Monday, 13 May 2024
NEWS

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 6/2566

พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันพุธที่ 28 มิ.ย.66 เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 6/2566  ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.), ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรรมการ ก.ตร.วินัย, กรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ และกรรมการ ก.ตร.บริหารทรัพยากรบุคคลเข้าร่วมประชุมฯ 

สำหรับการประชุมฯ ครั้งนี้ มีระเบียบวาระการประชุม ประกอบด้วยเรื่องการรายงาน
การดำเนินการของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย, คณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านอุทรณ์ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านกฎหมาย รวมถึงเรื่องการเลื่อนเงินเดือนประจำปี 2565 ครั้งที่ 2 

ครึ่งปีหลัง (1 ต.ค.65) ในโควตาสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนระดับ ส.6 ขึ้นไป และการเลื่อนเงินเดือนประจำปี 2566 ครั้งที่ 1 ครึ่งปีแรก (1 เม.ย.66) แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนในระดับ ส.6 

ทั้งนี้ กรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคล
ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการตำรวจประจำเดือน มิ.ย.66 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษ จำนวน 14 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 13 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 1 นาย โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.66 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 97 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 79 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 18 นาย

‘รติวรรธน์ หงส์พนัส’ เยาวชนคนเก่งจาก สาธิต มศว ปทุมวัน รับรางวัลจากเวทีนานาชาติ ด้วยผลงาน ‘Meso Go Around’

เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติ ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก กรุงเทพฯ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธี

ในการนี้มีนักเรียนของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (สาธิต มศว ปทุมวัน) ได้เข้ารับประกาศนียบัตรจากการเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยในงาน “The 48th International Exhibition of Inventions Geneva” ระหว่างวันที่ 26 – 30 เมษายน พ.ศ. 2566 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ด้วยผลงาน "บอร์ดเกมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ Meso Go Around เจาะเวลา ค้นหาอารยธรรมเมโสโปเตเมีย" ซึ่งเป็น 1 ใน 23 ผลงานของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมการประกวด และได้รับรางวัลเหรียญทองแดงจากการเข้าร่วมการประกวดในครั้งนี้ คือ นายรติวรรธน์ หงส์พนัส นักเรียนจากชั้น ม.5/151 

THE STATES TIMES ขอแสดงความยินดีกับเยาวชนคนเก่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

‘หมอวรงค์’ ชนะคดีที่ ‘พิธา’ ฟ้อง โดยถือว่า วิจารณ์โดยสุจริต  และทำหน้าที่ ฐานะประชาชน ในการปกป้องสถาบันฯ

นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องที่ศาลได้ยกฟ้องในวันนี้ (28 มิ.ย.) โดยระบุว่า ...

ศาลยกฟ้อง
คดีที่พรรคก้าวไกลโดยนายพิธาฟ้องผม ที่กล่าวหาสนับสนุนการล้มล้างฯ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 24,062,475 บาท
ศาลยกฟ้องครับ ถือว่าวิจารณ์โดยสุจริต และทำหน้าที่ในฐานะประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ในการปกป้องสถาบันฯ

‘นักศึกษา ม.มิชิแกน’ แปลกลอน ‘สุนทรภู่’ เป็นภาษาอังกฤษ เลือกบท ‘แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์’ อวดเสน่ห์ทางภาษาให้โลกเห็น

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 66 ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นวันสุนทรภู่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้ทวิตเตอร์ ‘Ken Mathis Lohatepanont’ หรือ ‘นายเมธิส โลหเตปานนท์’ นักศึกษาปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ทวีตข้อความระบุว่า เสียดายที่กลอนไทยยังไม่ได้รับความสนใจในต่างประเทศ ทั้งที่มีคุณค่าเชิงวรรณศิลป์ โดยในวันสุนทรภู่ปีนี้ ตนได้แปลบทกลอนของสุนทรภู่บางบทเป็นภาษาอังกฤษความว่า

“เป็นที่น่าเสียดายว่ากลอนของไทยยังไม่ได้รับความสนใจจากต่างประเทศมากนัก ทั้งที่มีคุณค่าเชิงวรรณศิลป์ สำหรับ #วันสุนทรภู่ ปีนี้ ผมได้แปลกลอนของสุนทรภู่บางบทเป็นภาษาอังกฤษ โดยคงฉันทลักษณ์ของกลอนแปดไว้ครับ”

ทั้งนี้ ข้อเขียนที่นายเมธิสกล่าวถึง ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.thaienquirer.com มีเนื้อหาระบุถึงการรำลึกวันคล้ายวันเกิดของสุนทรภู่ กวีทีมีความชำนาญด้านกลอน เรียกได้ว่าเป็น วิลเลียม เชคส์เปียร์ ของประเทศไทย โดยสุนทรภู่ ได้สร้างสรรค์ผลงานที่มีชื่อเสียงไว้หลายชิ้นด้วยกัน ซึ่งผลงานเหล่านั้นยังคงถูกนำมาอ้างอิงในวัฒนธรรมร่วมสมัยอยู่บ่อยครั้ง

จากนั้น นายเมธิส เล่าถึงประวัติสุนทรภู่ แล้วอธิบายฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ หรือ ‘กลอนแปด’ แล้วจึงแปลบทกวีจากเรื่องอภัยมณี โดยระบุว่า ตนพยายามซื่อสัตย์ต่อเนื้อหาของต้นฉบับภาษาไทยในการแปลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนในบางจุด เพื่อคงไว้ซึ่งโครงสร้างคำสัมผัส คำสัมผัสในการทับศัพท์ภาษาไทยจะเป็นตัวหนา เพื่อให้ได้รู้ว่าคนไทยออกเสียงคำเหล่านี้อย่างไร ดังนั้น คำเหล่านี้จึงไม่สะท้อนถึงรากของคำ เนื่องจากบางคนชอบใช้คำทับศัพท์ภาษาไทย ดังนี้

Phra Aphai Mani — Sudsakorn

“แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหนือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน
บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน
เกิดเป็นคนคิดเห็นจึ่งเจรจา
แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”

“Laew sorn wa ya wai jai manood
Mun san sood luek lam nuer kamnod
Tueng tao wan pan kiew tee liew lod
Gor mai kod muen nueng nai num jai khon
Manood nee tee ruk yu song satharn
Bida marnda rak muk pen pon
Tee pueng nueng peung dai tae kai ton
Kerd pen khon kid hen jueng jeraja
Maen krai ruk ruk mung chung chung torb
Hai rorb korb kid arn na larn na
Ru sing dai mai su ru vicha
Ru raksa tua rord pen yord dee

Do not trust others, he said :
be afraid of the human mind.
Even the most twisted of vines
seems benign compared to the soul.
Two people do have pure intent:
Your parents, who love with hearts whole.
But destiny’s yours to control
It’s your role to think on your own.
Beware of even the friendly
Cautiously think through all you’ve known.
Knowledge is not enough, alone:
The capstone is learning to survive.”

