Wednesday, 2 July 2025
NEWS

ส.ส.ก้าวไกล อดีตนักดนตรีกลางคืน ร่วมสังเกตุการณ์สมาคมนักดนตรีกลางคืน เรียกร้องรัฐบาลเยียวยา วอนรัฐปลดล็อกเวทีกลางคืนกลับฟื้นชีวิต คืนคุณภาพชีวิตนักดนตรีกลางคืน สร้างความสุขให้ประชาชน

วันที่1 กุมภาพันธ์ 2564 ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางสังเกตการณ์ และรับข้อเรียกร้องจากสมาคมนักดนตรีกลางคืน ที่เดินทางมาเรียกร้องต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เพิ่มมาตรการเยียวยา กรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ระลอก 2 ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี. โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีในสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับ
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนมาร่วมสังเกตุการณ์ โดยสิ่งที่รัฐปฏิบัติต่อพวกเขา คือการจัดการมาตรการควบคุมโรคโดยไม่คำนึงคนตัวเล็กตัวน้อยการบริหารอย่างไม่ตรงจุดเเละไม่ครอบคลุม เเน่นอนว่ากลุ่มนักดนตรีคือกลุ่มเเรกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้คลายล็อค ซึ่งตั้งเเต่การระบาดของโควิด-19 รอบเเรกนั้น คนกลุ่มนี้ขาดการเยียวยาจากรัฐบาล เเละไม่มีเเนวทางให้พวกเขาได้ประกอบอาชีพต่อ ทุกคนต้องชะงักการประกอบอาชีพลงทันทีทำให้รายได้ของพวกเขาเหล่านั้นเป็นศูนย์
ดังนั้น กรณีที่รัฐเยียวยาด้วยการให้เงินทางแอพลิเคชั่น ซึ่งตรงนี้ ผมมองว่าเป็นกำจัดสิทธิเเละเสรีภาพที่ควรจะได้รับ ประชาชนควรได้รับเงินสด เพื่อที่สามารถใช้จ่ายในการเนินชีวิตอย่างเสรี รัฐทำเช่นนี้ผมมองว่าเป็นการเอื้อนายทุน เเก้ไขอย่างไม่ตรงจุด
“อาชีพนักดนตรีกลางคืน คือ อาชีพเเรกที่โดนผลกระทบจากโควิด เเละเป็นอาชีพสุดท้ายที่ได้คลายออก ผมอยากให้รัฐดูเเลมีมาตรการช่วยเหลืออย่างตรงจุด อย่าละเลยพวกเขา เพราะพวกเขาคืออาชีพที่สร้างความสุขให้ประชาชน “
ทั้งนี้ ปกรณ์วุฒิ กล่าวทิ้งท้ายว่าในฐานะที่ผมเคยอยู่ในแวดวงนักดนตรีกลางคืน ผมเข้าใจสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดีและจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษางบประมาณโควิด ฯ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อแก้ไขถึงปัญหาเเละเยียวยาพวกเขาอย่างถ้วนหน้าเเละตรงจุด อีกทั้งตนจะนำประเด็นดังกล่าว เตรียมพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะสะท้อนให้เห็นการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างล้มเหลว

ย้อนเวลาดูไทม์ไลน์ ‘อองซาน ซูจี’ กับการถูกกักบริเวณตลอดระยะเวลากว่า 22 ปี จนถึงครั้งล่าสุด

เป็นข่าวใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกต่างจับตา สำหรับการก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี โดยกองทัพทหารเมียนมา ที่นำโดยพลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ออกแถลงการณ์แจ้งเหตุผลในการบุกควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี พร้อมประธานาธิบดีอู วิน มินต์ และแกนนำคนอื่น ๆ ของพรรครัฐบาลสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เนื่องจากเป็นการตอบโต้การโกงการเลืองตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

นอกจากนี้กองทัพเมียนมายังได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศ เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นางอองซาน ซูจี ถูกทางการ ‘ควบคุมตัว’ ตลอดระยะเวลาที่ก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองประเทศเมียนมา เธอถูกควบคุมตัวและถูกกักบริเวณมาแล้วถึง 3 ครั้ง The States Times รวบรวมไทม์ไลน์ ย้อนหลังเหตุการณ์การถูกกักบริเวณของอองซาน ซูจี จากอดีต จนถึงปัจจุบัน มาให้ได้ทราบกัน

‘ก้าวไกล’ ประณาม ‘รัฐประหารเมียนมา’ เรียกร้องปล่อยตัว ‘ออง ซาน ซูจี’

แถลงการณ์ต่อกรณีการรัฐประหารในประเทศเมียนมา


พรรคก้าวไกล ติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของประเทศเมียนมา ด้วยความห่วงใยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีกระแสข่าวว่ากองทัพเมียนมาจะทำการรัฐประหาร รัฐบาลพลเรือนที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างถล่มทลาย โดยอ้างเหตุผลว่าพรรครัฐบาลโกงการเลือกตั้ง
ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา แม้โครงสร้างการเมืองของเมียนมาจะยังคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ ด้วยการกำหนดโควต้าผู้แทนและรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งให้กองทัพ แต่บนเส้นทางประชาธิปไตยของเมียนมา ประชาชนยังคงได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องและสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากประชาชนได้


