Sunday, 19 May 2024
NEWS

‘ทรงสมัยซังฮี้’

ร้านสูท ‘ทรงสมัยซังฮี้’ ร้านประจำของ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่มีรายได้กว่า 50 ล้านบาท ในปี 2564
 

กองทัพเรือ ทำการฝึกอบรมบุคคลท่ามือเปล่าและบุคคลท่ากระบี่ ตามคู่มือแบบฝึกของโรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์สำหรับนายทหารชั้นนายพลเรือ

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมบุคคลท่ามือเปล่าและบุคคลท่ากระบี่ ตามคู่มือแบบฝึกของโรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ สำหรับนายทหารชั้นนายพลเรือ เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามแบบฝึก พร้อมเพรียง และสง่างาม โดยมีครูฝึกจากกรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ ทำการฝึกอบรม ระหว่างวันที่ 24 – 25 พ.ค. 66 ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ

ทั้งนี้ นอกจากวัตถุประสงค์ในการฝึกอบรมฯ แล้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำให้ผู้เข้ารับการฝึกหมั่นทบทวนตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติในท่าต่างๆ เป็นไปด้วยความมั่นใจ อันจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีทั้งต่อตนเองรวมทั้งกองทัพเรือ อีกด้วย


นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ครม. เคาะอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ. กำหนดให้ “วาฬสีน้ำเงิน” เป็นสัตว์ป่าสงวน ด้านกรมทะเลชายฝั่ง ย้ำ!! ช่วยกันดูแลไม่ให้สูญพันธุ์จากท้องทะเลไทย

นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รรท.อทช. เปิดเผยว่า วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญในด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีมาตรการป้องกันการที่สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ติดเครื่องมือประมง โดยมีการรณรงค์ในเชิงป้องกัน เช่น การให้เครื่องหมาย Dolphin free tuna สำหรับผลิตภัณฑ์ทูน่าซึ่งมีกระบวนการจับโดยไม่ทำอันตรายโลมา หรือการกีดกันสินค้ากุ้งทะเลจากประเทศไทย

เนื่องจากปัญหาการที่มีเครื่องมือประมงอวนลากกุ้งติดเต่าทะเลโดยบังเอิญ การที่ประเทศไทยให้ความสำคัญในเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์เหล่านี้ ย่อมส่งผลดีในเรื่องการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเฉพาะสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ในระบบห่วงโซ่อาหาร วาฬสีน้ำเงินจัดเป็นกลุ่มผู้บริโภคลำดับสูงซึ่งต้องอาศัยการค้ำจุนของผู้ผลิตเบื้องต้น ได้แก่ แพลงก์ตอนพืชผ่านต่อสายพลังงานมายังแพลงก์ตอนสัตว์ ลูกปลา และสัตว์น้ำชนิดต่างๆ ตามปิรามิดอาหาร การพบวาฬสีน้ำเงินอาศัยอยู่ในพื้นที่ใดย่อมแสดงว่าพื้นที่นั้นมีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร วาฬสีน้ำเงินจึงเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำและระบบนิเวศ การบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์และคุ้มครองวาฬสีน้ำเงิน รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้อง จึงเป็นอีกหนทางในการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่ทางทะเลของไทย 

นายอภิชัย รรท.อทช. กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบในด้านการสงวน อนุรักษ์ และคุ้มครองสัตว์ทะเลหายาก จึงเสนอรายชื่อปลาฉลามเสือดาวในการกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และวาฬสีน้ำเงิน ในการกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งในวันนี้ (23 พ.ค. 2566) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา พร้อมกับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการประกาศยกเลิกการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) เป็นสัตว์ป่าควบคุมโดยให้มีผลใช้บังคับในวันเดียวกับร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) เป็นสัตว์ป่าสงวน เพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดให้วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ป่าควบคุมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าควบคุม พ.ศ. 2565 แต่โดยที่วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้ถูกขึ้นบัญชีสถานภาพให้เป็นชนิดพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered species: EN) ในระดับโลก (IUCN Red List) และในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องสงวนและอนุรักษ์ไว้อย่างเข้มงวด ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว 

วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีแหล่งอาศัยในพื้นที่ทางทะเลระหว่างประเทศ ในประเทศไทยเองมีข้อมูลการพบเห็นวาฬสีน้ำเงินเฉพาะทะเลฝั่งอันดามันเพียง 3 ครั้ง โดยพบครั้งแรก เมื่อปี 2550 ที่หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ต่อมาพบเข้ามาเกยตื้นที่เกาะลิบง จ.ตรัง เมื่อปี 2556 ล่าสุดเมื่อปี 2560 พบที่หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา สำหรับลักษณะของวาฬสีน้ำเงิน ส่วนหัวมีสีน้ำเงินสม่ำเสมอ ลำตัวด้านหลังมีสีน้ำเงินอมเทา ส่วนท้องสีจางกว่าเล็กน้อย ด้านหลังและด้านข้างมีลายสีน้ำเงินหรือเทาอ่อนมีลักษณะเป็นดวงๆ เหมือนรอยด่าง ลำตัวเพรียวยาว ส่วนหัวกว้างคล้ายตัวยู (U-shaped) เมื่อมองจากด้านบน มีสันกลางหัว 1 สัน มีช่องหายใจขนาดใหญ่ 2 รู มีซี่กรอง 260-400 คู่ แต่ละซี่ยาวประมาณ 100 เซนติเมตร ลักษณะของซี่กรองค่อนข้างหยาบ มีร่องใต้คาง 60 -88 ร่อง ยาวเกือบถึงสะดือ ครีบหลังมีขนาดเล็กอาจมีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมหรือลาดเอียง ปลายครีบแหลมหรือกลมมน ฐานครีบหลังตั้งอยู่ค่อนไปทางหาง คอดหางหนา ครีบข้างเพรียวยาว ปลายครีบแหลม และมีสีอ่อนกว่าส่วนอื่นของครีบ มีความยาวได้ถึงร้อยละ 15 ของความยาวลำตัว ครีบหางกว้างประมาณ 1 ส่วน 4 ของความยาวลำตัว มีร่องกึ่งกลางระหว่างแพนหาง

อย่างไรก็ตาม หากวาฬสีน้ำเงินถูกยกระดับให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ภาครัฐจะต้องมีการดูแลและหามาตรการที่เข้มงวด ครอบคลุมจะไม่รบกวนหรือคุกคามและก่อให้เกิดอันตรายกับวาฬสีน้ำเงิน ซึ่งจะเป็นการรักษาระบบนิเวศของสัตว์ทะเลให้เกิดความสมบูรณ์นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนให้มีจิตอนุรักษ์ ดูแลระบบนิเวศวิทยาทางทะเล ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีสัตว์ทะเลหายากขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวน (ตาม พ.ร.บ.)  สัตว์ป่าสงวน (ตาม ร่าง พ.ร.ฎ.) คือ พะยูนหรือหมูน้ำ (Dugong dugon) วาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) วาฬโอมูระ (Balaenoptera omurai)  และล่าสุดประกาศให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) เป็นสัตว์ป่าสงวน เพิ่มเติม "นายอภิชัย รรท.อทช. กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ"

กรมอุทยานแห่งชาติฯ เชิญบริจาคสนับสนุนมูลนิธิพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล

มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือแก่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งครอบครัวของผู้ปฏิบัติงานพิทักษ์ป่า ตลอดจนบุคคล องค์กร กลุ่ม ชมรม สมาคมและอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีสวัสดิภาพและคุณภาพในการปฏิบัติงานและดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม รวมทั้งให้มีการส่งเสริมและพัฒนาการคุ้มครองปกป้อง ดูแลรักษา ฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบกและทางทะเล รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยให้มีความสมบูรณ์และยั่งยืน  

ให้มีการเสริมสร้างองค์ความรู้ ทักษะ ความชำนาญและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ให้มีช่องทางการสนับสนุนช่วยเหลือแก่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานคุ้มครอง ป้องกัน ปราบปราม ดูแลรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งกรณีการเกิดพิบัติภัยซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้เสริมสร้างและปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการจัดกิจกรรม การจัดฝึกอบรม สัมมนา ศึกษา ดูงาน และอื่น ๆ  

โดยตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล ได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่จนถึงปัจจุบัน รวม 255 ราย รวม 9,812,500 บาท 

ในโอกาสอันดีที่มูลนิธิพิทักษ์ป่าและรักษาทะเลครบรอบ 5 ปี จึงขอเชิญชวนประชาชน องค์กร และหน่วยงานต่างๆ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกท่านด้วยการบริจาคสมทบทุนกับมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล

ชื่อบัญชี มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล เลขที่บัญชี 053-436926-9 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา บางบัว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล

โทร. 062-047-8887 ตามวันและเวลาราชการ

สตม. รวบหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวันเปิดบริษัทผลิตยาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ปั่นหุ้นหลอกลวงประชาชน ผู้เสียหายกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.

ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้ สตม. รวบหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวันเปิดบริษัทผลิตยาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ปั่นหุ้นหลอกลวงประชาชน ผู้เสียหายกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท 

สตม. ได้รับการประสานงานจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รายสำคัญ คือ MR.HUANG หรือ นายหวง (นามสมมติ) อายุ 61 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) ซึ่งก่ออาชญากรรมหลอกลวงประชาชน เปิดบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปั่นหุ้นหลอกลวงประชาชน มีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท    

บก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม. พร้อมพวก สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบสวนจนทราบว่า MR.HUANG   ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ก.พ.64 ด้วยวีซ่า THAILAND PRIVILEGE CARD และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามจนพบ MR.HUANG

ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวฯ ที่บริเวณริมถนนย่านประตูน้ำ จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและ  ขอทำการตรวจค้น ก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว โดย MR.HUANG สมัครใจ  พาตรวจค้นห้อง ผลตรวจค้นพบ เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท, โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง, บัตรประชาชนของประเทศสิงคโปร์ พร้อมทั้งบัตรเครดิตจำนวนหลายรายการ และ MR.HUANG ยังยอมรับว่า

ก่อนหน้านี้ได้หลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์ จากนั้นได้ทำหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู และหลบหนีเข้ามาที่ประเทศไทย ซึ่งหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและหัวหน้าแผนกประสานงานอาชญากรรมประจำประเทศไทยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ร่วมทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม และนำตัวส่ง   กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวนั้น มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาในช่วงสถานการณ์   การแพร่ระบาด COVID-19 หลังจากมีการเปิดบริษัทแล้วได้นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และให้ผู้ร่วมขบวนการทำการเปิดบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศทำการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าว และทำรายงานอันเป็นเท็จเพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชนเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อหุ้น

โดยราคาของหุ้นจะถูกปั่นไปจนถึง 500,000 กว่าบาทต่อ 1000 หุ้น และหลังจากที่มีประชาชนซื้อหุ้นแล้วได้โยกเงินไปยังต่างประเทศแล้วทำการปิดบริษัท เบื้องต้นมีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท และจากการสืบสวนขยายผลของผู้ต้องหารายนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ทำการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 60 ล้านบาท และ มีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 29 ราย โดยจับกุมได้แล้ว 27 ราย

‘เปิ้ล ไอริณ’ โพสต์เดือด ต่อว่า เด็กๆ ที่มากับศิลปิน ไร้ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่ให้เกียรติงาน

เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว โพสต์เฟซบุ๊ก ต่อว่าเด็ก ที่ไม่ให้เกียรติงาน ไม่เคารพต่อธรรมเนียมปฏิบัติ ในงานไนน์เอ็นเตอร์เทน โดยมีใจความว่า ...

งานไนน์เอ็นเตอร์เทน เมื่อวาน ก่อนเริ่มงาน สิ่งแรกเลย คือ "การยืนเคารพต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเทพรัตนราชสุดาฯ" ซึ่งถือว่า เป็นธรรมเนียม ที่พวกเรา เหล่าศิลปิน ได้กระทำสืบทอดกันมายาวนาน  ในงาน มีชาวต่างชาติหลายคน  ทุกคนก็ยืนให้ความเคารพ ถือว่าเป็นการแสดงออก ซึ่งการให้เกียรติงาน 

แต่ก็มีกลุ่มเด็กๆ ที่มากับศิลปินหลายกลุ่ม เลือกนั่งเฉย!    ช่างยูนีคเหลือเกิน! เท่ห์ เป็นตัวของตัวเอง อย่างไม่มีอะไรกั้น!   อยากบอกว่า...ดินที่พวกคุณเหยียบทุกก้าว ในประเทศนี้ ล้วนมีเถ้าถ่าน ของบรรพบุรุษ ที่เคยสละครอบครัว ไปเสียสละชีวิต ยอมเสียเลือด เสียเนื้อ เพื่อแลกอิสรภาพ และเอกราช ทำให้ไทยไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้น! 

มนุษย์ ที่ขาดซึ่งความซาบซึ้งกตัญญูรู้คุณต่อผืนแผ่นดินเกิด ต่อเผ่าพันธุ์ และเชื้อชาติของตน เจริญยาก! วันนึงจะไร้ดินกลบหน้า ตายไป ลูกหลานก็ไม่มางาน อันนี้ไม่ได้แช่งนะ เคยเจอ เคยเห็นตัวอย่างด้วยตามาแล้ว เลยเล่าให้ฟังค่ะ

กระทรวงท่องเที่ยว ลงพื้นที่ ตรวจติดตาม พร้อมยกกระบี่เป็นโมเดลการบริหารการจัดการในองค์กร

เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 25 พฤษภาคม 2566 นางสาววันทนา แจ้งประจักษ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมนายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานค.ต.ป.กก. และคณะ พร้อมด้วยนายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมประชุมตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ และจุดบริการท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ และร่วมลงพื้นที่เพื่อตรวจและติดตามผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ณ ชุมชนท่องเที่ยวอ่าวลึกน้อย

รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านมา พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง และลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานการส่งเสริมการออกกำลังกายและการจัดกิจกรรมนันทนาการ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวลึกเหนือ ตรวจเยี่ยมท่าเทียบเรือ ณ ท่าเรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ (ท่าเรือคลองจิหลาด) และคณะ ค.ต.ป.กก. ประชุม ค.ต.ป.กก. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๖ ณ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่

‘ก้าวไกล’ กับไฟที่กำลังลุกลาม อาเซียนร้อนระอุ  เมื่อพม่า ยกระดับความพร้อม หากรัฐบาลไทย แทรกแซงกิจการภายใน

เพจเฟซบุ๊ก สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา ได้โพสต์ ข้อความแสดงความเป็นห่วงประเทศไทย เกี่ยวกับ นโยบายความมั่นคงของพรรคก้าวไกล และท่าทีต่อรัฐบาลพม่า โดยมีใจความว่า ...

