Friday, 3 May 2024
TODAY SPECIAL

8 ตุลาคม วันคล้ายวันประสูติ ‘พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์’ ทรงพระเจริญ

ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหารและพนักงาน สำนักข่าวออนไลน์ The States Times

8 ตุลาคม พ.ศ. 2525 วันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี กับวีระยุทธ ดิษยะศริน เป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเป็นพระภาคิไนยในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระประวัติ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ หรือพระนามลำลองว่า พระองค์หริภา ประสูติเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2525 ณ พระตำหนักใหม่ สวนจิตรลดา เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี กับนาวาอากาศเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน มีพระขนิษฐาหนึ่งพระองค์ คือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ย้อนเหตุการณ์สลายม็อบพันธมิตรฯ ความรุนแรงที่นำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิต

ย้อนอดีต 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย กับเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุม มีผู้บาดเจ็บ 443 คน เสียชีวิต 2 คน

ในช่วงปี 2551 ในสมัยพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล เกิดการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเคลื่อนขบวนแบบดาวกระจาย การปิดกั้นเส้นทางโดยรอบทำเนียบรัฐบาล หรือกระทั่งการเข้าบุกยึดทำเนียบรัฐบาล แม้จะมีความพยายามยุติการชุมนุม มีการเผชิญหน้า แต่ก็ไม่ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม

กระทั่งถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จะต้องกล่าวแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กลายเป็นวันที่เกิดการปะทะกันรุนแรงที่สุด ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ปิดล้อมโดยรอบอาคารรัฐสภา มีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อจะเปิดทางให้รัฐมนตรี และ ส.ส. ที่อยู่ในรัฐสภา สามารถเดินทางออกมาได้ หลังการแถลงนโยบายเสร็จสิ้น ซึ่งการสลายการชุมนุมในครั้งนั้น ทำให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ และเสียชีวิต เป็นที่มาของการตัดสินคดีในวันนี้

6 ตุลาคม พ.ศ.2519 เหตุการณสังหารหมู่นักศึกษา หนึ่งในวันสุดอัปยศในประวัติศาสตร์ไทย

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า เป็นวันสุดอัปยศเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลและกลุ่มฝ่ายขวาหลายกลุ่มร่วมมือกันก่อการสังหารหมู่นักศึกษาและประชาชน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

จุดเริ่มต้น สืบเนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ได้ทำให้รัฐบาลเผด็จการทหารของจอมพลถนอม กิตติขจร พ้นจากอำนาจ และต้องเดินทางออกนอกประเทศพร้อมจอมพลประภาส จารุเสถียร และพ.อ.ณรงค์ กิตติขจร

แต่นับตั้งแต่กลางปี 2518 มีสัญญาณว่าเผด็จการทหารกลุ่มเดิมกำลังวางแผนที่กลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง และในวันที่ 19 กันยายน 2519 จอมพลถนอม ที่ถูกขับไล่ออกนอกประเทศและลี้ภัยอยู่ที่สหรัฐฯ ได้เดินทางกลับประเทศไทยด้วยการบวชเป็นสามเณรเข้ามา โดยอ้างต่อสาธารณชนว่าตนจะอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ มิได้มุ่งแสวงหาอำนาจ และต้องการมาเยี่ยมบิดาที่ใกล้ถึงแก่กรรม

สามเณรถนอมออกจากสนามบินมุ่งตรงไปยังวัดบวรนิเวศวิหารเพื่อเข้ารับการอุปสมบท แต่มวลชนจำนวนมากยังไม่เชื่อว่าสามเณรถนอมปรารถนาความหลุดพ้นจริงๆ (สุดท้ายเขาก็สึกในปีต่อมา ก่อนเรียกร้องให้รัฐบาลคืนทรัพย์สินของเขาที่ถูกยึดไปด้วยข้อหาทุจริต) จึงพากันออกมาประท้วง

แต่นักกิจกรรมถูกตอบโต้กลับอย่างรุนแรง ในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2519 พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถูกฆ่าแขวนคอขณะออกไปปิดใบประกาศประท้วงการกลับมาของถนอม จากนั้นในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นักศึกษาได้แสดงละครแขวนคอเพื่อประท้วงการใช้ความรุนแรง ซึ่งเชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง และต่อต้านความพยายามใด ๆ ที่จะนำพาประเทศกลับสู่ระบบเผด็จการอีกครั้ง

