Friday, 25 April 2025
NEWS

สตม.รวบเวียดนาม ลอบขายกัญชา ยึดของกลางกว่า 300 กิโล

กก.2 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 7 คน ดังนี้
1. MR.ANH VU (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี

2. MR.MANH DUNG (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี

3. MR.TIEN DUY (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี       

4. MR.LAM NHAT (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี

5. MRS.THI LINH (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี      

6. MR.MINH HIEU (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี

7. MR.THANH HUNG (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี

พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ได้ จำนวน 300.25 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 10,000 บาท รวมมูลค่า 3,002,500 บาท, เครื่องชั่งดิจิทัล จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องนับธนบัตร จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องซีลบรรจุภัณฑ์ จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องซีลสุญญากาศ จำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักในซอยลาดพร้าว 107 แยก 26 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 03.15 น. กก.2 บก.สส.สตม.ได้รับการประสานจาก กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่าได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก MS.NGUYEN อายุ 27 สัญชาติเวียดนาม โดยการพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์มือถือของตนแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 ว่าไม่ประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยการเดินทางในครั้งนี้ ตนได้เดินทางมาจากประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้สอบถาม MS.NGUYEN แจ้งว่าได้รับการชักชวนจากเพื่อนหญิงชาวเวียดนามใน Facebook ชื่อ sam ทราบภายหลังว่าชื่อ MS.LUONG ได้ชักชวนให้ไปเที่ยวที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ภายหลังจึงทราบว่าเป็นการหลอกลวงให้ไปทำงานเกี่ยวกับพนันออนไลน์ มีหน้าที่แปลภาษาเวียดนามเป็นภาษาอังกฤษ ในการเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน เป็นคนสัญชาติเวียดนาม จำนวน 5 คน ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และคนสัญชาติจีน จำนวน 2 คน ได้แก่ MR.PENG (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี และ MR.JUNJIAN (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี โดยคนจีนทั้ง 2 คนนั้น เป็นคนจัดการเรื่องการจองตั๋วเครื่องบินจากเวียดนามไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ต่อมา MS.NGUYEN แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าขณะที่ตนพร้อมเพื่อนชาวเวียดนามทั้งหมด อยู่ที่กรุงมะนิลา MR.JUNJIAN ได้ยึดหนังสือเดินทางของพวกตนไว้ จะให้พวกตนถือหนังสือเดินทางต่อเมื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่เท่านั้น ต่อมาตนและเพื่อนชาวเวียดนาม ทราบจากการพูดคุยว่าคนจีนทั้งสองคน จะนำพวกตนไปส่งขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ไปส่งที่ อ.แม่สอด จว.ตาก เพื่อข้ามฝั่งไปยังประเทศเมียนมา เมื่อทราบดังนั้นจึงตัดสินใจพิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือจากหน้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าตรวจสอบพบว่า MR.MANH DUNG ได้รับการตรวจอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว และยังไม่ทราบถึงความปลอดภัยดีหรือไม่เนื่องจาก MR.MANH DUNG ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานที่ ประเทศฟิลิปปินส์ เช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบพบว่าเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 03.10 น. รถแท็กซี่สีเขียว ได้ไปส่ง MR.MANH DUNG ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยลาดพร้าว 107 แยก 26 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านสองชั้น เนื้อที่ประมาณ 100 ตรว. มีรั้วรอบขอบชิด กก.2 บก.สส.สตม. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาลอาญา ผลการตรวจค้นพบ MR.ANH VU แสดงตนเป็นผู้ครอบครองบ้าน และภายในบ้านยังพบ MR.MANH DUNG ที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ MR.TIEN DUY, MR.LAM NHAT, MRS.THI LINH, MR.MINH HIEU, MR.THANH HUNG และพบช่อดอกกัญชา ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ จำนวน 300.25 กิโลกรัม พร้อมของกลางอีก 4 รายการ จึงได้ประสานไปยัง เจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบช่อกัญชาดังกล่าว โดย MR.ANH VU ได้นำใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้ามาแสดง เจ้าหน้าที่ฯ ได้ตรวจสอบใบอนุญาตดังกล่าวพบว่าเป็นใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า โดยผู้รับใบอนุญาต ได้แก่บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ซึ่งใบอนุญาตฯ ดังกล่าวมีเลขที่ตั้งไม่ตรงกับบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมทั้ง 7 คน ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

"จากการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนไม่เคยพูด หรือมีคำพูดในลักษณะตำหนิทางการไทย จึงควรหยุดการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว"

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศชี้แจ้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า การเยือนไทยของผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนเป็นการประสานงานในกรอบความร่วมมือของหน่วยงานความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศไม่ใช่ผู้ประสานงานหลักของการเยือนดังกล่าว จึงไม่ทราบรายละเอียด และสำหรับกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อความว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนตำหนิทางการไทยนั้น จากการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีน ไม่เคยพูด หรือมีคำพูดในลักษณะดังกล่าว จึงควรหยุดการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเองได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือในเวทีระหว่างประเทศในทุกระดับมาโดยตลอด และพร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงการประสานงานกับทุกหน่วยงานเพื่อร่วมกันจัดการกับปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง

'หมอเบียร์' รพ.แม่สอด จี้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหา 'ศูนย์ผู้อพยพ' หลังเบียดบังเวลาดูแลคนไข้ ลั่น! คนไทยชายแดนเสียสละมากพอแล้ว

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) แพทย์หญิงณัฐกานต์ ชื่นชม อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลแม่สอด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nuttagarn Chuenchom ระบุว่า ผู้บริหารบอกว่าให้หมอเบียร์รับตรวจเคสวัณโรคกับเอชไอวีในศูนย์อพยพ เพราะ รพช. ไม่สามารถดูแลได้ จะให้รถโรงพยาบาลไปรับคนไข้เอามาให้ตรวจที่แม่สอด ..โดยไม่ดูภาระงานที่ทำอยู่ตอนนี้เลย

ไม่ผิดคาดนะ ที่จะเป็นแบบนี้ เบียร์คิดมาหลายวันแล้ว .. ให้เวลาอีกครึ่งวัน ถ้าผู้บริหารยังไม่เปลี่ยนแนวคิด จะไปเขียนใบลาออกราชการวันนี้แหละ อายุราชการ 20 ปีก็อุทิศตนมามากพอละ ไม่มีวินาทีไหนเลยที่ไม่ทำเพื่อผู้อื่น

บอกอยู่ตลอดว่าศูนย์อพยพเป็นเรื่องของประเทศไทย ไม่ใช่สาธารณสุขท้องถิ่น คนไทยชายแดนเสียประโยชน์มาเยอะแล้ว ได้รับบริการช้า เสียเวลารอนาน ยังต้องแบ่งหมอของพวกเขาไปให้คนอื่นอีกหรอ ส่วนกลางโน่นต้องมาจัดการ