วันก่อนเตือนไปแล้ว ว่าเมื่อไหร่ที่ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล แล้วดำเนินการแทรกแซงกิจการภายในของพม่า ช่วยชาติตะวันตกกดดันรัฐบาลพม่าในเวทีโลก เรื่องอาจลุกลามไปถึงขั้นถูกพม่าตัดก๊าซธรรมชาติที่ส่งให้ไทยมาเป็นสิบปี ฟังจากสื่อพม่าเองก็ได้ เพราะนายพลอาวุโส โซ วิน ประกาศแล้ว พม่าถือว่าพรรคก้าวไกลเป็นพวกนิยมตะวันตก ที่จ้องจะหนุนฝั่งต่อต้านรัฐบาลพม่า ทหารพม่าได้รับคำสั่งให้ยกระดับความพร้อมแล้ว นี่คือการส่งสัญญานแบบชัดๆว่าดูอยู่ และพร้อมแลกถ้าเตือนแล้วยังไม่ฟัง

ภาพใหญ่ของประเทศรอบบ้าน ที่เรียกกันว่า Mainland ASEAN คือ ประเทศไทยถูกล้อมด้วยประเทศที่อยู่ข้างจีนเต็มพิกัด พม่า ลาว กัมพูชา ล้วนแต่อิงจีน จีนถือว่าพม่าเป็นทางออกทะเลทางเลือกที่สำคัญ สามารถลำเลียงสินค้าและทรัพยากรขึ้นจากมหาสมุทรอินเดียได้เลย หลีกเลี่ยงการถูกสหรัฐโอบล้อมทางออกมหาสมุทรแปซิฟิก และถูกตัดตอนแถวช่องแคบมะละกา กัมพูชามีฐานทัพเรือของจีนประจำไว้แล้ว เพิ่งประกาศกร้าวว่าไม่สน ไม่แคร์เงินของสหรัฐและยุโรปอีกต่อไป จีนลงทุนหนักในลาว ทั้งเขื่อน เกษตรกรรม และรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้เชื่อมลงไปที่กัมพูชา

ยังเหลือแต่เวียตนามที่ยึดนโยบายเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่มหาอำนาจฝ่ายใด ไม่เอาฐานทัพของมหาอำนาจมาตั้งในประเทศ เวียตนามประกาศเองหลังจากผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเวียตนามคุยกัน ด้วยสถานการณ์นี้ ถ้าเกิดสงคราม กัมพูชาจะเป็นตำบลกระสุนตกทันที ฐานทัพเรือของจีนล่อเป้าขีปนาวุธของสหรัฐและกลุ่ม AUKUS เมื่อจีนลำเลียงอาวุธมาสู้ สภาพของกัมพูชาจะไม่ต่างจากยูเครนปัจจุบัน แต่ประเทศไทยไม่เกี่ยว นี่คือสถานการณ์ปัจจุบัน

แต่ถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล แล้วไปเชิญสหรัฐมาตั้งฐานทัพในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นฐานยิงหรือฐานส่งกำลัง ประเทศไทยที่รายล้อมด้วยมิตรของจีน จะกลายเป็นเป้าขีปนาวุธจีนไปด้วย ไทยร่วมกับกัมพูชา กลายเป็นพื้นที่สู้รบของสงครามตัวแทน คนหนุ่มหัวก้าวหน้าที่ไม่อยากเกณฑ์ทหารเพราะต้องไปเลี้ยงไก่ให้นายพล จะถูกเกณฑ์ทหารเพื่อไปตายในสนามรบ เหมือนที่คนหนุ่มยูเครนถูกเกณฑ์ทหารไปตายที่แนวหน้าแล้วหลักล้านคน
อ่าวไทยถูกปิด เพราะกองทัพเรือไทย เรือดำน้ำซักลำยังไม่มี ส่งออกทางเรือไม่ต้องพูดถึง นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง 

อย่าคิดว่าสหรัฐจะอยู่ช่วยไปจนตลอด หมดผลประโยชน์หรือการเมืองในประเทศสหรัฐเปลี่ยนทิศเมื่อไหร่ สหรัฐจะหายตัวไปทันที
คนรุ่นก่อนเจอมาแล้วช่วงสงครามเวียดนาม นายพลโว เหงียน เกี๊ยบ ยกทัพมาประชิดชายแดนไทย เพื่อชำระบัญชี ที่ไทยเป็นฐานทัพให้เครื่องบินสหรัฐทิ้งระเบิดใส่เวียดนาม เรารอดอยู่เป็นประเทศมาได้เพราะจีนมาช่วยเอาไว้

