Friday, 9 May 2025
NEWS FEED

กลาโหมส่งมอบ 'รถหุ้มเกราะ-ปืน' ฝีมือคนไทยให้ภูฏาน เพื่อนำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพในประเทศ

กห.ส่งมอบ 'รถหุ้มเกราะ-ปืน' ฝีมือคนไทยให้ภูฏานใช้รักษาสันติภาพ ขณะที่ 'มาดามรถถัง' ผู้บริหารชัยเสรี ภูมิใจร่วมงานกลาโหมส่งเสริมอุตสาหกรรมอาวุธ ระบุ กองทัพฟิลิปปินส์มีแผนสั่งซื้อรถหุ้มเกราะ First Winอีก 900 คัน 

(27 พ.ค.67) ที่อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีส่งมอบรถยานเกราะล้อยางแบบ 4x4 จำนวน 10 คัน ของบริษัท ไทยดีเฟนส์อินดัสตรี จำกัด (TDI) และ อาวุธปืนเล็กสั้น อาวุธปืนพก จำนวน 230 กระบอก ของบริษัท อุตสาหกรรมผลิตอาวุธ จำกัด (WMI) ให้กับเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติราชอาณาจักรภูฏาน นำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพ โดยมี พลเอกพอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บริหารบริษัท TDI และ บริษัท WMI ร่วมพิธีส่งมอบ

นายสุทิน ระบุว่า ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และความสัมพันธ์อันดี ระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ ซึ่งสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ สทป. ร่วมกับ บริษัทร่วมทุนทั้งสองบริษัทดำเนินการสอดคล้องตามนโยบายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุน ภาคเอกชน โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาต่อยอดและเพิ่มขีดความสามารถของทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงความสำคัญของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ที่มีบทบาทในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัฐบาล ไปสู่การผลิตและจำหน่ายได้อย่าง เป็นรูปธรรม 

ขณะที่นางนพรัตน์ กุลหิรัญ ผู้บริหารบริษัทชัยเสรี ที่ร่วมทุนกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ในนามบริษัท ไทยดีเฟนส์อินดัสตรี จำกัด ระบุว่า ยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 รุ่น ATV (Armored Tactical Vehicle) จำนวน 10คัน ราชอาณาจักรภูฏานจะนำไปใช้ สหภาพแอฟริกากลาง หลังจากที่ ปี 2564 ได้ส่งมอบให้ทางภูฏานไปแล้ว 45 คัน 

นอกจากนี้ยังมีการให้บุคลากรทางภูฏานมาเรียนรู้แลกเปลี่ยนในเรื่องของการผลิตการ ซ่อม และองค์ความรู้ต่าง ๆ อีกทั้งยังมีประเทศอื่น ๆ ที่สั่งซื้อรถหุ้มเราะของทางบริษัทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกองทัพฟิลิปปินส์ ที่มีแผนสั่งซื้อ 900 คัน ชุดแรกสั่งซื้อก่อน 200 คัน ขณะเดียวกันยังมี 46 กองทัพทั่วโลกที่จัดซื้อรถหุ้มเกราะของบริษัทชัยเสรีไปใช้งาน โดยมีการอออกแบบตามความต้องการของลูกค้าและการใช้งาน เช่น การออกแบบหลังคากันกระสุน ป้องกันการโจมตีจากโดรน   

ส่วนความต้องการภายในประเทศไทย ยังมีการสั่งซื้อจาก กอ.รมน. กองทัพเรือ ตำรวจตระเวนชายแดน  และย้ำว่า เป็นความภูมิใจของบริษัทที่ได้สนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศร่วมกับกระทรวงกลาโหม โดยได้เห็นยุทโธปกรณ์จากฝีมือคนไทยไปใช้ในภารกิจสหประชาชาติ

สำหรับยุทโธปกรณ์ที่มีการส่งมอบประกอบด้วย ยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 รุ่น ATV (Armored Tactical Vehicle) จำนวน 10 คัน ที่ออกแบบและผลิตโดยคนไทย ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ไทยมาอย่างต่อเนื่องในระดับนานาชาติ โดยยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 รุ่น ATV เป็นยานเกราะล้อยาง สมรรถนะสูงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 300 PS ที่มาพร้อมกับการป้องกันตามมาตรฐาน Nato standard Stanag 4569 ที่ระดับ 2 ซึ่งจะช่วยป้องกันกำลังพลที่อยู่ในรถได้กว่า 11 นาย ให้ปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จและปลอดภัย ในทุก ๆ สภาพภูมิประเทศ 

