Wednesday, 14 May 2025
NEWS

"รวมพลัง ส่งใจช่วยเหลือคนพิการ" ดารา, ผู้ใหญ่ใจบุญ รวบรวมอุปกรณ์ช่วยคนพิการ ส่งต่อ "ผู้นำคนพิการ"

วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทยและตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร (จิตอาสา) เข้าพบ "คุณเขตต์ ฐานทัพ" ดารา นักแสดง ชื่อดัง เพื่อนำงาน "ถักตะกร้า" ฝีมือ "กลุ่มพัฒนาอาชีพคนพิการแม่สำ" ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ไปจำหน่ายใน "CD OUTLET" แพลตฟอร์มรายแรกในประเทศไทย ที่เป็นช่องทางให้คนพิการนำสินค้ามาจำหน่ายได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อเป็นการ "คืนความดี สู่สังคมแบ่งปัน" และให้โอกาสกับคนพิการ คนชรา และผู้ด้อยโอกาส ให้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าที่ทันยุคทันสมัยกับในสถานการณ์โลกปัจจุบัน

อีกทั้ง ยังได้ร่วมกันมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ เช่น รถวีลแชร์ วอร์คเกอร์ 4 ขา แพมเพริต เพื่อนำไปส่งมอบต่อให้กับ "นายสายันต์ ดีเลิศ" นายกสมาคม ส่งเสริมอาชีพและช่วยเหลือรถเข็นเพื่อคนพิการ (ปทุมธานี) นำไปแยกชิ้นส่วน ถอดเก็บเป็นอะไหล่ใช้ทดแทน ซ่อมบำรุง รถวีลแชร์มือ 2 ที่ได้รับบริจาคมาจากประเทศญี่ปุ่น และเมื่อสามารถใช้งานได้ตามปกติทางสมาคมฯ ก็จะส่งมอบต่อให้กับคนพิการ คนชรา คนเจ็บไข้ได้ป่วย ที่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ อย่างสมบูรณ์ต่อไป

สุดท้ายนี้ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทยได้กล่าวขอบพระคุณ "พี่เขตต์ ฐานทัพ, คุณณัฐวุฒิ เหมือนเพชร, นายวีระ ลาเสือ (น้าหม่อม), คุณมานพ, คุณสุธาทิพย์ อยู่เมือง ที่ได้มอบโอกาสแบ่งปันช่วยเหลือสังคม "คนพิการ" ให้น่าอยู่สืบไป 
#คนละไม้_คนละมือ
#คนพิการยุคใหม่_หัวใจเดียวกัน

คนละครึ่งเฟส 3 กำลังมา!

กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดให้ลงทะเบียน โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โดยกำหนดผู้เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 31 ล้านคน ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-22.00 น. ของทุกวัน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอยง’ แจงเหตุผล ยืดระยะห่างฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 2 เป็น 16 สัปดาห์ เพราะได้ผลภูมิต้านทางที่ดีกว่า

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า...โควิด-19 วัคซีน ระยะห่างของการให้วัคซีน AstraZeneca หลายคนมีข้อสงสัยในการกำหนดระยะห่างของการให้วัคซีน AZ

ทำไมประเทศไทยขณะนี้จึงกำหนดระยะห่าง จากเดิม 10 สัปดาห์ เป็น 16 สัปดาห์ จากการศึกษาในการวิจัยทางคลินิก เดิมระยะห่าง การให้วัคซีน AZ อยู่ที่ 4 สัปดาห์

เมื่อทำการศึกษาระยะที่ 3 ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกันมากกว่า 6 สัปดาห์ ถึง 12 สัปดาห์ ได้ผลภูมิต้านทาน และประสิทธิภาพดีกว่าผู้ที่ได้รับห่างกันน้อยกว่า 6 สัปดาห์

ในการใช้จริงที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงที่มีโรคระบาดมาก และวัคซีนไม่เพียงพอ อังกฤษจึงยืดระยะห่างของการให้วัคซีนเข็มที่ 2 ออกไปอีกถึง 16 สัปดาห์ เพื่อให้ประชากรส่วนใหญ่ ได้รับวัคซีนเข็มแรกให้มากที่สุด ไม่ต้องใช้แรงงาน มาพะวงกับการฉีดเข็มที่ 2 จะได้ปูพรมเข็มแรกได้กว้างที่สุดเพื่อระงับการระบาด

ผลการศึกษาในสกอตแลนด์ พบว่าการให้ AZ เพียงเข็มเดียว มีประสิทธิภาพ ถึง 80% การให้เข็มที่ 2 จะเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เห็นว่าเข็ม 2 เพิ่มประสิทธิภาพก็จริง ถ้าเปรียบเทียบกับการปูพรมเข็มแรกให้มากที่สุดแล้ว ค่อยเติมเข็ม 2 น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ในการควบคุมการระบาดของโรค

โดยหลักของวัคซีน การทิ้งระยะห่าง ยิ่งห่างนาน ก็จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีกว่า ระดับภูมิต้านทานหลังเข็ม 2 จะสูงกว่า ในการหวังผลให้อยู่นาน

การยืดเข็ม 2 ออกไป จะมีข้อเสียตรงที่ว่าประสิทธิภาพจะสู้การให้ 2 เข็มไม่ได้ ต้องคำนึง คือถ้ามีเชื้อกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์ แอฟริกาใต้ ( Beta) วัคซีนทั่วไป ประสิทธิภาพลดลงอยู่แล้ว ก็อาจจะป้องกันไม่ได้ แต่สายพันธุ์อังกฤษและอินเดีย ไม่น่าจะมีผลมาก

ดังนั้น ประเทศไทยอยู่ในช่วงการระบาดขาขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในการควบคุมโรคให้เร็วที่สุด จำเป็นที่จะต้องให้ AZ วัคซีนปูพรมในแนวกว้างให้มากที่สุดก่อน โดยต้องระดมทรัพยากรทั้งหมดรวมทั้งวัคซีน มาใช้ในการให้วัคซีนเข็มแรก ภายใน 16 สัปดาห์ ประชากรส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็จะได้วัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม แล้วค่อยไปเติมเข็มที่ 2 ภูมิจะสูงขึ้นและอยู่นาน