บัณฑิต ‘จุฬา-ธรรมศาสตร์-เกษตร’  กวาดตำแหน่งงาน จาก Top 20 บริษัทชั้นนำของไทย

ข้อมูลที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ Candid Data เผยว่า บัณฑิตจาก ‘จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย’ ครองแชมป์สถาบันที่มีตำแหน่งงานในบริษัท Top 20 ของประเทศไทยสูงสุด ที่ 4,085 ตำแหน่ง ในขณะที่อันดับสองตกเป็นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ 2,572 ตำแหน่ง ส่วนอันดับสามได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่มีบัณฑิต 2,018 คน เข้าไปร่วมงานในหลากหลายตำแหน่งของบริษัทใหญ่ รวม 3 มหาวิทยาลัย มีจำนวนทั้งสิ้น 8,675 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ที่ครองที่นั่งในบริษัทระดับท็อปของประเทศเช่นกัน อาทิ มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 5,532 ตำแหน่ง
 ‘จุฬา - มธ. - เกษตร’ กวาดที่นั่งบริษัทดังกว่าครึ่ง

ตำแหน่งงานทั้งหมดจากการสำรวจในครั้งนี้มี 14,207 ตำแหน่ง เท่ากับว่า บัณฑิตจาก 3 มหาวิทยาลัย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กว่าที่นั่งไปทั้งสิ้น 61% คิดเป็นกว่าครึ่งจากจำนวนที่นั่งทั้งหมด โดยมหาวิทยาลัยที่ครองตำแหน่งสูงสุดอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครองตำแหน่งคิดเป็น 28.7% หรือมากกว่า 1 ใน 4 ของตำแหน่งทั้งหมดในบริษัทชั้นนำของไทย

นอกจากนี้ Candid Data ยังเผยว่าในบรรดาบริษัทที่ติดโผนั้น บัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครองอันดับสูงสุดในแทบทุกบริษัท ยกเว้น AIS, SCB, และ Boon Rawd Brewery ที่มีบัณฑิตจากรั้วเกษตรศาสตร์เข้าทำงานสูงสุด ส่วน Tesla นั้นมีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทำงานอยู่มากสุด
ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัย ไหนว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน?

หลังบทความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาตั้งคำถามในทำนองว่า ‘ไหนว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน?’ สะท้อนปัญหาด้านความเชื่อมั่นที่บริษัทต่างๆ มีต่อสถาบันการศึกษาที่แตกต่างกัน รวมถึงคุณภาพการศึกษาจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทยที่มีอยู่มากมาย

อีกด้านหนึ่ง ก็มีผู้ตั้งคำถามถึง ‘โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่ต่างกัน’ โดยประชากรที่เกิดในบ้านที่มีชนชั้นทางเศรษฐกิจที่สูงกว่า ก็มีโอกาสที่จะเลือกมหาวิทยาลัยได้มากกว่า นำไปสู่โอกาสที่จะเข้าไปทำงานในบริษัทชั้นนำได้มากกว่าเช่นกัน

ที่ทำงาน / สถาบันการศึกษา ไม่ได้การันตีความสำเร็จในชีวิต
แม้บริษัทที่ทำการสำรวจนี้ จะเป็นบริษัทจาก “สุดยอดบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย 2023” ที่รวบรวมโดย WorkVenture แต่ก็มิได้หมายความว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในชีวิต เพราะเป้าหมายชีวิต และนิยามของความสำเร็จนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล บางคนนิยามความสำเร็จด้วยชื่อบริษัทที่ตนทำงาน, บางคนมองว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจคือความสำเร็จ, บางคนมองหาความพอดีระหว่างชีวิตทำงานและชีวิตในมิติอื่นๆ

สถาบันการศึกษา องค์กรที่ทำงาน เป็นเพียงบันไดหนึ่งขั้นที่จะช่วยให้ชีวิตดำเนินไป พึงเลือกบันไดที่ใช่ ที่เหมาะสม เพื่อจะได้ก้าวไปสู่ ‘ความสำเร็จ’ ตามนิยามของตัวคุณเอง

ที่มา :  https://www.amarintv.com/spotlight/future-of-work/detail/47691
https://candiddata.co/2023/05/31/dashboard-graduate-placement-2023/

 

สวธ. ชวนชมละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” Heart of Stone The Musical รำลึกกวีเอกสุนทรภู่ สืบสานการใช้ภาษาไทย ระหว่างวันที่ 19-20 กรกฎาคม นี้ ที่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

(26 มิถุนายน 66) เนื่องในโอกาสวันสุนทรภู่ ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี และวันภาษาไทยแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับ สภาวัฒนธรรมเขตปทุมวัน จัดงานแถลงข่าวละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” หรือ Heart of Stone the Musical ณ ห้องนิทรรศการหมุนเวียนศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมงานวัฒนธรรม การส่งเสริมการสืบทอดการแสดงพื้นบ้าน ผลักดันให้ไปสู่การเป็น Soft Power ซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย เพื่อให้วัฒนธรรมไทยสามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจผ่านศิลปะการแสดงแขนงต่าง ๆ และเพื่อสงวนรักษา พัฒนา ต่อยอด เผยแพร่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทยสู่ระดับนานาชาติ การจัดแสดงละครเพลงเรื่อง ‘หัวใจอภัยมณี’ จัดขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงและเชิดชูเกียรติ พระสุนทรโวหาร เพื่อเป็นการยกระดับวรรณกรรมพื้นบ้านของไทยสู่สากล ผ่านศิลปะการแสดงในรูปแบบใหม่ อีกทั้ง ยังเป็นการเปิดพื้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็น Thailand Cultural Centre : Thailand Soft Power Space อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่สร้างสรรค์ต่อไป
 
