Monday, 19 May 2025
NEWS FEED

‘น้ำ รพีภัทร’ โพสต์เตือน!! หลังเจอ ‘เพจปลอม’ สร้างเรื่อง กุข่าวรักร้าว-โปรโมตเว็บพนัน วอนแฟนๆ ช่วยกดรีพอร์ต

(28 ก.พ. 67) ทำเอาเเฟนคลับพากันแตกตื่น หลังจากที่เฟซบุ๊ก ‘น้ำ รพีภัทร - Nam Rapeepat’ ที่มียอดกดไลก์หลักพัน ยอดผู้ติดตามหลักแสน ซึ่งไม่ใช่เฟซฯ หลักของ ‘น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล’ ที่มียอดผู้ติดตามกว่า 1.5 ล้าน ได้ออกมาโพสต์ภาพ ‘น้ำ รพีภัทร’ กับภรรยาสาว ในวันแต่งงาน พร้อมเขียนเเคปชันระบุว่า “ปัญหาที่สะสมมานาน สุดท้ายมันก็ไปกันไม่ไหวแบบนี้ก็แยกกันไปถูกแล้ว”

แต่ที่ทำแฟน ๆ พากันสะดุดเห็นจะเป็นการแปะลิงก์เว็บพนันนี่แหละ เลยทำให้แฟน ๆ พากันแคปภาพดังกล่าวไปแจ้งข่าวในเพจใหญ่ของ ‘น้ำ รพีภัทร’ เพื่อให้จัดการหากเป็นเฟซบุ๊กปลอม แถมบอกแฟนคลับให้ช่วยกันรีพอร์ตอีกด้วย

ล่าสุด น้ำ รพีภัทร ได้นำโพสต์ดังกล่าวมาประกาศพร้อมวอนช่วยกันรีพอร์ต โดยระบุว่า…

"เพจปลอมสร้างเรื่องอีกแล้วครับ วุ่นวายแต่เช้าเลย นอกจากโพสต์เรื่องไม่จริงแล้ว ยังมีการแปะลิงก์เว็บพนันด้วย ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายกับเพจจริง และคนที่หลงเชื่อ
เพจปลอมคนตาม 1.2 แสน กดรีพอร์ตได้เลยนะครับ เพจจริงติดตาม 1.5 ล้านแล้ว ฝากด้วยนะครับพี่น้อง"

'ผอ.ททท.ประจวบฯ' สยบดรามา 'หัวหินเงียบเหงา'  ยกเม็ดเงินปี 66 สะพัดกว่า 44,000 ล้าน สยบมโน

(28 ก.พ.67) นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผอ.ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากกระแส ‘เบื่อรถติดพระราม 2’ เป็นสาเหตุที่ทำให้หัวหินเงียบเหงา นักท่องเที่ยวน้อยลง กำลังเป็นไวรัลที่ถูกพูดถึงอยู่ขณะนี้ เรื่องนี้ยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง หัวหิน ไม่เคยเงียบเหงา” ข่าวมีการคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ดูจากสถานการณ์การท่องเที่ยวในภาพรวมและสถิติการท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์โควิดได้สงบลงตั้งแต่ปี 2565 - 2566 ในปี 2565 จ.ประจวบฯ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอยู่ที่ 9.75 ล้านคน ในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 11.14 ล้านคน ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2565 อยู่ที่ราว 33,000 ล้านบาท ในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 44,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 11,000 - 12,000 ล้านบาท นี่คือสิ่งที่ยืนยันถึงสถานการณ์จากสถิติการท่องเที่ยวว่า จ.ประจวบฯ โดยเฉพาะพื้นที่ของหัวหินซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ยังมีสถานการณ์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นถึงพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประจวบฯ การส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว นี่เป็นภาพรวมของสถิติและสถานการณ์การท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์โควิดได้สงบลง

