Friday, 3 May 2024
NEWS

‘น้องชายใบเตย’ ประกาศ!! ครอบครัวยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ พร้อมยืนยันไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อใด รบกวนไม่แอบอ้างชื่อ

จากกรณีอัยการได้มีคำสั่งฟ้อง 6 ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ Forex 3D ใน 3 ข้อหา และได้มีการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดสั่งฟ้องต่อศาลอาญา ล่าสุด นายพัฒนพล กุญชร หรือดีเจแมน และ น.ส.สุธีวัน กุญชร หรือทวีสิน หรือใบเตย พร้อมพวกรวม 6 ราย มาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ในคดีร่วมกันฉ้อโกงแชร์ Forex-3D และศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนั้น

เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘ลุกซ์ ชาญวิทย์’ น้องชายของสาวใบเตย ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว ‘luxx.c.t_’ ระบุว่า…

“ลุกซ์และครอบครัว (ทั้ง 2 ครอบครัว) ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์สื่อใดๆในตอนนี้นะคะ
ขอความกรุณาพี่ๆสื่อมวลชน ทุกสื่อทุกสำนักงดติดต่อไปยังคุณพ่อ คุณแม่ ของพี่เตยและพี่แมน นะคะ

ลุกซ์ขอชี้แจ้งว่าทั้งตัวลุกซ์เองและคุณแม่ป้อง พิมพ์แข ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไหนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นรบกวนพี่ๆสื่อมวลชนทุกท่าน ไม่แอบอ้างชื่อของลุกซ์และแม่ป้องไปใช้ ในการนำเสนอข่าวโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตค่ะ

สุดท้ายนี้ลุกซ์ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ”

‘เจ๊จุกคลองสาม’ เปิดคลิปนาที ‘กลุ่ม 3 นิ้ว’ สาดเลือดลบหลู่ศาลพระภูมิ ชี้!! ทำแบบนี้ไม่ถูก มาลบหลู่สิ่งที่คนอื่นเคารพนับถือแบบนี้ไม่ได้

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 66 จากกรณีกลุ่ม ‘เพื่อนหยก’ อาทิ กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ทะลุวัง และทะลุแก๊ซ ได้เดินทางไปรวมตัวทำกิจกรรมที่ สน.สำราญราษฏร์ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว ‘หยก’ และชี้แจงการพยายามแจ้งข้อหาเพิ่มเติม มีการสาดสีแดงคล้ายเลือดบริเวณบันได และศาลพระภูมิ จนเลอะเทอะเสียหาย ล่าสุดผู้ชุมนุมถูกจับกุมเบื้องต้น 9 ราย

ล่าสุดทวิตเตอร์ ‘เจ๊จุก คลองสาม’ ได้โพสต์คลิปย่ำยีความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สน.สำราญราษฏร์ ขณะกลุ่มผู้ชุมนุมนำเลือดหมูไปสาดใส่ศาลพระภูมิ โดยระบุข้อความว่า “พวก...จะไม่เคารพสิ่งสิทธิ์ ศาสนา ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ ก็เรื่องของ...ค่ะ แต่...จะไปลบหลู่สิ่งที่คนอื่นเคารพนับถือแบบนี้ไม่ได้ พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนเหรอคะ  ...รู้ไหมว่า ตำรวจใน สน. เขากราบไหว้นับถือ ขอพรตอนออกทำงาน ให้รอดพ้นปลอดภัย พวก...เป็นใครมาจากไหน ถึงกล้าทำแบบนี้”

นอกจากนี้นำคลิปอีกมุมหนึ่งขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ชุมนุม พร้อมกับโพสต์ข้อความชี้แจงในทำนองว่า มันเป็นใคร ทำไมชั่งหน้าด้านหน้าทน กล้าตะโกนว่า #ตำรวจทำร้ายประชาชน อีก ดูสิคะทุกคน ฟาดเอาๆไม่ยั้ง โกหกตอแหล ตั้งแต่ศาสดายันสาวก เหมือนก็อป DNA กันมา ควรจะเลิกหลอกหลวงประชาชนกันได้รึยัง คิดว่าคนไทยโง่และพร้อมที่จะเชื่อทุกอย่างที่มึงพูด รึไงคะ

เผาแล้ว ‘ก้อย’ เหยื่อแอม พร้อม ‘4 ครอบครัวเหยื่อ’ ร่วมไว้อาลัย ด้าน ‘น้องข้าวหอม’ ลูกสาว 9 ขวบ ขอให้คนที่ฆ่าแม่ได้รับผลกรรมไว ๆ