ด้าน รศ.ดร.จารุณี หงส์จารุ อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทางคณะสร้างสรรค์ผลงาน มองเห็นความหลากหลายมิติของวรรณคดีไทยเรื่องนี้และได้นำบางช่วงบางตอนของวรรณคดีไทย เรื่อง พระอภัยมณี มาตีความใหม่ผ่านมุมมองใหม่จากคนรุ่นใหม่ เพื่อต้องการจะสื่อสารและเชื่อมโยงกับคนในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังเล่าผ่านในมุมมองของตัวละครที่ชื่อว่า นางผีเสื้อสมุทร จะเป็นครั้งแรกที่ผู้ชมจะได้ชมการเดินทางของตัวละครผ่านละครเพลง ขณะที่ นางศศิชา นิยมสันติ ประธานสภาวัฒนธรรมเขตปทุมวัน กล่าวว่า สภาวัฒนธรรมเขตปทุมวัน ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของวัฒนธรรมไทยด้านภาษาและวรรณคดีไทย จึงได้จัดโครงการสร้างสรรค์วรรณกรรมสุนทรภู่ สู่ละครเพลง “ หัวใจอภัยมณี ” เพื่อเป็นการยกย่องและเชิดชูเกียรติพระสุนทรโวหาร ซึ่งเป็นบุคคลที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO  ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านงานวรรณกรรม เนื่องจากผลงานของท่านเป็นต้นแบบของการประพันธ์ และมีการใช้ภาษาไทยที่สละสลวย สามารถใช้เป็นตัวอย่างที่ดีในการอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดภาษาไทยให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจ ได้เป็นอย่างดี 

การแสดงละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” หรือ  Heart of Stone the Musical ใช้นักแสดง นักดนตรีและทีมงานกว่า 70 ชีวิต  เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีชิ้นเอกของสุนทรภู่ ครูกวีของไทย หรือ "มหากวีแห่งรัตนโกสินทร์" หรือ "เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย" ได้ประพันธ์เรื่องพระอภัยมณี ไว้อย่างสนุกสนาน ล้ำลึก โดยมีตัวละครที่น่าสนใจมากมาย และหนึ่งในตัวละครที่มีเป็นที่รู้จักและมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากที่สุดตัวหนึ่งคือ นางผีเสื้อสมุทร ซึ่งแสดงโดย คุณปุณยนุช พรสกุลไพศาล นักแสดงละครเวทีมากประสบการณ์ในเวทีระดับนานาชาติ และการร้อยเรียงและถ่ายทอดเรื่องราว โดยผู้กำกับการแสดง คุณภัสสร์ภวิศา จิวพัฒนกุล ต้องการพาผู้ชมเข้าไปในโลกของผีเสื้อสมุทร เพื่อให้ได้เห็นและเข้าใจชีวิตตัวละครผีเสื้อสมุทรในอีกด้านหนึ่ง  มุมที่เป็นผู้หญิง ที่มีความรักอย่างสุดหัวใจ จนลืมนึกถึงคุณค่าของตนเองไป การเลือกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพระอภัยมณีและผีเสื้อสมุทรให้ชัดเจน ทำให้สามารถถ่ายทอดประเด็นทางสังคมต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องมาตรฐานความงาม (Beauty Standard) คุณค่าในตนเอง (Self-worth) ความรักและความสัมพันธ์ (Love and Relationship)  ที่ สุนทรภู่ได้ประพันธ์ไว้อย่างละเอียดอ่อน และทำให้เห็นถึงอัจฉริยภาพด้านการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านภาษาไทยที่งดงาม และบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างมีความเป็นสากล มีคุณค่าข้ามผ่านกาลเวลาและนี่ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่เรื่องราววรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี จะถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครและแง่มุมและการตีความแบบใหม่ๆ ดังกล่าวอีกด้วย
 
สำหรับละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” หรือ  Heart of Stone the Musical จะจัดแสดงขึ้นระหว่าง วันที่ 19-20 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยแบ่งการแสดงออกเป็น 3 รอบ ดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา 15.30 น. และ 19.00 น. และ วันที่ 20 กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา 19.00 น. พร้อมการเสวนาในหัวข้อ “จากวรรณกรรมสู่ละครเพลง หัวใจอภัยมณี“ ซึ่งจะเปิดให้รับชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยผู้สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ที่ WWW.TICKETMELON.COM และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE@HEARTOFSTONE / LINE@665swnwt  

โอกาสนี้ สวธ. ขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมรำลึกและเชิดชูเกียรติพระสุนทรโวหารในฐานะกวีเอกของไทย รวมถึงช่วยกันรักษา ต่อยอดและเพิ่มมูลค่าทางวัฒนธรรมให้วรรณกรรมพื้นบ้าน เพื่อยกระดับวรรณคดีไทยสู่สากล และติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ที่ www.culture.go.th, เฟซบุ๊ก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ Line @ วัฒนธรรม 
 
เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

ก.แรงงาน ติวเข้มเพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ มุ่งไทยสู่เทียร์ 1

วันที่ 28 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 น.นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงานและโฆษกกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ รุ่นที่ 4 ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร และอบรมทางไกลผ่านระบบ Zoom Meeting โดยมี นายพงศ์ธร ศุภการ ผู้แทนสำนักงานเลขานุการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์โครงการ

นายวรรณรัตน์ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 (TIP Report 2023) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยประเทศไทยได้รับการจัดระดับให้อยู่ใน Tier 2 ติดต่อเป็นปีที่ 2 ซึ่งรายงานดังกล่าวยังคงมีข้อเสนอแนะให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถนำแนวปฏิบัติตามมาตรา 6/1 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปใช้ในการคัดแยกผู้เสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ กำหนดให้ทีมสหวิชาชีพประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์เพียงพอในการปฏิบัติงานด้านการค้ามนุษย์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหาย และเสริมสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจข้อบ่งชี้ของการค้ามนุษย์ เช่น การบังคับทำงานใช้หนี้ การทำงานเกินเวลามากเกินจำเป็น การยึดเอกสารของลูกจ้างและการทำงานโดยไม่จ่ายผลตอบแทน

นายวรรณรัตน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานสำคัญและเป็นหน่วยงานหลักในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านความมั่นคง โดยรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกันการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ในการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองดูแลและป้องกันไม่ให้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนำมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการบังคับใช้แรงงาน และการนำแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM) นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งเป็นการยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานขั้นต่ำในกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ค.ศ. 2000 (TVPA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา

“กระทรวงแรงงาน พร้อมผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วมการอบรมจากหน่วยงานทีมสหวิชาชีพจากส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด 