สถานการณ์การท่องเที่ยว อ.หัวหิน ล่าสุดในช่วงวันหยุดยาววันมาฆบูชาที่ผ่านมา 3 วันนี้จะพบว่าอัตราการจองพักของภาคเอกชนอยู่ที่ระดับ 85 - 100% เลยทีเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหัวหินยังคงคึกคัก แล้วก็ดูจากสถานการณ์ของการท่องเที่ยวตามร้านอาหารตามชายหาดก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ททท.สำนักงานประจวบฯ ก็ได้จัดงาน Hua Hin Yoka festival 2024 ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติมาร่วมกิจกรรมเป็นร้อยคน สร้างความคึกคักและสร้างเศรษฐกิจให้กับ อ.หัวหิน และพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี ผมยืนยันได้ว่า “หัวหิน ไม่เคยเงียบเหงา” และก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศอยู่ ซึ่งก็ได้รับการยืนยันจากภาคเอกชนด้วยเช่นกัน

“สำหรับในเรื่องราคาที่พักหัวหิน มีให้เลือกหลายระดับ หลายราคา ทำเลที่ตั้ง ถ้าเป็นโรงแรมที่ติดชายทะเลหรือโรงแรมระดับห้าดาวก็อาจจะมีราคาสูง เนื่องจากว่าเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยมีความต้องที่จะพักโรงแรมที่ติดชายหาด แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มที่อยู่ระยะยาว อยู่หลายเดือน อาจจะพักโรงแรมสี่ดาวหรือสามดาวก็ได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวเขาจะบริหารงบประมาณได้ในการพำนักระยะยาวได้อย่างสะดวกกว่านักท่องเที่ยวคนไทย นักท่องเที่ยวคนไทยบางส่วนอาจจะจองโรงแรมแบบกระชั้นชิดหรืออาจจะเป็นช่วงพีคซีซั่น ไฮซีซั่น ซึ่งหัวหินในช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงไฮซีซั่น ผู้ประกอบการเองก็มีนักท่องเที่ยวอยู่แล้วค่อนข้างเยอะ อันนี้ก็อาจจะส่งผลให้จำนวนห้องพักที่รองรับตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยน้อยลง ด้วยกลไลในการบริหารจัดการก็จะส่งผลให้ปริมาณห้องพักที่มีอยู่น้อยลงในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง ทำให้ราคาสูงกว่าปกติอย่างที่เรารับทราบกันอยู่

อย่างไรก็ตาม อยากให้มองในประเด็นมาตรฐานการให้บริการ ความคุ้มค่า มาตรฐานของโรงแรมและที่พักของหัวหิน ที่ให้บริการกับนักท่องเที่ยวด้วยความประทับใจและเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ และในเมื่อช่วงไฮซีซั่นได้หมดระยะลง นักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะเดินทางกลับประมาณในช่วงเดือนมีนาคม โรงแรมสี่ดาว ห้าดาว ก็จะปรับลดราคาลงบวกกับการทำโปรโมชั่น เพื่อขายให้กับตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยมาเที่ยวในช่วงปิดเทอมก็คือเดือนเมษายน - พฤษภาคม หลังจากนั้นโรงแรมก็จะปรับราคาลงมาเข้าสู่ในช่วงโลซีซั่นไปจนถึงเดือนตุลาคมก็จะวนไปในฤดูกาลท่องเที่ยวของแต่ละปี ส่วนในเรื่องของทางแก้ อาจจะต้องให้นักท่องเที่ยวให้วางแผนการเดินทางในระยะยาว เช่น ในเรื่องของการจองที่พักก็คล้ายๆ กับเวลาเราซื้อตั๋วเครื่องบิน ถ้าเราซื้อในช่วงกระชั้นชิดก็จะมีราคาที่สูงกว่าปกติ ในเรื่องของการมีโปรโมชั่นต่าง ๆ จากผู้ประกอบการภาคเอกชนแต่ละแห่ง หัวหิน มีโรงแรมหลายระดับ หลายราคา ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทาง ททท.สำนักงานประจวบฯ อยากจะฝากไปยังพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว” นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ กล่าวในตอนท้าย