พร้อมกันนี้ยังมีอีกหนึ่งยุทโธปกรณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยจากการส่งมอบในครั้งนี้ คือ อาวุธปืนเล็กสั้น และอาวุธปืนพก ของบริษัท WMI ที่ได้มีการส่งมอบอาวุธปืนเล็กสั้น ขนาด 7.62 มิลลิเมตร รุ่น MI-47 จำนวน  200 กระบอก และอาวุธปืนพก ขนาด 9 มิลลิเมตร รุ่น MI-9 จำนวน 30 กระบอก โดยอาวุธปืนทั้งสองแบบได้รับ การออกแบบให้มีความแม่นยำและคล่องแคล่วในการใช้งาน อีกทั้งยังมีความแข็งแรงและมีความทนทานเป็นอย่างดี ความสำเร็จของบริษัท TDI และ WMI 

นับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ไปสู่การขับเคลื่อนเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพื่อการพึ่งพาตนเอง การผลิตและจำหน่ายที่เป็นรูปธรรม

‘ดร.ธรณ์’ แชร์ภาพ ‘เกาะร้องไห้’ ห้อมล้อมด้วยปะการังฟอกขาว หายนะจาก ‘ทะเลเดือด’ ที่ขยายวงกว้างสู่ ‘อ่าวไทย-อันดามัน’

(27 พ.ค.67) ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“วันนี้จะแนะนำ #เกาะร้องไห้ ให้เพื่อนธรณ์รู้จัก ไม่ใช่เกาะร้องไห้เองได้ แต่เป็นเกาะที่ใครเห็นก็อยากร้องไห้ เพราะรอบเกาะเต็มไปด้วยความตายสีขาว

ขาวตั้งแต่ที่ตื้น น้ำลึกแค่เอว เรื่อยไปจนถึงน้ำมิดหัว ลงไปลึก 3-4 วา ก็ยังเห็นเป็นสีขาว นั่นคือสีของปะการังที่กำลังตายในยุคทะเลเดือด ปะการังแทบทุกชนิด แทบทุกก้อนที่ดำน้ำดู ตอนนี้เป็นสีขาว มีบ้างที่ไม่ขาวแล้ว กลายเป็นสีน้ำตาลคล้ำหรือสีเขียวขุ่น ไม่ใช่เธอฟื้น แต่เธอตายสนิท จนสาหร่ายเกาะหรือตะกอนทับถม การสำรวจเกาะร้องไห้ นักวิทยาศาสตร์ต้องกล้าพอเจอกับความตายถี่ ๆ ๆ

ลองมองดูภาพอีกที ขนาดจากฟ้ายังขาวเพียงนี้ ในน้ำจะแค่ไหน NOAA คาดการณ์ว่า ตั้งแต่วันนี้ต่อไปอีก 3-4 สัปดาห์ จะเป็นช่วงปะการังฟอกขาวโหดสุดของทะเลไทย หากเทียบกับ 8 ปีก่อน ในบางพื้นที่ หนนี้โหดกว่า เกาะร้องไห้แบบนี้ไม่ได้มีแห่งเดียว แต่มีเพียบเลย ภาคตะวันออก เรื่อยไปถึงชุมพร สุราษฎร์ธานี ยาวไปถึงสงขลา เกาะที่อยู่ใกล้ฝั่งเกือบทั้งหมดกำลังร้องไห้ ข้ามไปอันดามัน ตรัง กระบี่ สตูล หลายเกาะชายฝั่งเจอฟอกขาวรุนแรง และอาจมีแรงกว่าติดตามมา ช่วงนี้ผมอยู่กับแนน ผู้เชี่ยวชาญปะการังฟอกขาวของกรมทะเล และผู้จัดทำแพลตฟอร์มของไทย เราเพิ่งขึ้นจากน้ำ เรามองหน้ากัน เราก็แค่กลั้นน้ำตาและพยายามต่อไป

โลกร้อนเพราะมนุษย์ เพราะก๊าซเรือนกระจกจริงหรือไม่ ?

