Monday, 19 May 2025
NEWS FEED

(สุรินทร์) กองกำลังสุรนารี จัดกิจกรรม "สานสัมพันธ์ 3 ประเทศ ป้องกันภัยยาเสพติด" 

วันที่ 6 เมษายน 2567 ที่ ห้องประชุมบันทายศรี คณะวิทยาลัยการจัดการ ม.ราชภัฏสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ กองกำลังสุรนารี โดย พลตรี ณัฎฐ์  ศรีอินทร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เป็นประธานในการจัดกิจกรรม "สานสัมพันธ์ 3 ประเทศป้องกันภัยยาเสพติด" และกล่าวต้อนรับ พลโท เจีย  โซะเพีย รองผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 และคณะฯจากประเทศกัมพูชา และ พันโท คำเฮ้า วงพม รองเสนาธิการ กองบัญชาการทหาร แขวงจำปาสัก และคณะฯ จาก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม  เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดี ในกลุ่มประเทศ ไทย ลาว และกัมพูชา ในระดับผู้นำเยาวชน เพื่อสร้างเครือข่ายในการประสานความร่วมมือและแก้ไขปัญหาในทุกมิติ

เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงปัญหาของยาเสพติด และกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในอนาคต เพื่อให้ทั้ง 3 ประเทศ พัฒนาความสัมพันธ์ได้อย่าง โดยมี ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 117 คน แยกเป็น มัธยมศึกษาตอนปลาย 31 คน อุดมศึกษา 76 คน เยาวชนจากกัมพูชา จำนวน 47 คน เยาวชนจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 40 คน เยาวชนจากไทย จำนวน 30 คน ในห้วงที่ผ่านมา วันที่ 5 เมษายน 2567 เป็นการจัดกิจกรรมสันทนาการ

โดยวิทยากรจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์  เพื่อสร้างความคุ้นเคยและทำความรู้จักกัน และดำเนินการการสัมมนาในหัวข้อ "อนาคตไทย ลาว กัมพูชา ในการจับมือแก้ไขปัญหายาเสพติดและการพัฒนาร่วมกัน ในมุมที่เยาวชน คนรุ่นใหม่อยากเห็น" การศึกษาดูงานโครงการทหารพันธุ์ดี กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 และในห้วงของวันที่ 6 เมษายน 2567 เป็นการเดินทางไปศึกษาดูงานศูนย์คชศึกษา และร่วมกันการแถลงผลการสัมมนา จากแต่ละประเทศ ให้ผู้นำแต่ละประเทศได้รับฟัง ในช่วงบ่ายได้มีการ จัดการแข่งขันกีฬา ประกอบไปด้วยกีฬา ตีกอล์ฟ VIP กีฬาฟุตบอล กีฬาวอลเลย์บอล และกีฬาเบตอง ในวันที่ 7 เมษายน 2567 ได้จัดกิจกรรม ตักบาตรร่วมกันก่อนเดินทางกลับภูมลำเนาแต่ละประเทศ 

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า ข่าว//ภาพ

‘สภาทนายความฯ’ แต่งตั้ง ‘ท่านอ้น’ เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายกสภาฯ เพื่อใช้ความรู้ ทำประโยชน์ให้ปชช. สร้างความเท่าเทียม ในกระบวนการยุติธรรม

(6 เม.ย. 67) ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวานนี้ นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้มอบหนังสือแต่งตั้งท่านชายวัชเรศร วิวัชรวงศ์ หรือ ท่านอ้น เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกสภาทนายความ ปี พ.ศ. 2565-2568 โดยมีคณะกรรมการบริหารสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความ นายพงศ์พันธ์ ศรีเสวตร์ รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยกรรมการสำนักงานคดีปกครอง ร่วมเป็นเกียรติแสดงความยินดี

ท่านชายวัชเรศร วิวัชรวงศ์ หรือ ท่านอ้น กล่าวขอบคุณนายกสภาทนายความที่ให้ความไว้วางใจแต่งตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกสภาทนายความ

"รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง โดยจะทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และให้ความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกคน และจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ด้านความยุติธรรม"

นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวขอบคุณท่านชายวัชเรศร วิวัชรวงศ์ ที่ให้เกียรติเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกสภาทนายความ ซึ่งเชื่อมั่นว่า ต่อจากนี้ไปจะเห็นบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปในการให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของสภาทนายความอย่างแน่นอน

ผู้โดยสารสุดกลั้น อุจจาระในรถไฟฟ้า MRT ชาวเน็ต ยืนยัน ห้องน้ำมีทุกสถานี ไม่ควรทำแบบนี้

(6 เม.ย. 67) ผู้ใช้ TikTok @pee_chean420 โพสต์คลิปชวนอ้วก หลังพบผู้โดยสารรายหนึ่งทิ้งอุจจาระไว้บนรถไฟฟ้า MRT ทำส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปทั่วทั้งขบวน โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

“ข่าวด่วน ผู้โดยสารปล่อยวัตถุต้องสงสัย สงสัยจะไม่ไหวแล้ว 25 ปี มีครั้ง ขอสักหน่อย”

โดยภายในคลิปวิดีโอจะเห็นว่าแม่บ้านเข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดจุดเกิดเหตุอยู่ อย่างไรก็ตาม หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 5 แสนครั้ง นอกจากนี้มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่มองว่า

“คือสถานีรถไฟฟ้า ควรมีห้องน้ำทุกสถานี” 

ผู้โพสต์ก็ได้เข้ามาตอบว่า 

“มีห้องน้ำครับ แต่ไม่มีสายชำระ ทิชชู่ต้องซื้อเอง หรือเตรียมมา ผมเคยสละถุงเท้ามาแล้ว”

ทั้งนี้ ชาวเน็ตส่วนใหญ่ยืนยันว่าสถานีรถไฟฟ้า มีห้องน้ำทุกสถานี สามารถใช้บริการได้

‘ปรเมษฐ์ ภู่โต’ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความ เนื่องในวันจักรี ย้ำ!! น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ‘พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี’

(6 เม.ย. 67) นายปรเมษฐ์ ภู่โต ผู้ดำเนินรายการ ‘ถึงแก่น Live’ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

นั่งคิดอยู่นานว่าจะโพสต์เนื้อหา อะไรเนื่องในวันจักรี 6 เมษายน 2567 นอกจาก คำว่าน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรี และกรุงรัตนโกสินทร์

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อครั้งยังคิดว่าตัวเองเป็น 'ฝ่ายก้าวหน้า' และ 'คิดจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน' การพูดถึงวันจักรี ก็จะมีชุดข้อมูลอีกแบบ ซึ่งก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมายืนยัน มีแต่เรื่องเล่าต่อ ๆ กันมา ของรุ่นพี่ ของรุ่นพี่อีกทีจนมาถึงรุ่นเรา

แต่เมื่อเรา เติบโตขึ้น อ่านมากขึ้น เรียนรู้มากขึ้น เข้าใจ สิ่งที่เรียกว่า 'บริบททางประวัติศาสตร์ ' มากขึ้น เราจึงเห็นว่า การสร้างบ้านเมืองให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นนั้นสำคัญมาก ทั้งต่อคนในยุคนั้น และส่งต่อมาถึงยุคหลัง ความมั่นคงปึกแผ่นของบ้านเมือง คือพื้นฐานสำคัญที่สุดของการพัฒนาบ้านเมืองในทุก ๆ ด้าน ประเทศจีนกว่าจะมายิ่งใหญ่ทุกวันนี้ ก็ต้องผ่านการรวมแผ่นดิน จาก 3 ก๊กมาเป็นหนึ่งเดียว

