Monday, 19 May 2025
NEWS FEED

คนพื้นที่ โต้!! ดรามา 'หัวหินเงียบเหงา' อัดบางสื่อมโน ทั้งๆ ที่ นทท.เพียบ!!

เมื่อวานนี้ (26 ก.พ. 67) จากกรณี เพจ Paksabuy ได้โพสต์ในเชิงตั้งคำถาม เป็นภาพชายหาดหัวหิน ช่วงทางลงหาดสาธารณะ ตะเกียบ ซ.1 ที่ดูสวยงามน้ำทะเลใสแจ๋วแต่ปราศจากผู้คนพร้อมระบุข้อความว่า 

“เหมือนว่าหลาย ๆ โรงแรมในหัวหินกำลังประสบปัญหาเดียวกัน คือ นทท.คนไทยน้อยลงไปประมาณหนึ่ง ลุงเลยอยากจะถามว่าทำไมเพื่อนๆ ถึงมาเที่ยวหัวหินกันน้อยลงไปฮะ

1. เบื่อรถติดพระรามสอง
2. โรงแรมหัวหิน แอบราคาสูงไปนะ
3. ยังไม่ใช่ช่วงไป จะไปช่วงปิดเทอม รอโปรฯ อยู่
4. ไปประเทศเพื่อนบ้านรู้สึกคุ้มกว่า ยกตัวอย่าง ฮ่องกง มาเก๊า เวียดนาม ฯลฯ
5. เศรษฐกิจไม่ดี จะกินจะใช้อาจต้องคิดมากกว่าเมื่อก่อน
6. อื่น ๆ ”

ทั้งนี้หลังภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์มากมายจนกลายเป็นไวรัลบนโลกโซเชียล ซึ่ง ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าที่คนมาเที่ยวหัวหินน้อยลง เป็นเพราะเบื่อรถติดที่ถนนพระราม 2 และมักมีข่าวมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งขณะเดินทางผ่านถนนพระรามสอง

>> หัวหินไม่เงียบเหงา คนพื้นที่อัดบางสื่อมโน

หลังจากนั้นได้มีสื่อบางสำนักนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่โดยระบุว่า “หัวหินเงียบเหงา เพราะคนเบื่อรถติดถนนพระราม 2” อันเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงของโพสต์ต้นทาง ซึ่งภายหลังเกิดเป็นกระแส แอดมินเพจ Paksabuy ได้ออกมาชี้แจงว่า…

“ตื่นมาพร้อมกับที่ ข่าวที่ไปออกทีวีล่ะ อืม ยังดีที่เขาเปิดโพสต์นะ มันจะได้ไม่เพี้ยน เราไม่เคยบอกว่า หัวหินเงียบเหงาเลยเราบอกแค่ว่า “คนไทยมาเที่ยวหัวหินน้อยลง เพราะอะไร”

ขณะที่คนหัวหินและนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวหัวหินในช่วงหยุดยาวมาฆบูชา ต่างออกมาโต้และให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่า “หัวหินไม่ได้เงียบเหงา” ยังมีนักท่องเที่ยวเยอะเหมือนเดิม จนมีรถติดในบางพื้นที่ของเมือง นอกจากนี้ยังมีชาวหัวหินบางคนตำหนิการกระทำของสื่อบางสำนัก ดังเช่น ผู้ใช้เฟซบุ๊ก บัญชีรายชื่อ คนบ้า หัวหิน ที่โพสต์ว่า…

“#ควรหรือไม่ กับการลงข่าว แบบไม่สร้างสรรค์และไม่ส่งเสริมการท่องเที่ยว จิตสำนึกควรมีให้สมกับคำว่า ‘นักข่าว’ #ขอเถอะครับ อย่าลงข่าวทำร้ายหัวหิน #บ้านเกิดผมเลย”

โพสต์นี้นอกจากจะมีคนเข้ามาแสดงความเห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์แล้ว ยังตำหนิสื่อมวลชนบางสำนักที่นำเสนอข่าวนี้ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง อาทิ

- สักเเต่พาดหัวข่าวให้คนสนใจ โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลย
- เมื่อวานรถเยอะมากค่ะ คนสั่งอาหาร ที่ร้านก็เยอะ นะคะ ไม่เงียบค่ะ
- ไม่เงียบนะ เมื่อวานคึกคักมากค่ะ
- สำนักข่าวเจ้านี้ขึ้นชื่อว่าโคตรมั่วเลย
- นักข่าวมันไม่เคยมาเที่ยวหัวหินพี่มันเลยเขียนข่าวแบบนี้ สงสัยไม่มีข่าวทำมาหากินแล้วมั้งเอาข่าวมาเขียนมั่วสั่ว
- นั่งเทียนฟังข่าวแล้วเชื่อโดยไม่ไปดูให้เห็นกับตา แล้วก็เล่าเติมเสริมแต่งนู้นนี้ หัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยว ประชาชนไปเที่ยวน้อยบ้าง มากบ้าง ปรกติ... คำว่าเงียบมาก เป็นคำพูดของคน ไม่เคยมาหัวหิน แล้วมโนตามภาพเอง อย่าหาทำเลยครับ
- เดี๋ยวนี้หลายสำนักข่าวไม่มีจรรยาบรรณในการนำเสนอ มีแต่ปั่นข่าวขายครับ
- นักท่องเที่ยวมากมาย ทุกวันด้วย ที่ชายหาด เขาตะเกียบ เชิญมาดู
- ทำข่าวแต่ไม่ลงสนามมาดู ทุกวันนี้ชายหาดตอนเย็นเยอะมาก
- ที่หาดหัวหินคนเยอะมากค่ะเอาข่าวอะไรมาลงไม่มีสร้างสรรค์เลยคนพวกนี้

