Friday, 26 April 2024
NEWS

'กองทัพเรือ’ จัดกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 49 เพื่อเทิดพระเกียรติ ‘พระบิดาแห่งทหารเรือไทย’

วันนี้ (14 มิ.ย. 2566) ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานการแถลงข่าวการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 49 "แสงทิพย์แห่งอาภากร เสียงทิพย์จากราชนาวี" เทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งทหารเรือไทย พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในวาระครบรอบ 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ 

เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกองทัพเรือ และเพื่อเผยแพร่ดนตรีแนวคลาสสิกให้นิยมแพร่หลาย รวมทั้งจัดหารายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติและสาธารณภัย โครงการศูนย์มะเร็งเต้านม กิจการอาสายุวกาชาด ศูนย์รับบริจาคอวัยวะต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งได้มีการจัดแสดงเป็นประจำทุกปี 
    
ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ ว่ากองทัพเรือจะเป็นองค์กรกลางนำรายได้ทูลเกล้าฯ ถวาย โดยพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย โดยการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ จะจัดขึ้นสองวัน คือวันที่ 27 มิ.ย. และ 28 มิ.ย. (รอบเสด็จพระราชดำเนิน) ในเวลา 19.30 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

การแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 49 "แสงทิพย์แห่งอาภากร เสียงทิพย์จากราชนาวี" จะบรรเลงเพลงคลาสสิคและเพลงร่วมสมัย โดยวง Symphony orchestra ดุริยางค์ราชนาวี กองดุริยางค์ทหารเรือ และขับร้องโดยนักร้องรับเชิญ ได้แก่ ธงไชย แมคอินไตย์ สหรัถ สังคปรีชา ปิยนุช เสือจงพรู (จิ๋ว นิวจิ๋ว) กิต The Voice อาร์ม กรกันต์ เป็นต้น

ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ผ่านบัญชี ธนาคารไทยธนชาต บัญชีเลขที่ 115-1-07541-115 และบัญชีธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี 662-3-43960-9 ชื่อบัญชี "กาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 49" ทั้งนี้ ผู้บริจาคเงิน จะได้รับสิทธิประโยชน์จากสภากาชาดไทยและกองทัพเรือ นอกจากนั้น ใบเสร็จรับเงิน ยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ Facebook Fanpage : กองทัพเรือ Royal Thai Navy และกองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ และกรมการเงินทหารเรือ โทรศัพท์ 02-4755683
 

บก.สส.สตม. เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2

บก.สส.สตม. เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาดำเนินการกรณีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของ สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ซึ่งได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมและส่งผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย กลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคน     เข้าเมือง นำข้อมูลคนต่างด้าวทั้ง 9 ราย ไปตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จำนวน 2 ราย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทยของคนต่างด้าวที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย และได้เปิดปฏิบัติการ ยุทธการกวาดล้าง มังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2/2566 ขึ้น ผลการปฏิบัติได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ดังนี้

1. ข้อหาฉ้อโกง จำนวน 3 ราย ได้แก่
1.1 นายเกาชิง (นามสมมติ) อายุ 48 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
1.2 นายเจียนกุน (นามสมมติ) อายุ 48 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
1.3 นางยงหง (นามสมมติ) อายุ 41 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

โดยทั้ง 3 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ได้ร่วมกันกับพวกพัฒนาเว็บไซต์เอซีอี เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์หุ้น "ACE King" โดยอ้างว่าเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง และดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมลงทุน รวมทั้ง ทำโปรโมชั่นต่าง ๆ จนมีสมาชิกกว่า 250,000 บัญชี จนมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น "ACE King" ในราคาที่ สูงกว่าราคาตลาดมาก

สร้างความเสียหายมูลค่ารวม 2.3 พันล้านหยวน (ประมาณ 11,500 ล้านบาท)