'เลขาฯ สุริยะ' ขีดเส้นตาย 7 วัน จี้!! 'เวียตเจ็ท' เร่งเข้าชี้แจง ปมปฏิเสธกลุ่มคนพิการขึ้นเครื่อง ยัน!! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

'สรวุฒิ' เข้ารับหนังสือร้องเรียนเหตุสายการบินไทยเวียตเจ็ทปฏิเสธกลุ่มคนพิการขึ้นเครื่องบิน พร้อมมอบหมาย กพท. เรียกสายการบินไทยเวียตเจ็ทเข้ามาชี้แจง ให้เส้นตาย 7 วัน หากไร้ความคืบหน้าจะพิจารณาการต่อใบอนุญาตการบิน

(28 ก.พ. 67) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ได้เข้ารับหนังสือร้องเรียนกรณีสายการบินไทยเวียตเจ็ทปฏิเสธกลุ่มคนพิการขึ้นเครื่องบิน พร้อมมอบหมายให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เรียกสายการบินไทยเวียตเจ็ทเข้ามาชี้แจง รายละเอียดภายใน 7 วัน พร้อมหาแนวทางแก้ไข และปรับปรุงการให้บริการต่อกลุ่มคนพิการและคนทั่วไปอย่างเท่าเทียม และภายหลังจากนั้นให้มีการนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปต่อไป แต่หากสายการบินไทยเวียตเจ็ทยังคงเมินเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะพิจารณาเรื่องการต่อใบอนุญาตประกอบกิจการการบินต่อไป

"หากการส่งหนังสือตักเตือนครั้งนี้ไม่คืบหน้าภายใน 1 อาทิตย์ และหากยังคงนิ่งเฉยจะเอาเรื่องถึงที่สุด โดยทางกระทรวงคมนาคมพร้อมดูแลประชาชนทุกภาคส่วน แต่ขอเวลาสักครู่เพื่อรอคำตอบจากสายการบินไทยเวียตเจ็ทเสียก่อน" นายสรวุฒิ กล่าว

พร้อมกันนี้ยังได้กำชับให้ทุกสายการบินทบทวนกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทางอากาศยานของผู้โดยสารที่เป็นคนพิการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการปฏิเสธการรับขนส่งผู้โดยสารที่เป็นคนพิการ จากเดิมตามกฎหมายนั้นทุกสายการบินต้องไม่ปฏิเสธการให้บริการผู้โดยสาร เว้นแต่กรณีที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย

โดยตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้ให้ความสำคัญกับทุกเสียงสะท้อนของประชาชนไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือกลุ่มคนพิการ กระทรวงคมนาคมใส่ใจในทุกปัญหาของประชาชนทุกภาคส่วน และพร้อมนำปัญหาไปแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาระบบขนส่งทุกมิติ เพื่อให้มีความสะดวกปลอดภัย สามารถให้บริการกับทุกคนได้อย่างเท่าเทียม

‘สระน้ำสวนสันติภาพ’ คัมแบ็ค!! หลังใช้เวลาฟื้นฟู 3 เดือนครึ่ง เหตุ ‘กระทงขนมปัง’ ส่งผลกระทบจน ‘น้ำเสีย-ปลาตายอื้อ’

(28 ก.พ.67) นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพฯ และ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ - Pornphrom Vikitsreth ถึงเรื่องขยะจากกระทง ความว่า

จาก กระทงขนมปัง สู่การแก้ไขสระน้ำสวนสันติภาพ 3 เดือนครึ่ง ภาพ before during และ after ของสระน้ำสวนสันติภาพ ที่ได้รับผลกระทบจากการลอยกระทงขนมปัง ทำให้เกิดน้ำเสียและปลาตายจำนวนมาก

