุดเสี่ยงในการทำงานได้ Discipline (วินัยถูกต้อง) คือ การปฏิบัติอยู่ในข้อบัญญัติ กฎหมาย หรือแนวที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและปลอดภัย และ Caring (เอื้ออาทรใส่ใจ) คือ การมีน้ำใจ เอาใจใส่ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตาช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน เพื่อร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี และลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายและโรคจากการทำงาน ซึ่งชุดค่านิยมนี้ นอกจากจะใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติติงานแล้ว ยังสามารถเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท และส่งเสริมให้สังคมมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันอีกด้วย

ด้าน นายสมัย โชติสกุล ประธานกรรมการ สสปท. กล่าวว่า การที่สถานประกอบกิจการได้ดำเนินการสร้างวัฒนธรรมเชิงป้องกัน จะเป็นการสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการทุกระดับ อันจะนำไปสู้การลดสถิติการประสบอันตรายและโรคจากการทำงานได้ในระยะยาว ส่งผลให้ลดต้นทุนในการผลิตลดลง และสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานได้อย่างยั่งยืน โดยการเสริมสร้างค่านิยมด้านความปลอดภัย เพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานในสภาวะที่มีสติรู้ตัวทุกขณะ และสามารถปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ด้วยวินัยที่ถูกต้อง  ตลอดจนมีความเอื้ออาทรใส่ใจต่อบุคคลรอบข้างเสมอ

ในส่วน นางบุปผา พันธุ์เพ็ง ผู้อำนวยการ สสปท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 35 (Thailand Safe@Work#35) นั้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนตระหนักถึงความสำคัญ และเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ทางวิชาการ พัฒนาแนวคิดด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ภายใต้แนวคิด “ร่วมสร้างวัฒนธรรมไทยเชิงป้องกัน สู่ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และความผาสุกที่ยั่งยืน (Forward Culture of Prevention for Safety Thailand)” โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการจัดสัมมนาวิชาการทั้งรูปแบบ On Site และ Online ประเด็นการสัมมนา มีทั้งการบริหารงานด้านความปลอดภัยและยุทธศาสตร์ กฎหมาย และมาตรฐานต่าง ๆ การนำเสนอ Best Practice และนวัตกรรมความปลอดภัยและอาชีวอนามัย 

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการ และมีการจัดกิจกรรมด้านความปลอดภัยใน 3 พื้นที่กิจกรรม ได้แก่ พื้นที่สุขภาพ (Health Me With T- OSH Zone) พื้นที่แสดงผลงานการศึกษา (Education Zone) และพื้นที่แสดงผลงานนวัตกรรม (Innovation Zone) ตลอดจนการจัดแสดงการสาธิตด้านความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง การช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายจากที่สูงและที่อับอากาศ การช่วยฟื้นคืนชีพ และการใช้เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ

ททท. เชียงใหม่ จับมือพันธมิตรกระตุ้นการท่องเที่ยวเชื่อมโยงสงขลา-กระบี่

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ ผนึกกำลังร่วมกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย และผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เร่งทำการตลาดเชิงรุกนำสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เสนอขายให้แก่ผู้ประกอบการนำเที่ยวจังหวัดสงขลา และจังหวัดกระบี่ ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2566 โดยกำหนดจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ Table Top Sale ในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรมบุรีศรีภู คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และในวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรมปาหนัน กระบี่ รีสอร์ท จ.กระบี่ หวังดึงนักท่องเที่ยวจากจังหวัดสงขลาและกระบี่ เดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคมายังจังหวัดเชียงใหม่ในช่วง Green Season และหน้าหนาวที่กำลังจะถึงนี้ พร้อมกันนี้ยังได้นำสื่อมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเชียงใหม่ สงขลา และกระบี่ ภายใต้โครงการ The Link Local to Global ส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Domestic to Domestic ผ่านการนำเสนอเรื่องราววิถีชีวิต สินค้าและบริการที่ได้รับการพัฒนาและยกระดับคุณภาพมาตรฐานบริการ และสอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป้าหมายของพื้นที่

นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับจังหวัดสงขลา และจังหวัดกระบี่ ผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนาและยกระดับคุณภาพมาตรฐานบริการ โดยจังหวัดสงขลาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด The Bleisure Route เที่ยวได้งาน นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มประชุม/สัมมนา/Team Building รวมถึงสินค้าและบริการเชิงสุขภาพ Zodiac Spa สปาราศี สำหรับจังหวัดกระบี่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวภายในแนวคิด Green Route นำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวตามแนวคิด Sustainable Tourism Goals: STGs และ Low Carbon Tourism เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นอกจากเราจะเชื่อมโยงกันด้วยสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแล้ว เรายังเชื่อมโยงกันด้วยเส้นทางบิน ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีเส้นทางบินตรงเชื่อมโยงเชียงใหม่ – หาดใหญ่ (สงขลา) โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย วันละ 1 เที่ยวบิน และเชียงใหม่ - กระบี่ โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย จันทร์/พุธ/ศุกร์/อาทิตย์ วันละ 1 เที่ยวบิน อังคาร/พฤหัส/เสาร์ วันละ 2 เที่ยวบิน

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานเชียงใหม่ เปิดให้บริการวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (ยกเว้นวันหยุดราชการ) โทรศัพท์ 0 5324 8604-5 และสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวด้านการท่องเที่ยวของ ททท.สำนักงานเชียงใหม่ได้ทาง

‘เอเอฟซี’ ลงดาบ นักเตะ-สตาฟฟ์ ‘ช้างศึก’​ ฟุตบอลซีเกมส์ 2023 หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่อินโดฯ สั่งแบนยาว-ปรับเงินอ่วม

‘เอเอฟซี’ ประกาศลงโทษนักเตะ และสตาฟฟ์โค้ช ‘ช้างศึก’ จากเหตุความวุ่นวายในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชายซีเกมส์ 2023 โดย ไทย โดนลงโทษทั้งหมด 8 ราย รวมสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ถูกปรับเงินด้วย

(13 ก.ค. 66) จากเหตุทะเลาะวิวาทในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชายซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างไทยกับอินโดนิเซีย ที่ทัพ ‘ช้างศึก’ ปราชัยคู่แข่งในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-5 ก่อนหน้านี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทำการลงโทษ นายประสบโชค โชคเหมาะ ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู, นายมายีด หมัดอะด้ำ เจ้าหน้าที่ทีม, นายภัทราวุธ วงษ์ศรีเผือก เจ้าหน้าที่ทีม ห้ามยุ่งเกี่ยวทีมชาติเป็นเวลา 1 ปี ขณะที่ 2 นักฟุตบอลอย่าง นายโสภณวิชญ์ รักญาติ และ นายธีรภักดิ์ เปรื่องนา ถูกลงดาบแบนห้ามยุ่งกับทีมชาติคนละ 6 เดือน

ล่าสุด สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ ‘เอเอฟซี’ ทำการแจ้งบทลงโทษของสมาพันธ์ฯ มายังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดยนักเตะไทยโดนลงโทษเพิ่ม 2 คน ได้แก่ นายชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช ถูกแบน 6 นัด และนายปุรเชษฐ์ ทอดสนิท แบน 6 นัด ขณะที่อีก 2 คน ที่ถูกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยลงโทษอยู่ก่อนหน้านี้ ถูกเอฟเอฟซี แบนเพิ่มอีก โดยนายธีรภักดิ์ เปรื่องนา ถูกแบน 6 นัด, นายโสภณวิชญ์ รักญาติ ถูกแบน 6 นัด พร้อมปรับเงินคนละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 34,000 บาท