คนรุ่นใหม่ที่ยังไม่รู้เรื่อง อย่าหาเรื่องชักศึกเข้าบ้าน
เพราะถึงเวลา พวกคุณเองนั่นแหละที่จะต้องไปตาย
รบจริง ตายจริง ไม่มีเริ่มเล่นใหม่เหมือน call of duty
และในท้ายที่สุด พวกคุณก็เป็นแค่หมากเบี้ยของมหาอำนาจที่จะถูกลืม

พร้อมช่วยเหลือ!! “รองโจ” อดีตผู้สมัคร สส.เขต 4 ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนเหตุเพลิงไหม้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สมุทรปราการ พรรครวมไทยสร้างชาติ นำทีมงาน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พร้อมทั้ง นำถุงยังชีพอีกจำนวนหนึ่งมอบให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้

โดย พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สมุทรปราการ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทราบข่าวว่ามีพี่น้องประชาชน ชาวหมู่บ้านศิรินเทพ 8 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้รับความเดือดร้อนหลังประสบเหตุเพลิงไหม้บ้าน โดยเหตุเกิดในช่วงเช้าของวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา 

หลังจากที่ทราบข่าว ก็รู้สึกเสียใจและมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้  จึงได้ลงพื้นที่นำเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้กับพี่น้องประชาชนบ้านที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ อีกทั้ง ให้ความช่วยเหลือประชาชนบ้านข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น 

นอกจากนี้ ยังได้มอบเงินส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่งโดยมอบให้กับทางผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่บ้านผู้ประสบภัยอีกด้วย 

โดย พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สมุทรปราการ ยังกล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะขอเดินหน้าทำงานต่อ และพร้อมที่จะทำตามคำพูดคือ ไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน การเมืองจบ การเลือกตั้งจบ แต่การดูแลพี่น้องยังไม่จบ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการจับกุมเจ้าของทัวร์ Happy Trips หลอกขายทัวร์แล้วทิ้งลูกค้า

จากกรณีเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันมาร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กรณีถูกเจ้าของบริษัททัวร์ชื่อ Happy Trips หลอกลวงชักชวนให้ผู้เสียหายซื้อโปรแกรม นำเที่ยวต่างประเทศ อาทิ ทัวร์ดูบอลที่ประเทศอังกฤษ หรือทัวร์ที่ประเทศญี่ปุ่น

โดยมีการโฆษณาผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, YouTube, Website โดยมีการใช้ดารานักแสดงร่วมเดินทางเพื่อสร้างความเชื่อถือ และยังจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เช่น ไป 5 จ่าย 4 เป็นต้น เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อซื้อโปรแกรมนำเที่ยวกับผู้ต้องหา แต่หลังจากจ่ายเงินซื้อทัวร์แล้ว กลับถูกผู้ต้องหาทิ้งทัวร์โดยไม่มีการจัดนำเที่ยวตามที่ตกลงไว้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียหายจำนวนกว่า 320 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 8 ล้านบาท

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.คูคต   ภ.จว.ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ รับคำร้องทุกข์และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ นายสุขสันต์ (สงวนนามสกุล) เจ้าของบริษัททัวร์ดังกล่าว ศาลจังหวัดธัญบุรีได้อนุมัติตามหมายจับที่ 292/2566 ลงวันที่ 19 พ.ค.66 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและผู้ใดโดยทุจริต

หรือโดยหลอกลวงนำเข้าซึ่งข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องไม่กระทำการอันใดให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือนักท่องเที่ยว” 

ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายสุขสันต์ฯ พักอยู่ภายในบริเวณบ้านเลขที่ 40/51 หมู่ 5 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

ซึ่งนอกจากคดีของ สภ.คูคต แล้ว กลุ่มผู้เสียหายยังได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักสอบสวนในพื้นที่ สน.ปทุมวัน, สภ.บางกรวย ภ.จว.นนทบุรี, สภ.ทุ่งสง ภ.จว. นครศรีธรรมราช ซึ่งได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายสุขสันต์ฯ ไว้แล้ว

จะได้ดำเนินการอายัดตัวผู้ต้องหาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ความผิดดังกล่าวยังเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ จะได้ร่วมกับ ปปง. ในการดำเนินการยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มผู้เสียหายได้มายื่นเรื่องขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว ได้สั่งการให้ สภ.คูคต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุ เร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับเจ้าของบริษัททัวร์ดังกล่าว และสามารถจับกุมได้

