Monday, 19 May 2025
NEWS FEED

'ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี' เผยภาพเครื่องแต่งกาย ยืนยันไม่ได้ 'แต่งชุดดำ' ชี้!! ข้อกล่าวหา 'กบฏนักข่าว' ร้ายแรง ไม่เคยคิดข้องเกี่ยวทางการเมือง

เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.67) จากกรณีที่นายวีรพงษ์ กาศรี ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด และ น.ส.นัฏฐนันท์ เต็มโบติโกศล ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ให้ดำเนินคดีต่อบัญชีเฟซบุ๊ก 3 ราย และบัญชี TikTok 1 ราย หลังกล่าวหาว่านักข่าวของไทยรัฐทีวีนั้นใส่เสื้อผ้าชุดดำ ไม่จงรักภักดี ซึ่งไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ทางบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งยังได้กล่าวหาว่าผู้บริหารช่องไทยรัฐทีวี...ไปแล้ว ผู้เสียหายจึงได้มอบอำนาจให้ผู้แจ้งมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีต่อบุคคลซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 15 ก.พ.มีการรวมตัวกันของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า จุฬาฯ รักพระเทพ ของศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นางวิรังรอง ทัพพะรังสี และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการนัดรวมตัวกันสวมเสื้อสีม่วงทั่วประเทศ เพื่อถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปรากฏว่ารายการข่าวเที่ยงไทยรัฐ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ที่ออกอากาศในวันดังกล่าว ผู้ประกาศข่าว 3 คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเข้ม ที่ผู้ชมทางบ้านเข้าใจว่าเป็นสีดำ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว แม้หนึ่งในผู้ประกาศข่าวโพสต์ข้อความยืนยันถึงความจงรักภักดี และรายการในวันถัดมาจะสวมเสื้อโทนสีม่วงก็ตาม

ล่าสุดเฟซบุ๊ก Suebsakul Pundee ของนายสืบสกุล พันธุ์ดี ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 โพสต์ภาพเครื่องแต่งกายที่ผู้ประกาศข่าวทั้งสามคนได้ใส่เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พร้อมข้อความระบุว่า "ถึงเวลาแล้วที่ต้องชี้แจงเรื่องสีเสื้อ ... อยากให้ช่วยแชร์ ให้ขึ้นฟีด ... วันนี้เอาภาพเสื้อจริงที่ใส่ในวันดังกล่าวมาให้ทุกคนดู

‘กบฏนักข่าว’ พร้อมใจแต่งกายชุดดำ.. นี่คือการกล่าวหาร้ายแรง

• กรณีการที่มีบุคคลบางคนในโลกโซเชียลนำภาพการแต่งกายของผู้ประกาศและระบุข้อความในลักษณะทำให้เกิดความเข้าใจผิดร้ายแรง จนมีการกล่าวหาเลยเถิดว่าเป็น ‘กบฏนักข่าว’ ที่ ‘พร้อมใจ’ กันแต่งกายด้วยชุดสีดำ แชร์ออกไปในวงกว้างนั้น

• ไทยรัฐได้ดำเนินการฟ้องเอาผิดต่อบุคคลที่ดำเนินการหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ ส่วนการแชร์หรือแสดงความคิดเห็นต่อ ถือว่าเป็นสิทธิที่ท่านทำได้ แต่หากการแชร์นั้นย่อมเกิดความเสียหายทวีคูณ และแม้ว่าผู้ประกาศที่ตกเป็นบุคคลที่ถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์มิได้ออกมาชี้แจงใด ๆ เพื่อมุ่งหวังว่าจะป็นการลดภาวะทางอารมณ์ของคนในสังคม แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีการแชร์ต่อและคอมเมนต์ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ลุกลาม ขยายวงกว้าง และยังมีคำถามว่าเหตุใดถึงพร้อมใจกัน ‘แต่งชุดดำ’