2. ข้อหาฉ้อโกงสัญญา จำนวน 2 คน ได้แก่
2.1 นายเหลียง (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
2.2 นายลิห่าว (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยทั้ง 2 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ในระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2565 ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ใช้บริษัทแห่งหนึ่ง หลอกลวงผู้เสียหายให้ทำสัญญาซื้อขายเหล้า Maotai โดยผู้เสียหายได้จ่ายเงินซื้อเหล้า Maotai เป็นจำนวนเงิน 6.75 ล้านหยวน (ประมาณ 33.7 ล้านบาท) ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา แต่ผู้ต้องหาไม่มีเหล้า Maotai และไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้เสียหาย

3. ข้อหาฟอกเงิน จำนวน 2 คน ได้แก่

3.1 นายเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายเหว่ยได้นำเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายมาซื้อทองคำหลายครั้ง เพื่อปกปิดการกระทำผิดและฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย
3.2 นายกัง (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายกังได้ทรัพย์สินมาจากการฉ้อโกงคนอื่น ต่อมาช่วงเดือน ธันวาคม 2564 ได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการฉ้อโกงไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้อื่นและโอนซื้อสินค้าต่าง ๆ เพื่อฟอกเงิน
4. ข้อหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว จำนวน 1 คน ได้แก่ นายต้าลิน (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี 2564 - 2565 นายต้าลิน ได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขา ในฐานะหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและการตลาดของร้านขายของชำใน Carrefour (China) Management  Co., LTD. ฉ้อโกงทรัพย์สินของบริษัทกว่า 15 ล้านหยวน (ประมาณ 75 ล้านบาท)
5. ข้อหาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย จำนวน 1 คน ได้แก่ นายจงเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายจงเหว่ยสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นเพื่อแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายและโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของรัฐ โดยได้พัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน Oneda Pay เพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านหยวน (ประมาณ 1,400 ล้านบาท)

จากนั้น ได้นำตัวคนต่างด้าวที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราอาณาจักร จำนวน 7 ราย ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรไทย ส่วนคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘ลุงป้อม’ สั่งเข้ม ปิดเว็บพนัน-หลอกลวงทางการเงิน เพิ่มมาตรการเชิงรุกป้องกัน ‘ภัยไซเบอร์’ ทุกรูปแบบ

วันนี้ (14 มิ.ย. 66) เวลา 10.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.)

โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานเหตุการณ์ภัยคุกคามและผลการดำเนินงาน ที่มีผลกระทบอย่างมีนัย สำคัญ ต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ห้วง ต.ค.65 - มี.ค.66 จำนวน 943 เหตุการณ์ แยกตามภารกิจ หรือบริการสูงที่สุดได้แก่ หน่วยงานของรัฐด้านการศึกษา ,ภาครัฐอื่นๆ และด้านสาธารณสุข ตามลำดับ ซึ่งการปฎิบัติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กระทบประชาชน มีจำนวน 113 เหตุการณ์ 24 หน่วยงาน และรับทราบผลการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ สำหรับระบบเลือกตั้ง (ศซล.) ห้วง 3-15 พ.ค.66 โดยมีการติดตามและรายงานสถานะความพร้อมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จำนวน 6 ระบบ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ขอบคุณ สำนักงาน คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)ที่เฝ้าระวังเหตุการณ์ห้วงดังกล่าว สามารถติดตามข่าวสาร ได้อย่างใกล้ชิด และยับยั้ง หรือแก้ไขปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รวมถึงที่ประชุม ได้รับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆมากขึ้น ทั้งกับหน่วยงาน ในประเทศ และต่างประเทศด้วย รองรับการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ต่อไป

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) ข้อตกลง การเชื่อมต่อระบบแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคาม ภายใต้โครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม สำหรับการรับและแบ่งปันเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อเชื่อมต่อระบบให้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ในการเฝ้าระวัง และขยายเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่าง สกมช.กับหน่วยงานอื่น ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และเห็นชอบ(ร่าง)บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่าง สกมช.กับ สำนักงาน ปล.สธ.รวมทั้งเห็นชอบ(ร่าง)บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและนำระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ไปใช้ในสถานประกอบการ