สหรัฐอเมริกานั้นก็ผ่านสงครามระหว่างฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ กว่าจะมาเป็นมหาอำนาจคับโลก
ในขณะที่ชาติอาหรับ หลายประเทศผู้คนล้วนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ถูกมหาอำนาจ แบ่งซอยเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย แล้วขายอาวุธให้รบกันเองจนถึงทุกวันนี้

ประเทศที่ไม่มีเอกภาพ ผู้คน และดินแดน แตกเป็นเสี่ยง ๆ ยากที่จะพัฒนาให้เข้มแข็ง ชีวิตของผู้คนในประเทศนั้นก็ยากจะมีความสุข 

กล่าวโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตัวเองบ้าง เทือกเถาเหล่ากอผมนั้นฝ่ายพ่อ เป็นคน"เชื้อชาติจาม" หรือ 'แขกจาม' อยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศกัมพูชาปัจจุบันโดนกวาดต้อนมา และมามีบทบาทในประวัติศาสตร์ไทยในฐานะ นักรบ 'กองอาสาจาม' มีปรากฏหลักฐานว่าได้ร่วมเป็นกำลังสำคัญในหลายสมรภูมิ ( ทางฝ่ายแม่นั้นฟังว่า ก็มีเชื้อสายมอญ ) ชุมชนที่เกิดและเติบโตในกทม.คือชุมชนบ้านครัวนั้นก็ได้รับพระราชทานที่ดินจากพระมหากษัตริย์ในอดีต ก็อยู่เย็นเป็นสุขเรื่อยมา ไม่ได้มีข้อจำกัดใด ๆ ในเรื่องศาสนา ส่วนจะรวยจะจน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนดำเนินชีวิตกันเอง เอาแค่ว่า การได้เกิดและเติบโตในผืนแผ่นดินที่ชื่อประเทศไทย ที่ในหลวงรัชกาลที่ 1ได้ทรงสร้างให้เป็นปึกแผ่น ก็ถือว่าโชคดีขนาดไหนแล้ว

ผมลองคิดเล่น ๆ ว่าหาก บรรพบุรุษของผมไม่ได้มาอยู่เมืองไทย ไม่แน่ว่าคนรุ่นพ่อผม อาจถูกพวก 'ฝ่ายก้าวหน้า' ของกัมพูชา หรือเขมรแดง ในยุค พล พต จับไปทำนารวม หรือไม่ก็คงโดนฆ่าตายแบบที่คนกัมพูชาเป็นล้าน ๆ คนโดนก็เป็นได้ 

หรือมาถึงยุคผม คิดง่าย ๆ ที่สุดเลย คืออยู่ในประเทศนี้ภายใต้พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี แม้จะมีรัฐบาลที่เราชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง ก็ยังดีกว่าเป็นประชาชน ของฮุนเซน เป็นไหน ๆ
แล้วแบบนี้ จะไม่ให้ผมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านได้อย่างไร🙏🙏🙏

จัดโชว์ประเทศไทย ในงาน world expo ที่ญี่ปุ่น เพื่อแสดงศักยภาพ เน้นให้ทั่วโลก เข้าถึงภูมิแบบไทย ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ARCHITECTS 49 LIMITED’ ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ อาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion World Expo 2025) ในงาน world expo 2025 ณ กรุงโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิดหลัก ‘ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน’ ที่จะเชื่อมต่อชาวโลกให้เข้าถึงภูมิแบบไทย ๆ โดยได้ระบุว่า ...