• ได้เวลาชี้แจงและแสดงภาพหลักฐาน ดังนี้

• การแต่งกายของ ผปก.ในวันดังกล่าว มีการออกแบบโดยเน้นโทนสีน้ำเงิน ฟ้าอมเทา ซึ่งไม่อิงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใด ๆ ถือเป็นโทนสีกลาง ๆ โทนสีสุภาพ โทนสีที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ทุกสถานการณ์และทุกกาลเทศะ...จะมีการแต่งกายของผู้ประกาศชายเท่านั้น ที่มีการสวมใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำด้านใน เหตุผลดังนี้ เพราะเป็นเสื้อคอกลมที่ใส่แล้ว สวมสูทสีใดทับได้ง่าย และโดยหลักสากลการแต่งกายผู้ชาย หากมองเรื่องโทนสีหลักของการสวมใส่นั้น จะดูสีของสูทเป็นสีหลัก ซึ่งการใส่สูทในวันนั้นคือสูท ‘สีฟ้าอมเทา’ ดังนั้นจึงมิได้มีเจตนาใส่ ‘สีดำ’ ทั้งชุด หรือให้สีดำเป็นสีหลักของการแต่งกายแต่อย่างใด โดยการสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำนั้น จะได้รับการตำหนิจากบุคคลบางท่าน ขอน้อมรับคำ ‘ติเพื่อก่อ’ ในกรณีที่มีการหยิบเสื้อยืดคอกลมสีดำ ตัวที่ "คิดว่าสวมใส่ได้โดยง่าย และเข้ากับสีสูททุกสี" มาสวมใส่ แต่เจตนาที่แท้จริงมิได้เป็นเจตนาที่จะใส่ชุดดำ

• ส่วนสีเสื้อของ ผปก.หญิงทั้ง 2 คน ขอให้ดูตามภาพ และคงไม่ต้องอธิบายว่าคือสีอะไร ที่แน่ๆ คือ ‘ไม่ใช่สีดำ’ ดังที่มีบุคคลวิพากษ์วิจารณ์ว่า ‘นักข่าวพร้อมใจกันใส่ชุดดำ’, ‘กบฏนักข่าวสวมสีดำ’ ซึ่งทำให้คนในสังคมเกิดความเข้าใจผิด

• จึงเรียนทุกท่านให้ทราบ ด้วยเรามิได้มีเจตนาที่ไม่ดี และเราในฐานะผู้ประกาศ มิได้มีความคิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือการแสดงออกทางความคิดที่แตกต่าง เรา..ทำหน้าที่ตรงกลางในฐานะคนอ่านข่าว และเราก็เป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่ไม่อาจก้าวล่วงความคิด หรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มคนในสังคม

• ดังนั้น ด้วยความเคารพ โปรดอย่านำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเป็นเครื่องมือใดๆ ในการกล่าวอ้างให้เกิดความเสียหายและความเข้าใจผิดต่อสังคม จะด้วยเจตนาใดๆ ของท่านก็ตาม ขอขอบพระคุณ ที่ทุกท่านได้อ่านข้อความนี้ ....

• หมายเหตุ (ที่ควรอ่าน) ..คำชี้แจงนี้ มิได้มุ่งหวังที่จะเอาผิด คิดร้าย หรือต้องการให้เกิดความขัดแย้งเพิ่ม เพียงแต่ต้องการสะท้อนว่า "ความเป็นธรรม" คือพื้นฐานของสังคม เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข และเป็นกรณีตัวอย่าง ที่ควรนำไปเป็นกรณีศึกษา ในภาวะที่สังคมมีความละเอียดอ่อน

• ด้วยความเคารพและนับถือ"

ด้าน นายนพดล พรหมภาสิต แกนนำกลุ่มปกป้องสถาบัน และอดีตผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิดบนโลกออนไลน์ (ศชอ.) โพสต์คอมเมนต์ว่า "ในเมื่อชี้แจงแล้ว (ถึงจะมาช้า) ก็สุดแต่ใครจะรับฟัง

ถ้าคิดว่าการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นก็ทำไป แต่การต่อความยาวสาวความยืดรังแต่จะทำให้เกิดรอยปริร้าว

ถ้าศาลรับฟ้องก็เอาเหตุผลแต่ละฝ่ายพร้อมพยานไปชี้แจงให้ศาลฟัง ซึ่งก็น่าแปลกใจ ทำไมคนจำนวนมากถึงคิดไปในทางเดียวกันได้"

‘พีระพันธุ์’ ชื่นชม ‘ครูน้อย’ สร้างนวัตกรรมใหม่ด้านพลังงาน เล็งต่อยอดหอกลั่นน้ำมันประจำอำเภอ ลดต้นทุนเกษตรกร

เมื่อไม่นานมานี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ได้พบกับนายทวีชัย ไกรดวง หรือ ‘ครูน้อย’ ผู้มีความสามารถด้านนวัตกรรม สามารถผลิตสิ่งประดิษฐ์หลายอย่างที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชน ตรงกับนโยบายของตน ที่มุ่งหวังจะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนโดยใช้พลังงานทดแทน เช่น โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ การประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมเองในประเทศเพื่อลดต้นทุน การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานน้ำ 

