Wednesday, 7 May 2025
NEWS FEED

'คนไทยในสวีเดน' เผย!! 'เศรษฐกิจเริ่มแย่-ของแพง-บ.ล้มละลายเพียบ' สวนทางภาพลักษณ์ 'ใช้ชีวิต-ใช้จ่าย' สุขสบายในสายตาชาวโลก

ไม่นานมานี้ ช่องยูทูบ 'New Story' โดยคุณนิวคนไทยในสวีเดน ได้นำเสนอเนื้อหาในประเด็น 'สวีเดนเข้าสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก' ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้...

ตอนนี้ประเทศสวีเดนได้เริ่มเข้าสู่สภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจแล้ว หลาย ๆ บริษัทไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวกับงานรับเหมาก่อสร้าง มีการแจ้งล้มละลายกว่า 50 บริษัทจากทั่วทั้งประเทศแล้ว และก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีเพิ่มมากขึ้นอีก

ส่วนสาเหตุ มาจากค่าเงิน-การเงินสะสม ปัญหาที่กระทบมาตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมา และก็สงครามด้วย ซึ่งเหล่านี้กระทบมาสู่ราคาน้ำมันและราคาสินค้าต่าง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คนในสวีเดนก็ตกงานกันเยอะมาก ตอนนี้ถึงขั้นหลายจุดมีการรอต่อคิวในการสมัครงานกันเลย โดยสวีเดนจะมีสํานักงานให้เราไปลงสมัครงานได้ จึงทำให้เห็นการต่อแถวยาวของผู้ว่างงานที่ไปสมัครงานทิ้งไว้ งานเริ่มหายากมากแล้ว

นอกจากนี้ หลายคนที่เคยกู้เงินซื้อบ้านไว้ ก็เอาบ้านเข้าไปวางประเมินราคา เพื่อกู้เงินเพิ่ม เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย หนักเข้าบางรายก็ยอมให้ธนาคารยึดไปเลย เพราะสู้ราคาดอกเบี้ยไม่ไหว

ภาพที่เกิดขึ้นเหล่านี้ กำลังกระทบกับกลุ่มคนทำงานที่มีรายได้ขั้นต่ำในสวีเดน ซึ่งเป็นกลุ่มจำนวนไม่น้อย ขณะเดียวกันกลุ่มคนที่ทำธุรกิจก็ได้รับผลกระทบในแง่ของการล้มละลายหรือยอมถูกแบล็กลิสต์

แน่นอนว่า ภาพโดยรวม เหมือนทุกคนยังใช้ชีวิตปกติ ยังดูชิล ๆ สามารถออกไปข้างนอก ไปดื่ม ไปเที่ยว ไปกินได้ แต่ว่าลึก ๆ แล้ว ทุกคนเริ่มรับรู้ถึงภัยเงียบทางเศรษฐกิจ 

สังเกตได้จากการใช้เงินรูดบัตรเครดิต ซึ่งดิฉันเอง ทํางานเกี่ยวกับตรงนี้โดยตรง จึงพอเห็นพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิต (การใช้จ่าย-การจ่ายหนี้) ที่ดูแล้วมีผลกระทบต่อผู้คนค่อนข้างที่จะเยอะมาก

อย่างในส่วนของบริษัทที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับงานก่อสร้าง ก็พบว่ามีการแจ้งล้มละลายเข้ามาเยอะมากและบางรายก็เอาสินค้าที่ตัวเองมีอยู่ไปขายประมูลในราคาถูก เพียงเพื่อต้องการที่จะโละสต็อกแล้วเงินมาใช้หนี้

ทําไมในส่วนนี้ดิฉันถึงรู้ เพราะไม่นานมานี้ที่บ้านกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงจากผลกระทบที่มีหิมะละลาย แล้วพนักงานเขตมาเกลี่ยหิมะไม่ดี จนทำให้เกิดน้ำที่ละลายจากหิมะไหลเข้ามาบ้าน จนต้องเปลี่ยนใหม่หมดเลย แต่ดีตรงที่ว่าประกันของเค้ารับผิดชอบทั้งหมด แต่บางส่วนเราก็อยากจัดการเอง จึงไปหาซื้ออุปกรณ์เครื่องมือที่จะมาซ่อมแซม พอไปข้อมูลก็พบบริษัทที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับก่อสร้างแจ้งล้มละลายและขายประมูลเยอะมากขายแบบในราคาถูกมาก แล้วพอเราไปซื้อมา ก็ได้ราคาถูกแบบครึ่งต่อครึ่งจริง ๆ

จุดนี้จึงทำให้เริ่มรู้แล้วว่า ภัยเงียบทางเศรษฐกิจที่สวีเดนเริ่มก่อตัวแล้ว

ก็อยากจะเตือนคนที่มาทำงานหรือใช้ชีวิตในสวีเดน ถ้ามีงานอยู่ ต้องอดทน อย่าพยายามออกจากงาน พยายามอย่าเลือกงาน ถ้ามีงานไหนเข้ามา ก็รับทําไว้ก่อน เพราะถ้าตกงานตอนนี้ จะหางานยากมาก เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ จะเลือกคนที่คุณสมบัติพร้อมที่สุดจริง ๆ