‘ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน’ Thailand Pavilion อาคารแสดงประเทศไทย ในงาน world expo 2025 

อาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion World Expo 2025) ในงาน world expo 2025 ณ กรุงโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิดหลัก ‘ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน’ ที่จะเชื่อมต่อชาวโลกให้เข้าถึงภูมิแบบไทย ๆ ผ่านบรรยากาศของดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและวิถีของผู้คนที่ช่วยสร้างภูมิให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ เป็นการแสดงศักยภาพของประเทศตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ที่จะทำให้ประเทศไทยเชื่อมโยงกับทั่วโลกได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนในอนาคต 

#ความเป็นไทยในสากล
การออกแบบสถาปัตยกรรมภายใต้แนวคิดหลักข้างต้นที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การแสดงออกถึงความเป็นไทย เน้นการใช้องค์ประกอบอ่อนช้อยที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายเพื่อสร้างประสบการณ์การชมนิทรรศการที่มีความรู้สึกสนุก, สบาย, ผ่อนคลายซึ่งเป็นความรู้สึกที่เป็นความทรงจำร่วมของผู้คนส่วนใหญ่เมื่อได้มาเยือนประเทศไทย

#อัตลักษณ์ศิลปสถาปัตยกรรมไทย
แนวความคิดในการออกแบบอัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรม โดยนำองค์ประกอบของศิลปสถาปัตยกรรมไทยโบราณที่สามารถ สื่อสารความเป็นไทยได้อย่างชัดเจนและเป็นที่จดจำได้ของผู้คนทั่วโลก เช่น รูปทรงหลังคาที่มี 'จอมแห' เป็นเส้นกำกับ, การ ย่อมุมเพื่อลดหลันขนาดขององค์ประกอบ, การใช้ลวดลายจักสานของเหลวมาประกอบเพื่อแสดงถึงเชื่อมโยงของความเชื่อและภูมิปัญญาของคนไทย, การใช้สีสันและรูปแบบวัสดุแบบไทย ๆ ที่มีความละเมียดละเอียด

#จั่วในเงาสะท้อน
ตำแหน่งที่ตั้งของอาคารแสดงประเทศไทยอยู่ในโซน Connecting Lives ของผังแม่บทงาน Expo ด้วยลักษณะของแปลง ที่ตั้ง (Plot Site-A13) เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีสัดส่วนด้านหน้าแคบและลึกไปร้อยกว่าเมตรทางด้านหลัง จึงใช้เทคนิคการสะท้อนของผนังสูงให้กับตัวอาคารที่มีลักษณะเป็นครึ่งจั่วขนาบข้างผนังสูงไปตลอดแนวของแปลงที่ตั้ง เกิดเป็นภาพสะท้อนของจั่วที่สมบูรณ์ทั้งสองข้างจากมุมมองทางเข้าหลักของงาน(Main line of Flow) เพื่อเชิญชวนและนำผู้เยี่ยมชมงานเข้าสู่อาคารแสดงประเทศไทยผ่านบรรยากาศของพืชพรรณสมุนไพรตั้งแต่ลานทางเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการภายใน, พื้นที่กิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์การมีส่วนร่วม(workshop), พื้นที่จำหน่ายของที่ระลึกและอาหารไทย ต่อเนื่องไปจนถึงทางออกของอาคารในด้านหลังที่มองเห็นต่อเนื่องไปยังพื้นที่สวนป่าขนาดใหญ่ใจกลางงาน (Forest of Tranquility)

#อัตลักษณ์การย่อมุมประยุกต์สัดส่วนไทย
รูปทรงหลังคาของอาคารจัดแสดงประเทศไทยมีความลาดเอียงและสูงต่ำไปตามลักษณะการใช้พื้นที่ภายใน เพื่อรองรับการ จัดแสดงของนิทรรศการและความหนาแน่นของผู้เยี่ยมชมในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป เกิดการใช้พลังงานและทรัพยากรเท่าที่จำเป็นและให้เกิดประโยชน์สูงสุด องค์ประกอบของหลังคาได้นำอัตลักษณ์การย่อมุมมาใช้ในจัดวางชิ้นส่วน วัสดุหลังคา ลดหลั่นให้ลื่นไหลทั้งในแนวยอดสู่ด้านล่างชายคาและแนวด้านหน้าสู่ด้านหลัง การประกอบของชิ้นส่วนย่อยช่วยลดทอนผืนหลังคาผืนใหญ่ของตัวอาคารให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสถึงความละเมียดละไมของศิลปสถาปัตยกรรมไทยที่ประยุกต์ใช้กับวัสดุและวิธีการก่อสร้างสมัยใหม่

