Sunday, 27 April 2025
NEWS

ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน แถลงผลสรุป 7 วัน อันตราช่วงปีใหม่วันแรก พบมีผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 438 คน ย้ำบังคับใช้กฎหมายเข้ม หลังพบเมาแล้วขับสาเหตุหลักทำเกิดอุบัติเหตุเหมือนเดิม

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร.ในฐานะประธาน ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) แถลงสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 414 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 438 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 32.85 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.88

ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.11 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 66.43 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.89 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.13 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 29.47 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.94 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,933 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,575 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 288,881 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 44,657 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 12,648 ราย ไม่มีใบขับขี่ 12,154 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ มหาสารคาม 15 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี บุรีรัมย์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอุดรธานี จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 17 คน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า วันนี้คาดว่าประชาชนเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว โดยถนนสายหลักที่มุ่งสู่ภูมิภาคต่าง ๆ จะมีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เข้มข้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจหลัก เน้นหนักกวดขันปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ

โดยเฉพาะการขับรถเร็วและดื่มแล้วขับ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลเส้นทางหลัก สายรอง และเส้นทางเลี่ยงที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด บริหารจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีเส้นทางหลักมุ่งสู่ภูมิภาคต่าง ๆ และมีการจราจรหนาแน่น ให้เร่งระบายรถ เปิดช่องทางพิเศษ ปิดจุดกลับรถ ปรับสัญญาณไฟจราจรให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการเดินทางของประชาชน รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นายชัยณรงค์ วาสนะสมสิทธิ์ รองอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ศปถ.ได้ประสานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด บูรณาการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สนธิกำลังสนับสนุนการปฏิบัติงานในจุดตรวจ จุดบริการ และด่านชุมชน โดยเฉพาะเส้นทางสายรองและเส้นทางเลี่ยง ทางลัด ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในระยะนี้บางจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้อาจมีฝนตก ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากสภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยไม่ดี ศปถ.จึงประสานจังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกให้กวดขันการใช้ความเร็วเป็นพิเศษ

ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT หนุนคนไทยฉลองปีใหม่อยู่บ้าน ลดการเดินทางสังสรรค์ ประกาศไม่ขยายเวลาให้บริการช่วงคืนวันที่ 31 ธ.ค. เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ยืนยันเปิดบริการเดินรถถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น

บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า ตามที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ทั้งภาครัฐ และเอกชนงดการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 นั้น

การบริการรถไฟฟ้า MRT จึงต้องปรับการให้บริการสอดคล้องกับมาตรการดังกล่าว โดยรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้า MRT สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) จะเปิดและปิดให้บริการตามเวลาปกติ (ไม่ขยายเวลาปิดให้บริการ) โดยรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินให้บริการเวลา 06.00 – 24.00 น. และสายสีม่วงให้บริการเวลา 05.30-24.00 น.

พร้อมกันนี้ รฟม.และ BEM ยังได้เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกและคุมเข้มมาตรการป้องกัน COVID-19 ให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการในช่วงวันหยุดยาว โดยจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ประจำสถานี เจ้าหน้าที่หน่วยซ่อมบำรุงพร้อมอำนวยความสะดวกทั้งกรณีปกติและเหตุฉุกเฉิน

เตรียมพร้อมขบวนรถเสริมกรณีผู้ใช้บริการหนาแน่น เพิ่มความถี่การตรวจตรารักษาความปลอดภัย และติดตามเฝ้าระวังผ่านกล้องวงจรปิด ทั้งในสถานีและรถไฟฟ้า คุมเข้มมาตรการป้องกัน COVID-19 โดยการเพิ่มความถี่การทำความสะอาดในทุกพื้นที่ทั้งภายในสถานีและในขบวนรถไฟฟ้าตลอดเวลาให้บริการ

และผู้โดยสารสามารถตรวจสอบเวลารถไฟฟ้าขบวนแรกและขบวนสุดท้ายได้ที่ทุกสถานี หรือ MRT Application พร้อมทั้งขยายเวลาให้บริการของศูนย์บริการข้อมูลในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ถึงเวลา 24.00 น. พร้อมให้ข้อมูลอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ‘พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ’ เล็งบังคับใช้กฎหมายจริงจังกับผู้ใช้โซเชียลหน้าเก่าโพสต์ ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังยื่นคำสั่งศาลไปกว่า 8,000 URLs แต่ยังลบข้อความหมิ่นไม่หมด