วันต่อมา 'ดาวสยาม' หนังสือพิมพ์ฝ่ายขวาได้กล่าวหานักศึกษาที่แสดงละครแขวนคอว่าหมิ่นพระบรมโอรสาธิราช พร้อมด้วยข้อหาล้มสถาบันกษัตริย์ ภาพจากหนังสือพิมพ์ดาวสยาม (ซึ่งมีการถกเถียงกันว่ามีการตกแต่งภาพหรือไม่ และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับอื่นมีส่วนสมคบคิดกับดาวสยามหรือไม่) ถูกนำไปปลุกระดมให้ลูกเสือชาวบ้านและกลุ่มฝ่ายขวาอื่น ๆ เข้าปิดล้อมธรรมศาสตร์ ที่มีนักศึกษานับพันคนชุมนุมประท้วงกันอยู่

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 คือวันที่เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อกองกำลังติดอาวุธซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐอย่างตำรวจตระเวนชายแดน และลูกเสือชาวบ้านเป็นแกนนำได้ใช้กำลังเข้าทารุณกรรม และสังหารชีวิตของนักศึกษาอย่างไร้ปราณี ด้วยข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 46 ราย (บางแหล่งอ้างถึงหลักร้อยราย)

การที่กองกำลังตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งมิได้ประจำการอยู่ในกรุงเทพฯ ได้เคลื่อนพลเข้ามากวาดล้างนักศึกษาในครั้งนี้ ทางรัฐบาลของนายเสนีย์ ปราโมช ยืนยันว่ามิได้เป็นผู้ออกคำสั่ง และยังอ้างว่าเขามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการสังหารหมู่ โดยกล่าวว่า ทางรัฐบาลสั่งให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวนักศึกษาที่มีส่วนกับการแสดงละครแขวนคอเท่านั้น มิได้สั่งให้ยิงนักศึกษาแต่อย่างใด

เหตุสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น กลายเป็นข้ออ้างให้ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น ประกาศยึดอำนาจ พร้อมกล่าวประณามนักการเมือง และความไร้ประสิทธิภาพของระบอบประชาธิปไตย

5 ตุลาคม ‘วันนวัตกรรมแห่งชาติ’ เทิดพระเกียรติ ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย

วันที่ 5 ตุลาคม ของทุกปี กำหนดให้เป็นวันนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รำลึกถึงพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านนวัตกรรม

เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนินโครงการของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ และทรงได้มีพระราชดำรัสแสดงถึงความเป็นนวัตกรรมของ “โครงการแกล้งดิน” ที่ไม่มีใครทำมาก่อนและทั้งนี้ได้ทรงพระราชทานพระราชดำริให้ทำเป็นตำรา คือ “คู่มือปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดเพื่อการเกษตร” สำหรับที่จะใช้พัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวอื่น ๆ ต่อไป

4 ตุลาคม พ.ศ. 2313 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนา ‘กรุงธนบุรี’ เป็นราชธานี

วันนี้ เมื่อ 252 ปีก่อน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ มีนามว่า กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร 

หลังการเสียกรุงศรีอยุธยา ครั่งที่ 2 เมื่อปี  2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวบรวมกำลังพลและกองทัพเรือจากเมืองจันทบุรี ล่องมาตามชายฝั่งจนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา ทรงต่อสู้โจมตีค่ายโพธิ์สามต้นจนสามารถขับไล่ทหารพม่าออกจากอาณาจักรได้และสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากการยึดครองได้ ในเวลาเพียง 7 เดือน จากนั้นโปรดให้อัญเชิญพระบรมศพพระเจ้าเอกทัศมาประกอบพิธีโดยสังเขปและพระราชเพลิงพระบรมศพเรียบร้อย

จากนั้นพระองค์ได้เสด็จสำรวจความเสียหายของบ้านเมือง และประทับแรมในพระนคร ณ พระที่นั่งทรงปืน ทรงพระสุบินนิมิตว่า พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา “มาขับไล่ไม่ให้อยู่” พระเจ้าตากสินมหาราชทรงเล่าให้ขุนนางทั้งหลายฟัง แล้วดำรัสว่า

“เราคิดสังเวชเห็นว่าบ้านเมืองจะร้างรกเป็นป่า จะ มาช่วยปฏิสังขรณ์ทํานุบํารุงขึ้นให้บริบูรณ์ดีดังเก่า เมื่อเจ้าของเดิม ท่านยังหวงแหนอยู่แล้ว เราชวนกันไปสร้างเมืองธนบุรีอยู่เถิด แล้วตรัสสั่งให้เลิกกองทัพกวาดต้อนราษฎร แลสมณพราหมณาจารย์ ทั้งปวงกับทั้งโบราณขัติยวงษ์ซึ่งยังเหลืออยู่นั้น ก็เสด็จกลับลงมาตั้งอยู่ ณ เมืองธนบุรี”