ส่วนทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของไทย 3 คนที่โดนแบนจากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก่อนหน้านี้ ถูกเอเอฟซีลงโทษเช่นกัน โดย นายประสบโชค โชคเหมาะ โค้ชผู้รักษาประตู ถูกแบน 6 นัด, นายมายีด หมัดอะด้ำ เจ้าหน้าที่ทีม ถูกแบน 6 นัด, นายภัทราวุธ วงษ์ศรีเผือก เจ้าหน้าที่ทีม ถูกแบน 6 นัด ทั้งหมดถูกปรับเงินคนละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 34,000 บาท ขณะที่ นายบำรุง บุญพรม อีกหนึ่งสตาฟฟ์โค้ช โดนโทษแบน 6 นัด ด้วยเช่นกัน

ด้าน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ถูกเอเอฟซีปรับเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.4 แสนบาท ขณะที่ฝั่งอินโดนีเซีย โดนเอเอฟซี แบน ผู้เล่น 2 ราย และสต๊าฟโค้ช 2 ราย

ชื่นชม!! 6 นักเรียนไทยคว้าเหรียญรางวัล ในการแข่งขัน ‘คณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ’

เมื่อวานนี้ (12 ก.ค. 66) เพจ ‘Olympic ipst’ โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับนักเรียนไทยคว้าเหรียญรางวัลในการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ (64th IMO 2023) โดยระบุว่า..

ผลการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2566 (64th IMO 2023) ระหว่างวันที่ 3 - 13 กรกฎาคม 2566 ณ เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น 

ผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทย จำนวน 6 คน มีผลการแข่งขัน ดังนี้
1. นายทยากร สุวานิช โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับรางวัลเหรียญทอง 🥇
2. นายวรวัฒน์ รุ่งอร่ามศิลป์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับรางวัลเหรียญเงิน 🥈
3. นายพัฒนแสง พินิจพิชิตกุล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับรางวัลเหรียญเงิน 🥈
4. นายนิธิวิทย์ ศิริมาลัยสุวรรณ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับรางวัลเหรียญเงิน 🥈
5. นายธรรมรักษ์ กอสกุลธรรม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง 🥉
6. นายสิรวิชญ์ พิพิธธนาบรรพ์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ได้รับรางวัลเกียรติคุณประกาศ

และคณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีม ประกอบด้วย
1. ดร.นิธิ รุ่งธนาภิรมย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าทีม
2. ผศ.ดร.ธีระเดช กิตติภัสสร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รองหัวหน้าทีม
3. ดร.สริตา บุณย์ศุภา McKinsey & Company ผู้ช่วยหัวหน้าทีม 
4. ผศ.ดร.เป็นหญิง โรจนกุล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ช่วยหัวหน้าทีม 
5. ดร.ศุภณัฐ คำตื้อ Yau mathematical Sciences Center ผู้ช่วยหัวหน้าทีม 
6. นายจเร ปานเมือง สสวท. ผู้จัดการทีม

กองทัพเรือจัดกิจกรรมเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและเพิ่มทักษะการปฐมพยาบาลฟื้นคืนชีพพื้นฐาน ในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อให้กำลังพลมีสุขภาพที่ดี เป็นกำลังรบที่พร้อมปฏิบัติงานในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันทุกภารกิจ

วันที่ 12 ก.ค.66 พลเรือเอก สุวิน  แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการปฏิบัติงานและการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพลกองทัพเรือ ตรวจโครงสร้างพื้นฐาน และร่วมกิจกรรมเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและเพิ่มทักษะการปฐมพยาบาลฟื้นคืนชีพพื้นฐาน รวมทั้งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือได้ตรวจโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของโรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา และอาคารกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 ณ ฐานทัพเรือพังงา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องต่อไป