เช่นเดียวกับสิ่งของ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ได้ซื้อ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็อย่าเปลี่ยน เช่น รถยนต์ ส่วนเงินควรใช้เท่าที่มี และต้องเก็บเงินออมไว้ให้มาก เพราะภัยเงียบเกี่ยวกับเศรษฐกิจจะมีออกมาเรื่อย ๆ ผ่านราคาสินค้าที่จะแพงมากขึ้นกว่านี้

เพราะเราต้องยอมรับไว้เลยว่า ความสมดุลทางเศรษฐกิจมันเริ่มหาย บางคนมีเงินไม่ยอมจ่าย เลือกเก็บเพราะกังวลในอนาคต ทำให้ความสมดุลของการเงินในเชิงเศรษฐกิจการเงินเริ่มขาดความสมดุล ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ไม่จำเป็นก็จะไม่จ้างพนักงาน เป็นต้น

เชื่อว่าภาพที่เกิดขึ้นในสวีเดนตอนนี้ ก็คงคล้าย ๆ กับที่เมืองไทย อย่าเพิ่งใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินไป มีรายได้ก็เก็บไว้ โดยเฉพาะกับคนไทยที่นี่ อย่าถึงกับส่งเงินกลับบ้านจนหมด เพราะเกิดเราล้มอยู่ที่นี่ สุดท้ายทางบ้านก็จะเดือดร้อนล้มตามไปด้วย ทำตัวเราให้แข็งแรงก่อน ใช้จ่ายอย่างประหยัดแล้วหมั่นเก็บเงินเก็บทองไว้เพื่ออนาคต

ขอเป็นกำลังใจให้กับคนไทยในสวีเดนทุกท่าน

ชื่นชม!! ‘สามเณรกานต์กวินต์’ วัย 8 ขวบ สอบพระปาติโมกข์ผ่าน หลังใช้เวลา 55 นาที

(17 พ.ค.67) เป็นที่ชื่นชมไม่น้อย กับเรื่องของ ‘สามเณรกานต์กวินต์ ธานีวรรณ’ อายุ 8 ขวบ จากวัดนิคมผัง 16 จ.นครราชสีมา ที่สอบผ่านเป็นสามเณรผู้ทรงพระปาติโมกข์ โครงการสามเณรทรงพระปาติโมกข์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดโดยวัดตะโก ร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ซึ่ง สามเณรวัย 8 ขวบรูปนี้ สามารถสอบผ่าน ใช้เวลาในการสอบ 55 นาที ตั้งแต่เริ่มสอบเวลา 06.05 - 07.01 น. โดยมีคนเข้าไปชื่นชมจำนวนไม่น้อย

หน่วยราชการในพระองค์ เปิดศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัล ให้ความรู้คนไทยเท่าทันเรื่องราวในโลกดิจิทัลแบบง่ายๆ

(17 พ.ค.67) เพจ 'นักเรียนดี' ได้โพสต์ข้อความแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์จากหน่วยราชการในพระองค์ ระบุว่า...

#ทรงพระเจริญ🙏🏻💜 รู้หรือไม่!? ตอนนี้พระองค์ท่านได้ทรงปรับบริบทให้วังมีความทันสมัยจนมีหน่วยงานใหม่ที่ชื่อ 'ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลหน่วยราชการในพระองค์' แล้วนะ!! ซึ่งมีการให้ความรู้ประชาชนในด้าน Digital literacy อีกด้วย!!...ลองเข้าไปชมกัน👇🏻

มีรายการให้ความรู้ Digital Today อีกด้วย ในเว็บหน่วยงานราชการในพระองค์ เป็นอะไรที่ได้ประโยชน์และสาระมาก ๆ ตามบริบทของโลกโลกาภิวัตน์ในยุค 5.0🥰 >> https://www.royaloffice.th/2024/05/16/digital-today-3/ 

แต่งตั้ง ‘ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร’ ผู้รักษาการแทนอธิการบดีจุฬาฯ

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ได้รับความเห็นชอบจากสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ให้ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป แทน ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 นอกจากนี้ ได้มีการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนรองอธิการบดีจุฬาฯ ดังนี้…

- ผศ.ดร.ปมทอง มาลากุล ณ อยุธยา
- ศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์
- รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ
- ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์
- รศ.ดร.ยุทธนา ฉัพพรรณรัตน์
- รศ.ดร.มาโนช โลหเตปานนท์
- ศ.ดร.นพ.สมบัติ ตรีประเสริฐสุข
- รศ.ดร.เกรียงไกร บุญเลิศอุทัย

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ผู้รักษาการแทนอธิการบดีจุฬาฯ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีบริหารธุรกิจบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท MPPM และ MBA จาก Yale University, USA และปริญญาเอก DPhil (Management Studies) จาก University of Oxford, UK ผลงานการบริหารงานที่ผ่านมาดำรงตำแหน่งคณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ 2 วาระ อดีตหัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ 2 วาระ กรรมการสภามหาวิทยาลัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ฯลฯ