(10 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณวัดสิงห์ไพบูลย์ประชา หมู่ 2 ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี ครอบครัวของน.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย อายุ 32 ปี ได้ร่วมกันประกอบพิธีฌาปนกิจศพ เพื่อส่งดวงวิญญาณของก้อยขึ้นสู่สรวงสวรรค์ หลังจากเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย ริมแม่น้ำแม่กลอง ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ต่อมามีการจับกุม นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี หรือ แอม ไซยาไนด์ เพื่อนผู้ตายที่มาด้วยกันแต่ไม่ยอมช่วยเหลือกลับเดินหนี ดำเนินคดีข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดวันเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566

โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า ทางครอบครัวของก้อยได้ร่วมกันนำโลงศพของก้อยที่ตั้งอยู่บนศาลาการเปรียญ เคลื่อนมายังเมรุเผาศพ โดยมีพี่สาวของก้อย และลูกสาว ร่วมเดินนำโลงศพเข้าสู่เมรุเผาศพ ซึ่งบริเวณเมรุเผาศพ ได้มีการนำจดหมายที่น้องข้าวหอม ลูกสาวของก้อยเขียนถึงแม่ ขึ้นป้ายไวนิลมาติดที่บริเวณหน้าเมรุเผาศพ รวมทั้งขึ้นป้ายไวนิลรูปเหยื่อผู้เสียชีวิตจำนวน 13 ราย มาติดไว้ด้วย เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นเหยื่อของ แอม ไซยาไนด์ ด้วย ขณะที่ครอบครัวของเหยื่อ 4 ราย ได้นำภาพถ่ายของผู้เสียชีวิต มาร่วมส่งดวงวิญญาณของก้อยสู่สรวงสวรรค์ในครั้งนี้ด้วย

โดยก่อนพิธีฌาปนกิจศพก้อย ญาติได้ร้องเพลง อยู่ตรงนี้-ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ฉันจะมีเธออยู่-สิงโต นำโชค ทำได้เพียง-25hours ทำให้บรรยากาศเศร้าโศก เพื่อนๆของก้อย ถึงกับกลั่นน้ำตาไม่อยู่ จากนั้นนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม พร้อมเพื่อนร่วมงานของก้อย ได้ยืนหน้าศพ พร้อมกล่าวขอให้ดวงวิญญาณ ก้อย รับทราบว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกคนจะดูแลครอบครัวก้อยให้ และขอให้ก้อยไปเป็นนางฟ้า มีแต่รอยยิ้มตลอดไป ขณะที่ครอบครัวของก้อยได้อ่านจดหมายของน้องข้าวหอม ลูกสาวของก้อยเขียนถึงผู้เป็นแม่ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

สำหรับการฌาปนกิจศพก้อย ได้มีเพื่อนๆ รวมถึง พล.ต.ศรชัย มนตริวัต หรือ เสธ.นิด อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ พระจากวัดต่างๆ ไปร่วมงานประมาณ 500 คน รวมถึง อ๊อด โฟร์เอส ก็ไปร่วมงานด้วย เนื่องจากก้อยเป็นที่รักของชาวบ้าน ชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้านตลอด รวมถึงชอบไปทำบุญตามวัดต่างๆ ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ ไม่เคยขาด

และเมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ ก้อย จากนั้นทาง พล.ต.ท.อาชยน ได้เป็นตัวแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบเงินช่วยเหลือให้กับแม่ของก้อย โดยแม่ได้ฝากขอบคุณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยเหลือ ก้อย จนได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ด้วย

น้องข้าวหอม อายุ 9 ปี ลูกสาวของก้อย กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังอยากถามน.ส.แอมที่เป็นคนลงมือวางยาคุณแม่ของตนจนเสียชีวิตว่า เหตุใดจึงต้องมาฆ่าแม่ เพราะชีวิตตนตอนนี้ก็ไม่เหลือใคร พ่อกับแม่ก็แยกทางกันอยู่ ตนอาศัยอยู่กับแม่มาตลอด เมื่อแม่มาเสียชีวิตไป ตนก็คล้ายกับต้องอยู่ตัวคนเดียว แต่ก็อยากจะบอกแม่ว่า ขอให้ดวงวิญญาณของแม่ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ และขอให้คนที่ฆ่าแม่ได้รับผลกรรมที่ทำอย่างถึงที่สุด

ขณะที่ แม่ของก้อย กล่าวว่า หลังจากที่เห็นการทำงานของตำรวจที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆอย่างละเอียด ทางครอบครัวก็วางใจลง และค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดกับแอมได้ จึงได้จัดพิธีฌาปนกิจศพในวันนี้ขึ้น เพื่อหวังให้ดวงวิญญาณของก้อยไปสู่สรวงสวรรค์ ส่วนตัวแอมที่เป็นผู้ก่อเหตุ ก็อยากขอให้ได้รับโทษอย่างถึงที่สุด ให้ติดคุกไปนานๆ ไม่ต้องออกมาอีก จะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร

แม่ของทราย 1 ในเหยื่อของแอม เปิดเผยว่า วันนี้มาส่งน้องก้อย ซึ่งลูกสาวตนก็เสียชีวิตในลักษณะเดียวกับน้องก้อย ซึ่งแอมเป็นคนสุดท้ายที่ไปส่งลูกสาวตน แต่ตอนนั้นไม่ได้สงสัยการเสียชีวิตของลูก แต่น้องก้อยทำให้รู้ว่าแอมเป็นคนทำ ตอนนี้รู้สึกดีใจมากที่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกสาวเรา เพราะมั่นใจ และเสียใจกับครอบครัวของก้อยด้วย วันนี้จึงเดินทางมาส่งน้องก้อยให้ไปภพภูมิที่ดี โดยตนได้บอกลูกสาวว่าแม่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งขณะนี้เรื่องราวก็กระจ่างขึ้นแล้ว เพราะตำรวจไทยเก่งมาก และต้องขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตำรวจ สน.ทองหล่อ และทีมงานทั้งหมด ที่ทำให้ลูกสาวของตนได้รับความยุติธรรม

ด้าน นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ในส่วนของครอบครัวผู้เสียชีวิตสามารถไปติดต่อที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัด เพื่อขอรับเงินเยียวยารายละไม่เกิน 1.5 แสนบาท โดยทาง ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้กำชับให้เร่งรัดดูแลครอบครัวผู้สูญเสียอย่างเต็มที่

‘ผบ.ตร.’ ส่งหน่วยงานฯ ประชุมที่จีน ถกปัญหา-พร้อมหาแนวทาง กวาดล้าง ‘คนจีน’ เข้ามาสร้างเรื่อง โดยใช้ไทยเป็นแหล่งก่อเหตุ

(10 พ.ค 66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการผ่าน พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์   สัจจพันธ์ุ ผบช.สตม. ให้หาแนวทางมาตรการในการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ปัจจุบัน มีเหตุชาวจีนเข้ามากระทำความผิด ต่อชาวจีนด้วยกันในประเทศไทย แล้วหลบหนีออกนอกประเทศ รวมถึงมีบางส่วนเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อหลบหนีการกระทำความผิดมาจากประเทศจีน รวมถึงประเทศต่างๆ เข้ามาในประเทศไทย อีกทั้งบางส่วนมีพฤติกรรมเข้ามาก่อตั้งรกรากและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย

มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และคณะ เดินทางไปประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน ระหว่างวันที่ 5-11 พฤษภาคม 2566 เพื่อประชุม แสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลต่างๆที่สำคัญในประเทศจีน เพื่อหาแนวทางในการสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีประวัติในการกระทำความผิด หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านตามช่องทางสนามบินและช่องทางด่านต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงติดตามจับกุมผู้ที่มีหมายจับของประเทศจีน

ผลการประชุมหารือได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมณฑลต่างๆ เป็นอย่างดี โดยทางตำรวจจีนได้ส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับที่สำคัญและมีข้อมูลว่าหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยให้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยช่วยติดตามจับกุมให้ จำนวนหลายเป้าหมายและมีการประสานงานร่วมกันผ่าน contact person เพื่อส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับในจีนเพื่อให้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทยลงข้อมูลในระบบเพื่อแจ้งเตือน เมื่อพบว่าผู้ต้องหาเหล่านี้เข้ามายังพรมแดนประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ในการสกัดกั้นไม่ให้คนจีนเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ในลักษณะดังกล่าวได้

นอกจากนี้ทาง ตำรวจจีนได้ขอบคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย รวมถึงสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในอดีตที่ผ่านมาที่ได้ช่วยจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีสำคัญสำคัญในจีนมาดำเนินคดีได้เป็นจำนวนมาก 

ตำรวจไซเบอร์รวบเอเย่นต์ซื้อขายบัญชีม้าส่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปปอยเปต เดือนละกว่า 100 บัญชี

สืบเนื่องจาก ปฏิบัติการ Shutdown Fake Loan เครือข่ายแก๊งเงินกู้ทิพย์ออนไลน์ ที่มีผู้เสียหายกว่า 400 ราย เชื่อมโยง 448 Case ID มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 7 ล้าน เมื่อปลายเดือนเมษายน 66 ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.๕ กล่าวว่าจากปฏิบัติการนี้ ยังสืบทราบว่ามีความเชื่อมโยงหลายท้องที่และมีความสลับซับซ้อนทางคดี โดยเฉพาะการร่วมขบวนการ รวบรวมบัญชีม้าส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน 
จึงได้สั่งการให้มีการเร่งรัดขยายผลจับกุมผู้ต้องหาโดยด่วน
อีกทั้งก่อนหน้ายังปรากฏผู้เสียหายมาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคนร้าย ส่งลิงค์ข้อความบริษัท ซีทีบีซี แบงค์ คอมปานี ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้ ส่งข้อความมาทางแอพพลิเคชั่นไลน์