เรื่องเมืองธนบุรีนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงแสดงความคิดเห็นไว้ว่า

“…ที่เจ้าตากลงมาตั้งเมืองธนบุรีเป็นราชธานี ครั้งนั้นเหมาะแก่ประโยชน์ทุกอย่าง ถ้าหากว่าสมเด็จพระอดีตมหาราชได้มาขับไล่เจ้าตากมิให้ตั้งอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา ก็ขับไล่ด้วยไมตรีจิต ตักเตือนมิให้พลาดพลั้งไปด้วยเห็นแก่เกียรติยศ

3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสบังคับสยาม ลงนามยกดินแดน ต้องเสียพื้นที่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112

วันนี้ เมื่อ 129 ปีก่อน เป็นอีกหนึ่งวันที่ลูกหลานไทยต้องจดจำ เมื่อสยามต้องกลืนเลือดทำสนธิสัญญา กับฝรั่งเศส ที่เรียกว่า “สนธิสัญญาสันติภาพ” ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง 

ในครั้งนั้น ฝรั่งเศส ได้บังคับสยามลงนามยอมรับว่าดินแดนบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงเป็นของฝรั่งเศส เพื่อแลกกับเมืองจันทรบุรีที่ฝรั่งเศสยึดไว้เป็นหลักประกัน 

โดยหลังจากการลงนามนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ทรงพยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ทั้งโดยวิธีทางการทูต การทหาร และการแสวงหาความช่วยเหลือจากมหาอำนาจอื่น จนทรงพระประชวรและทรงคิดว่าอาจสวรรคต ยิ่งไปกว่านั้นการเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ส่งผลทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสียพระราชหฤทัยอย่างสุดซึ้ง จนถึงกับน้ำพระเนตรไหล 

แต่ในที่สุดพระองค์ก็ทรงหักพระทัยได้ ทรงรับสั่งเป็นเชิงปรารภว่า "การเสียเขตแดนแต่เพียงเล็กน้อยตามชายพระราชอาณาจักรซึ่งเราเองก็ทำนุบำรุงรักษาให้เจริญเต็มที่ไม่ได้นั้น ก็เปรียบเหมือนกับเสียปลายนิ้วของเราไป ยังไกลอยู่ รักษาหัวใจกับตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน”

2 ตุลาคม ‘วันละความรุนแรงสากล’ ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ ‘มหาตมะ คานธี’ ผู้ริเริ่มปรัชญาและหลักการไม่ใช้ความรุนแรง

ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้ร่วมกันลงมติให้วันที่ 2 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันแห่งการไม่ใช้ความรุนแรงสากล เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ มหาตมะ คานธี (2 ตุลาคม 1869) ผู้ที่ริเริ่มปรัชญาและหลักการไม่ใช้ความรุนแรง 

ทั้งนี้ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้กำหนดวันนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้คนทั่วโลก ตระหนักถึงการไม่ใช้ความรุนแรง และเพื่อให้เกิดสังคมที่มีความสันติสุข มีความอดทนอดกลั้น และเข้าใจหลักการไม่ใช้ความรุนแรงอย่างลึกซึ้ง

ตามคำนิยามขององค์กรอนามัยโลก “ความรุนแรง (violence)” คือการใช้กำลังหรือพลังทางกายข่มขู่ เพื่อให้ผู้อื่นทำตามความต้องการของตัวเอง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดการบาดเจ็บ การเสียชีวิต การทำร้ายจิตใจ

และความรุนแรงนั้นสามารถเกิดได้แทบทุกที่บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ใหญ่ ๆ อย่างสงคราม หรือแม้แต่ในที่ที่น่าจะปลอดภัยที่สุด อย่างเช่น ในบ้าน หรือในครอบครัว และสิ่งที่ตามมาหลังจากความรุนแรงได้เกิดขึ้น นั่นก็คือ จะมีคนได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะทางร่างกาย หรือทางจิตใจ

ดังนั้น ในวันที่ 2 ตุลาคมของทุกปี จึงถูกกำหนดให้เป็น “วันปลอดความรุนแรงสากล” หรือ International Day of Non-Violence ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ มหาตมะ คานธี 2 ตุลาคม ค.ศ.1869 (พ.ศ. 2412)  ผู้ที่ริเริ่มปรัชญาและหลักการไม่ใช้ความรุนแรง 

โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ผู้คนไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาต่างๆ รวมถึงให้ตระหนักรู้ถึงผลเสียมากมายที่จะตามมาหลังจากที่ความรุนแรงเกิดขึ้นอีกด้วย

1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 วันคล้ายวันเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว... ทรงเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 4 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2394 และ เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 สิริรวมพระชนมายุ 64 พรรษา 

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระสุขภาพพลานามัยดียิ่งตลอดรัชสมัยของพระองค์ พระอาการป่วยและเป็นผลให้เสด็จสวรรคตเกิดจากไข้ป่าที่ทรงไปติดเชื้อมา ในช่วงเดือนที่เสด็จไปทอดพระเนตร สุริยุปราคา ที่ หว้ากอ หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯได้ 5 วันทรงประชวรไข้จับ

ตลอดระยะเวลาที่ทรงดำรงสิริราชสมบัติเป็นเวลา 18 ปี พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันใหญ่หลวง แก่อาณาประชาราษฎร์และประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์โดยสังเขป ดังนี้

ด้านการทำนุบำรุงประเทศ ... ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนขึ้นหลายสาย เช่น ถนนเจริญกรุง ถนนบำรุงเมือง เพื่อการคมนาคมภายในประเทศ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้นที่เขามหาสมณะและพระราชทานพระนามว่า พระนครคีรี

ด้านการปกครอง ... โปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งตำรวจนครบาลขึ้น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ... พร้อมกับทรงจัดตั้งศาลยุติธรรม และโปรดเกล้า ฯ ให้แก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยและเป็นสากลมากขึ้น โดยได้ทรงประกาศพระราชบัญญัติและกฎหมายต่างๆ มากถึง 500 ฉบับ
 

30 กันยายน พ.ศ. 2395 วันก่อตั้ง ‘กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย’ โรงเรียนประจำแห่งแรกของสยาม

วันนี้ เมื่อ 170 ปี ถือเป็นวันก่อตั้ง ‘กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย’ โรงเรียนมิชชันนารีชาย ที่เป็นแบบเรียนประจำแห่งแรกของสยาม

ย้อนกลับไป เมื่อปี พ.ศ. 2380 คริสตจักรเพรสไบทีเรียนในอเมริกา ได้จัดตั้งคณะกรรมการแผนกต่างประเทศขึ้น คณะกรรมการใหม่นี้ได้จัดส่งมิชชันนารีมายังประเทศสยามตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ. 2383 มิชชันนารีเพรสไบทีเรียนคนสำคัญ ได้แก่ ศาสนาจารย์สตีเฟน แมตตูน, ศาสนาจารย์ ดร. ซามูเอล อาร์. เฮาส์, ศาสนาจารย์ ดร. แดเนียล แมคกิลวารี, ศาสนาจารย์ เอส. จี. แมคฟาร์แลนด์ เป็นต้น ท่านเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการก่อตั้งคริสตจักรเพรสไบทีเรียนแห่งแรกในสยามและสภาคริสตจักรในประเทศไทยในเวลาต่อมา

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ในปีพ.ศ. 2394 สถานการณ์ของมิชชันนารีคณะอเมริกันเพรสไบทีเรียนในแดนสยามก็ดีขึ้นมาก พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เช่าที่ดินระยะยาวที่กุฎีจีน ใกล้ ๆ บริเวณวัดอรุณราชวราราม โดยเริ่มแรกในวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2395 นางแมรี่ แอล แมตตูน ได้เริ่มต้นสอนหนังสือแก่ เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ในละแวกนั้น จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2395 มิชชันนารีคณะอเมริกันเพรสไบทีเรียน โดยศาสนาจารย์ ดร.ซามูเอล เรโนลด์ เฮ้าส์ และศาสนาจารย์สตีเฟน แมตตูน ได้ก่อตั้งโรงเรียนที่ทำการสอนตามแบบสากล เพื่อให้เด็กสยามและเด็กเชื้อสายจีนมีโอกาสได้รับการศึกษาที่ทันสมัยตามแบบตะวันตก โดยตั้งชื่อโรงเรียนว่า โรงเรียนคริสเตียนบอยส์สกูลที่กุฎีจีน (กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย) และมีซินแสกีเอ็ง ก๋วยเซียน เป็นครูใหญ่