สำหรับด้านผลงานระดับนานาชาติ ดำรงตำแหน่งกรรมการประเมินผลงานคุณภาพในสามสถาบันรับรองมาตรฐานการศึกษาด้านบริหารธุรกิจระดับโลก ได้แก่ AACSB (Association to Advance Collegiate Schools of Business) สหรัฐอเมริกา EQUIS (EFMD Quality Improvement System) สหภาพยุโรป และ AMBA (Association of MBAs) สหราชอาณาจักร นำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ สู่ความสำเร็จในระดับโลกโดยได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาด้านบริหารธุรกิจระดับสากลในฐานะ ‘The Top Business School with Triple Crown Accreditation’

ศ.ดร.วิเลิศ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ก้าวไกลด้วยวิสัยทัศน์ในการทำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยของแผ่นดินไทย และเป็นสถาบันการศึกษาระดับโลกที่สร้างคุณค่าแห่งการเปลี่ยนชีวิตด้วยการเป็นแหล่งอุดมปัญญา ที่เป็นที่พึ่งพิงได้และสร้างจิตวิญญาณของประชาคมและนิสิตจุฬาฯ ในการรับใช้สังคมอย่างแท้จริง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมความพร้อมแผนพิทักษ์เลือกตั้ง/66 ดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567

วันนี้ (17 พฤษภาคม 2567) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อให้การเตรียมการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ในภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริตและเที่ยงธรรม 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 ประสานกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พื้นที่ เพื่อขอทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมทั้งความต้องการของ กกต. พื้นที่ ในการขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกเหนือจากการจัดกำลังตามแผนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการจัดกำลังในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้ถือปฏิบัติตามแผนรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พิทักษ์เลือกตั้ง/66) โดยเคร่งครัด รวมทั้งให้จัดทำแผนรองรับการปฏิบัติตามแผนฯ ในวันรับสมัคร และวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาแต่ละระดับ และภารกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การรักษาความปลอดภัยสถานที่พิมพ์บัตร การขนส่งบัตรและอุปกรณ์ฯลฯ 

นอกจากนี้ ให้เปิดศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ศลต.) ทุกระดับ ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 และจัดกำลังรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา โดยให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรทุกจังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบ ทั้งในห้วงการรับสมัครการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ณ เขต/อำเภอ วันที่ 20-24 พฤษภาคม 2567 , การเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับเขต/อำเภอ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 , การเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด ในวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 พร้อมให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงที่มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และอาวุธสงคราม

พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวว่า นอกเหนือจากแนวทางดังกล่าวแล้ว ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หากพบการกระทำความผิดกฎหมายให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะต้องคำนึงถึงอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการรักษาความสงบในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติ ในส่วนของผู้บังคับบัญชาจะต้องชี้แจงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้มีหน้าที่ปฏิบัติทราบ โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนควรต้องศึกษาทำความเข้าใจข้อกฎหมายเกี่ยวกับการวิธีการรับสมัครและการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาดังกล่าวไว้ โดยให้ประสาน กกต. พื้นที่ เพื่อจัดฝึกอบรมข้าราชการตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ สำหรับภารกิจการสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ตามระเบียบ กฎหมาย ส่วนกรณีมีเหตุหรือมีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง หรือที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการเลือกตั้งและมีโทษทางอาญาที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ให้รายงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่าน ศปก.ตร. โดยทันที 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.กรไชยฯ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการสนับสนุนภารกิจการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามแผนพิทักษ์เลือกตั้ง/66 และยินดีให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในเรื่องการจัดกำลังพลสนับสนุนในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และเรื่องอื่น ๆ ที่ร้องขอ ตามกรอบของกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

‘กฤษนะทัวร์ยกล้อ’ พาชม ‘บ้านพิบูลธรรม’ ที่ทำงานสุดเข้มขลังของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’

(17 พ.ค.67) จากช่องยูทูบ ‘Krisana Lalai’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอสำหรับการพาเปิดบ้าน ‘พิบูลธรรม’ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานสุดเข้มขลังอลังการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ‘นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ผ่านรายการกฤษนะทัวร์ยกล้อ วันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค.67 ทาง NationTV ช่อง 22 เวลา 10.00 - 10.30 น. 

แฟนคลับพี่ตุ๋ย ห้ามพลาด!!

'สำนักพุทธฯ' ชี้!! ‘เชื่อมจิต’ ไม่มีในพระไตรปิฎก อีกทั้งยังขัดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

(17 พ.ค. 67) หลังจากที่ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วย ทนาย ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือมหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม, ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง, อี้ แทนคุณ ตัวแทนผู้เสียหาย, ดร.อธิเทพ ผาทา, อ.รัก คำราม และ แพรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร และ พระวิเวก นามรุ่งโรจน์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนสิช ชุนดี รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.บก.ปอท. แจ้งความเอาผิด นายพิชญะ, น.ส.นัฐพร พ่อแม่ของน้องไนซ์ อายุ 8 ปี พร้อมแอดมินเพจ หรือผู้ควบคุมเพจเฟซบุ๊ก นิรมิตเทวาจุติ, ผู้ใช้บัญชีติ๊กต็อก @niramittavajuti และบุคคลอื่นผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้ชื่อของน้องไนซ์ นำเสนอบทความพร้อมคลิปวิดีโอบิดเบือน หรือเป็นเท็จนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หลายครั้งหลายหน

โดยแจ้งความในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก, การเรี่ยไร และฉ้อโกง พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ พม. เข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าว