เบื้องต้นได้สั่งให้ท้องที่ที่มีการเกิดเหตุอื่นๆ เร่งออกหมายจับและนำมาอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีจนถึงที่สุด หลังจากนี้จะได้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อตรวจยึดอายัดและนำมาคืนให้ผู้เสียหายต่อไป

‘หยก ธนลภย์’ โวย โรงเรียน นักเรียนจ่ายค่าเทอม แต่ขึ้นลิฟท์ไม่ได้  ชี้ สิ่งอำนวยความสะดวก ควรเข้าถึงทุกคน

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นางสาวธนลภย์ (สงวนนามสกุล) หรือ หยก เยาวชนที่ถูกดำเนินคดี ม.112 นักเรียนโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่ายพัฒนาการ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กประกอบภาพข้อความลิฟท์โดยสารของโรงเรียน ที่มีป้ายข้อความกำกับไว้ว่า “ลิฟท์สำหรับครู นักเรียนกรุณาใช้บันได”

ด้านนางสาวธนลภย์ หรือ หยก กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า  นักเรียนจ่ายค่าเทอมแต่ทำไมถึงใช้ไม่ได้?

สิ่งอำนวยความสะดวกควรเข้าถึงทุกคน แต่ทำไมถึงมีแค่คนกลุ่มนึงที่ใช้ได้? ครูเหนื่อยนักเรียนก็เหนื่อยเป็นนะ อยากให้ทุกคนได้เข้าถึงสิ่งอำนายความสะดวก 

ว่าที่ ส.ส. สงขลา เข้าพบกงสุลใหญ่จีน   เพื่อสร้างความร่วมมือ ต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรม 

เมื่อวานนี้ (25 พ.ค. 66) นายสรรเพชญ บุญญามณี ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายดนัยธร จารุพฤกษ์พันธ์ ประธานห้าสมาคมจีนสงขลา และนายกสมาคมไหหลำสงขลา เข้าพบ นางอู๋ ตงเหมย กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา เพื่อแนะนำตัวและรับฟัง สภาพปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ จากการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาของสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดสงขลา 

นายสรรเพชญ เปิดเผยหลังการหารือว่า การมาพบท่านกงสุลฯในวันนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนที่มีมายาวนานให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้นำเสนอนโยบายต่างๆทิศทางการพัฒนาพื้นที่อำเภอเมืองสงขลาและการพัฒนาจังหวัดสงขลาในภาพรวม 

อย่างเรื่องการท่องเที่ยวโดยการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงสงขลา สตูล พัทลุง ที่มีความพร้อมด้านแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และมรดกทางวัฒนธรรมพื้นถิ่น เพื่อสร้างมูลค่าทางเศษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน ประเทศจีนเองมีความพร้อมทั้งด้านประชากรนักท่องเที่ยว ความพร้อมด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และอื่นๆอีกมากมาย ในฐานะผู้แทนราษฎรฯ นั้น ต้องหาโอกาสเพื่อนำสิ่งดีๆมาสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด

นายสรรเพชญ ยังกล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดมุมมองด้านต้นทุนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยกับจีน ซึ่งต้องมีการต่อยอดขยายผล ซึ่งนอกจากการสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจแล้ว ในด้านสังคม อย่างเรื่องการพัฒนาทักษะด้านภาษาจีนให้แก่เด็กเยาวชนในจังหวัดสงขลาก็เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอีกทักษะหนึ่งในการดำเนินชีวิตในช่วงศตวรรษที่ 21 โดยหลังจากนี้จะมีการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป

เชียงใหม่-มอบประกาศนียบัตรหลักสูตรเวชปฏิบัติอาชีวอนามัยและบริหารการพยาบาล รุ่นที่ 16

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี  แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีปิดและมอบมอบประกาศนียบัตรหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติอาชีวอนามัย รุ่นที่ 16 และสาขาการบริหารการพยาบาล รุ่นที่ 16

โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนนท์ วิสุทธิ์ธนานนท์ ประธานกรรมการบริหารหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติอาชีวอนามัย และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บุญพิชชา จิตต์ภักดี ประธานกรรมการบริหารกลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาการบริหารการพยาบาล กล่าวรายงาน และ รองศาสตราจารย์ฉวีวรรณ ธงชัย ผู้อำนวยการศูนย์บริการพยาบาล กล่าวแสดงความยินดี ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 4 คณะพยาบาลศาสตร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม 2566

ตำรวจไซเบอร์รวบสาวใหญ่เครือข่าย Romance Scam ปลอมเป็นลูกครึ่งเกาหลี แชทลวงเงินเกือบ 3 แสน

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 ทราบว่า นางสาวดารัตน์  อายุ 36 ปี ชาวอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งพฤติการณ์ในคดี ผู้ต้องหารายนี้อยู่ในแก๊งขบวนการ หลอกให้รักออนไลน์ (romance scam) ซึ่งได้สร้างความเสียหายและยังมีเหยื่อหลงเชื่อส่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