อีกทั้งผู้เสียหายมีความเดือนร้อนต้องการหาแหล่งเงินกู้ยืมเพื่อมาใช้ดำเนินกิจการของตนอยู่ก่อนแล้วจึงเริ่มตกลงทำธุรกรรมผ่านลิ้งค์ดังกล่าว โดยเริ่มทำสัญญากู้เงินกับคนร้าย จำนวน 3 ล้านบาทซึ่งต่อมาคนร้ายอ้างว่าต้องจ่ายค่าดำเนินการต่าง ๆ เพื่อเป็นการค้ำประกัน ผู้เสียหายหลงเชื่อโดนเงินค่าดำเนินการไปให้คนร้ายจำนวนกว่า 4 แสนบาท แต่มาไม่ได้รับเงิน

กก.1 บก.สอท.5 จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาล และร่วมกันจับกุม นายธนากร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ ๓๐ ปี ชาวพื้นที่อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเสียหายแก่ประชาชน” จับกุมได้ที่บริเวณพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 66
 ด้านผู้ต้องหาได้ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการหลอกลวงดังกล่าว มีหน้าที่รับซื้อบัญชีธนาคารบัญชีละ 500 บาท โดยได้ค่าจัดหาบัญชีละ 1,000 บาท จากนั้นรวบรวมบัญชีม้าส่งขายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรวมแล้วกว่า 100 บัญชี ได้เงินกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน

ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม : ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.กก.1 บก.สอท.5 โทร. 08 5791 6105

‘บัวขาว’ เปลี่ยนใจไม่ได้เดินทางไปพร้อมกับทีมลุยศึกซีเกมส์ครั้งนี้ เผย กังวลความปลอดภัย จากเหตุชาวกัมพูชาตั้งใจก่อความวุ่นวาย

(10 พ.ค.66)  ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ผู้จัดการทีม และอุปนายกสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย เปลี่ยนใจกะทันหันไม่เดินทางไปพร้อมนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งชุดซีเกมส์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งมีกระแสข่าวว่า ชาวกัมพูชาบางส่วนตั้งใจจะก่อความวุ่นวายสร้างปัญหาให้กับบัวขาวและทีมงาน

ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่าทางกัมพูชา โดยสมเด็จ พล.เอก เตีย บันห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ประสานมายังกองบัญชาการกองทัพบกเพื่อแจ้งว่า อาจจะมีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้นจากแฟนกีฬาชาวกัมพูชาที่มีการเตรียมการบางอย่างไว้แล้ว และบัวขาวอาจจะได้รับอันตราย ก่อนที่กองบัญชาการกองทัพไทยจะแจ้งข่าวมายังบัวขาวทันที

บัวขาวกังวลใจว่า ถ้าเดินทางไปครั้งนี้จะเป็นเหตุให้ผู้ไม่หวังดีก่อความวุ่นวาย เกิดภาพความรุนแรงจากการแข่งขัน และอาจบานปลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศได้ จึงตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปพร้อมกับนักกีฬาเมื่อเช้านี้

สำหรับซีเกมส์ครั้งนี้ทางสมาคมส่งนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งเข้าชิงชัยทั้งหมด 17 รุ่น โดยมีความหวัง 6 เหรียญทอง

สรุปเหรียญซีเกมส์ 2023

สรุปเหรียญซีเกมส์ 2023 ประเทศไทยได้กี่เหรียญแล้ว มาดูกัน!!

ข้อมูล ณ วันที่ 10 พ.ค. 2566 เวลา 18.00 น.

ศลต.ตร.ย้ำเตือนประชาชนงดสวมใส่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย มีสัญลักษณ์พรรคการเมือง - ผู้สมัคร เข้าคูหาเลือกตั้ง ส่วนภารกิจขนส่งบัตรเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว ถึงที่หมายทั่วประเทศอย่างปลอดภัย

วันนี้ (10 พฤษภาคม 2566) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติศลต.ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร. มีความห่วงใยเรื่องการหาเสียงของพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศลต.ตร. จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนว่าการหาเสียงขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2561 มาตรา 79 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการโฆษณาหาเสียงโดยวิธีการใดไม่ว่าจะเป็นหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง นับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนการเลือกตั้งหนึ่งวัน จนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง นั่นคือสามารถโฆษณาหาเสียงได้ถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 เท่านั้น