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงกรณีดังกล่าว ร่วมกับ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)

นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น และมีทีมงานเฝ้าระวัง ได้รวบรวมข้อมูลรายละเอียดข่าวสารต่าง ๆ เรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำสอนที่ผิดเพี้ยน เราได้กราบนมัสการพระมหาเถระ เพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งพระมหาเถระได้ให้คำแนะนำ และขอให้ใช้สติ ทำให้รอบคอบ เพราะเรื่องนี้ละเอียดอ่อน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว

นายอินทพร กล่าวต่อว่า ตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร การกระทำ ที่อาจจะเป็นภัย ผลกระทบต่อความมั่นคงต่อพุทธศาสนา แม้ พศ.จะไม่มีอำนาจห้าม ระงับ ยับยั้งกลุ่มบุคคลที่เผยแพร่พระธรรมคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎก แต่เราทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตลอด

นายอินทพร กล่าวต่อว่า หลังจากวันนี้ ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อรับทราบส่วนทางที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติให้ พศ.ดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ตนจะแจ้งความคืบหน้าอีกครั้งหนึ่ง

นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูล ศึกษาที่รายละเอียดในพระไตรปิฎก ฟันธงกันตรงนี้ว่า ไม่ปรากฏการเชื่อมจิตแต่อย่างใด และการเชื่อมจิต ยังขัดหลักธรรมคุณ 6 ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีดำรัสไว้ให้เราให้ศึกษา และปฏิบัติ

ส่วนเชื่อมจิต เชื่อมได้หรือไม่นั้น นายบุญเชิด กล่าวว่า ในพระไตรปิฎกไม่มีครับ แต่จะมีบุคคลบอกว่าในพระไตรปิฎกมี ซึ่งพยายามเทียบเคียงว่า ในสมัยพุทธกาลเคยมีพระพุทธเจ้าตรัส หรือสนทนาธรรมกับพระอรหันต์เป็นการเทียบเคียง คำถามตามมาคือว่า คนที่กล่าวว่าเชื่อมจิตนั้นเป็นอรหันต์หรือไม่?

กรณีที่เด็กกล่าวอ้างว่ามีการเชื่อมจิต กล่าวอ้างว่าเป็นบุตรพระพทุธเจ้า หรือกล่าวอ้างใด ๆ ในเรื่องอภินิหาร เกี่ยวกับความเชื่อความศรัทธานั้น เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องไม่จริง นายบุญเชิด กล่าวว่า ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก เมื่อพระไตรปิฎกไม่มีปรากฏ คือ ไม่จริง และในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ไม่มีเรื่องแบบนี้ในพระไตรปิฎก แต่ถ้าในคติในพระพุทธศาสนาในมหายาน จะมีความเชื่อเรื่องนี้ แต่ในประเทศไทย เรายึดหลักความเชื่อในเถรวาทเท่านั้น

‘จอยซ์ TK’ เล่าชีวิตในคุก 8 ปี ทุกข์ใจ-นั่งกาปฏิทินทุกวัน สุดท้ายตกผลึกกับตัวเอง-ปรับเปลี่ยนแนวคิดในหลายๆ เรื่อง

พ้นโทษออกมาได้เกือบ 11 ปีแล้ว สำหรับ ‘จอยซ์ TK’ (ไทรอัมพ์ส คิงดอม) หรือ ‘กรภัสสรณ์ รัตนเมธานนท์’ หลังต้องโทษคดียาเสพติด ต้องติดคุกนาน 8 ปี 10 เดือน ซึ่งในช่วงเวลาที่ต้องอยู่ในเรือนจำ ก็ทำให้เจ้าตัวได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากมาย โดย จอยซ์ ได้ออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือก ผ่านรายการ Made My Day วันนี้ดีที่สุด ทางช่อง Thai PBS ในเทปวันที่ 29 เม.ย. 67 กับพิธีกร ‘อุ๋ย บุดด้าเบลส’ ว่าในการต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ เหมือนกับสถานที่ที่เปลี่ยนชีวิต และสร้างตัวตนใหม่ให้กับเธอไปตลอดกาล

“ตอนโดนจับชีวิตเปลี่ยน มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงให้เป็นในวันนี้ แต่เหตุที่จะต้องโดนก็โทษใครไม่ได้ อยู่สน.ไม่โทร.หาใครเลย เพราะเรารู้ว่ามันผิด เราไม่ควรขอความช่วยเหลือจากใคร ขอจบด้วยตัวเอง ทุกคนรู้ว่าอยู่สน.ตอนออกข่าว แม้กระทั่งป๊า ป๊านี่คือสุดยอด เขาไม่เคยทิ้งเลย เขาอยู่เคียงข้างเราในทุก ๆ มิติ เขาไม่มีคำพูดว่า เขาเดินเข้ามาตบไหล่ ไม่เป็นไรนะ ๆ ป๊าอยู่ตรงนี้ สามัญสำนึกมาเลย ว่าเราทำแบบนี้ได้ยังไง ปลดล็อกด้วยตัวเอง"