เป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง ที่วันนี้ผู้นำทหารของเมียนมา ทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญที่ตัวเองร่างขึ้นมา ทำลายพัฒนาการประชาธิปไตย และที่ร้ายแรงที่สุด คือการทำลายเจตจำนงของประชาชน ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า กองทัพเมียนมาได้เข้าควบคุมตัวผู้นำของรัฐบาลพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ผู้นำชนกลุ่มน้อย และนักกิจกรรมหลายคน รวมทั้งตัดการติดต่อสื่อสารทุกช่องทาง
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และต่อต้านการรัฐประหารของประเทศไทย ขอประณามการรัฐประหารของกองทัพเมียนมา ที่นำโดย พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพรรคก้าวไกลขอเรียกร้องต่อพรรคการเมือง และรัฐบาลในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประชาคมระหว่างประเทศและประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ดังนี้


1.) เรียกร้องให้ช่วยกันกดดันกองทัพเมียนมาให้ปล่อยตัวนางซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, ประธานาธิบดีวิน มินต์, และผู้ที่ถูกกองทัพควบคุมตัวทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข
2.) เรียกร้องให้ช่วยกันกดดันกองทัพเมียนมาไม่ให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชนเมียนมาที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหาร และต้องยุติการปิดกั้นการสื่อสารทุกชนิด ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน
3.) เรียกร้องให้พรรคการเมืองและรัฐบาลต่างๆ มีมาตรการคว่ำบาตรคณะรัฐประหารเมียนมาทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ


พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การรัฐประหารโดยกองทัพไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาทางการเมืองหรือวิธีการแก้ไขข้อบกพร่องในระบอบประชาธิปไตย กองทัพไม่มีสิทธิเหนือเสียงของประชาชนในการอ้างเหตุผลใดๆ เพื่อยึดอำนาจการปกครอง การรัฐประหารมีแต่จะทำให้ประเทศถอยหลังไม่แค่การเมือง แต่รวมถึงเศรษฐกิจ ดังที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่


พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้เพื่อนพรรคการเมืองในภูมิภาคที่เคารพในอำนาจสูงสุดและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่วมกันประณามคณะรัฐประหารในเมียนมา เพื่อให้กลับไปใช้กระบวนการของระบบรัฐสภาแก้ปัญหาทางการเมืองและฟื้นฟูประชาธิปไตยกลับมาโดยเร็วที่สุด


ด้วยความสมานฉันท์
พรรคก้าวไกล

กรมชลฯ เร่งระบายน้ำกันน้ำเค็มรุกสวนผลไม้ หลังพบค่าความเค็มสูงกว่าปกติ

กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำจากเขื่อน ช่วยป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร หลังพบค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง อยู่ที่ 2.50 กรัมต่อลิตร ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ปกติ

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทาน ได้ทยอยปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลบ.ม.ต่อวินาที ไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ. 2564 เพื่อเจือจางความเค็ม และช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน โดยเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จาก 35 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 45 ลบ.ม.ต่อวินาที

ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. - 2 ก.พ. 2564 เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนบน และขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจรดอ่าวไทย ให้งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำโดยใช้อาคารชลประทานควบคุมการรับน้ำ เพื่อป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร ลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

จากการติดตามการตรวจวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2564 เวลา 20.00 น. มีค่าความเค็มอยู่ที่ 2.50 กรัมต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง(บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี) และการเพาะปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น กรมชลประทาน ได้เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนพระรามหกจากเดิมระบาย 20 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 25 ลบ.ม.ต่อวินาที

แม่สอด เปิดเรียนวันแรก ‘ผู้ว่าฯตาก’ แจ้งให้พ่อ-แม่กลับมารับบุตรหลานกลับบ้านด่วน หลังพบเด็กติดเชื้อโควิด-19 อีก 5 ราย ที่ติดมาจากผู้ป่วยสูงอายุ ที่แพร่กระจายสู่พยาบาลด้วย จึงต้องสั่งปิดอีก 15 โรงเรียนกะทันหัน

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 64 หลังรัฐบาลผ่อนปรนให้มีการเปิดโรงเรียนได้ทั่วประเทศ แต่ที่อำเภอแม่สอด โดยเฉพาะเขตเทศบาลนครแม่สอด เกิดเหตุอลเวงขึ้น เพราะตั้งแต่เช้าผู้ปกครองต่างรีบเร่งส่งบุตรหลานไปโรงเรียนตามปกติ