ผมตอบคำถามนี้มากว่า 30 ปีแล้ว ผมไม่ตอบแล้ว ใครอยากเชื่ออย่างไรก็ตามสบาย แต่ผมตอบได้ว่า ตั้งแต่ทำงานมา ผมไม่เคยเห็นเกาะแล้วอยากร้องไห้เหมือนที่เห็นในวันนี้ และคงไม่มีวันหน้าที่ผมอยากจะร้องไห้หนักกว่านี้ เพราะวันหน้า พวกเธอคงตายหมดแล้ว ไม่ต้องร้องแล้ว…ใช่ไหมธรณ์

‘กสทช.’ แจง!! 27 พ.ค.นี้ ยังใช้ ‘Mobile Banking’ ได้ตามปกติ แม้ชื่อไม่ตรงกับซิมการ์ด พร้อมจ่อนัดถกผู้ให้บริการโทรศัพท์เร็วๆ นี้

เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.67) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ชี้แจงกรณีข่าวการตรวจสอบคัดกรองเบอร์โมบายแบงก์กิ้ง(ซิมการ์ด) ที่ผูกกับบัญชีธนาคารต้องตรงกันนั้น ขณะนี้เป็นขั้นตอนอยู่ในระหว่างดำเนินการ โดยในวันที่ 27 พ.ค.2567 โมบายแบงก์กิ้งยังใช้งานได้ตามปกติ

นโยบายดังกล่าวเป็นการขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคาร ให้สำนักงาน กสทช.เป็นตัวกลางในการประสานงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหามิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการทำธุรกรรมออนไลน์

ตามขั้นตอนธนาคารจะเป็นผู้รวบรวมบัญชี พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้งแล้วส่งให้ ปปง. จากนั้น ปปง.จะรับข้อมูลส่งต่อให้กับสำนักงาน กสทช. เพื่อให้สำนักงาน กสทช.แยกเครือข่ายก่อนประสานไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ยืนยันอีกครั้งแล้วส่งกลับ

ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าว สำนักงาน กสทช.ได้รับการยืนยันจาก ปปง.ว่า หากมีเหตุผลเพียงพอ สามารถอธิบายความจำเป็นในการใช้งานได้ จะเป็นดุลพินิจของธนาคารให้การพิจารณายกเว้น เช่น การเปิดโมบายแบงก์กิ้งให้กับบุตรหลานที่เป็นเด็ก หรือเยาวชน หรือบิดามารดาผู้สูงวัย เบอร์องค์กรที่แสดงตัวตนได้ชัดเจน เป็นต้น

และในเร็ว ๆ นี้ สำนักงาน กสทช.จะประชุมหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ต้องเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองให้ตรงกับโมบายแบงก์กิ้งไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินจำเป็น โดยให้มีรายการส่งเสริมการขายที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มากที่สุด

คนอเมริกันเกือบ 30 % มองเรียนจบ ‘ไม่คุ้มค่าครองชีพ’ ชี้!! ค่าเล่าเรียนสูง ทำให้ลังเล ที่จะเรียนต่อ ในระดับปริญญาตรี

(26 พ.ค.67) ผลสำรวจล่าสุดโดยศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ของสหรัฐ ระบุว่า ชาวอเมริกันเกือบ 30% มองว่า วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ‘ไม่คุ้มค่า’ ชี้ให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อมุมมองที่มีต่อการศึกษาระดับอุดมศึกษาของสหรัฐในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา

ประชากรวัยผู้ใหญ่ของสหรัฐฯ เกือบ 50% ในผลสำรวจมองว่า การเรียนปริญญาตรีนั้นคุ้มค่า แต่เฉพาะในกรณีที่ไม่จำเป็นต้องกู้เงินเรียนเท่านั้น ขณะที่มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 22% ที่ระบุว่า การเรียนปริญญาตรีคุ้มค่าแม้จะต้องเป็นหนี้จากการศึกษาก็ตาม