"ไม่เคยถามว่าป๊ารู้สึกยังไง หรือป๊าโทษตัวเองไหม แต่คิดว่ามันก็เป็นปัญหาแหละ การที่เราไปอยู่ในเรือนจำ หมายความว่าเรากำลังสร้างความทุกข์ให้คนในครอบครัว ทุกคนร่วมทุกข์ไปกับเรา อย่างน้อยเขาต้องโดนสังคมว่า พ่อไอ้ขี้คุก แล้วเขาก็เผชิญชีวิตอยู่อย่างนั้นมาในระยะเวลาที่เราติดคุก แต่เขาก็ไม่เคยมาพูดว่าเขาเจออะไรบ้าง แต่ป๊าเขาก็ปลีกตัวจากสังคมประมาณหนึ่งเหมือนกัน"

"วันที่เราเข้าไปข้างใน คือวันที่โดนจับ จัดการความรู้สึกตัวเองไปแล้ว เรายังรู้สึกว่าเราไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร เรารู้สึกว่าการเข้าไปอยู่ข้างใน คือการปรับตัวที่เราต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเอง ถามว่าวันนั้นแคร์ใครข้างนอกไหม ว่าเขาทุกข์แล้ว วันนั้นยังคิดไม่ได้หรอก เอาทุกอย่างแค่ตัวเอง พอเข้าไปอยู่แล้ว แรก ๆ คิดว่าปรับตัวได้ กูเก่ง กูต้องอยู่ได้สิวะ เปลี่ยนที่นอน เหมือนไปนอนบ้านเพื่อน" 

"คิดแบบนี้ตั้งแต่วันแรกเลย จนกระทั่งผ่านไป 3-4 ปี คือมันตกผลึก มันมีช่วงเวลาที่เราเข้าไป แล้วเราคิดว่าก็เหมือนไปนอนบ้านเพื่อนเปล่าวะ ก็แค่เปลี่ยนที่นอน ทุกวันนี้พฤติกรรมถูกละลาย จากการไปอยู่ในเรือนจำมาแล้วปลดล็อกความคิด ทำความรู้จักกับตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองชอบแบบนี้ ชอบตัวเองที่มองตัวเองมาแล้วชอบและภูมิใจ"

"สิ่งที่ไปเผชิญมีเรื่องของการปรับตัว การตื่นเช้า สวดมนต์ ต่อแถวอาบน้ำ 3 ขัน ห้องแรกรับในสมัยที่เราเข้าไป มันเป็นห้องที่เข้าไปเพื่อเรียนรู้กฎระเบียบ และปรับตัวในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะถูกจำแนกไปที่อื่น แล้วสมมติว่าจังหวะที่เราเข้าไป มีคนโดนจับพร้อมกัน 50 คน ทุกคนก็จะไปรวมกันอยู่ห้องนี้ นั่นหมายความว่า ห้องเล็ก ๆ ห้องนี้อจะเบียดไปด้วย 50 คน เวลานอนก็จะนอนติด ๆ กัน เพื่อนตะแคงซ้าย ก็ต้องตะแคงทั้งแถว ถ้าลุกไปเข้าห้องน้ำก็ที่หาย นี่คือการปรับตัวที่ต้องปรับกับคนหลาย ๆ รูปแบบ"

"ตอนที่โดนตัดสิน เราเห็นตัวเลขเรา 8 ปี เราแม่xกาปฎิทิน ว่าอีก 3 ปีกูทนไหววะ อีก 2 ปีกูทนไหววะ อีกนิดหนึ่งวะ แต่พอวันหนึ่งไปฟังอุทธรณ์มา เป็นตลอดชีวิต เหลือ 33 ปี ช็อตเลย กลับมาไข้ขึ้นเลยจ๊ะ"

"ก็เลยเปลี่ยนชีวิตตัวเอง หาทางจัดการกับความทุกข์ เริ่มจากไปอ่านหนังสือไปยืมหนังสือจากในห้องสมุด เราสามารถอ่านหนังสือเล่มหนา ๆ ภายใน 4 วันจบ ไม่ได้เป็นคนรักการอ่าน ไม่ได้รักการเรียน ไม่เคยสนใจเรื่องการอ่านหนังสือเลย แต่พออ่านปุ๊บ เฮ้ย…ดีวะ ได้ประโยชน์จากหนังสือเยอะแยะ เหมือนพาเราออกไปประเทศโน่น ประเทศนี้ มีความคิด เลยรู้สึกว่าเราสามารถอยู่ได้ด้วยการเอ็นจอยกับต้นไม้ กับนกบนท้องฟ้า อย่างน้อยข้างนอกเขาก็เห็นก้อนเมฆก้อนเดียวกับเรานะ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้ทำให้เราพ้นทุกข์"

"เปลี่ยนมุมมอง จากอ่านหนังสือ เรียนหนังสือ มาวางแผนเรียนปริญญาโท สมมติต้องอยู่อีก 20 ปี กำหนดโทษ 15 ปี ถ้า 15 ปีสามารถย้ายไปคุกนี้ได้ คุกนี้สามารถเรียนปริญญาโทได้ เดี๋ยวพอถึงอีก 12 ปี เราค่อยไปเรียนปริญญาโทที่นี่แล้วกันนะ พอไปเรียนแล้วค่อยมาดูว่าชีวิตจะยังไงต่อไป เราวางแผนแบบนั้น ถามว่ารู้ว่าตัวเองติดเยอะ แล้วจะเรียนไปทำไม สำหรับเรา เรารู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์ มันมีเรื่องให้เราภูมิใจ เรารู้สึกว่ากูทำมันได้วะ รู้สึกว่ากูมีความสามารถ พอเราภูมิใจมันก็จะหลุดจากเรื่องทุกข์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรจะทุกข์ออกมา"