โดยครูน้อยสามารถผลิตน้ำมันจากยางพาราและขยะพลาสติกจากอุปกรณ์ที่คิดค้นและผลิตขึ้นเองสามารถผลิตน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลชั่วโมงละ 40 ลิตร โดยครูน้อยได้สาธิตการนำน้ำมันที่ผลิตได้ไปใช้กับรถมอเตอร์ไซค์และเครื่องมือทางการเกษตรซึ่งสามารถใช้งานได้ตามปกติ ทำให้นายพีระพันธุ์สนใจผลงานของครูน้อยที่เป็นนวัตกรรมของคนไทยเป็นอย่างมาก

โดยเมื่อ 23 ก.พ. 67 นายพีระพันธุ์ได้เชิญครูน้อยมาหารือเพิ่มเติมที่บ้านพิบูลธรรม เพื่อหาทางต่อยอดนวัตกรรมการผลิตน้ำมันจากยางพาราและขยะพลาสติกของครูน้อย และขอให้ครูน้อยช่วยออกแบบอุปกรณ์เครื่องมือผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงแดด พลังงานลม และพลังงานน้ำ สำหรับใช้ในครัวเรือนและในการเกษตรโดยจะให้เป็นเครื่องต้นแบบของกระทรวงพลังงานที่จะผลิตขายให้ประชาชนและเกษตรกรในราคาถูก

ทั้งนี้ นายทวีชัย ไกรดวง หรือ ครูน้อย ได้นำเสนอแบบการสร้างหอกลั่นน้ำมันที่สามารถผลิตน้ำมันจากยางพาราและขยะพลาสติกได้ถึงชั่วโมงละ 500 ลิตร และอยากจะให้เป็นเครื่องมืออุปกรณ์ประจำแต่ละอำเภอเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันให้แก่ประชาชนและเกษตรกร โดยนายพีระพันธุ์ได้ให้การสนับสนุนและมอบให้นายณอคุณ สิทธิพงษ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีพลังงานเป็นผู้สนับสนุนพัฒนาเรื่องความปลอดภัยของอุปกรณ์และคุณภาพน้ำมันให้ดียิ่งขึ้น 

และมอบให้นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีพลังงานเป็นผู้ประสานงานให้เกิดความคล่องตัวและความรวดเร็วในการดำเนินการ นอกจากนี้นายพีระพันธุ์ได้มอบให้ครูน้อยไปคิดประดิษฐ์แผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอร์รี่ที่จะผลิตขึ้นเองในประเทศเพื่อทำให้ราคาระบบผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์มีราคาถูกลงอีกด้วย 

โดยนายพีระพันธุ์เห็นว่าคนไทยจำนวนมากที่มีความสามารถด้านนวัตกรรมแต่ขาดโอกาสและการสนับสนุน หากคนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจังจะสามารถมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์และเป็นฝีมือของคนไทยที่น่าภาคภูมิใจ และสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทุกระดับไม่ว่าจะเป็นชาวนา เกษตรกร ชาวประมง หรือประชาชนทั่วไปให้มีทางเลือกในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

ผบ.ตร.เอาจริงปราบหนี้นอกระบบ และกรณีชายหนุ่มพาภรรยาพร้อมลูกวัย 12 ขวบ หนีเจ้าหนี้นอนป้ายรถเมล์ สั่งเร่งจับกุมเจ้าหนี้มาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

วันนี้ (27 ก.พ. 67) พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2567 มีพลเมืองดีพบเห็นชาย อายุ 49 ปี พร้อมภรรยา อายุ 40 ปี และลูกชายอายุ 12 ขวบ นักเรียนชั้น ป.6 พากันอาศัยหลับนอนอยู่หลังป้ายจอดรถประจำทางหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบทวงหนี้และข่มขู่ทำร้ายร่างกายจนกลัวอันตรายนั้น เหตุเกิดท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาตัวเจ้าหนี้รายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย  

โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) เข้ามากำกับดูแลในเรื่องนี้แล้ว เพื่อเร่งติดตามตัวเจ้าหนี้ที่กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว 