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ สกมช. ให้เร่งขับเคลื่อนมาตรการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ อย่างต่อเนื่อง เข้มข้นเชิงรุก เน้นป้องกันข้อมูลภาครัฐ และคุ้มครองส่วนบุคคล ต้องเพิ่มระดับความร่วมมือกับทุกหน่วยงานให้มากขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ และคนไทยให้มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำกับและสนับสนุน การดำเนินงานของ สกมช. อย่างเต็มที่ด้วย

บก.สส.สตม. จับจีนใช้วีซ่านักท่องเที่ยวลักลอบทำงาน

ตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้กองบังคับการในสังกัด ออกสืบสวนตรวจสอบจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และเข้ามาลักลอบทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จากการสืบสวนของ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

ทราบว่า  มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จว.ปราจีนบุรี จะมีคนต่างด้าวสัญชาติจีนเข้ามาทำงานภายในโครงการจำนวนหลายสิบคน จึงได้ประสานงานกับ ตม.จว. ปราจีนบุรี และ สภ.วังตะเคียน จว.ปราจีนบุรี ร่วมกันไปตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบคนจีนทำงานอยู่ภายในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว จำนวน 35 คน จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางและข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

ตม.พบว่า คนจีนดังกล่าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่า นักท่องเที่ยว จำนวน 32 คน วีซ่าคนอยู่ชั่วคราว 2 คน และ    คนประจำพาหนะ จำนวน 1 คน และพบว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จำนวน 2 คน โดยทั้ง 35 คน ไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน     จว.ปราจีนบุรี ดำเนินคดี ดังนี้

1. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จำนวน 33 คน
2. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน 2 คน

นอกจากนี้ ยังได้จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 9 คน ดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

และได้เปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านในข้อหา เจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถานซึ่งรับคน   ต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย จำนวน 3 ราย
เปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวในข้อหา คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกินเก้าสิบวัน ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบถึงที่พักอาศัยของตนโดยมิชักช้าเมื่อครบระยะเก้าสิบวัน จำนวน 1 คน
 

บก.สส.สตม. รวบสมุนแก๊งคลองหาด ลักลอบขนแรงงานเถื่อนเข้าไทย

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สส.สตม. จับกุมนายธันยพงศ์ (นามสมติ) อายุ 27 ปี และนายสุเทพ   (นามสมมติ) อายุ 44 ปี  สัญชาติไทย ในข้อหา ช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใดให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พ้นการจับกุม จับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 19 คน ยึดรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด 3 คัน นำส่ง สภ.เขาหินซ้อน ดำเนินการตามกฎหมาย

พฤติการณ์จับกุม เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนหาข่าว และขยายผลการกระทำผิดของขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวกัมพูชา ลักลอบเข้าเมืองในพื้นที่ชายแดนด้านตะวันออกของประเทศไทย จังหวัดสระแก้ว ฉะเชิงเทรา

พบขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเรียกว่า แก๊งคลองหาด มีพฤติการณ์ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศโดยมีการนำแรงงานต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดน พาขึ้นรถจากป่าติดชายแดน เอาตัวมาหลบซ่อนไว้ในพื้นที่ชั้นในบริเวณ อ.พนมสารคาม จากนั้นจะมีรถมารับแรงงานจากจุดซ่อนตัวเข้าไปส่งที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี หรือระยอง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณจุดซ่อนตัวแรงงานต่างด้าว

จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.30 น. ของวันที่ 12 มิถุนายน 2566 พบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว  รถยนต์เชฟโรเลต สีเทา และรถยนต์โตโยต้า รีโว่ สีขาว ขับเข้ามารับแรงงานต่างด้าว ขณะรับแรงงานต่างด้าวขึ้นรถเสร็จ กำลังจะขับออกจากชายป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พบแรงงานต่างด้าวจำนวน 19 คน

และพบตัวนายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ เป็นคนขับรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.เขาหินซ้อน นายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ ให้การรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ได้ค่าจ้างขับรถประมาณ 1,500 บาทต่อแรงงานหนึ่งคน ส่วนแรงงานต่างด้าวให้การว่าต้องจ่ายทั้งหมดคนละประมาณ 5,000 - 8,000 บาท
 

ผู้นำอิหร่าน พบ ผู้นำเวเนฯ ถกความร่วมมือทางการค้าครั้งใหม่ ยกระดับมูลค่าระหว่างประเทศเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านเหรียญ