#datadrivendesign
การวิเคราะห์และนำข้อมูลมาใช้ในการออกแบบเพื่อให้อาคารแสดงประเทศไทยสามารถแสดงออกซึ่งความเป็นไทยได้โดยสอดคล้องกับบริบทที่ตั้งซึ่งแตกต่างทั้งด้านภูมิประเทศและภูมิอากาศให้รองรับการใช้งานและการใช้พลังงานของอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แสดงให้ทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่มีภูมิเป็นต้นทุนอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย และพร้อมที่จะเชื่อมโยงกับสังคมโลกในอนาคตหลากหลายมิติและยั่งยืน

สืบนครบาลรวบป๋าตือ วัย 70 ปีเจ้าของคณะเชิดสิงโตล่วงละเมิดเด็กหญิง 8 ขวบ

เสียงร้องไห้ที่ชวนขนหัวลุกในทุกค่ำคืน เสียงที่ไม่มีที่มาที่ไปเป็นเวลาหลายปี นำมาสู่การไขคดีสุดแสนสะเทือนใจไม่ใช่เรื่องอาถรรพ์ในบ้านแต่มันเป็นเสียงร้องไห้ของ 'น้องเอ' (นามสมมุติ) วัย 13 ปี ที่แอบร้องไห้ตลอดระยะเวลา 4 ปี จุดเริ่มต้นเมื่อพ.ศ.2561 ขณะนั้นน้องอายุ 8 ปี ได้ถูกป๋าตือ” ผู้เฒ่าวัย 70 ปีเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านดินแดงล่วงละเมิด แล้วหลบหนีไป จึงมาขอความช่วยเหลือต่อผู้การจ๋อ  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้สืบสวนจับกุมตัวคนร้าย เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวน้องผู้เสียหาย

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์  วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.,  , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ ,  ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น.  , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ   อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์  รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายปิ๋ว แจ่มน้อย อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/47 ซ.เทียนทะเล 28 ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1210/2567 ลงวันที่ 22 มี.ค. 67 

โดยกล่าวหาว่า “พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี , กระทำชำเราแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร”

จับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 810 หมู่บ้านการเคหะ ซ.นวมินทร์45 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์กล่าวคือ เสียงร้องไห้กระซิกเบาๆที่ชวนขนหัวลุกในทุกค่ำคืน ภายในบ้านหลังหนึ่งย่าน จ.นนทบุรี โดยหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกๆที่พักอาศัยอยู่ในบ้านต่างสัมผัสได้ถึงเสียงที่ไม่มีที่มาที่ไปนี้มาเป็นเวลาหลายปี แต่ก็ไม่สามารถทราบถึงต้นตอของเสียงได้ จนกระทั่งกลางปี พ.ศ.2566 จุดเริ่มต้นของเรื่องราวแสนหดหู่ได้แดงขึ้น เมื่อบุตรสาวคนสุดท้องที่พักอยู่ในบ้านหลังนี้กับเธอได้มาพูดว่า “หนูอยากย้ายบ้าน” โดยมีใบหน้าและท่าทางที่สุดแสนจะเศร้าหมอง เธอเริ่มถามไถ่สาเหตุจากบุตรสาวจนได้ทราบว่า แท้จริงแล้วเสียงที่ชวนขนหัวลุกทุกค่ำคืนนั้นไม่ใช่เรื่องอาถรรพ์ในบ้านของเธอ แต่มันเป็นเสียงร้องไห้ของ “น้องเอ” (นามสมมุติ) บุตรสาวคฃวัย 13 ปี ของเธอที่แอบร้องไห้ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สัญชาตญาณผู้เป็นแม่สัมผัสได้ถึงเรื่องเลวร้าย โอบกอดผู้เป็นแม่ทำให้น้องเอพร้อมระบายความอัดอั้นกว่า 3 ชั่วโมง จุดเริ่มต้นเรื่องราวย้อนกลับไปตั้งแต่ พ.ศ.2561 ขณะนั้นน้องเออายุ 8 ปี ผู้เป็นแม่ได้พบกับความรักครั้งใหม่และมักจะเดินทางไปมาหาสู่ที่บ้านของแฟนคนใหม่ย่านดินแดง กรุงเทพฯอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งแม่ก็จะพาน้องเอไปอยู่ด้วย โดยภายในบ้านฝ่ายชายนั้นดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยใด เพราะนอกจากตัวเขาแล้วก็มีเพียงผู้เฒ่าวัยชราอีก 2 คน ที่เป็นพ่อและแม่ของฝ่ายชายพักอาศัยอยู่ในบ้านด้วย จุดเริ่มต้นของนรกบนดินได้เริ่มขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2561 