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ดำเนินการส่งคำสั่งศาลการแจ้งแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ที่เข้าข่ายละเมิดสถาบันหลักของชาติ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม - ธันวาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง จำนวน 8,443 URLs โดยแบ่งเป็น

• เฟซบุ๊ก 5,494 URLs ปิดกั้นแล้ว 3,107 URLs เหลืออีก 2,387 URLs

• ยูทูบ 1,755 URLs ปิดกั้นแล้ว 1,722 URLs เหลือ 33 URLs

• ทวิตเตอร์ 674 URLs ปิดกั้นแล้ว 63 URLs เหลือ 611 URLs

• และอื่น ๆ 520 URLs ปิดกั้นแล้ว 133 URLs คงเหลือ 387 URLs

ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้งานรายเดิม แต่พบว่ายังมีการกระทำผิดซ้ำอย่างต่อเนื่อง เช่น ชื่อบัญชีของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ Pavin Chachavalpongpun มีจำนวนคำสั่งศาล 194 คำสั่ง บัญชีของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล Somsak Jeamteerasakul มี 51 คำสั่งศาล นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) มี 2 คำสั่งศาล เป็นต้น

ทั้งนี้ กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด ทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ปท.) กระทรวงดิจิทัลฯ ได้รวบรวมหลักฐานส่งฟ้องต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์ม ตามมาตรา 27 และดำเนินคดีกับบัญชีผู้ใช้งานที่กระทำผิดแล้ว และอยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ

"ฝากเตือนให้ประชาชนตระหนักในการใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีความรับผิดชอบ ระมัดระวังไม่ละเมิดกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะไม่ละเมิดสถาบันหลักของชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น" นายพุทธิพงษ์ กล่าว

หลังจากโควิดกลับมาระบาดหนัก ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประกาศมติ ศปค.สธ.ขอให้คนไทยงดเดินทางนอกจังหวัด ห่วงคุมเชื้อ COVID-19 ยาก ย้ำชัดหากจัดกิจกรรมปีใหม่เกิน 100 คน ต้องขออนุญาต

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศปก.สธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์ฯ ได้วางแผนควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่ปัจจุบันแพร่กระจายไป 45 จังหวัดแล้ว เพื่อให้กลับมาปลอดเชื้อภายใน 4 สัปดาห์ แต่ขณะนี้เป็นช่วงจังหวะเทศกาลปีใหม่ ทำให้มีการเดินทางไปจังหวัดต่าง ๆ และการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมโรคให้เป็นไปตามแผน

ทั้งนี้ ศปก.สธ.ได้ประสานไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้จัดทำแผนเตรียมความพร้อมรับมือที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) โดยในพื้นที่ควบคุมสูงสุดให้งดจัดกิจกรรมสาธารณะ ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังให้ลดการจัดกิจกรรมสาธารณะมากที่สุด พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนกวดขันดูแลตัวเองให้เป็นไปตามหลักอนามัย

สำหรับการการจัดกิจกรรมช่วงปีใหม่ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดให้งดการจัด ส่วนในพื้นที่เฝ้าระวังให้ลดการจัดกิจกรรมมากที่สุด อยู่เฉพาะในครอบครัว หากจะจัดจะต้องได้รับอนุญาต รวมทั้งคงมาตรการป้องกันโรค และลดความแออัดของผู้ร่วมกิจกรรม ไม่น้อยกว่า 1 ตารางเมตรต่อคน หากจัดมากกว่า 100 คนต้องขออนุญาต

“คงต้องขอความร่วมมือให้เดินทางเท่าที่จำเป็น และงดกิจกรรมเสี่ยง เพื่อลดการแพร่เชื้อและรับเชื้อ หากเราสามารถควบคุมสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ก็จะสามารถผ่อนคลายมาตรการลง”