แต่กลับถูกเรียกให้มารับบุตรหลานกลับเป็นการด่วน เนื่องจาก นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก มีคำสั่งปิดโรงเรียนในเขตเทศบาลนครแม่สอดไม่มีกำหนด โดยไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ผู้ปกครองต้องกลับมารับบุตรหลานกลับแบบงง ๆ

มีรายงานจากเพจ โรงพยาบาลแม่สอด เรื่องด่วน เรื่องแจ้งประชาสัมพันธ์ แจ้งนักเรียนที่อาศัยอยู่ในชุมชนอิสลาม 1.ให้ นร.งดมาเรียน 2.นร.คนใดที่มา ผู้ปกครองมาส่งโรงเรียนแล้วให้ผู้ปกครองพาเด็กกลับบ้านไปก่อนจนกว่าการสอบสวนโรคในชุมชนจะชัดเจน

สาเหตุสืบเนื่องมาจากผู้ป่วยโควิดสูงอายุอยู่ในชุมชนอิสลาม อาชีพค้าขายของในตลาด ลูกหลานที่มีไทม์ไลน์ไปทั่วแม่สอด ซึ่งเป็นสาเหตุให้พยาบาลติดเชื้อและถูกกักตัว 25 คน และเมื่อคืนผลตรวจลูกหลานผู้ป่วย ติดเชื้ออีก 5 คน ทั้งนี้ผู้สูงอายุชาวอิสลามอาศัยในชุมชนอิสลาม แต่ไปค้าขายในตลาดเทศบาลนครแม่สอด ติดเชื้อโควิด-19 และนำเชื้อไปติดพยาบาลโรงพยาบาลแม่สอด

จนต้องมีการกักตัวพยาบาลมากถึง 25 คน นอกจากนี้นำเชื้อไปติดบุตรหลาน เพราะหลังจากหน่วยสอบสวนโรคทราบต้นตอได้ลงพื้นที่คัดกรองโรคพบติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 5 ราย รวมเป็น 6 ราย จึงต้องสั่งปิดชุมชนอิสลามเพื่อทำการสอบสวนโรคและปิด โรงเรียนอีก 15 แห่ง


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/north/2023704

คืบหน้า รัฐประหาร เมียนมา หลังกองทัพได้คุมตัว ‘ออง ซาน ซูจี’ที่ ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา และ ‘วิน มิ่นท์’ ประธานาธิบดีเมียนมา ล่าสุด ‘มิน อ่อง หล่าย’ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยึดอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการเบ็ดเสร็จ พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน 1 ปี

หลังจากที่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ระบบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา ถูกตัดขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางไปยังบ้านของหัวหน้าคณะรัฐมนตรีประจำภูมิภาคต่าง ๆ  รวมถึงนาง ออง ซาน ซูจี และประธานาธิบดี วินต์ มินต์ พร้อมแกนนำพรรคคนอื่น ๆ ไปควบคุมตัวไว้

ล่าสุด พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี พร้อมเข้ายึดอำนาจทั้ง ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการทั้งหมด พร้อมแต่งตั้ง พล.อ. มิน ส่วย รองประธานาธิบดี เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว

สำหรับปมใหญ่ที่ทำให้กองทัพเมียนมาใช้เป็นมูลเหตุแห่งการยึดอำนาจ มาจากการพบหลักฐานการทุจริตการเลือกตั้ง เช่น ปลอมบัญชีรายชื่อผู้ใช้สิทธิ์ ราว 8.6 ล้านรายชื่อจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 37 ล้านคน และมองว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.พม่า) เอื้อประโยชน์กับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ( NLD)

ทั้งนี้ หลังจากพรรค NLD ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว กองทัพเมียนมาและบรรดาพรรคฝ่ายค้านได้ออกมาคัดค้านผลการเลือกตั้ง โดยอ้างว่ามีการโกงเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง

โดยทางพรรค NLD ภายใต้การนำของนางซู จี ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อ 8 พ.ย. 2563 อย่างถล่มทลาย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสมัยที่ 2 ด้วยการคว้าที่นั่งในสภาไปถึง 346 ที่นั่ง แบ่งเป็น สภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่าง 258 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ที่นั่ง) และสภาชนชาติ หรือสภาสูง 138 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ที่นั่ง) ขณะที่ฝ่ายค้านอย่างพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ได้เสียงในสภาล่าง 26 ที่นั่ง และสภาชนชาติ 7 ที่นั่ง (ลดลงจากเดิมสภาละ 4 ที่นั่ง)

กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เล็งอุ้มแรงงานภาคท่องเที่ยว 4 แสนคน ชงรัฐบาลเสนอช่วยจ่ายเงินเดือน 50% เป็นเวลา 2 เดือน หวังช่วยต่อลมหายใจผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว คาดใช้เงิน 6 พันล้าน ด้าน ‘บิ๊กตู่’ ให้หารือร่วม ‘คลัง - แรงงาน’ หาข้อสรุป