ไม่ทนอีกต่อไป.. ลาก่อนละค่ะ

หมอเบียร์ ยังโพสต์เพิ่มเติมว่า เรื่องของการจัดการค่ายผู้อพยพไม่ใช่เรื่องของสาธารณสุขท้องถิ่น มันเป็นเรื่องระดับชาติ เป็นเรื่องการจัดการของรัฐบาล การแก้ไขกฎหมาย การผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศเดิม

ความเห็นของเบียร์คือต้องจัดบุคลากรอีกชุดหนึ่งเพื่อมาดูแลค่ายอพยพ ในช่วงเร่งด่วน แนะนำให้เขาหางบประมาณมาจ้างหมอเมียนมากลุ่มเดิมที่เคยดูแลอยู่แล้วระหว่างรองบประมาณใหม่ แต่เค้าไม่ทำแบบนั้น เค้ามาแบ่งหมอจากโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลทั่วไปไปออกตรวจ จำนวนผู้ลี้ภัยทั้งหมดเท่ากับประชากรหนึ่งอำเภอเลย

ในระยะยาวต้องพูดคุยเรื่องการแก้กฎหมายผู้ลี้ภัยให้ถูกต้อง และมีการผลักดันกลับประเทศเดิม

คนไทยชายแดนเสียสละมามากพอแล้ว ทุกวันนี้บุคลากรก็ไม่พอ คนไข้ก็ต้องรอนาน รอทุกอย่างทั้งรอหมอและรอคิวในการตรวจ บางคนเป็นมะเร็งก็ต้องรอการวินิจฉัยและการรักษา แล้วจะมาให้เค้าเสียสละเพิ่มโดยการแบ่งหมอของพวกเขาไปให้คนอื่นอีกหรอคะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าได้มีผู้เข้าไปให้กำลัง และแสดงความเห็นใจหมอเบียร์เป็นจำนวนมาก พร้อมกับเห็นด้วยกับการเรียกร้องแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจาเป็นปัญหาระดับประเทศ ไม่ใช่ให้หมอมาแบกรับภาระเองทั้งหมด ไม่งั้นเราก็จะต้องรับภาระตรงนี้ไปเรื่อย ๆ แบบเตี้ยอุ้มค่อม

ศค.จชต.เสริมสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการศึกษา “ส่งเสริมการศึกษานอกระบบแบบร่วมมือและบูรณาการในจังหวัดชายแดนภาคใต้”

(4 ก.พ. 68) ศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการศึกษา ภายใต้ โครงการ “ส่งเสริมการศึกษานอกระบบแบบร่วมมือและบูรณาการในจังหวัดชายแดนภาคใต้” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ใหม่นาโต๊ะขุน ตำบลแป-ระ อำเภอท่าเเพ จังหวัดสตูล และสถาบันศึกษาปอเนาะอุมมุลฮาซานาต ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล โดยมี นายนิกร เซ้งเถียร ผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พร้อมทั้งบรรยายพิเศษ “สร้างเครือข่ายในการบูรณาการและการสร้างความร่วมมือในการบริหารจัดการเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยมีผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้และสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดสตูลได้ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ได้มีการนำเสนอผลการดำเนินงานฯ โดยผู้บริหารศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ใหม่นาโต๊ะขุน และกิจกรรมสัมมนาแนวทางการสร้างเครือข่าย การนำหลักฮูกุมปากัต (ธรรมนูญหมู่บ้าน) บูรณาการในการบริหารและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าว ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางขับเคลื่อนเครือข่ายการจัดการศึกษานอกระบบใน จชต. และเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้บริเวณสถาบันศึกษาปอเนาะ อุมมุลฮาซานาต ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล จำนวน 4 ฐาน ได้แก่ 

ฐานที่ 1  มุมการเรียนรู้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ฐานที่ 2  มุมการศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงปอเนาะเรา
ฐานที่ 3  Pondok ของฉันฮาฟีเซาะห์
ฐานที่ 4  มุมการศูนย์การเรียนรู้อาชีพสร้างรายได้ของฉัน

โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้บริหารและผู้สอนในสถานศึกษานอกระบบในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และจังหวัดสงขลา 4 อำเภอ (อำเภอเทพา จะนะ นาทวี และสะบ้าย้อย) จำนวน 100 คน จากสำนักงานส่งเสริมการเรียนเรียนรู้และสำนักงานการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาการศึกษาของสถาบันศึกษาปอเนาะและศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้แนวทางการสร้างความเข้าใจการจัดการศึกษาและการดูแลผู้เรียนของสถาบันศึกษาปอเนาะและศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา และให้เยาวชน ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ดำรงชีวิตถูกต้องตามหลักศาสนา มีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ร่วมสร้างสังคมสันติสุขต่อไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เหตุลอบวางระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.ศรีสาคร

(4 ก.พ. 68) เวลาประมาณ 09.00 น. ได้เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ทะเบียน กฉ-4006 ยะลา ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถของ สภ.ศรีสาคร บ้านซากอ ตำบลศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของ จ.ส.ต.ซุลกิฟลี เจ๊ะมามะ อายุ 32 ปี โดยเมื่อคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 จ.ส.ต.ซุลกิฟลีฯ ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดไว้ในที่จอดรถของบ้านพักส่วนตัวของตนเอง แล้วเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ซึ่งมีผู้พักอาศัย คือ จ.ส.ต.ซุลกิฟลีฯ ภรรยา และลูกอีก 2 คน รวม 4 คน ช่วงเช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ จ.ส.ต.ซุลกิฟลีฯได้ขับรถไปส่งลูกโรงเรียน และส่งภรรยาไปทำงานที่โรงพยาบาล จากนั้นนำรถมาจอดไว้หน้า สภ.ศรีสาคร โชคดีที่ระเบิดทำงานขณะที่ไม่มีใครอยู่ภายในรถ คาดว่าผู้ก่อเหตุนำระเบิดมาซุกไว้บริเวณท้ายรถหลังบังโคลนระหว่างซุ้มล้อ เบื้องต้น สภ.ศรีสาคร ได้กั้นบริเวณที่เกิดเหตุ และประสานเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด เพื่อทำการตรวจพิสูจน์ พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านของ จ.ส.ต.ซุลกิฟลีฯ และบริเวณเส้นทางที่สามารถเข้าออกบ้าน จ.ส.ต.ซุบกิฟลีฯ ต่อไป

ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อทราบเหตุได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุในทันที โดยเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.30 น. พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์เหตุลอบวางระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.ศรีสาคร ภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลพื้นที่ให้มากขึ้น และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส บุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โทร.1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

‘วีระศักดิ์ โควสุรัตน์’ ซัดคนบางกลุ่มไร้จิตสำนึก เผาป่า อช.ดอยสอยมาลัยฯ หวังเพียงได้หญ้าใหม่ไว้เลี้ยงวัว