คริสเตียนบอยส์สกูลที่กุฎีจีน (กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย) ถือเป็นโรงเรียนประจำแห่งแรกในสยามและยังเป็นโรงเรียนแรกที่มีการนำระบบการศึกษาสากลมาใช้อีกด้วย

คริสเตียนบอยส์สกูลที่กุฎีจีนถือเป็นสถาบันการศึกษาแบบสากลแห่งแรกในสยาม มีอาคารและห้องเรียนเป็นหลักแหล่ง มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่ชัดเจน ซึ่งนอกจากจะเรียนหัดอ่านหัดเขียนแล้ว ยังมีวิชาคณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์สาขาต่าง ๆ และการสอนทางศาสนา นอกจากนี้มิชชันนารียังได้ริเริ่มให้มีการตรวจสุขภาพเด็กๆ ก่อนเข้าเรียน นับว่าเป็นมาตรการทางสาธารณสุขที่ก้าวหน้ามากในสมัยนั้น

ปีพ.ศ. 2400 คณะมิชชันนารีเริ่มตั้งหลักปักฐานที่สำเหร่ ได้มีการสร้างพระวิหาร โรงเรียน โรงพิมพ์ บ้านพักมิชชันนารี โกดังเก็บของ ต่อมาได้ย้ายโรงเรียนจากกุฎีจีนมายังสำเหร่ใช้ชื่อว่า "สำเหร่บอยส์สกูล" ที่โรงเรียนแห่งนี้มีขุนนางผู้ใหญ่จนถึงพระเจ้าแผ่นดินให้ความร่วมมือสนับสนุน ส่งเด็ก ๆ มาเล่าเรียนหนังสือ ซึ่งมีทั้งเจ้านาย 2 พระองค์ ซึ่งเป็นพระราชนัดดาของรัชกาลที่ 4 และพระราชนัดดาของรัชกาลที่ 3 บุตรชายของอัครมหาเสนาบดี บุตรชายของพวกมหาดเล็กมาเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนที่สำเหร่ นอกจากนี้ชาวบ้านก็ส่งลูกหลานมาเรียน โดยพวกที่อยู่ไกลก็ได้เป็นนักเรียนประจำ กินนอนอยู่ที่โรงเรียน ส่วนใหญ่เด็กเหล่านี้จะตอบแทนโรงเรียนด้วยในการช่วยทำงานต่างๆ มากกว่าจะจ่ายเงินเป็นค่าเล่าเรียน ในปีพ.ศ. 2402 นายชื่นได้รับเชื่อเป็นคริสเตียนในคณะเพรสไบทีเรียนคนแรกและเป็นครูสอนภาษาไทยคนแรกของโรงเรียนที่สำเหร่ในเวลาต่อมา

29 กันยายน พ.ศ. 2540 ศาลสั่งจำคุก ‘สมพงษ์ เลือดทหาร’ ตำนานแท็กซี่ฮีโร่ ‘ผู้ลวงโลก’

วันนี้ในอดีต (29 ก.ย. 40) ศาลสั่งจำคุก ‘สมพงษ์ เลือดทหาร’ โชเฟอร์แท็กซี่ที่อ้างตัวว่าเก็บกระเป๋าเงินของนักธุรกิจต่างชาติซึ่งมีเงินกว่า 20 ล้านบาทได้แล้วนำไปคืนเจ้าของ

นายสมพงษ์ เลือดทหาร คนขับรถแท็กซี่ ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน และศาลยังพิพากษาให้คืนเงินรางวัลที่ได้รับมาจำนวนเงินประมาณ 200,500 บาทแก่ผู้เสียหาย แต่ด้วยความประพฤติที่เรียบร้อยเป็นนักโทษชั้นดี ทำให้นายสมพงษ์ ติดคุกเพียง 1 ปี 2 เดือน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2540 มีผู้อ้างตัวว่าเป็นรปภ. ประจำสนามบินดอนเมือง ชื่อ 'วิโรจน์' โทรศัพท์แจ้งมายังรายการวิทยุรายการหนึ่งว่า พบแท็กซี่ สร้างวีรกรรมน่ายกย่อง ด้วยการนำเงินสดกว่า 20 ล้านบาท พร้อมโฉนดที่ดินคืนให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบริเวณอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เจ้าหน้าที่รายการรีบประกาศตามหาตัวโชเฟอร์คนซื่อทันที และนายสมพงษ์ เลือดทหาร ได้โทรศัพท์เข้ามาในรายการแนะนำตัวและเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top