Friday, 10 May 2024
NEWS

‘หลวงปู่วิชิต’ พระมหาเถระวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร มรณภาพ สิริอายุรวม 95 ปี 10 เดือน 74 พรรษา

(10 ก.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก วัดประยุรวงศาวาส ได้แจ้งข่าวการสูญเสีย พระราชปริยัติดิลก (วิชิต อิสฺสโร ป.ธ.9) หรือ หลวงปู่วิชิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2566 เวลาประมาณ 10.45 น. ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริอายุรวม 95 ปี 10 เดือน 74 พรรษา

สำหรับ พระราชปริยัติดิลก หรือ หลวงปู่วิชิต นับเป็นพระมหาเถระที่มีพรรษากาลสูงสุดในวัดประยุรวงศาวาส และยังเป็นอาจารย์สอนพระปริยัติธรรมให้กับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ กรรมการ มส. แม่กองบาลีสนามหลวง เมื่อครั้งยังเป็นสามเณรมหาเปรียญธรรม และพระราชปริยัติดิลก ยังเป็นผู้ร่วมจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ พ.ศ.2497 อันโด่งดัง ร่วมกับหลวงปู่ทิมด้วย

ประวัติของ พระราชปริยัติดิลก หรือ หลวงปู่วิชิต มีนามเดิมว่า วิชิต วิจิตรบรรจง เกิดวันที่ 9 ก.ย. 2471 ที่ อ.ระโนด จ.สงขลา บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2492 ที่วัดพังตรี ตำบลระวะ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ พระครูปทุมธรรมธารี วัดสามบ่อ ตำบลระวะ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา 

>> การศึกษา มีดังนี้
- พ.ศ. 2494 สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร  
- พ.ศ. 2523 สอบได้ ประโยค ป.ธ.9สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร 
- พ.ศ. 2542 ได้รับพระบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ 
- พ.ศ. 2549 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

>> เกียรติคุณ มีดังนี้
- พ.ศ. 2531 ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักรทองคำ ในฐานะผู้บริหารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ดีเด่น จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- พ.ศ. 2549 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

>> ตำแหน่งฝ่ายปกครอง มีดังนี้
- พ.ศ. 2542  เป็นพระอุปัชฌาย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร

>> งานการศึกษา มีดังนี้
- พ.ศ. 2475 เป็นครูสอนปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร  พ.ศ.2479 เป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง 
- พ.ศ. 2498-ปัจจุบัน เป็นกรรมการตรวจข้อสอบบาลีสนามหลวง 
- พ.ศ. 2533 -ปัจจุบัน เป็นประธานนำข้อสอบบาลีสนามหลวงไปเปิดสอบ ณ สนามสอบคณะจังหวัดชุมพร คณะจังหวัดตรัง คณะจังหวัดสุราษฏร์ธานี และคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช

>> ลำดับสมณศักดิ์ มีดังนี้
พ.ศ. 2526 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่ พระศรีวิสุทธิดิลก 
พ.ศ. 2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ ชั้นราช ที่ พระราชปริยัติดิลก

‘เอเลียส’ โดนเตะเข้าศีรษะน็อคชั่วขณะ ล่าสุดถูกหามส่ง รพ. แล้ว 'โค้ชเตโก้' โวยกรรมการ หลังลุยลีกอินโดฯ โดนมา 2 นัดติด

เมื่อวานนี้ (9 ก.ค. 66) เอเลียส ดอเลาะห์ กองหลังทีมชาติไทย ของ บาหลี ยูไนเต็ด ในลีกอินโดนีเซีย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังถูกเตะเข้าที่ศีรษะในเกมลีกอินโดนีเซีย

การแข่งขันฟุตบอลลีกอินโดนีเซียคู่ระหว่าง บอร์เนียว เอฟซี พบ บาหลี ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา

มีรายงานว่า เอเลียส ดอเลาะห์ กองหลังทีมชาติไทย ที่เพิ่งย้ายจาก การท่าเรือ เอฟซี ไปอยู่กับทีม บาหลี ยูไนเต็ด ถูกนักเตะของทีมคู่แข่ง กระโดดเตะเข้าที่ศีรษะ จากจังหวะลุ้นทำประตูจากลูกฟรีคิกในช่วงท้ายเกม จนล้มลงไปนอนนิ่ง และต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน

ซึ่งเหตุการณ์นี้ นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ เอเลียส ดอเลาะห์ ถูกเตะเข้าที่ศรีษะ หลังจากที่นัดแรกของเขาเมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ถูกนักเตะทีม พีเอสเอส สเลมัน เล่นหนักใส่มาแล้ว

หลังจากที่นำตัวส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการซีทีสแกนแล้ว พบง่า อีเลียส ไม่มีอาการเลือดออกในสมอง และกระดูกไม่หัก แต่เจ้าตัวรู้สึกปวดหัว และมีอาการตาพร่ามัว

ด้าน ‘เตโก้’ สเตฟาโน่ คูกูร่า กุนซือ ทีม บาหลี ยูไนเต็ด กล่าวว่า “เอเลียส เล่นในไทยลีกมาหลายปี แต่เมื่อมาถึงที่นี่เขาก็ถูกเตะที่ศีรษะเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ในเกมพบ พีเอสเอส และในวันนี้ก็ถูกผู้เล่นบอร์เนียวเตะที่ศีรษะอีกครั้ง หลังจบการแข่งขันเขาต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ผู้ตัดสินเห็นเหตุการณ์ แต่ไม่ให้จุดโทษแก่เรา นักเตะทีมชาติไทยต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันและผู้ตัดสินที่นี่”

โดยเกมดังกล่าวจบลงด้วยชัยชนะของ บอร์เนียว เอฟซี 3-1 โดยนักเตะเจ้าถิ่นโดนใบเหลืองไปถึง 5 ใบ ขณะที่ทีมเยือนได้ 1 ใบเหลือง ทำให้ผ่านไป 2 เกม บาหลี ยูไนเต็ด แพ้รวด รั้งบ๊วยของตารางคะแนนลีกอินโดนีเซีย