ผลสำรวจระบุว่า 4 ใน 10 ของชาวสหรัฐกล่าวว่า การเรียนปริญญาตรี 4 ปี ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้นหรือไม่สำคัญเลยในการที่จะมีงานรายได้ดี เมื่อเทียบกับเพียง 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่ระบุว่า การเรียนปริญญาตรีสำคัญมากหรือสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีงานรายได้ดี

ผลสำรวจดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ค่าเล่าเรียนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ การชำระคืนเงินกู้ยืมของนักศึกษาชาวสหรัฐหลายล้านคนหวนคืนมาอีกครั้ง และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจบางอย่างของมหาวิทยาลัยลดลง โดยรวมแล้วแนวโน้มเหล่านี้ทำให้นักศึกษาและผู้ปกครองเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากมากขึ้นเกี่ยวกับการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา

แบรด โคเฮน คุณพ่อลูกสอง ซึ่งทำอาชีพเจ้าหน้าที่สินเชื่ออาวุโสของ First Heritage Mortgage และเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ได้เปลี่ยนไปในทางที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียนปริญญาตรี 4 ปี เนื่องจากค่าเล่าเรียนสูงขึ้น

ทั้งนี้ รายงานล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันยังมองว่าการศึกษาเป็นเส้นทางสู่สถานะทางการเงินที่ดีขึ้น และคนส่วนใหญ่ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ยังคงมองว่าคุ้มค่า

‘ฮอนด้าแจ๊ส’ ซิ่ง เบียด ‘มิตซูบิชิ’ เสียหลัก ลอยตกสะพาน  สภาพ!! ‘รถพังยับ’ คบขับเจ็บ เสียหายหนัก ล้อกระจาย

(26 พ.ค.67) อุบัติเหตุ  บนถนนนครอินทร์ ขาออก มุ่งหน้ากาญจนาภิเษก เชิงทางลงสะพานข้ามวงเวียนพระราม 5 เกิดอุบัติเหตุส่งผลให้รถนั่งส่วนบุคคลฮอนด้าแจ๊ส สีบรอนซ์เงิน เสียหลักตกลงไปด้านล่าง

ในช่องทางคู่ขนาน คนขับวัย 21 ปีได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการจราจรในช่วงเกิดเหตุติดขัดมาก กระทบเข้าไปทางฝั่งถนนราชพฤกษ์ ขาออก จะมาเลี้ยวซ้ายที่วงเวียนนครอินทร์ ผ่านจุดเกิดเหตุติดหนักมาก ท้ายแถวสะสมยาวไปจนถึงหน้าโฮมโปร ราชพฤกษ์

ต่อมาเพจ FM91 Trafficpro  ได้โพสต์คลิปวิดีโอจากล้องหน้ารถซึ่งเป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ โดยพบว่าฮอนด้าแจ๊ส ได้ขับมาด้วยความเร็วจากนั้นพยามจะแทรกกลางเลน แต่เกิดเสียหลักเฉี่ยวชนรถนั่งส่วนบุคคลมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และเสียหลัก เบียดกับฮอนด้าแจ๊ส ตกไปยังถนนด้านล่าง และได้รับความเสียหาย

แชร์สนั่นโซเชียล ‘ชายใจดี’ ก้มผูกเชือกรองเท้าให้ ‘คนตาบอด’ ชี้!! คนไทยมีการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี มีน้ำใจให้ทุกคน 

(26 พ.ค.67) ทำเอาชาวเน็ตไทยถึงกับปลื้มไปตามๆ กันอยู่ในขณะนี้ หลังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ออกมาเผยความรู้สึกประทับใจคนไทยเป็นอย่างมาก จนต้องถ่ายคลิปเหตุการณ์ที่เธอเห็นว่า ‘ถ้ามีคนถามว่าทำไมถึงชอบเมืองไทย นี่แหละคือคำตอบ’ โดยได้แชร์ไปให้โลกออนไลน์รู้