การจัดกิจกรรมครั้งนี้นอกจากเป็นการกระตุ้นให้กำลังพลใส่ใจในการดูแลสุขภาพแล้ว ยังให้ความรู้แก่กำลังพลในการดูแลสุขภาพ และการช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกต้อง จากบุคคลากรจากกรมแพทย์ทหารเรือ  โดยกรมแพทย์ทหารเรือจะนำผลการตรวจสุขภาพกำลังพลกองทัพเรือมาจัดทำเป็นฐานข้อมูลในโปรแกรม NMD+ เพื่อติดตามและกำหนดแนวทางในการดูแลสุขภาพของกำลังพลได้อย่างเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้การที่กำลังพลมีสุขภาพที่ดีนั้นย่อมส่งผลถึงความพร้อมของกำลังรบ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความพร้อมของทัพเรือภาคที่ 3 ต่อทุกภารกิจในพื้นที่รับผิดชอบฝั่งทะเลอันดามัน และจะส่งผลดีต่อการปฏิบัติงานในภาพรวมของกองทัพเรือ

กำลังพลของหน่วยในทัพเรือภาคที่ 3 ที่เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย กองบังคับการฐานทัพเรือพังงา , กองเรือปฏิบัติการฯ , หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (กองพันรักษาฝั่งที่ 11 และกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22) จำนวน 409 นาย เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 7 กิจกรรม ประกอบด้วย 
- การตรวจวัดและประเมินสภาพร่างกาย
- การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- การอบรมความรู้เรื่องการออกกำลังกายและลดน้ำหนัก
- การให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่ควรบริโภค
- การสาธิตและการฝึกการช่วยฟื้นชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) 
- การให้ความรู้เรื่้องการป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้นโรคลมร้อน (Heat Stroke) 
- การเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ

ซึ่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ รวมถึงทักษะการปฐมพยาบาลช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน ซึ่งการมีสุขภาพที่ดีส่งผลถึงความพร้อมขององค์บุคคล ถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบของความพร้อมรบที่สำคัญยิ่ง เปรียบเสมือนการสร้างเหล็กในคนที่สำคัญกว่าเหล็กในเรือ นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อการปฏิบัติงานในภาพรวมของกองทัพเรือ และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับกำลังพลอีกด้วย โดยจะให้มีการจัดกิจกรรมนี้ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือทั่วประเทศ

เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือด้านกำลังพลในการส่งเสริมสุขภาพให้กำลังพลของกองทัพเรือมีสุขภาพที่ดี มีร่างกายแข็งแรง พร้อมปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนกองทัพเรือได้อย่างมีพลังด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

‘อ.สันติ’ ประติมากรระดับโลก เผยเรื่องราวความประทับใจ หลังเดินทางข้ามโลกมาเข้าเฝ้า ‘ในหลวง ร.10-ราชินี’ ครั้งแรก

เมื่อไม่นานนี้ รายการ ‘เรื่องเล่าข่าวดีกับสายสวรรค์’ ชุดพิเศษ เรื่องเล่าข่าวดี ‘เฉลิมพระบารมี ทศมราชัน’ ตอน ‘ประติมากรไทยระดับโลก ผู้ปั้นพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ด้วยจิตวิญญาณแห่งความจงรักภักดี’ ตอนที่ 3 ออกอากาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม 2566 โดยมีแขกรับเชิญ คือ อาจารย์ ดร.สันติ พิเชฐชัยกุล ประติมากรระดับโลก ที่ได้มาแชร์เรื่องราวความทรงจำอันน่าประทับใจในการเดินทางข้ามโลก เพื่อมาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรก พร้อมเผยถึงเบื้องหลังการปั้นพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามพระบรมราชโองการและพระมหากรุณาที่ อ.ดร.สันติ พิเชฐชัยกุล ได้รับอย่างสูงสุด

โดยในช่วงหนึ่งของรายการ อ.ดร.สันติ ได้เล่าว่า “มีครั้งหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 10 นั้น มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่คาดฝัน คือ พระองค์ทรงเสด็จลงมาที่พื้น เพื่อนั่งคุยกับผม และถามไถ่ผมว่า “อาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่อเมริกา สบายดีไหม?” 