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน รับข้อเสนอภาคเอกชนท่องเที่ยวที่ขอให้รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน 50% ของเพดานสูงสุด 15,000 บาท

ซึ่งเป็นระบบร่วมจ่ายหรือ Co-Payment ให้กับบุคลากรในธุรกิจท่องเที่ยวจำนวน 400,000 คนเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งรัฐจะใช้เงินร่วมจ่ายประมาณ 6,000 ล้านบาท ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน เพื่อหาข้อสรุป รวมถึงข้อเรียกร้องอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ

ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการกระตุ้นการเดินทางในประเทศ ล่าสุดได้สั่งการให้นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และรองผู้ว่า ททท. 8 คน ให้ชะลอการจัดอีเว้นท์เล็ก ๆ และสะสมเงินไปไว้จัดอีเว้นท์ขนาดใหญ่ลงไปในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย โดยให้ทำเป็นปฏิทินในแต่ละเดือนว่าจัดที่ใดบ้าง

ส่วนการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น หากประเทศไทยได้รับวัคซีน 26 ล้านโดสแล้ว จะไปหารือกับนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้พิจารณาฉีดวัคซีนกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงสูงก่อน

ทั้งผู้ที่มีหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พนักงานโรงแรม พนักงานร้านอาหาร คนขับรถแท็กซี่ คนขับรถนำเที่ยว หมอนวด พนักงานสปา ให้ได้รับวัคซีนในกลุ่มแรกๆ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ซึ่งคาดว่ามีจำนวน 2.5 ล้านคน ใช้วัคซีน 5 ล้านโดส

สั่งทหารคุมเข้มแนวชายแดน หลังเมียนมารัฐประหาร ป้องกันคนลอบอพยพเข้าไทย

มทภ.3 สั่งทหารเฝ้าตรวจแนวชายแดนเข้ม หลังเมียนมารัฐประหาร ป้องกันคนลอบอพยพเข้าชายแดนไทย เชื่อไม่ถึงขั้นทะลัก ระบุไม่กังวลกองกำลังชนกลุ่มน้อย ขณะที่ด้านฝั่งเมืองกาญจน์ยังสงบ เหตุการณ์ปกติ

พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 (มทภ.3) กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมาว่า ขณะนี้ได้สั่งการใหัติดตามสถานการณ์ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา หลังมีข่าวว่านางอองซาน ซูจี แกนนำรัฐบาลถูกควบคุมตัว โดยพล.อ.มิน อ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาได้ออกประกาศแถลงการณ์ยืนยันกองทัพก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจปกครองจากรัฐบาลพลเรือน  ซึ่งทางชายแดนไทย-เมียนมามีกองกำลังทหารไทยตรึงกำลังอยู่แล้ว ในการป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดฎหมายในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หากประชาชนจากเมียนมาทะลักข้ามเขตไทยเข้ามาก็จะถูกควบคุมตัว แต่เบื้องต้นคาดว่า คงไม่ถึงขั้นทะลักข้ามมายังฝั่งไทย โดยตนกำชับทุกหน่วยในพื้นที่ชายแดนให้ดูแลเข้มงวด

เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนอาจมีการดำเนินการหลังจากที่ทหารเมียนมายึดอำนาจครั้งนี้ พล.ท. อภิเชษฐ์ กล่าวว่า แม้ว่าที่เมียนมาจะมีการรัฐประหาร แต่ก็คงจะไม่ส่งผลต่อชนกลุ่มน้อยตามชายแดน เพราะที่ผ่านมาก็มีการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายทหาร แต่ชะงักไปในช่วงสถานการณ์โรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19

“ยืนยันว่าไม่ต้องกังวลชาวเมียนมาจะไหลทะลักข้ามมายังฝั่งประเทศไทย เพราะเรามีกำลังเจ้าหน้าที่ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว” แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว

ทั้งนี้รายข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทยและเมียนมาฝั่งจ.กาญจนบุรียังคงเป็นไปด้วยเรียบร้อยปกติ ในส่วนของทหารทางพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังไม่ได้มีการสั่งการให้เพิ่มเติมกำลังพลบริเวณกองกำลังชายแดนแต่อย่างใด เพราะได้มีการเสริมกำลังไปแล้วตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และมีปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาในประเทศไทย แต่ก็ได้มีการกำชับให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งจุดผ่านแดนต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางธรรมชาติ ที่มีชุดตรวจเฝ้าระวังพิเศษของทหารทำหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดเหตุความวุ่นวายจากฝ่ายที่ต่อต้านการยึดอำนาจจนทำให้คนทะลักชายแดนคาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น อีกทั้งกองกำลังชนกลุ่มน้อยขณะนี้ก็ยังมีความเรียบร้อย