กล่าวคือ เมื่อประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ผู้เสียหายได้แชตคุยกับบคคลที่แสดงตัวเป็นชายลูกครึ่งสัญชาติอเมริกัน-เกาหลี หน้าตาดีมีฐานะดี ติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่น อินสตราแกรม ต่อมาคนร้ายได้ชักชวนและหลอกมาคุยกันใน Whatapp โดยคนร้ายได้อ้างว่าได้เดินทางไปทำงานในประเทศไทย และอ้างว่าติดปัญหาเรื่องเงินเนื่องจากว่าใช้สกุลเงินต่างกัน บัญชีธนาคารถูกระงับการใช้งานคนร้ายได้ขอให้จ่ายค่าปลดล็อคแทนโดยจะคืนให้ในภายหลังผู้เสียหายได้หลงเชื่อได้โอนเงินไป จำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 266,710 บาท ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เป็นเจ้าของบัญชีที่รับเงินที่ได้จากการหลอกลวงจากผู้เสียหาย 

ต่อมา 25 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับมาซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ตำบลตีนเป็ด เมืองฉะเชิงเทรา จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบบุคคลตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับ จึงทำการตรวจสอบโดยบุคคลดังกล่าวรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จึงได้แจ้งให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่จะเกิดความเสียหาย” จึงจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

เบื้องต้น ผู้ต้องหายังปฏิเสธ โดยอ้างว่าตนได้ให้หมายเลขบัญชีธนาคารของตนเองไปกับเพื่อนที่รู้จักกันทางเฟสบุ๊คเพื่อไปใช้ในการรับเงินโอน 

เตือนภัย “หลอกให้รักออนไลน์ ด้วยรูปภาพบุคคลหน้าตาดี ใช้ชีวิตหรูหรา ร่ำรวย แล้วบอกว่าโอนเงินมาให้ ส่งของมีค่ามาให้ แต่ต้องเสียภาษี ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางศุลกากร นั่นคือ การหลอกลวง Romance scam”
ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., 
พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ณัฐกรณ์ ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

ย้อนไทม์ไลน์ ‘พิธา’ เส้นทางการเมืองจากคนตัวเล็กๆ สู่ผู้ถืออำนาจใหญ่ของการเลือกตั้งไทย ปี 66

นาทีนี้ ไม่มีใครร้อนแรงเกินกว่า ‘ทิม - พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่ใช้เวลากว่า 3 ปี เปลี่ยนผ่านจากยุคอนาคตใหม่มาสู่ยุคของพรรคก้าวไกลที่มีเขาเป็นผู้นำพรรค สั่งสมความนิยม จากพรรคอันดับรอง ไต่กระแส สร้างปรากฏการณ์ ‘สีส้ม’ ทั่วทั้งแผ่นดิน จนสามารถโกยคะแนนเสียงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งล่าสุด

ความสำเร็จของ ‘พิธา’ ไม่ได้ไหลบ่ามาเพียงชั่วข้ามคืน แต่มาจากการค่อย ๆ สั่งสม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากการข้องเกี่ยวกับผู้คนในแวดวงการเมืองมานานเกือบ 20 ปี ขยับจากเจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ ที่นั่งจดวาระการประชุมหลังห้อง จนกระทั่งกลายเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี ผู้กำหนดวาระของประเทศไทยในวันนี้ เส้นทางการเมืองของ ‘พิธา’ เป็นอย่างไร ย้อนไปดูกัน 

#เลียบเคียงการเมือง
ถ้ากล่าวถึง ‘ลิ้มเจริญรัตน์’ คนที่ติดตามการเมืองคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นนามสกุลของ ‘ผดุง’ เลขานุการส่วนตัวของ ‘ดร.ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี และด้วยความที่ ‘พิธา’ มีศักดิ์เป็นหลานของนายผดุง ทำให้เขามีโอกาสได้รู้จักมักคุ้นกับบุคคลการเมืองในพรรคไทยรักไทย รวมถึงทายาทของ ดร. ทักษิณ ชินวัตร ทั้ง โอ๊ค เอม และอุ๊งอุ๊งมาตั้งแต่ก่อนก้าวขาเข้ามาสัมผัสบรรยากาศ และกลิ่นอายของการเมืองด้วยตัวของเขาเอง

#จากเจ้าหน้าที่แถวหลัง ค่อยๆ ขยับก้าวมาสู่แถวหน้าการเมือง 
ช่วงปลายของการศึกษาปริญญาตรี สาขาบัญชี - การเงิน ที่ ม.ธรรมศาสตร์ พิธาเริ่มต้นฝึกงานที่บริษัทหลักทรัพย์ซึ่งมี ดร. ศุภวุฒิ สายเชื้อ เป็นผู้บริหาร และเป็นผู้ที่พิธายกให้เป็นเจ้านายคนแรกของเขา ก่อนจะขยับมาทำงานเป็นที่ปรึกษาธุรกิจให้กับอีกบริษัท ซึ่งพิธาเล่าว่า ช่วงนั้นเขามีโอกาสดูแลลูกค้ารายแรก คือ ‘ไทยซัมมิท’ ของ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ซึ่งมีโปรเจกต์ขยายตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ไปที่ประเทศอินเดีย  

