Saturday, 24 May 2025
NEWS

‘ดร.หิมาลัย-สส.สัญญา’ รับมอบข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนนครสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย-ขาดแคลนอาหาร ตามโครงการ ‘ใจถึงใจ’

(24 ก.ย. 66) ‘มูลนิธิพระราหู’ โดย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหูพร้อมด้วย นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ เขต 3 รวมทั้ง พ.อ.วาทิน เปริญกุล ที่ปรึกษามูลนิธิฯ และ คุณพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมคณะ ‘ชมรม FC สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน’ ได้ร่วมรับมอบข้าวสาร จำนวน 10 ตัน ที่สนับสนุนจัดซื้อจากวิสาหกิจชุมชน ตำบลหนองกระเจา อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการ ‘ใจถึงใจ’

โดยมี นายณัฐวุฒิ อรุโนธา ปลัดอาวุโส อำเภอชุมแสง พร้อมด้วย นายสุพัฒน์ กันสุข นายกอบต.หนองกระเจา นางสรัญชณา กันสุข กำนันตำบหนองกระเจา นายทศพร เชาว์วิเศษ เกษตรตำบลหนองกระเจา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ แพทย์ฯ สารวัตร ตำบลหนองกระเจา และสมาชิกกลุ่มสิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรม IT อินทรีย์บ้านเนินตะโก ม.11 ตำบลหนองกระเจา อ.ชุมแสง ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมพิธีส่งมอบข้าวสารครั้งนี้

จากนั้น ดร.หิมาลัย และนายสัญญา นิลสุพรรณ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวิสาหกิจชุมชน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อรับมอบข้าวสารจากการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จำนวนอีก 10 ตัน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการใจถึงใจ

โดยมี นายสำรวย พระโพธิ์ นายก อบต.เกยไชย นางกัลย์ชพร รอดบำรุง สจ. นครสวรรค์ นายชัยยันต์ กองอรรถ ปลัด อบต.เกยไชย คุณสำอางค์ เปี่ยมส้ม ผู้ใหญ่ ม.7 เกยไชย นายมานพ เกตุศรีเนียม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นายนพดล มั่นศักดิ์ ผู้จัดการมูลนิธิการจัดการความรู้และเครือข่ายโรงเรียนชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมพิธีส่งมอบข้าวสารดังกล่าว

ดร.หิมาลัย กล่าวว่า สำหรับการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนครั้งนี้ โดย มูลนิธิพระราหู ร่วมกับ ชมรม FC สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน โดย สส.สัญญา นิลสุพรรณ ได้ร่วมลงพื้นที่มารับมอบในการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมของมูลนิธิพระราหู ซึ่งเป็นดำริของท่าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯ ได้มีแนวคิดจากการจัดกิจกรรมของมูลนิธิพระราหู ในการซื้อข้าวสารต่างๆ ไปแจกให้กับประชาชน และชาวบ้านที่มีความขาดแคลนและต้องการ แทนที่เราจะไปซื้อจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าต่างๆ ซึ่งเขาสามารถดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว เราจึงมีแนวคิดหันมารับซื้อจากวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกรชาวนาให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายข้าวสาร รวมทั้งเพื่อใช้ในการแจกจ่ายถุงยังชีพ ช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยต่างๆ ตามโครงการใจถึงใจ

ดร.หิมาลัย กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ได้รับความรู้มากมาย พร้อมรับรู้ปัญหาต่างๆจากการที่ชาวบ้านได้มาร้องเรียน เนื่องจากพื้นที่ตำบลนี้ขาดแคลนน้ำเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องต่อสู้กับ ดิน ฟ้า อากาศ ผมขอยกย่องกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเกษตรกรชาวนาทุกท่าน ที่ยังช่วยรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลานได้ พร้อมกับดำเนินตามรอยพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านให้ไว้กับพวกเราทุกคน ให้รักษาแผ่นดินนี้ไว้เป็น อู่ข้าว อู่น้ำ ซึ่งวันนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา หลายประเทศที่ร่ำรวยเศรษฐกิจใหญ่โตมหาศาล ยังเอาตัวรอดไม่ได้ แต่ประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็น อู่ข้าว อู่น้ำ เรารักษาแผ่นดินนี้ไว้เพื่อทำเกษตรกรรม เราสามารถเอาตัวรอดได้

“ผมรู้สึกปลาบปลื้มที่เกษตรกรชาวนาและผู้นำชุมชน ที่มีความกล้าหาญ ถึงแม้จะเจออุปสรรค ปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ขาดแคลนน้ำ ฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล แต่ก็ยังช่วยกันรักษาแผ่นดินนี้ไว้ ให้ลูกหลานได้ ผมมีความรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งครับ” ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู  กล่าว

‘พ่อแม่’ พา ‘สแตนดี้ลูกชาย’ สวมชุดครุย ร่วมพิธีจบการศึกษา แม้หัวใจแตกสลาย แต่ขอสานฝันเพื่อคนบนฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 22 ก.ย.จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘มานพ ชัยนาม’ ได้โพสต์รูปภาพคู่กับสแตนดี้ของลูกชายในชุดครุยปริญญามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย พร้อมระบุว่า…

“ใบปริญญาลูกพ่อ รักและคิดถึงที่สุดเจ้าคนเก่งของพ่อ #คนบนฟ้า”

โดยมีกลุ่มญาติ และเพื่อนๆ มาร่วมถ่ายรูปและแสดงความยินดีเพื่อเป็นความทรงจำจำนวนมาก ภายหลังทราบว่าลูกชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ล้ม เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 65 ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปส่งกำลังใจและแชร์ออกไปจำนวนมาก

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 65 ปีที่ผ่านมา เจ้าของเฟซบุ๊ก ยังได้โพสต์รูปภาพพิธีฌาปนกิจ และอาลัยการจากไปของลูกชาย โดยระบุว่า…

“ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะลูก พ่อกับแม่หัวใจสลายเมื่อรู้ว่าลูกจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ได้ข่าวร้าย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย

น้ำตาไหล รินรุด สุดจะฝืน
กราบวิงวอน เทพไท้ให้ลูกคืน
แม้ดึกดื่น เพียงใด หลับไม่ลง
ลูกกลับมา เพียงร่าง ไร้ชีวิต
เหมือนดวงจิต พ่อแม่แยก แตกเป็นผง
ความใฝ่ฝัน นั้นหมาย สลายลง
แม้ฝึกปลง ใจล่วงหน้า เจียนบ้าตาย

ลูกเอ๋ยลูกพ่อ หัวใจของพ่อแม่นี้แตกสลายเหลือเกิน อยากให้ลูกกลับ มาเร็วไวแต่ปฏิหาริย์ไม่มีจริง ทำไมลูกต้องรีบจากพ่อกับแม่ไป ทำไมลูก ทำไม พ่ออยากให้ลูกรับรู้ไว้ว่าพ่อกับแม่รักลูกที่สุดของหัวใจนะ ลูกรักและคิดถึงที่สุดลูกบ่าวพ่อ”

ทั้งนี้ พ่อแม่ของน้องเล่าว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุ 1 วัน ลูกชายได้มาบอกว่า ตัวเองเรียนจบและเตรียมรับปริญญาแล้วนะ สามารถทำความฝันให้พ่อกับแม่ได้สำเร็จแล้ว หากได้ทำงานแล้วจะเอาเงินเดือนให้พ่อกับแม่หมดเลย ก่อนจะขอออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

ต่อมาทางมหาวิทยาลัยได้ส่งใบสำเร็จการศึกษามาให้ พ่อและแม่ของน้องจึงอยากสานฝันให้ลูกเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจสั่งทำสแตนดี้รูปลูกชายใส่ชุดครุย ก่อนนำไปมหาวิทยาลัยให้ทุกคนมาร่วมถ่ายรูปกันเป็นครั้งสุดท้าย

เชียงราย "จับอีกแล้ว" ทหารทัพเจ้าตาก ปะทะกลุ่มขบวนการยึดไอซ์ 225 กิโลกรัม ชายแดนแม่สาย"

ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงปลายปีงบประมาณ 2566 แต่หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2566 เวลา 09.45 นาฬิกา พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พันเอก ณฑี  ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ได้ลงพื้นที่เข้าทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ จากกรณีที่เมื่อเวลา 00.30 นาฬิกา ที่ผ่านมา กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ได้จัดกำลังเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนบริเวณพื้นที่ บ้านป่าแดง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 7 คน แบกเป้สัมภาระเข้ามายังพื้นที่เฝ้าตรวจ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธไม่ทราบชนิด ยิงใส่ฝ่ายเรา จึงได้เกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ผลการปะทะ ฝ่ายเราปลอดภัย จึงได้ประสานเพื่อขอกำลังเพิ่มเติม จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ เพื่อเข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ จนกระทั่งเมื่อเวลา 06.00 นาฬิกา จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ผลการตรวจสอบพบสามารถยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 9 เป้ๆ ละ 25 กิโลกรัม น้ำหนักรวมประมาณ 225 กิโลกรัม  

ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่ากลุ่มขบวนการได้ลักลอบลำเลียงข้ามแม่น้ำรวก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่แบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากตรวจสอบของกลางเสร็จแล้ว หน่วยได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้สถานีตำรวจภูธรเกาะช้าง เพื่อดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

ชลบุรี-นักวิ่งไทย-เทศ ร่วมแข่ง LOMA RUN ON THE BEACH 2023 คึกคัก 

เวลา 04.45 น. วันที่ 24 ก.ย.66 นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมและมอบรางวัลในการแข่งขันเดิน-วิ่ง การกุศล "LOMA RUN ON THE BEACH 2023" โดยมี พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ สารวัตรจราจร สภ.เมืองพัทยา นางสาวไพรชิตร เจตะภัย เจ้าของลิขสิทธิ์ LOMA RUN ON THE BEACH ทีมงานมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย ร่วมเป็นเกียรติในการปล่อยตัวนักกีฬา ณ ชายหาดจอมเทียน บริเวณลานดงตาล (ใกล้ สภ.เมืองพัทยา สาขาโค้งดงตาล)

สำหรับกิจกรรม เดิน-วิ่ง การกุศล "LOMA RUN ON THE BEACH 2023" จัดโดยความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยา และมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ณ ชายหาดจอมเทียน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวในรูปแบบของเมืองกีฬา (Sport City) ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่เมืองพัทยาและนักท่องเที่ยว มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคเอกชน ในการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ รวมทั้งสนับสนุนงานการกุศลเพื่อเด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนงานช่วยเหลือเด็กของมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย และสนับสนุนงานสังคมสงเคราะห์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ของ โรงพยาบาลเมืองพัทยา

โดยแบ่งการแข่งขัน ออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะ 21 กิโลเมตร (Haft Marathon), ระยะ 10 กิโลเมตร (Mini Marathon) และระยะ 5 กิโลเมตร (Fun Run) ซึ่งในปีนี้พบว่า มีนักวิ่งทั้งชาวไทยและต่างชาติ จำนวนกว่า 1,800 คน เข้าร่วมการแข่งขันในประเภทต่างๆ อย่างคึกคัก นอกจากจะเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่สร้างสีสันและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับเมืองพัทยา ได้อีกทางหนึ่งด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

‘เมืองโบราณศรีเทพ’ แน่น!! นทท.ปักหลักตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด แห่ชมความยิ่งใหญ่อลังการสมเป็น ‘มรดกโลก’ ทางวัฒนธรรม

(23 ก.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ และเขาคลังนอก แหล่งโบราณคดีสำคัญของเมืองโบราณศรีเทพมรดกโลก อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีนักท่องเที่ยว รวมทั้งประชาชนชาวเพชรบูรณ์พาครอบครัว แห่ไปเที่ยวชมและสัมผัสกับโบราณสถานที่มีอารยธรรมเก่าแก่กว่า 1,000 ปี กันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะรถรางนักท่องเที่ยวถึงกับต่อแถวรอคิวใช้บริการยาว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างงัดมือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปเซลฟี่คู่โบราณสถาน เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสที่ทางยูเนสโกประกาศให้เมืองศรีเทพเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