(14 มิ.ย. 66) ประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี ผู้นำอิหร่าน พบหารือกับประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา ที่กรุงการากัส เมื่อวันจันทร์ที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยไรซีกล่าวในตอนหนึ่งว่า “เวเนซุเอลาและอิหร่านมีผลประโยชน์ร่วมกัน มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน และมีศัตรูร่วมกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลากับอิหร่านไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางการทูต แต่เป็นความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ ขณะที่มาดูโรแสดงความชื่นชมอิหร่าน ในฐานะหนึ่งในประเทศอำนาจเกิดใหม่ที่สำคัญของโลก และเน้นย้ำว่าการผนึกกำลังร่วมกันเพื่อความแข็งแกร่ง”

สำหรับหนึ่งในเป้าหมายการเยือนเวเนซุเอลาของไรซีในครั้งนี้ คือการขยายโอกาสเพื่อส่งเสริมมูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ปีละ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 103,560 ล้านบาท) เป็น 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 690,400 ล้านบาท) โดยผู้นำอิหร่านและผู้นำเวเนซุเอลาร่วมกันเป็นสักขีพยาน การลงนามในข้อตกลง 25 ฉบับ ครอบคลุมการยกระดับความร่วมมือ ตั้งแต่การศึกษา ไปจนถึงการสาธารณสุข และเหมืองแร่

ทั้งนี้ ไรซีนับเป็นผู้นำอิหร่านคนแรกในรอบเกือบ 7 ปี ที่เยือนเวเนซุเอลา ต่อจากประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี เมื่อเดือน กันยายน 2016 และหลังเสร็จสิ้นการเยือนกรุงการากัส ไรซีเตรียมเยือนคิวบา และนิการากัวเป็นจุดหมายต่อไป

ก่อนหน้านี้ ฮอสเซ็น อมิราบโดลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เดินทางเยือนเวเนซุเอลา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง เพื่อต้านทานแรงกดดันจากภายนอก ขณะที่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 อิหร่านส่งน้ำมันดิบทางเรือ 1.5 ล้านบาร์เรล เพื่อช่วยเหลือเวเนซุเอลา ซึ่งกำลังประสบกับวิกฤติเชื้อเพลิงในเวลานั้น ส่งผลให้สหรัฐฯ ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว
 

ตำรวจไซเบอร์ รวบแล้ว!! ขบวนการสินเชื่อทิพย์ กู้เงิน 2 ล้าน แต่เสียเงิน 3 ล้าน

สืบเนื่องจากกรณีขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์สินเชื่ออนุมัติไว หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งแอบอ้างว่าเป็นกลุ่มนายทุนที่เปิดเพลทฟอร์มบริการให้กู้เงินผ่านระบบกู้เงินออนไลน์ ผู้เสียหายซึ่งกำลังต้องการเงินกู้ 2 ล้านบาท จึงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จผ่านในระบบคอมพิวเตอร์ ผู้เสียหายยินยอมให้ข้อมูลและปฏิบัติตาม เพราะเชื่อว่าจะได้รับเงินกู้ตามจำนวนที่ต้องการ เป็นเหตุให้หลงเชื่อโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มร้าย รวม 4 บัญชี รวมการโอนทั้งหมด 23 ครั้ง ได้รับความเสียหายกว่า 3,500,0000 บาท

ต่อมาวันที่ 13 มิ.ย. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 สืบสวนติดตามจนทราบว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าวกำลังเดินทางมาด้วยรถไฟขบวน 171 ปลายทางลงสถานีรถไฟยะลา จึงได้ร่วมกันวางแผนและเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้พบ นางดวงดาว อายุ 45 ปี บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน

“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ สถานีรถไฟยะลา ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย การเงินมีปัญหา ปรึกษาสถาบันการเงินแหล่งสินเชื่อที่มีตัวตน น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.อำนาจ  ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, ได้สั่งการ ว่าที่ พ.ต.ต.ญาณศักดิ์ บุญสนอง สว.กก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา สว.กก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.หญิง ธรา เมืองแก้ว สว.กก. 1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีรับเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพระราชทาน ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร

วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 พลโท สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีรับเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิพระราชทาน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรในพื้นที่ร่วมพิธี ณ คลังน้ำมันพิจิตร ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับ บริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ขอพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ จาก ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่คลังน้ำมันพิจิตร จำนวน 10 ครัวเรือน พื้นที่ประมาณ 193 ไร่ จัดทำแปลงนาข้าวเมล็ดพันธุ์พระราชทาน รอบปี 2566 (ระยะเวลาดำเนินโครงการห้วงเดือน ส.ค. – พ.ย. 66)

และถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ โดยใช้พื้นที่แปลงนาข้าว  ส่วนหนึ่งจะนำไปแปรรูปเป็นข้าวสารปลอดสารเคมีและบางส่วนจะนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกเพื่อขยายโครงการต่อไป อันจะเป็นการเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกร ให้มีสุขอนามัยที่ดี ปลอดภัยจากการไม่ใช้สารเคมี และลดการเผาทำลายวัชพืช
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว

ก.แรงงาน ติวเข้มเจ้าหน้าที่คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ มุ่งไทยสู่เทียร์ 1

วันที่ 14 มิถุนายน 2566 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงานและโฆษกกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีม สหวิชาชีพ รุ่นที่ 3 และบรรยายหัวข้อ “นโยบายการป้องกันและแก้ไขการบังคับใช้แรงงานหรือการบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน”

เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับนโยบายการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการตามหลักกฎหมายและหลักสากล มาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) แผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM) และมีทักษะการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ

โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรม ได้แก่ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด 19 จังหวัด และหน่วยงานสหวิชาชีพ โอกาสนี้มีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดด้วย ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
          
นายวรรณรัตน์ฯ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานสำคัญและเป็นหน่วยงานหลักในการต่อต้านการค้ามนุษย์ภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านความมั่นคง โดยรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกันการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ในการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองดูแลและป้องกันไม่ให้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนำมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการบังคับใช้แรงงาน และการนำแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM)

นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งเป็นการยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานขั้นต่ำในกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ค.ศ. 2000 (TVPA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา
            
นายวรรณรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน พร้อมที่จะร่วมผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนการต่อต้านการค้ามนุษย์ ขจัดการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ในประเทศไทย และเพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐฯ และได้รับการจัดอันดับในรายงานการค้ามนุษย์ให้อยู่ในระดับ Tier 1 ต่อไป

‘แอร์ฯ สาว’ เผย 10 เรื่องจริง ชีวิตบนเครื่องบินของ ‘แอร์โฮสเตส’ ที่หลายคนมักเข้าใจผิด และบางเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!!

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 66 ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘imearths’ ซึ่งผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านนี้ มีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินหนึ่ง แต่ทำคลิปบอกเล่าประสบการณ์ พร้อมแชร์เรื่องจริง 10 เรื่อง เกี่ยวกับแอร์โฮสเตส ที่หลายๆ คนมักจะเข้าใจผิด โดยระบุว่า… 

1.) หลายๆ คนมักเข้าใจผิด ว่าแอร์โฮสเตสมีหน้าที่เพียงแค่คอยเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสารบนเครื่อง แต่จริงๆ แล้ว แอร์โฮสเตสมีหน้าที่หลักๆ คือ ‘safety’ หรือ การดูแลความปลอดภัย บนเครื่องบิน เช่น หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แอร์โฮสเตสมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยบนเครื่องบินก่อนเป็นอันดับแรก

2.) เล็บ / ผม ต้องถูกระเบียบ สีผมต้องเป็นสีที่ถูกระเบียบ ตามกฎของแต่ละหลายการบิน ซึ่งแต่ละสายการบิน จะมีกฎระเบียบที่แตกต่างกันออกไป ส่วนสีเล็บ สามารถทาเล็บหรือทำเล็บเจลสีอ่อนๆ ได้ (แล้วแต่กฎระเบียบของแต่ละหลายการบิน)