(3 ก.พ. 68) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ เปิดเผยถึงสถานการณ์ไฟป่าในเขตพื้นที่ภาคเหนือของไทย ว่า ขณะนี้ อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย-ไม้กลายเป็นหิน มีไฟป่ามากที่สุดในประเทศแล้ว เนื่องจากมีการจุดเผา ร่วมสิบกองในเวลาใกล้ ๆ กัน

ถึงแม้ว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ จะสนธิกำลังกัน 75 นาย แต่หน้าผาสูงชันมาก เป็นอุปสรรคที่จะเข้าไปถึงจุดที่ไฟไม้ได้อย่างยากลำบาก

นายวีระศักดิ์ ระบุว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั้น ได้รับแจ้งข่าวว่ามาจากการเผาป่าเอาหญ้าใหม่ในหน้าฝน เพื่อนำไปเลี้ยงวัว ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้จิตสำนึก เพราะส่งผลให้ฝุ่นพิษกระจายไปทั่ว เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย แพร่ น่าน รวมถึงจังหวัดในภาคเหนือและอีกหลายจังหวัดในภาคกลาง และขอประณามการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าวที่เลี้ยงวัวบนปอดคน โดยไม่สนใจผลกระทบต่าง ๆ ที่จะตามมา

อินเตอร์ลิงค์ จัดงานขอบคุณผู้ประกอบการหน้าร้าน พาพักผ่อนริมทะเลชายหาดจอมเทียนสุดหรู พร้อมเดินหน้าสานต่อความเชื่อมั่นให้เหนียวแน่นและยั่งยืน

(3 ก.พ. 68) "INTERLINK THANK YOU VIP 2025" ส่งมอบความสุข แทนคำขอบคุณให้ผู้ประกอบการหน้าร้าน ด้วยการพักผ่อนริมทะเลชายหาดจอมเทียนสุดหรู สานต่อความเชื่อมั่นให้เหนียวแน่น ก้าวพาธุรกิจสู่การเติบโต อย่างต่อเนื่อง และยั่งยืนร่วมกัน

กระชับความสัมพันธ์ คืนกำไรด้วยความสุข บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงาน "INTERLINK THANK YOU VIP 2025" ให้คู่ค้าผู้ประกอบการหน้าร้าน มอบประสบการณ์พักผ่อนให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ ร่วมเติมเต็มเก็บเป็นความทรงจำสุดพิเศษ ท่ามกลางธรรมชาติริมทะเลสุดหรู ในบรรยากาศสุดชิล ชมวิวริมทะเลแบบพาโนรามา เพื่อตอบแทนความไว้วางใจ และขอบคุณลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ให้การสนับสนุน และร่วมเดินทางมาทั้งปีด้วยดีเสมอมา ตั้งใจมอบความสุขเหนือระดับที่เต็มไปด้วยความประทับใจ และความสุขแบบไม่รู้ลืม ณ Ocean Marina Hotel Pattaya เมื่อวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา

ภายในงาน เริ่มต้นด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทีมงานอินเตอร์ลิ้งค์ฯ โดยได้ต้อนรับด้วยเครื่องดื่มแสนสดชื่น เพื่อเตรียมความพร้อมให้ทุกท่านได้ไปดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งการพักผ่อนอย่างเต็มที่ สัมผัสกลิ่นอายบรรยากาศสุดหรูของชายหาดจอมเทียน ท่ามกลางทิวทัศน์เวิ้งน้ำที่งดงาม มองเห็นท่าเรือยอร์ชที่จอดเทียบท่าเรียงรายอย่างตระการตา อีกทั้งทุกท่านยังจะได้ดื่มด่ำกับ Exclusive Dinner สุดพิเศษแห่งค่ำคืน ในธีมแคมป์ปิ้ง พร้อมแต่งกายสบาย ๆ สไตล์ชิล ๆ ริมทะเล ภายใต้บรรยากาศที่ผ่อนคลาย และเป็นกันเอง 

นำโดย นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ได้ขึ้นกล่าวขอบคุณลูกค้า และพันธมิตรทุกท่าน พร้อมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทาง และนวัตกรรมโซลูชันล้ำสมัยแห่งปี 2025 นอกจากนี้ ยังมีการอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัลที่พร้อมรองรับการพัฒนาระบบโครงข่ายพื้นฐานในปีนี้ ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก LINK AMERICAN & 19" GERMANY EXPORT RACK อีกทั้ง ยังเผยข่าวดีเกี่ยวกับความก้าวหน้าของบริษัทฯ ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ LINK AMERICAN CABLING ให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน และยังได้นำโซลูชันมาจัดแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญอย่างทรางประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมกับสินค้า และอุปกรณ์มากด้วยคุณภาพอย่างครบวงจรให้ลูกค้าทุกท่านได้เห็นที่งานนี้อีกด้วย ไฮไลต์สำคัญของงาน มีโซนกิจกรรมร่วมทำของที่ระลึกสุดพิเศษ เทียนหอม ที่อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ได้จัดเตรียมไว้ให้แขกคนสำคัญโดยเฉพาะ เพื่อบันทึกเป็นความทรงจำอันแสนอบอุ่นร่วมกัน 

งานนี้ ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากคู่ค้าหน้าร้านกว่า 120 ท่าน ที่มาร่วมสังสรรค์ และแบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าคนสำคัญนั้น อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ได้เนรมิต จัดสรรค์ประสบการณ์พักผ่อนอย่างมีระดับ ทุกท่านจะได้ลิ้มรสอาหารระดับพรีเมียม ดื่มด่ำกับอาหารเลิศรสที่คัดสรรมาอย่างดี ชมวิวริมทะเลแบบพาโนรามา 360 องศา พร้อมมองเห็นพระอาทิตย์อัสดงที่สะท้อนประกายระยิบระยับบนผืนน้ำ ภายใต้สายลมเย็นที่พัดผ่านให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และในค่ำคืน ทุกท่านยังได้มองเห็นท้องฟ้าที่ เคียงคู่กับพระจันทร์เต็ม โอบล้อมด้วยดวงดาวพร่างพราว พร้อมเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีอันครื้นเครงที่ได้มาร่วมสร้างสีสันให้ตลอดทั้งค่ำคืน เป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่เต็มอิ่มไปด้วยความสนุกสนาน และความประทับใจ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมมากมาย เพื่อให้ทุกท่านได้ร่วมสนุก เพื่อลุ้นรับแจกของรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เตรียมไว้เซอร์ไพรส์แทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าคนสำคัญตลอดทั้งงาน พร้อมกันนี้ยังมีการแสดงมายากลสุดตื่นตาตื่นใจจากนักแสดงมืออาชีพ ที่มาร่วมสร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะตลอดทั้งคืน

เช้าวันถัดมา ลูกค้าคนสำคัญได้ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เพื่อเสริมสิริมงคล และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข บรรยากาศของพิธีเป็นไปอย่างสงบ อบอวลด้วยความอบอุ่น และความปรารถนาดีต่อกัน นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ช่วยเติมเต็มความทรงจำดี ๆ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอินเตอร์ลิ้งค์ และลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