นายวีระวัฒน์ วัฒนวงศ์พฤกษ์ นายอำเภอศรีเทพ กล่าวว่า เมื่อเช้านี้หลังจากได้รับรายงานว่านักท่องเที่ยวพากันแห่มาเที่ยวชมโบราณสถานที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพหนาแน่น โดยเฉพาะมีรถนักท่องเที่ยวถึงกับไปจอดรอบริเวณทางเข้าก่อนเวลา 08.00 น. หรือก่อนอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพจะเปิดให้เข้าชม จึงเดินทางไปดูบรรยากาศดังกล่าว พบนักท่องเที่ยวมากันค่อนข้างหนาแน่น

“ในขณะที่ทางอุทยานเปิดให้เข้าชมฟรี โดยนักท่องเที่ยวดูให้ความสนใจเรื่องราวของเมืองโบราณศรีเทพมาก โดยเฉพาะโบราณสถานหลักๆ อาทิ ปรางค์ศรีเทพ, ปรางค์สองพี่น้อง, เขาคลังใน และรูปปั้นคนแคระที่บริเวณส่วนฐาน ซึ่งสังเกตว่านักท่องเที่ยวจะพากันถ่ายรูปเซลฟี่กันถ้วนหน้า”

นายวีระวัฒน์กล่าวว่า ส่วนที่เขาคลังนอกมีท่องเที่ยวหนาตาเช่นเดียวกัน โดยบรรยากาศไม่แตกต่างมากนัก แต่นักท่องเที่ยวยังไม่มากเท่าภายในอุทยานฯ ศรีเทพ อย่างไรก็ตามคาดว่าช่วงบ่ายนักท่องเที่ยวน่าจะเข้าไปชมเขาคลังนอกกันมากขึ้น

ในขณะที่นักท่องเที่ยวสาวจาก กทม.รายหนึ่ง กล่าวว่า เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงวางโปรแกรมพาครอบครัวมาเที่ยวที่ จ.เพชรบูรณ์ โดยเฉพาะตั้งใจมาชื่นชมเมืองโบราณศรีเทพมรดกโลก โดยเข้าชมโบราณสถานของเมืองศรีเทพ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพก่อน จากนั้นจะเดินทางไปชมเขาคลังนอก แล้วค่อยเดินทางไปที่เขาค้อและพักค้างคืน

“ยอมรับว่าโบราณสถานเมืองศรีเทพน่าตื่นตาตื่นใจและยิ่งใหญ่สมกับเป็นมรดกโลกมาก ในฐานะคนไทย ภาคภูมิใจที่ประเทศเรามีแหล่งโบราณคดีที่มีอารยธรรมเก่าแก่กว่า 1,000 ปี โดยเฉพาะได้รับการยอมรับจากสังคมโลกอีกด้วย” นักท่องเที่ยวรายนี้กล่าว

‘อย.’ เตือน!! พบ ‘ขนมโรลออน’ ลักลอบนำเข้า ขายใกล้รร.-โลกออนไลน์ ชี้ ‘ไม่มีฉลากภาษาไทย-ส่วนประกอบ-เลขอย.’ อย่าซื้อ เสี่ยงมีสารอันตราย

(23 ก.ย.66) เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ขณะนี้พบขนมบรรจุในขวดมีหัวเป็นลูกกลิ้งคล้ายโรลออนซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ลักลอบนำเข้า วางจำหน่ายใกล้โรงเรียน หรือจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์

โดยมีจุดสังเกตคือ ไม่มีฉลากภาษาไทยและ ไม่มีเลข อย. ไม่ทราบสูตรส่วนประกอบหรือส่วนผสม ไม่มีผู้นำเข้า จึงขอเตือนว่าไม่ควรซื้อมารับประทาน เสี่ยงได้รับสารที่อาจเป็นอันตราย หรือใช้วัตถุกันเสีย สี วัตถุแต่งกลิ่นที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด หรือ มีสารปนเปื้อนจากการผลิต และภาชนะบรรจุที่ไม่ได้มาตรฐาน

เภสัชกรเลิศชาย ย้ำว่า ขนมที่ได้รับอนุญาต ต้องมีฉลากภาษาไทย แสดงเลข อย. ส่วนประกอบหรือส่วนผสม ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ผลิต และควรบริโภคก่อน หรือหมดอายุ น้ำหนักหรือปริมาตรสุทธิ และข้อมูลการแต่งกลิ่น และวัตถุเจือปนอาหาร เช่น สี วัตถุกันเสีย และสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

สำหรับขนมรูปแบบโรลออนนี้ วางขายโดยไม่ขออนุญาตนำเข้า ทั้งผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายจะมีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท และเมื่อตรวจวิเคราะห์แล้วพบใช้วัตถุเจือปนอาหารไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และกรณีพบว่าภาชนะที่ใช้บรรจุอาหารไม่มีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้หากผู้บริโภคสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย หรือมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: [email protected] หรือตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004

‘กรมควบคุมโรค’ เผย พัทยา-บางละมุง มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อ ‘Mpox’ พุ่ง พบส่วนใหญ่เป็นชายรักชาย เตือน!! ให้งดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า

(23 ก.ย.66) โดยมีรายงานจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังในปัจจุบัน พบว่า อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร หรือโรคฝีดาษลิง (Monkeypox หรือ Mpox) แล้วจำนวนหนึ่ง และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งยังพบว่ามีผู้เสียชีวิต

และผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายกลุ่มชายรักชาย ที่พักอาศัยในเขตเมืองพัทยา ซึ่งให้ประวัติสัมผัสโรคจากการมีเพศสัมพันธ์

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคขอให้ประชาชนเพศชายกลุ่มชายรักชายงดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า หรือเปลี่ยนคู่นอน หรืองดมีเพศสัมพันธ์ขณะที่ตนเองหรือคู่นอนมีไข้ หรือผื่น หรือตุ่มน้ำที่ปรากฏในร่างกาย เนื่องจากอาการเหล่านี้เป็นอาการในระยะแพร่โรค

อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดมีอาการสงสัยเป็นโรคฝีดาษวานร ให้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาพยาบาลได้ที่โรงพยาบาลบางละมุง หรือโรงพยาบาลเมืองพัทยา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยประชาชนสามารถติดตามรายละเอียดข้อแนะนำความรู้โรคฝีดาษวานรได้ตามลิงก์ https://ddc.moph.go.th/das/news.php?news=34402&deptcode=das 

‘บิ๊กวิน’ เป็นผู้แทนกองทัพเรือไทยเข้าร่วมการประชุม International Seapower Symposium (ISS) ครั้งที่ 25 ณ วิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐ ภายใต้แนวคิด ‘Security Through Partnership’

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนกองทัพเรือไทย เข้าร่วมการประชุม International Seapower Symposium (ISS) ครั้งที่ 25 ณ วิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐ นิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 19 - 22 ก.ย.66 

การประชุม ISS จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือตลอดจนผู้นำของหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเลจากประเทศต่างๆ ได้มีโอกาสพบปะหารือเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายที่จะยกระดับความมั่นคงทางทะเลและความร่วมมือในการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ในอนาคต

การประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากกองทัพเรือ และหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเลเข้าร่วมกว่า 100 ประเทศ รวมทั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูง และหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลของสหรัฐฯ โดยมีการหารือและอภิปรายในเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated : IUU fishing) , ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) , เทคโนโลยีไร้คนขับ (Unmaned Technology), การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) และ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย (Humanitarian Assistance and Disaster Relief :HA/DR) เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการหารือแบบทวิภาคีของผู้แทนประเทศต่างๆ ในการนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เข้าหารือแบบทวิภาคีกับ พล.ร.อ.ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ ในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือตามโครงการ Maritime Security Initiative (MSI) , การฝึก The Rim of the Pacific Exercise (RIMPAC) และการเสริมสร้างความร่วมมือต่างๆ ระหว่างกองทัพเรือไทย และ กองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งในภาพรวมผลการประชุมและการหารือประสบผลสำเร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ภายใต้บรรยากาศความเป็นมิตรไมตรีที่แนบแน่น บรรลุตามกรอบแนวคิดที่ว่า ‘Security Through Partnership’

การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของผู้บัญชาการทหารเรือในการแสดงถึงบทบาทของกองทัพเรือบนเวทีระหว่างประเทศ เพื่อสร้างพันธมิตรและความร่วมมือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตลอดจนการแก้ปัญหาที่เกิดจากภัยคุกคามร่วมกัน เพื่อสร้างความมั่นคงทางทะเล และความยั่งยืนในการแสวงหาและการใช้ประโยชน์จากทะเลต่อไปในอนาคต

กสทช. ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนแม่สอด

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 66 เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านป้องกันและปราบปราม, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช. สอท., นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกิจการภูมิภาค, นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม, นายภาณุพงษ์ ชัยศรีทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 31, พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สำนักงาน กสทช. และ สอท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมและเสาสัญญาณผิดกฎหมายตามแนวชายแดน อ.แม่สอด จว.ตาก ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีการลักลอบส่งสัญญาณโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอาชญากรรมด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในปัจจุบัน

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมมือกับ สำนักงาน กสทช. ในการเดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมาย และจัดระเบียบเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อสกัดไม่ให้มีการเผยแพร่สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาได้มีการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการย้ายฐานปฎิบัติการเข้าสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่ยังสามารถอาศัยสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยได้ และปลอดภัยจากการกวาดล้างจับกุม โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนด้าน อ.แม่สอด จว.ตาก ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและบางส่วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของชนกลุ่มน้อย ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการร่วมตำรวจและ กสทช. ได้มีการลงพื้นที่หาข่าวจนนำมาสู่การปฎิบัติการในครั้งนี้ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

​กรณีที่ 1 เข้าจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน ๒ สถานี และในพื้นที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย จำนวน 4 สถานี เป็นความผิดฐาน “มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” ตามมาตรา 6 และ 11 แห่ง พรบ.วิทยุคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ และความผิดฐาน “ประกอบกิจการโทรคมนาคมซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตแบบที่หนึ่งโดยไม่ได้อนุญาต” ตามมาตรา 67 (1) แห่งพรบ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท พร้อมทั้งจับกุมผู้กระทำผิด จำนวน 3 ราย ในการนี้ ได้ทำการรื้อถอนสถานีวิทยุคมนาคมผิดกฏหมายดังกล่าวทั้งหมด และทำการยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ใช้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

​กรณีที่ 2 พบการตั้งสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศ เพื่อนบ้าน ฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งทำให้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้ามเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้พื้นที่การให้บริการผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเกินกว่าอาณาเขตพื้นที่ประเทศไทย และล่วงล้ำไปยังอาณาเขตประเทศข้างเคียง โดยตรวจสอบพบสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เข้าลักษณะดังกล่าวจำนวนหลายสถานี ในกรณีนี้ สำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินการแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งหมด เร่งแก้ไขปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยให้ถอนการติดตั้งสายอากาศบางจุด หรือ ปรับทิศทางสายอากาศ หรือ ดำเนินการด้วยวิธีอื่นใด มิให้แพร่สัญญาณคลื่นความถี่ออกนอกเขตพื้นที่ประเทศไทย เพื่อให้พื้นที่การให้บริการ อยู่ภายในอาณาเขตพื้นที่ประเทศไทย ​นอกจากนี้ ตั้งแต่ พ.ค.66 - ปัจจุบัน ได้ตรวจพบการจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลงทะเบียนการใช้งานโดยใช้ชื่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ใช้งานที่แท้จริงเพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น จำนวน 7,668 ซิมการ์ด จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 20 คน แบ่งเป็นคนไทย 12 คน และต่างชาติ 8 คน ดำเนินคดีตาม  พรก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

​สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กสทช. ได้มีการบูรณาการความร่วมมือในการเดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฏหมาย ควบคู่ไปกับการจัดระเบียบเสาสัญณาณไม่ให้แพร่สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน กวดขันจับกุมผู้ขายและผู้เป็นธุระจัดหา ซิมผี บัญชีม้า เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ไม่ให้ทำงานได้สะดวกเหมือนเคย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการผู้รับใบอนุญาตเป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีการหารือในการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อตีกรอบการใช้เทคโนโลยีให้เป็นไปตามที่ภาครัฐกำหนด สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน

​ทั้งนี้ได้ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ให้มีความระมัดระวังการใช้การใช้งานเทคโนโลยี เพราะปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพมีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา มีการออกอุบายใหม่ๆ ที่เน้นสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เหยื่อตกใจตื่นตระหนก ตกหลุมพรางของแก๊งมิจฉาชีพ ขอให้ประชาชนตั้งสติ อย่าตกใจ ไม่เชื่อ ไม่โอน ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังพบว่า แก๊งมิจฉาชีพได้มีการจ่ายเงินซื้อโฆษณา เพื่อให้ลิงค์หรือเว็บไซด์ปลอมมาแสดงอยู่ในลำดับต้นๆ หรือสามารถเข้าถึงผู้ใช้แพลตฟอร์มเป็นจำนวนมาก มีการปลอมยอดติดตามหรือยอดไลท์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เมื่อประชาชนที่ถูกหลอกลวงออนไลน์ต้องการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ กดเข้าไปในลิงค์หรือเว็บไซต์ปลอม ถูกหลอกซ้ำซ้อนสร้างความเสียหายมากขึ้นไปอีก ดังนั้น หากเกิดข้อสงสัยหรือต้องการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ขอให้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

‘รถถัง’ เดินทางไปเยี่ยม ‘ซุปเปอร์เล็ก’ หลังเย็บเเผลที่หัว ไม่สนใจผลการเเข่งขัน แม้จะเป็นฝ่ายเสียท่าแพ้ศึกครั้งนี้

(23 ก.ย.66) บนสังเวียนใส่กันแทบตาย ชนิดเลือดอาบ แต่หลังจบเกมนี่คือมิตรภาพเเละสปิริตนักกีฬาของ ‘รถถัง’ เดินทางไปเยี่ยม ‘ซุปเปอร์เล็ก’ ที่ไปเย็บเเผลที่หัว ไม่สนใจผลการเเข่งขันทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายเเพ้ รวมถึงดรามาต่างๆ ที่ตามมา ซึ่ง ‘ซุปเปอร์เล็ก’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

ผมไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่า ขอโทษทีมงานทางด้านน้องรถถังกับเรื่องผมทำหนักไม่ได้ ต้องขอบคุณรถถังด้วยที่ยอมชกในไฟต์นี้ ซึ่งตัวน้องเองรู้ตัวว่าเสียเปรียบมาก ผมได้ทำหน้าที่ของตัวเองจบแล้ว ผมกับรถถังเต็มที่แล้ว ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ นอกจากกลับไปปรับปรุงและแก้ไขตัวเอง

SPL ขอบคุณน้องรักที่ฝากรอยแผลไว้ให้ซะเยอะเลย
ขอโทษจากใจครับ

นราธิวาส-ผบ.ฉก.นราธิวาส ส่งมอบบ้านตามโครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข'เสริมสร้างขวัญ และกำลังใจ เพิ่มพูนความสุขให้กับพี่น้องประชาชนผู้ยากไร้ในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ส่งมอบบ้าน ตามโครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข' ให้กับพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ อำเภอสุไหงปาดี และ พื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จำนวน 2 รายได้แก่ 1. นางมีเน๊าะ กายอหม๊ะ ณ บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 5 ตำบลสากอ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส และ 2. นางเจ๊ะโมง  แยนา ณ บ้านเลขที่ 52/5 หมู่ที่ 5 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทั้ง 2 ครอบครัว มีฐานะยากจน เป็นผู้ยากไร้ และมีความเดือดร้อนในเรื่องที่พักอาศัย ที่ผ่านมาให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ และหน่วยรัฐเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตสร้างขวัญและกำลังใจเพิ่มพูนความสุขให้กับประชาชนในพื้นที่ จึงได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ช่อมสร้าง ปันสุข  โดยมี ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อิหม่ามประจำตำบล หัวหน้าส่วนราชการ และพี่น้องประชาชน เข้าร่วมในพิธี

โดยจากสถานการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลกระทบในด้านความปลอดภัย และทำให้พี่น้องประชาชน ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ในการประกอบอาชีพ ขาดแคลนรายได้ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มีดำริให้ หน่วยเฉพาะกิจประจำจังหวัด ที่ได้รับงบประมาณ ตามแผนงานโครงการพิทักษ์ประชาชนและทรัพยากร โครงการประสานสัมพันธ์กับชุมชน ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้ความเดือดร้อนด้านที่พักอาศัย โดยการสร้างบ้านมอบให้กับประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส จึงจัดให้มีโครงการ "หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข" โดยให้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ ลงไปดำเนินการสร้างบ้านให้กับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนในด้านที่พักอาศัย และเสริมสร้างทัศนะติที่ดีของประชาชนในพื้นที่ ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งการคัดเลือก พี่น้องประชาชนที่มีฐานะยากจนนั้น จะคัดเลือกผ่านสภาประชาธิปไตยตำบล ซึ่งการดำเนินการ ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือ จากส่วนราชการ  ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ บริจาควัสดุก่อสร้าง แรงกาย และความคิดในการก่อสร้าง จนแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า โครงการ 'หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซ่อมสร้าง ปันสุข' จะบรรลุผลสำเร็จได้นั้น ล้วนเกิดจากความมือร่วมใจ จากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ส่วนราชการต่างๆ และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง ที่มีส่วนร่วมในการ ช่วยเหลือสังคม ดั้งนั้น เมื่อสังคมให้ความช่วยเหลือเราแล้ว เราควรตอบแทนช่วยเหลือสังคม และเป็นคนดีมุ่งสร้างประโยชน์ต่อไป

'ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์' เปิดใจ!! ต่อให้เวลาย้อนกลับ ก็ยังจะทุ่มเทให้กับงาน "อะไรที่ทำให้ชาวบ้านปลอดภัย หรือดีขึ้นได้ ยังทำเหมือนเดิม"

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.66) ทำเอาประชาชนเกิดความเป็นห่วงผู้ว่าฯ ปู เป็นจำนวนมาก จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 ที่ผ่านมา อดีตผู้ว่าฯ สมุทรสาคร นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ได้ออกมาเผยถึงอาการป่วยล่าสุดบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ตอนนี้อาการป่วยหลังรักษาโควิด-19 ของตนกำลังหนักขึ้นเรื่อยๆ หมอบอกว่าแค่ยาเอาไม่อยู่แล้วต้องผ่าตัดสมอง ท่ามกลางกำลังใจจากประชาชนจำนวนมาก โดยโพสต์เอาไว้ว่า

>> เป็นอะไรมากหรือเปล่า?