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก@Laigene Garcia ได้เผยคลิป Reels บนเฟซบุ๊ก ขณะที่เธอเจอเหตุการณ์บนรถไฟฟ้า ขณะที่ผู้พิการทางสายตา กำลังยืนจับราวอยู่ ได้มีชายใจดี ก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้เธอ หลังจากนั้นก็ยังมีคุณพยาบาลสาว ได้เข้ามาพาเธอไปนั่งยังที่นั่งพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตมาแชร์ต่อ พร้อมขอบคุณที่ทำให้ยิ้มได้ เป็นเรื่องราวดีๆ ที่แม้คนไทยเห็นก็ยังใจฟู ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายๆ คนที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย ก็ต่างบอกเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้ชื่นชอบเมืองไทยอีกด้วย

‘แนท ไทยพัน’ รังสรรค์เมนู ‘เมี่ยงคำ’ ทำกรรมการทึ่ง ชม!! รสชาติลงตัวมาก  ชี้!! นี่คือเมนูสุดว้าว ทำอาหารไทยด้วยสมุนไพร ให้อร่อยมีชีวิตชีวา

(26 พ.ค.67) ทำถึงอีกครั้ง สำหรับสาวไทย แนท ไทยพัน ผู้เข้าแข่งขันรายการทำอาหารชื่อดังอย่างมาสเตอร์เชฟ ออสเตรเลีย โดยก่อนหน้านี้เธอได้รังสรรค์เมนูสุดว้าว นั่นก็คือ ลาบจิงโจ้ ที่ได้เสียงชมจากกรรมการอย่างล้นหลาม และแรงเชียร์จากผู้ชมทางบ้านด้วย

ล่าสุดทางเฟซบุ๊กของรายการได้เผยแพร่เมนูของแนทอีกครั้ง ซึ่งเป็นเมี่ยงคำ อาหารว่างสมุนไพรของประเทศไทย เธออธิบายจานนี้ให้กรรมการว่า ‘เมนูนี้คือ เมี่ยงคำ เป็นใบพลูไทยห่อด้วยสมุนไพรหลายชนิด’

โดยเมี่ยงคำมี 5 ชิ้น ประกอบด้วยพริกสดพันรอบฐานเมี่ยงคำ และสมุนไพรหลายชนิดที่ถูกห่อเข้าไป รวมถึงตกแต่งจานด้วยหินขนาดเล็กสีดำเพื่อให้อาหารดูมีชีวิตชีวา

หนึ่งในกรรมการกล่าวว่า ในตอนแรกที่ทานเหมือนขาดรสชาติบางอย่างไป แต่ตอนนี้รสชาติมันกลับมาแล้ว

กรรมการอีกคนกล่าวว่า สำหรับฉันมันเหมือนประทัดขนาดเล็ก รู้จักไหม เหมือนขนมปังกรอบขนาดเล็กที่มีไฟ แบบนั้นแหละ (หัวเราะ) มีพลังทำลายล้างสูงมาก และมันน่าทึ่งมาก

เครือ MASTER จัดงาน Job Fair สุดปัง รับ Pride Month MASTER Job Fair: LGBTQ+ Friends 2024 เปิดพื้นที่สร้างโอกาสในการทำงานอย่างเท่าเทียม

คุณดาว  ลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของไทยและเอเชีย นำทัพจัดเต็ม งาน MASTER Job Fair: LGBTQ+ Friends 2024 เปิดรับสมัครงาน 150 อัตรา 80 ตำแหน่ง จาก บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ MASTER นับเป็นครั้งแรกของไทยกับการสร้างโอกาสในการทำงานอย่างเท่าเทียม แบบไม่ระบุเพศ พร้อมยินดีต้อนรับผู้สมัคร LGBTQ+ ทุกตำแหน่งงาน ร่วมเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาล Pride Month

“ในช่วง Pride Month มักคู่กับกิจกรรมร่วมเดินขบวนรณรงค์แสดงจุดยืนและเฉลิมฉลองในเดือนแห่งความหลากหลายและความเท่าเทียม ซึ่ง MASTER เองก็เข้าร่วมต่อเนื่องมา 2 ปี นอกจากนั้นเราต้องการสร้างโอกาสและคุณค่าผ่านกิจกรรมในงาน MASTER Job Fair: LGBTQ+ Friends 2024 จึงเกิดขึ้นค่ะ