ขาเที่ยวเตรียมวางแผนปีหน้าไว้เลย เมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเคาะ 'วันหยุดกรณีพิเศษ' และ 'วันหยุดประจำภาค' รวมถึงเลื่อนวันหยุดราชการในปีหน้าเพิ่มเข้ามาอีกถึง 8 วัน รวมแล้วในปี 2564 จะมีวันหยุดรวม 24 วัน เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนเงินเศรษฐกิจภายในประเทศ

ในส่วนของวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ มีเซอร์ไพรซ์ คือ

- วันศุกร์ที่ 12 ก.พ.2564 วันตรุษจีน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไทยประกาศให้วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการ

- วันจันทร์ที่ 12 เม.ย. 2564 เพื่อจะได้หยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ (เสาร์ที่ 10 อาทิตย์ที่ 11 จันทร์ที่ 12 อังคารที่ 13 พุธที่ 14 และพฤหัสฯที่ 15)

- วันอังคารที่ 27 ก.ค. 2564 ชดเชยวันเข้าพรรษา เพื่อจะได้หยุดยาว (เสาร์ที่ 24 วันอาสาฬหบูชา อาทิตย์ที่ 25 วันเข้าพรรษา จันทร์ที่ 26 ชดเชยวันอาสาฬหบูชา อังคารที่ 27 ชดเชยวันเข้าพรรษา และพุธที่ 28 วันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ)

- วันศุกร์ที่ 24 ก.ย. 2564 วันหยุดราชการกรณีพิเศษ วันมหิดล

นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติกำหนดวันหยุดประจำภาคต่างๆ ทุกภาคจะมีวันหยุดเทศกาลประจำปี ได้แก่...

- วันหยุดราชการภาคเหนือ: ประเพณีไหว้พระธาตุ วันศุกร์ที่ 26 มี.ค. 2564

- วันหยุดราชการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: งานเทศกาลบุญบั้งไฟ วันจันทร์ที่ 10 พ.ค.2564

- วันหยุดราชการภาคใต้: พิธีสารทเดือน 10 วันพุธที่ 6 ต.ค. 2564

สำหรับกรณีเลื่อนวันหยุดชดเชย เช่น วันปิยมหาราช 23 ต.ค. 2564 ตรงกับวันเสาร์ เพื่อเติมให้เป็นวันหยุดยาว 4 วัน หรือ 5 วัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ สถาบันการเงิน ภาคเอกชน จะไม่หยุดตามนี้ก็ได้

ครม.เห็นชอบหยุดปี 64 เพิ่ม​ 8​ วันเซอร์ไพรซ์ตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการ | News มีนิสส One minute

ครม.เห็นชอบหยุดพิเศษปี 64 เพิ่ม​ 8​ วัน เซอร์ไพรซ์ครั้งแรกตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563

.

ลุยเจลีกต่อ! สโมสรโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ประกาศต่อสัญญา ‘เจ้าอุ้ม ธีราทร’ แบ็คซ้ายดีกรีดาราเอเชียเป็นที่เรียบร้อย

เป็นปีแห่งความสำเร็จ สำหรับนักเตะแบ็คซ้ายทีมชาติไทย ‘ธีราทร บุญมาทัน’ หลังจากที่ทำผลงานกับต้นสังกัดในเจลีก สโมสรโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ได้ดีตลอดทั้งฤดูกาล จนทำให้มีชื่อติดเป็นหนึ่งในนักเตะยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2020 โดยเป็นการจัดทีมของสหพันธ์สถิติและประวัติศาสตร์ฟุตบอลนานาชาติ (IFFHS) ของประเทศเยอรมัน 

และล่าสุด ทางต้นสังกัด โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ก็ประกาศต่อสัญญาเจ้าอุ้ม ให้เป็นหนึ่งในขุนพลนักเตะสู้ศึกเจลีกในฤดูกาลหน้าต่อไป ทั้งนี้ ธีราทรถือเป็นนักเตะโควต้าต่างชาติในจำนวน 3 คนที่ได้รับการต่อสัญญาออกไป เนื่องจากทำผลงานในซีซั่นที่ผ่านมาได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย งานนี้เจ้าตัวประกาศถึงเป้าหมายในการลุยศึกเจลีกฤดูกาลหน้าว่า จะพาทีมกลับมาคว้าแชมป์เจลีก และต่อยอดไปยังศึกฟุตบอลสโมสรเอเชียอย่าง ยูซีแอล แชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อเอาแชมป์มาเป็นเกียรติประวัติให้กับตัวเองสักครั้ง