"เราเรียนสายอาชีพตั้งแต่ตัดผม งานศิลปะ เรียนภาษาอังกฤษ เรียนคอมพิวเตอร์ ทำทุกอย่างเลย ใบประกาศนียบัตรเป็นปึก ถ้าจะบอกว่าอย่างหนึ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจเราตอนอยู่ในนั้นคือความภูมิใจ ก็น่าจะใช่ แต่มันช่วยบำบัดจิตใจเราได้ในช่วงเวลาที่ทุกข์ ช่วยให้มีสติปัญญามากขึ้น และทำให้ได้ความรู้ ส่วนกำลังใจหลัก ๆ ก็มาจากครอบครัว อาทิตย์หนึ่งมาเยี่ยมได้ 1 ครั้ง แล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ก็คือป๊านั่นแหละ ที่จะมาหาเราทุกอาทิตย์ เราก็รู้สึกโหยหาครอบครัวนะ บางทีก็ร้องไห้งอแงใส่เขา จากที่เป็นคนร้องไห้ยาก แต่ข้างในปรับพฤติกรรมเราหมด"

"พอคำสั่งฏีกามาว่าพรุ่งนี้ต้องไปศาล เราก็แค่ไปศาลแล้วฟังคำตัดสิน เราเลิกหวังกับเรื่องข้างนอกตั้งแต่อุทธรณ์มาแล้ว ไม่คิดว่าจะได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอก ไม่คิดว่าจะได้กลับบ้านวันนั้นด้วยซ้ำ เราไม่เคยเห็นภาพตัวเองและไม่เคยจินตนาการ ว่าวันหนึ่งจะได้ออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอกอย่างอิสระ"

"โมเมนต์ที่รู้ว่าจะได้ออกวันนั้นคือช็อก ไม่อยากกลับบ้าน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดูเตรียมใจมาเลย ช็อก ร้องไห้ อยากวิ่งกลับเข้าไปในคุกเลย เพราะไม่ได้เตรียมใจ ไม่ได้วางแผน ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตยังไง ไม่รู้จะทำยังไงให้คนอื่นเขาโอเคกับเรา คิดไปต่าง ๆ นานา ว่าพอเราก้าวออกไป สายตาคนอื่นที่เขามองมา เขาต้องมองเราเป็นไอ้ขี้คุกแน่เลย แล้วเราจะดำเนินชีวิตในสังคมยังไง เราไม่มีอะไรที่มันได้ตั้งตัวเลยสักเรื่องหนึ่ง จนกระทั่งวันที่ได้ออกมาจริง ๆ ก็ยังกลัวเข้าไปใหญ่ นักข่าวรอเต็มไปหมด ความที่เราปิดตัวเองมาเกือบ 9 ปี ก็ยังงงกับสื่อและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปหมด เป็นอยู่อย่างนั้นประมาณ 1-2 เดือน"

"ด้วยความที่บ้านมีฟาร์มกุ้งอยู่ที่ตราด เราก็ไปเก็บตัวอยู่ในฟาร์ม ไม่ติดต่อใคร ไม่เอาอะไรเลย โบ (สุรัตนาวี สุวิพร) ชวนไปไหนก็ไม่ไป ไม่อยากเจอใคร ไม่ได้คิดว่าคนอื่นมองเราไม่ดี แต่รู้สึกว่าชีวิตเรายังไม่ปลอดภัย ต่อให้คนนั้นเป็นโบเพื่อนเราก็ตาม ยังไม่พร้อม เราไปอยู่ในโลกนานจนเรารู้สึกว่าเราทำใจกับช่วงเวลาเหล่าน้้นมาเกือบ 9 ปีแล้ว เรามีเพื่อนที่ดีอยู่ในนั้น เราสามารถแชร์หรือร้องไห้กับเพื่อนตรงนั้นได้ เวลาเราโมโห วันนี้ไม่อยากคุยกับใคร"

"แต่มาหายได้ตอนขึ้นคอนเสิร์ตพี่บอย อยู่ ๆ ได้ยินเสียงกรี๊ด แล้วคนก็ร้องไห้ มันเป็นสิ่งที่เราเห็นและสัมผัสได้ ว่าความรักมีอยู่ หลังจากนั้นถึงกล้าขึ้นรถเมล์ ลองไปขึ้นเรือ เดินข้ามถนน หายแบบหายจริง ๆ เลย เราได้ออกมาตอนเดือนตุลาคม ขึ้นคอนเสิร์ตตอนเดือนธันวาคม ก็ใช้เวลาเป็นเดือน จริง ๆ โบชวนหลายคอนเสิร์ต แต่ปฏิเสธไป มาแค่คอนเสิร์ตนี้ เพราะเราไม่กล้า ต้องเกาะป๊าตลอด แต่คุณพ่อเสียชีวิตไป 2 ปีแล้ว ตอนนี้ก็เป็นครอบครัวเล็ก ๆ มีแม่ มีน้อง มีญาติ ๆ ซึ่งความสัมพันธ์ก็ปกติดีค่ะ"