ทั้ง 19 จังหวัด ในการขับเคลื่อนการต่อต้านการค้ามนุษย์ ขจัดการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์
ในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐฯ และได้รับการจัดอันดับในรายงานการค้ามนุษย์ให้อยู่ในระดับ Tier 1 ต่อไป”นายวรรณรัตน์ กล่าวท้ายสุด

สสส. ร่วมกับ มูลนิธิพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเพื่อคุณภาพชีวิตดี สู่เยาวชนอีสาน

สสส. ร่วมกับ มูลนิธิพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี จังหวัดขอนแก่น จัดค่ายกิจกรรม Young สุข Young ไม่เสี่ยง เพื่อสุขภาวะเยาวชนอีสาน ในพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันปัจจัยเสี่ยง โดยมีเยาวชนจาก 24 โรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อมุ่งหวังให้เยาวชนมีความเข้าใจต่อเหตุปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโทษกับร่างกาย เช่น ปัญหาการติดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ติดเหล้า ปัญหาการพนัน ปัญหายาเสพติด ปัญหาท้องก่อนวัยอันควร เป็นต้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน รวมถึงนำความรู้ที่ได้จากการเข้าค่ายครั้งนี้ไปเผยแพร่ในสังคมในการขยายการป้องกันเหตุปัจจัยเสี่ยงต่างๆ

รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์ กรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 (สสส.) เปิดเผยว่า จากการจัดค่ายก่อนหน้านี้ ทำให้เรารู้ว่าเยาวชนสามารถนำความรู้จากการเข้าค่ายไปใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งการจัดค่ายนี้ ได้พัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ ให้กับเยาวชนในกลุ่มเสี่ยง ในพื้นที่ 4 จังหวัด (ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ พัฒนาเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เพื่อสานพลังพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการและการดำเนินงานเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มเยาวชน รวมทั้งการสื่อสารสาธารณะอย่างเท่าทันสถานการณ์

"การขับเคลื่อนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ การพนัน ในเยาวชนจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งผู้บริหาร คณะครู บุคลากรเจ้าหน้าที่ ผู้ปกครองและนักเรียน เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนในกลุ่มเสี่ยง โดยให้เยาวชนเข้ามามีบทบาทสำคัญร่วมออกแบบและดำเนินงานสานพลังเยาวชนอีสานให้ห่างไกลปัจจัยเสี่ยง พัฒนาหลักสูตร พัฒนาเครือข่ายและพัฒนารูปแบบการสื่อสาร ร่วมกันวิเคราะห์สื่อที่เยาวชนเข้าถึง หาทางให้เยาวชนรู้ทันสื่อ และเปลี่ยนเป็นผู้สร้างสื่อที่มีพลังเหมาะสมกับเยาวชน รวมทั้งทบทวนบทเรียนความสำเร็จที่เป็นหลักสูตรการพัฒนาเยาวชน ก่อเกิดเยาวชนแกนนำและเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง พร้อมทั้งใช้จุดแข็งของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสานเป็นทุนทางสังคมในการขับเคลื่อน เพื่อร่วมสานพลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กระจายไปสู่เยาวชนในพื้นที่อย่างทั่วถึงด้วย" รศ.แล กล่าว
ผู้รับผิดชอบโครงการ Young สุข Young ไม่เสี่ยง นายประพจน์ ภู่ทองคำ ระบุว่า ในพื้นที่ทั้ง 4 จังหวัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลัก คือปัญหาทางครอบครัว โดยเฉพาะปัญหาหย่าร้าง ทำให้เด็กขาดความอบอุ่น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากอิทธิพลของเพื่อน ที่ทำให้เด็กอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าหรือความเสี่ยงต่างๆ

"จากการพูดคุยกับคุณครูถึงเป้าหมายสำคัญในการดำเนินโครงการ เห็นพร้องกันว่า เด็กและเยาวชนจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุยกันก็อาจจะมีกิจกรรมที่ต่อเนื่อง จากการดำเนินการของโรงเรียน และจากการที่ สสส. จะไปติดตามสนับสนุนและให้กำลังใจกับโรงเรียนที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ก็จะนำไปสู่การประสานนโยบายและแนวทางปฏิบัติ เพื่อที่จะส่งผลไปยังตัวนักเรียน ให้ได้ประโยชน์จากการทำกิจกรรม young สุข young ไม่เสี่ยง" นายประพจน์ กล่าว
Young สุข Young ไม่เสี่ยง เพื่อสุขภาวะเยาวชนอีสาน เป็นหนึ่งในโครงการเสริมสร้างสุขภาวะทางใจ ที่ช่วยเสริมสร้างให้เยาวชนมีศักยภาพในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำต่อสู่กับปัจจัยเสี่ยง โดย สสส. เชื่อว่าเยาวชนเป็นพลังสำคัญของประเทศ หากเยาวชนได้รับประสบการณ์ที่ดีแล้ว จะสามารถเสริมสร้างศักยภาพที่ดีต่อไปในอนาคต

ภาพ/ข่าว  สมัย  คำแก้ว  

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเสริมทักษะ พ.ร.บ.ฟอกเงิน แก่ข้าราชการตำรวจ รุ่นที่ 2 เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่มีมาตรฐานเดียวกัน  

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ประจำปีพุทธศักราช 2566 รุ่นที่ 2 ณ ห้องประชุม โรงแรมคลาสสิก คามีโอ้ จังหวัดระยอง โดยมี นาย กมลศิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 , รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. , รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และผู้บังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภุธรภาค 5 ร่วมพิธี 

โดยการฝึกอบรมครั้งนี้ มีข้าราชการตำรวจผู้เข้ารับการอบรมจากตำรวจภูธรภาค 3 , 4 , 5 ,6 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการ สอท. และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 116 คน ทั้งนี้ โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ประจำปีพุทธศักราช 2566 เป็นโครงการที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดขึ้นครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายน 2566 เพื่อให้ความรู้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 อาทิ  การดำเนินคดีฟอกเงินและชั้นตอนในกระบวนการของศาล แนวปฏิบัติที่ถูกต้องในทุกมิติ  การประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เทคนิคการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำไปสู่คดีอาญาฐานฟอกเงิน เป็นต้น เพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ตระหนักถึงความสําคัญของการดําเนินคดีมูลฐาน การสืบทรัพย์ การวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดําเนินคดีอาญาฟอกเงิน ซึ่งนําไปสู่การดําเนินการจับกุม ขยายผล และการยึดอายัดทรัพย์ทางแพ่ง นําทรัพย์ที่ได้จากการกระทําความผิดมาช่วยบรรเทาความความเสียหายแก่ประชาชน จึงได้าเนินการจัดโครงการนี้ ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อํานาจหน้าที่ที่รับผิดชอบ พร้อมเสริมสร้างทักษะในการปฏิบัติงานด้านการสืบสวนสอบสวน  รวบรวมพยานหลักฐาน และการดําเนินคดีกับผู้กระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน ด้วยความโปร่งใส เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน

ผบ.ตร. ออกแบบทดสอบให้ความรู้เบื้องต้นแก่ประชาชนเพื่อการป้องกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและการหลอกลวงออนไลน์ เป็นการสร้างวัคซีนไซเบอร์ หวังสร้างภูมิคุ้มกันโจรแก่ประชาชน

วันที่ 28 มิ.ย. เวลา 11.30 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท. ธ เทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษก เชิญชวนให้ประชาชนทำแบบทดสอบความรู้เบื้องต้นเพื่อการป้องกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและหลอกลวงออนไลน์ ตร. เป็นการทดสอบและเพิ่มพูนระดับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ 

รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า แม้ว่าหลังจากที่ พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ได้ประกาศบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 ที่ผ่านมา สถิติคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีลดลงได้ระดับหนึ่ง  แต่ทั้งนี้ยังพบปัญหาในทางปฏิบัติ และประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก  จึงต้องเร่งบูรณาการทุกภาคส่วนแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมในทิศทางเดียวกัน  ทั้งวิธีการรับแจ้งจากผู้เสียหาย  การอายัด  การระงับธุรกรรม การส่งต่อข้อมูล  ตลอดจนการดำเนินคดีให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด   

พ.ต.ท. ธ เทพ กล่าวต่อไปว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ได้จัดทำแบบทดสอบ Cyber Vaccine จำนวน 80 ข้อ โดยจัดทำเป็นลิงก์ออนไลน์ให้ประชาชนสแกน QR Code ทำบททดสอบ เป็นการฉีดวัคซีนไซเบอร์ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ รูปแบบกลโกงต่างๆ โดยเน้นในเรื่องแผนประทุษกรรมคนร้ายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน วิธีการรับมือ วิธีการตรวจสอบ หลักคิดเพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อ และความรู้กฏหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประชาชนสามารถเข้าทดสอบได้ผ่าน QR Code ที่แนบมาพร้อมนี้

รองโฆษก ตร. เพิ่มเติมว่า ผบ.ตร.  ได้เน้นย้ำให้มีการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบว่า “ในกรณีที่ประชาชนได้รับความเสียหายจากคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอให้ติดต่อสายด่วนธนาคารที่ตนเป็นเจ้าของเพื่อระงับบัญชีโดยเร็ว โดยธนาคารจะออก Bank ID ผ่านข้อความ sms และขอให้ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจที่ใดก็ได้โดยเร็ว  โดยไม่ต้องคำนึงถึงท้องที่เกิดเหตุภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อให้ระงับความเสียหายอย่างทันท่วงทีและดำเนินคดีต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว  ทั้งนี้ หากประชาชนประสงค์จะแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทาง https://thaipoliceonline.com  สายด่วน 1441 หรือโทรศัพท์สอบถาม ปรึกษา ขอคำแนะนำได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081 866 3000 ตลอด 24 ชั่วโมง”

ไทย สมายล์ บัส เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย อบรมทั้งคนขับรถเมล์ไฟฟ้า และพนักงานให้บริการ เน้นมาตรฐานให้บริการแบบมืออาชีพ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 กลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ป บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัดจัดอบรมให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย รวมถึงมารยาทที่ดีในการให้บริการกับผู้โดยสาร โดยบริษัทฯ ได้ส่งผู้บริหารประจำอู่รถ เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย พนักงานขับรถเมล์ไฟฟ้า รวมถึงพนักงานด้านการบริการ กว่า 40 คน เข้ารับอบรม หลักสูตร  Growth Mindset ทักษะและความรู้ความสามารถของเราสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้และการพยายามฝึกฝน ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือความพยายามและความตั้งใจเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการทำงานด้านการบริการเป็นมืออาชีพ สร้างจิตสำนึกการบริการที่ดี

นอกจากนี้ ยังได้เสริมความรู้ด้านเทคนิคและข้อปฏิบัติตามหลักการขับรถที่ถูกต้อง เช่น ทักษะการขับรถที่ปลอดภัย, การขับรถในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ, การบำรุงดูแลรักษารถ รวมถึงกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการให้บริการจริง และการสร้างระบบขนส่งมวลชนในอนาคตที่ดี  และ ก้าวเป็นระบบขนส่งชั้นนำระดับภูมิประเทศ ยกระดับมาตรฐานในอาเชียนก็ว่าได้ ไทย สมายล์ บัส เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเป็นหัวใจสำคัญของการให้บริการ ดังนั้น ไทย สมายล์บัส ไม่เคยหยุดคิดและคงเดินหน้าพัฒนาระบบให้มีมาตรฐานที่ดีที่สุด ส่งต่อให้ผู้ที่ใช้บริการ รถเมล์โดยสารเกิดความรู้สึก สะดวก สะอาด และปลอดภัย อุ่นใจแก่ผู้โดยสารทุกท่าน 

ไทย สมายล์ บัส ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ทางเราให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย มารยาทการให้บริการที่ดีต่อผู้ใช้บริการ รวมถึงเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง มีการจัดอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการขนส่งสาธารณะให้มีคุณภาพ สะดวก สบาย สะอาด ปลอดภัย 

หากพบเห็นการปฏิบัติ ในการให้บริการที่ไม่สุภาพของพนักงาน หรือพนักงานขับรถ ขับรถเร็ว ส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ call center 02-1131019 ทางบริษัทฯ จะรีบดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เกิดมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ดังสโลแกนที่ว่า “เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม"

รอง ผบ.ตร./ผอ.ศจร.ตร. สั่งการ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแข่งรถในทางผู้ขับขี่รถปอร์เช่ และมินิคูเปอร์ ที่ขับขี่เฉี่ยวชนจนเกิดอุบัติเหตุต่อเนื่อง ล่าสุดแจ้งข้อหาเป็นที่เรียบร้อย