ประธานหอการค้าระยอง รับไม่ได้ข้ออ้าง ‘โกดังติดแอร์’ ชี้เคยสั่งปิดไปรอบแล้ว ไม่นานยังกลับมาเล่นเย้ยกฎหมาย ยอมรับ ‘สาธิต’ รมช.สาธารณสุข สั่งมหาดไทยไม่ได้ เที่ยวนี้อยากให้ช่วยกันล้าง เป็นบทเรียนอย่าให้เกิดขึ้นอีก

หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 36 คน แพร่ระบาดจากบ่อนการพนันในจังหวัดระยอง กระทั่งมีประกาศสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ประกาศให้ประชาชนที่เดินทางไปยังสถานที่ลักลอบเล่นการพนัน บขส. อำเภอเมืองฯ จังหวัดระยอง หากพบว่ามีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ไข้ ไอ น้ำมูก หรือมีอาการหอบเหนื่อย ภายใน 14 วัน

นับตั้งแต่วันที่เข้าไปยังสถานที่ ให้แยกกักตัวจากผู้อื่น สวมหน้ากากอนามัย และไปพบแพทย์ตรวจรักษา พร้อมทั้งให้ประวัติสัมผัสหรือเข้าไปอยู่ในสถานที่เสี่ยงร่วมเวลาเดียวกันกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้กระแสสังคมเกิดความไม่พอใจที่ปล่อยให้มีบ่อนการพนันผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดระยอง

ขณะที่ พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ยืนยันว่าจังหวัดระยอง ‘ไม่มีบ่อนการพนัน’ ในพื้นที่ ส่วนกรณีที่มีการแถลงของจังหวัดระยองว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 36 คน ติดจากบ่อนการพนัน ความจริงมีเพียง 7 คน ติดจากบ่อนการพนันที่แอบเปิดลักลอบเล่น ยอมรับว่ามีการลักลอบเล่นการพนันจริง และมีการตรวจจับอยู่ตลอด

ขณะที่เมื่อวานนี้ (27 ธ.ค.) พ.ต.อ.พรัชต์ศรุต วัชรธนโยธิน ผกก.สภ.เมืองระยอง นำกำลังเข้าไปที่บ่อนวิ่งไม่มีชื่อข้างร้านเบทาโกรช้อป ถนนจิตรพันธ์ ห่างจากสถานีขนส่งผู้โดยสารระยองแห่งที่ 1 ศูนย์การค้าระยอง ประมาณ 100 เมตร พบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ ซึ่ง พ.ต.อ.พรัชต์ศรุต ระบุว่าเป็นโกดังที่เก็บของสินค้า ไม่มีการเล่นการพนัน ตามที่เป็นข่าวในสื่อโซเชียล

ด้าน นพดล ตั้งทรงเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง กล่าวว่า บ่อนการพนันในจังหวัดระยอง มีแต่ตำรวจกับเสาไฟฟ้าที่ไม่กล้าพูด เรื่องนี้ตนได้แจ้งกับทางภาครัฐตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดคนก่อน ก็สั่งปิดไปแล้ว แต่ปิดได้ไม่กี่วันก็เปิดอีกที่จุดเดิม เปิดมาเรื่อยๆ โทรถามใครที่อยู่ในเมืองระยองก็รู้กันหมด ใน Google ก็รู้ แต่ตำรวจบ้านเราไม่รู้ ที่ผ่านมา สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็คุยกับตนตลอด ซึ่งตนตอกย้ำเรื่องบ่อนการพนันตลอด และสาธิตก็ทราบดีว่าเป็นอย่างไร ยอมรับว่าเป็น รมช.สาธารณสุข ไม่สามารถสั่งกระทรวงมหาดไทยได้ ถึงต้องทำจดหมายเปิดผนึก วันนี้มาช่วยกันล้าง เที่ยวนี้อยากเห็นระยองเป็นบทเรียนราคาแพง

เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทำให้ภาครัฐได้เห็น ต่อไปอย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่รับไม่ได้ก็คือตำรวจระยองไปแล้วบอกว่าเป็นโกดังติดแอร์ เพราะแอร์รื้อไม่ทัน อย่างอื่นรื้อหมด เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 2 วันก่อน แต่เพิ่งเข้าวันนี้ใช้ไม่ได้ ต่อไปจะฝากฝังเรื่องความปลอดภัยกับตำรวจได้อย่างไร

จากการตรวจสอบ Google Maps สถานที่ซึ่งระบุว่าเป็นบ่อนการพนัน เมื่อพิมพ์คำว่า ‘บ่อนระยอง’ พบว่ามีการปักหมุดตั้งอยู่บนถนนจิตรพันธ์ ข้างร้านเบทาโกรช้อป สถานที่เดียวกับที่ตำรวจ สภ.เมืองระยองไปตรวจค้นเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกัน

เมื่อพิมพ์คำว่า ‘บ้านเจ้าของบ่อนระยอง’ มีการปักหมุดบริเวณปากซอยราษฎร์สามัคคี ถนนราษฎร์บำรุง (เชื่อมกับถนนสุขุมวิท ซอยนครระยอง 22) โดยพบว่าเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิดแน่นหนา สูงกว่า 2 เมตร มีสระว่ายน้ำในบ้าน และมีกล้องวงจรปิดติดตั้งบริเวณประตูบ้าน แต่ไม่มีใครออกมาชี้แจงว่าบ้านหลังนี้้เป็นของใคร


ที่มา: sondhitalk

ภาครัฐเดินหน้าช่วยค่าครองชีพ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มวงเงินให้อีก เดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ใช้ซื้อของที่จำเป็นในร้านธงฟ้า กรมบัญชีกลาง พร้อมโอนเข้าบัญชี 1 ม.ค. 64

นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 โดยเพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 14 ล้านคน

ให้เป็นค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนม.ค.- มี.ค.64 ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดิมที่สิ้นสุดในเดือน ธ.ค.ปี 63 นั้น

โดยขณะนี้ กรมบัญชีกลางได้เตรียมความพร้อมการเพิ่มวงเงินดังกล่าว เพื่อให้ผู้ได้รับสิทธิได้ใช้สิทธิวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดเพิ่มวงเงินจำนวน 500 บาท เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในทุกวันที่ 1 ของเดือนม.ค.- มี.ค.64 โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับ (300+500) รวมเป็น 800 บาท/เดือน และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับ (200+500) รวมเป็น 700 บาท/เดือน

อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า การขยายวงเงินเพิ่มในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปอีก 3 เดือน ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมอบให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภค และขอย้ำว่า วงเงินที่ได้รับไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ การใช้จ่ายดังกล่าวสามารถนำไปใช้ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐที่รับชำระค่าสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) หรือร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในช่วงเทศกาล "ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่"

ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก ทุกอย่างสามารถป้องกันได้ หากเราไม่ประมาท รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ลดกิจกรรมการชุมนุมคนหมู่มากลง เลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันโรคอย่างมีสติ และติดตามข่าวสารจาก ศบค. อย่างต่อเนื่อง

ทุกครั้งที่ออกจากบ้านไปสถานที่ต่าง ๆ ต้องสแกน QR Code "ไทยชนะ" ให้ได้ 100% ซึ่งเราก็ทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อสนับสนุนประสิทธิภาพการติดตามและสอบสวนโรคเชิงรุกให้ครอบคลุมทั่วถึงและแม่นยำมากขึ้น ขอแนะนำให้ทุกคน โหลดใช้แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บนมือถืออีกด้วยครับ

จุดเด่นสำคัญ คือ การบันทึกข้อมูลการเดินทางของผู้ใช้ด้วยระบบ GPS ไว้ในฐานข้อมูล ประโยชน์ที่ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับร่วมกัน คือ การแจ้งเตือนให้เลี่ยงการเข้าพื้นที่เสี่ยงบนแผนที่ และช่วยการติดตามสอบสวนโรคได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เนื่องจากข้อมูลจะถูกใช้เพื่อการควบคุมโรคเท่านั้น