>> หัวหินไม่เงียบเหงา หยุดยาวมาฆบูชา ยอดเข้าพักเฉลี่ย 90%

หลังเกิดดรามาผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า ‘หัวหิน’ ยังคงคึกคัก ช่วงหยุดยาวมาฆบูชา 3 วัน มียอดเข้าพักเฉลี่ย 90% มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ คาดเงินสะพัดกว่า 120 ล้านบาท

โดยนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ พบว่าหัวหินยังคงเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาพักผ่อน เนื่องจากยังคงมีความเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะชายหาด และน้ำทะเลใส รวมทั้งมีที่พัก สนามกอล์ฟ ศูนย์การค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกให้เลือกมากมาย การเดินทางจากรุงเทพฯ เพียง 200 กม. ซึ่งไม่ไกลมากนัก ส่วนใหญ่ข้อมูลของผู้ประกอบการท่องเที่ยวทราบว่าวันหยุด 3 วัน โรงแรม รีสอร์ตบางแห่งเต็ม บางแห่งไม่เต็มก็มี ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติร้อยละ 80-90% เป็นชาวยุโรป

ด้านนายอุดม ศรีมหาโชตะ เจ้าของบ้านทะเลดาวรีอสอร์ต หัวหิน ในฐานะอุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงหยุดยาวมาฆบูชา รีสอร์ตของตนห้องพักเต็ม สัดส่วนเป็นชาวต่างชาติจากแถบประเทศยุโรป ประมาณ 85-90% ต้องยอมรับว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจากยุโรปมาเที่ยวหัวหิน ชะอำค่อนข้างเยอะ ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยในช่วงวันหยุด

นายอุดม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทางประเทศแถบยุโรปมีอากาศหนาว ทำให้มีนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างชาติมาพักผ่อนที่เมืองไทยและที่หัวหิน ซึ่งในช่วงเดือนเมษายน ชาวต่างชาติจะลดลงเดินทางกลับประเทศ จะเป็นตลาดกลุ่มคนไทยในช่วงปิดเทอม โดยยืนยันว่าหัวหินไม่ได้เงียบเหงาตามที่มีกระแสข่าวในโซเชียลแต่อย่างใด

>> เร่งรัดโครงการถนนพระราม 2

หลังเกิดดรามา ‘หัวหินเงียบเหงา’ เป็นไวรัลบนโลกโซเชียล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊กบัญชีรายชื่อ เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ระบุว่า…

โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ต้องได้รับการควบคุมการก่อสร้างอย่างเข้มงวด ได้มาตรฐานและรวดเร็วครับ รัฐบาลได้ติดตามและเร่งรัดโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ล่าช้าซึ่งสร้างปัญหาให้กับผู้สัญจรไปมาและนักท่องเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการสองฝั่งถนนเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมไปถึงก่อให้เกิดมลภาวะ กระทบต่อสุขภาพพี่น้องประชาชน ถนนพระราม 2 ที่ก่อสร้างล่าช้า ซึ่งกลายเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวหัวหินกันน้อยลงนั้น ทางกระทรวงคมนาคมแจ้งว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อให้สามารถเดินทางได้สะดวกขึ้นก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ผมจะติดตามการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งจะกำกับดูแลมาตรการการจัดซื้อจัดจ้างให้เข้มงวด โดยเฉพาะมาตรการลงโทษผู้รับเหมาที่ทิ้งงานครับ”

สำหรับ ‘ถนนพระราม 2’ เป็นเส้นทางสำคัญสู่ภาคใต้ด้วยปริมาณการจราจรมากกว่า 1 แสนคันต่อวัน แต่เนื่องจากถนนเส้นนี้ มีการก่อสร้างต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน จนได้ชื่อว่าเป็น ‘ถนน 7 ชั่วโคตร’ ทั้งยังมีอุบัติเหตุใหญ่ ๆ เกิดขึ้นจากการก่อสร้างหลายครั้ง ทำให้ประชาชนมีภาพจำที่ไม่ดีต่อถนนพระราม 2 ซึ่งวันนี้กำลังดำเนินการก่อสร้าง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 หรือ M82 บนทางหลวงหมายเลข 35 ซึ่งโครงการระบุว่าจะสร้างแล้วเสร็จราวกลางปี 2567

อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่จะเดินทางจากกรุงเทพฯสู่หัวหิน วันนี้หลาย ๆ คน เลี่ยงรถติดที่พระราม 2 ด้วยการเลี่ยงไปใช้เส้นทาง ถนนเพชรเกษม นครปฐม-หัวหิน แทน

สำหรับดรามาเรื่องหัวหินเงียบเหงาที่กลายเป็นไวรัล แม้จะมีสื่อบางสำนักรายงานคลาดเคลื่อนไปจากโพสต์ต้นทาง แต่กระนั้นชาวเน็ตหลายคนกลับมองว่า เรื่องนี้มีมุมที่ดีคือ ช่วยกระตุ้นให้รัฐบาลหันมาจัดการกับถนน พระราม 2 ให้เสร็จอย่างจริงจังเสียที

สงขลา-ม.ทักษิณ เปิดศูนย์ศิลปะและชีวิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่รวบรวมผลงานสร้างสรรค์ นวัตกรรมการวิจัย คลังข้อมูลสารสนเทศของชาติด้านศิลปะและวัฒนธรรม

ที่ มหาวิทยาลัยทักษิณ โดยคณะศิลปกรรมศาสตร์ เปิดศูนย์ศิลปะและชีวิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ อาคารหอเปรมดนตรี มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สุทธิพร บุญมาก รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยทักษิณ  เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเฉพาะทางที่จัดตั้งขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริม การแลกเปลี่ยนทางศิลปะและวัฒนธรรมระหว่างกัน ของผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการผลิต ต่อยอด งานวิจัย งานสร้างสรรค์ นวัตกรรม การให้บริการวิชาการ และการพัฒนานิสิต บุคลากรร่วมกัน โดยมีผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลาเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