สิ่งสำคัญในระหว่างนี้ จะต้องเฝ้าระหว่างสายพันธุ์กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่อาจจะสร้างปัญหาในระดับที่ภูมิต้านทานยังไม่สูงมากเกิดขึ้นได้ สายพันธุ์อังกฤษและอินเดียไม่น่าจะมีปัญหา

การควบคุมการระบาดในประชากรหมู่มาก ทั้งประเทศไทย ในภาวะที่ทรัพยากรที่จำกัด จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ดังนั้น การกำหนดระยะห่างไปที่ 16 สัปดาห์ จึงเป็นการที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศไทย ในภาพรวม

 

ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สำนักงานประกันสังคม แจง ไม่รับวอล์ค อิน ผู้ประกันตนมาตรา 33 เข้ารับวัคซีนโควิด-19 ย้ำ! ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ e-service และได้รับแจ้งนัดฉีดวัคซีนจากนายจ้างเท่านั้น

นางสาวลัดดา แซ่ลี้ ผู้อำนวยการสำนักสิทธิประโยชน์ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานประกันสังคมเปิดเผยว่าตามที่ สปส. ได้เปิดให้บริการศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 45 จุดทั่วกรุงเทพฯ โดยร่วมกับสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา มีเป้าหมายการฉีดวันละ 50,000 คน ปรากฏว่ามีผู้สอบถามและติดต่อเข้ามาจำนวนมาก รวมถึงผู้ประกันตนที่ไม่ได้ลงทะเบียน หรือลงทะเบียนไว้แต่ยังไม่ถึงกำหนดนัด ได้ walk in มาที่ศูนย์เพื่อขอรับบริการฉีดวัคซีน

สำนักงานประกันสังคมขอแจ้งให้ทราบว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนฯ จะให้บริการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่แจ้งความประสงค์กับนายจ้าง มีการบันทึกเข้าระบบ e-service ของสำนักงานประกันสังคม และมารับการฉีดวัคซีนตามที่ได้รับการนัดหมายแล้วเท่านั้น โดยจะไม่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ที่ยังไม่ได้รับการนัดหมาย หรือ walk in มายังศูนย์ฯ

รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงต่อไปว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้รับจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกทั้งสิ้น 1 ล้านโดส จะใช้ฉีดให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่เป็นลูกจ้างสถานประกอบการในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งสำนักงานประกันสังคมสำรวจความประสงค์ไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้แจ้งความประสงค์มามากเกินกว่าวัคซีนที่ได้รับจัดสรร

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน ลดความแออัด และให้ผู้ลงทะเบียนได้รับวัคซีนตามลำดับอย่างครบถ้วน สำนักงานประกันสังคมจะทำการแจ้งนัดวันและสถานที่ฉีดให้นายจ้างทราบ และจัดให้ลูกจ้างมาฉีดตามกำหนดนัดหมายเท่านั้น อย่างไรก็ดีหากสำนักงานประกันสังคมได้รับจัดสรรวัคซีนล็อตที่สอง จะแจ้งให้ผู้ประกันตนที่นายจ้างลงทะเบียนไว้ในลำดับถัดไปมารับการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม ซึ่งขอย้ำว่า จะไม่มีการเปิดให้ walk in เข้ารับการฉีดวัคซีน

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ติดต่อสายด่วน 1506 กด 7 เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐบาลจีนไฟเขียว อนุมัติการใช้วัคซีน Sinovac ในกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 3-17 ปี ได้ในกรณีฉุกเฉิน หลังผ่านการทดสอบเฟส 2 ฉลุยในกลุ่มตัวอย่างเด็กเล็กว่ามีประสิทธิภาพ และปลอดภัยเพียงพอ

รัฐบาลจีนไฟเขียว อนุมัติการใช้วัคซีน Sinovac ในกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 3-17 ปีได้ในกรณีฉุกเฉิน หลังผ่านการทดสอบเฟส 2 ฉลุยในกลุ่มตัวอย่างเด็กเล็กว่ามีประสิทธิภาพ และปลอดภัยเพียงพอ พร้อมเดินหน้าฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กรอเพียงการประเมินจากทีมสาธารณสุขว่าจะเริ่มฉีดให้เด็กในช่วงอายุเท่าใดก่อน

รัฐบาลจีนสั่งเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ทั่วประเทศอย่างเต็มกำลัง ด้วยวัคซีนที่พัฒนาขึ้นเองจากบริษัทยาในประเทศ ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 80% ของประชากร หรือราวๆ 1.12 พันล้านคน

ซึ่งตอนนี้จีนก็มีวัคซีนได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีนอย่างเป็นทางการแล้วถึง 5 บริษัท ได้แก่ Sinovac, Sinopharm, Wuhan Institute ที่ต้องฉีด 2 เข็ม CanSinoBIO ฉีดเพียงเข็มเดียว และล่าสุดคือ Anhui Zhifei ที่ต้องฉีดถึง 3 เข็ม

ข้อได้เปรียบของวัคซีนจีนทั้งหมดนี้คือ สามารถเก็บได้ในตู้เย็นอุณหภูมิทั่วไปได้ จึงง่ายต่อการเก็บ และขนส่งทั้งใน และต่างประเทศ

รัฐบาลจีนยอมรับว่า โครงการฉีดวัคซีนของจีนในช่วงแรก ดำเนินการได้อย่างล่าช้ามาก มีปัญหาเรื่องการผลิต และกระจายวัคซีนได้ไม่เต็มที่ ส่วนประชาชนก็ยังวิตกกังวลกับการฉีดวัคซีน