สำหรับการปราบปรามเรื่องหนี้นอกระบบนั้น เนื่องจากเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นนโยบายเร่งด่วนของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้เร่งรัดปราบปรามจับกุมเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ มาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด โดยที่ผ่านมา  ได้ รับแจ้งเบาะเรื่องหนี้นอกระบบ จำนวน 142 เรื่อง มูลหนี้ 170,334,640 บาท ดำเนินการแล้วเสร็จ 127 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 89.44  จับกุมเรื่องหนี้นอกระบบ จำนวน 1,584 เรื่อง มูลหนี้ 58,557,712 บาท ดำเนินการแล้วเสร็จ 1,547 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 99.94  

นอกจากนี้ พ.ต.อ.อุเทน ฯ กล่าวว่า ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 วัน ที่พี่น้องประชาชนยังสามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งทางรัฐบาลจะรับลงทะเบียนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากหนี้นอกระบบ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนที่เป็นหนี้นอกระบบ ได้มาลงทะเบียนให้ข้อมูลกับทางหน่วยงานภาครัฐ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้ง On-site ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด (ห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด) ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง (ห้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ) สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพื้นที่การจัดมหกรรมตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัด และตลาดนัดแก้หนี้อำเภอ หรือสามารถลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

'รถตุ๊กตุ๊ก' แจง!! ราคาเหมาคัน 'รถตุ๊กตุ๊ก' 1,200 บาท ทั่วกรุงเก่า ยัน!! ราคาเหมาท่องเที่ยว 'โอปป้าฮง' ตามมาตรฐาน ชม.ละ 300

(27 ก.พ.67) จากกรณี โอปป้าฮง หรือ พี่ฮง แร็ปเปอร์และยูทูบเบอร์ ชื่อดังชาวเกาหลี ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอผ่าน youtube : Oppa Hong พาเที่ยวจังหวัด พระนครศรีอยุธยา โดยมีการว่าจ้างรถตุ๊กตุ๊ก ไปส่งร้านอาหารและท่องเที่ยว และมีการเรียกเก็บค่าโดยสาร 1,200 อ้างตำรวจการันตีในราคานี้ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโซเชียล ถึงการทีมีการโก่งราคาค่าโดยสารที่แพงเกินไป และไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทีมข่าวจึงได้เดินทางลงพื้นที่ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บริเวณวินรถตุ๊กตุ๊ก หน้าสถานีรถไฟที่ปรากฏในคลิป โดยได้พบกับ พ.ต.ท ธนากร ธรรม เมธา สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา กำลังสอบถาม กับ นางสมจิตร อายุ 59 ปี ภรรยาคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ที่ปรากฏอยู่ในคลิป โดย พ.ต.ท.ธนากร ได้ให้คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ชี้แจงการติดป้ายแสดงราคาที่ติดเอาไว้ ที่มีการโลโก้ของตำรวจทางหลวง ไปติดเอาไว้ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด พร้อมกับแนะนำให้เอา โลโก้ ตำรวจท่องเที่ยว ออกจากป้าย เนื่องจากไม่ได้มีการ อนุญาตให้นำมาติด 

ส่วนเรื่องราคาจะถูก หรือแพงนั้น ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาจจะมีการเซ็น MOU เพื่อทำข้อตกลงกันไว้ และจะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ หากพบว่ามีความผิดก็จะมีบทลงโทษ

ขณะที่ นางสมจิตร เปิดเผยว่านักท่องเที่ยว 2 คน ทราบภายหลังว่า เป็นชาวเกาหลี ได้มาเที่ยวที่อยุธยาประมาณสัปดาห์ ที่ผ่านมา ได้เข้ามาติดต่อสอบถาม หาร้านอาหาร จึงได้มีการแนะนำร้านอาหาร พร้อมกับราคาค่าโดยสาร โดยจะพาไปร้านอาหารและท่องเที่ยว แบบเหมา 4 ชั่วโมง1,200 บาท เท่ากับว่าหารกันคนละ 600 บาท ซึ่งนักท่องเที่ยวมีการเช็คราคาเปรียบ กับแกร็บคาร์ และพบว่ามีราคาที่แพงกว่า ตนเองจึงแนะนำไปว่า ถ้าจะใช้บริการ แกร็บคาร์ ต้องเดินออกไปเรียกให้ห่างจากวิน รถตุ๊กตุ๊ก แต่นักท่องเที่ยวทั้ง 2 ก็ไม่ได้ไป 