3.) จะมีการเข้าห้องบรีฟตอบคำถาม เพื่อทดสอบความรู้ และทบทวนความจำในเรื่องของ safety ก่อนขึ้นบินทุกครั้ง ซึ่งหากตอบคำถามไม่ได้ ก็อาจถูก Off Road หรือ ‘ถูกถอดตารางบิน’ ได้ (แล้วแต่นโยบายของแต่ละสายการบิน)

4.) การบิน 4 แลนด์ VS 2 แลนด์ คืออะไร? คือ การขึ้น-ลงตามไฟล์บิน ยกตัวอย่างเช่น
การบิน 4 แลนด์ คือ บินระหว่างกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ (1), เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ (2), กรุงเทพฯ - ภูเก็ต (3) และภูเก็ต - กรุงเทพฯ (4) หรือก็คือการบินขึ้น-ลง 4 รอบนั่นเอง 
การบิน 2 แลนด์ คือ บินระหว่างกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ (1), เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ (2) หรือก็คือการบินขึ้น-ลง 2 รอบนั่นเอง

5.) การขึ้นบินในแต่ละครั้งค่อนข้างใช้เวลานาน บางไฟล์บิน อาจใช้เวลาร่วม 10 ชั่วโมง ดังนั้น การต้องห่างหายจากโลกโซเชียลไปมากกว่า 10 ชั่วโมงจึงถือเป็นเรื่องปกติของแอร์โฮสเตส

6.) นอนไม่เป็นเวลา เนื่องจากแต่ละไฟล์บินจะมีตารางขึ้นบินที่แตกต่างกันออกไป

7.) กินข้าวไม่เป็นเวลา เนื่องจากตารางการขึ้นบินแต่ละไฟล์มีเวลาที่แตกต่างกัน ภาระหน้าที่ที่แอร์โตสเตสก็มีมากน้อยแตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน

8.) วันที่วุ่นวายที่สุด คือ วันที่ตารางการขึ้นบินออก เพราะจะเกิดการขอปรับเปลี่ยนตารางขึ้นบิน หรือขอแลกไฟล์บินกับเพื่อนๆ แอร์โอสเตสคนอื่นๆ

9.) แอร์โตสเตสสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้ในราคาพิเศษ (ถูกกว่าปกติประมาณ 50%) ซึ่งเป็นสวัสดิการของแต่ละสายการบิน

10.) อาการปวดหลัง นับเป็นโรคยอดฮิตของแอร์โฮสเตส ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการที่แอร์โตสเตสต้องใส่ส้นสูงยืน เดิน นั่ง เพื่อให้บริการผู้โดยสารเป็นระยะเวลานาน
 

‘ใจสิงห์ ศิษย์นายกพันศักดิ์’ สอนท่ามวย ให้ทหารใหม่ ที่ จ.พิษณุโลก

เฟซบุ๊ก มวยสด.com ได้โพสต์ข้อความที่ ส.อ. สิทธิศักดิ์ จิตอิน หรือ ใจสิงห์  ศิษย์นายกพันศักดิ์ นักมวย ONE ลุมพินี ไปถ่ายทอดศิลปะแม่ไม้มวยไทย ให้กับนายทหารใหม่ โดยมีใจความว่า ...

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 66 เวลา 1630 หน่วยฝึกทหารใหม่ ส.พัน. 4 พล.ร. 4 ทำการฝึกทักษะแม่ไม้มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ให้กับ น้องทหารใหม่ ผลัดที่ 1/66 โดยมี ส.อ. สิทธิศักดิ์ จิตอิน หรือ ใจสิงห์ ศิษย์นายกพันศักดิ์ นักมวย ONE ลุมพินี เพื่อให้ทหารใหม่มีความรู้ความเข้าใจทักษะแม่ไม้มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ ส.พัน.4 พล.ร.4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จังหวัดพิษณุโลก  

สำหรับ ใจสิงห์  ศิษย์นายกพันศักดิ์ นักมวย ONE ลุมพินี การชกล่าสุดบนเวที ONE ลุมพินี เอาชนะน็อกเอาต์ จาง จินฮู นักชกจากประเทศจีน  ไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.66