รอง ผบ.ตร./ผอ.ศจร.ตร. สั่งการ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแข่งรถในทางผู้ขับขี่รถปอร์เช่ และมินิคูเปอร์ ที่ขับขี่เฉี่ยวชนจนเกิดอุบัติเหตุต่อเนื่อง ล่าสุดแจ้งข้อหาเป็นที่เรียบร้อย

พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 2 กำชับให้ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงไปกำกับดูแลคดีด้วยตัวเอง กรณีอุบัติเหตุรถมินิคูเปอร์เฉี่ยวชนกับรถเก๋งปอร์เช่ จนเสียหลักพุ่งเข้าร้านขายใบกระท่อม แล้วทับรถจักรยานยนต์เสียหายอีก 1 คัน บริเวณริมถนน 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม ก่อนจะหมุนไปชนกับรถรับส่งนักเรียนพลิกคว่ำ มีเด็กได้รับบาดเจ็บจำนวนมากพร้อมทั้งให้ดำเนินการตามกรอบของกฏหมายทุกมาตราที่เข้าข่ายกระทำผิดอย่างเคร่งครัด โปร่งใสตรงไปตรงมา เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป พร้อมรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะจนคดีถึงที่สุด นั้น
วานนี้ (26 มิ.ย.66) เวลา 18.00 น. พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และ พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมพนักงานสอบสวน ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ขับขี่รถเก๋งยี่ห้อปอร์เช่ และผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งยี่ห้อมินิคูเปอร์  ในความผิดฐาน “ขับรถแข่งขันในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือนร้อนของผู้อื่นและขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวและอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหายและมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสและทรัพย์สินเสียหายและขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด”ผู้ต้องหาทั้งสองรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว พนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และมีความเห็นทางคดี ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองต่อไป ทั้งนี้ ได้รับแจ้งจาก ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีความสำนึกผิดที่เป็นผู้กระทำให้เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น มีเด็ก ๆ ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย โดยเบื้องต้นได้เข้าไปเยียวยาดูแลขวัญกำลังใจให้กับเด็ก ๆ ผู้ได้รับบาดเจ็บในส่วนหนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ประกอบด้วยความผิด คือ  1. ฐานแข่งรถในทาง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ / 2. ผู้ใดขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43 (8) ประกอบมาตรา 158/1 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ / และ 3. ความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหากมีทรัพย์สินเสียหายจากการที่รถยนต์เฉี่ยวชน ผู้ขับขี่จะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากโทษทางอาญาแล้วก็ยังต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งให้กับผู้เสียหายด้วย

พล.ต.ท.นิธิธรฯ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนั้น พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศจร.ตร. สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวมรวมพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ ที่สามารถพิสูจน์การกระทำความผิดของผู้ขับขี่ทั้ง 2 คัน ที่เข้าข่ายเป็นกระกระทำความผิดฐานแข่งรถในทาง และความผิดฐานต่างๆ ให้ครบถ้วนเพื่อจะได้มีพยานหลักฐานเพียงพอในการดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหากับ ผู้ต้องหาทั้งสองคนซึ่งเป็นฝ่ายกระทำผิด และจะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็นทางคดี ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองต่อไป ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.รอย ฯ กำชับตำรวจให้พร้อมเป็นที่พึ่ง สร้างความเชื่อมั่น เชื่อถือศรัทธาให้ประชาชน และบังคับใช้กฎหมายที่อย่างเคร่งครัด เพื่อนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในที่สุด และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการกระทำผิดในรายต่อๆ ไป

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ “แอบอ้าง ดร.ณัฐวุฒิ ให้ลงทุนซื้อหุ้นต่างประเทศ ได้เงินไป 6 ล้านบาท” และขอเชิญชวนประชาชนทำแบบทดสอบ วัดระดับ “วัคซีนไซเบอร์”

เนื่องจากในรอบสัปดาห์  มีการรับแจ้งความออนไลน์คดีแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนแล้วหลอกลวงให้ลงทุน สร้างความเสียหายกับพี่น้องประชาชน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.  หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัย เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2566 เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (18-24 มิ.ย.2566)  มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่  อันดับ 1)  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ   3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) และ 5) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับคดีออนไลน์ที่คนร้ายนำมาหลอกลวงซ้ำเติมประชาชนในช่วงนี้  คือ การแอบอ้าง อาจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ หลอกให้โอนเงินลงทุน  

ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องย้ำเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ จึงได้เชิญอาจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ มาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด   ผบก.ตอท.บช.สอท. กล่าวถึงรายละเอียดภัยออนไลน์ที่คนร้ายแอบอ้าง อาจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ หลอกให้โอนเงินลงทุน  “ซื้อหุ้นต่างประเทศ สูญเงิน 6 ล้าน”

โดยคนร้ายใช้วิธียิงโฆษณาใน Facebook โดยแอบอ้างใช้รูปและชื่อ ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ชักชวนให้ลงทุน มีผลตอบแทนสูงมาก เหยื่อหลงเชื่อ กดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์ Open Chat ที่มีสมาชิกอยู่เป็นจำนวนมาก มีคนร้ายแอบอ้าง ดร.ณัฐวัฒิฯเป็นหัวหน้ากลุ่ม มีคนร้ายอีกคนเป็นเลขา มีหน้าม้าส่วนหนึ่ง ที่เหลือเป็น Bot(โปรแกรมอัตโนมัติ) คนร้ายแนะนำให้เหยื่อลงทุนซื้อหุ้นไทย เหยื่อหลงเชื่อและได้เปิดพอร์ตหุ้นกับธนาคารหรือโบรกเกอร์ของจริง  แล้วเลือกซื้อหุ้นที่ถูกแนะนำ แต่ไม่สามารถซื้อได้ เนื่องจากธนาคารหรือโบรกเกอร์แจ้งว่าหุ้นมีราคาต่ำเกินไป  คนร้ายที่เป็นเลขาจึงแนะนำให้ลงทุนซื้อหุ้นต่างประเทศ   ผ่านแพลตฟอร์มของคนร้าย   อ้างผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นไทย    