งาน INTERLINK THANK YOU VIP 2025 ไม่เพียงเป็นการตอบแทนคำขอบคุณ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ และแสดงความซาบซึ้งต่อการสนับสนุนที่ดีจากลูกค้า และพันธมิตร อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จึงขอขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ และพร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างประสบการณ์พิเศษ พร้อมนำนวัตกรรมที่ดีที่สุดมาตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้า เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

TCL ยกทัพสินค้า โชว์ความยิ่งใหญ่ในงาน CES 2025: ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา เผยโฉมนวัตกรรมจอแสดงผล – เปิดตัว AI สุดล้ำในผลิตภัณฑ์ใหม่

TCL Electronics แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคชั้นนำและแบรนด์ผู้ผลิตทีวีอันดับ 2 ของโลก ยกทัพสินค้าบุกงาน CES 2025 ณ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา เผยโฉมนวัตกรรมใหม่ เทคโนโลยีจอแสดงผลหลากหลายประเภท เปิดตัว AI สุดล้ำในผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมระบบนิเวศบ้านอัจฉริยะแบบครบวงจร สะท้อนความมุ่งมั่นการมอบไลฟ์สไตล์ที่ชาญฉลาด สร้างสุขภาวะที่ดี และสร้างแรงบันดาลใจสู่ความยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก

บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) ประกาศแต่งตั้ง นายแกรี่ จ้าว ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ในช่วงต้นปี 2025 ทั้งนี้ นายแกรี่ ถือเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศของ TCL Thailand การันตีด้วยยอดขายที่เติบโตเป็นอย่างมากในปี 2024 ที่ผ่านมา

นายแกรี่ จ้าว กล่าวว่า “ในปีนี้ TCL มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และ AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน และเป็นฟังก์ชันที่ช่วยปกป้องผู้บริโภคจากสภาวะแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนไป อาทิ เครื่องปรับอากาศที่มีนวัตกรรมฟอกกลิ่น ลดฝุ่น ลดการใช้พลังงาน

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการออกแบบและเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากความมุ่งมั่นในการยกระดับเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ซึ่ง TCL ได้นำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปจัดแสดง ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์จริงในงาน CES 2025 ณ เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Consumer Technology Association (CTA)”

ทั้งนี้ TCL ประกาศศักดาความเลิศทางเทคโนโลยี ด้านนวัตกรรมจอแสดงผล และ โซลูชันสมาร์ทโฮม โดยมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ได้แก่ สมาร์ทโฟน TCL 50 PRO NXTPAPER 5G ซึ่งได้รับรางวัลนวัตกรรม CES 2025 อันทรงเกียรติในประเภทอุปกรณ์พกพา อุปกรณ์เสริม และ แอป พร้อมด้วย 6 รางวัลจากงาน Global Top Brands Awards Ceremony (GTB) ประจำปี 2024-2025 โดย International Data Group (IDG) ซึ่งจัดโดย Asia Digital Group และ Europe Digital Group ร่วมกับ TWICE โดยได้รับการสนับสนุนจาก IDC ถือเป็นรางวัลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีสินค้าที่ได้รับรางวัลตั้งแต่ ทีวีและเครื่องปรับอากาศ ไปจนถึงเครื่องซักผ้า TCL Premium QD-Mini LED TV X11K ได้รับรางวัล "Mini LED Display Technology Innovation Award" จากรายละเอียดภาพ ความคมชัด และความลึกที่ไม่มีใครเทียบได้  , เครื่องปรับอากาศรุ่น FreshIN ได้รับรางวัล "Smart Fresh Air Technology Innovation Award", เครื่องซักผ้าฝาหน้ารุ่น Super Drum ของ TCL ได้รับรางวัล "Clean Technology Innovation Gold Award" 

นอกจากนี้ TCL ยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน "10 แบรนด์ยอดนิยมแห่งยุโรป 2024-2025" และ "10 แบรนด์ทีวีระดับโลก 2024-2025" ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำและมีอิทธิพลในอุตสาหกรรม ขณะที่ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เช่น สมาร์ทล็อค แว่น AR RayNeo และ เราเตอร์เคลื่อนที่ ยังได้รับรางวัล "Best of CES 2025" จากสื่อต่างประเทศหลายรางวัล, รางวัล “CES Picks Award” ประจำปี 2025 ในประเภท TechRadar Pro ในผลิตภัณฑ์ TCL LINKPORT IK511 ซึ่งเป็นดองเกิล 5G RedCap ของ TCL พร้อมด้วย TCL 50 PRO NXTPAPER 5G และ ท้ายสุดกับรางวัล “Circana Consumer Electronics Performance” Award ประจำปี 2025 สำหรับส่วนแบ่งการตลาดทีวีที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในอเมริกาเหนือ

>> ปฏิวัติเทคโนโลยีจอแสดงผล 
TCL ผู้นำด้านนวัตกรรมจอแสดงผล โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง TCL X11K QD-Mini LED TV ที่มาพร้อมนิยามความบันเทิงภายในบ้านรูปแบบใหม่ ด้วยโซนหรี่แสงเฉพาะจุดกว่า 14,000 โซน ซึ่งให้ความคมชัดและความแม่นยำในการแสดงภาพ ยกระดับด้วยเทคโนโลยี All-domain Halo Control ให้ประสบการณ์การรับชมเสมือนจริง 

พร้อมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Bang & Olufsen แบรนด์เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ เพื่อนำเสนอโซลูชันเสียงเฉพาะตัวให้แก่ผู้ใช้งาน รวมถึง TCL A300 Series TV ดีไซน์บางเฉียบและสไตล์โดดเด่น พร้อมประสบการณ์เสียงระดับพรีเมียม 

ภายในงานยังมีการจัดแสดง TV QD-Mini LED ขนาด 115 นิ้ว รุ่น QM891G ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมด้วย Q85 Soundbar คู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับทีวีขนาดใหญ่พร้อมประสิทธิภาพเสียงที่สมจริง และ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกม R83 Professional Monitor Series ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การรับชมภาพที่มีความแม่นยำสูงระดับพิกเซล

>> เทคโนโลยี NXTPAPER 4.0 และผลิตภัณฑ์อื่นๆ
นอกจากนี้ TCL ยังได้นำเสนอ NXTPAPER 4.0 เทคโนโลยีจอแสดงผลกระดาษอิเล็กทรอนิกส์สี ซึ่งได้รับรางวัลด้านการออกแบบ ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานหน้าจอในระยะยาว โดยเปิดตัวใน TCL NXTPAPER 11 Plus Tablet และ มีแผนขยายไปยังสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ 

อีกหนึ่งไฮไลท์ คือ แว่นตาอัจฉริยะ RayNeo X3 Pro ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AR ด้วยพลังการประมวลผลในตัว ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ภายนอก และมาในรูปแบบของดีไซน์ที่กะทัดรัด และ PLAYCUBE Projector โปรเจกเตอร์พกพาที่มาพร้อมสไตล์และความอเนกประสงค์ ยิ่งไปกว่านั้น TCL ยังจัดแสดงนวัตกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ด้วยโซลูชันห้องนักบินและการขับขี่อัจฉริยะ