โบว์ ณัฏฐา’ ชี้ มีความพยายาม เบนความสนใจ กรณีหุ้นไอทีวี ทั้งที่ ความจริงมีแค่ ไอทีวีเป็นสื่อ - พิธาถือหุ้น

วันนี้ (14 มิ.ย. 66) นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ที่ชื่อ ‘โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา - Nuttaa Mahattana’ เกี่ยวกับเรื่องที่ ไอทีวี ยังคงดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัท มีการส่งงบการเงินและเสียภาษีอยู่ โดยระบุว่า…

สิ่งที่ระบุในรายงานผู้ถือหุ้นไอทีวี เป็นความจริงเกี่ยวกับธุรกิจ คือบริษัทยังดำเนินการตามวัตถุประสงค์บริษัท ส่งงบการเงินและเสียภาษีอยู่ 

ซึ่งวัตถุประสงค์บริษัทมี 45 ข้อ ไอทีวีอาจไม่ได้ดำเนินการตามข้อ 40 ที่ว่าด้วยการประกอบการวิทยุโทรทัศน์ แต่ยังดำเนินการตามข้อ 41 ที่ว่าด้วยการผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตามที่ระบุในงบการเงินตั้งแต่ปี 65 

เรื่องทั้งหมดเป็นกิจการของบริษัทที่เกิดขึ้นตามปกตินานก่อนจะมีเรื่องการร้องเรียนคุณสมบัติคุณพิธาปมถือหุ้นสื่อ ก่อนคุณพิธาจะได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดทนายกฯของพรรคก้าวไกล ก่อนจะมีการเลือกตั้งและรู้ผลกัน

การพยายามสร้างทฤษฎีสมคบคิดต่างๆนานา คือความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากข้อเท็จจริงที่เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาในคดีที่เกี่ยวกับคุณสมบัติ ส.ส. และแคนดิเดทนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีแค่ …

- ไอทีวี เป็นสื่อฯหรือไม่?
- คุณพิธาถือหุ้นไอทีวีขณะสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่?
เท่านี้เอง.

แยกลำสาลี’ พลิกโฉมใหม่ รถไฟฟ้า 2 สายมาบรรจบกัน อนาคตเตรียมสร้าง ‘สกายวอล์ค’ พร้อมสวนลอยฟ้า

เฟซบุ๊ก Bangkok Sightseeing ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ที่แยกลำสาลี โดยมีใจความว่า ...

ใครเลยจะคิดว่าแยกลำสาลี ที่หลายๆคนตั้งฉายาว่า "แยกลำสาหัส" จะพลิกโฉมไปได้ขนาดนี้ในวันที่มีรถไฟฟ้า 2 สายมาบรรจบกัน ด้านล่างลึกลงไปใต้ดิน คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านบนคือรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และอนาคตกำลังมีการก่อสร้างทางเดินหรือสกายวอล์คสวยๆพร้อมสวนลอยฟ้าเชื่อมไปถึงแยกบางกะปิและหน้าเดอะมอลล์ บางกะปิ สายไฟสายสื่อสารก็กำลังจะถูกนำลงใต้ดิน สังเกตุจากตู้ไฟที่ตั้งเรียงรายริมทางเท้าและเกาะกลางถนน นี่มันคือสวรรค์ของคนย่านนี้ชัด ๆ.

“ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย” จับมือ “กระทรวงสาธารณสุข” ดำเนินโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการทั่วประเทศ

ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย มีภารกิจในการจัดเก็บและรวบรวมดวงตาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว ด้วยเทคนิคมาตรฐานสากล เพื่อมอบให้กับจักษุแพทย์นำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาได้อย่างรวดเร็ว “ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย”

นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ร่วมกับ “กระทรวงสาธารณสุข” นำโดยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทย ได้จัดทำโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” ให้ผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา ณ โรงพยาบาลใกล้บ้าน ให้เข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“กระจกตา” ที่ท่านบริจาค ช่วยผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

ปัจจุบันโรคกระจกตาพิการ เป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็น ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในสังคมด้วยความยากลำบาก รวมถึงประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศจากทรัพยากรมนุษย์ที่เจ็บป่วยและขาดโอกาสในการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว วิธีการรักษาผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการส่วนใหญ่ คือ การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา

โดยนำกระจกตาของผู้บริจาคดวงตาที่เสียชีวิตแล้วมาปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วย ดังนั้น กระจกตาบริจาคจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง

“สธ.” จับมือ “ศูนย์ดวงตา” จัดโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการที่รวดเร็ว

เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข โดยกองบริหารการสาธารณสุข คณะกรรมการการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาตา คณะกรรมการการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ ได้จัดทำโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน”

เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา ณ โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการบริการที่รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาการรอคอยดวงตาบริจาคลง เพื่อให้ผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาเร็วขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดย ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย และศูนย์ประสานงานการปลูกถ่ายกระจกตาประจำเขตสุขภาพ จะดำเนินการโทรศัพท์ติดตามสอบถามความสมัครใจของผู้ป่วยกระจกตาพิการที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคไว้กับสภากาชาดไทย ให้กลับไปปลูกถ่ายกระจกตาในโรงพยาบาลตามภูมิลำเนาที่อยู่ใกล้บ้าน

ชวน “ผู้ขึ้นทะเบียนรอรับบริจาคดวงตาก่อนปี 62” อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานตามโครงการ ยังพบอุปสรรคปัญหาสำคัญประการหนึ่ง คือ ข้อมูลของผู้ป่วยบางรายที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคกับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลเครือข่ายเคยมีอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถติดตามผู้ป่วยเข้าร่วมในโครงการได้ ส่งผลทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคก่อนปีพ.ศ.2562 และยังประสงค์จะรับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาเข้าร่วมโครงการ กรุณาติดต่อศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โทรศัพท์หมายเลข 0 2256 4039-40 ในวันและเวลาราชการ หรือแจ้งแพทย์ในโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยรับการรักษา

เพื่อแจ้งข้อมูลของตนเองให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาของผู้ป่วยและเพื่อความรวดเร็วในการให้บริการของโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยรับการรักษาต่อไป

ขอขอบพระคุณที่ท่านกรุณาเผยแพร่ข่าวนี้
กลุ่มงานสารนิเทศ สำนักสารนิเทศและสื่อสารองค์กร สภากาชาดไทย
ประสานงาน : นางสาวภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ 4
โทรศัพท์ 08 9555 0211 และ 0 2256 4035 หรือ 1664
 

‘ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม’

‘ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม’ อดีต รมช.สาธารณสุข
เสียชีวิตอย่างสงบ ในวัย 80 ปี

แวดวงสุขภาพเศร้า สูญเสีย ‘ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม’ ที่ปรึกษา สสส. และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

(14 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย) ได้เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โดยครอบครัวได้แจ้งกำหนดการบำเพ็ญกุศล และ สวดพระอภิธรรม อุทิศ ณ ศาลา สิทธิสยามการ (ศาลา 4) วัดธาตุทอง พระอารามหลวง ถ.สุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ในวันพฤหัสบดี 15 มิถุนายน 2566 ทั้งนี้ เวลา 13.00 น. พิธีรดน้ำศพ และ พิธีฌาปนกิจศพ (ดำเนินการภายในครอบครัว)

วันที่ 16-18 มิถุนายน 2566 เวลา 18.30 น. แสดงธรรมเทศนา และพิธีสวดพระอภิธรรม
วันจันทร์ 19 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น. แสดงธรรมเทศนา เวลา 11.00 น.สวดพระพุทธมนต์ และ ถวายภัตตาหารเพล เวลา 18.30 น. สวดพระอภิธรรม ครั้งที่ 1 เวลา 19.30 น. สวดพระอภิธรรม ครั้งที่ 2

ทั้งนี้ พลอยแพรว ศรีแสงนาม ลูกสาวฝาแฝดของ ศ.นพ.อุดมศิลป์ ได้โพสต์แจ้งข่าวด้วยว่า…

“สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแจ้งข่าว คุณพ่อ ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ได้จากไปอย่างสงบเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ทางครอบครัวได้จัดให้มีงานบำเพ็ญกุศล และสวดอภิธรรม เป็นเวลา 5 คืนด้วยกันค่ะ”
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top