จากนั้น นักท่องเที่ยวจึงได้มีการมาตกลงให้พาไปส่งที่ร้านอาหาร และท่องเที่ยว ตนเองยืนยันว่า ตนเองกับสามี มีอาชีพขับรถตุ๊กตุ๊ก มาเกือบ 40 ปี ไม่เคยถูกร้องเรียนและไม่เคยถูกตำหนิ และขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการชาร์จราคานักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่เป็นราคามาตรฐานที่มีการทำข้อตกลงกันกับทาง ขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นาย สิทธิชัย  49 ปี คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเป็นตัวแทนคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดกระแสดราม่า จนมีคนเข้าไปคอมเม้นต์ และวิพากษ์วิจารณ์ ว่ามีการคิดราคาค่าโดยสารตุ๊กตุ๊กแพงเกินจริง ซึ่งตนเองยืนยันว่า ราคาดังกล่าวเป็นราคามาตรฐาน และมีการติดป้ายแสดงราคากันอย่างชัดเจน การพุดคุยสื่อสารอาจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และคลาดเคลื่อน เนื่องจากว่าอาจจะอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟัง แล้วเกิดความไม่เข้าใจ ซึ่งในราคาเหมารถตุ๊กตุ๊กท่องเที่ยว ในอัตราคนไทย จะอยู่ที่ชั่วโมงละ 200 บาท และหากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะอยู่ในราคาชั่วโมงละ 300 บาท โดยจะเป็นลักษณะเช่าเหมาคัน

แต่ในกรณีนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันสองคน และมีการหารกัน จึงตกคิดอัตราค่าโดยสารหัวละ 600 บาท จนทำให้ดูว่าราคาแพง และมีการโก่งราคา ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากให้มองในมุมกลับกันว่า หากนักท่องเที่ยวมากัน 6-8 และเช่าเป็นชั่วโมงในลักษณะเช่าเหมาคันชั่วโมงละ 300 บาท 4 ชั่วโมงก็จะคิดไปหลายหัวในลักษณะหากันเหลือเพียง 200 ถึง 150 เท่านั้น

ต่อมาทีมข่าวสอบถามไปยัง สำนักงานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ให้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า ราคาเหมารถตุ๊กตุ๊กท่องเที่ยว ที่มีการทำข้อตกลงกันเอาไว้ ชาวต่างชาติจะคิดราคาชั่วโมงละ 300 บาท ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ฯ เข้าไปตรวจสอบ และพุดคุย พร้อมกับสอบสวนสาเหตุกับทางวินรถตุ๊กตุ๊ก และคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เพื่อให้ระมัดระวังการใช้คำพูด การอธิบายความต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หรือในลักษณะของการบีบบังคับให้ใช้บริการ และขอดูรายละเอียดภายคลิปที่ปรากฏอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' นำทีม 'พฐ.' ไขปมชาวไต้หวันถูกยิง-ทิ้งศพย่านสุวรรณภูมิ มั่นใจ!! 'ข้อมูลวัตถุพยาน-สถานที่เกิดเหตุ' พาโยงถึงผู้ก่อเหตุได้

'พิสูจน์หลักฐาน' (พฐ.) อาวุธนำวิถีของพนักงานสอบสวน!!

ตามสั่งการของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส) ให้เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนและการตรวจพิสูจน์หลักฐาน กรณีมีผู้พบศพที่เพิงพักไม่มีเลขที่ ท้าย ถ.สุวรรณภูมิสาย 4 ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท้องที่ สภ.สุวรรณภูมิ ภ.จว.สมุทรปราการ ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นนาย ชิ โหมว เชียง (Mr. SHIH MOU CHIANG) ชายชาวไต้หวันถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ย่านลาดปลาเค้า ท้องที่ สน.โคกคราม และนำศพไปทิ้งที่ ถ.สุวรรณภูมิสาย 4 ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 เวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานหลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) ได้เดินทางไปที่พิสูจน์หลักฐาน จ.สมุทรปราการ เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ และสรุปผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุและตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในคดี รวมถึงการวางแผนบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างพิสูจน์หลักฐานและงานสืบสวนสอบสวน 

โดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ตร.กล่าวว่า “ในคดีนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทั้งในส่วนของพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรปราการ และกลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 รวมถึงกลุ่มงานสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้บูรณาการร่วมกันในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การตรวจเก็บวัตถุพยานรวมถึงการตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ซึ่งในในการเดินทางมาประชุมสรุปในวันนี้ในส่วนของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก สามารถส่งข้อมูลให้กับทีมสืบสวนสอบสวนไปดำเนินการต่อได้ ในส่วนที่เหลือคือ การตรวจสอบวัตถุพยานซึ่งต้องใช้เทคนิคในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันลักษณะการกระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกครั้งหนึ่ง” 

หลังจากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภชัยไตรสมบูรณ์ นวท.(สบ 5) ศพฐ.1, พ.ต.อ.พรณรงค์ เจริญวัฒนวิญญู นวท.(สบ 4) พฐ.จว. สมุทรปราการ, พ.ต.อ.หญิงศิริประภา รัตตัญญู นวท.(สบ 4) กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ พฐก.และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.ท.คเชนทร์ บุญทวี รอง ผกก.สส.สภ.โคกคราม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและตรวจสถานที่เกิดเหตุเพิ่มเติมที่บ้านเช่าของผู้เสียชีวิต และที่บ้านเช่าหลังที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านหรูย่านลาดปลาเค้า ท้องที่ สน.โคกคราม 

โดยเบื้องต้นตรวจพบพยานหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืนจำนวน 2 ปลอก ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะได้นำไปตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลอาวุธปืน (ABIS และ IBIS) เพื่อพิสูจน์ทราบว่าใช้ยิงมาจากอาวุธปืนประเภท ชนิด ขนาดใด รวมทั้งเพื่อตรวจพิสูจน์ว่ากระสุนปืนดังกล่าวใช้ยิงมาจากอาวุธปืนที่เคยมีประวัติการก่อเหตุมาก่อนหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อไป

“ในคดีนี้มีสถานที่ที่เกี่ยวข้องหลายแห่งรวมทั้งพยานหลักฐานมีจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงต้องใช้ความรอบคอบและทำงานให้รวดเร็วภายใต้มาตรฐานระบบงานทั้งในส่วนของมาตรฐานการตรวจสถานที่เกิดเหตุและมาตรฐานการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานในห้อง แล็ป ซึ่งในส่วนนี้ก็จะสามารถเป็นที่มั่นใจได้ว่าวัตถุพยานหลักฐานที่ทำการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดนั้นสามารถยืนยันและเชื่อมโยงกันได้ทั้งในส่วนของผู้เสียชีวิต ผู้ก่อเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งที่อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุโดยพิสูจน์หลักฐานจะได้ประสานกับทีมสืบสวนสอบสวนในการนำผลการตรวจพิสูจน์ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดีในภายหลังเมื่อสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้” พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช. สพฐ.ตร.กล่าว

 

ไทย สหรัฐ เปิดการฝึกคอบร้าโกลด์ 2024

วันนี้ 27 ก.พ.67 พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดนาย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ พลโทชาเวียร์ บรันสัน (Xavier T. Brunson) แม่ทัพน้อยที่ 1 กองทัพบกสหรัฐอมริกา เป็นประธานร่วมในพิธีเปิดการฝึก คอบร้าโกลด์ 2024 ณ สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ จังหวัดระยอง โดยมี เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตอินโดนีเชียประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย อัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และอัครราชทูตมาเลเชียประจำประเทศไทยเข้าร่วมพิธีฯ

การฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารขนาดใหญ่และมีประวัติยาวนานที่สุดการฝึกหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี การฝึกร่วม/ผสม คอบร้าโกลด์ 2024ในปีนี้ นับเป็นครั้งที่ 43โดยมีประเทศเข้าร่วมการฝึกหลัก จำนวน ๗ ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นสาธารณรัฐเกาหลี และมาเลเชีย ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกเพิ่มเติมในโครงการช่วยเหลือประชาชน จำนวน 2 ประเทศได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย 

ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกเพิ่มเติมในการฝึกการควบคุมและบังคับบัญชาคือ ออสเตรเลีย สำหรับกลุ่มประเทศที่หมุนเวียนเข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ ประเทศในโครงการเสนาธิการผสมส่วนเพิ่มนานาชาติ หรือ MPAT (Multinational Planning Augmentation Team) จำนวน 10ประเทศ ประกอบด้วยบังกลาเทศ แคนาดา ฝรั่งเศส มองโกเลีย เนปาล นิวซีแลนด์ ฟิลิปปีนส์ พีจิ สหราชอาณาจักร และ บรูไนและประเทศที่เข้าร่วมในโครงการสังเกตการณ์ฝึก (Combined Observer Liaison Team) : COLT) จำนวน 10 ประเทศได้แก่ ก้มพูชา ลาว บราชิล ปากีสถาน เวียดนาม เยอรมนี สวีเดน สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ) คูเวต และศรีลังกา รวมทั้งสิ้น 30ประเทศ ผู้เข้าร่วมการฝึกฯ จำนวน 9590 นาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารที่ดี ระหว่างมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึกฯ และเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการอำนวยการยุทธ์ร่วมและผสม โดยการประยุกต์ใช้กำลังรบในสถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ อีกทั้งเพื่อฝึกการใช้ระเบียบปฏิบัติประจำกองกำลังผสมนานาชาติ โดยกำหนดการฝึกหลัก ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง8 มีนาคม 2567