‘ศ.ดร.สมพงษ์’ สะท้อนปัญหาเยาวชนไทยในปัจจุบัน ชี้มีแนวโน้ม ‘เจ้าอารมณ์ - เห็นแก่ตัว - ขาดศีลธรรม’

(10 ก.ค. 66) ศาสตราจารย์สมพงษ์ จิตระดับ สุอังคะวาทิน ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ สะท้อนปัญหาเยาวชนไทยในปัจจุบันว่า…

เมื่อนำผลการศึกษาวิจัยในเรื่อง #เด็กไทยพันธุ์ใหม่ ยุคปี 2000 มาเป็นแกนหลักเชื่อมโยงสัมพันธ์กับผลการศึกษาวิจัยกว่า 15 ชิ้น ข้อค้นพบแต่ละด้าน ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กรณีศึกษา ข้อมูลการสำรวจที่เกี่ยวข้อง ภาพชุดของเด็กไทยในอนาคต (Scenario) อันใกล้นี้ จะเห็นคุณลักษณะที่เด่นชัดดังต่อไปนี้

1. #ระดับสติปัญญา ของเด็กไทย (Intellectual Quotient) มีแนวโน้ม #ลดต่ำลงจนน่าเป็นห่วง
2. สภาพ #ร่างกายที่อ่อนแอลง ขาดภูมิต้านทานทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์
3. วุฒิภาวะทางอารมณ์ พฤติกรรม และการแสดงออกแฝงไปด้วยความ #ก้าวร้าวรุนแรง ในการดำเนินชีวิตและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

4. เด็กวัยใสที่อ่อนเยาว์แต่กลับ #เรียนรู้ทางเพศ เร็วกว่าวัยที่ควรจะเป็น
5. การแสวงหาความรู้ ความสุข และการมีเพื่อนใหม่ทางอินเทอร์เน็ต
6. #วัตถุนิยม เป็นตัวตั้งในการสร้างคุณค่าเชิงปริมาณ

7. การให้ความสำคัญกับตนเองมากกว่าส่วนรวม
8. เด็กจำนวนไม่น้อย #ขาดรากเหง้าทางศีลธรรม ศาสนา วัฒนธรรม สูญสิ้นความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย
9. เกิดสภาวะความเครียด การกดดันจากการแข่งขัน

10. การมองความสำเร็จในเชิงตัวบุคคลมากกว่าความเป็นหลักการและเหตุผลมีความคิดในรูปสำเร็จ(Package) การลอกเลียนแบบ (Copy) โดยขาดการไตร่ตรองรอบคอบกระบวนการคิดด้วยการใช้ปัญญา
11. การเล่นพนันบอล การมีหนี้ จนมีผลเสียต่ออนาคตของเด็กและเยาวชน
12. เด็กทำงานหนักไม่เป็น

สมุทรปราการ-รวมพลัง!! เทศบาลตำบลบางปู นำจิตอาสากว่า 200 คน จัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ทำความสะอาดวัดในเขตพื้นที่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีรพล ชุนเจริญ นายกเทศมนตรีตำบลบางปู เป็นประธานเปิดโครงการจิตอาสาพระราชทาน เราทำความดี ด้วยหัวใจ นำคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มเพื่อนนายก ประชาชนจิตอาสา ตลอดจนคณะครู และนักเรียนลูกเสือจิตอาสาพระราชทานโรงเรียนหาดอัมราอักษรรักษ์วิทยา จำนวนกว่า 200 คน ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ ภายในวัดพุทธภาวนาราม ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยนายธีรพล ชุนเจริญ นายกเทศมนตรีตำบลบางปู ได้กล่าวคำน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานโครงการจิตอาสาพระราชทาน ตามแนวพระราชดำริ “เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่ามีความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจประกอบกิจกรรมสาธารณะ เพื่อประโยชน์สุขของชุมชนส่วนรวมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อให้มีความรักความผูกพันใน 4 สถาบันหลักของชาติ คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา

จากนั้น ได้นำกลุ่มจิตอาสา กว่า 200 คน ทำกิจกรรม เราทำความดี ด้วยหัวใจ ด้วยการทำความสะอาด กวาดพื้นถนน และการทำความสะอาดห้องสุขาสาธารณะ ภายในวัดพุทธภาวนาราม เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ 

อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมในการรักษาดูแลทำความสะอาดภายในศาสนสถาน จุดบริการห้องน้ำสาธารณะที่ประชาชนมาใช้บริการ รวมถึงบริเวณพื้นที่ต่างๆ ภายในวัด ซึ่งถือเป็นการทำนุบำรุงศาสนสถานให้พระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติศาสนกิจด้วยความสะดวก และพุทธศาสนิกชนที่เข้ามาทำบุญปฏิบัติธรรมหรือร่วมกิจกรรมประเพณีทางศาสนาในวัดได้อย่างสบายใจและมีสุขภาพอนามัยที่ดี 

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

มข. ลงนามบันทึกข้อตกลงการจัดตั้งสถาบันพร้อมเปิดสถาบัน The KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute ร่วมกับ SWJTU สาธารณรัฐประชาชนจีนเดินหน้าหลักสูตร High Speed Train Engineering

ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมกับ Southwest Jiaotong University (มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์เจียวทง) สาธารณรัฐประชาชนจีนจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดตั้งสถาบัน The KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute พร้อมจัดพิธีเปิดสถาบันณคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ภายในงานได้รับเกียติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นMs.Yang Ning รักษาการกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยณจังหวัดขอนแก่นรศ.นพ.ชาญชัยพานทองวิริยะกุลอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น Prof. Yao Faming รองอธิการบดี Southwest Jiaotong University (SWJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีนผู้บริหารTianyou Railway Institute และ China Railways International Thailand อุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นรองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MoA) ในการจัดตั้งสถาบันThe KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute

รศ.นพ.ชาญชัยพานทองวิริยะกุลอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นกล่าวว่ากระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยระดับประเทศด้านรถไฟความเร็วสูง (High Speed Train) เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การคมนาคมในภูมิภาคร่วมกับ Southwest Jiaotong University (SWJTU) 

ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอินโดจีนสามารถเชื่อมโยงไปสู่ประเทศต่างๆในอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกทั้งHigh Speed Train ยังเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจตามนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลไทยอีกด้วย

“มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ตระหนักถึงความสำคัญของพันธกิจและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สำคัญของชาติด้านรถไฟความเร็วสูงจึงกำหนดแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อผลิตบัณฑิตด้านวิศวกรรมศาสตร์รถไฟความเร็วสูงร่วมกับมหาวิทยาลัยSouthwest Jiaotong (เจียว-ทง) ภายใต้ชื่อหลักสูตร “วิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง”หรือ “High Speed Train Engineering” เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมและก่อตั้งสถาบันKKU-SWJTU Tianyou (เจียว-ทง) Railway Institute ณคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อจัดฝึกอบรมให้ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านรถไฟความเร็วสูง”

Prof. Yao Faming รองอธิการบดี Southwest Jiaotong University (SWJTU) สาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวว่า ระบบรางรถไฟไทย-จีนเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของนโยบาย “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” one belt one road)เป็นการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในแถบคาบสมุทรอินโดจีน โดยเฉพาะระหว่างไทยและจีนถือเป็นถนนสายหลักและกุญแจสำคัญ ด้วยความก้าวหน้าของนโยบาย one belt one road ส่งผลให้ไทยและจีนมีโอกาสมากขึ้นในการผลักดันและพัฒนาการขนส่งระบบราง

มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์เจียวทงในฐานะสถาบันอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมแห่งแรกของประเทศจีน และเป็นสถานศึกษาด้านของการรถไฟแห่งแรก ๆ ของประเทศจีน ได้ขับเคลื่อนงานด้านวิศวกรรมมาตลอด 127 ปี ผลิตผู้มีความรู้ความสามารถกว่า 300,000 คน และได้ผลิตนักวิชาการ ทั้งในและต่างประเทศกว่า 60 คน และผลิตผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจและออกแบบทางวิศวกรรมระดับประเทศอีก 31 คน เพื่อก้าวจากอันดับหนึ่งของจีนสู่อันดับหนึ่งของโลก โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงของประเทศจีน ถือเป็นการสร้างต้นแบบนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมการขนส่งของจีน


“การก่อตั้งสถาบันระบบรางเทียนโย่ว โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์เจียวทงจะก่อเกิดคุณประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย นำเอาจุดเด่นของแต่ละมหาวิทยาลัย หลอมรวมเป็นการแลกเปลี่ยนทางการศึกษารูปแบบใหม่ระหว่างจีน-ไทย”

ขณะที่ รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยด้านหลักสูตรรถไฟความเร็วสูงอย่างแน่นแฟ้นและมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Southwest Jiaotong University มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เพื่อร่วมพัฒนาหลักสูตร “วิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง” (High Speed Train Engineering)มาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ขับเคลื่อนการผลิตบัณฑิตด้านวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง ในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน Ms. Yang Ning รักษาการกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดขอนแก่นเปิดเผยว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสักขีพยานในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ  สถาบันTianyou Railway Instutiueในต่างประเทศแห่งแรกของโลก ในปีนี้เป็นปีครบรอบ 10 ปีของการริเริ่มแบบแผนโครงการเส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21“一带一路” (หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง)  

การจัดตั้ง "สถาบัน Tianyou Railway Instutiue"  จึงนับเป็นโอกาสอันดี ในการสร้างนวัตกรรมร่วมกัน ส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาและโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้แก่ผู้เรียนในภูมิภาคประเทศไทยและเอเชียได้พัฒนาทักษะศักยภาพ เสริมสร้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถด้านรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้  " จีน-ไทย กลายเป็น ครอบครัวเดียวกัน"  และเพื่อให้ทั้งสองประเทศ  กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น 


ทั้งนี้ สำหรับพิธีลงนามการจัดตั้งและเปิดศูนย์The KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute  และหลักสูตร  (High Speed Train)  ในครั้งนี้มีข้อตกลงสำคัญ เพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการวิจัยร่วมกัน แลกเปลี่ยนเยี่ยมชม และฝึกอบรมด้านการขนส่งทางรางแลกเปลี่ยนบุคลากรและนักศึกษาทั้งสองสถาบันก่อให้เกิดองค์ความรู้การถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูงรวมไปถึงการผลิตบัณฑิตที่จะตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมรถไฟความเร็วสูงของประเทศเพื่อสร้างบัณฑิตให้มีความรู้ความสามารถมีคุณภาพและศักยภาพด้านวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูงเพื่อรองรับในตลาดแรงงานโดยมีระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2571)

นราธิวาส-เลขาธิการ ศอ.บต. ชื่นชมเยาวชนชายแดนใต้ ที่เข้าอบรมศาสนา ที่ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หวังอยากเห็นเยาวชนทุกคน เติบโตเป็นคนดีของสังคม และอยู่ใกล้ชิดหลักคำสอนของศาสนาที่ดีงาม 

เมื่อวันที่ (9 กรกฎาคม 2566) พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ลงพื้นที่เยี่ยมให้ขวัญกำลังใจแก่เยาวชนที่เข้าศึกษาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมดูสถานที่เพื่อเตรียมจัดกิจกรรมการส่งเสริมการสร้างคนดี ตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศาสนาที่มีความสำคัญอย่างมากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 กำหนดให้ส่งเสริมศาสนิกชนทุกศาสนาได้มีการศึกษาอบรมหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อีกทั้งการเรียนศาสนาสำหรับเด็กมุสลิมและเด็กที่นับถือศาสนาพุทธมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปลูกฝังหลักการทางศาสนาเบื้องต้นตั้งแต่เยาว์วัย ณ วัดชลธาราวาส (วัดร่อน) ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นกิจกรรมของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ร่วมสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขับเคลื่อนการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดความเข้าใจต่อหลักการทางศาสนา ที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างถูกต้อง นำไปสู่สังคมของคนดี อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยมีนางสุนิสา รามแก้ว  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กรมประชาสัมพันธ์) นายปัญญา น่วมประวัติ  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กรมพัฒนาชุมชน) ข้าราชการในสังกัด ศอ.บต.  คณาจารย์และเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรม กว่า 100 คน