ปัจจุบันได้แก้ไขเสร็จเรียบร้อยด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำออกทั้งสระ ใช้ระยะเวลาดำเนินการทั้งหมด 3 เดือนครึ่ง

ปีนี้มีการทบทวนอย่างหนักเรื่องมาตรการลดขยะจากลอยกระทง แต่ยังมีข่าวดีว่าลอยกระทงดิจิทัลที่เราทำถูกคัดเลือกให้รับรางวัล Asia’s Pinnacle Awards สาขา Best Eco-Friendly Festival จากสมาคม IFEA (ASIA) หรือ สมาคมการจัดงานอีเวนต์และเทศกาลนานาชาติครับ

‘สธ.’ เตือน!! ใช้ชีวิตบน ‘รถติดเครื่องยนต์กลางแจ้ง’ อันตรายถึงชีวิต เพิ่มความเสี่ยง ‘รับก๊าซพิษเข้าสู่ร่างกาย-โรคฮีทสโตรก’

(28 ก.พ.67) พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า โรคลมแดด หรือ Heat Stroke เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายได้ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นจากการเผชิญกับสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง เช่น การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมท่ามกลางอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน ซึ่งพบว่ามีอุบัติการณ์เพิ่มมากขึ้นในฤดูร้อน อาการจะเริ่มจากอุณหภูมิร่างกายค่อยๆ สูงขึ้น เมื่อเกิน 40 องศา ร่างกายจะไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้รู้สึกผิดปกติ ปวดศีรษะ หน้ามืด กระสับกระส่าย ซึม สับสน ชัก ไม่รู้สึกตัว ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว หายใจหอบ ตัวแดง ถ้าปล่อยทิ้งไว้ให้มีอาการอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อ หากไม่ได้รับการรักษาอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ เมื่อพบผู้ที่มีอาการจากโรคลมแดด ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว

นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า โรคลมแดดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน กลุ่มเสี่ยงของโรคลมแดด ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ ผู้ที่ออกกำลังกายหรือใช้กำลังมากเป็นเวลานาน รวมถึงประชาชนทั่วไป และผู้ป่วยระยะพักฟื้น สำหรับการป้องกันสามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในสภาพอากาศที่ร้อนจัด หรือกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ หากสามารถเลี่ยงได้ ควรเลือกเวลาที่ต้องการทำกิจกรรม เช่น ช่วงเช้ามืด หรือระหว่างพระอาทิตย์ตกดิน ผู้ที่ชอบออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิร้อนจัด ควรดื่มน้ำให้มากเพียงพอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำ เช่น เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน กาแฟ เหล้า เบียร์ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้เสียน้ำทางปัสสาวะในปริมาณสูง หากไม่สามารถชดเชยน้ำได้มากพอ จะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคลมแดดได้ หากจำเป็นต้องออกไปกลางแจ้งควรปกป้องตนเองจากแสงแดด โดยอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น สวมใส่เสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี หมวก ร่ม ถือเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่ควรพกติดตัวเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด

“การอยู่ในรถที่ติดเครื่องยนต์กลางแจ้งซึ่งมีอันตรายมาก นอกจากต้องพบกับอากาศร้อนแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงของการได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่มีผลต่อระบบประสาท จึงควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม โรคลมแดดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ซึ่งผู้ที่เกิดอาการต้องได้รับความช่วยเหลือในทันที ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสมอง และอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย” นพ.ธนินทร์ กล่าว

'สาวจีน' เซ็ง!! เล่นร่มร่อนที่ภูเก็ต 'ขาหัก-กระดูกโผล่' แต่คู่กรณีหาว่าสำออย ร้องเตือนชาวจีน "ผู้ประกอบการไม่เห็นความสำคัญของชีวิตพวกเรา"