โดยให้กดลิงก์ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม(Taining)  จากนั้นแนะนำให้ลงทุนซื้อหุ้นให้ผลตอบแทน 25% และเร่งรัดให้รีบซื้อเป็นเงินหลัก 100,000 บาท หากเหยื่อลงทุนหลัก 10,000 บาท คนร้ายจะอ้างว่าเป็นการเสียโอกาส  เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีแรงหนุนขาขึ้น อีกทั้งคนร้ายมีข่าววงในว่าหากลงทุนช่วงนี้จะได้รับผลตอบแทนสูง เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีม้า เป็นการลงทุนครั้งแรก และส่งสลิปการโอนเงินในกลุ่มไลน์ คนร้ายที่เป็นเลขาแสดงให้เห็นในไลน์ว่าได้ลงทะเบียนรับแล้วและจะเป็นผู้กรอกเงินลงทุนในระบบเอง (ในระบบแสดงยอดเงินลงทุนและผลตอบแทนให้เหยื่อเห็นว่าได้กำไร) ต่อมาคนร้ายหลอกให้ลงทุนเพิ่ม  

โดยเอาผลตอบแทนสูงมาจูงใจ  และอ้างว่าจะทำให้หุ้นยกตัวสูงขึ้นด้วย ขณะเดียวกันจะมีหน้าม้าคอยแนะนำ  กดดันให้ลงทุนไปพร้อมๆ กัน และถ้าถอนการลงทุนเร็วเกินไป  จะทำให้คนอื่นไม่สามารถลงทุนต่อไปได้ เหยื่อหลงเชื่อลงทุนซื้อหุ้นเพิ่ม เมื่อเหยื่อกดถอนเงิน  คนร้ายจะอ้างว่าใส่เลขบัญชีผิด เขียนบันทึกช่วยจำไม่ถูกต้อง ใส่รหัสถอนเงินผิด กดถอนเงินยอดสูงเกินไปจนระบบล๊อค  ทุกครั้งที่อ้างจะให้โอนเงินเพิ่ม  และบอกว่าสามารถถอนคืนได้ทั้งหมด สุดท้ายเหยื่อเสียเงินไป 6 ล้านบาท

จุดสังเกต
1.  การโอนเงินลงทุนหรือทำภารกิจใดๆ ที่ใช้เงินน้อย  รายได้ดี  มีผลตอบแทนหรือค่าคอมมิชชันสูง  ไม่มีอยู่จริง หากผลตอบแทนหรือค่าคอมมิชชันสูงมากขนาดนี้  คนร้ายคงโอนเงินลงทุนหรือทำภารกิจด้วยตนเอง 

2. ในการลงทุนหรือทำภารกิจ  คนร้ายให้เหยื่อกดลิงก์เข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นมาให้เหมือนของจริง  และเมื่อเหยื่อโอนเงินทำภารกิจ ในระบบจะขึ้นยอดเงินแสดงให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นยอดเงินจริง ซึ่งความจริงแล้วเป็นเพียงตัวเลขในอากาศที่คนร้ายนำมาหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อเท่านั้น

3. บัญชีธนาคาร(บัญชีม้า) เป็นบัญชีบุคคลธรรมดา  ไม่ใช่บัญชีชื่อหน่วยงานหรือองค์กร
วิธีป้องกัน

       1. ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์โฆษณาแปลกปลอม หรือกดเพิ่มเพื่อนไลน์ในรูปแบบสแกน QR Code หรือเพิ่มเพื่อนไลน์ทาง ID Line จากคนที่ไม่น่าเชื่อถือ
        2. หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใด ๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Store  เท่านั้น  อย่าเชื่อคำแนะนำของคนร้ายให้กดเข้าบราวเซอร์อื่น
       3. ควรลงทุนในบริษัทหรือผู้ให้บริการในตลาดทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดยตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  https://www.set.or.th
อาจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า  ได้มีคนร้ายแอบอ้างชื่อ โดยใช้ชื่อไลน์ว่า “ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์” “ดร.ณัฐวุฒิ”  “Dr.Nattawut” “DR.Wut” และ “Dr.Nat” แล้วเปิดกลุ่มไลน์ หรือไลน์ open chat ในชื่อต่างๆ เช่น Global Stock รวยหุ้นเด่น รวยหุ้นเด่น 2 เศรษฐีหุ้น เป็นต้น ดึงคนเข้าร่วมกลุ่ม แล้วหลอกลวงให้โอนเงิน 10,000 บาท บ้าง 100,000 บาท บ้าง อ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนหุ้นต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูง บางรายตกเป็นเหยื่อสูญเงิน 6 ล้านบาท และเหยื่อบางคนถูกหลอกก็ให้โอนเงินไปเทรดคริปโตเคอเรนซี อ้างว่าให้ผลตอบแทนสูง จึงขอแจ้งเตือนว่าการกระทำดังกล่าว  เป็นการหลอกลวงของคนร้ายทั้งสิ้น ขอยืนยันว่าไม่เคยมีธุรกิจด้านการลงทุนดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากการชักชวนให้ประชาชนโอนเงินมาร่วมลงทุนในหุ้นต่างประเทศ และคริปโตเคอเรนซี่ ต้องมีใบอนุญาตจัดการการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในกองทุนต่างประเทศ และสินทรัพย์ดิจิตอล

ซึ่ง ดร.ณัฐวุฒิฯ ไม่มีใบอนุญาตนี้แต่อย่างใด และก่อนจะโอนเงินให้เข้าใจก่อนว่าควรมีการยืนยันตัวตนว่าเป็น ดร.ณัฐวุฒิฯ จริงๆ หากให้โอนเงินในนามบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ชื่อบัญชี ดร.ณัฐวุฒิฯ หรือบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ ดร.ณัฐวุฒิฯ เป็นประธาน ก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นคนร้ายอย่างแน่นอน สำหรับช่องทาง official ติดต่อ ดร.ณัฐวุฒิฯ มีดังนี้ Facebook : http://fb.com/tontancorp Youtube : https://goo.gl/J9u1jm สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รายงานการแอบอ้างเป็น ดร.ณัฐวุฒิฯ ได้ที่ Line@ : https://goo.gl/ybfAvJ

พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์  จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงได้จัดทำแบบทดสอบ วัดระดับ วัคซีนไซเบอร์ จำนวน 80 ข้อ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ตรวจสอบความรู้ด้านอาชญากรรมไซเบอร์ เมื่อทำการทดสอบเสร็จแล้ว ให้กดส่ง และกดขอดูคะแนนผลการทดสอบได้เลย  หากทำข้อใดผิด  จะมีการเฉลยข้อที่ถูกต้องให้เพื่อนำไปเป็นความรู้ต่อไป  หากพี่น้องประชาชนได้ทำการทดสอบความรู้ทั้ง 80 ข้อแล้ว  เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะมีภูมิคุ้มกันหรือมีวัคซีนไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน  จึงขอประชาชนสัมพันธ์เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนได้ทดสอบความรู้ ตามแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ (สำหรับประชาชน) ได้ทั้ง QR Code และตามลิงก์นี้
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdXTV39hEH-GK-Tn4Fpmrpk3JLm-_djslp3ZvrV0i5gaQ-l-Q/viewform?pli=1


พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง  กล่าวเพิ่มเติมว่าแบบทดสอบ  วัคซีนไซเบอร์ ทั้ง 80 ข้อ   ได้รวบรวมมาจากกลโกงของคนร้ายและสิ่งที่ประชาชนควรรู้  จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้ทำแบบทดสอบวัดความรู้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์อีกทางหนึ่ง และขอให้บอกต่อเพื่อทำแบบทดสอบจะได้มีภูมิคุ้มกันภัยกันทุกคน สำหรับภัยออนไลน์ที่คนร้ายนำมาหลอกลวงเพื่อให้เหยื่อโอนเงินมาลงทุนนั้นมีหลายรูปแบบ  และคนร้ายได้พัฒนารูปแบบใหม่ๆ ดังนั้นจึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารถึงวิธีการของคนร้าย จุดสังเกต และวิธีป้องกัน จะได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ และหากต้องการลงทุนในการเทรดหุ้น ควรลงทุนในบริษัทหรือผู้ให้บริการในตลาดทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดยตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  https://www.set.or.th  และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่  สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หรือโทรสายด่วน 1441

ฉะเชิงเทรา-ปตท.มอบเงินสนับสนุนโครงการซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ เฉลิมพระเกียรติ อ.บางปะกง

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน  2566 นายชาญยุทธ เสือจุ้ย ผู้อำนวยการโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก จากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ นายอุทัย มหิทธิมหาวงษ์  ผู้จัดการมวลชนสัมพันธ์ คุณกฤษฏา วงค์คุรุเสถียร รองผู้จัดการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศกรรมและบริหารโครงการและทีมงานโครงการ

เข้าพบ  นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นางปิติมา รักพานิชมณี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา พลังงานจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อแจ้งแผนการดำเนินงานโครงการฯ ความก้าวหน้าการดำเนินงานที่ผ่านมา และคำสั่งคณะกรรมการกำกับฯ

พร้อมมอบเงินงบประมาณสนับสนุนซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ (เฉลิมพระเกียรติ)  9 ตำบลที่อยู่ในพื้นที่อำเภอบางปะกง ที่มีโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้พาดผ่าน จำนวน 180,000 บาท ทั้งนี้ผู้บริหารและพนักงานโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบางปะกง มีแผนจะเข้าร่วมกิจกรรมCSR จิตอาสาร่วมกับอำเภอบางปะกง เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับหน่วยงานราชการในพื้นที่ดำเนินงานโครงการของ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน).

“เกษตรฯ.”จับมือญี่ปุ่นเดินหน้าโครงการแปรรูปสาหร่ายเป็นน้ำมันชีวภาพและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุมโครงการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยดร.อังศุธรมหิทธิกุล ผู้จัดการสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายณัฐพล วชิรโรจน์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) น.ส.มนทกานติ ท้ามติ้น ผอ.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี  ผู้แทนกรมประมง  พลเรือเอก ดร.สมัย ใจอินทร์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือและกรรมการมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย นส.สภาวรรณ พลบุตร ผู้แทนมูลนิธิเวิลด์วิว ไคลเมท(Worldview Climate Foundation , Thailand) นายโชติ พืงเจริญพงศ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตร นายมาซาฮิโร คาบาชิมา (Mr. Masahiro Kabashima)ผู้แทนบริษัทชิโตเซะผู้ผลิตน้ำมันจากสาหร่ายรายแรกของประเทศญี่ปุ่นว่า ที่ประชุม ได้ร่วมหารือความร่วมมือโครงการผลิตน้ำมันจากสาหร่าย และผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายสู่เกษตรมูลค่าสูง ทั้งนี้ ผู้แทนบริษัทชิโตเซะผู้ผลิตน้ำมันจากสาหร่ายรายแรกของประเทศญี่ปุ่นยินดีที่จะสนับสนุนความรู้และประสบการณ์ของบริษัทที่ได้วิจัยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผลิตเป็นน้ำมันรวมทั้งการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากว่า10ปีและพร้อมจะมาลงทุนในประเทศไทยโดยการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายส่งเสริมสาหร่ายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ กรมประมงจึงดำเนินการรวบรวมผลงานวิจัยและพัฒนาสาหร่ายและเริ่มสนับสนุนให้เกษตรกรและภาคเอกชนเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้ในการบริโภค อุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมทั้งการผลิตเป็นน้ำมันชีวภาพ นอกจากนี้ตนยังได้ประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขอให้นำสาหร่ายที่เพาะเลี้ยงในประเทศใช้ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทบางจากได้พัฒนาสาหร่ายเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่นเวชสำอางค์ อาหารเสริม ส่วนปตท.ร่วมกับ”วว.”(สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย Thailand Institute of Scientific and Technological Research (TISTR)จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านสาหร่าย(Algal Excellent Center- ALEC)ทำการวิจัยและพัฒนาสาหร่ายน้ำจืดเป็นน้ำมันแต่ยังมีต้นทุนสูงหากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดหรือร่วมลงทุนวิจัยพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีกับทางญี่ปุ่นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสาหร่ายสู่เกษตรมูลค่าสูงได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ยิ่งกว่านั้น สาหร่ายยังเป็นพืชที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าต้นไม้หลายเท่าช่วยลดก๊าซเรือนกระจกลดโลกร้อนสร้างคาร์บอนเครดิตให้กับประเทศไทยจึงได้เชิญมูลนิธิเวิลด์วิว ไคลเมท(Worldview Climate Foundation , Thailand)และมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทยมาช่วยขับเคลื่อนโครงการพัฒนาสาหร่ายและมอบหมายให้กรมประมงจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์และแปรรูปสาหร่ายเป็นน้ำมันชีวภาพและเกษตรมูลค่าสูงในเร็วๆนี้เพื่อเร่งการนำสาหร่ายมาสร้างอาชีพและใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top