ในการนี้ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า เยาวชนคนที่เข้าร่วมศึกษาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เป็นจำนวนตัวเลขที่ไม่มาก แต่หากจำนวนดังกล่าวสามารถเป็นสะพานส่งต่อความดี เผยแพร่หลักคำสอนที่ถูกต้องของศาสนาไปยังเพื่อนฝูง และครอบครัว เชื่อว่าจะสามารถสร้างสังคมคนดีตามหลักศาสนาไปทั่วทุกมุมในชายแดนใต้ จะส่งผลให้เยาวชนพุทธบุตรเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม ผลักดันการพัฒนาทุกมิติ ทั้งการพัฒนาคน ทรัพยากรมนุษย์ สุขภาพ การศึกษา อาชีพ และเป็นคนดี คนเก่ง มีความสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในอนาคตอยากเห็นลูกๆ ทุกคน เป็นลูกหลานชาวพุทธที่มีความใกล้ชิดหลักคำสอนของศาสนา โดยมีการพัฒนาการแสดงออกทางมารยาทของชาวพุทธ ให้เป็นคนดี มีกิริยาวาจาและพฤติกรรมอันพึงประสงค์ การพัฒนาศีล เป็นการฝึกตนให้เป็นคนดี มีศีลธรรมประจำใจ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน มีการพัฒนาจิต ฝึกให้เป็นคนที่มีพลังจิตและสุขภาพจิตที่ดี และ มีการพัฒนาปัญญา ฝึกให้เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่อย่างรู้เท่าทันโลก นำพาชีวิตสู่ความสำเร็จต่อไป

สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการจัดการศึกษาทางศาสนาสำหรับเด็กและเยาวชนหลากหลายรูปแบบ อาทิ ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) และศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ (ศพอ.) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศาสนาที่มีความสำคัญอย่างมากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  อีกทั้งการเรียนศาสนาสำหรับเด็กมุสลิมและเด็กที่นับถือศาสนาพุทธมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปลูกฝังหลักการทางศาสนาเบื้องต้นตั้งแต่เยาว์วัย ศอ.บต. จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อส่งเสริมสังคมแห่งคนดี บนวิถีความหลากหลายของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจากการรับฟังข้อเสนอของผู้นำศาสนา พบว่า กระบวนการขัดเกลาทางศาสนาให้แก่เด็กและเยาวชน ในปัจจุบันกระทำได้อย่างจำกัดเนื่องจากขาดการสนับสนุนงบประมาณ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการสนับสนุนอาหารกลางวันให้เด็กได้รับอาหารรับประทานในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) และศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ (ศพอ.)  ซึ่งจะทำให้เกิดสมาธิศึกษาเล่าเรียนหลักการทางศาสนา เพื่อสร้างสังคมคนดีอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป 
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

‘เสาสะพานพระราม 3’ การก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ลดขนาดโครงสร้าง เพื่อทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง

(9 ก.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Applied Physics’ ได้แชร์เกร็ดความรู้เพิ่มเติมเชิงวิศวกรรมของ 'เสาสะพานพระราม 3' โดยระบุว่า…

จุดประสงค์เพื่อการแบ่งปันข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์เชิงการศึกษาต่อนักเรียนนักศึกษาที่สนใจนะครับ

บางไปไหม? จะหักไหม?
มันบางจริงๆ แต่แข็งแรงนะ และแข็งแรงไม่น้อยไปกว่า สะพานที่ใช้เสาตอม่อขนาดใหญ่ 2 ต้นเพราะมีการวางเสาต่อเนื่องกัน ในการถ่ายเทน้ำหนัก แล้วยังใช้งบมากกว่าแบบหนาๆด้วย

สะพานนี้ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และเรื่องนี้ เคยมีวิศกรออกมาให้ความรู้มาก่อนแล้วว่าลักษณะเสาที่บางของสะพานนี้ เป็นการก่อสร้างโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า ‘คอนกรีตอัดแรงแบบพิเศษ’ ซึ่งจะใช้เหล็กที่เป็นโครงสร้างด้านในมากกว่าโครงสร้างทั่วไป …แถมการสร้างด้วยเทคโนโลยีแบบนี้ มีมูลค่าสูงกว่าการก่อสร้างทั่วไปเสียอีก จุดประสงค์ก็เพื่อลดขนาดโครงสร้างคอนกรีตที่ใหญ่เทอะทะ จนกลายเป็นทัศนะอุจาดในเขตเมือง มองแล้วไม่สบายตา พอลดขนาดเสาลง มันก็ดูโปร่งสบายตากว่ามาก

สะพานนี้ เปิดใช้เมื่อปี พ.ศ. 2542 ก่อสร้างโดย บริษัทเยอรมัน Ed.Zublin Ag.Wayss สร้างเสร็จมา 20 กว่าปีแล้ว ก็ไม่เคยมีปัญหา

โดยทั่วไปแล้ว เสาตอม่อเล็ก มีความนิยมกันมาก เพราะประหยัดพื้นที่ ให้พื้นที่ด้านล่างน้อย โดยเฉพาะในต่างประเทศ มีการใช้เป็นจำนวนมาก ( เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ ญี่ปุ่น)

โดยจุดดังกล่าว เป็นเชิงสะพาน ก่อนเข้าถึงตัวสะพานกลางแม่น้ำเท่านั้น แต่พอไปถึงช่วงกลางสะพาน เสาตอม่อก็มีขนาดใหญ่ เหมือนสะพานอื่นๆ

อดีต ผจก.โรงงานน้ำปลาร้า เผยข้อมูลอีกด้าน 'พิมรี่พาย' ชี้!! 'ได้เงินตลอด-ไม่โดนเบี้ยว' แต่คุณภาพไม่ได้ ไม่ให้ผ่าน

(9 ก.ค. 66) ฟังอีกมุม อดีตผจก.โรงงานน้ำปลาร้า ลั่นอย่าโบ้ยความผิดให้ ‘พิมรี่พาย’ เผยได้เงินตลอด-ไม่โดนเบี้ยว ชี้หากสินค้าไม่มีคุณภาพ เขาจะขายออกสู่ตลาดได้อย่างไร