>> ผู้บุกเบิกคุณสมบัติ AI และการเชื่อมต่ออัจฉริยะ 
ภายในงาน CES 2025 ยังได้เปิดตัว TCL Ai Me หุ่นยนต์ AI โมดูลาร์รุ่นแรกของโลก มาตรฐานทรงแคปซูลที่สามารถถอดประกอบได้ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ผสมผสานให้เข้ากับการใช้ชีวิตอัจฉริยะได้อย่างลงตัว ยกระดับชีวิตประจำวันด้วยการโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ มอบประสบการณ์ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคลได้ 

อีกหนึ่งไฮไลท์ คือ ทีวีรุ่นเรือธงต่างๆ ของ TCL ที่ผนวกโมเดล Gemini ของ Google และมีแผนเปิดตัว Google TV รุ่นใหม่ที่มีความสามารถของ Gemini ในปี 2025 โดยมุ่งปฏิวัติความบันเทิงภายในบ้านที่สามารถโต้ตอบได้อย่างสมจริงมากขึ้น

ด้านการเชื่อมต่อเครื่องเราเตอร์ TCL LINKHUB HH516 5G AI CPE ที่มาพร้อมความเสถียรของเครือข่ายอัจฉริยะด้วยปริมาณข้อมูลที่สูงขึ้น ความหน่วงต่ำลง และใช้พลังงานน้อยลง และยังจัดแสดง Smart Lock D1 Series รวมถึง D1 Pro ที่มาพร้อมการจดจำเส้นเลือดในฝ่ามือด้วย AI รุ่นใหม่ และ D1 Ultra กลอนประตูอัจฉริยะ 4-in-1 รุ่นแรกของโลกที่รวมกุญแจอัจฉริยะ กล้องรักษาความปลอดภัย กริ่งประตูวิดีโอ และ จอแสดงผลนวัตกรรมขนาด 3.5 นิ้วเข้าไว้ด้วยกัน

>> เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนและการออกแบบ
ภายในบูธของ TCL ได้นำเสนอความมุ่งมั่นในการออกแบบที่ตระหนักถึงผู้ใช้งานและนวัตกรรมด้วยบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ มีสไตล์ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยไฮไลท์เป็นรีโมทคอนโทรลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำจากใบชารีไซเคิลและเฟอร์นิเจอร์กระดาษแข็ง เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ต่อแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนของ TCL ในการใช้ชีวิตอัจฉริยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ TCL ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมพร้อมโซลูชันบ้านอัจฉริยะและยั่งยืนอีกด้วย

เครื่องปรับอากาศ TCL FreshIN 3.0 นิยามใหม่ของเครื่องปรับอากาศที่ส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและความสะดวกสบาย โดยมีช่องรับอากาศบริสุทธิ์แบบยกได้ ทำหน้าที่นำอากาศจากภายนอกเข้ามา กำจัดกลิ่น เพิ่มระดับออกซิเจนภายในห้อง และยังใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน สามารถปรับความถี่ในการทำงานได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งสามารถสั่งการควบคุมด้วยเสียงอัจฉริยะยังช่วยให้ใช้งานแบบแฮนด์ฟรีได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ตู้เย็น TCL FREE BUILT-IN ที่มีดีไซน์บางเฉียบ ประหยัดพื้นที่และใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยถนอมอาหารได้ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับชุดเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า P680 ที่ออกแบบมาให้สามารถวางซ้อนได้สำหรับพื้นที่จำกัด มาพร้อมเทคโนโลยีป้องกันรอยยับและมีรอบการทำงานอัจฉริยะเพื่อการดูแลเสื้อผ้าที่ดีที่สุด

หัวใจสำคัญในความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมของ TCL คือ ระบบจัดการพลังงานบ้านอัจฉริยะ (Smart Home Energy Management Solution - HEMS) ที่ผสานแผงโซลาร์เซลล์ การกักเก็บพลังงาน และฮีตปั๊มเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

>> ความเป็นเลิศด้านการร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก 
ด้วยการเป็นพันธมิตรกับทรัพย์สินทางปัญญาด้านกีฬาและความบันเทิงชั้นนำทั่วโลก ได้แสดงพลังแห่งนวัตกรรมให้กับคนรุ่นใหม่ในงาน CES 2025 TCL ได้ร่วมมือกับ NFL ลีกกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในอเมริกาเหนือ โดยมี Mr. Charles Woodson สมาชิก NFL Hall of Fame ร่วมพบปะกับแฟนๆ ที่งานเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง TCL กับผู้ชม

การมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดของ TCL กับชุมชนท้องถิ่นและพันธมิตรระดับโลกได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากผลงานในปี 2024 จากการที่ TCL ครองอันดับ 2ของโลกในด้านการจัดส่งทีวีและในอเมริกาเหนือในด้านปริมาณการขายปลีกทีวีในช่วงสามไตรมาสแรกของปี

สำหรับ TCL Electronics (1070.HK) ถือเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคชั้นนำที่เติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมทีวีระดับโลก ก่อตั้งในปี 2524 ปัจจุบัน TCL ดำเนินงานในตลาดมากกว่า 160 แห่งทั่วโลก บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค ตั้งแต่ทีวี เครื่องเสียงไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอัจฉริยะ อุปกรณ์เคลื่อนที่ แว่นตาอัจฉริย

‘ดร.สุชัชวีร์’ ยกความมหัศจรรย์ AI พลิกโลกของ DeepSeek ชี้ เป็นความมุ่งมั่นของ "คนจีน" ที่ไม่ยอมแพ้ต่อทุกข้อจำกัด

(3 ก.พ. 68) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกสภามหาวิทยาลัย CMKL มหาวิทยาลัย AI แห่งแรกของไทย  โพสต์เฟซบุ๊กว่า  "DeepSeek AI กระบี่อยู่ที่ใจ" ทำไม AI จีนถึงเก่งได้ แล้วไทยจะอยู่อย่างไร

"ความมหัศจรรย์" และ "ความน่าสงสัย" ของ "แฟลตฟอร์ม AI" สะท้านโลก "DeepSeek" จากแดนมังกร คืออะไร ผมมีคำตอบ พยายามอธิบายเรื่อง "ยากมาก" แบบง่ายๆครับ

การพัฒนา AI  ระดับสูง จำเป็นต้องใช้ปัจจัย 3 ด้าน และทำไม "DeepSeek" ถึง "มหัศจรรย์" ปนความ "น่าสงสัย"

1. "พลังการคำนวน" จาก "ฮาร์ดแวร์" เครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ AI  ซึ่ง "Nvidia" คือ ผู้นำในการผลิต "GPU" หรือ หน่วยประมวลผลข้อมูล ยิ่งมี GPU เยอะ ก็ยิ่งมี "ประสิทธิภาพ" หรือ "ความเร็ว" ในการคำนวนมากยิ่งขึ้นตาม