รองศาสตราจารย์ ดร.สุทธิพร บุญมาก รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยทักษิณ มีนโยบายและภารกิจหลักในด้านการพัฒนานวัตกรรมสังคมบนฐานศิลปะ วัฒนธรรม หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสืบสานและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นเป้าหมายของการเปิดศูนย์ศิลปะและชีวิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ Center For Southeast Asia Arts And Life ส่วนหนึ่งคือจะกลายเป็นพื้นที่กลาง เป็นศูนย์กลางของศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การศึกษา และก่อให้เกิดความร่วมมือของสถาบันทางการศึกษา สถาบันทางวัฒนธรรมทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อนโยบายของมหาวิทยาลัย ในขณะเดียวกันยังได้เชื่อมโยงเครือข่ายการมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งกับชุมชนท้องถิ่นผ่านการจัดโครงการ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และกิจกรรมของชุมชน มุ่งมั่นส่งเสริมการแลกเปลี่ยนศิลปะ วัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันทางสังคม ความซาบซึ้งต่อมรดกทางวัฒนธรรมของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ 

สร้างแรงบันดาลใจให้กับความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมความเข้าใจข้ามวัฒนธรรม และส่งเสริมการอนุรักษ์ประเพณีทางศิลปะของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเป็นศูนย์ข้อมูล สื่อและทรัพยากรดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สนใจได้ข้อมูลที่เจาะลึกเข้าไปใน ประเพณีทางศิลปะของภูมิภาคและทำความเข้าใจอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับความสำคัญทางวัฒนธรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการผลิต ต่อยอดงานวิจัย งานสร้างสรรค์ นวัตกรรม การให้บริการวิชาการ และการพัฒนานิสิต บุคลากรร่วมกันอีกทั้งเป็นการตอบสนอง นโยบายและภารกิจหลักของมหาวิทยาลัยในด้านการพัฒนานวัตกรรมสังคมบนฐานศิลปะ วัฒนธรรม หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสืบสานและการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉีองใต้และเป็นศูนย์กลางของศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การศึกษาและความร่วมมือของ สถาบันทางการศึกษา สถาบันทางวัฒนธรรม หน่วยงานเครือข่ายภาครัฐและเอกชน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ระวีวัฒน์ ไทยเจริญ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ศิลปะและชีวิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการอนุมัติจัดตั้งตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 โดยมีหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยทักษิณ ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงาน ได้แก่ งานวิเทศสัมพันธ์ สำนักงานมหาวิทยาลัยทักษิณ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ คณะศึกษาศาสตร์  สาขาวิชาทัศนศิลป์และการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาดุริยางคศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สำนักงานคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายหน่วยงานภายนอกร่วมดำเนินการ ได้แก่ สมาคมศิลปินนานาชาติภาคใต้ กลุ่มร่องลายไทย สถานกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเชียประจำจังหวัดสงขลา และสถานกงสุลใหญ่มาเลเชียประจำประเทศไทย ณ จังหวัดสงขลา 

ดังนั้นเพื่อให้หน่วยงานภายในและภายนอกได้ รับทราบแนวทางการดำเนินงานของศูนย์ศิลปะและชีวิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ฯ ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือต่าง ๆ ในอนาคตจึงกำหนดกิจกรรมการเปิดตัวศูนย์ศิลปะและชีวิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ศูนย์ศิลปะและชีวิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาคารหอเปรมคนตรี มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้ การแสดงผลงานจากโครงการวิจัย รวมถึงกิจกรรมการ workshop ด้านทัศนศิลป์โดยศิลปินนานาชาติจากหลากหลายประเทศทั่วโลก สำหรับการแสดงพิธีเปิด “Southeast Asian Arts and Life” ประกอบด้วย การแสดงวงดนตรีไทยปี่พาทย์ โดย สาขาวิชาดุริยางคศาสตร์ไทย การแสดงวงดนตรีรองเง็ง โดย สาขาวิชาดุริยางคศาสตร์ไทย การแสดงดนตรีร่วมสมัย โดย สาขาวิชาดุริยางคศาสตร์สากลและสาขาวิชาดุริยางคศาสตร์ไทย การแสดงโนรา โดย ผศ.ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงโนรา ประจำปี 2564  

สำหรับกิจกรรม Workshop ด้านทัศนศิลป์ ในวันนี้ได้รับเกียรติจากสมาคมศิลปินนานาชาติภาดใต้   จาก 21 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเชีย พิลิปปินส์ จีน เกาหลีไต้ ญี่ปุ่น มองโกเลีย บังคลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย อียิปต์ ออสเตรีย มาเซโดเนีย อังกฤษ ฝรั่งเคส สเปน อเมริกา และ ไทย มาร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์ทางด้านทัศนศิลป์ ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมระหว่างกัน 

เพื่อให้สามารถต่อยอดผลงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ได้จัดให้มีการแสดงผลงาน โดย กลุ่มวิจัยโนรา (คณะศิลปกรรมศาสตร์) กลุ่มวิจัยกริช (สถาบันทักษิณคดีศึกษาและคณะศิลปกรรมศาสตร์) และงานวิจัยดินเผา (อาจารย์ ดร.วิเชษฐ์ จันทร์คงหอมและผู้ช่วยศาสตราจารย์ดำรงค์ ชีวะสาโร คณะศิลปกรรมศาสตร์) ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชื่นชมผลงานของเหล่าศิลปินได้ที่ หอเปรมดนตรี ชั้น 1 มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา

วธ.จัดงานวันศิลปินแห่งชาติ น้อมรำลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระปฐมบรมศิลปินแห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ เชิญประชาชน-ศิลปินรุ่นใหม่เข้าชมนิทรรศการประวัติและผลงาน ๑๒ ศิลปินแห่งชาติ ระหว่าง ๒๔ ก.พ. - ๙ มี.ค. ๖๗ นี้ 

เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับและเปิดนิทรรศการแสดงประวัติ ผลงานของศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ เนื่องในวันศิลปินแห่งชาติ  โดยมี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม  นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ศิลปินแห่งชาติ ทั้ง ๓ สาขา พร้อมผู้บริหาร เข้าร่วมพิธีทำบุญและแสดงความยินดีพร้อมชมนิทรรศการ ณ อาคารอเนกประสงค์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ประธาน กล่าวว่า ศิลปินแห่งชาติถือเป็นปราชญ์แห่งแผ่นดิน เป็นผู้มีความรู้ความสามารถเป็นเลิศในศิลปะแขนงต่าง ๆ ที่ได้อุทิศตนสร้างสรรค์ ถ่ายทอดผลงานด้านศิลปะ เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายส่งเสริม สนับสนุน และสร้างขวัญกำลังใจแก่ศิลปินแห่งชาติ มาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ แล้ว ๓๕๔ ท่าน โดยนิทรรศการเผยแพร่ประวัติและผลงานศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดขึ้นในนี้ เพื่อเผยแพร่ผลงานอันทรงคุณค่าของศิลปินแห่งชาติให้เป็นที่ประจักษ์อย่างกว้างขวาง อันจะเป็นประโยชน์ และสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาเรียนรู้ และสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติ สืบไป
 
 ด้านนายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า การจัดนิทรรศการครั้งนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ผู้ทรงเป็นพระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ และเพื่อให้ประชาชนเกิดการรับรู้และให้ความสำคัญกับวันศิลปินแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนั้น ยังเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณของศิลปินแห่งชาติ ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง  

นายโกวิท กล่าวต่อว่า นิทรรศการเผยแพร่ประวัติและผลงานของศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ทั้ง ๑๒ ราย ประกอบด้วย สาขาทัศนศิลป์ ได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณพิษณุ ศุภนิมิตร (ภาพพิมพ์) นายเจตกำจร พรหมโยธี (สถาปัตยกรรมผังเมือง) นายดิเรก สิทธิการ (งานสลักดุนเครื่องเงินและโลหะ) นายฤกษ์ฤทธิ์ แก้ววิเชียร (สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์) สาขาวรรณศิลป์ ได้แก่ ศาสตราจารย์เกริก ยุ้นพันธ์  นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ สาขาศิลปะการแสดง ได้แก่ นางนพรัตน์ศุภาการ หวังในธรรม (ละครรำ)  นายสมชาย ทับพร (ดนตรีไทย - ขับร้อง)  นางราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร (หมอลำประยุกต์) นายธงไชย แมคอินไตย์ (ดนตรีไทยสากล - ขับร้อง) นายสมเถา สุจริตกุล (ดนตรีสากล - ประพันธ์เพลงร่วมสมัย) และ นายประดิษฐ  ประสาททอง (ละครร่วมสมัย)
 
ปิดท้ายงานวันศิลปินแห่งชาติ ด้วยงานเลี้ยงแสดงความยินดี ณ หอประชุมเล็ก ศวท. โดยมีการแสดงของศิลปินแห่งชาติ จำนวน ๕ ชุด ได้แก่ -การแสดงทางวัฒนธรรมโดยคณะการแสดงของ นางนพรัตน์ศุภาการ หวังในธรรม (ละครดึกดำบรรพ์ เรื่อง อิเหนา ตอนไหว้พระ, ละครดึกดำบรรพ์ เรื่อง จันทกินรี และ ระบำมยุราภิรมย์) -การแสดงบรรเลงขับร้องเพลงไทยเดิม โดยคณะการแสดงของ นายสมชาย ทับพร -การแสดงหมอลำชุด “ออนซอนศิลป์ ลำแคนแดนอีสาน” โดยคณะการแสดงของ นางราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร -การแสดงละครร่วมสมัยผสมลิเก เรื่อง  “ข้าชื่อดอนกิโฆเต้” โดยคณะการแสดงของ นายประดิษฐ ประสาททอง และการแสดงออเคสตร้า โดย นายสมเถา สุจริตกุลและวงสยาม ซินโฟนิเอตต้า 
 
ทั้งนี้ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าชมนิทรรศการเผยแพร่ประวัติและผลงานศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ณ อาคารอเนกประสงค์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ - ๙ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. เว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

‘ครูบาธรรมชัย’และ‘ซานต้า’รับรางวัลพญาครุฑนาคราชจาก6องค์กรสื่อนครราชสีมา

6 องค์กรสื่อจังหวัดนครราชสีมาได้จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติคุณและรางวัลพญาครุฑ นาคราช ให้กับบุคคลที่ทำความดี 170คน ในจำนวนนั้น  ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น จ.น่าน ได้รับการยกย่องเป็นต้นแบบ พระภิกษุสงฆ์ ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม และประเทศชาติปี 2567และนายวสุธร พันธ์ุถพาณิชย์(ซานต้า) ได้รับรางวัลพญาครุฑ นาคราชสาขาศิลปิน ดารานักแสดงผู้ทำคุณประโยชน์ให้พุทธศาสนา