"หลังจากออกมาเรามีความสุขง่ายขึ้น จนกลายเป็นคนติดตลกติ๊งต๊องไปหมดแล้ว แต่ทุกวันนี้ยังไม่กล้าไปสอนใคร เรามีประสบการณ์ชีวิตมาแบบนี้ แต่ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสอนใคร มันจะมีคอมเมนต์ว่า ไอ้ขี้คุกอย่างมึงจะมาสอนใครได้ เราก็รู้สึกว่าเราไม่มีสิทธิ์จะไปสอนใคร แต่จะสื่อสารว่าดูชีวิตฉันนะ”

ถกสนั่น!! ติ๊กต็อกเกอร์ รับแอดมินช่วยตอนไลฟ์ ค่าจ้างเดือนละ 100 บาท เผย!! ที่ให้เท่านี้ เพราะรายได้ไม่เยอะและให้ทำแค่ 'จ.-พ.-ศ.' วันละชั่วโมง

(17 พ.ค.67) ปัจจุบันอาชีพ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ เติบโตและมีอิทธิพลอย่างมากในประเทศไทย หลาย ๆ คน สร้างชื่อเสียง เงินทอง ได้จากการอัปโหลดคลิปวิดีโอลงโซเชียล จนบางครั้งเมื่อมีชื่อเสียงมากขึ้น ก็อาจจะทำงานคนเดียวไม่ไหว ต้องมีการจ้างงานคนอื่นเพิ่มเติม

ล่าสุด ดาวติ๊กต็อกคนหนึ่ง ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 4.9 หมื่นคน ได้ตกเป็นประเด็นดรามาในโลกออนไลน์ หลังเธอประกาศรับสมัครคนช่วยทำงานในตำแหน่ง ‘แอดมิน’

คอยทำหน้าที่อ่านคอมเมนต์ในไลฟ์สด เนื่องจากเธอมีปัญหาทางสายตา คุณสมบัติคือ อายุ 17 ขึ้นไป, ใจเย็น, ละเอียด, รอบคอบ, ตรงต่อเวลา, พูดจาสุภาพ, มีความอดทนสูง

ทำงานวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 16.00 น. ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อวัน หากวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลาว่างตรงกันก็สามารถนัดเวลากันได้ จากนั้นก็ได้มีคนทักไปสอบถามรายละเอียด ก่อนจะต้องตกใจ เมื่อพบว่า งานนี้ได้รับค่าจ้าง 100 บาท ต่อเดือน

เมื่อเกิดดรามาหนักขึ้น เจ้าของช่อง ก็ได้ออกมาตอบประเด็นนี้ บอกว่าเรื่อง ค่าจ้างเดือนละ 100 บาท นั้นเป็นเรื่องจริง ที่ให้เท่านี้ เพราะรายได้ของเธอก็ไม่ได้เยอะ อีกทั้งให้ทำงานแค่ จันทร์ พุธ และศุกร์ วันละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ทั้งยังบอกว่าตอนนี้ปิดรับสมัครไปแล้ว ไม่ได้อยากออกมาพูด แต่เห็นมีคอมเมนต์ถามทุกคลิป เลยออกมาเคลียร์ดีกว่า พร้อมปิดท้ายว่า “คนทำงานไม่พูด คนพูดไม่ทำงาน”

ทำเอาชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น ว่าแบบนี้ไม่เหมาะสมอย่างแรง กรมแรงงานควรตรวจสอบเพราะหากจ้างเดือนละ 100 บาท นำมาหารเฉลี่ยก็ได้วันละไม่ถึง 10 บาท เงินจำนวนแค่นี้ ไม่สามารถนำไปดำรงชีวิตอะไรได้เลยด้วยซ้ำ

จากนั้น ดาวติ๊กต็อก เจ้าของช่อง ก็เข้ามาตอบว่าจะมีการพิจารณาขึ้นเงินเดือนจาก 100 เป็น 1,000 บาทให้ แต่ต้องขอปรึกษากับคุณแม่ก่อน

'อ.เจษฎา' เผย!! อันตรายหลังเลิกอดข้าว แล้วกลับมากินใหม่ เผื่อเป็นแนวทางในการดูแล 'ผู้ประสบเหตุ' ที่ต้องอดอาหาร

(17 พ.ค.67) จากการเสียชีวิตของ ‘บุ้ง ทะลุวัง’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ก่อนหน้านี้เคยอดอาหารประท้วงจนป่วย และกลับมาทานอาหารอีกครั้ง ก่อนจะเสียชีวิต เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ล่าสุด รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์และอาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า

(note: โพสต์นี้เป็นการให้ข้อมูลเชิงวิชาการ ไม่ได้โพสต์วิพากษ์วิจารณ์สังคม แต่อย่างไรนะครับ)

ระวัง ‘รีฟีดดิ้ง ซินโดรม (Refeeding Syndrome)’ อันตรายหลังเลิกอดข้าว แล้วกลับมากินใหม่