ยิ่งมีผู้ใช้แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” และสแกน QR Code "ไทยชนะ" มากเท่าไหร่ การควบคุมสอบสวนโรคก็จะยิ่งสมบูรณ์ และแม่นยำมากขึ้นไปด้วย ขอให้ทุกคนเห็นความสำคัญ และให้ความร่วมมือ เพื่อให้สังคมไทยของเราก้าวผ่านสถานการณ์วิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน

#ประเทศไทยต้องชนะ #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ #การ์ดอย่าตก #หมอชนะ #ไทยชนะ

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (29 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 155 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,440 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 61 ราย รักษาหายเพิ่ม 4 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,184 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,195 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 155 ราย เป็น เป็นคนไทย 2 ราย สัญชาติเยอรมัน 2 ราย อินเดีย 1 ราย ,สวีเดน 1 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวน 4 ราย

เดินทางมาจากต่างประเทศ จากเยอรมนี 1 ราย ,เวียดนาม 1 ราย ,อินเดีย 1 ราย ,สวีเดน 1 ราย,สหรัฐอเมริกา 1 ราย ,ตุรกี 1 ราย ,บาห์เรน 4 รายผ่านการคัดกรองและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 134 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 11 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 364 ราย รักษาหายแล้ว 360 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.19 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.9 แสน เสียชีวิต 21,452 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.07 แสน ราย รักษาหายแล้ว 85,592 ราย เสียชีวิต 455 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.23 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.04 แสน ราย เสียชีวิต 2,618 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.71 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.39 แสน ราย เสียชีวิต 9,124 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,529 ราย รักษาหายแล้ว 58,386 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,451 ราย รักษาหายแล้ว1,303 ราย เสียชีวิต 35 ราย

หลังมีผู้ติดเชื้อเข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบกาสิโนออนไลน์ โดยมีผู้เกี่ยวข้องในวันดังกล่าว 29 คน เบื้องต้นมีการตรวจพบ 28 คนไม่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังมีอีก 1 รายที่ผลตรวจคลุมเครือ

ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักการแพทย์ประจำรัฐสภา แถลงถึงสถานการณ์โควิด-19 หลังมีผู้ติดเชื้อเข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบกาสิโนออนไลน์ที่มาจากต่างประเทศที่รัฐสภา เมื่อ 21 ธ.ค. ว่า

“หลังจากที่ได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมวันดังกล่าว 29 คน ทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พนักงานเสิร์ฟ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่คาดว่ามีความเสี่ยงสูง ไปตรวจที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล 24 คน

ซึ่งผลออกมาไม่พบเชื้อ ส่วนอีก5 คนไปตรวจที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ผลปรากฏว่า 4 คนไม่พบเชื้อ แต่อีก1 คน ผลออกก่ำกึ่ง ยังสรุปผลไม่ได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าติดเชื้อ แต่ต้องส่งตรวจเพิ่มเติมโดยให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจอีกครั้ง ซึ่งจะทราบผลภายใน1 วัน

นพ.สุกิจ กล่าวยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่รัฐสภา ต้องแก้ไข เพราะแม้จะวางมาตรการเข้ม ทั้งวัดอุณหภูมิ ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ไม่สามารถคัดกรองได้ 100% ซึ่งต้องทบทวนโดยเฉพาะเรื่องการเว้นระยะห่าง ในห้องประชุมกรรมาธิการ ที่มีพื้นที่จำกัด

“สำหรับผู้ที่เข้าร่วมประชุมอนุกรรมาธิการฯในวันดังกล่าว มีทั้งสิ้น 22 คน แยกตรวจหาเชื้อเอง ซึ่งทางสภาไม่ทราบผล โดยทั้ง 22 คน มีอนุกรรมาธิการ 7 คน เป็น ส.ส. 3 คน และคนนอก4 คน ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการฯ12 คน ที่ปรึกษาประธานอนุกรรมาธิการ 1 คน และผู้ติดตามประธานอนุกรรมาธิการฯ 2 คน