การฝึกร่วมผสม คอบร้าโกลด์ 2024 นอกจากจะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกในส่วนของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการความชำนาญ และเทคโนโลยีทางทหาร รวมทั้งเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศในการปฏิบัติการร่วมและผสมแล้ว ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการงานด้านการบรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารไทย และทหารมิตรประเทศกับประชาชนในพื้นที่การฝึกฯ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตามิตรประเทศและประชาคมโลกต่อไป

‘รมว.ปุ้ย’ นำ ‘นายกฯ เศรษฐา’ ดูบูธผลิตภัณฑ์ฮาลาล ชื่นชม!! เสื้อผ้า-อาหารว่างแปรรูป แนะต่อยอดสู่ออนไลน์

(27 ก.พ.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ชมบูธผลิตภัณฑ์ฮาลาล โดยศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล กระทรวงอุตสาหกรรม มี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นำคณะประชาสัมพันธ์แนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มาจากการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมฮาลาล 

โดยนายกฯ สนใจสอบถามเรื่องของแฟชั่นเครื่องแต่งกาย พร้อมแนะนำให้เปิดตลาดทางออนไลน์ และปรับปรุงการออกแบบดีไซน์ให้ทันสมัย จากนั้นได้ชมผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ที่แปรรูปเป็นอาหารว่าง อาทิ ข้าวเกรียบปลากรือโป๊ะ มันฝรั่งทอด ทูน่าหยอง และชมการสาธิตการปรุงอาหารจากเนื้อแองกัส สายพันธุ์ไทย ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์พื้นเมืองสิชล จ.นครศรีธรรมราช กับสายพันธุ์ต่างประเทศ โดยเชฟชุมพล แจ้งไพร ย่างสเต็กเนื้อซอสคั่วกลิ้งฮาลาล เป็นการผสมผสานอาหารพื้นถิ่นมาเป็นเมนูใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล นายกฯ สนใจสอบถาม ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาเป็นอาหารว่าง 

การปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัย วันที่ 5 ยังไม่พบร่างกำลังพลที่สูญหาย

วันที่ 26 ก.พ.67 เป็นการปฏิบัติการ ค้นหาและปลดวัตถุอันตราย เรือหลวงสุโขทัย วันที่ 5 โดยชุดปฏิบัติการร่วมของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐ ฯ บนเรือ Ocean Valor ที่ลอยลำใกล้จุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ในพื้นที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการดำน้ำ จำนวน 4 เที่ยว 

โดยมีภารกิจค้นหาผู้สูญหาย และตรวจสอบหลักฐานประกอบการสอบสวน บริเวณต่างๆ  ภายในตัวเรือ 
ดังนี้

เที่ยวที่ 1 บริเวณทางเข้าประตูทางเข้าห้องเครื่องจักรใหญ่จากทางท้ายเรือ 
เที่ยวที่ 2  บริเวณภายในห้องเครื่องจักรใหญ่
เที่ยวที่ 3 บริเวณภายในห้องเมสจ่า
เที่ยวที่ 4 บริเวณภายในห้องเสมียนพลาธิการ
(เที่ยวที่ 5 ได้ถูกยกเลิกเนื่องจากติดสภาพอากาศ)

โดยผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กำลังพลทุกนายปลอดภัย จากการปฏิบัติการจนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบผู้สูญหายติดอยู่ในเรือ สำหรับการปฏิบัติการวันรุ่งขึ้น จะมีการปฏิบัติการดำน้ำร่วมกัน จำนวน 5 เที่ยว โดยเป็นการปลดวัตถุอันตราย ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี Harpoon และระบบตอร์ปิโด ของเรือหลวงสุโขทัย  
ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เผยแพร่ภาพล่าสุดของเรือหลวงสุโขทัย ภายในห้องเครื่องจักรใหญ่ เพื่อค้นหาร่างของผู้เสียชีวิต แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีการพบร่างผู้สูญหายในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