ผมรู้สึกว่าพระองค์ท่านทรงน่ารักมาก ผมไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ที่ท่านลงที่พื้นกับผม ผมเลยกราบทูลไปว่า “ท่านครับ ท่านติดดินเหมือนพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เลยนะครับ แต่ถ้าท่านลงมานั่งที่พื้นแบบนี้ ผมไม่ต้องมุดลงใต้เลยหรือครับ” พอผมพูดจบ ท่านก็แย้มพระสรวลและหัวเราะ จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ก็ทรงประคองพระองค์ท่านขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม”

อ.ดร.สันติ ยังได้เล่าต่ออีกว่า “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ทรงตรัสชมว่า “อาจารย์ปั้นพระบรมรูปเก่งมากเลย” ผมก็เลยเล่าว่า “มีคนสบประมาทผมว่า คุณก็เก่งแค่ตอนนี้แหละ ในอนาคตจะมีคนเก่งกว่านี้” ผมก็โต้ตอบในใจไปว่า “ถ้าจะมีคนเก่งกว่าผม ก็ขอให้คนนั้นเป็นผมอีกสักครั้งหนึ่ง” จากนั้น พระองค์ก็ใช้พระหัตถ์ตบเบาๆ ที่หน้าขาของผม แล้วทรงตรัสว่า “อาจารย์พูดได้ดีมาก ชอบๆ” 

จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ทรงตรัสต่ออีกว่า “นี่ไงอาจารย์ อาจารย์ก็ทำเก่งกว่าเดิมนี่ไง ท่านทรงโปรดมากเลย ต่อไปอาจารย์จะเหนื่อยกว่านี้อีกนะ” 

สักพักในหลวงท่านเสด็จลุกขึ้น และหันมาตรัสกับภรรยาของผมว่า “เราขอเบิกตัวอาจารย์สันติ ให้ไปกับเราที่ชั้นบนได้ไหม?” ภรรยาผมก็บอกว่า “ได้เพคะ” ผมก็เลยตามเสด็จขึ้นไปชั้นบน ตอนแรกผมจะคุกเข่าตามท่านไป ท่านก็ทรงตรัสว่า “ลุกเดินตามมาได้เลยอาจารย์ เชิญๆ” 

เมื่อเดินถึงชั้นลอย ท่านก็ทรงตรัสว่า “จะเอาพระบรมรูปตั้งไว้ตรงนี้ดีไหม?” สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ท่านก็ทรงตรัสว่า “หากตั้งไว้ตรงนี้อาจจะไม่เหมาะ เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับบันได” พระองค์ท่านจึงหันกลับมาถามความคิดเห็นผมอย่างมีเมตตาว่า “อาจารย์มีความคิดเห็นว่าอย่างไร?” ผมเลยตอบท่านไปว่า “ใช่ครับ ตรงนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะครับ” สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ทรงมีพระปรีชาสามารถสูงมาก ในการมองสิ่งต่างๆ ได้อย่างเด็ดขาดจริงๆ ครับ”

อ.ดร.สันติ เล่าต่ออีกว่า “หลังจากนั้น พระองค์ท่านก็ทรงเชิญผมขึ้นไปที่ชั้นบนอีกชั้นหนึ่ง โดยท่านเดินนำหน้าผมขึ้นไป เมื่อถึงหน้าห้องแล้ว ท่านทรงใช้พระหัตถ์ขวาเปิดประตู และใช้พระหัตถ์ซ้ายผายออกเพื่อเชิญผมเข้าไปในห้อง จริงๆ แล้วลูกน้องของพระองค์ท่านพยายามจะวิ่งมาเปิดประตูแทน แต่ไม่ทัน ผมก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ก็รีบขอบคุณท่าน เมื่อเข้าห้องไป ท่านก็ตรัสถามว่า “เอาพระบรมรูปตั้งไว้ตรงนี้ดีไหม?” ผมก็ตอบว่า “หากไว้ตรงมุมอับอาจจะไม่เหมาะนะครับ จะไม่มีคนเห็นครับ” ท่านก็ตรัสถามอีกครั้งว่า “แล้วถ้าเป็นตรงนั้นล่ะ?” ผมก็ตอบว่า “ตรงนั้นได้ครับ แต่ต้องเอาโซฟาออกนะครับ” ท่านจึงสั่งให้คนของท่านช่วยกันย้ายโซฟาออก ณ ตอนนั้นเลย และสั่งให้นายทหารไปยกพระบรมรูปจากชั้น 1 เพื่อยกขึ้นมาตั้งไว้ที่ชั้น 3 ผมก็กราบทูลกับท่านว่า “ต้องทำพื้นหินอ่อนเป็นฐานใหม่ เพื่อให้สามารถตั้งได้พอดีกันนะครับ และติดไฟใหม่ด้วยครับ”