ซึ่ง 1 ใน 2 คนติดเชื้อตามที่ปรากฎเป็นข่าว นอกจากนี้ยังมีตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย 4 คน และกรมสรรพากร 5 คน แต่ไม่ได้เข้าชี้แจงพร้อมกัน และมีเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้ประสานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับการตรวจหาเชื้อให้ Work from home ทั้งหมด”

ส่วนการทำความสะอาดรัฐสภาหลังจากนี้นั้น นพ.สุกิจ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับ ผอ.รักษาความปลอดภัยแล้ว ยืนยันว่าก่อนเปิดประชุมหลังปีใหม่ จะมีการทำความสะอาด แต่ยังไม่กำหนดบิ๊กคลีนนิ่งใหญ่ โดยจะพยายามทำให้มากที่สุด

พร้อมทั้งได้สั่งการเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดในจุดเสี่ยงแล้ว โดยเฉพาะห้องประชุมใหญ่ และห้องกรรมาธิการ พร้อมขอความร่วมมือผู้ที่เข้ามาภายในรัฐสภาให้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชันไทยชนะด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการสอบสวนโรค

อสังหาฯ 64 ยังเหนื่อย หลัง 63 ค้างสต๊อกเพียบ คาดยอดรวมทั่วประเทศพุ่ง 3.39 แสนหน่วย มูลค่าเหลือค้าง 1.5 ล้านล้านบาท แต่เชื่อปี 64 โอกาสบวกทั้งยอดขาย - จำนวนเปิดใหม่ ยังมี

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 จะยังเจอปัญหาที่อยู่อาศัยเหลือค้างสต็อกจำนวนมาก

โดยยอดรวมทั่วประเทศจะเหลือมากถึง 3.39 แสนหน่วย เพิ่มขึ้น 6.2% จากปีก่อน มีมูลค่าเหลือค้างที่ 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อน โดยสต๊อกส่วนใหญ่เกิดจากคอนโดมิเนียมที่มีเหลือขาย 1.52 แสนหน่วย เพิ่มขึ้น 16.5% หรือมีมูลค่า 6.84 แสนล้านบาท ขณะที่สต๊อกบ้านจัดสรรมีแนวโน้มลดลง 1% เหลือ 1.86 แสนหน่วย หรือคิดเป็น 8.18 แสนล้านบาท

ส่วนยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่ปี 2564 คาดจะกลับมาเป็นบวกได้ เป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำในปี 2563 ที่ติดลบมากถึง 25.2% รวมมีมูลค่ากลับมาเป็นบวกเช่นกัน โดยคาดที่อยู่อาศัยใหม่ที่ขายได้ทั่วประเทศปี 64 อยู่ที่ 94,072 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.2% จากปีก่อนหน้า

แบ่งเป็นบ้านจัดสรรขายได้ 60,191 หน่วย เพิ่มขึ้น 2% อาคารชุด 33,881 หน่วย เพิ่มขึ้น 8.4% ซึ่งดีกว่าปี 63 ที่ติดลบถึง 47.9% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายจะอยู่ที่ 4.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% แยกเป็นบ้านจัดสรร 2.56 แสนล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1.48 แสนล้านบาท

ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดตัวใหม่ปี 64 จะขยายตัวเป็นบวกได้ครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากปี 63 ติดลบ 46.6% และปี 62 ติดลบ 13% โดยในปี 64จะมียอดเปิดตัวโครงการใหม่ 88,828 หน่วย เพิ่มขึ้น 11.9% แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 52,044 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.1% คอนโดมิเนียม 36,784 หน่วย เพิ่ม 25.1% ขณะที่มูลค่ามีการเติบโตเช่นกันอยู่ที่ 4.38 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 2.35 แสนล้านบาท ลดลง 12% คอนโดมิเนียม 2.02 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.5%

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในรายของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายอเนก และ แพทย์หญิงจิรพร เหล่าธรรมทัศน์ คู่สมรส แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งหมด 203,074,468 บาท หนี้สิน 3,095,998 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 199,978,470 บาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่คือที่ดิน 64 รายการทั้งที่ดินในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย, อ.เมืองลำปาง อ.เกาะคา อ.เถิน จ.ลำปาง, อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร, อ.เมืองน่า จ.น่าน, อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