แต่จนถึงวันนี้ มีชาวจีนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มแล้วราวๆ 723.5 ล้านคน แซงขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลก ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนเฉลี่ย 19 ล้านเข็มต่อวัน ซึ่งเร็วมากกว่าช่วงเริ่มต้นโครงการในเดือนเมษายนที่ฉีดได้เพียง 3.4 ล้านคนต่อวัน

หากเทียบความเร็วระดับนี้ จะสามารถฉีดวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยอย่างน้อย 80% ทั่วประเทศได้ภายใน 3 วันเท่านั้น

จึงทำให้จีนค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถบรรลุเป้าหมายโครงการฉีดวัคซีนในประเทศได้ภายในไม่เกินสิ้นปี 2021 นี้อย่างแน่นอน

รวมถึงการผลิตวัคซีนจำนวนหลายพันล้านโดส ที่ต้องเพิ่มกำลังการผลิตออกมาได้อย่างรวดเร็วให้ทันกันกับโครงการของรัฐบาล และยังต้องมากพอที่จะส่งไปต่างประเทศอีกด้วย

และเมื่อพูดถึงความเร็วในระบบการผลิตของจีน ก็มักทึ่งในศักยภาพของจีน ที่แทบไม่มีใครสู้ได้เลย ไม่เว้นแม้แต่การผลิตวัคซีน ที่ยังสามารถผลิตได้ทันกับความต้องการในประเทศ ยังสามารถส่งวัคซีนให้ชาติอื่น ไม่ว่าจะขาย หรือเข้าโครงการทูตวัคซีนได้นับพันล้านโดสในเวลาเดียวกัน

จุดสำคัญที่ทำให้จีนยังสามารถขยายการผลิตวัคซีนได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะที่อินเดีย ประเทศผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดในโลกทำไม่ได้ในวันที่อินเดียเผชิญหน้ากับวิกฤติ Covid-19 ครั้งใหญ่ที่สุดในโลกก็คือ จีนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารเคมีตั้งต้นในการผลิตวัคซีนจากต่างประเทศ ซึ่งต่างจากอินเดียที่ต้องใช้สารเคมีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ที่ตอนนี้กลายเป็นสินค้าควบคุมในการส่งออก เพื่อป้องโรงงานวัคซีนในสหรัฐก่อน

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้จีน ที่เคยทุลักทุเลในโครงการวัคซีนช่วงแรก สามารถตั้งหลักได้ และกลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของโลกในการผลิตวัคซีน Covid-19 ซึ่งตอนนี้ ทั้งบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างก็เร่งขยายโรงงานผลิตอย่างรวดเร็วในหลายเมือง โดยเฉพาะผู้ผลิต 2 วัคซีนหลักที่ใช้ในจีน และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกแล้ว อย่าง Sinovac สามารถผลิตได้ถึง 2 พันล้านโดสต่อปี ส่วน Sinopharm ก็มั่นใจว่า 3 พันล้านโดสต่อปีก็ไม่เกินความสามารถ

แต่ข้อเสียของจีนที่แก้ไม่หายคือเรื่องของความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล ที่ตอนนี้ก็ยังรู้ตัวเลขแน่นอนว่ามีชาวจีนกี่คนที่ได้รับวัคซีนครบโดส ตามจำนวนวัคซีนที่ต้องฉีดในแต่ละประเภท หรือจำนวนวัคซีนที่ได้ผลิตออกมาแล้วจริงๆ ในตอนนี้มีเท่าไหร่

หากจีนสามารถแก้ไขจุดเสีย ที่เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพในตัววัคซีน ก็น่าจะทำให้วัคซีนของจีนก้าวขึ้นมาทัดเทียมวัคซีนจากชาติตะวันตกได้ไม่ยากเลยทีเดียว

 

อ้างอิง :

https://www.reuters.com/world/china/sinovacs-covid-19-vaccine-gains-china-approval-emergency-use-children-2021-06-05

https://www.ndtv.com/world-news/coronavirus-china-authorises-coronavac-covid-19-vaccine-for-children-above-3-years-2457570

https://www.aljazeera.com/news/2021/6/3/slow-to-start-china-mobilizes-to-vaccinate-at-headlong-pace

https://www.bmj.com/content/373/bmj.n912


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศปลดล็อค ‘วัคซีนโควิด-19’ เปิดโอกาสให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, เอกชน, รพ.เอกชน ซื้อวัคซีนโควิด-19 ได้ พร้อมให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดหา-สั่ง หรือนำเข้าวัคซีนอย่างเร่งด่วน

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ดังนี้

1.) ให้มีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีคุณภาพและมีจำนวนเพียงพอแก่ประชาชน โดยอย่างน้อยให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร (ไม่น้อยกว่าจำนวนประชากรห้าสิบล้านคน)

2.) ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประสานงาน ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในการดำเนินการขึ้นทะเบียนวัคซีนให้เป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ

3.) ให้กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่และอำนาจในการให้บริการทางการแพทย์ หรือสาธารณสุข แก่ประชาชน ร่วมมือกันในการดำเนินการจัดหา สั่ง หรือนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง หรือตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานนั้นๆ กำหนด

4.) เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากขึ้น สถานพยาบาลเอกชนและภาคเอกชนอาจจัดหาหรือขอรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากหน่วยงานตามข้อ 3 ภายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาให้บริการประชาชนหรือบุคลากรในความดูแลได้ตามความเหมาะสม โดยวัคซีนดังกล่าวต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยา และต้องพิจารณากำหนดราคาวัคซีนและการให้บริการที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

5.) โดยที่ในปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักร ยังมีจำนวนจำกัด หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ ให้จัดหาจากหน่วยงานตามข้อ 3 และต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง

รวมถึงหลักเกณฑ์หรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือนายกรัฐมนตรีกำหนด

การดำเนินการตามวรรคหนึ่งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ให้เป็นไปตามแนวทางหรืออยู่ในการกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการจัดหาวัคซีนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพด้านงบประมาณและรายได้ที่แตกต่างกัน และเพื่อให้การกระจายวัคซีนในห้วงเวลาวิกฤติมีความเป็นธรรมมากที่สุด ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนและให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวก แก่ประชาชนในพื้นที่ในการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนรวมของประเทศ

6.) ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วนเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล กับระบบแพลตฟอร์มหมอพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และเพื่อให้การบริหารจัดการข้อมูลเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ

โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ 8 มิ.ย.64 เป็นต้นไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ดำรง พุฒตาล’ เข้าแจ้งความเอาผิด เพจเฟซบุ๊ก The Yello Painting ละเมิดลิขสิทธิ์ และใช้นิตยสารคู่สร้าง คู่สม เป็นเครื่องมือทางการเมือง

นายดำรง พุฒตาล เจ้าของนิตยสารคู่สร้าง คู่สม อดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้าร้องทุกข์ กล่าวโทษ กับว่าที่ ร.ต.อ. สายยนต์ ขึ้นนกซุ้ม ตำแหน่ง รอง สว. (สอบสวน) สภ.ชะอำ จว.เพชรบุรี

แจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2564 เวลา 16.34 น. ผู้แจ้งได้ตรวจสอบพบว่ามีบุคคลไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดได้โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Facebook) ชื่อบัญชี The Yellow Painting ขายเสื้อซึ่งมีการสกรีนรูป โดยการนำเอาปกนิตยสาร คู่สร้าง คู่สม ไปประกอบรูปภาพตัดต่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

และนำเสนอจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป ราคาตัวละ ๗๕o บาท และมีการนำภาพบุคคลทั้งสอง ไปวางประกอบกับปกนิตยสาร คู่สร้าง คู่สม ให้มีลักษณะรูปแบบเหมือนกับ นิตยสาร คู่สร้าง คู่สม ที่ได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือดังกล่าวออกมาวางจำหน่าย และอาจทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจผิดว่า

นิตยสาร คู่สร้าง คู่สม เกี่ยวข้องกับการผลิตเสื้อออกจำหน่ายและการพิมพ์ปกหนังสือดังกล่าว

โดยผู้แจ้งขอยืนยันว่า นิตยสาร คู่สร้าง คู่สม ได้ยุติการผลิตหนังสือ คู่สร้าง คู่สม เพื่อออกจำหน่ายให้กับประชาชน ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2560 แล้ว และยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้แต่อย่างใค

ในส่วนของการดำเนินการทางกฎหมาย จะได้ดำเนินการในภายหลังต่อไป ในชั้นนี้จึงมา สภ.ชะอำ เพื่อขอให้บันทึกข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้เป็นพยานหลักฐานเบื้องต้นไว้ส่วนหนึ่งก่อน

 

ที่มา : https://www.plewseengern.com/plewseengern-5228/?fbclid=IwAR3DoFiKVS3rnIbBwq_E4wxOHNFwlXD4JpahHGPUS5EkGAKz4_mYRbrgUnE

https://www.facebook.com/257383740965663/posts/4042653865771946/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ผู้ประกอบการใจดี’ ห่วงใยคนพิการ มอบข้าวสาร-อาหาร แก่ ‘มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ’

วันนี้ (8 มิ.ย. 64) ที่มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ องค์กรสาธารณะกุศลด้านคนพิการ ที่ดูแลผู้พิการกว่า 800 คน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ แห่งพัทยา จังหวัดชลบุรี ทาง ‘อ.สัมฤทธิ์ ชาภิรมย์’ ผู้จัดการศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ได้ให้การต้อนรับ ‘คุณชวิศ ยงเห็นเจริญ’ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด เพื่อรับมอบข้าวสารอาหาร และของใช้จำเป็นนำมาบริจาคให้กับทาง ‘มูลนิธิฯ’ ซึ่งปัจจุบันเข้าขั้นวิกฤติหนัก ทั้งขาดแคลนข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็นในการเลี้ยงดูคนพิการที่อยู่ในความดูแล ขาดแคลน จนเดือนร้อนถ้วนหน้า

ทั้งนี้ จากการแพร่ระบาดระลอก 3 ของโควิด-19 ที่รุนแรงกว่าเดิม ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจที่ทำท่าจะดีกับตกต่ำอย่างต่อเนื่องลงไปอีก อันเป็นเหตุให้การดำเนินงานของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการได้รับผลกระทบอย่างหนักถึงขึ้นวิกฤติก็ว่าได้ เนื่องจากขาดแคลนข้าวสารอาหารและของใช้จำเป็นต่างๆ อย่างหนัก ซึ่งปัจจุบันมูลนิธิฯ ได้บริโภคข้าวสาร 7 หมื่นกก.ต่อปี สืบเนื่องจากมูลนิธิฯ มีนักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นคนพิการในความดูแลที่อาศัยอยู่ประจำ รวมบุคลากรและครู ซึ่งอยู่ในความดูแลกว่า 800 คน ซึ่งทั้งหมดนี้มูลนิธิฯ ดูแลโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือคนพิการในทุกๆ เรื่องเพื่อให้พวกเขาเหล่านี้มีวิชาชีพ สามารถนำไปประกอบอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้เลี้ยงตนเอง ครอบครัว และอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ สถาบันศึกษาในการดูแลของมูลนิธิฯ ทั้ง 4 แห่ง เป็นการให้บริการแบบประจำที่มูลนิธิฯ จะต้องดูแลทั้งในเรื่องที่พัก อาหาร การจัดการศึกษาและกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากคนพิการมีฐานะยากจน ดังนั้นมูลนิธิฯ จะต้องหางบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการ โดยการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา รวมไปถึงการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