บ่าย 3 เจอกัน!! กลุ่มมวลชนอาสา (WEVO) นัดรวมพล ประนามก่อรัฐประหารพม่า

นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "มวลชนอาสา" หรือ WEVO โพสต์เฟซบุ๊กประกาศด่วน ว่า “ร่อนแถลงประณาม การก่อรัฐประหารในพม่า ย้ำ พลเมืองสมาชิกอาเซียนต้องไม่รับรองการรัฐประหารครั้งนี้”

พร้อมแชร์รูปภาพจากกลุ่มเพื่อเชิญชวนทำกิจกรรมหน้าสถานทูตเมียนมา วันนี้เวลา 15.30 เพื่อประณามและประกาศไม่รับรองการรัฐประหาร และรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร หลังจากเกิดเหตุสถานการณ์ทหารประเทศเมียนมา ทำรัฐประหารเมื่อช่วงเช้ามืดพร้อมควบคุมตัวแกนนำรัฐบาลและนักการเมืองหลายคนไว้

‘แรมโบ้’ ดักทาง “ก้าวไกล" ชี้หากขับไล่ 2 ส.ส.สวนมติพรรค ไม่ลงชื่อแก้ ม.112 พ้นพรรค นับเป็นพรรคที่อ้างประชาธิปไตย แต่มีหัวใจเผด็จการ ยุส่ง 2 ส.ส.ย้ายพรรค หากยังอยากอยู่ในใจประชาชน

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนของพรรคต้องแก้ไข มาตรา112 ว่า ขอชื่นชมนายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไข

ที่มีจุดยืนปกป้องสถาบัน มิให้ใครมาคิดร้ายหรือทำลายและมีความคิดเห็นว่าอะไรควรทำ หรือไม่ควรทำ ไม่ได้ทำตามมติหัวหน้าหรือมติพรรคเพียงอย่างเดียว ส่วนพรรคก้าวไกล ควรเอาเวลาไปช่วยเหลือและคิดถึงปากท้องของประชาชน ไม่ใช่คิดแต่เรื่องแก้ไขมาตรา 112 จนประชาชนคิดว่าพรรคการเมืองนี้กระทำการก้าวล้วง จาบจ้วงสถาบัน ทำร้ายสถาบันเพียงอย่างเดียว

นายสุภรณ์ กล่าวว่า "หากพรรคก้าวไกลคิดจะขับส.ส.2คนที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไข คือพรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นพรรคประชาธิปไตยแต่หัวใจคือเผด็จการ และอาจจะเป็นโชคดีของส.ส.ที่จะได้ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติเพื่อประชาชนโดยแท้จริง ถ้ายังอยู่พรรคก้าวไกล ประชาชนจะเลือกอีกหรือไม่ เพราะมีตัวอย่างคณะก้าวหน้า ที่แกนนำลงพื้นที่หาเสียง อบจ.จังหวัดใดก็โดนโห่ไล่ทุกที่"

"ทั้งนี้การแก้ไขมาตรา 112 อาจเป็นเพราะว่าอยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้ว มีหัวหน้าทีมหลักคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำพรรคก้าวหน้า สั่งการให้มีการเคลื่อนไหวจ้าบจ้วงสถาบัน ทำการบิดเบือนใส่ร้ายสถาบัน"

"แต่ไม่อยากให้ลูกสมุนมีความผิดและถูกดำเนินคดีเข้าคุกเข้าตาราง มีเป้าหมายต้องการล้มล้างสถาบันเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประธานาธิบดี ซึ่งแนวความคิดที่เป็นกบฏชัดเจน และเชื่อว่าส.ส. ส.ว.และคนไทยที่รักสถาบันคงไม่ยอม"

'ทิพานัน’ สวน ‘ช่อ’ บิดเบือน!! โยง EU ขัดแอสตราฯ ปมส่งวัคซีนสะดุด

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง กรณีที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด เพราะมีเนื้อหาอันเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักรตามมาตรา 14(3) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

แต่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช และคณะก้าวหน้า ตอบโต้ว่า สิทธิ เสรีภาพ และผูกขาดการใช้กฎหมาย เฉพาะประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช้หลักการ แต่ใช้เพียงหลักกูว่า น.ส.พรรณิการ์ ไม่ควรนำประเด็นของอียู มากล่าว อ้างสนับสนุนการกระทำของคณะก้าวหน้าว่ามีสิทธิทำได้ โดยสาเหตุหลักคืออียูขัดแย้งเรื่องการได้รับวัคซีนล่าช้า ไม่เป็นไปตามกำหนด จึงได้เปิดเผยสัญญาจัดซื้อที่เป็นความลับ และในข้อ16 ของสัญญากำหนดไว้เกี่ยวกับการรักษาความลับ ทางอียูได้เผยแพร่สัญญา โดยทำเครื่องหมายปิดข้อความบางส่วน 24 หน้า จาก 42 หน้า เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับ ราคา วิธีการปรับขึ้นราคา กำหนดวันส่งมอบ การให้ทุนสนับสนุนต่างๆ ลิขสิทธิ์ เพื่อสนับสนุนข้อขัดแย้งเรื่องความล่าช้า ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เกิดจากประเด็นต้องการตรวจสอบหรือเรียกร้องความโปร่งใสของรัฐบาลอียู ตามที่ น.ส. พรรณิการ์เข้าใจผิดและเอามาปะติดปะต่อ แบบอ่านไม่แตกแล้วนำไปบิดเบือน

“สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของนายธนาธรเกี่ยวกับวัคซีน ในเบื้องต้นศาลได้พิจารณาจากคำฟ้องและหลักฐาน เห็นว่ามีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร ฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว จึงขอให้ยุติการเผยแพร่ และแสดงให้เห็นว่าการใช้สิทธิตั้งคำถามของนายธนาธรไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐ ไม่ได้เป็นการใช้กฎหมายมาปิดปาก แต่เป็นเพราะการใช้ สิทธิที่เกินส่วนของนายธนาธร ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เป็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดผู้อื่น ขอให้ น.ส.พรรณิการ์ทำความเข้าใจและฝึกจิตเคารพคำสั่งศาล” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนที่กล่าวหาว่าถูกกฎหมายปิดปากในการแสดงความคิดเห็นทั้งที่ตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐนั้น ขอให้ย้อนดูตัวเองว่าเคยใช้กฎหมายฟ้องคดีเพื่อปิดปากประชาชนที่ใช้สิทธิโดยสุจริต ในการตรวจสอบความโปร่งใสของการใช้เงินโครงการ MaydayMaydayโดยเรียกร้องให้ประชาชนลบข้อความ ให้หยุดเผยแพร่โดยที่ไม่ได้ฟ้อง และได้รับคำสั่งศาล หรือไม่ ทำไมถึงใช้กฎหมายแบบผูกขาดเข้าข้างเฉพาะกรณีของตัวเองฝ่ายเดียว

‘รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์’ ขอผู้สูงอายุ ที่รับเบี้ยซ้ำซ้อน ไม่ต้องกังวล เตรียมส่งนักกฎหมายช่วยเจรจากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมบัญชีกลาง ให้ทุกกรณี ยันจะร่วมหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย

จากกรณีที่มีการตรวจสอบพบว่า มีผู้สูงอายุบางคนได้รับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนจากบำเหน็จบำนาญของญาติที่เสียชีวิต และมีการเรียกเงินคืนนั้น

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ จะขอให้ กรมกิจการผู้สูงอายุ ขอความร่วมมือจากสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายและพัฒนาสังคมจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ส่งนักกฎหมายไปให้คำปรึกษาหารือกับผู้สูงอายุทุกคน

โดยจะต้องดูรายละเอียดด้วยว่า การให้ข้อมูล ทำโดยสุจริตหรือไม่ ได้รับทราบคุณสมบัติข้อนี้มาก่อนไหมและจะช่วยเจรจากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมบัญชีกลางต่อไป

นายจุติ กล่าวว่า "ขอให้คลายความกังวล ทุกอย่างมีทางออก ซึ่งทั้งรัฐบาลและกระทรวง พม.จะร่วมหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย"

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (31 มกราคม พ.ศ. 2564)

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (31 มกราคม พ.ศ. 2564)

ผนึกประสบการณ์ - พลังคนรุ่นใหม่ ! ‘คณะก้าวหน้า’ เปิดตัว ‘ประยูร วงศ์ปรีชากร’ ชิงนายกฯ ‘หาดใหญ่’ - ‘สมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร’ ร่วมทีมเศรษฐกิจ เปิดวิสัยทัศน์ แรกใช้ 200 ล้าน ต่อเนื่อง 2 ปี สร้างอาชีพฝ่าวิฤตโควิด

"คณะก้าวหน้า สงขลา" เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และประกาศความพร้อมในการลงสนามเลือกตั้งเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม นี้ พร้อมชูสโลแกน "ร่วมสู้ ร่วมสร้าง ร่วมฝัน" โดยจะเป็นการผลึกกำลังของคนที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ที่มีพลังความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกับเปลี่ยนแปลงให้เมืองหาดใหญ่กลับมาเป็นเมืองโอกาส เมืองศูนย์กลางของภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง

นายประยูร วงศ์ปรีชากร ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า ปีนี้ตนเองอายุ 73 ปี เกษียณและปล่อยวางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้มาฉุกคิดว่า สติปัญญาเรายังดี สุขภาพยังดี ความรู้ความสามารถประสบการณ์มากมาย จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เลือนหายไปไปพร้อมกับการแก่แล้วแก่เลยอย่างนั้นเหรอ