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์ในการผลิตและขายน้ำปลาร้า พร้อมระบุข้อความว่า “ผมก็โดนพิมรี่พายเทน้ำปลาร้าเหมือนกัน #ปลาร้าพิมรี่พาย”

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.66 นายเต้ย อายุ 24 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว และอดีตผจก.โรงงานน้ำปลาร้า เปิดเผยกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า ตนเคยเป็นผู้จัดการโรงงานผลิตน้ำปลาร้าแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นทางโรงงานเหลือกำลังในการผลิต จึงเสนอขายน้ำปลาร้าให้แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง นั่นคือ ‘พิมรี่พาย’ โดยติดต่อพูดคุยกับแม่ค้าออนไลน์คนดังกล่าวและทีมงานโดยตรง เพื่อร่วมชิมรสชาติน้ำปลาร้า ก่อนตัดสินใจว่าได้หรือไม่ได้ ซึ่งมีการเสนอขายกันอยู่หลายครั้ง จนสามารถจบออร์เดอร์ได้ 26 ล้าน แล้วบริษัทก็ผลิตน้ำปลาร้าและจัดส่งให้แม่ค้าออนไลน์คนดังกล่าวเรื่อยมา ซึ่งพิมรี่พายจะสุ่มเช็กคุณภาพของน้ำปลาร้าตลอด จนช่วงหลังๆ พิมรี่พายเริ่มรู้สึกว่ารสชาติน้ำปลาร้าไม่เหมือนเดิม จึงสั่งเบรกการผลิตไว้ก่อน และเรียกตนไปพบ มีทีมงานของพิมรี่พายกว่า 10 คนที่จะมาเช็กคุณภาพและได้ปรับสูตรใหม่อยู่ 7 วัน ซึ่งพิมรี่พายย้ำว่า “ต้องคงสูตรนี้ไว้ให้ได้ตลอด” และการผลิตก็ดำเนินต่อไป ซึ่งยอมรับว่ากว่าจะได้ออเดอร์ของพิมรี่พายนั้น ไม่ง่ายเลย

นายเต้ย กล่าวว่า ส่วนเรื่องมาตรฐานน้ำปลาร้านั้น พิมรี่พายจะให้โจทย์มาแล้วให้เราผลิตตามความต้องการ เพราะมาตรฐานน้ำปลาร้าของเขาสูงมาก เนื่องจากพิมรี่พายอยากได้ปริมาณเนื้อเยอะๆ แต่ในตอนนั้นเครื่องจักรที่โรงงานมีอยู่ เพื่อเอาไว้กรองเศษทางกายภาพออกให้หมด เนื่องจากจะต้องส่งออกไปยัง EU และอเมริกา จึงอาจจะไม่สามารถทำได้ตรงตามที่พิมรี่พายขอเป๊ะๆ แต่จะพยายามทำให้เต็มที่ เนื่องจากหากต้องปรับเครื่องจักร หรือลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เลยก็เป็นมูลค่าหลายสิบล้าน

นายเต้ย เล่าว่า โดยปกติสินค้าเวลามีปัญหา เราต้องเอากลับมาจัดการแก้ไขเอง เพราะมาตรฐานเราไม่ตรงตามมาตรฐานของเขา เนื่องจากสินค้าน้ำปลาร้ามาตรฐานต้องแน่น ทั้งนี้ทางโรงงานก็ประเมินว่าหากลูกค้ามีมาตรฐานแบบนี้ แล้วทางโรงงานไม่สามารถทำให้ได้จริงๆ ทางโรงงานจะไม่ตะบี้ตะบันเอาออเดอร์และไม่เดินไปต่อ

นายเต้ย กล่าวอีกว่า ส่วนที่ตนเขียนข้อความในคลิปว่า “โดนพิมรี่พายเทน้ำปลาร้าเหมือนกัน” นั้น จริงๆ ตนแค่เขียนเพื่อให้คนเข้ามาฟังเหตุผลให้จบ และยืนยันว่าไม่ได้ถูกเท แต่เป็นการถูก reject เนื่องจากสินค้าไม่ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ และเมื่อตนไปตรวจสอบก็พบว่ามีเนื้อปลาร้าน้อยจริงๆ ซึ่งในส่วนนี้ทางโรงงานก็ยอมรับได้ อีกทั้งตลอดการทำการค้าขายกับพิมรี่พายเองก็ได้เงินตลอด ไม่มีการขาดทุนจากพิมรี่พาย ขณะที่อีกโรงงานหนึ่งตนเชื่อว่าเติบโตจนมีโรงงานขนาด 30-40 ล้าน เพราะออเดอร์จากพิมรี่พายด้วยซ้ำ

สำหรับเคสเรื่องเงินที่เป็นประเด็นร้อนว่ามีการติดกันจริงไหม โดยปกติที่ทำธุรกิจกับพิมรี่พายนั้น ทางเขาจะจ่ายเงินเป็นงวด และบริษัทจะไม่มีการปล่อยเครดิตเกิน ถ้าเขาไม่จ่ายก็จะติดต่อในส่วนของฝ่ายบัญชี ยอมรับว่าทางเขามีการจ่ายเงินช้าบ้าง โดยชี้แจงเป็นเหตุผลต่างๆ ซึ่งถ้าจ่ายเงินช้า ทางบริษัทจะแก้ปัญหาด้วยการบริหารจัดการของบริษัท

นายเต้ย กล่าวอีกว่า ยืนยันไม่ได้เข้าข้างใคร แต่พูดในมุมมองที่ได้เจอมา อยากให้สังคมเข้าใจด้วยว่าก่อนจะตัดสินใคร ให้รอฟังให้รอบด้านก่อน ตนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุใดพิมรี่พายไม่ออกมาพูดหรือชี้แจง แต่พี่กบออกมาพูดแล้ว ตนเองรู้ด้วยว่าสุดท้ายแล้วคดีจะชนะด้วยเหตุผลอะไร แต่ตนพูดไม่ได้ เพราะเป็นคนนอก แต่ในฐานะคนที่เคยทำงานอยู่ตรงนั้นแบบเต็มตัว มองในมุมการค้าขาย สุดท้ายแล้วลูกค้าต้องอยากได้สินค้าที่มีคุณภาพไปขาย ถ้าหากได้สินค้าไม่มีคุณภาพ เขาจะขายออกสู่ตลาดได้อย่างไร แล้วหากเราผลิตสินค้าไม่คุณภาพจะไปต่อกับเขาได้อย่างไร ตนจึงไม่อยากให้โบ้ยไปทางพิมรี่พาย และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าไว้ใจคู่ค้ามากเกินไป เพราะสุดท้ายคนเสียหายคือเราเอง