สำหรับเหตุการณ์ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อมูลนิธิฯ จนยอดบริจาคลด สต๊อกข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็นของมูลนิธิลดลงอย่างมาก เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติก็ว่าได้ จึงวอนขอความเมตตาจากผู้มีจิตศรัทธา หรือพอจะมีกำลังให้ช่วยบริจาคข้าวสาร อาหารและของใช้จำเป็นต่างๆ อาทิ นม ทิชชู่ น้ำมันพืช หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ทั้งแบบเจลและแบบน้ำ เป็นต้น เพื่อต่อลมหายใจให้คนพิการ ให้ท้องอิ่ม มีแรงสู้ชีวิตต่อไป หรือท่านใดไม่สะดวก สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือคนพิการเหล่านี้ได้ ผ่านบัญชี ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี ‘มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ’ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 ทั้งนี้ นำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้หรือสอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 02-572 4042 ต่อ 8100, 8102 มือถือ 099-394-4795, 094-665-2223

ร่วมด้วยช่วยกัน ต่อลมหายใจให้คนพิการให้ท้องอิ่ม มีแรงสู้ชีวิตต่อไป 

เพจ หลง อินเดีย โพสต์เรื่องราวประทับใจ ของหนุ่มใหญ่ชาวอินเดีย ที่หลงรักการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ กว่า 30 ปีที่ผ่านมา ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 3 แสนต้น โดยระบุว่า

#คนรักต้นไม้ ที่แท้ทรู พนักงานขับรถเมล์ในอินเดีย รักการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ และวันนี้เขาปลูกต้นไม้ไปแล้วมากกว่า 300,000 ต้น

M. Yoganathan หรือ คุณพี่ โยคะนาธาน ชาวอินเดียจากรัฐทมิฬนาฑู หรือ รัฐทางตอนใต้ของประเทศ ในวัย 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่รักต้นไม้ และ รักการปลูกต้นไม้เป็นที่สุด และเขาได้ใช้เวลาในการปลูกต้นไม้มาทั้งสิ้นกว่า 30 ปี

“ผมทำงานเป็นข้าราชการขับรถประจำทางสาย 70 ครับ ในเวลา 30 ปีมานี้ ผมปลูกต้นไม้มามากกว่า 3 แสนต้น และการปลูกต้นไม้ทั้งหมดนี้ ก็เป็นการนำเงินส่วนตัวของผมมาใช้เองด้วยครับ"

“ผมจะแบ่งเงินทุกเดือน เดือนละ 40% เพื่อซื้อต้นไม้ เพาะต้นกล้า เพาะเมล็ด เพื่อนำไปปลูก นำไปแจกคนอื่นปลูก และนำไปสอนเด็กๆ ในโรงเรียนและวิทยาลัยกว่า 3,743 แห่งในรัฐ เพื่อให้ความรู้พวกเด็กๆ เกี่ยวกับเกษตรและพันธุ์พืช"

“ผมต้องการให้โลกได้รับสิ่งดีๆ ก็แค่นั้นเองครับ ผมขับรถเมล์มา 32 เมืองในรัฐ และทั้ง 32 เมืองนี้ ผมได้ลงมือปลูกต้นไม้ไว้ทั้งหมด จริงๆ แล้วผมปลูกต้นไม้มากว่า 4 แสนต้น เพียงแต่ 3 แสนต้นนั้นโตแล้ว และ อีก 1 แสน ยังไม่โตเป็นต้นที่แข็งแรงครับ”

“ทุกวันนี้ ผม ภรรยา และลูกสาว เราจะแบ่งหน้าที่กันก็คือ ผมทำงาน ภรรยาดูแลการเงิน โดยเฉพาะเงินในส่วนที่พวกเรานำมาปลูกต้นไม้ ลูกสาวคนโตจะดูแลเรื่องของสื่อโซเชียล ส่วนคนเล็กจะเป็นคนขับรถนำต้นกล้าไปดูแลที่เรือนเพาะชำ"

“ผมจะแจกต้นกล้าให้ผู้โดยสารและคนทั่วไปอย่างน้อยวันละ 10 ต้นครับ ทุกอย่างมันเริ่มมาจากที่มีผู้มีอิทธิพลมาลักลอบตัดต้นไม้กันเยอะมาก และผมต้องการเคลื่อนไหวให้มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกิดขึ้น ผมจึงร่วมมือกับกลุ่มนักเคลื่อนไหว และผมก็ลงมือทำมันอย่างจริงจังมากๆ"

“เป้าหมายหลักของผมคือตั้งใจว่า อยากให้ทุกๆ บ้านในรัฐของเรา ทุกบ้านมีต้นไม้ปลูกอย่างน้อยๆ บ้านละ 5 ต้น ไม่ว่าจะเป็น มะพร้าว ขนุน มะขามป้อม มะม่วง และ ฝรั่ง เพราะไม้เหล่านี้ทน ดูแลง่าย ระบายน้ำดี มีผลผลิต และ ร่มรื่น"

“เพราะประเทศของเราบอบช้ำจากการถูกตัดต้นไม้ไปมากแล้ว เช่นการขยายถนน กลับกลายเป็นคนส่วนใหญ่ ไม่ได้ให้เงินแก่คนปลูกต้นไม้ #แต่กลับให้เงินแก่คนตัดต้นไม้ และเพื่อการจะพัฒนาชาติของเราได้ พวกเขาเองก็ไม่ควรมาทำลายป่าไม้เหมือนกัน"

คุณพี่โยคะนาธาน ได้รับรางวัลด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากมาย และได้ขึ้นพูดบนเวที TED Talk แต่เขา ไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงและรางวัลใดๆ แต่ทำไปเพราะอยากให้มนุษย์ได้ตอบแทนสิ่งดีๆ คืนแก่โลกใบนี้บ้าง

หัวใจคุณพี่นั้นช่างยิ่งใหญ่ และ กว้างใหญ่มากๆ เลยนะคะ การทำอะไรบางอย่างเพื่ออยากตอบแทน เพียงเพราะรู้คุณของสิ่งๆ หนึ่งมาร่วม 30 ปีได้นั้น บอกได้คำเดียวเลยว่า #ถ้าไม่ใช่เพราะใจที่เต็มไปด้วยรัก ก็คงอยู่ทนอยู่ทำกับบางสิ่งมานานขนาดนี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ นับถือมากๆ เลย