และเมื่อได้เห็นคนหนุ่มคนสาวตื่นตัวทางการเมือง กล้าออกมาแสดงความคิดเห็น ก็รู้สึกประทับใจ จนทำให้ตัดสินใจมาลุยการเมืองท้องถิ่นในครั้งนี้ ตนพร้อมเดินไปกับชาวหาดใหญ่ทุกคน เพื่อนำสิ่งที่ดี ที่ยั่งยืน ที่มีอนาคตให้กับลูกหลานของเรา คืนสิ่งเหล่านี้มาบ้านเกิดหาดใหญ่ของเรา

"เพราะวันนี้ เรากำลังเผชิญกับวิฤตการณ์ความเสียหายที่งกระทบทั้ง เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม กำลังก่อเกิดสิ่งที่เรียกว่าอาการ 3 ประการ ได้แก่ 1.) อาการหนี้สิน ปัจจุบันเรามีหนี้สินเพิ่มทุกวันจะโดยรู้หรือไม่รู้ตัวก็ตาม เป็นหนี้ทั้งระดับชาติ ครัวเรือน และส่วนตัว 2.) อาการตกงาน พ่อค้าแม่ขายไม่มีรายได้ ไม่พอจ่ายค่าที่ ถูกไล่ที่ โรงแรมที่พักไม่มีลูกค้า ฯลฯ และ 3.) อาการคนรุ่นใหม่ไม่กลับบ้าน เราส่งลูกหลานส่งร่ำเรียน แต่ไม่มีใครกลับมาขยายหรือสืบสานธุรกิจของบรรพบุรุษ เพราะกลับมาแล้วไม่มีอนาคต ไม่รู้จักปักหลักปักฐานครอบครัวตัวเองให้มั่นคงได้อย่างไร เมืองกำลังจะสูญพันธุ์ ซึ่งจะเหลือแต่คนแก่และคนติดยาเสพติด นี่คือสภาพการณ์ที่เลวร้าย ถ้าเราไม่คิดอ่านทำอะไรสักอย่าง" นายประยูร กล่าว

นายประยูร กล่าวว่า "กำลังเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ เราคงต้องมาร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง ร่วมกันฝันว่าเราจะทำอย่างไรดี ที่จะเรียกคืนความเชื่อมั่น เมืองแห่งโอกาส เมืองแห่งประสบการณ์ เมืองอัจฉริยะ เมืองศูนย์กลางการค้า เมืองชุมทางที่คนอยากมาลงหลักปักฐาน เรียกคืนบรรยากาศอย่างนั้นกลับมาให้ได้ ซึ่งมีทางเดียวคือ พวกเราต้องลงมือช่วยกัน บ้านเมืองนี้ให้มีทิศทางชัดเจนในการพัฒนามานาน ที่ผ่านมาผู้นำท้องถิ่นไม่ได้กำหนดทิศทาง วิสัยทัศน์ เป้าหมายหรือนโยบาย

ดังนั้น เราจะสร้างการเมืองใหม่ เราจะชูนโยบาย เราจะมีนโยบายเด็ดๆ ที่จะทำให้เมืองนี้มีทิศทางที่ชัดเจนยั่งยืน ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องเลิกกลัวการเมือง เพราะการเมืองคือเรื่องดี คือเรื่องการสร้างสรรค์ เราจะปล่อยอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยน พลิกโฉมการเมือง เอาน้ำดีเข้าไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เรื่องการเมืองคิดต่างกันได้ แต่ไม่แตกแยก "

ด้าน นายสมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร ที่ปรึกษาและหัวหน้าทีมบริหารเศรษฐกิจ กล่าวว่า "ภัยโควิดที่เราเผชิญอยู่แสนสาหัส หาดใหญ่เองก็โดนหนัก เพราะเศรษฐกิจเราพึ่งท่องเที่ยว การส่งออก และเรายังเป็นศูนย์กลางค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ที่ผ่านมาเคยรองรับนักท่องเที่ยวปีละ 5-6 ล้านคน มีรายได้ 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี กระจายไปทั่วทุกภาคธุรกิจ หากแต่วันนี้ แสนสาหัส หลายกิจการเริ่มปิดตัว ล้มหายตายจาก จึงต้องคิดกันว่าจะทำอย่างไร จะกอบกู้เศรษฐกิจหาดใหญ่ภายใต้ภาวะแบบนี้อย่างไร

ซึ่งตนได้รับมอบหมายภารกิจนี้จากคุณประยูร และด้วยประสบการทำงานตั้งแต่อายุ 22 ปี มีโรงแรมเป็นของตัวเองตอนอายุ 26 ปี เชื่อว่าสามารถทำได้ โดยเริ่มต้น เทศบาลนครหาดใหญ่ต้องจัดงบประมาณ ปีละ 200 ล้านบาทเป็นเวลา 2 ปี เพื่อใช้ในการสร้างงานให้กับประชาชนหาดใหญ่ เพราะตอนนี้จะมีคนหาดใหญ่ตกงานเป็นหมื่นคน เทศบาลจะต้องยื่นมือเข้าช่วย 2 ปีงบประมาณต่อเนื่อง เชื่อว่าสร้างงานให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนตั้งหลักได้"