นครราชสีมา- เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567  6องค์กรสื่อ ประกอบด้วย มูลนิธิสื่อคุณธรรมเพื่อสังคม สมาคมสื่อสารมวลชน สมาคมสื่อสารภูมิภาคจังหวัดชุมพร ชมรมสื่อคุณธรรม ชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดนครราชสีมาและชมรมนักข่าวหนังสื่อพิมพ์ทีวีสื่อออนไลน์ประเทศไทยได้ร่วมกัน จัดพิธีประกาศผลรางวัล พญาครุฑนาคราช ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 ที่ห้างเซ็นทรัล จ.นครราชสีมา โดยมีผู้ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลปีนี้จากหลากหลายสาขาอาชีพ จำนวน 170 คน ทั้งศิลปิน นักร้อง นักแสดง สื่อมวลชน และบุคคลสำคัญมากมาย รวมถึงพระภิกษุสงฆ์จากทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ มีพระครูสุชัยธรรมนันท์ (ครูบาธรรมชัย) เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น จ.น่าน และเจ้าสำนักสงฆ์ธรรมชัย แผ่นดินทอง คลอง 10 หนองเสือ จ.ปทุมธานี ได้รับคัดเลือก เป็นพระภิกษุสงฆ์ต้นแบบ ที่ทำคุณประโยชน์ ให้กับสังคมและประเทศชาติดีเด่น หลังเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ส่งมอบเครื่องมือแพทย์ และจัดมอบทุนทรัพย์ สร้างโรงพยาบาล ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย รวมถึงช่วยเหลือสาธารณประโยชน์อีกมากมาย ทำมานาน 20 ปี และมุ่งหวังจะทำต่อเนื่องไม่สิ้นสุด โดยมีศิษยานุศิษย์ หลั่งไหลน้อมกราบมุทิตาจิตเนืองแน่น 

นอกจากนี้ นายวสุธร พันธุ์พาณิชย์(ซานต้า) ซึ่งดารานักแสดงได้รับรางวัลด้วยในรางวัลพญาครุฑนาคราช สาขาศิลปิน ดารานักแสดง ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับพุทธศาสนาด้วย
ในการจัดงานครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 9 โดยมีนายณัฐพงศ์ อรชร นายกสื่อสารมวลชนจังหวัดนครราชสีมา ประธานจัดงาน, นางกิติวจี ฤทธิวัฒน์ ประธานชมรมสื่อคุณธรรม พร้อมด้วย ภาคีเครือข่าย จ.นครราชสีมา ร่วมกันจัดงานครั้งนี้ และได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานพร้อมด้วยพระภาวนารัตนญาณ วิ. หรือ ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ จ.เชียงรายร่วมพิธี และมอบหมายให้นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้แทนการมอบรางวัล

ในโอกาสนี้ ครูบาธรรมชัย ยังย้ำให้ประชาชน ลูกศิษย์ทุกคน สะสมทำความดีเพื่อตัวเอง เพื่อสังคม และเพื่อประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และไม่ลืมที่จะกตัญญูต่อบุพการีด้วย
ด้านนายณัฐพงศ์ กล่าวถึงการจัดงานตลอด 9 ครั้งที่ผ่านมาว่า ตนส่งเสริมให้ทำความดี และรู้จักการเป็นผู้ให้ และการแบ่งปัน มีน้ำใจจิตอาสา และทำคุณประโยชน์ต่อสาธารณชน ในการดำเนินการนั้นจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน  เป็นผู้คัดเลือกพระภิกษุสงฆ์และบุคคลทั่วไป ที่มีผลงานดีเด่นเข้ารับรางวัล

‘กู่ เทียนเล่อ’ พระเอกฮ่องกงชื่อดัง เดินทางมาไทย พร้อมไหว้พระพรหมเอราวัณ ถวายช้างทองคำ-นางรำ

(26 ก.พ. 67) เป็นอีกหนึ่งดาราขวัญใจคนไทย สำหรับ ‘กู่ เทียนเล่อ’ นักร้องและนักแสดงชาวฮ่องกง ที่เดินทางมาที่ประเทศไทยบ่อยครั้ง

ล่าสุด ‘กู่ เทียนเล่อ’ หรือ ‘หลุยส์ กู่’ มาเยือนกรุงเทพฯ อีกครั้ง และร่วมสักการะพระพรหมเอราวัณ พร้อมอธิษฐานให้สมปรารถนา โดยมีชาวเน็ตเห็นว่าได้ถวายช้างทองคำที่เขียนชื่อของเขาไว้ และยังจ้างนางรำ 8 คนด้วย

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ยังได้บอกว่า เขาโบกมือให้และทักทายแฟนๆ อย่างอบอุ่น

‘WAKO’ ร่อนจดหมายค้านแนวคิด ‘เสธ.ยอด’ ปมยกเลิก ‘คิกบอกซิง’ แล้วหนุน ‘มวยไทย’ แทน

(26 ก.พ. 67) จากการที่ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย หรือ ‘เสธ.ยอด’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ“ต้องการให้ยกเลิกคิกบอกซิงและส่งเสริมมวยไทย ใครเห็นด้วยบ้าง” เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีข้อความดังนี้

“มวยไทยเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน อยากให้ช่วยกันส่งเสริมมวยไทย เพราะเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เก่าแก่และทรงพลัง ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 700 ปี และเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

- มวยไทยเป็นกีฬาที่ส่งเสริมความแข็งแกร่ง ความคล่องตัว และความยืดหยุ่น

- มวยไทยเป็นกีฬาที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยและทุกระดับความสามารถ

- มวยไทยเป็นกีฬาที่สนุกและน่าตื่นเต้นที่จะดูและฝึกฝน

- มวยไทยเป็นกีฬาที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญ

“Kickboxing เป็นกีฬาการต่อสู้ในลักษณะการปะทะ ที่มีรูปแบบการต่อยและเตะเป็นหลัก จัดการแข่งขันบนสังเวียนโดยมีอุปกรณ์ทั่วไป เช่น นวม ฟันยาง กางเกง ไม่ใส่รองเท้าเพื่อการเตะ การเล่นกีฬาคิกบอกซิง มีจุดประสงค์เพื่อการป้องกันตัวเอง เพื่อสมรรถภาพทางกาย หรือเพื่อการแข่งขัน โดย รูปแบบที่ถือว่าเป็นกีฬาคิกบอกซิงเช่น คาราเต้มวยไทย คิกบอกซิงญี่ปุ่น ซ่านโฉ่ว และซาวัต”

“โดยกีฬา Kickboxing ถือว่าเป็นคู่แข่งของมวยไทย จึงอยากให้รัฐบาลช่วยส่งเสริมมวยไทย และยกเลิก Kickboxing ในประเทศไทย เพื่อรักษาเสน่ห์ของมวยไทย ซึ่งถือมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สำคัญ ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ใครเห็นด้วยบ้าง?”

จนมีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ไม่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวของ ‘เสธ.ยอด’ อาทิ

- “ใจแคบไปหน่อยครับ ทำใจกว้างๆ ยอมรับศิลปะการต่อสู้ของต่างชาติ ดูให้สนุกครับ”

- “มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้เป็นมรดกของชาติ แต่คิกบอกซิงเป็นการต่อสู้ที่ไม่ต้องใช้ศิลปะแน่น การต่อสู้อย่างดุดันและเข้มแข็ง เขาควรอยู่คนละส่วนกันน่าดีกว่า”

- “ส่งเสริมศิลปะมวยไทยครับ… ส่วน KickBoxing ก็เป็นการต่อสู้ที่ได้รับความนิยมมาก… ต่างมีวิถีทางเติบโต และส่งเสริมกันและกันทางอ้อม”

ล่าสุดทาง ‘รอย เบเกอร์’ ประธานสหพันธ์คิกบอกซิงโลก (WAKO) ออกแถลงการณ์ไม่สบายใจกับกรณีดังกล่าว โดยมีข้อความว่า สมาคมคิกบอกซิงโลก (WAKO) เป็นสมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เมื่อทบทวนการเรียกร้องของ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย แล้วจะเห็นได้ว่ามีความรู้เกี่ยวกับกีฬาคิกบอกซิง สาขาวิชาต่างๆ และความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่าง WAKO และสมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ที่ IOC ให้การรับรองด้วยเช่นกัน

ต้องสังเกตว่า ‘มวยไทย’ ภายใต้ IFMA และ ‘คิกบอกซิง’ ภายใต้ WAKO ได้รับการพิจารณาบรรจุเข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬาหลักอย่างเวิลด์เกมส์, เวิลด์คอมแบทเกมส์, เอเชียนอินดอร์ และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ อีกทั้ง WAKO และIFMA ยังเป็นสมาชิกของ Sport Accord คิกบอกซิงได้รับการยกย่องอย่างมากในประเทศไทย ในฐานะถิ่นกำเนิดของมวยไทย

ทาง WAKO ไม่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ในขณะที่ตนสามารถเจาะลึกความแตกต่างพื้นฐานระหว่างคิกบอกซิง และ มวยไทย เช่น เทคนิคในการต่อสู้ที่แตกต่างกันขอแนะนำว่า หากมีข้อสงสัยหรือต้องการศึกษาค้นคว้าข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับคิกบอกซิงให้เข้าไปที่ www.wako.sport/

แถลงการณ์ของ WAKO ยังระบุต่อไปว่า กีฬาที่ IOC ให้การรับรองทุกชนิด มีสิทธิพื้นฐานในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกและระดับชาติ และในความเป็นจริงข้อเรียกร้องของ พล.ต.อินทรัตน์ ทำให้สังคมกีฬาเข้าใจประเทศไทยผิดด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความไม่สามัคคี และความขัดแย้ง เรียกได้ว่าไม่เป็นมืออาชีพ WAKO อยากส่งสัญญาณไปยัง พล.ต.อินทรัตน์ ว่า ค่านิยมของกีฬาโอลิมปิกคือ การเล่นอย่างยุติธรรม ควรป้องกัน และสร้างนักกีฬาให้ปลอดจากสารกระตุ้น เพื่อชื่อเสียงของประเทศไทย

‘เอม-อมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์’ เยาวชนหญิงไทยเพียงหนึ่งเดียว ที่ติดอันดับ 1 ใน 36 เยาวชนผู้ทรงอิทธิพลของโลก ปี 2023

(26 ก.พ.67) เรื่องดีๆ เด็กดีๆ ต้องบอกต่อ ของ ‘เอม-อมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์’ เยาวชนหญิงอายุ 18 ปี จากประเทศไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับการประกาศให้เป็น 1 ใน 36 ผู้นำเยาวชนหญิงที่ทรงอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ปี 2023 (Young Leaders Directory 2023) จากทาง ‘The WOW Foundation’

ปัจจุบันเรียนปี 1 สาขาวิทยาศาสตร์การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและนโยบายสาธารณะ (Climate Studies and Public Policy) มหาวิทยาลัย Vanderbilt รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรับทุนการศึกษา 4 ปี เป็นนักศึกษาระดับ Top ของรุ่น

ผลงานโดดเด่น เป็นผู้นำเยาวชนโลกด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Youth4Climate) ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน คือปี ค.ศ. 2021 และปี ค.ศ. 2022

นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาเยาวชนด้านสิทธิมนุษยชนด้านน้ำดื่มและสุขภาวะขององค์การสหประชาชาติ (UN) และยังได้รับเลือกเป็นผู้แทนเยาวชนไทยและเยาวชนโลก เพื่อร่วมประชุมและกล่าวสุนทรพจน์ในเวทีต่างๆ ของ UN อย่างต่อเนื่อง

เรียน High school ที่สาธิตปทุมวัน ซึ่งมาพร้อมผลงานด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย ก่อนได้ทุนไปสหรัฐฯ อีกทั้งน้องยังเป็น ผู้ก่อตั้งโครงการจิตอาสาพี่สอนน้อง (Youth Mentorship Project : YMP) ที่ทำกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้เด็กไทยกลุ่มเปราะบาง ผ่านวิชาต่าง ๆ เช่น วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรม, ศิลปศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEAM) อีกด้วย โดยเธอตั้งใจจะผลักดันทำให้โครงการ YMP นี้มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทย

“หนูอยากจะเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยสร้างพลังบวก และสร้างสิ่งดีให้กับโลกใบนี้” เอม อมินตา กล่าวทิ้งท้าย

‘วราวุธ’ ส่งทีม ‘ศรส.- พม.’ รุดเยี่ยมคุณยายป่วยร่างกายผิดรูป พร้อมเร่งประสานหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ ให้ได้สิทธิคนพิการ

(26 ก.พ.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิป วอนช่วยเหลือ คุณยายป่วยร่างกายผิดรูป เดินคล้ายคนคอหัก หันหน้าไม่ได้ ย่านอารีย์ กทม. ล่าสุด วันนี้ (26 ก.พ. 67) เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิการเคลื่อนที่เร็ว ศรส. หรือ ‘ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน’ กระทรวง พม. พร้อมด้วยศูนย์คุ้มครองคนไทยที่พึ่งกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่บริเวณชุมชนวัดมะกอกกลางสวน เขตพญาไท กรุงเทพฯ พบ คุณยายตามที่รับแจ้ง อายุ 69 ปี มีสภาพร่างกายคอผิดรูป ป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน อาศัยอยู่ที่บ้านกับสามีอายุ 73 ปี บุตรสาวอายุ 44 ปี และหลานอายุ 15 ปี

นายวราวุธ กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่า คุณยายป่วยด้วยโรคพาร์กินสันตั้งแต่ปี 2561 และมีอาการคอผิดรูปในช่วงปี 2564 และป่วยติดเตียงมาตลอด จนกระทั่งปี 2566 มีอาการดีขึ้น จึงสามารถเดินได้ ปัจจุบันรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลในพื้นที่ แต่แพทย์ยังไม่ออกใบรับรองความพิการ โดยปกติคุณยายมักจะออกไปเก็บของเก่าย่านอารีย์ มีรายได้ประมาณวันละ 100 บาท ซึ่งจะเดินออกไปประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วกลับบ้านเพื่อมาทานยาตามเวลา จนกระทั่งเมื่อ 2 วันที่แล้ว ได้หายออกไปและไม่ได้กลับบ้านตามเวลา ทำให้ไม่ได้กินยา ไม่มีแรง ซึ่งมีคนพบคุณยายไปนอนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ จึงแจ้งสามีให้ไปรับ สำหรับรายได้ของครอบครัวมาจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขายข้าวโพดปิ้ง และเก็บของเก่า

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือ ทางศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร ได้มอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น และจะดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้การช่วยเหลือบุตรสาวผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีรายได้น้อย อีกทั้ง ทาง ศรส. ได้ประสานกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) และกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ให้การช่วยเหลือตามสิทธิสวัสดิการคนพิการและผู้สูงอายุ โดยนัดลงพื้นที่เยี่ยมคุณยายร่วมกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ. 67) และประสานโรงพยาบาลเพื่อประเมินความพิการ สำหรับการรับสิทธิสวัสดิการคนพิการต่อไป

นายวราวุธ กล่าวว่า หากพบเห็นผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม ขอให้โทรแจ้งมาที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. ผ่านฮอตไลน์ 1300 บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว ศรส. พร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลืออย่างรวดเร็วทันที

เปิดมุมมอง ‘คนไทยเที่ยวเกาหลี’ กับเสี้ยววินาทีปะทะ ตม.แล้วรอดผ่าน ขอแค่มั่นใจ ตอบไปตรงๆ เพราะเขารอชมทักษะเอาตัวรอดของเรา

(26 ก.พ.67) จากเพจ ‘Korea visa : วีซ่าเกาหลี’ ได้โพสต์ประสบการณ์ในการไปเที่ยวเกาหลี แล้วต้องเจอกับด่านหินอย่างตรวจคนเข้าเมืองของที่นั่น แต่ก็สามารถเอาตัวรอดผ่านไปได้ด้วยวิธีนี้ ว่า…

ใครๆ ก็กลัว ตม.เกาหลี 🤣🤣🤣 นี่ขนาดพี่ๆ VIP ด้วยกันยังกลัว โอ๊ยยยยยไม่ต้องกลัววววว จริงๆ ใครว่าดวงแล้วแต่ดวง ขอเถียง นี่ว่าเค้าดูปฏิกิริยาการตอบคำถามของเราอ่ะ 

PS. เล่าที่เจอเป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ อาจจะไม่ตรงใจใครหลายๆ คน หรือบางคนอาจจะไม่เจอแบบนี้ หากผิดพลาดตรงไหนโปรดขออภัยค่ะ ถือว่าแชร์ประสบการณ์

ทุกคนที่ไปเกาหลีเวลาผ่าน ตม. อาจจะคิดว่า เออดวง แล้วแต่ดวง จริงๆ อาจจะดวงส่วนหนึ่งค่ะ แต่นี่คิดว่า ตม. เขาดูปฏิกิริยา ตอนเดินผ่านช่อง และการตอบคำถามของเรามากกว่า ตอบคำถามชัดเจนไหม เบสิกของคำถามที่เจอ…

- มาทำไม?
- มากับใคร?
- มากี่วัน?
- พักที่ไหน?
- มีตั๋วไปกลับไหม?
- อาชีพอะไร?