นอกจากนี้ ศลต.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ตามที่กรมประชาสัมพันธ์ได้ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบ โดยเน้นย้ำในเรื่องของการงดเว้นแสดงสัญลักษณ์ที่เข้าข่ายเป็นการโฆษณาหาเสียง โดยการสวมใส่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กระเป๋า หมวก ที่มีโลโก้ หมายเลข สัญลักษณ์พรรคการเมือง หรือผู้สมัคร ส.ส. ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปในบริเวณหน่วยเลือกตั้ง และคูหาเลือกตั้ง เพราะอาจถือเป็นการโฆษณาหาเสียง เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้ (10 พฤษภาคม 2566) ภารกิจในการขนส่งบัตรเลือกตั้งเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จากศูนย์ไปรษณีย์ เขตหลักสี่ กทม. ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยตั้งแต่เช้าวันนี้รถตำรวจทางหลวงได้นำขบวนรถไปรษณีย์ขนบัตรเลือกตั้งไปยังจังหวัดภาคกลาง กทม. และปริมณฑล ซึ่งเป็นชุดสุดท้าย ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแล้ว โดยรถไปรษณีย์ขนบัตรเลือกตั้งทุกคันมีตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมอาวุธ และเสื้อเกราะทำหน้าที่ดูแลคุ้มกัน มีรถตำรวจทางหลวงนำ และปิดท้ายขบวน มีกำลังตำรวจท้องที่คอยดูแลระหว่างจอดพัก และคอยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง และยังควบคุมการเดินทางโดยระบบ GPS ติดตาม แจ้งพิกัดแบบเรียลไทม์ อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (11 พฤษภาคม 2566) จะเป็นวันแรกของการส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้ว ผ่านการคัดแยกเรียบร้อยไปยังหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ โดย ศลต.ตร.สนับสนุนภารกิจด้านการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน   

ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแส ข้อมูล สามารถส่งมาได้ที่เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. หรือสามารถแจ้งตำรวจได้ที่สถานีตำรวจนครบาล สถานีตำรวจภูธร ทุกแห่ง หรือ โทร.191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ แจ้งสายด่วน กกต. 1444

ผบ.ตร. ส่งชุดสืบ สตม. ไปจีนแก้ปัญหาคนจีนเข้ามาก่อเหตุกับคนจีนด้วยกันโดยใช้ไทยเป็นแหล่งก่อเหตุ ส่งชุดสืบ สตม. ไปจีนแก้ปัญหาคนจีนเข้ามาก่อเหตุกับคนจีนด้วยกันโดยใช้ไทยเป็นแหล่งก่อเหตุ

จากสถานการณ์ปัจจุบัน มีเหตุชาวจีนเข้ามากระทำความผิด ต่อชาวจีนด้วยกันในประเทศไทย แล้วหลบหนีออกนอกประเทศ รวมถึงมีบางส่วนเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อหลบหนีการกระทำความผิดมาจากประเทศจีน รวมถึงประเทศต่างๆ เข้ามาในประเทศไทย อีกทั้งบางส่วนมีพฤติกรรมเข้ามาก่อตั้งรกรากและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการผ่าน พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ุ ผบช.สตม.ให้หาแนวทาง มาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และคณะ เดินทางไปประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน ระหว่างวันที่ 5-11 พฤษภาคม 2566 เพื่อประชุม แสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลต่างๆที่สำคัญในประเทศจีน เพื่อหาแนวทางในการสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีประวัติในการกระทำความผิด หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านตามช่องทางสนามบินและช่องทางด่านต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงติดตามจับกุมผู้ที่มีหมายจับของประเทศจีน 
ผลการประชุมหารือได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมณฑลต่างๆ เป็นอย่างดี โดยทางตำรวจจีนได้ส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับที่สำคัญและมีข้อมูลว่าหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยให้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยช่วยติดตามจับกุมให้ จำนวนหลายเป้าหมายและมีการประสานงานร่วมกันผ่าน contact person เพื่อส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับในจีนเพื่อให้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทยลงข้อมูลในระบบเพื่อแจ้งเตือน เมื่อพบว่าผู้ต้องหาเหล่านี้เข้ามายังพรมแดนประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ในการสกัดกั้นไม่ให้คนจีนเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ในลักษณะดังกล่าวได้

นอกจากนี้ทาง ตำรวจจีนได้ขอบคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย รวมถึงสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในอดีตที่ผ่านมาที่ได้ช่วยจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีสำคัญสำคัญในจีนมาดำเนินคดีได้เป็นจำนวนมาก

'ป๊อบ ปองกูล' กล่าว!! หลังรับรางวัลบนเวที THE GUITAR MAG AWARDS "การกระทำที่ผิด เกิดจาก Human Error ผมฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ กกต."

(10 พ.ค. 66) ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อยกับงานประกาศรางวัลทางดนตรีระดับประเทศ THE GUITAR MAG AWARDS : REAL AWARDS FOR REAL ARTIST งานประกาศรางวัลทางดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ซึ่งเป็นงานเดียวที่รวมศิลปิน และคนดนตรีทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังมารวมตัวกันมากที่สุด จากทุกค่ายเพลง ทุกแนวดนตรี 

โดยงานนี้ได้ถูกจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 และก็โอกาสร่วมฉลองครบรอบปีที่ 21 ของนิตยสาร นิตยสาร THE GUITAR MAG ในธีม 'MUSIC EXTRAVAGANZA : มหกรรมแห่งเสียงดนตรี' ไปในตัว

อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์เด็ดที่ถูกนำมาแชร์กันผ่านโลกออนไลน์ ก็ยังต้องเป็นของชายคนนี้ 'ป๊อบ ปองกูล' ซึ่งคว้ารางวัล BEST COLLABORATION SONG OF THE YEAR จากเพลง 'สลักจิต' ศิลปิน ป๊อบ ปองกูล X ดา เอ็นโดรฟิน และแน่นอน เขาย่อมมีข้อความสลักจิตมาฝากเสมอ ๆ

"ขอบคุณ THE GUITAR MAG ค่าย GMM White Music ตอนแรกไม่คิดว่าจะตื่นเต้น แต่ตื่นเต้นนี่หว่า ก่อนนี้ไม่คิดว่าเสียงของตัวเองจะทำงานกับคนฟังได้ แต่วันนี้พิสูจน์แล้ว ขอบคุณทีมที่ร่วมกันสร้างเพลง การกระทำที่ผิด เกิดจาก Human Error ผมฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ กกต.”

ตร.ไซเบอร์รวบเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างบริษัทไปรษณีย์ไทยหลอกโอนเงินกว่า 40 ล้าน

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นบริษัทไปรษณีย์ไทย โทรศัพท์มาหลอกผู้เสียหายว่ามีพัสดุผิดกฎหมายซึ่งตรวจพบเป็นกัญชาได้ถูกส่งไปที่ประเทศจีน ซึ่งผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด จากนั้นได้โอนสายไปยังบุคคลที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าผู้เสียหายยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการการฟอกเงิน ต้องโอนเงินไปให้ตรวจสอบทุกบัญชี ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปทุกบัญชีรวมจำนวน 40 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิด กระทั่งวันที่ 9 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้ร่วมจับกุมตัวนายอานนท์ อายุ 23 ปี ชาวอ่างทอง ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้บริเวณ ถนนอ่างทอง-ป่าโมก ต.บ้านแห อ.เมือง จ.อ่างทอง

เบื้องต้น นายอานนท์ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามา ก่อนที่กลุ่มมิจฉาชีพจะโอนเงินไปยังบัญชีอื่นต่อไป นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า นายอานนท์ ยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับอีกจำนวน 3 หมายในความผิดลักษณะเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
 
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 สั่งการให้ พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง, พ.ต.ต.รังสรรค์ แสงรูจี และ พ.ต.ต.วัฒนชัย ธนกวินวงศ์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันดำเนินการจับกุม

ตำรวจไซเบอร์ เร่งตรวจสอบเพจ Facebook กปปค. แอบอ้างหน่วยงาน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์ชี้แจงความคืบหน้ากรณีเพจ Facebook “กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ กปปค.” แอบอ้างใช้สัญลักษณ์ของ บช.สอท. ทำให้ประชาชนหลงเชื่อเข้าใจผิด สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง พร้อมแนะนำวิธีการตรวจสอบเพจปลอม ดังนี้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์กรณีเพจ Facebook “กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ - กปปค.” โพสต์ภาพพร้อมข้อความเกี่ยวกับการออกหมายจับไลฟ์โค้ชเข็มทิศชีวิตนั้น ได้รับรายงานจากกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ว่าจากการตรวจสอบเพจ Facebook ดังกล่าว พบมีการคัดลอกภาพโปรไฟล์ และภาพหน้าปกของเพจ Facebook “กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB มาแอบอ้างหลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด หรือสร้างความน่าเชื่อถือในการกระทำผิดแสวงหาผลประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ ซึ่งอาจทำให้มีประชาชนหลงเชื่อว่าข้อความ หรือภาพที่นำเสนอผ่านเพจดังกล่าวเป็นเรื่องจริง หรือทำให้ประชาชนเข้าไปติดต่อกับเพจดังกล่าวสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ ในเบื้องต้นได้มีการประสานไปยังผู้ให้บริการดำเนินการปิดเพจดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทางคดีอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป

การกระทำดังกล่าวเบื้องต้นอาจจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนฯ” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ “ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1), 16 และความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาก็มีเพจ Facebook หรือเว็บไซต์ในลักษณะดังกล่าวของหน่วยงานต่างๆ ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาชน มีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ให้สิทธิพิเศษต่างๆ หรืออ้างว่าสามารถช่วยเหลือเร่งรัดติดตามคดีได้ มีการขอข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน รวมไปถึงหลักฐานทางคดีของเหยื่อนำไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลไปแฮ็กบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ หรือนำรหัสบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้า หรือโอนเงินจากบัญชีธนาคาร หรือนำข้อมูลไปขายให้กับแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ หรือนำไปแอบอ้างทำเรื่องที่ผิดกฎหมายต่างๆ

รัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ หรือแอบอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ มาหลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอยืนยันว่าเพจดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับ บช.สอท. แต่อย่างใด หากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากแอบอ้างของเพจดังกล่าวให้เตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับสถานีตำรวจใกล้บ้านในทันที หรือแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่ https://thaipoliceonline.com ทั้งนี้ในปัจจุบันการเข้าถึงช่องทางหน่วยงานต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ อย่าประมาท ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพราะช่องทางดังกล่าวมิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดี อาจจะสร้างปลอมขึ้นมา โดยต้องระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี ซึ่งมิจฉาชีพอาจฉวยโอกาสหลอกนำข้อมูลไปเเสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ รวมถึงไม่หลงเชื่อเพียงเพราะมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงาน แอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือมีการยิงโฆษณา หรือมีชื่อเพจ หรือเว็บไซต์ที่คิดว่าน่าจะเป็นของหน่วยงานนั้นจริง

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการหลีกเลี่ยงการเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม และเพจ Facebook ปลอม ดังนี้

1. เพจ Facebook ที่ถูกต้องของตำรวจไซเบอร์ คือ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB หรือ @CybercopTH และเว็บไซต์ตำรวจไซเบอร์ https://www.ccib.go.th เท่านั้น โดยหากท่านต้องการที่จะเข้าสู่เพจ หรือเว็บไซต์ ขอให้พิมพ์ชื่อด้วยตนเอง ป้องกันการเข้าสู่เพจ หรือเว็บไซต์ปลอม
2. เพจ Facebook จริงจะต้องมีเครื่องหมายยืนยันตัวตน (เครื่องหมายถูกสีฟ้า) หากไม่มีเครื่องหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเพจปลอม
3.เพจ Facebook จริง จะมีส่วนร่วมในการโพสต์เนื้อหา รูปภาพ หรือกิจกรรมต่างๆ ต่อเนื่อง รวมถึงมีจำนวนผู้ติดตามที่ไม่น้อยจนเกินไป

4. เพจ Facebook ปลอม หรือเลียนแบบ มักจะเพิ่งสร้างขึ้นได้ไม่นาน
5. หมายเลขสายด่วนตำรวจไซเบอร์ คือ 1441 และหมายเลข 081-866-3000 และไม่มีช่องทางไลน์ในการติดต่อ มีเพียงแชตบอท @police1441 ที่เอาไว้ปรึกษาคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คอยให้บริการตอบคำถามประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
6. การพิมพ์ชื่อหน่วยงานเพื่อค้นหาเว็บไซต์ของหน่วยงานใดๆ ไม่ได้มีความปลอดภัยเสมอไป ควรเพิ่มความระมัดระวังในการสังเกตชื่อเว็บไซต์ หรือสังเกต URL อย่างละเอียด และไม่หลงเชื่อเว็บไซต์ที่มีการยิงโฆษณาของมิจฉาชีพ
7. ไม่กรอก หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี ผ่านสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Line Facebook โดยเด็ดขาด
8. หากพบ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นเพจ หรือเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ ให้ติดต่อไปยังหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง เพื่อแจ้งให้ทำการตรวจสอบทันที

สะพานขึงพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก เสร็จแล้ว 100% ถือเป็นสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่กว้างที่สุดในประเทศไทย

(10 พ.ค. 66) บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นการก่อสร้างสะพานขึงคู่ขนานสะพานพระราม 9 ในสัญญาที่ 4 มูลค่าสัญญา กว่า 6,000 ล้านบาท โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ลงนามสัญญาจ้าง กับ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีระยะเวลาการก่อสร้าง 39 เดือน มีกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2566 ถือเป็นสะพานขึงที่กว้างที่สุดในประเทศไทย

โครงการฯ มีจุดเริ่มต้นบริเวณเชิงลาดสะพานพระราม 9 ฝั่งธนุบรี เป็นสะพานซึ่งคู่ขนานสะพานพระราม 9 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่อง จราจร มีความยาวช่วงกลางสะพาน 450 เมตร และมีความยาวของสะพาน 780 เมตร ข้ามไปฝั่งกรุงเทพฯ สิ้นสุดโครงการฯ ที่บริเวณทางแยกต่างระดับบางโคล่ ระยะทางรวมประมาณ 2 กิโลเมตร โครงการทางพิเศษพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก มีลักษณะเป็น Double Deck เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ทำให้เพิ่มพื้นผิวจราจรแก้ปัญหาจุดตัดจุดร่วม รองรับการเดินทางจากนอกเมืองเข้าในเมืองได้เป็นอย่างดี

โดยในการดำเนินโครงการได้จัดทำแบบจำลองสะพาน Full Model สำหรับทดสอบความแข็งแรงของสะพานต่อแรงลม ซึ่งสามารถรับแรงลมได้ถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่าความแรงของพายุทอร์นาโด ดังนั้น สะพานจึงมีความมั่นคงแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง และตัวสะพานมีความลาดชันน้อยกว่าสะพานพระราม 9 เดิม ทำให้ไม่เกิดการชะลอตัวสะสมในช่วงขาขึ้นสะพาน