(28 ก.พ. 67) บนโซเชียลฯ แชร์โพสต์จาก เพจ ‘ลุยจีน’ เป็นเรื่องราวของนักท่องเที่ยวชาวจีนรายหนึ่งนามว่า น่าต๋าหาน 娜达韩 เล่าให้ฟังผ่านแพลตฟอร์ม Douyin ว่าประสบอุบัติเหตุเล่นพาราไกลดิ้ง หรือร่มร่อนชายหาด แล้วเกิดอุบัติเหตุที่หาดกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่กลับพบว่าผู้ประกอบการร่มร่อนชายหาดรับผิดชอบเพียงแค่ 5 หมื่นบาท

ซึ่งน่าต๋าหาน เล่าว่า ระหว่างมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เห็นร่มร่อนตรงหาดกะรน จึงไปทดลองเล่น ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุตอนร่อนลง ร่มควบคุมไม่อยู่ ทำให้ขาลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง แข้งซ้ายหักครึ่งกระดูกโผล่ออกมา คนขายร่มร่อนปฐมพยาบาลขั้นต้น ก่อนเรียกรถพยาบาล แต่เนื่องจากการจราจรติดขัด ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โรงพยาบาลแรกพบว่าเครื่องมือไม่พร้อม ผ่านไป 5-6 ชั่วโมงจึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต ผ่าแข้งที่หักแล้วใส่ดามเหล็กเข้าไป แผลเย็บยาว 15 เซนติเมตร ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการความปลอดภัยต่ำมาก จ่ายเงินเสร็จลากไปใส่เสื้อชูชีพแล้วมีคนให้บริการมาประกบหน้าหลังทันทีโดยไม่อธิบายใดๆ พูดแค่ "Hurry Hurry, Safe Safe" แล้วลากไปเล่นเลย

หลังเกิดอุบัติเหตุ ผ่าตัดใส่เหล็กดามเรียบร้อย คู่กรณีแสดงท่าทีฉุนเฉียว กล่าวหาว่าสำออยอยากได้เงิน พยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่เชื่อผล CT scan และคำบอกเล่าอาการจากแพทย์และพยาบาล กล่าวหาว่ากุเรื่องเพื่อจะเอาเงินอย่างเดียว ทั้งนี้ ค่ารักษาพยาบาลจากการผ่าตัด 150,000 บาท น่าต๋าหานเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีเพียง 200,000 บาท เพราะไม่อยากให้ยืดเยื้อ อยากให้เรื่องจบเร็ว แต่คู่กรณีกลับตอบกลับมาว่ามีให้แค่ 50,000 บาทเท่านั้น และมีท่าทีแข็งกร้าวอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมจ่ายเพิ่มใดๆ บอกห้ามแจ้งความ สุดท้าย น่าต๋าหานให้ทางโรงพยาบาลเปิดแผลให้คู่กรณีดูชัดๆ ถึงมีท่าทีอ่อนลง

พร้อมกันนี้ น่าต๋าหานเตือนชาวจีนว่าอย่าเล่นกีฬาผาดโผนในไทย เพราะมีความเสี่ยงต่อชีวิต สังเกตว่าไม่มีคนไทยในพื้นที่เล่น มีแต่ชาวต่างชาติรวมทั้งชาวจีนที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก เห็นว่าผู้ประกอบการไม่เห็นความสำคัญของชีวิตพวกเรา เห็นคนต่างชาติแบบตนเป็นแค่แหล่งเงินเท่านั้น และจากที่สอบถามฝั่งที่ขายบริการร่มร่อน พบว่าทุกปีมีอุบัติเหตุแบบที่ประสบหลายเคส แต่ไม่เคยเป็นข่าว ยิ่งทำให้บริการแบบนี้น่ากลัวมากๆ เพราะหลังจากที่แข้งหักเข้าโรงพยาบาล คู่กรณีก็ยังคงขายบริการนี้ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติเหมือนเดิม เหมือนไม่เคยมีความผิดพลาดเกิดขึ้น