“หลังจากนั้น เมื่อกลับลงมาที่ชั้นล่าง ท่านทรงตรัสถามไถ่กับลูกชายผม ว่า “How old are you? อายุเท่าไรแล้ว” ตอนนั้นลูกชายคนเล็กของผม ชื่อ ‘น้องโทนี่’ ก็ตอบท่านกลับไปว่า “Five” 5 ขวบแล้ว จังหวะนั้นเอง ผมก็กราบทูลขอท่านไปว่า “ท่านครับ ทรงช่วยจับ ‘น้องไดญามิ’ ลูกสาวคนโตของผมหน่อยได้ไหมครับ” ท่านก็ทรงเมตตา เอาพระหัตถ์ข้ามภรรยาของผม (เอริก้า) ไปจับน้องไดญามิ จังหวะนั้นเอง ผมเลยกราบทูลขอท่านไปว่า “ท่านครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยจับภรรยาผมด้วยได้ไหมครับ” ท่านก็เลยจับ เอริก้าก็หันมาบอกผมว่า “ฉันยังไม่ได้สระผมเลย” จากนั้นผมจึงกราบทูลขอให้ท่านจับผมด้วยอีกคน ท่านก็ทรงเมตตา จับผมอย่างเป็นกันเองด้วย”

“หลังจากนั้น ก่อนท่านจะขอตัวไปพักผ่อน ผมก็รวบรวมความกล้า กราบทูลขอพระองค์ท่านว่า “ขอพระบรมราชานุญาตฉายพระรูปร่วมกับหม่อมฉันและครอบครัวได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ซึ่งท่านก็ทรงมีความเมตตากรุณากับผมและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง ทรงให้คนไปตามภรรยาและลูกๆ ของผมมาฉายพระรูปร่วมกับพระองค์ท่านอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว เป็นเวลาตี 1 เนื่องจากผมเข้าเฝ้าพระองค์ท่านตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มของคืนวันที่ 12 เมษายน จนล่วงเลยเข้าคืนวันที่ 13 เมษายน 2562 แล้ว ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีไทยพอดี 

“นับเป็นสิริมงคลกับผมและครอบครัวอย่างมาก ถือเป็นที่สุดของชีวิตผมเลย” อ.ดร.สันติ กล่าวทิ้งท้าย

🚨ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย🚨

🚨ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย🚨

🏡มุกใหม่มิจฉาชีพ หลอกยกเลิกสัญญาซื้อขายบ้าน-ที่ดิน ยอมโดนยึดมัดจำ ลวงผู้เสียหายผิดนัด