นอกจากสะพานคู่ขนานแห่งใหม่นี้ จะมีการออกแบบเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 แล้ว ยังได้ออกแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานงานไทยกับความงดงามด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ของการก่อสร้างทางวิศวกรรม และมีการประดับไฟเพื่อเพิ่มสีสันให้แก่สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 ซึ่งไฟสามารถเปลี่ยนสีให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาลต่าง ๆ ได้ โดยแต่ละสีมีความหมายดังนี้ สีเหลืองทอง แสดงถึง การตั้งมั่นในศีล การตั้งมั่นในธรรม, สีขาวแสดงถึงความมีตบะ, สีฟ้าแสดงถึงความอ่อนโยน, สีชมพูแสดงถึงการให้ การบริจาค และสีส้มแสดงถึงความซื่อตรง ความไม่เบียดเบียน

บมจ. ช.การช่าง ระบุว่า การก่อสร้างสะพานแห่งนี้ได้แล้วเสร็จตามกำหนดในสัญญาซึ่งเป็นส่วนหน้าของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก ที่จะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดสะสมโดยเฉพาะช่วงสะพานพระราม 9 นับเป็นโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาจราจรได้เป็นอย่างดีจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

‘อัษฎางค์’ ติง!! อย่าเล่นของทำพิธีสาปแช่งใครเด็ดขาด ชี้!! มันจะเข้าตัว หากคนที่คิดเล่นงานนั้น มีบารมีสูงส่ง

(10 พ.ค.66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ระบุว่า...

ตอนผมเป็นเด็ก ๆ มีผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งผมเคยเห็นชีวิตเขารุ่งเรืองมาตลอด แต่ ณ เวลานั้นชีวิตเขาแย่มาก สภาพเขาก็แย่มาก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับเขา ผมสงสัยแต่ไม่เคยถาม เพราะตัวเองก็ยังเด็ก

แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาคุยกับผม โดยบอกผมว่า เขา ‘เผาพริกเผาเกลือ’ สาปแช่งคู่อริคนหนึ่ง หลังจากนั้นชีวิตเขาก็พัง หน้าที่การงาน สุขภาพ ความรัก พังหมด

เขาย้ำกับผมว่า อย่าเล่นของทำพิธีสาปแช่งใครเด็ดขาด เพราะมันจะเข้าตัว

การกระทำของหนุ่มกู้ภัยคนนี้ อาจจะต้องถึงคราวที่ตัวเองจะเจอภัยเข้าแล้ว เพราะคนที่ตัวเองคิดจะเล่นงานนั้นมีบารมีสูงส่ง เป็นถึงอัครมหาเสนาบดี คนธรรมดาๆ คิดว่าการทำแบบนี้จะทำอะไรเขาได้หรือ

ผลของการกระทำในครั้งนี้ จะส่งผลให้ตัวได้หนุ่มคนนี้และพรรคที่หนุ่มกู้ภัยสนับสนุน เจอภัยย้อนกลับมาแน่นอน และมันกลับไปเพิ่มบารมีให้ลุงตู่

‘น้องดรีม’ กระโดดสูง ทำสถิติ 1.79 เมตร คว้าเหรียญทองสำเร็จ เผย สุดตื่นเต้น เพิ่งติดทีมชาติ ได้ลงแข่งซีเกมส์ครั้งแรก

(9 พ.ค. 66) การชิงชัยเหรียญรางวัลวันที่ 2 ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่สนามกีฬาแห่งชาติ มรดก เตโช กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

การแข่งขันกระโดดสูงหญิง น.ส.ธัญลดา ทองชมพูนุช หรือ ‘น้องดรีม’ นักกีฬากระโดดสูงทีมชาติไทย วัย 19 ปี ที่เพิ่งติดทีมชาติมาครั้งแรก ลงแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ปรากฎว่า น.ส.ธัญลดา ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม กระโดดทำสถิติ 1.79 เมตร คว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ

หลังจบการแข่งขัน น.ส.ธัญลดา เผยว่า ตื่นเต้นมาก เนื่องจากเป็นการแข่งขันซีเกมส์ครั้งแรก ก่อนมาตั้งเป้าไว้เพียงแค่ติดเหรียญใดเหรียญหนึ่งกลับบ้านเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมาถึงเหรียญทอง แต่พอทำได้มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“ก่อนมาเพิ่งจะเข้ามาซ้อมกับสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยได้เพียง 3 เดือนเศษๆ ก่อนมาแข่งสถิติก็ไม่ดีนัก แต่ก็พยายามเต็มที่ วันนี้ทำได้แล้ว ก็จะตั้งใจซ้อมต่อไป อยากจะเก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ซักหลัง” น.ส.ธัญลดา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top