ขอบคุณทุกคน ที่กรุณาส่งความปรารถนาดี ความห่วงใย มาถึงผมในทุกครั้งที่มีโอกาส เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน มีเมนต์ในเพจหนึ่ง ระบุกว้างๆว่า เกษียณแล้วก็จริง แต่ผมกำลังทรมานกับโรคหลังโควิดอีก

>> เรื่องจริงเป็นไง?

ตอนนี้ผมยังมีอาการเกร็ง และสั่นกระตุกด้านขวา อาการเป็นมากในช่วงบ่าย จนถึงตอนนอน ช่วงเช้าถึงเที่ยง ยังพอทำอะไรได้บ้าง เริ่มมีอาการนี้ ในช่วงท้ายของการอยู่สมุทรสาคร มากขึ้นเรื่อยๆตอนมาอ่างทอง และเกษียณอายุ รักษามาทุกรูปแบบ และทุกวิธีการแต่ไม่ดีขึ้นเลย เกร็งหนักขึ้นเรื่อยๆ

ล่าสุดหมอที่ศิริราช บอกว่ายาเอาไม่อยู่แล้ว ต้องผ่าตัดสมองเพื่อฝังชิพ และมีอุปกรณ์คอยบังคับแทน ได้วันและห้องว่าง ที่จะทำการผ่าตัดได้ในช่วงก่อนสงกรานต์ ปี 2567 หรืออีก 6 เดือนข้างหน้า 

>> หากย้อนกลับได้ จะทุ่มเทให้กับการทำงานแบบที่ผ่านมาไหม เพราะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกร็ง และสั่นกระตุกในวันนี้?

ทำครับ อะไรที่ทำให้ชาวบ้านปลอดภัย หรือดีขึ้นได้ ผมจะยังทำเหมือนเดิม เพราะเราเป็นความหวังของชาวบ้าน หากเราไม่ทำแล้วใครจะทำ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การผ่าตัดสมองในกลางเดือนเมษายน คงดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เป็นกำลังใจให้ผมด้วย ขอบคุณครับ

โดยต่อมา ผู้ว่าฯวีระศักดิ์ ได้เผยในช่องคอมเมนต์อีกว่า "ขอบคุณกำลังใจจากทุกคนครับ บางคนถามว่าทำไม? กว่าจะผ่าตัดต้องเดือนเมษายนนานเกินไปไหม ผมก็อยากให้เร็วกว่านั้นแต่ห้องและเตียงไม่ว่างเลยครับ คิว MRI คือเมษายน ไม่มีเร็วกว่านี้ ทำแล้ว ผ่าเลยครับ ทุกรูปแบบ และทุกวิธีการรักษา ผมลองมาหมดแล้ว แผนไทย แผนจีน แผนพม่า แผนลาว แผนปัจจุบัน หมอพระ นั่งทางใน พลังจิต ยาผีบอก สมุนไพร ฯลฯ

โปรดอย่าเสนอวิธีใดอีกเลยครับ"

'รถถัง' พ่ายคะแนน 'ซุปเปอร์เล็ก' ศึกมวยไทยวันซูเปอร์ไฟต์ แฟนๆ ชื่นชมสมศักดิ์ศรีไฟต์ยิ่งใหญ่แห่งวงการมวยไทย

(23 ก.ย.66) ศึก ONE ลุมพินี 34 ปิดฉากด้วยความดุเดือดสมศักดิ์ศรีกับที่เป็นศึกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการมวยไทย สะกดสายตาแฟนกีฬาการต่อสู้ใน 190+ ประเทศทั่วโลก โดยทัพนักสู้ระดับ ‘คู่เอก’ ทั้ง 22 ชีวิต 11 คู่ ต่างปล่อยอาวุธเด็ดแบบเต็มอิ่มไม่ทำให้ต้องผิดหวัง เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา)

คู่เอกมวยหยุดโลก ‘รถถัง จิตรเมืองนนท์’ แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.) แสดงสปิริตยอมแบกน้ำหนักขึ้นเวทีหลังเพื่อนรัก ‘ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9’ แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต เกิดตกตาชั่งหมดสิทธิ์ชิงเข็มขัด จึงต้องงัดกันนอกรอบในกติกามวยไทย แคตช์เวต ซูเปอร์ไฟต์ 140 ป. แทน

เปิดฉากยกแรก ‘รถถัง’ ไม่รอช้างัดศอกเข้าเต็มหน้าผาก ‘ซุปเปอร์เล็ก’ เรียกแผลแตกได้อย่างเร็ว แต่แพทย์เห็นควรให้สู้ต่อได้ ยกสอง ‘ซุปเปอร์เล็ก’ เดินเข้าใส่ไม่ห่วงแผล ได้จังหวะสับศอก ‘รถถัง’ จนล้มลงไปกองคามุมเรียกนับแปด ยกสุดท้าย ทั้งสองฝ่ายไม่มีอะไรจะเสีย เดินแลกเดือดแทบไม่ได้หายใจ ครบสามยก ‘ซุปเปอร์เล็ก’ เอาชนะคะแนนเอกฉันท์ไปได้แบบถึงพริกถึงขิง สมเป็นไฟต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มวยไทยในรอบ 50 ปี

ด้านคู่รองของรายการ ‘คนไม่ยอมคน’ เสกสรร อ.ขวัญเมือง จอมเก๋าสายบู๊ หวนคืนสังเวียนครั้งแรกในฐานะนักกีฬา ONE เต็มตัว เปิดหน้าท่าแกร่ง ‘อาเมียร์ นาซิรี’ นักชกมากฝีมือ ตัวแทนมาเลเซีย/อิหร่าน ในกติกามวยไทย พิกัดแคตช์เวต 140 ป.