หลังจากมีข่าว คุณบุ้ง นักกิจกรรมทางการเมือง เสียชีวิตหลังจากที่เคยอดอาหารประท้วงจนป่วย และกลับมาทานอาหารอีกครั้ง (ภายใต้การดูแลของแพทย์) เลยทำให้นึกถึงคำเตือนสมัย ‘13 ทีมหมูป่า ติดถ้ำ’ เรื่อง ‘อย่ารีบกินอาหาร หลังจากอดข้าวมานานหลายวัน อาจเกิดภาวะ Refeeding Syndrome ได้’ ครับ

เลยอยากจะยกเรื่องนี้ ขึ้นมาทบทวนกันหน่อย เผื่อเป็นแนวทางในการดูแลผู้ประท้วงอดอาหาร หรือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุใด ๆ จนต้องอดอาหารยาวนานหลายวัน

#ภาวะรีฟีดดิ้งซินโดรมคืออะไร

- จากกรณีนักฟุตบอลเยาวชน 13 ชีวิต ทีมหมูป่า อะคาเดมี่ ติดอยู่ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย นานนับ 10 วัน มีแค่น้ำหยดให้กินเล็กน้อย ซึ่งทุกคนต้องอยู่ในภาวะขาดสารอาหาร จึงมีคำเตือนจากกลุ่มโภชนาการ ให้ระวังภาวะ ‘รีฟีดดิ้ง ซินโดรม’ (Refeeding Syndrome) เวลาช่วยเหลือออกมาได้ โดยต้องระมัดระวังการให้น้ำและอาหาร

- การเกิดรีฟีดดิ้ง ซินโดรม นั้น เป็นภาวะที่มีความรุนแรง และค่อนข้างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกายขาดอาหารเป็นเวลานาน หากได้รับอาหารเข้าไปทันที ไม่ว่าจะเป็นจากน้ำเกลือ ที่มีน้ำตาลเด็กซโตส (Dextrose) , อาหารทางปาก , อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง , อาหารทางสาย หรืออาหารทางหลอดเลือดดำ  ก็เป็นอันตรายได้

- คนที่มีภาวะขาดสารอาหารมาก่อน สภาพร่างกายที่อดอาหารนาน ๆ จะมีการขาดแร่ธาตุ โพแทสเซียม ฟอสเฟต แมกนีเซียม และแคลเซียม ด้วย

- ดังนั้น เมื่อได้รับอาหารอีกครั้ง ร่างกายจะย่อยและดูดซึมอาหาร เพื่อให้มีการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ เพื่อสร้างเป็นพลังงาน โดยร่างกายจะหลั่งสารอินซูลิน (Insulin) เพิ่มการสร้างไกลโคเจน (Glycogen) โดยมีวิตามินบี 1 เป็นตัวช่วย

-  ระหว่างการนำกลูโคสเข้าเซลล์ ก็จะมีการนำแร่ธาตุต่าง ๆ ดังกล่าว เข้าไปในเซลล์ด้วยเป็นจำนวนมาก

- เลยยิ่งส่งผลให้ร่างกาย เกิดภาวะแร่ธาตุในเลือดต่ำ ทำให้ระดับวิตามินบี 1 ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้เกิดภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ อย่างรุนแรง

- จะเกิดมีอาการเหนื่อย หอบ หัวใจเต้นผิดปกติ และอาจเสียชีวิตได้ ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกว่า ภาวะรีฟีดดิ้ง ซินโดรม

#แนวทางในการป้องกันภาวะรีฟีดดิ้งซินโดรม

- ก่อนจะให้อาหาร ควรให้วิตามินบี 1 ประมาณ 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุรวม

- การเริ่มให้อาหาร จำเป็นต้องเริ่มอาหารอ่อน ในปริมาณน้อย ๆ

- ถ้าสามารถทำได้ ควรตรวจระดับโพแทสเซียม ฟอสเฟต แมกนีเซียม และแคลเซียม ในเลือดก่อน และแก้ไขหากมีระดับเกลือแร่ผิดปกติ และติดตามอาการทางคลินิกและการเปลี่ยนแปลงระดับแร่ธาตุเหล่านี้ในเลือดอย่างใกล้ชิด

- การกินวิตามิน ที่มีส่วนประกอบของวิตามินบี 1 มีหลักการ ดังนี้

1. ก่อนจะให้อาหาร ควรให้วิตามินบี 1 ในปริมาณ 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ร่วมกับวิตามินแร่ธาตุรวม วันละครั้ง และควรให้ต่อเนื่องกัน อย่างน้อย 2 วัน หรืออาจให้ต่อไปจนถึง 10 วัน หรือจนกว่าจะได้รับพลังงาน วิตามินรวม และแร่ธาตุอื่น ๆ อย่างครบถ้วนตามเป้าหมาย

2. เริ่มให้อาหาร พลังงานไม่เกิน 5-10 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมต่อวัน ขึ้นกับภาวะทุพโภชนาการ  ค่อยๆ เพิ่มปริมาณทีละนิดภายใน 4-7 วัน โดยใน 4 วันแรก ควรให้พลังงานประมาณ 5-10 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมต่อวัน จากนั้นค่อย ๆ ปรับเพิ่มพลังงานอย่างช้าๆ เช่น เพิ่มครั้งละ 5-10 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมต่อวัน จนถึงพลังงานเป้าหมายภายในเวลา 4-7 วัน

และ 3. ติดตามเป็นระยะทุกวัน โดยเฉพาะในช่วง 4-7 วันแรก ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top