หลังจากนั้น 2 ปี พิธาได้มีโอกาสขยับเข้าใกล้งานการเมืองมากขึ้น ในช่วงหลังเหตุการณ์สึนามิ ที่ภาคใต้ และทีมงานของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ติดต่อมายังบริษัทของเขา ให้เข้าไปทำงานให้กับหลายกระทรวง ทำให้พิธา ได้เริ่มสัมผัส และซึมซับการทำงานของนักการเมืองหลายคนในรัฐบาลในช่วง ปี 2547-48

ก่อนที่เขาจะขยับเข้าใกล้การเมืองมากขึ้น เมื่อตัดสินใจข้ามฝั่ง จากที่ปรึกษาธุรกิจเอกชน มารับบทบาทข้าราชการ ติดตาม ‘ดร. สมคิด’ ตั้งแต่ในทำเนียบรัฐบาล ก่อนย้ายไปที่กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ตามลำดับ ทำให้ได้เรียนรู้การทำงานกับทีมงานของ ดร. สมคิด อย่าง ดร. อุตตม สาวนายน, ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รวมถึง ดร.โอฬาร ไชยประวัติ 

ในบทบาทของทีมเลขาฯ ตามนาย ที่นั่งอยู่แถวหลังสุดมุมห้อง พิธาใข้ช่วงเวลานั้น แอบบันทึก และซึมซับสาระสำคัญ รวมถึงวิธีคิด ของคีย์แมนทางการเมืองไปพร้อมกันด้วย แม้เป็นช่วงระยะเวลาไม่นาน ก่อนเขาจะตัดสินใจไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา กระทั่งเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ในปี 2549

#เป็นผู้สังเกตการณ์การเมืองระดับโลก
อีกด้าน พิธา มีโอกาสได้เปิดมุมมอง และได้พบเห็นการทำงานการเมืองระดับโลก ที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงเวลาที่เขาเดินทางไปศึกษาต่อ ทั้งในปี 2000 ช่วงการเลือกตั้งใหญ่ ที่เป็นการขับเคี่ยวกัน ของ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช จากรีพับลิกัน และ อัล กอร์ จากเดโมแครต  ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่เขาไปเรียนต่อด้านการเงิน ที่รัฐเท็กซัส ทำให้ได้เห็นบรรยากาศและวิธีการหาสียงในฟากของพรรครีพับลิกัน 

กระทั่ง 16 ปี คล้อยหลัง พิธากลับไปศึกษาต่อปริญญาโท ที่สหรัฐอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ของสหรัฐฯ แต่หนนี้เขาได้ไปอยู่ในพื้นที่ของพรรคเดโมแครต ได้เห็นการต่อสู้ทางการเมืองระหว่าง ‘โอบามา’ กับ ‘แม็คเคน’ ซึ่งพิธาได้เห็นวิวัฒนาการการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ร่วมคลาสการเมือง ซึ่งต่อมาเติบโตไปเป็นคนการเมืองระดับประเทศในสหรัฐฯ รวมถึงได้ติดตามเพื่อน ออกไปหาเสียง ได้เห็นและเรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า ‘เครื่องจักรทางการเมือง’ ซึ่งเป็นยุทธวิธี ในการลงพื้นที่เรียกคะแนน รวมถึงการเคาะประตูเพื่อขอรับบริจาคเงินสนับสนุนพรรคการเมือง จนได้นำสิ่งที่ได้เห็นและสัมผัส กลับมาปรับใช้ได้จริง เมื่อเขาตัดสินใจผันตัวเองเข้าสู่บทบาท ‘นักการเมือง’ เต็มตัว

‘พิธา’ ในบทบาทของผู้นำจัดตั้งรัฐบาล เพิ่งประกาศเอ็มโอยู ระหว่าง 8 พรรค 313 เสียง ที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลไปเมื่อต้นสัปดาห์ แน่นอนว่า กระแส ‘พิธาฟีเวอร์’ และ ‘ด้อมส้ม’ มาแรงต่อเนื่อง หากไม่มีอุบัติเหตุ หรือความผิดพลาดทางการเมืองเกิดขึ้น ว่าที่ผู้นำคนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมความคาดหวังในความเปลี่ยนแปลงฉากทัศน์ทางการเมือง ที่ชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ กับประสบการณ์การเมืองที่เขาเรียนรู้และสั่งสมมา จะได้ใช้งานอย่างเต็มที่ในบทบาท และฐานะผู้นำของประเทศต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top