เริ่มยกแรก ทั้งสองแลกอาวุธครบเครื่องแต่ยังไม่มีฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ ยกต่อมา ‘เสกสรร’ เครื่องเริ่มร้อน เดินเข้าทำอย่างหนักหน่วง เล่นเอา ‘อาเมียร์’ ถอยเป็นพัลวัน ยกสุดท้าย ‘เสกสรร’ ยังคงเดินลุยตามเสียงเชียร์ ไล่โกยแต้มเป็นกอบเป็นกำ ครบสามยก ‘เสกสรร’ ได้รับการชูมือด้วยคะแนนเอกฉันท์ เพิ่มสถิติไร้พ่ายไฟต์ที่ 6 ติดต่อกันใน ONE ลุมพินี

ส่วน ‘เสือคิม สจ.โต้งปราจีน” แก้มือสำเร็จด้วยการจัดน็อกคู่ชกจากอิหร่าน “ ซามาน อาสซูริ” ในนาทีที่ 2:15 ของยกแรก ซิวดับเบิลโบนัสไป 700,000 บาท ขณะที่ ‘เมืองไทย พีเค.แสนชัยฯ’ ย้ำชัย ‘ยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ’ ในศึกภาค 3 ด้วยคะแนนเอกฉันท์ไปแบบดุเดือด ทำให้ได้ควงคู่กันรับโบนัสกลับบ้านไปคนละ 350,000 บาท ขณะที่ ‘พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัยฯ’ เปิดตัวสวยในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ชนะคะแนนเอกฉันท์ ‘อัคราม ฮามิดี’

#แจกไม่อั้นสมศักดิ์ศรีบิ๊กไฟต์ยอดรวมโบนัส 2.1 ลบ.

งานนี้บิ๊กบอส ‘ชาตรี ศิษย์ยอดธง’ เปิดกระเป๋าแจกโบนัสให้แบบถึงใจสมเป็นบิ๊กไฟต์ที่ทุกคนเฝ้ารอคอย โดยมีนักกีฬา 4 ราย สร้างผลงานโดดเด่นน่าประทับใจรับเงินกลับบ้านไปคนละ 3.5 แสนบาท (สามแสนห้าหมื่นบาท) ขณะที่ ‘เสือคิม’ ผลงานเด่นฟันดับเบิลโบนัสรับคนเดียว 7 แสนบาท (เจ็ดแสนบาท) รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 2.1 ล้านบาท (สองล้านหนึ่งแสนบาท)

1.ทรงชัยน้อย เกียรติทรงฤทธิ์ (สามแสนห้าหมื่นบาท)
2.เสือคิม สจ.โต้งปราจีน (เจ็ดแสนบาท)
3.มิเกล ตรินดาเด (สามแสนห้าหมื่นบาท)
4.เมืองไทย พีเค.แสนชัยฯ (สามแสนห้าหมื่นบาท)
5.ยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ (สามแสนห้าหมื่นบาท)

สรุปผลการแข่งขันทุกคู่ศึก ONE ลุมพินี 34

- คู่เอก ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 ชนะคะแนนเอกฉันท์ รถถัง จิตรเมืองนนท์ (มวยไทย แคตช์เวต ซูเปอร์ไฟต์ 140 ป.)
- คู่รอง เสกสรร อ.ขวัญเมือง ชนะคะแนนเอกฉันท์ อาเมียร์ นาซิรี (มวยไทย แคตช์เวต 140 ป.)
- เมืองไทย พีเค.แสนชัยฯ ชนะคะแนนเอกฉันท์ ยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ (มวยไทย แคตช์เวต 138 ป.)
- กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย ชนะทีเคโอ ไทสัน แฮร์ริสัน นาทีที่ 3:00 ของยกแรก (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135 – 145 ป.)
- พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัยฯ ชนะคะแนนเอกฉันท์ อัคราม ฮามิดี (คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต 115 – 125 ป.)
- มิเกล ตรินดาเด ชนะน็อก สิบหมื่น โค้ชนาย นาทีที่ 2:14 ของยกแรก (มวยไทย แคตช์เวต 147 ป.)

‘อีลอน มัสก์’ ทวีตตอบ ‘เศรษฐา’ ชี้ เป็นเกียรติที่ได้พบ พร้อมบอก “อนาคตประเทศไทยน่าตื่นเต้นสุดๆ”

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.66) ตามเวลาประเทศไทย ภายหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พบกับ นายอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้งสเปซเอ็กซ์ และซีอีโอของบริษัทเทสลา และผู้บริหารของ Tesla SpaceX และ Starlink ผ่านระบบการประชุมทางไกล

ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะได้เขียนข้อความถึงนายมัสก์ ผ่านแพลตฟอร์ม x หรือทวิตเตอร์ ใจความว่า

“ได้เจอกับ @elonmusk และทีม ระหว่างที่ผมเดินทางมาร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ที่นครนิวยอร์ก พวกเรามีบทสนทนาที่ดีมากๆ เกี่ยวกับ @Tesla @spaceX และเทคโนโลยีของ @starlink

ประทับใจกับความก้าวหน้าที่กลุ่มได้สร้างขึ้นเพื่อมนุษยชาติ และพวกเราก็ได้แชร์มุมมองเกี่ยวกับอนาคตสำหรับโลกที่สะอาดขึ้น พวกเรายังมองหาโอกาสที่จะได้พูดคุยกันเพิ่มเติม และหวังที่จะได้รับแรงบันดาลใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับความสำเร็จของ #EV และ #SpaceExploration ที่ก้าวหน้า แน่นอนว่าไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่รวมไปถึงประชาคมโลกด้วย”

จากนั้น นายอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้ตอบกลับข้อความดังกล่าวของนายเศรษฐา ผ่านแอ็กเคานต์ x ส่วนตัว โดยระบุว่า “เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบ ประเทศไทยมีอนาคตที่น่าตื่นเต้นมาก!”