บางท่านอาจจะได้เข้าห้อง นี่ก็มี ตม. ที่นั่งในห้อง 3 ท่านคอยสังเกตปฏิกิริยาเราเลยค่ะ อยู่มุมๆ ลองสังเกตดูค่ะ ใครว่าดวงนี่เถียงสุด

#ห้ามคุยกับคนไม่รู้จักเด็ดขาด เพราะเขาจะเข้าใจว่ามาด้วยกัน ณ จุดนั้นเราเชื่อใจใครไม่ได้นะคะ เราไม่รู้หรอกใครจะมาเที่ยว ใครจะโดด ข้อห้ามคือห้ามคุยกับคนไม่รู้จักเด็ดขาดค่ะ 

บางท่านอาจจะเจอคำถามแปลกๆ เป็นต้นว่าหน้าโรงแรมที่พักมีต้นไม้กี่ต้น 5555555 ใครจะไปรู้ 

จากคำถาม รู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าเขาไม่ให้เราผ่านไปแล้วแน่ๆ เขาใช้เซนส์แบบ 1st meet เลยค่ะ ว่าคนนี้ไม่กลับแน่ๆ เราต้องใจเย็นดึงสติ ถามไปเลย “Excuse me?, Whatd wrong with me?, Please let me know and prove myself.” ถามตรงๆ ไปเลยค่ะ ว่าฉันติดปัญหาตรงไหน ไม่ต้องไปพยายามอธิบายหรือตอบคำถามค่ะ 

นี่ส่วนตัวเคยโดนถามเรื่องแพลน เราก็ตอบไปตรงๆ เลย “No plan is my plan. I just want to ralax and spend my holiday in Seoul.” ก็ผ่านปกตินะคะ 555555 ใครจะไปจำแพลนได้ขนาดนั้น จริงๆ เขาไม่ได้ต้องการคำตอบแบบเป๊ะๆ หรอกค่ะ เขาดูปฏิกิริยา Action and Reaction สกิลการเอาตัวรอดมากกว่าค่ะ  

โดนอีกคำถาม บอกเหตุผลที่คิดว่าทำไมคุณถึงจะกลับไทย? นี่ตอบไปเลย “I can’t stay aways from Thaifood longtime.” 🤣🤣🤣🤣 ตม. หัวเราะเลยค่ะ 55555 จะมี ตม. หญิงท่านนึง หน้าดุมากกก ก่อนหน้าคือได้เข้าห้องเท่าที่สายตามองเห็น 4-5 คน อยากลองของ 5555 เดินเข้าไปเลยค่ะ สบตา ยิ้มหวาน ฮันยอง คุณ ตม. ก็ถามมากี่วัน ปั๊มพาสจบ “Have a good trip.” จำไว้ว่าเรามาเที่ยวค่ะ ติด ตม. ก็ติดสิ ตั้งสติตอบคำถามดีดี 🙂 วันนี้นึกออกแค่นี้ค่ะ วันหลังจะมาเล่าใหม่

สมุทรปราการ-ชมรมบางแก้ว!! รวมพลังจิตอาสา กว่า 200 คน ทำกิจกรรมเทิดพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 

ณ บริเวณห้างสรรพสินค้า เมกา บางนา ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ชมรมบางแก้วและพี่น้องประชาชนชาวบางแก้ว กว่า 200 คน ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาโดยการทำความสะอาดพื้นถนน ช่วงถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่หน้าห้างสรรพสินค้า เมกา บางนา ไปจนถึง Nation Tower หรือ ตึกเนชั่น เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และแสดงพลังความจงรักภักดี ต่อสถาบันอันเป็นที่รักและเทิดทูนของประชาชนทั่วทั้งประเทศ

นายชัยรัชต์พงษ์ กุลรัตนจินดา ประธานชมรมบางแก้ว พร้อมด้วย นางพัชรากร กุลรัตนจินดา ปลัดเทศบาลเมืองบางแก้ว รวมพลังจิตอาสานำพี่น้องประชาชนชาวบางแก้ว กว่า 200 คน โดยร่วมกับกรมทางหลวง โดยสำนักงานแขวงทางหลวงสมุทรปราการ  และโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ร่วมจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ด้วยการเก็บกวาดทำความสะอาดพื้นถนนช่วงถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเมกา บางนา  ไปจนถึงหน้าตึกเนชั่น ทาวเวอร์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 2567

โดยทางด้าน นายชัยรัชต์พงษ์ กุลรัตนจินดา ประธานชมรมบางแก้วรวมพลังจิตอาสา กล่าวว่า เราคือพลังของชาวบางแก้ว ที่ออกมาร่วมกันทำความสะอาดเมืองบางแก้ว ซึ่งเป็นบ้านของเรา ให้มีความสะอาด สวยงาม และน่าอยู่มากยิ่งขึ้น เราอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสามัคคีรวมใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จ ที่สำคัญได้ประกอบกับ กิจกรรมของวันนี้ พวกเราชมรมบางแก้วรวมพลังจิตอาสา โดยมีกลุ่มผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ อสม. นักเรียน และนักศึกษา ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีและอยากมอบถวายแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน ทั้งนี้ยังเป็นการแสดงความพร้อมสำหรับการต้อนรับ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่จะเดินทางมาโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ในวันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ที่จะถึงนี้อีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top