พลเรือตรี วีรุดม  ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า การปฏิบัติร่วมฯ ระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ สำรวจ ตรวจสอบวัตถุพยานและหลักฐานมาประกอบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เรืออัปปาง การค้นหาผู้สูญหายที่อาจติดอยู่ในเรือ การทำให้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ หมดความสามารถที่จะใช้งานต่อไป และการนำอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์บางอย่าง รวมถึงการเก็บกู้สิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของกำลังพล สำหรับการปฎิบัติการร่วมกับสหรัฐฯ ในครั้งนี้จะยังไม่มีการกู้เรือทั้งลำขึ้นมาจากใต้น้ำ  

โดยการดำเนินการปัจจุบัน ยังเป็นไปตามแผนที่ได้หารือร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองทัพเรือ จะรายงานผลการปฏิบัติให้ทราบในโอกาสต่อไป
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

**สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ 

ผบ.ทร. ตรวจติดตามการปรับปรุงบ้านพักข้าราชการ ทร. ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ

วันที่ 26 ก.พ.67 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เดินทางไปติดตามการซ่อมทำบ้านพักข้าราชการตามหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย กองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ หน่วยบัญชาชาการนาวิกโยธิน และศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ตรวจเยี่ยมการอบรมอาชีพให้กับพลทหารใหม่ ของศูนย์ฝึกทหารใหม่ฯ รวมถึงการพิจารณาปรับปรุงตลาดเช้าฐานทัพเรือสัตหีบ

ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบนโยบายให้ดำเนินการปรับปรุงให้เป็นตลาดสมัยใหม่ สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้พร้อมในการเป็นตลาดของเมืองท่องเที่ยวในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ปรับปรุงร้านค้า ให้เป็นรูปแบบเดียวกัน และมีการปรับปรุงระบบการบำบัดและการระบายน้ำเสีย ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบนโยบาย เรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของกำลังพลกองทัพเรือ โดยได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ดำเนินการปรับปรุงบ้านพักและสวัสดิการ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีแก่กำลังพล ตลอดจนเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายของทางรัฐบาล โดยช่วงเช้าของวันเดียวกัน (26 ก.พ.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงพื้นที่ตรวจบ้านพักข้าราชการกองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในพื้นที่เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 

ซึ่งการเดินทางมาตรวจบ้านพักข้าราชการกองทัพเรือของนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับความเป็นอยู่ของทหารชั้นผู้น้อย โดยจะปรับปรุงที่พักให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยเป็นอันดับแรกและในระดับสูงขึ้นในโอกาสต่อไป 

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านการดูแลและส่งเสริมการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์ม Shopee

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการดูแลและส่งเสริมการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัยผ่านเว็บไซต์ www.shopee.co.th และ แอปพลิเคชัน Shopee ผนึกกำลังเสริมสร้างแพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ เพื่อให้การจับจ่ายใช้สอยปลอดภัย ไร้สิ่งผิดกฎหมาย

วันอังคารที่ 27 ก.พ. 67 เวลา 11:00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความร่วมมือกับบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี คุณมณีรัตน์  อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) เป็นผู้แทนลงนามฯ พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) และ คุณการัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ 
สำหรับพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือฯ ครั้งนี้ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ ซึ่งได้มีการซื้อขายโดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ www.shopee.co.th และแอปพลิเคชัน Shopee และเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานในการป้องกันและปราบปรามผลิตภัณฑ์
ผิดกฎหมายบนช่องทางซื้อขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มยอดนิยมได้อย่างปลอดภัยและได้รับผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน รวมถึงการลดการเข้าถึงธุรกรรมซื้อขายผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบังคับใช้กฎหมายภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พุทธศักราช 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอีกทั้งมุ่งเน้นการเสริมสร้างความตระหนักรับรู้และความเข้าใจในการป้องกันและลดเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในอนาคต

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีซึ่งมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ จนได้รับความเดือดร้อนและมีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก  จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เร่งหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปยังพี่น้องประชาชน อย่าให้หลงเชื่อกลโกง กลอุบายของกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งมาในรูปแบบต่างๆผ่านช่องทางการสื่อสารออนไลน์ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนให้ติดตามข่าวสารการเตือนภัยออนไลน์จากหน่วยงานของทางภาครัฐอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ หากมีเบาะแสหรือต้องการขอความช่วยเหลือสามารถติดต่อมายังสายด่วน 1599 และ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top