มักใช้หน่วย "ความเร็ว PetaFLOPS (PFLOPS)" ซึ่งเป็นหน่วยวัดประสิทธิภาพของการคำนวณ โดย 1 PFLOPS = 1,000 ล้านล้าน (10¹⁵) เลขทศนิยมต่อวินาที

ปัจจุบัน "อีลอน มัสก์" กำลังจะติดตั้งซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ของบริษัท xAI ที่รัฐเทนเนสซี โดยซื้อ GPU รุ่นล่าสุด "ทันสมัยสุด" B200 จาก Nvidia ของ "เจนเซ่น หวง"  ถึง 200,000 ชุด มากที่สุดในโลก โดยมีความเร็วในการคำนวน หลายแสน PetaFLOPS คือ "โคตรเร็ว"

แต่ "DeepSeek" ใช้ "ฮาร์ดแวร์" GPU รุ่นเก่า H800 ของ Nvidia เพียง 2,000 ชุด แถมยัง "ถูกลดสเปค" เพราะโดนกีดกันจากรัฐบาลสหรัฐ ความเร็วน้อยกว่าเครื่องของ "อีลอน มัสก์" เป็นร้อยๆเท่า

นี่จึงเป็น "ความมหัศจรรย์เรื่องแรก"  ที่ "ค่าย AI จีน" ใช้ทรัพยากรน้อยกว่านับร้อยเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับ "ค่าย AI อเมริกัน"

2. "โมเดล" หรือ "ซอฟต์แวร์" ที่ใช้เป็นชุดคำสั่งการคำนวน AI มีความสำคัญมาก เพราะยิ่งมีอัลกอริทึมที่มี "ตัวแปร" เยอะก็ครอบคลุมการคำนวณข้อมูลที่ "ละเอียด" ได้มากกว่า

โมเดลที่นิยมสำหรับการคำนวณ Generative AI ที่เราใช้กันอยู่หรือที่เรียกกันว่า LLM (Large Language Model) หรือ GPT (Generative Pre-trained Transformer) คือ โมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่มาก ที่ได้รับการฝึกฝนบนข้อมูลข้อความจำนวนมหาศาล เพื่อตอบสนองข้อความ ได้อย่างซับซ้อนและเป็นธรรมชาติ

"DeepSeek" เป็น LLM ที่มีตัวแปรมากถึง "685,000 ล้าน!" ตัวแปร ซึ่งมากกว่าตัวแปรของ LLM Opensource ตัวอื่น แต่ที่แตกต่างคือ DeepSeek เป็นโมเดลรุ่นแรกที่ฝึกด้วย 8-bit floating point (FP8) ที่ช่วยลดปริมาณการใช้ GPU แต่ยังสามารถมีตัวแปรจำนวนมาก ในขณะที่โมเดลก่อนหน้านี้ใช้ FP16 ซึ่งทำให้ต้องใช้ GPU ที่มีหน่วยความจำสูงกว่า DeepSeek กว่า 2 เท่า

นี่คือ "ความมหัศจรรย์เรื่องที่สอง" ที่ทำให้ "DeepSeek" มีประสิทธิภาพสูงในต้นทุนที่ต่ำกว่าค่ายอื่น 

3. "ข้อมูลขนาดมหึมา" หรือ Big Data ให้อัลกอรึทึม AI ได้ "เรียนรู้" เพื่อสร้างความฉลาดล้ำเมื่อถูกใช้งาน ซึ่งการได้มาของข้อมูลขนาดมหึมานี้ เป็นความ "น่าสงสัย" ในตัว "DeepSeek" และ แพลตฟอร์ม AI แทบทุกสำนัก เพราะแหล่งข้อมูลมีทั้งจากข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลเฉพาะ ข้อมูลบุคคคล ข้อมูลธุรกิจ ข้อมูลมีลิขสิทธิ์ และข้อมูลที่ AI   สร้างเอง ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพการคำนวนทั้งสิ้น

นี่คือ "ความมหัศจรรย์เรื่องที่สาม" ว่า "DeepSeek" ได้ข้อมูลขนาดมหึมานี้ ในเวลาสั้นๆ จากแหล่งใด 

ดังนั้น "การไขความลับ" แห่งความสำเร็จของ "DeepSeek" จึงยังคงเป็นปริศนา และยังมีเรื่อง "งบประมาณ" ที่ใช้ซึ่งน้อยมากจนเหลือเชื่อ 

กระนั้นต้อง "ยอมรับ" ชื่นชมในความสามารถและความมุ่งมั่นของ "คนจีน" ที่ไม่ยอมแพ้ต่อข้อจำกัด #จะทำก็ทำได้ แล้ว "คนไทย" เราจะศิโรราบต่อ "ชะตา" เชียวหรือ ทิ้งท้ายไว้ให้คิดนะครับ

มจธ. บางมด จัดงานใหญ่ มหกรรมหุ่นยนต์ที่สุดแห่งปี ฉลอง 30 ปี FIBO ชวนสัมผัสเทคโนโลยีงานเดียว ครบ จบทุกเรื่องหุ่นยนต์และ AI

(3 ก.พ. 68) ผศ. ดร.สุภชัย วงศ์บุณย์ยง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปีแห่งการก่อตั้งมหาวิทยาลัยฯ และครบรอบ 30 ปีแห่งการก่อตั้งสถาบันฯ ทางมหาวิทยาลัยฯ จึงได้จัดงานใหญ่ด้านหุ่นยนต์ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยและผู้ที่สนใจ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ สุดล้ำกับโลกแห่งหุ่นยนต์และ AI ที่มางานเดียว ได้ครบทุกมิติ

โดยภายในงาน จะมีไฮไลต์สำคัญ อาทิ การแสดงผลงานที่ผสานเทคโนโลยีหุ่นยนต์และ AI - สัมผัสเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนแปลงอนาคต, นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต - แนวคิดหุ่นยนต์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน, การประชุมวิชาการระดับนานาชาติ - ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญ, เปิดตัวโครงการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย - โครงการที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของธุรกิจ และการแสดงเทคโนโลยีสุดล้ำจากบริษัทชั้นนำ - อัปเดตเทรนด์ล่าสุดจากผู้นำในวงการ

นอกจากนี้ ยังมีโซนพิเศษ โรโบติกส์ ไทยแทร่ - สนุกกับนิทรรศการรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟที่จะนำเสนอเทคโนโลยีผ่านความเชื่อและวิถีแบบไทย ๆ , คลินิกให้คำปรึกษา - แนะนำบริการ การศึกษาต่อ และกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย

โดยจัดเต็มตลอด 3 วัน! ระหว่างวันที่ 6 - 8 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น.
ณ อาคาร ฟีโบ้ (N9) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ. บางมด) มาร่วมเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ พร้อมชมผลงานที่สร้างสรรค์โดยนักพัฒนาไทยและพันธมิตรระดับโลก
★ รายละเอียดกิจกรรม 👉 https://fiboevent.com/fibo30th 
★ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานและสำรองที่นั่ง 👉 https://fiboevent.com/register 