ทหารใหม่โอนเงินเดือนแรกให้แม่ 1 หมื่นบาท บอก!! รับราชการทหาร ก็สร้างความสุขได้

(9 ก.ค. 66) กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึง หลังจากชาวเน็ตพร้อมใจคอมเมนต์ พร้อมใจแชร์กระหน่ำ โพสต์จากเฟซบุ๊ก กองพันทหารช่างที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2 หลังโพสต์ภาพพลทหารใหม่หลายนาย โอนเงินให้ครอบครัว พร้อมระบุข้อความว่า...

"เงินเดือน…เดือนแรกผมให้แม่นะครับ"

📌หน่วยฝึกทหารใหม่ ช.2 พัน.202 ให้น้องๆ ทหารใหม่สามารถโอนเงินเดือนที่ได้รับเป็นครั้งแรกของเดือน มิ.ย. และตกเบิก พ.ค. โอนให้กับครอบครัว 'ตามความสมัครใจ' เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ ช.2 พัน.202 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์

#เชื่อผมเถอะครับถือว่าเป็นเงินเดือนครั้งแรก...ในการเข้ามารับราชการทหารเป็นทหารกองประจำการ สามารถสร้างความสุข…กับทั้งผู้ให้และผู้รับจริงๆ

ซึ่งจากภาพต้นโพสต์เป็นภาพที่พลทหารใหม่หลายนายกำลังนั่งโอนเงินกลับไปให้ทางครอบครัวหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น

ส่วนชาวเน็ตและผู้ที่เคยมีประสบการณ์ต่างเข้ามาคอมเมนต์ เช่น ถ้าไม่หักก็เป็นเรื่องน่ายินดี, เซ็นต์ PX ไว้เท่าไหร่? และมีหลายคนเข้ามาเมนต์บอกว่า ตนเป็นแม่ของทหารใหม่ได้รับเงินเดือนจากลูกแล้ว ดีใจมาก

รองโฆษก ตร. เตือน “หลอกลงทุนระบาดหนัก” ยอดความเสียหายรวมสูงกว่าหมื่นล้านบาท ย้ำต้องมีสติ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” 

วันนี้ (9 ก.ค.66) เวลา 09.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยสถิติคดีอาชญากรรมออนไลน์ประเภท “หลอกให้ลงทุน” และอุบายในการหลอกลวง พร้อมเน้นย้ำ เจ้าของบัญชีม้าหรือเบอร์ม้า มีโทษอาญาหนัก

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ เปิดเผยสถิติคดีออนไลน์ที่ประชาชนแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com โดยคดีหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ 1 มี.ค.65 - 30 มิ.ย.66 มีการแจ้งความจำนวนสูงถึง 23,616 คดี ยอดความเสียหายรวมสูงกว่า 11,550 ล้านบาท สำหรับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มียอดการแจ้งความสูงถึง 876 คดี ยอดความเสียหายรวมสูงกว่า 600 ล้านบาท

รองโฆษกฯ ให้ข้อมูลว่า ในปัจจุบันโจรออนไลน์ใช้อุบายที่หลากหลายในการหลอกลวง เช่น เทรดเหรียญดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์, ลงทุนเกี่ยวกับเหรียญคริปโต, ลงทุนกับบริษัทปล่อยเงินกู้ผลตอบแทนสูง, ร่วมลงทุนประมูลสินค้าเพื่อรับผลตอบแทน, ลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศ, และลงทุนหุ้นในเครือบริษัทชื่อดัง นอกจากนี้ โจรออนไลน์มักปลอมโปรไฟล์เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเรื่องการเงินการลงทุนเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง และเข้าหาผู้เสียหายผ่านการแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มสังคมออนไลน์ของผู้ที่สนใจด้านการลงทุน

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ ยังได้ให้ข้อมูลอีกว่า พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ที่มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 ผลของกฎหมายมีผลให้เจ้าของบัญชีม้าหรือเบอร์ม้า มีโทษอาญาหนัก จำคุก 3 ปี หรือ ปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่ได้เป็นธุระจัดหา โฆษณา ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ ก็มีโทษอาญาหนักเช่นกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีความห่วงใยประชาชน จึงได้จัดทำแบบทดสอบ Cyber Vaccine เพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์ให้กับประชาชน ขอให้ประชาชนต้องมีสติ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของโจรออนไลน์ ทั้งนี้สามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ www.เตือนภัยออนไลน์.com และ เพจเฟซบุ๊ก “เตือนภัยออนไลน์” ปรึกษา-ขอคำแนะนำได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-866-3000 โดยผู้เสียหายสามารถติดต่อธนาคารของตนเองเพื่อทำการระงับบัญชี โดยธนาคารจะออก Bank ID ผ่าน sms และขอให้ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจที่ใดก็ได้โดยเร็ว โดยไม่ต้องคำนึงถึงท้องที่เกิดเหตุภายใน 72 ชั่วโมง หรือแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

อีกศพ!! ‘นศ. ปี 1’ ขี่จักรยานยนต์อัดเสาไฟดับคาที่ ทั้งที่ไฟสว่าง ชาวบ้าน เชื่อ!! อาถรรพ์ตัวตายตัวแทน ตามฉายา ‘ยูเทิร์นร้อยศพ’ 

(9 ก.ค. 66) ร.ต.ท.ศุภกร ทุมจีน รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนเสาไฟส่องสว่าง บริเวณจุดกลับยูเทิร์น ถนนนิตโย หมายเลข 22 ขาเข้าตัวจังหวัดอุดรธานี หน้าโรงงานยางศรีตรังยางพารา ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี

หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย กู้ภัยส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี ถึงที่เกิดเหตุพบรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 สีแดงดำ สภาพรถถูกชนเข้ากับเสาไฟฟ้าส่องสว่างพังยับเยิน ชิ้นส่วนของรถกระเด็นและแตกละเอียดกระเด็น ข้างๆ รถพบศพ น.ส.อภิวรรณ อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรานี และมีกระเป๋าสะพายของผู้เสียชีวิตอยู่ใกล้ศพ ส่วนหมวกกันน็อคที่สวมใส่กระเด็นไปไกลถึง 20 เมตร และที่บริเวณโคนเสาไฟฟ้าส่องสว่างมีร่องรอยการชนน่าจะแรงมาก

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและจะได้ติดต่อญาติที่ อ.หนองหาน เพื่อมารับศพต่อไป สอบถามชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาช่วงเกิดเหตุเบื้องต้นบอกว่า ไม่เห็นตอนรถชนแต่เห็นมีรถปิคอัพ นิสสัน นาวาร่า สีดำ คาดจะขับชนน้องจนเสียหลักชนเสาไฟส่องสว่างจนเสียชีวิต มาจอดดูสักพักแล้วขับหนีไปเส้นทางเข้าตัวเมืองอุดรธานี และไม่เข้าไปช่วยเหลือหากเป็นจริงหรือว่าใจดำมาก ซึ่งตำรวจจะได้ไล่เช็คกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุว่าน้อง นศ. ที่เสียชีวิตถูกรถกระบะตีนผีซิ่งชนหรือไม่อย่างไร

นายสนอง สุวรรณแสง อายุ 56 ปี หัวหน้า รปภ. โรงงานยางพารา เปิดเผยว่า หลังจากตนเองเลิกงาน รับแจ้งจากลูกน้องบอกว่ามีอุบัติเหตุตรงยูเทิร์นหน้าโรงงานยางพารา จึงรีบออกมาดู ตรวจสอบเอกสารพบว่าเป็นชาวอ.หนองหาน เป็นนศ.เพิ่งเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ขอแสดงความเสียใจของญาติด้วย

สำหรับยูเทิร์นตรงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก ผมทำงานฯ มาเกือบ 10 ปี เกิดอุบัติเหตุตรงนี้บ่อยมาก จะมีคนเจ็บคนตายทุกเดือน จนชาวบ้านตั้งฉายาให้เป็นยูเทิร์นผีสิงหรือยูเทิร์น 100 ศพ คนขับรถที่ผ่านไปมาจะมองเห็นไม่เป็นยูเทิร์น เหมือนเป็นทางตรงไปเลยทั้งๆ ที่มีไฟส่องสว่าง ที่ผ่านมามีชาวบ้านและคนงานยางพาราออกกะงานกลางดึกบางคนพูดว่า กลางคืนจะเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่แถวยูเทิร์น บางคนก็เหมือนคนโบกรถให้จอด และบางคนรถเสียหลักลงข้างทางเหมือนผีดึงลง เชื่อว่าคนที่ตายตรงยูเทิร์นผีสิง 100 ศพตรงนี้เหมือนจะหาเอาตัวตายตัวแทน วิญญาณคนตายบางรายยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดก็เลยหาตัวแทน

อย่างเคสวันนี้ของน้องนักศึกษาชนเสาไฟส่องสว่าง ตนเองไปดูก็ไม่มีรอยถูกเฉี่ยวชนแม้แต่นิดเดียว เชื่อว่าวิญญาณคนตายตรงยูเทิร์นผีสิงแห่งนี้ที่ตายไปแล้ว จะดึงเอาน้องผู้หญิงที่กำลังขับรถกลับหอไปชนกับเสาไฟฟ้า แล้วคนตายคนนั้นจะได้ไปเกิดใหม่ ไม่ให้เชื่อก็ไม่ได้ทั้งมีไฟส่องสว่าง และมีอุบัติเหตุตายทุกเดือน

อย่างไรแล้วก็ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตรงเส้นนี้ให้ระมัดระวังกันมากเป็นพิเศษด้วย หัวหน้า รปภ. แม้จะไม่กลัวผีแต่กล่าวด้วยอาการขนลุกในตอนท้าย

ธรรมะประจำวันวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2566

‘คนฉลาด’
ไม่ใช่แค่ ‘ฉลาดพูด’ เท่านั้น
ต้องรู้จัก ‘นิ่งอย่างมีสติ’ ให้เป็นด้วย
ต้องรู้ใน ‘สิ่งที่ไม่ควรพูด’
ให้มากยิ่งกว่า ‘สิ่งที่ควรพูด’

-พุทธทาสภิกขุ-

‘ลูกชายผู้บาดเจ็บ’ จาก ‘ทางเลื่อนดอนเมือง’ เผย!! คุณแม่เดินได้ไกลกว่า 15 เมตร - มีกำลังใจดีขึ้น

(8 ก.ค. 66) ส่งกำลังใจให้ ‘ลูกชายผู้บาดเจ็บ’ จากเหตุทางเดินเลื่อนสนามบินดอนเมือง อัปเดตอาการแม่ เผย เดินได้ไกลกว่า 15 เมตรแล้ว ยังต้องฝึกการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดินเข้าห้องน้ำ การขึ้นนอนบนเตียง ระบุ แม่แอบบ่นว่า เหมือนกลับมาเป็นเด็กใหม่เลย

จากกรณี ทางเดินเลื่อนสนามบินดอนเมือง ทรุดทำให้ น.ส.สุพรรณี ผู้โดยสารหญิงได้รับบาดเจ็บขาขาดนั้น ล่าสุดนายกฤตย์ กิตติรัตนา ลูกชายของ น.ส.สุพรรณี ผู้บาดเจ็บ โดยระบุว่า วันนี้ 8 กรกฎาคม 2566 แม่ลงมากายภาพที่ยิมของโรงพยาบาล และสามารถเดินได้ไกล กว่า 15 เมตรแล้ว แต่ยังคงต้องฝึกการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดินเข้าห้องน้ำ การขึ้นนอนบนเตียง