'องค์กรระดับโลก' ชี้!! ทักษะ 'การอ่าน' ของคนไทยต่ำกว่าเกณฑ์  อยู่ในระดับไม่สามารถอ่านและทำความเข้าใจข้อความสั้นๆ ได้

เมื่อไม่นานมานี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ ธนาคารโลก (World Bank) เปิดเผยรายงานเรื่อง Fostering Foundational Skills in Thailand ซึ่งทำการสำรวจ ‘ทักษะทุนชีวิต’ (Foundational Skills) ของเยาวชนและแรงงานไทยเป็นครั้งแรก โดยทำการสำรวจ 3 ทักษะที่สำคัญ ได้แก่ 1.ทักษะการรู้หนังสือการอ่าน 2.ทักษะด้านทุนดิจิทัล และ 3.ทักษาะทางด้านอารมณ์และการเข้าสังคม

โดยผลสำรวจประชากร ช่วงอายุ 15 - 64 ปี จำนวน 7,300 คนจากทั่วประเทศทุกภูมิภาค พบว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติทักษะทุนชีวิต โดยเยาวชนและผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มีทักษะทุนชีวิตที่ ‘ต่ำกว่าเกณฑ์’ กล่าวคือพวกเขาไม่สามารถอ่านและทำความเข้าใจข้อความสั้นๆ ได้ ไม่สามารถใช้งานเครื่องมือดิจิทัลแบบง่ายๆ ได้ เช่นเดียวกับไม่มีแนวโน้มที่จะคิดริเริ่มทางสังคมหรือมีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็น

เกือบ 2 ใน 3 ของเยาวชนและผู้ใหญ่ในประเทศไทย หรือ 64.7% มีทักษะด้านการรู้หนังสือต่ำกว่าเกณฑ์ แปลว่าพวกเขาไม่สามารถอ่านและทำความเข้าใจข้อความสั้นๆ เพื่อแก้ปัญหาได้ เช่น การอ่านและทำตามฉลากยา เป็นต้น

ผลสำรวจ 3 ใน 4 หรือ 74.1% มีทักษะทุนชีวิตด้านดิจิทัลที่ต่ำกว่าเกณฑ์ แปลว่าพวกเขาไม่สามารถใช้อุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง (เมาส์) และแป้นพิมพ์ (คีย์บอร์ด) บนคอมพิวเตอร์พกพา เพื่อใช้ทำงานง่ายๆ ได้ เช่น การหาราคาที่ถูกต้องของสินค้าบนเว็บไซต์ซื้อขายของออนไลน์ เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น 30.3% ของเยาวชนและผู้ใหญ่ในไทย มีทักษะรากฐานทางอารมณ์และสังคมที่ต่ำกว่าเกณฑ์ หรือพวกเขาไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนในการริเริ่มทางสังคม หรือมีความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น และมีจินตนาการ

วิกฤตทักษะทุนชีวิตที่สังคมไทยกำลังเผชิญ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ​ (Gross Domestic Product หรือ GDP) หายไปประมาณ 20.1% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ในปี 2022 กล่าวคือเยาวชนและผู้ใหญ่ที่มีทักษะทุนชีวิตต่ำกว่าเกณฑ์ “มีรายได้น้อย” กว่ากลุ่มคนที่มีทักษะสูงกว่าเกณฑ์ หรือมีรายได้แตกต่างมากถึง 6,324 บาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นความแตกต่างที่เยอะมาก 

นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าประเทศไทยมีเยาวชนและผู้ใหญ่เกือบ 1 ใน 5 หรือ 18.7% ที่ไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เนื่องจากขาดทักษะทุนชีวิตทั้ง 3 ด้าน ซึ่งหมายถึงพวกเขาเหล่านั้นแทบจะไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง และมีแนวโน้มที่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อชดเชยวิกฤตด้านทักษะ

อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยเสนอ 5 ข้อเสนอแนะสำหรับรัฐบาลไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพและสมรรถนะทางการศึกษาสำหรับการเสริมสร้างทักษะทุนชีวิต ดังต่อไปนี้ 

- ปรับปรุงคำแนะนำเชิงกลยุทธ์สำหรับนักการศึกษา เพื่อทำความเข้าใจและตอบสนองต่อวิกฤตทักษะทุนชีวิต
- เพิ่มประสิทธิภาพและความครอบคลุมเรื่องการส่งมอบการเรียนรู้แบบกระจายอำนาจ
- ปรับใช้เครื่องมือที่เป็นนวัตกรรม เพื่อช่วยปรับปรุงการเรียนการสอน
- เสริมสร้างการประกันคุณภาพ
- ใช้ประโยชน์จากพลังของแคมเปญการให้ความรู้และข้อมูลต่างๆ 

ผวา!! ‘แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส’ โผล่หาดชลาทัศน์ ชี้!! พิษร้ายแรงที่สุดในโลก โดนเข้าอาจถึงขั้นเสียชีวิต

จากกระแสในโซเชียลมีเดียเตือนภัยแมงกะพรุนหาดชลาทัศน์ จ.สงขลา พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกพิษแมงกะพรุนหลายรายทั้งในพื้นที่อ.สิงหนคร มาจนถึงที่อ.เมือง จ.สงขลา ตลอดแนวหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา สงขลา

ล่าสุด (28 ก.พ. 67) ที่หาดชลาทัศน์ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณริมหาดพบว่ามีแมงกระพรุนสายพันธุ์ หมวกโปรตุเกส ลักษณะเด่น หัวมีสีขาวเหมือนหมวกทหารเรือรบโปรตุเกสโบราณ ลำตัวมีสีน้ำเงิน มีพิษร้ายแรง โดยเฉพาะคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หากไปโดนพิษแมงกะพรุนชนิดนี้ อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต พบมากในช่วงมรสุม ส่งผลให้ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลในห้วงเวลานี้ พบแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส ถูกคลื่นซัดเข้ามาบริเวณชายหาดต่าง ๆ ตลอดแนวทั้งจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี สงขลา กระบี่ ภูเก็ต

ด้านนายวันชัย ปริญญาศิริ นายกเทศมนตรีนครสงขลาเผยว่า ปรากฎการณ์ของแมงกะพรุนหมวกโปรตุเกสจริง ๆ เจอกันเป็นประจำตามฤดูกาล แต่ปีนี้จากการสำรวจพบว่ามีมากกว่าปีก่อน ๆ มาก ตั้งแต่ริมหาดตลอดแนวไปจนถึงกลางทะเลใกล้เกาะหนูเกาะแมว ซึ่งขณะนี้ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดประชาสัมพันธ์และเฝ้าระวังเชิงรุก และห้าม นทท.ลงเล่นน้ำ หากพบมีผู้ถูกพิษแมงกะพรุนชนิดนี้ก็จะเร่งให้ไลฟ์การ์ดปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที โดยระหว่างนี้ไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ก็ยังจะพบแมงกะพรุนไฟโปรตุเกสอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามก็ต้องขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยวระมัดระวังในการลงเล่นน้ำหากพบแมงกะพรุนไฟดังกล่าวอย่าเข้าใกล้เด็ดขาดและหากโดนพิษให้เร่งเอาน้ำส้มสายชูราดที่ผิวหนังทันที ซึ่งทางเทศบาลนครสงขลามีบริการไว้ตามจุดต่าง ๆ ตลอดแนวหาดแล้ว

สำหรับแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส (Portuguese man-of-war) เป็นแมงกะพรุนไฟสายพันธุ์ Physalia มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส จัดเป็นแมงกะพรุนไฟที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก มีลําตัวสีชมพูม่วง น้ำเงิน หรือเขียว ยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร รูปร่างของร่มแมงกะพรุนมีลักษณะคล้ายเรือใบ ลักษณะภายนอกของลําตัวมีปากยื่นยาวออกมาจากลําตัว และมีหนวด (ยาวได้มากถึง 30 เมตร) ออกมาจากขอบร่มเป็นสายยาว โดยปกติจะไม่พบในน่านน้ำไทย ส่วนใหญ่จะพบในทะเลเปิดของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย แต่จะอาจจะถูกกระแสน้ำพัดมาเกยตื้นหรือเข้าสู่น่านน้ำไทยได้ในบางฤดูกาล

สวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคมซื้อบัตรผ่านประตู ลดทันที 50 %

สวนนงนุชพัทยาโดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ประกาศโปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคม ซื้อบัตรผ่านประตูลดทันที 50 % เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดีของนักท่องเที่ยวในเดือนที่ผ่านมา และเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทยจึงได้ขยายเพิ่มในเดือนมีนาคม ส่วนของโปรโมชันพิเศษอื่นๆ สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าฟรีทุกวันศุกร์ เด็กความสูงไม่เกิน 140 ซม.ที่มากับครอบครัว และผู้พิการพร้อมผู้ติดตามเข้าฟรีทุกวัน

ล่าสุดสวนนงนุชพัทยา ได้รับมอบประกาศนียบัตรจากอธิดีกรมอานามัยให้เป็นสถานที่ที่ได้ปฎิบัติตามมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (GREEN Health Attraction) เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 รางวัลนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของสวนนงนุชพัทยาซึ่งเป็นนโยบายการพัฒนาที่ผ่านมา เน้นในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้มีบริการนั่งรถชมสวนสวยที่ติด 1ใน10 สวนที่สวยที่สุดในโลกโดยไม่ต้องเดิน สำหรับผู้ที่ต้องการชมการแสดงนงนุชโชว์และการแสดงช้างแสนรู้ มีวันละ 4 รอบ ผู้ที่ต้องการใช้โปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคมเพียงยื่นหลักฐานที่ช่องจำหน่ายบัตร สวนนงนุชพัทยาเปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. -18.00 น.

‘เอกชัย ศรีวิชัย’ โพสต์เดือด!! พร้อมอิโมจิรูปเท้า “หากลูกเขาตายใครรับผิดชอบ? มึงบอกให้ลูกมึงกินข้าว จบ”

ก่อนหน้านี้ นายเอกชัย ศรีวิชัย นักร้อง นักแสดง ผู้กำกับหนัง และผู้เคยแสดงจุดยืนเชียร์พรรคก้าวไกล ได้ออกมาเคลื่อนไหวกรณี ‘กลุ่มทะลุวัง’ บีบแตรและขับรถแซงขบวนเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในขณะที่ขบวนกำลังแล่นผ่านทางด่วน พร้อมระบุว่า เป็นการกระทำที่ทำร้ายความรู้สึกของคนไทย และทำลายศรัทธาที่เคยมีต่อกลุ่มการเมืองหนึ่งจนหมดสิ้น

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (27 ก.พ. 67) เอกชัย ศรีวิชัยก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘บุญรอบ ศรีวิชัย’ ระบุข้อความว่า “หากลูกเขาตายใครรับผิดชอบ? มึงบอกให้ลูกมึงกินข้าว จบ👣”

ภายหลังจากโพสต์ข้อความไปแล้ว แฟนคลับและผู้ติดตามต่างเข้ามาคอมเมนต์ตอบโต้มากมาย และแม้จะไม่ได้ระบุว่าเป็นเรื่องอะไร แต่คอมเมนต์ก็ไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ถูก, จริง, ชอบกินตรีนทำยังไงล่ะครับ, จริงค่ะพี่เอกมึงต้องกินข้าวจะได้ไม่ตาย ฯลฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top