"นอกจากนั้น ต้องจัดงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุน ให้ประชาชนสามารถเสนอกิจกรรมความคิดที่จะมาพัฒนาสังคมหาดใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้าน ประเพณีวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเทศบาลใช้วิธีสมัครผ่านออนไลน์ แอพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งตรงนี้เราเชื่อว่าคนหนุ่มสาวเรามีความสามารถ แต่พวกเขาเพียงแต่ไม่มีโอกาส ไม่มีพื้นที่ เราจะได้นำเอาความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขานี้มาพัฒนาเมืองหาดใหญ่" นายสมบูรณ์ กล่าว

ขณะที่ นายกตัญญู จิตตะกาญจน์ ตัวแทนคณะก้าวหน้า จ.สงขลา กล่าวว่า คณะก้าวหน้าสืบเนื่องมาจากพรรคอนาคตใหม่ เรามีนโยบายสำคัญคือ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพาะปัจจุบันโครงสร้างทับซ้อนระหว่างราชการส่วนภูมิภาคกับท้องถิ่นนั้นทำให้เกิดปัญหา คือ คนกำหนดงบประมาณนั้นอยู่ส่วนกลาง แต่คนรู้ปัญหาคือท้องถิ่น

ดังนั้น ด้วยเป้าหมายของนโยบายนี้ เราจึงตั้งใจที่จะส่งผู้สมัครลงสนามเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมงานคณะก้าวหน้าจังหวัดสงขลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ได้ไปในพื้นที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังปัญหาประชาชน รวมถึงเฟ้นหาตัวผู้สมัคร และเมื่อมีการประกาศเปิดรับผู้สนใจต้องการเปลี่ยนแปลงหาดใหญ่ให้ดีขึ้น

โดยบุคคลนั้นต้องเชื่อในคุณค่าอนาคตใหม่เดิม คือ จุดยืนหนักแน่นประชาธิปไตย ไม่ใช้เงินซื้อเสียง ไม่เป็นผู้มีอิทธิพล และไม่เป็นผู้ทุจริตคอรัปชัน ก็ปรากฏว่ามีผู้กล้าอยากเข้าเปลี่ยนแปลงเมืองหาดใหญ่ คือคุณ ประยูร วงศ์ปรีชากร

ซึ่งเป็นผู้ยึดมั่นประชาธิปไตย มีประสบการณ์ และเป็นผู้รับฟังความเห็นที่แตกต่าง สามารถแลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุผล อาสาเข้ามาลงสมัคร นี่เป็นการผนึกกำลังกันของคนมีประสบการณ์กับคนร่นใหม่มีพลัง เป็นการเมืองของคนธรรมดาที่จะเปลี่ยนบ้านเกิดหาดใหญ่ของเราให้ดีขึ้น

"เทศบาลนครหาดใหญ่ มีงบประมาณต่อปีสูงถึง 1,700 ล้านบาท เราเป็นเมืองที่อยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นชุมทางการคมนาคม เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ มีสถานบันการศึกษาทุกระดับ ฯลฯ เราศักยภาพอยู่อีกมาก แต่น่าเสียดายที่ติดขัดในข้อกฎหมาย เช่น ขนส่งสาธารณะที่ไม่ดีเลยในเมืองหาดใหญ่

ทั้งที่เรามั่นใจว่าทำให้ดีได้ ทั้งนี้ วิกฤตเศรษฐกิจและโควิดล่าสุดได้ซ้ำเติมเมืองหาดใหญ่ ทำให้เมืองเหงียบเหงา เป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเราคณะก้าวหน้าหาดใหญ่ และทีมผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ที่จะคิดนำโจทย์นี้มาแก้ไขปัญหาให้กับชาวหาดใหญ่" นายกตัญญู กล่าว

ออกบัตรโดยสารฟรี! ขสมก.ส่งเสริมการชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ลดเสี่ยงติดโรคโควิด-19 ประกาศยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียม ออกบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ ดีเดย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 31 พ.ค. 64

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกที่ 2 ได้ทวีความรุนเเรงเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยง

การสัมผัสเหรียญกษาปณ์ และธนบัตรในการชำระสินค้าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 เนื่องจากธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ ถูกเปลี่ยนมืออย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจมีเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ติดอยู่เป็นเวลานานหลายวัน ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคดังกล่าว ขสมก.จึงมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนผู้ใช้บริการ เปลี่ยนวิธีการชำระค่าโดยสารเป็นแบบไร้เงินสดมากขึ้น

โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย ในการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมออกบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ บุคคลทั่วไป และบัตรโดยสารนักเรียน นิสิต นักศึกษา อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการยังสามารถชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดผ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (แบบรายเที่ยว) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเดบิต/เครดิต ที่มีสัญลักษณ์ Contactless และชำระค่าโดยสารผ่านทางแอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ (QR Code) ได้อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top