ขณะเดียวกันยังมี น.ส.3 ก. ในพื้นที่ อ.มุกดาหาร จ.นครพนม และ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ มูลค่ารวม 99,150,500 บาท เงินฝาก มูลค่ารวม 23,807,575 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง รวม 5 รายการในพื้นที่ พระโขนง ราชเทวี กทม.และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มูลค่ารวม 22,590,000 บาท เงินลงทุน 29 รายหารส่วนใหญ่ลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ กองทุนเปิดบัวหลวง มูลค่ารวม สิทธิและสัมปทาน 13 รายการ โดยส่วนใหญ่เป็นประกันชีวิต และยังมีสิทธิสมาชิก Pacific City Clup แบบตลอดชีพ 2 รายการ มูลค่ารวม 12,049,815 บาท ยานพาหนะ 5 รายการ มูลค่ารวม 2,970,000 บาท

ทรัพย์สินอื่น มูลค่ารวม 24,645,600 บาท โดยทรัพย์สินที่น่าสนใจอาทิ ปากกา 11 รายการ นาฬิกา 73 รายการ พระเครื่องกรองทอง และสร้อยคอทองคำ 110 รายการ แหวนประดับอัญมณี 90 รายการ เครื่องประดับ 44 รายการ พระเครื่องและพระพุทธรูป 41 รายการ และเหรียญที่ระลึก ทองคำ โลหะมีค่า 19 รายการ ส่วนหนี้สิน ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ซึ่งระบุว่าเป็นการจำนองห้องในคอนโดภูมิมานวิว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 2 ห้อง และเงินเบิกเกินบัญชีบัตรเครดิต 2 รายการ

นอกจากนี้นายเอนกและคู่สมรสยังแจ้งว่า มีรายได้รวมต่อปี 6,928,880 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากเงินเดือนของแพทย์หญิงจิรพร ซึ่งดำรงตำแหน่งคณบดี คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้ทรงตุณวุฒิด้านการแพทย์ ในคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ รวมกว่า 5,300,000 บาท นอกจากนั้นยังมีรายได้จากค่าเช่าห้องชุดประมาณ 240,000 บาท โดยมีรายจ่ายรวม 6,376,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เบี้ยประกันชีวิต ผ่อนจ่ายเงินกู้ ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว เป็นต้น

ภายหลังการติดเชื้อโควิด-19 ของ วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ทำให้มีการตรวจสอบผู้ที่เข้าใกล้ชิด โดยเฉพาะคณะทำงานร่วม ที่ประกอบด้วยคณะนายทหารหลายรายไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 แต่ต้องเฝ้าระวังกักตัว 14 วัน

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าตามที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ติดเชื้อโควิด-19 โดยจากการสอบสวนโรค พบว่า ในส่วนของกองทัพบก ซึ่งมีคณะนายทหาร นำโดยรองเสนาธิการทหารบก 

ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก (ผอ.ศบค.19 ทบ.) และ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความมั่นคงภายใน กอ.รมน (ผอ.ศรมน. กอ.รมน) และส่วนคณะของ กอ.รมน รวม จำนวน 6 นาย ได้เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด โดยร่วมประชุมกับ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 63 ระหว่างการลงพื้นที่ปฎิบัติภารกิจในนามกองทัพบก และกอ.รมน เพื่อประสานงานและให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อกับทางจังหวัดนั้น

ต่อมาคณะนายทหารได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อ 28 ธ.ค. 63 ‘ผลการตรวจเป็นลบ ไม่พบการติดเชื้อทุกราย’ อย่างไรก็ตามขณะนี้ ทุกคนได้เข้าสู่การเฝ้าระวังโรค โดยกักตัวเอง 14 วัน เพื่อสังเกตอาการให้ปลอดภัยตามมาตรการของสาธารณสุข

โดยในระหว่างนี้ทางกรมแพทย์ทหารบก จะเป็นผู้ให้คำแนะนำ ดูแลอาการตามมาตรฐานของ ศบค.อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังคงสามารถปฎิบัติงานต่อเนื่องได้ด้วยระบบ Work From Home จนครบกำหนดเวลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top