‘CADT DPU’ เปิดสูตรใหม่ สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรั้วกองบิน ติวเข้ม!! หลักสูตรสอบแอร์-สจ๊วตเชิงลึก ปูทางสู่อาชีพในฝัน

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย. 66) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ น.ต.ดร.วัฒนา มานนท์ คณบดีวิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADT : College of Aviation Development and Training ) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บุคลากรทั้ง 2 อุตสาหกรรมขาดแคลนจำนวนมาก จากผลสำรวจของ IATA พบว่าปัจจุบันสายการบินทั่วโลกมีจำนวนผู้โดยสารกลับมาใช้บริการ จำนวน 4,500 ล้านคนต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด -19 ในปี 2562 ที่มีจำนวน 4,540 ล้านคน ส่วนรายได้ของภาคการบินฟื้นกลับมาประมาณ 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับประเทศไทยมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิมีทั้งหมด 826 เที่ยวบินต่อวัน ขณะที่สนามบินดอนเมืองมี 481 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าให้คนเดินทางท่องเที่ยวไทยจำนวน 30 ล้านคนต่อปี ขณะนี้ผ่านไป 8 เดือนมีผู้โดยสารเดินทางมาไทยแล้วจำนวน 17 ล้านคน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ น.ต.ดร.วัฒนา กล่าวว่า จากสถิติดังกล่าว CADT DPU ในฐานะสถาบันการศึกษา ที่มุ่งมั่น สร้างมืออาชีพด้านธุรกิจการบิน ได้เตรียมหลักสูตรผลิตบุคลากรเพื่อรองรับตลาดแรงงานด้านการบิน ด้วยการจัดหลักสูตรพิเศษ 2 หลักสูตร ดังนี้

หลักสูตรที่ 1 สำหรับกลุ่มเด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายรวมถึงนักศึกษาใหม่ เป็นหลักสูตรสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) ให้กับเด็ก โดยการจัดค่ายการบินร่วมกับ เพจเด็ก ม.ปลาย เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบินทั้ง 9 กิจกรรมของการบินพลเรือน ที่สำคัญจะได้รู้ว่าตนเองเหมาะกับอาชีพอะไรสังกัดอยู่ส่วนไหน นอกจากนี้ ยังมีการเตรียม MOU (Memorandum of Understanding) กับสมาคมสโมสรลูกเสืออากาศ เพื่อดึงกลุ่มเด็กนักเรียนที่อาศัยอยู่ใกล้สนามบินหรือกองบินทั่วประเทศ มาเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้เกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนด้านการบิน โดยเตรียมเปิดตัวครั้งแรกที่กองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลกในเร็วๆ นี้

คณบดี CADT DPU กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักสูตรที่ 2 เป็นกลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ถึง ชั้นปีที่ 4  รวมถึงผู้ที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วประมาณ 1-2 ปี ที่มีความฝันอยากก้าวเข้าสู่การเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ทางสถาบันการบิน (DAA) จึงเตรียมหลักสูตรติดปีกให้เป็นนางฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยหลักสูตร Cabin Crew Born to be by DAA โดยรายละเอียดในหลักสูตรนั้น วันแรก Grooming day จะมีการเทรนด์การแต่งกายทำผม และเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะกับโทนผิว

วันที่ 2 Personality day เทรนด์เรื่องบุคลิกภาพ การใช้สีหน้า และน้ำเสียงในการสนทนา รวมถึงเทคนิคการทำ Resume และการตอบคำถามให้โดนใจกรรมการ วันที่ 3 IATA Airline Customer Service เป็นการ Up Skill เพิ่มโอกาสให้ได้งานด้วย IATA Certificate ส่วนวันสุดท้าย Exclusive Interview Day จะสอนเทคนิคสอบสัมภาษณ์แบบกลุ่ม แบบเดี่ยว ทั้งเวอร์ชันภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยจะเริ่มเรียนทุกวันเสาร์จำนวน 4 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม ถึง 11 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมที่ โทร. 061-863-7991 E-mail: [email protected] Line : @daa_dpu หรือคลิก Link  https://lin.ee/hHrcpYa  แบบฟอร์มลงทะเบียน https://forms.gle/R8ZF3ccMzu69UjWp9

“ถือเป็นครั้งแรกของ DAA ที่เปิดโอกาสให้คนที่มีความฝันอยากเป็นแอร์-สจ๊วต เข้ามาเทรนด์ก่อนสอบกับผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์จากสายการบินต่าง ๆ ทุกคนที่เข้ามาอบรมจะได้รับความรู้เชิงลึกและเทคนิคการสัมภาษณ์งานที่ตรงใจกรรมการมากที่สุด ที่สำคัญหลังจากผ่านการอบรมสามารถสมัครสอบเพื่อรับ Certificate จาก IATA ได้อีกด้วย และสามารถนำไปแนบการสมัครงานเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนพิเศษที่ไม่ควรพลาด

ผู้ที่ผ่านการอบรมจะมีความเป็นตัวเองอย่างสง่างาม มีความมั่นใจในการพิชิตใจกรรมการมากขึ้น ทั้งนี้หากผู้เข้าอบรมสามารถนำไปปฏิบัติได้ตามที่อบรม จะผ่านการสอบสัมภาษณ์ได้อย่างไม่ยากแน่นอน นอกจากนี้ทาง DAA ยังมีความพร้อมในการเปิดหลักสูตรพิเศษที่หลากหลาย หากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ บริษัทวิทยุการบิน พนักงานอำนวยการบิน เป็นต้น เปิดรับสมัครงานในตำแหน่งเฉพาะทาง เราพร้อมที่จะผลิตนักศึกษาให้ตรงกับความต้องการของแต่ละหน่วยงานในอุตสาหกรรมการบิน” คณบดี CADT DPU กล่าวในตอนท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top