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา บุคลากรทุกเพศ ทุกวัย ในทุกตำแหน่ง ล้วนมีส่วนร่วมในการเติบโต ของ บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ บุคลากร LGBTQ+ มีทักษะ ความสามารถ ไม่ต่างจากพนักงานหญิงชาย ทุกคนที่ทำงานกับ MASTER ล้วนมีศักยภาพ รวมถึงมีใจรักในการให้บริการและเสน่ห์เหลือล้น”

จากเป้าหมายก้าวสู่การเป็น Specialty Hospital ของ รพ.มาสเตอร์พีช และการขยายศักยภาพทางธุรกิจร่วมกับพันธมิตร กลุ่ม MASTER จึงจัดงานแฟร์เปิดโอกาสในการรับบุคลากรเข้าร่วมงานในเครือ ร่วมด้วย S45 Clinic, Dr Chen Surgery International Hospital, Rattinan Medical Center, Kin Corporation และ WIND Clinic รวมถึงพันธมิตรด้านสุขภาพทางจิตใจ Me Center เข้าร่วมให้สัมภาษณ์ในงานดังกล่าว เพื่อเสริมความเข้าใจต่อสังคมในเรื่อง LGBTQ+ ท่ามกลางความหลากหลายในโลก มีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในโลกของการทำงาน

สำหรับพันธมิตรของ MASTER อย่าง Me Center ศูนย์ดูแลสุขภาพจิตใจครบวงจรมาร่วมให้ความรู้ใน งานแฟร์ MASTER Job Fair: LGBTQ+ Friends 2024 ในมุมสุขภาพจิต เพื่อเพิ่มเติมความเข้าใจต่อเพศสภาพและจิตใจ ของ LGBTQ+ ที่ส่งผลต่อการทำงานและอยู่ร่วมกันในสังคม

“เมื่อก่อน LGBTQ+ ที่เคยถูกเรียกกันในชื่อต่างๆนั้น ในอดีตถูกแบ่งแยกด้วยความแตกต่างและมีการจำกัดคุณค่าคนด้วยรสนิยมทางเพศ อย่างเช่นถ้าผู้ชายไม่ชอบกับผู้หญิง เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ หรือบางยุค บางสังคมมองว่ามันเป็นเรื่องผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย หรือเป็นการเจ็บป่วยเสียอย่างนั้น
“ในปัจจุบันเพศกำเนิดที่เกิดมาพร้อมโครโมโซม XX และ XY กับเรื่องรสนิยมทางเพศจะเป็นคนละเรื่องกัน เพราะฉะนั้นเรื่องของเพศจึงมีความหลากหลาย ปัจจุบันทั้งในทางการแพทย์และจิตวิทยา รสนิยมทางเพศที่แตกต่างหลากหลายนั้น ไม่ได้มีความผิดปกติ ผิดธรรมชาติแต่ประการใด เพราะธรรมชาติสร้างให้มนุษย์สามารถเลือกรสนิยมทางเพศ และความชื่นชอบทางเพศที่มีความหลากหลายได้อยู่แล้ว ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ได้เป็นตัวแปรที่ลดความสามารถในการทำงาน ไม่ได้เป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดปัญหาทางศีลธรรม หรือกฎหมาย ตลอดจนการดำรงชีวิตของประชากรคนหนึ่ง

“ในฟากของตัวตนของผู้เป็น LGBTQ+ เอง จำเป็นต้องเชื่อมั่น และมีความเคารพในตัวเอง เรียนรู้ที่เข้าใจว่าการที่เรามีความหลากหลายทางเพศไม่ใช่เรื่องผิด คนรอบข้าง ครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงานก็เช่นกัน ทุกคนควรให้เกียรติตัวเอง ให้เกียรติคนอื่น สังคมถึงจะน่าอยู่ การเหยียดหยาม กดขี่ ทำไม่ดีกับผู้อื่น เป็นสิ่งที่น่าละอาย กลับเป็นพฤติกรรมที่น่าต่อต้านมากกว่าเรื่องของคนชอบเพศอะไร รสนิยมแบบไหนเสียอีก” นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ โฆษกกรมสุขภาพจิต ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ Me Center  กล่าว

“บรรทัดฐานของสังคมในวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิม การยอมรับในความแตกต่างหลากหลายได้รับการยกระดับ ฉะนั้นผู้ที่เจริญแล้วจะหันมาจดจ่อและให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ มากกว่า เช่น เรื่องของทักษะ ความสามารถในการทำงาน การใช้ชีวิต หรือสิ่งต่างๆ ที่เขาสามารถทำให้สังคมได้
“สังคมเราแบ่งแยกกันมากมายหลายเรื่องแล้วครับ และทุกวันนี้เราอยู่กันแบบผสมกลมกลืนกันได้ จะเห็นได้จากสินค้าต่างๆปัจจุบันถูกออกแบบในรูปแบบ Unisex กันอย่างแพร่หลาย ตัวอย่างเช่น กลิ่นน้ำหอม สีชมพูก็ไม่ใช่สีของผู้หญิงเพศเดียว เสื้อผ้า กระเป๋า ฯลฯ ฉะนั้นบรรทัดฐานในอดีตไม่ใช่ประเด็น สาระสำคัญคือ

เราสร้าง Productivity หรือไม่ เราทำงานออกมาได้ผลสำเร็จตามคาดหรือไม่ สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศแต่อย่างใด” คุณเอกลักษณ์ วงศ์อภัยผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายจิตวิทยาคลินิก Me Center  เพิ่มเติม

สำหรับเป้าหมายและความคาดหวังของ MASTER และพันธมิตรทางธุรกิจ ต่อการคัดสรรผู้สมัครเข้าร่วมทำงาน ยึดการพิจารณาตามกฎ กติกาของฝ่าย Talent Acquisition และ Human Resource ตามคุณสมบัติของแต่ละตำแหน่งงาน และนัดสัมภาษณ์ต่อไปตามลำดับ โดยสาระสำคัญของงานแฟร์ครั้งนี้ คือการได้คนคุณภาพมาร่วมงานกับ MASTER และพันธมิตร

“สิ่งที่มาสเตอร์รณรงค์ส่งเสริมการแสดงออกถึงคุณค่าของความเท่าเทียมในโอกาสนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุดก็คือ “การที่ได้คุณมาร่วมงานกับเรา” และบริษัทในเครือ MASTER ที่ร่วมเปิดรับตำแหน่งงาน โดยก้าวข้ามเรื่องรสนิยม เพศสภาพ หรือมุมมองและการตัดสินที่จะแยกเราและคุณออกจากกันค่ะ” คุณดาว ลภัสรดา เลิศภานุโรจ CEO ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ กล่าวปิดท้าย
 

หนุ่มหน้าเหมือน ‘จอห์น วิค’ โผล่ล้างจานริมทาง แฟนคลับขอถ่ายรูปแน่น เจ้าของร้านเปิดใจ เป็นคนอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ไม่สามารถพูดไทยได้

(26 พ.ค.67) คุณมาร์ค เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ย่านประชาชื่น เผยหลังจากเจอชาวต่างชาติหน้าหน้าเหมือน จอห์น วิค หรือดาราดัง คีอานู รีฟส์ เดินผ่านหน้าร้าน พร้อมใจดีมาช่วยล้างจาน

โดยกล่าวว่า ตนกำลังเก็บร้านอยู่ ซึ่งในจังหวะนั้นเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนหน้าเหมือนจอห์น วิค ใส่สูทสีดำ เดินผ่านหน้าร้าน ตอนนั้นทั้งตนและน้องพนักงานก็ตกใจมาก เพราะเขาเหมือนจอห์น วิค หรือคีอานู รีฟส์ ดาราฮอลลีวูดมากๆ ทั้งความสูง ใบหน้าและการแต่งกาย ซึ่งตนตื่นเต้นมาก เพราะเคยเห็นเขาแต่ในโลกออนไลน์ ไม่คิดว่าจะมาเจอคนหน้าเหมือนจอห์น วิค แบบนี้

เมื่อภรรยาของคนหน้าเหมือนจอห์น วิค เห็นว่าผมกับน้องน้องตื่นเต้น และขอเดินไปถ่ายรูป ภรรยาของเขาเลยให้จอห์น วิคไปช่วยตนล้างจาน ซึ่งเขาก็อัธยาศัยดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนที่จะถอดสูท แล้วก็มานั่งล้างจานด้วยกันด้วยกัน