สำหรับในขณะนี้ แม่กำลังใจดีมากๆ ตั้งใจทำกายภาพ ไม่มีอิดออด แม้จะมีอาการเจ็บแผล และ Phantom Limb Pain (กลุ่มอาการความรู้สึกหลอนว่าแขนขายังคงอยู่) ซึ่งคนในครอบครัวเป็นกองเชียร์ช่วยคุณแม่ศึกษาข้อมูลอุปกรณ์ขาเทียม เพื่อเป็นทางเลือกในอนาคต ตอนนี้มีความหวังมากมายรอบตัว และแม่แอบบ่นว่า.. เหมือนกลับมาเป็นเด็กใหม่เลย แต่ไม่เป็นไรให้คุณพ่อและน้องๆ ช่วยกันดูแล อีกแป๊บนึงคุณแม่ต้องวิ่งไวกว่าแน่ๆ

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายและการสืบสวน ปล่อยให้ตนเองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการต่อไป

‘SEED Thailand’ ผนึกกำลัง ‘สำนักงานสลากฯ - สถาบันพระปกเกล้าฯ’ จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ Seed Project รุ่นที่ 3

(8 ก.ค.66) กลับมาอีกครั้งกับโครงการที่ทุกคนรอคอย Seed Project ปี 3 รอบภาคกลาง 

ด้วยเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand วุฒิสภาร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ Seed Project รุ่นที่ 3 เรื่อง My Future Hometown สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล โดยโครงการจัดขึ้นในวันที่ 6 - 9 กรกฏาคม 2566 ณ ห้องประชุม โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น แจ้งวัฒนะ 

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.66 พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ ร่วมกับคุณดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ เลขาธิการและกรรมการมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 80 คน 

อีกทั้งมีปาฐกถาเรื่องพลังเยาวชนต่อทิศทางการพัฒนาประเทศไทย โดย คุณนพพล ชูกลิ่น ประธานบริหารโดยในวันนี้ยังมีวิทยากรมากประสบการณ์มาบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย ประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์และความเป็นไทย สู่การสร้างพลัง Soft Power จากท้องถิ่น โดย นายพิชิต วีรังคบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การสร้างนักข่าวท้องถิ่น Local Reporter โดยนางสาวขวัญธรรมภรณ์ ทิพยโกศัย ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ PPTV อีกทั้งมีการสร้างเสริมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากพี่ๆ ทีม SEED Thailand

'รองต่อ' ชื่นชมตำรวจขอนแก่น ใช้ยุทธวิธีสยบหนุ่มคลั่งขับรถชนทั่วเมือง

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ที่ใช้หลักยุทธวิธีในการเข้าระงับเหตุและติดตามจับกุมคนขับรถที่มึนเมายาเสพติดและขับชนรถของประชาชนทั่วไปได้รับความเสียหาย เป็นการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

วันนี้ 8 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลงานป้องกันปราบปราม ได้เรียกประชุมสรุปเหตุการณ์ กรณีชายคลุ้มคลั่งขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์ของประชาชนและเจ้าหน้าที่ จำนวน 6 คัน ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ จ.ขอนแก่น และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้นั้น

เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์และทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น จากนั้นได้ขับหลบหนีและไปเฉี่ยวชนรถของประชาชนรายอื่นๆ ซึ่งสัญจรผ่านไปมาเสียหาย โดยทันทีที่ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับรายงานได้บูรณาการกำลังทุกฝ่ายทั้ง ฝ่ายป้องกันปราบปราม สืบสวน และ จราจร ออกติดตามและสกัดจับรถคันดังกล่าว ไม่ให้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น

โดยผู้ก่อเหตุได้ขับหลบหนีไปตามถนนศรีจันทร์-หน้าเมือง-หลังเมือง-รอบเมือง-รื่นรมย์ และ ประชาสโมสร เมื่อมาถึงวงเวียนศาลหลักเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นจุดก้าวสกัดจับที่วางกำลังไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อุปกรณ์ Stop Stick ซึ่งเป็นอุปกรณ์หยุดรถกรณีฉุกเฉินขวางรถผู้ก่อเหตุไว้ เมื่อรถผู้ก่อเหตุขับเหยียบผ่านไปทำให้ยางรถรั่ว แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมหยุดรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แบ่งกำลังไล่ติดตามและวางกำลังในเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี จนผู้ก่อเหตุขับรถเข้าไปในซอยสุภะภีระ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถยนต์กระบะมาจอดขวางไว้ ผู้ก่อเหตุได้ขับรถพุ่งชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหายจนไม่สามารถขับไปต่อได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัวผู้ขับขี่ไว้ได้ โดยอยู่ในอาการมึนเมายาเสพติด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นได้รับความเสียหาย , ขับขี่รถประมาทหวาดเสียว , ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย , ขับขี่รถชนแล้วหลบหนี และ ขับขี่รถโดยมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย” นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ ได้กล่าวชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องทุกนาย และสั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 4 ถอดบทเรียนเพื่อนำมาเป็นกรณีศึกษา พร้อมทั้งฝากความห่วงใยไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ได้ ให้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุสม่ำเสมอ รวมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา

“ขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายที่ยึดหลักยุทธวิธีในการปฏิบัติหน้าที่ มีการนำอุปกรณ์ Stop Stick มาใช้ เพื่อลดความรุนแรงและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้ก่อเหตุ และตัวเจ้าหน้าที่เอง แสดงให้เห็นถึงความพร้อม ความใส่ใจ ความร่วมมือ และความมีมาตรฐาน สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ ขอฝากไปยังข้าราชการตำรวจทุกหน่วยให้หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ ฝึกฝนและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับพี่น้องประชาชนได้”

สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติงบประมาณให้แก่ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กำกับดูแล เพื่ออบรมเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากทุกหน่วยทั่วประเทศ อาทิเช่น 

• โครงการฝึกอบรมการบริหารเหตุการณ์ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 
• โครงการฝึกอบรมการระงับเหตุของผู้ปฏิบัติงานสายงานป้องกันปราบปราม 
• โครงการฝึกทักษะยิงปืนให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานป้องกันปราบปราม สืบสวน และจราจร ในสถานีตำรวจ
• โครงการฝึกอบรมการสร้างพื้นที่ข่าวออนไลน์  เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top