เมื่อวานก็คุณตาเก็บขยะ วันนี้ก็คุณพี่ปลูกต้นไม้....เห็นมั้ยคะ ว่าอินเดียเนี่ย เขาก็มีมุมดีๆ มุมน่ารักๆ มุมที่โลกใบนี้ยังไม่มีคนเห็นอีกมากมาย และบอสจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะนำสิ่งที่ดีๆ ของประเทศๆ นี้ มาบอกเล่าแก่เพื่อนๆ #สาวกหลงอินเดีย ให้ได้รู้ได้เห็นกันอีกเยอะๆ เลยนะคะ

ขอบคุณคุณพี่โยคะนาธานมากๆ เลยค่า ที่หล่อ น่ารัก ใจดี มีต้นกล้าให้ปลูกเยอะสุดๆ 555 กราบใจๆ ขอให้สิ่งดีๆ กลับคืนย้อนคืน สู่คุณพี่และครอบครัวต่อๆ ไปนะคะ

ปล. และส่วนนี้คุณพี่โยคะนาธานและครอบครัว ก็ได้ลองเพาะปลูกต้นไม้เพื่อนำไปขายดูด้วยค่ะ ซึ่งก็จะเป็นพวกพันธุ์พืชสวนครัว หรือ พืชที่ได้ผลผลิตใช้รับประทาน ก็นับว่าเป็นรายได้เสริมของครอบครัวอีกทางนึงค่า

 

ที่มา : เพจ หลง อินเดีย https://www.facebook.com/101560597967366/posts/360325522090871/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่หลักเกณฑ์เปรียบเทียบความผิด ผู้ไม่สวมแมสก์ ปรับ 3 ระดับ ตั้งแต่ไม่เกิน 1 พัน ถึงสูงสุด 2 หมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 มิถุนายน) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิดกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 พ.ศ.2564

โดยระบุถึงมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ที่สำคัญคือ การให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และป้องกันมิให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และจำกัดวงในการระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ออกคำสั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยการไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไป แล้วผู้นั้นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร จึงเห็นสมควรกำหนดหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิดกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยการไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไปไว้เป็นการเฉพาะ

โดยบัญชีอัตราการเปรียบเทียบแนบท้ายระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิด กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 พ.ศ.2564

ข้อหาความผิดมาตรา 51 ฐานความผิด ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไป ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

ทั้งนี้ อัตราค่าปรับที่กำหนดให้เปรียบเทียบ (บาท) ครั้งที่ 1 ไม่เกิน 1,000 บาท ครั้งที่ 2 มากกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป มากกว่า 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท

มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ตั๋วช้าง’ พ่นพิษ อำนาจมืดคุกคาม ‘โรม’ เปิดหลักฐาน ‘บุคคลปริศนา’ สะกดรอยภรรยา เชื่อเบื้องหลังเป็น ‘นายตำรวจยศใหญ่’ ยืนยัน อภิปรายด้วยเจตนาบริสุทธิ์ในฐานะผู้แทนฯ และจะทำหน้าที่ตรวจสอบผู้มีอำนาจต่อไป ย้อนถาม บ้านเมืองนี้จะอยู่กันอย่างนี้หรือ?

ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เเถลงต่อสื่อมวลชนกรณีที่มีบุคคลไม่ทราบชื่อติดตามคุกคามตนและภรรยาในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจมีมูลเหตุมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

“เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ได้รับแจ้งจากพนักงานประจำอาคารที่พักที่เช่าอยู่อาศัยว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.25 น. มีชายไม่ทราบชื่อจำนวน 2 คน ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌป3978 กรุงเทพมหานคร เข้ามาและพยายามขอให้พนักงานเปิดประตูอาคารให้เข้าไปยังห้องพัก โดยบุคคลดังกล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นเพื่อนของภรรยา พร้อมกับแสดงรูปถ่ายซึ่งเป็นรูปที่ปกติแล้วใช้ในการติดต่อกับราชการ แต่พนักงานประจำอาคารก็ไม่ได้อนุญาตให้เข้าไปได้ เหตุการณ์ที่ได้กล่าวมา มีภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ตอนที่บุคคลดังกล่าวขับรถยนต์เข้ามา ไปจนถึงตอนที่เข้ามาติดต่อกับพนักงานเพื่อขอให้เปิดประตู ยืนยันว่าผมและภรรยาไม่ได้รู้จักอะไรกับบุคคลทั้งสองคนดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย และไม่มีทางที่จะยินยอมให้เข้าไปยังห้องพักได้”

รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 12.56 น. มีผู้ติดต่อเข้ามายังโทรศัพท์ของภรรยาด้วยหมายเลข 094-9413723 แล้วถามว่าปลายสายคือภรรยาของนายรังสิมันต์ใช่หรือไม่ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อแล้ววางสายไป หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อกลับอีกหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อกลับได้ ซึ่งจากการสืบหาข้อมูลพบว่าผู้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวผ่านทางแอพลิเคชันที่เอาไว้ใช้ตรวจสอบว่าหมายเลขดังกล่าวเคยถูกบันทึกไว้อย่างไรก็พบว่าเคยมีผู้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวว่า “พี่แม้ว ส น”

รังสิมันต์ ระบุว่า ในเบื้องต้นได้เข้าร้องทุกข์ต่อเหตุที่อาจจะนำมาซึ่งความไม่ปลอดภัยไปยังสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในท้องที่ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางพนักงานสอบสวนจะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถ นอกจากนี้ ยังได้เปิดถึงข้อมูลเชิงลึกอีกว่าจากที่ทราบมา หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวถูกจดทะเบียนโดยคนต่างชาติ ซึ่งถูกใช้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของราชการตำรวจ ส่วนทะเบียนรถมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นทะเบียนปลอมยิ่งไปกว่านั้นยังทราบมาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มียศระดับสูงมาก ซึ่งมีส่วนได้เสียกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องตั๋วช้างในวงการตำรวจเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา

“ความพยายามดังกล่าวไม่ใช่การสืบราชการลับ ไม่ใช่การทำหน้าที่ตามปกติวิสัยของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นความพยายามที่ตั้งใจมุ่งหมายไปที่ภรรยาของตน เพื่อให้ผมและภรรยาเกิดความหวาดกลัวในการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จึงไม่ได้กระทบต่อผมเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลได้ทุกคน แล้วถ้าขนาดผู้แทนราษฎรยังถูกข่มขู่คุกคามแบบนี้ ประชาชนในประเทศนี้จะเหลืออะไร สุดท้ายนี้ ขอยืนยันว่าจะยังคงทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และขอให้รู้ว่าผู้ก่อเหตุจะไม่ได้ความหวาดกลัวจากผม แต่จะได้การทำหน้าที่ที่มีการตรวจสอบที่มากกว่าเดิม เข้มข้นกว่าเดิม จนกว่าจะสร้างประเทศที่ปราศจากความหวาดกลัว มีผู้นำที่ไม่ใช้เงินภาษีประชาชนไปอย่างฟุ่มเฟือยและไร้ประสิทธิภาพได้”

รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เป็นหนึ่งในหลายๆ รัฐของสหรัฐฯ ที่กำลังพยายามดิ้นรนโน้มน้าวประชาชนผู้ลังเลเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 เพื่อสกัดการแพร่ระบาด แต่ที่แปลกแหวกแนวกว่าใครก็คือข้อเสนอจับสลากมอบอาวุธปืนไรเฟิลแก่ผู้โชคดี

หลังจากมีการรณรงค์ให้คนออกมาฉีดวัคซีนกันเยอะๆ โดยในบางภาคส่วนสังคม เช่น ผู้ประกอบการธุรกิจหลายรายก็ออกมาร่วมเชิญชวนด้วยการ ลด แลก แจก แถม สินค้าของตนให้แก่ คนฉีดวัคซีนด้วยแล้วนั้น

ล่าสุด รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เป็นหนึ่งในหลายๆ รัฐของสหรัฐฯ ที่กำลังพยายามดิ้นรนโน้มน้าวประชาชนผู้ลังเลเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 เพื่อสกัดการแพร่ระบาด แต่ที่แปลกแหวกแนวกว่าใครก็คือข้อเสนอจับสลากมอบอาวุธปืนไรเฟิลแก่ผู้โชคดี

ในสหรัฐฯ แต่ละรัฐมีแผนรณรงค์ประชาสัมพันธ์ต่างๆ นานา ในความพยายามโน้มน้าวใจประชาชนให้เข้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วยข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลอตเตอรี่ชิงเงินรางวัลหลายล้านดอลลาร์ ทุนการศึกษา แจกเบียร์ฟรีและตั๋วเข้าสวนสนุก แต่ดูเหมือนว่ารัฐเวสต์เวอร์จิเนียจะมอบข้อเสนอที่น่าตื่นเต้นมากกว่าและแปลกแหวกแนวไม่หมือนใคร

จากรายงานของนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่ารัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ไม่ได้มอบแค่รางวัลเงินสดแก่ประชาชนผู้เข้ารับวัคซีน แต่ยังมีรางวัลอาวุธปืนแก่ผู้โชคดีด้วย โดยรัฐแห่งนี้จะมอบปืนไรเฟิลล่าสัตว์ 5 กระบอกและปืนไรเฟิลพิเศษ 5 กระบอก ผ่านการจับสลาก ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวันพ่อพอดี

นอกจากนี้แล้วรัฐเวสต์เวอร์จิเนียยังจะมีการจับสลากหาผู้โชคดีอีกหลายครั้ง ในทุกสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน ถึง 4 สิงหาคม โดยผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนชิงรางวัลนั้นจะต้องเป็นพลเมืองรัฐเวสต์เวอร์จิเนียที่เข้ารับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดส ซึ่งรางวัลจะมีทั้งเงินสด 1 ล้านดอลลาร์สำหรับผู้โชคดี 1 ท่าน แบบเดียวกับรัฐอื่นๆ เช่นเดียวกับทุนการศึกษา รถกระบะแต่ง 1 คัน ใบอนุญาตล่าสัตว์และทำประมงตลอดชีพ

ขณะเดียวกันนอกเหนือจากการจับสลากแล้ว ทางรัฐเวสต์เวอร์จิเนียยังจะมอบพันธบัตรออมทรัพย์หรือไม่ก็บัตรกำนัลมูลค่า 100 ดอลลาร์ แก่ประชาชนอายุระหว่าง 16-35 ปีทุกคนที่ฉีดวัคซีนภายในรัฐแห่งนี้

 

(ที่มา : ฟอร์บส์)

https://mgronline.com/around/detail/9640000055071


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เข้ามาทีละนิด แถมต้องคิดเผื่อเข็ม 2 ! โฆษก สธ.แจงยิบ แผนบริการวัคซีน

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 หลังจากมีข่าวว่าบางจุดฉีด ไม่มีวัคซีนให้บริการโดยระบุว่า

วัคซีนโควิด-19 ประเทศไทยจัดหามาเพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน จะไม่มีประชาชนถูกละเลย ทั้งนี้ หากวัคซีนมาทีละหลัก 5-10 ล้านโดส การจัดการจะง่าย หารเอาจากจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ได้เลย

แต่ปัญหาคือ 1 วัคซีนทยอยมาเป็นหลักแสนโดสบ้าง เป็นหลัก 1 ล้านโดสเศษบ้าง และไม่ได้เข้ามาในวันที่แน่นอน แต่ต้องกระจายให้ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทีมทำงานก็ต้องจัดการจากวัคซีนที่ได้รับมาอย่างจำกัด ไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามความเหมาะสม การบริหารจัดการ ต้องคำนึงถึงความต้องการของแต่ละพื้นที่ ที่ไม่เท่ากัน พื้นที่ที่มีการระบาดมาก ย่อมต้องการมาก พื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบอย่างสาหัส ย่อมต้องการมาก 