คุณมาร์ค กล่าวว่า ตนการันตีได้ว่าคนที่เห็นนั้น เป็นคนหน้าเหมือนจอห์น วิค แต่ไม่ใช่จอห์น วิคแน่นอน ซึ่งพี่คนนี้มีภรรยาเป็นคนไทย แต่ไม่สามารถพูดไทยได้ โดยตนไม่ได้ถามข้อมูลอะไรมาก เพราะมัวแต่ตื่นเต้นอยู่

‘วราวุธ’ ทดลองนั่งวีลแชร์ขึ้นเครื่องบิน เพื่อสัมผัสความรู้สึกของ ‘คนพิการ’ ลั่น!! พร้อมเสริม อารยสถาปัตย์ วอนผู้โดยสารทั่วไป ‘เข้าใจ-เห็นใจ’ เพื่อนร่วมทาง

(26 พ.ค.67) ที่จ.ร้อยเอ็ด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ทดลองนั่งรถวีลแชร์เพื่อทำความเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกอย่างแท้จริงของคนพิการที่ใช้บริการสายการบินและสนามบิน พร้อมได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มคนพิการจังหวัดร้อยเอ็ดที่สนามบินจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งนี้กลุ่มคนพิการฯ ได้เสนอแนะขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพิ่มอารยสถาปัตย์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนพิการภายในสนามบิน อาทิ ที่จอดรถ และการอำนวยความสะดวกคนพิการที่ใช้รถวีลแชร์ในการใช้บริการสายการบินและสนามบิน 

นายวราวุธ กล่าวว่า ตนมีความเห็นใจคนพิการถึงความยากลำบากในการเดินทาง แต่ขณะเดียวกัน ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ซึ่งการทดลองนั่งรถวีลแชร์ในครั้งนี้เพื่อที่ตนและกระทรวง พม. จะได้หาจุดตรงกลางที่พอรับได้ของทุกฝ่ายระหว่างคนพิการ สายการบิน และสนามบิน จึงได้กำชับนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. และนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยตนรับฟังทุกข้อเสนอแนะที่กระทรวง พม. จะนำไปปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในการอำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการในการเดินทางด้วยเครื่องบิน 

นายวราวุธ กล่าวว่า จากการที่ตนเดินทางมาลงพื้นที่นั้น ได้เห็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการในส่วนของสายการบินและสนามบินเป็นอย่างไร จึงทำให้ตนอยากรู้ด้วยตัวเองว่าหากเป็นคนพิการมาใช้บริการจะเป็นอย่างไร จึงอยากรู้และเข้าใจถึงการอำนวยความสะดวกที่แท้จริงให้กับคนพิการว่า มีทางลาด มีบันไดขึ้นเครื่องบินอำนวยความสะดวกอย่างไร และที่สำคัญคือหัวใจของคนพิการ เวลาเดินทางนั้น มีความยากลำบาก มีอุปสรรคอย่างไรทำให้อยากรู้ว่า การขึ้นแลมป์ ทางลาดในการขึ้นเครื่องบินจะยากง่ายอย่างไร  ความลาดชันเป็นอย่างไรเพื่อนำมาเป็นกำลังใจให้กับสายการบินและสนามบิน

"ผมมาทดลองในวันนี้ อยากรู้ว่าพี่น้องคนพิการใช้รถวีลแชร์ขึ้นเครื่องบินจะยากลำบากแค่ไหน แต่ขณะเดียวกันเราต้องเข้าใจสายการบินและสนามบินด้วย กระทรวง พม. จะได้ดูว่ามีปัญหาอุปสรรคใดที่เราจะช่วยกันแก้ไข เพื่อให้มาพบเจอกันคนละครึ่งทางและลงตัว และวันนี้ได้ความรู้หลายอย่าง และเราจะกลับไปแก้ปัญหาให้กับพี่น้องคนพิการ ซึ่งจะทำให้สายการบินและสนามบินไม่ลำบาก และผมขอให้ผู้โดยสารคนปกติทั่วไปได้เข้าใจและเห็นใจถึงความยากลำบากของคนพิการที่อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าปกติ ในฐานะเพื่อนร่วมทางด้วย" นายวราวุธ กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top