⚠️ กลลวงมิจฉาชีพ เริ่มต้นจะขอซื้อบ้านหรือที่ดิน โดยจวางเงินมัดจำเป็นจำนวนที่สูง มีการระบุวันโอนขายที่ดินไว้
⚠️ ก่อนถึงวันโอนบ้านหรือที่ดิน มิจฉาชีพจะโทรศัพท์มาแจ้งผู้ขาย ขอยกเลิกการซื้อขาย และยอมให้ยึดเงินมัดจำ จนผู้เสียหายหลงเชื่อและไม่ไปสำนักงานที่ดินเพื่อโอนตามสัญญา
⚠️ วันโอนตามสัญญา มิจฉาชีพจะไปสำนักงานที่ดินและนั่งรอผู้ขายตั้งแต่เช้า เพื่อให้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพ และมีพยานบุคคล ซึ่งส่งผลให้ผู้ขายเข้าข่ายผิดสัญญาจะซื้อจะขาย และมิจฉาชีพสามารถเรียกค่าปรับได้ตามที่ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าเงินมัดจำ

ข้อควรระวัง
✅ ผู้ขายควรตรวจสอบประวัติของผู้ที่มาติดต่อขอซื้อบ้านหรือที่ดิน เพื่อป้องกันการถูกหลอกจากกลุ่มมิจฉาชีพ

 ❌ไม่เชื่อ  ❌ไม่รีบ  ❌ไม่โอน

 "ตำรวจไซเบอร์ ให้ความรู้ รู้ทันความคิดมิจฉาชีพ"

#ตำรวจไซเบอร์ #เตือนภัยออนไลน์ #ซื้อขายบ้านหรือที่ดิน #กรมที่ดิน

💌 ด้วยความห่วงใย จากตำรวจไซเบอร์
☎️ ปรึกษาสอบถามโทร 1441 หรือ 081-866-3000
🌐 แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com
📱 Line:@police1441 แชทบอทกับหมวดขวัญดาว ตลอด 24 ชั่วโมง

'ปภ.' จับมือมูลนิธิร่วมกตัญญู ลงนามบันทึกความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

วันนี้ (12 ก.ค. 66) เวลา 13.30 น.  ที่ห้องประชุม1 กรม ปภ. นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และ ดร. รัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ประธานกรรมการมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมี ดร. ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม, นายพรเทพ เมธาขจรกุล รองประธานกรรมการมูลนิธิร่วมกตัญญู, นายสมศักดิ์ ปาลวัฒน์ ผู้จัดการมูลนิธิร่วมกตัญญู, ผู้บริหารของ ปภ. และมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

ในช่วงที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะหน่วยงานกลางของรัฐในการบูรณาการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศ ได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการสาธารณภัย โดยมุ่งสร้างเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และองค์การสาธารณกุศล และที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิร่วมกตัญญู และมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณกุศลขนาดใหญ่ มีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครปฏิบัติงานในกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ร่วมมือกันในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ช่วยเหลือประชาชนจนประสบผลสำเร็จด้วยดีมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งนอกจากจะสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท ภารกิจภายใต้ระเบียบ กฎหมาย องค์ความรู้ ทักษะ การปฏิบัติหน้าที่และการบูรณาการจัดการในภาวะฉุกเฉินแล้ว ยังจะทำให้ทั้งสองหน่วยงานประสานการปฏิบัติและบูรณาการจัดการในภาวะฉุกเฉินได้อย่างความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะได้ร่วมกันพัฒนาศักยภาพมาตรฐานในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครให้มีความพร้อมช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยจากสาธารณภัยต่อไป

นอกจากนี้ อธิบดี ปภ. ได้มอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “สดุดีป้องกันภัย” ให้แก่บุคลากรของมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนมาเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน จำนวน 4 ท่าน  ได้แก่

1) นายกฤษดา อินทร์พาเพียร หัวหน้าอาสาสมัครจังหวัดสระบุรี (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
2) นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ
3) นายเอกพัน บรรลือฤทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิฯ
4) นายพิมพ์ชนก ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ฝ่ายดาราและประชาสัมพันธ์  ซึ่งเป็นบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือการปฏิบัติงานในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและปฏิบัติงานพิเศษที่ได้รับมอบหมายจากทางราชการเป็นที่ประจักษ์ ด้วยความเสียสละ กล้าหาญ ทุ่มเท จนเกิดประโยชน์แก่สังคมและประชาชนมาเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน

สำหรับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “สดุดีป้องกันภัย” เป็นไปตามระเบียบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่าด้วยเครื่องหมายเชิดชูเกียรติสำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่หรือช่วยเหลือด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2565  ซึ่ง ปภ. จะพิจารณามอบให้แก่บุคคลที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ด้วยความเสี่ยงภัยหรือเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตด้วยความเสียสละ กล้าหาญ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ปฏิบัติหน้าที่หรือช่วยเหลือในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือคุณประโยชน์แก่การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จนเกิดประโยชน์แก่ทางราชการและประชาชน

‘บช.น.’ ซุ่มถกแผน เตรียมรักษาความปลอดภัย ‘วีไอพี’ คาด!! เอี่ยว ‘ทักษิณ’ หลังเอ่ยกลับไทยในเดือน ก.ค. 66

(12 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้รับสำเนาเอกสารฉบับหนึ่ง ระบุว่าเป็นกำหนดการประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ในวันพุธที่ 12 ก.ค. 66 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมปารุสกวัน 1 อาคาร บช.น. (กองบัญชาการตำรวจนครบาล)

โดยในเอกสารดังกล่าวได้ระบุระเบียบวาระการประชุมที่ 2 เป็นการรับทราบสถานการณ์การข่าวและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์และภัยคุกคาม (บช.ส.1) (กองบัญชาการตำรวจสันติบาล) รวมไปถึงขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมาย กรณีมีผู้ต้องหาตามหมายจำคุกเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยเครื่องบินโดยสาร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิ

ในระเบียบวาระการประชุมที่ 3 เป็นเรื่องพิจารณา ประกอบด้วย 3.1 การพิจารณากำหนดเส้นทางการเดินทาง (บก.จร.) (กองบังคับการตำรวจจราจร) รวม 6 เส้นทาง ได้แก่ 3.1.1 เส้นทาง (หลัก และรอง) จากสนามบินสุวรรณภูมิ มายังศาลฎีกา (สนามหลวง), 3.1.2 เส้นทาง (หลัก และรอง) ในการเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มายังศาลฎีกา (สนามหลวง), 3.1.3 เส้นทาง (หลัก และรอง) ในการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ มายัง บช.ปส. (กองบัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด) (สถานที่ควบคุมพิเศษ), 3.1.4 เส้นทาง (หลัก และรอง) ในการเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มายัง บช.ปส. (สถานที่ควบคุมพิเศษ), 3.1.5 เส้นทาง (หลัก และรอง) จาก บช.ปส. มายังศาลฎีกา (สนามหลวง) และ 3.1.6 เส้นทาง (หลัก และรอง) จากศาลฎีกา (สนามหลวง) มายังเรือนจำพิเศษ กทม.

ในหัวข้อ 3.2 เป็นการพิจารณาแนวทางการวางกำลังรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร (พื้นที่ที่เกี่ยวข้อง) แบ่งเป็น 3.2.1 เส้นทางการเดินทาง ตามข้อ 3.1.1-3.1.6 และ 3.2.2 การบริหารจัดการพื้นที่ และการวางกำลังรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ในแต่ละสถานที่ (สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินดอนเมือง, บช.ปส. และ ศาลฎีกา)

ส่วนหัวข้อ 3.3 เป็นการพิจารณาแนวทางการจัดรูปแบบขบวนรถในการรักษาความปลอดภัย (บก.จร. และ บก.สปพ. (กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191))

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ บช.น.พบว่า ไม่มีผู้ใดยอมรับ หรือปฏิเสธเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญของ บช.น. ที่ระบุในระเบียบวาระที่ 2 ถึงขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมาย กรณีมีผู้ต้องหาตามหมายจำคุกเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยเครื่องบินโดยสาร สอดคล้องกับคำประกาศของ 'นายทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า จะกลับประเทศไทยภายในเดือน ก.ค. 66


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top