อีกหนึ่งประเด็นคือ วัคซีนโควิด 19 ต้องฉีด 2 เข็ม ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานขอให้คำนวณการให้บริการที่ต้องสอดคล้องกับความสามารถในการฉีด และจำนวนวัคซีนที่จะเข้ามาแต่ละล็อต หากโรงพยาบาลหนึ่งฉีดเข็ม 1 ให้ประชาชนจบในวันเดียว 2 พันโดส หากวันที่ต้องฉีดเข็ม 2 มีประชาชนที่ต้องมารับบริการเข็ม 1 จำนวน 1 พันโดส เท่ากับต้องฉีดรวดเดียวทั้งเข็ม 1-2 ถึง 3 พันโดส จะเกินพละกำลังไปหรือไม่ ตรงนี้ ผู้ให้บริการต้องวางแผนให้ละเอียด

"ตอนนี้ มีการโจมตีเรื่องการเลื่อนการฉีด ไปถึงวัคซีนหมด ก็ต้องขอให้เข้าใจข้อจำกัดในการทำงาน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณประชาชน ที่มารับบริการวัคซีน รวมถึงคนทำงาน ที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ หากมีปัญหาประการใด ทางกระทรวงฯ ขอน้อมรับไว้ และหาทางแก้ไขตามข้อเท็จจริง และเป็นไปตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม"

การปรับพื้นที่ริมทางรถไฟ เตรียมความพร้อมโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน คาดตุลาคมนี้ เริ่มลงมือก่อสร้างเป็นรูปธรรม

ตามที่รัฐบาล ได้มีแผนดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน the High-Speed Rail Linkzed 3 Airport Project คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา-พัทยา เพื่อขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ ด้านระบบขนส่งมวลชนของประเทศ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก ในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ทำให้การเดินทางรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 224,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเกี่ยวกับรถไฟจำนวน 170,000 ล้านบาท และพัฒนาพื้นที่อีกจำนวน 54,000 ล้านบาท นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ เตรียมการก่อสร้างรองรับโครงการรถไฟฟาความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 ท่าอากาศยาน ในเขตพื้นที่ของเมืองพัทยา ตั้งแต่บริเวณแยกกะทิงลาย จนถึงถนนเลียบทางรถไฟห้วยใหญ่ พบว่าเจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็คโฮว์ทำการตักและเกลี่ยดิน เพื่อปรับพื้นที่ให้ได้ระดับในการเตรียมความพร้อมการเริ่มการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 ท่าอากาศยานกันอย่างต่อเนื่อง

จากการสอบถามข้อมูล ทราบว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้มีการเตรียมพื้นที่ด้วยการเกลี่ยและปรับหน้าดินในเขตพื้นที่ ตั้งแต่แยกกะทิงลายไปจนถึงสุดถนนห้วยใหญ่ โดยใช้พื้นที่ริมทางรถไฟเดิม ก่อนรอฟังคำสั่งให้มีการเริ่มลงมือก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรม ในเดือนตุลาคม 64 ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าว คงมีความคืบหน้าของการดำเนินการเห็นชัดมากกว่านี้ ในขณะนี้ นอกจากจะมีการเกลี่ยและปรับพื้นที่แล้ว ยังได้นำรถน้ำมารดหน้าดินเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองให้กระทบชาวบ้านน้อยที่สุดควบคู่กันไปด้วย

 

ข่าว : นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยอมรับแข้งช้างศึกสู้เต็มที่แล้วในเกมที่แพ้ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม G นัดที่ 7

หลังจบเกม อากิระ นิชิโนะ กล่าวว่า ครึ่งแรกทีมเรายังไม่สามารถทำเกมบุกได้อย่างเต็มที่ แต่พอลงมาเล่นในครึ่งหลังนักเตะของเราเริ่มทำได้ดีพอสมควร ซึ่งตรงนี้ก็อยากชื่นชมนักฟุตบอลทุกคนที่ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้วในเกมนี้

ทัพช้างศึก ลงสนามไปแล้ว 7 นัด มี 9 คะแนน รั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม ตกรอบค่อนข้างแน่นอนแล้ว

สำหรับเกมการแข่งขันเมื่อคืนที่ผ่านมา ยูเออี ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่แนวรับไทยสกัดบอลกันไม่ดีเข้าทาง ไคโอ้ เซนาโด้ วอลเลย์ด้วยขวาเข้าไปให้ เจ้าถิ่นนำก่อน 1-0

จากนั้น ยูเออี ยังสร้างโอกาสได้อย่างต่อเนื่อง และนาทีที่ 33 ยูเออี ก็มาได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ บันดาร์ อัล อาห์บาบี้ เปิดให้ ฟาบิโอ ลิมา ได้โขกที่เสาแรกเข้าไปทำให้ ยูเออี นำไทยเป็น 2-0

ช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 54 ไทยได้ประตู ตีไข่แตกจนได้จากลูกเตะมุม ที่ ยูเออี เคลียร์ไม่ขาด นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม โหม่งหนุนเข้าไป และเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่กลับตัวยิงเข้าไปให้ ไทยไล่มาเป็น 1-2

อย่างไรก็ตาม ช่วงทดเจ็บ อาลี มับคุต จ่ายให้โมฮัมหมัด อีด ยิงเข้าไปให้ ยูเออี นำห่างเป็น 3-1

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติมจบเกม ทีมชาติไทย แพ้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไป 1-3

ส่วนผลอีกคู่ เวียดนาม ชนะ อินโดนีเซีย 4-0 ทำให้กลุ่มจี เป็นเวียดนามที่นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มในเวลานี้ ที่ 14 คะแนน

สำหรับ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม G นัดสุดท้าย พบกับ ทีมชาติมาเลเซีย ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 23.45 น. สนามอัล มัคตูม ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐทีวี


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top