 

 

ปมกล่าวหาส่งกลุ่มต้านกลับไปถูกฆ่า ยันมีเสรีภาพนับถือศาสนา พร้อมย้ำชัด การรื้ออัลกุรอาน-ภาษาอาหรับ ไม่เป็นจริง

สถานทูตจีน สวนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โกหกใส่ร้ายจีนรื้ออัลกุรอาน-ฆ่ากลุ่มต้านลั่นพลเมืองมีเสรีภาพนับถือศาสนา กล่าวหารื้ออัลกุรอาน-ภาษาอาหรับ ไม่จริง

เมื่อวันที่ (1 ก.พ. 68) เพจ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese embassy in Bangkok) ได้โพสต์ถึงกรณีกรรมการสิทธิมนุษยชนไทย ได้มีการพาดพิงถึงประเทศจีน มีเนื้อหาดังนี้

คำกล่าวของโฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย

ตามรายงานของสื่อไทยเมื่อวันที่ 29 มกราคม มีกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ได้มีคำกล่าวอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาในซินเจียงของจีน และการส่งผู้ที่เข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมายกลับประเทศจีน สถานทูตจีนประจำประเทศไทยจึงต้องคัดค้านอย่างหนักและแสดงจุดยืนดังต่อไปนี้:

1. “ทางประเทศเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน” “พลเมืองจีนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา” และ “ทางประเทศปกป้องกิจกรรมทางศาสนาตามปกติ” สิ่งเหล่านี้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญจีนและเป็นนโยบายของรัฐบาลจีนด้วย เสรีภาพในการนับถือศาสนาของชาวมุสลิมในซินเจียงของจีนได้รับการรับประกันอย่างสมบูรณ์ คำกล่าวที่ว่า “ปัจจุบันรัฐบาลจีนรื้ออัลกุรอานและภาษาอาหรับออกทั้งหมด” นั้นไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงอย่างเด็ดขาด

2. เมื่อ 10 กว่าปีก่อน มีพลเมืองจีนบางส่วนถูกยุยงและหลอกลวงโดยกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มกำลังต่อต้านจีนในต่างชาติ และลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ถูกส่งกลับประเทศจีนนั้นได้รับการจัดการตามกฎหมาย สิทธิตามกฎหมายของพวกเขา ได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างสมบูรณ์ และพวกเขาส่วนใหญ่ก็ได้กลับคืนสู่สังคม และดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข คำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของพวกเขา เชื่อว่าถูกฆ่าตายไปแล้วทั้งหมด” เป็นการกลับเท็จเป็นจริง ปั้นน้ำเป็นตัว และเป็นคำโกหกอันชั่วร้ายและน่าอับอาย

ลำพูน- ผู้ว่าฯลำพูน เปิดกิจกรรมและปล่อยขบวนรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “ลำพูนอากาศสะอาด ปราศจากหมอกควันและ PM 2.5”

(3 ก.พ. 68) เปิดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความตระหนักของประชาชนในการลดหมอกควันเชิงรุก เปิดยุทธการป้องกันไฟป่าจังหวัดลำพูน (Kickoff) ภายใต้แนวคิด “ลำพูนอากาศสะอาด ปราศจากหมอกควันและ PM 2.5"

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 น. ที่วัดดอยติ ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเสริมสร้างความตระหนักของประชาชนในการลดหมอกควันเชิงรุก เปิดยุทธการป้องกันไฟป่าจังหวัดลำพูน (Kickoff) ภายใต้แนวคิด “ลำพูนอากาศสะอาด ปราศจากหมอกควันและ PM 2.5" โดยมีนายรวมศิลป์ มานะจงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำพูน กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เครือข่ายไฟป่า เจ้าหน้าที่ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม

ปัญหามลพิษหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่ปกคลุมพื้นที่จังหวัดลำพูน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเผาในที่โล่ง เผากิ่งไม้ ใบไม้ เผาขยะ เผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อเตรียมพื้นที่ของเกษตรกร และการลักลอบ เผาป่าเพื่อล่าสัตว์และหาของป่าในฤดูแล้ง สร้างผลกระทบต่อประชาชน ทั้งในด้านสุขภาพ วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ รวมถึงสิ่งแวดล้อม 

ดังนั้นเพื่อประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความตระหนักของประชาชน ในการลดหมอกควันเชิงรุก และเปิดยุทธการป้องกันไฟป่าจังหวัดลำพูน (Kick off) แสดงความพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดลำพูน ที่จะควบคุม ป้องกัน ปัญหาหมอกควัน และ PM 2.5 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในห้วงระยะวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบกับผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดลำพูน ได้ลงพื้นที่ทั้งอำเภอ 8 อำเภอ เพื่อประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการเผาในที่โล่ง และการลักลอบเผาในพื้นที่ป่าให้กับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ 

โดยมีแนวทางการปฏิบัติงานได้แก่ 1.หน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้มงวดการป้องกัน ควบคุมไฟป่า โดยจัดตั้งจุดเฝ้าระวัง  ตั้งจุดสกัด และดำเนินคดีกับผู้เผาป่า จัดจ้างราษฎรร่วมเฝ้าระวังไฟในเขตพื้นที่ป่า สร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และเสริมสร้างอาชีพให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่จะเข้าป่าล่าสัตว์ หาของป่า รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมในการรักษาระบบนิเวศในพื้นที่สำคัญ 

2.หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความรู้เรื่องเกษตรกรรมปลอดการเผา เข้มงวดเผาเศษวัสดุเหลือใช้ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกษตรกรว่า การเผาทำให้เสียสิทธิ์รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล และอาจสิ้นสิทธิ์ในพื้นที่ สปก. 

3.หน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการกวดขัน จับกุม และห้ามใช้รถยนต์ปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน  

4.หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย คุมเข้มท้องถิ่นดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้เผาในที่โล่ง เผากิ่งไม้ ใบไม้ เผาขยะ และควบคุมโครงการก่อสร้างห้ามปล่อย PM 2.5 บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

5.หน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข คุมเข้ม 5 มาตรการฝุ่นควัน ได้แก่ (1) เตรียมความพร้อมของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (2) เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรู้เรื่อง มาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM 2.5) (3) จัดทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยง  กลุ่มเปราะบาง (4) ขยายบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบสูง โดยเพิ่มบริการห้องปลอดฝุ่น และ (5) จัดตั้งคลินิก PM 2.5 การให้คำปรึกษาออนไลน์ รวมทั้งให้สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น หน้ากากอนามัยฯ เป็นต้น
 
ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรม Kick off ปล่อยคาราวานรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความตระหนักของประชาชนในการลดหมอกควันและป้องกันไฟป่า  และการจัดนิทรรศการ ให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการปัญหาหมอกควันไฟป่าและและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ของหน่วยงานภาครัฐ อีกด้วย

กระทรวงเกษตรฯ จับมือมูลนิธิเกษตราธิการ และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) แถลงเปิดการอบรม หลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) รุ่นที่ 6 เล็งปั้นผู้นำยุคใหม่ร่วมขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย

(3 ก.พ. 68) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าว “หลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) รุ่นที่ 6” โดยมีนางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) และดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร เข้าร่วมการแถลงข่าวฯ ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (115) ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มูลนิธิเกษตราธิการ และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่ในแวดวงเกษตรกรรมที่มีความรู้ความสามารถในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยเข้าสู่เกษตรสมัยใหม่ และการใช้ทรัพยากรควบคู่ไปกับความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ” ซึ่งต้องใช้นวัตกรรมจากงานวิจัยมาปรับใช้เพื่อพัฒนาเป็นกลไกในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร โดยหลักสูตรนี้จะทำให้ภาครัฐ เอกชนและภาคเกษตร ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและบูรณาการการทำงานร่วมกันผ่านเครือข่ายวกส. ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน อันจะเป็นการยกระดับภาคการเกษตรไทยซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างเศรษฐกิจรากฐานให้มีความเข้มแข็ง พร้อมเป็นพลังร่วมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมีความพร้อมเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารชั้นนำของโลกต่อไป

จากรุ่นที่ 1 สู่รุ่นที่ 5 หลักสูตร “วกส.” สามารถปั้นผู้นำขับเคลื่อนภาคการเกษตรได้ไม่น้อยกว่า 480 คน สร้างข้อเสนอโครงการวิจัย ได้ไม่ต่ำกว่า 40 เรื่อง ส่งผลให้เกิดความ ร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการร่วมลงทุนพัฒนางานวิจัยไน้อยกว่า 10 ล้านบาท สามารถขยายผลต่อยอดทักษะด้านการเกษตรสร้างมูลค่าให้แก่ประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และสำหรับรุ่นที่ 6 นี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 ก.พ.- 25 ก.ค.68 โดยมีผู้บริหารระดับสูงภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้แทนเกษตรกรที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมการฝึกอบรม จำนวน 112 คน เข้ารับการอบรม โดยพิธีเปิดอย่างเป็นทางการถูกกำหนดให้จัดขึ้น ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 โดยได้รับเกียรติจากนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในฯ ณ อาคาร 99 ปีหม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน สามเสน กรุงเทพมหานคร

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้เป็นผู้นำด้านการเกษตรและอาหารในระดับนานาชาติ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และองค์ความรู้ในทุกมิติ เพื่อให้ครอบคลุมทุกการพัฒนา และกระแสความต้องการของตลาดในปัจจุบัน เพื่อการพัฒนาภาคการเกษตรในมิติต่าง ๆ อาทิ การส่งเสริมเกษตรมูลค่าสูง โดยการสนับสนุนการเพาะปลูกทางเลือกใหม่ ได้แก่ ไข่ผำ กาแฟ และโกโก้ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและต่อยอดอาชีพเกษตรกรให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งเสริมการทำเกษตรอย่างยั่งยืน อาทิ การปลูกข้าว Low carbon เป็นต้น โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรฯให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป

 จเรตำรวจแห่งชาติคิกออฟวอร์รูมวิเคราะห์สถานการณ์วันต่อวัน ยกระดับความเข้มข้นในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ 

(2 ก.พ. 68) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) เป็นประธานการประชุมวอร์รูม (War Room) ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอาชญากรรมออนไลน์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการร่วมระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , ศตคม.ตร. และ ศปอส.ตร. บูรณาการติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดแบบรายวัน เพื่อวางแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวให้ได้ผลดีมากยิ่งขึ้น โดย พล.ต.อ.ธัชชัยฯ จะเป็นประธานการประชุมสั่งการในทุกวัน โดยวันนี้เป็นวันแรกในการคิกออฟวอร์รูมดังกล่าว

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 และนับจากนี้จะเป็นการยกระดับการดำเนินการที่เข้มข้นมากขึ้น โดยการตั้งวอร์รูมนี้พุ่งเป้าเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ จะมีการประชุมติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์รายวัน ขยายผลการดำเนินงาน กระชับความร่วมมือในการเดินหน้าปฏิบัติการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากขึ้น อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) , ธนาคารแห่งประเทศไทย , สมาคมธนาคารไทย , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) , ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต เป็นต้น และจะเน้นการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นมากขึ้น โดยหลังจากนี้ที่จะเร่งเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการปราบปราม จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งภายใน 3 เดือน คาดหวังว่าสถานการณ์ความรุนแรงของอาชญากรรมดังกล่าวจะลดลงอย่างเป็นรูปธรรม

เราผู้กล้ารบ ร่วมวางพวงมาลา "วันทหารผ่านศึก"  ที่อนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธิน สัตหีบ ชลบุรี

(3 ก.พ. 68) ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ชมรมทหารผ่านศึกสัตหีบ โดยการสนับสนุนของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ จัดพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธิน เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญของทหารผ่านศึก ที่ได้เสียสละชีวิตปกป้องเอกราช และอธิปไตยของชาติ 

ในพิธีมี พลเรือโท เสมา สุวรรณโชติ ประธานชมรมทหารผ่านศึกสัตหีบ เป็นประธานในพิธีนำวางพวงมาลา และอ่านคำปราศัยของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก เนื่องในวันทหารผ่านศึก ที่มีถึงพี่น้องทหารผ่านศึกและครอบครัวทหารผ่านศึก โดยมีสมาคมฯ ชมรมฯ ครอบครัวทหารผ่านศึก หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่สัตหีบและใกล้เคียง รวม 22 หน่วยงาน กว่า 300 คน เข้าร่วมพิธีและร่วมวางพวงมาลาในวันนี้ 

นาวาเอก ศักดิ์มงคล น้อยทรง ทหารผ่านศึกนอกประจำการ อายุ 38 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ถูกลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนบาตู อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ทำให้ขาข้างซ้ายขาดเหนือเข่า กล่าวว่า มีความภาคภูมิใจ ถึงแม้จะเสียขาข้างซ้ายจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ปัจจุบันยังอยู่อย่างมีความสุขกับครอบครัว มีความภาคภูมิใจที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ในวันนี้ 3 ก.พ.ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง มีความภาคภูมิใจที่มาอยู่ที่อนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธินแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุอัฐิของพี่น้องนาวิกโยธิน ที่ได้เสียสละจากการปฏิบัติหน้าที่ มีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นทหารปกป้องประเทศชาติ ได้ดูแลประชาชน นับเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูล เป็นอย่างยิ่ง

ส่วนนักรบท่านอื่นๆ ได้กล่าวถึงความภาคภูมิใจว่า ในอดีตเคยเป็นนักรบในการปกป้องประเทศชาติ และดูแลพี่น้องประชาชน วันนี้วันทหารผ่านศึก 3 ก.พ.ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง จึงได้เดินทางมาร่วมในพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึก และได้พบกับเพื่อนๆ นักรบที่ได้เคยปฏิบัติงานร่วมกันมาในอดีตอีกด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top