ขณะนั้นแม่และแฟนคนใหม่ได้ออกไปข้างนอก ภายในบ้านเหลือเพียงเธอกับผู้สูงอายุอีก 2 คน ที่ยังอยู่ในบ้าน ในวันนั้น “ป๋าตือ” ผู้เฒ่าวัย 70 ปี ได้ชักชวนเธอลงจากบ้านเพื่อไปซื้อขนม แต่เมื่อถึงบ้านชั้นล่างกลับลวงเธอเข้าไปในห้องครัวก่อนจะจับเธอถอดเสื้อผ้าแล้วลงมือข่มขืนเธอในห้องครัวอย่างรุนแรง เธอเจ็บมากแต่ก็ไม่กล้าขัดขืนเพราะตาเฒ่าได้หยิบมีดในห้องครัวมาข่มขู่ว่าหากบอกใครจะถูกฆ่า ซึ่งหลังจากวันนั้นบ้านพักที่ดินแดงนี้ก็เหมือนเป็นนรกสำหรับน้องเอ น้องถูกคนร้ายนี้ข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ตั้งแต่อายุ 8 ปี 

จนถึงปัจจุบันเธออายุ 13 ปี  ไม่กล้าบอกใครเพราะคำขู่ฆ่าเป็นภาพจำ น้องเอทำได้เพียงร้องไห้เบาๆเพื่อมิให้ใครได้ยินทุกค่ำคืน มันไม่ใช่เสียงอาถรรพ์ใดๆ แต่มันเป็นเสียงของความอัดอั้นตันใจ ของเด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกกระทำย่ำยีมาตลอด 5 ปี จากเรื่องอาถรรพ์กลายเป็นเรื่องราวที่แสนสะเทือนใจถ่ายทอดผ่านน้ำตาเด็กสาวกว่า 3 ชั่วโมง สะท้านไปทั้งหัวใจผู้เป็นแม่ พาเธอเข้าแจ้งความดำเนินคดีก่อนจะหอบข้าวของทิ้งทุกสิ่งอย่างออกจากบ้านฝ่ายชายในทันที ซึ่งล่าสุดตาเฒ่าตัณหากลับรายนี้ถูกออกหมายจับแล้ว คือ นายปิ๋ว หรือตือ อายุ 70 ปี พ่อใหญ่แห่งตระกูลดัง และยังเป็นถึงเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านดินแดง แต่เจ้าตัวไหวตัวทันหลบหนีขนของออกจากบ้านพักแล้วหายเข้ากลีบเมฆไปในทันที อีกทั้งเจ้าตัวยังมีเส้นสายคอยส่งซิกให้ ทำให้เจ้าตัวแคล้วคลาดรอดตัวได้จนถึงปัจจุบัน จนเรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลลงพื้นที่ไล่ล่าในทันที แต่งานนี้ไม่ง่ายเพราะคนร้ายรู้จักการต่อต้านการสืบสวนเป็นอย่างดี ทำเอาเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 5 เม.ย. 67 ขณะที่ชุดสืบสวนนั่งแวะพักเหนื่อยในตลาดแห่งหนึ่งย่านนวมินทร์ เสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจ ขณะที่ชุดสืบสวนจะจ่ายค่าอาหารได้ทำเงินเหรียญร่วมไปบนพื้น และขณะก้มเก็บได้เห็นขาของวัยรุ่นคนหนึ่งสวมเกี๊ยว (อุปกรณ์กันกระแทกของคนเชิดสิงโต) สะกิดใจให้ชุดสืบสวนสะกดรอยไป นำมาสู่การพบและจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด

ในชั้นจับกุม นายปิ๋วฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเป็นคนกรุงเทพฯ โดยก่อนหลบหนีได้อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าใกล้ศาลเจ้า ย่านดินแดง ซึ่งตนมีความคลุกคลีกับคณะแสดงเชิดสิงโตที่ศาลเจ้ามาตั้งแต่เด็ก จนช่วงอายุ 7 ขวบ ตนได้มีโอกาสได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดเชิดสิงโตที่คณะสิงโตชื่อดังและได้พัฒนาฝีมือจนได้แสดงในงานเทศกาลและงานสำคัญต่างๆเรื่อยมา จนย่างเข้าอายุ 30 ปี ตนได้เปิดคณะเชิดสิงโตเป็นของตนเอง นับแต่ก่อตั้งคณะตนได้ส่งเสียดูแลเด็กๆและคนในคณะห้าสิบกว่าชีวิตจนกระทั่งลูกชายคนโตของตนได้รู้จักกับ น.ส.บี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นนักแสดงในคณะ (มารดาของผู้เสียหาย) และตกลงใช้ชีวิตกันฉันสามีภรรยาโดยที่ น.ส.บี ได้พา ด.ญ.เอ (นามสมติ) ซึ่งเป็นลูกสาว (ผู้เสียหาย) มาอาศัย ที่บ้านเช่าย่านดินแดงซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกงานแสดงของคณะและใช้เป็นบ้านพักอาศัยของคนในครอบครัวของตน ทำให้ตนได้รู้จักกับ ด.ญ.เอ จนกระทั่งเกิดเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ ตนได้ทราบจากคนรู้จักว่าถูกออกหมายจับคดีอนาจารเด็ก ทำให้ตนจำเป็นต้องหนีเนื่องจากกลัวความผิด และได้ย้ายไปอยู่อาศัยกับคนรู้จักที่อยู่ในแวดวงคณะเชิดสิงโตเรื่อยมา 

จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567 ตนได้ย้ายมาอยู่อาศัยกับคนรู้จักที่เป็นเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านลาดพร้าว ซึ่งตนได้พักอาศัยที่บ้านของคนรู้จักเป็นระยะเวลา 4 วัน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2567 เรื่องทางคดีตนเองถูกแบล็คเมล เพราะแม่ของเด็กนั้นร้ายกาจ ชอบให้ลูกของตัวเองไปอยู่ใกล้ผู้ชายแล้วไปเรียกเงินจากเขา ส่วนที่ตนเองหนีนั้นเพราะทราบว่าตนเองถูกแจ้งความและถูกออกหมายจับ ตนก็เลยหนีมาแอบที่เซฟลับที่ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งญาติสนิทของตนเอง โดยจะตั้งหลักเพื่อรอเคลียกับทางฝ่ายเด็กผู้หญิงให้ถอนแจ้งความ”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย ถึงแม้คนร้ายเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในวงคณะเชิดสิงโต ไม่มีเหตุผลใดที่เด็กสาวผู้เสียหายจะต้องโกหกอีกทั้งมีพยานหลักฐานอื่นๆยืนยันถึงการกระทำผิดของคนร้าย จึงนับว่าน่าหดหู่ใจอย่างยิ่งที่สถานที่ปลอดภัยที่สุดของเด็กๆ กลับกลายเป็น “นรกบนดิน” ที่สร้างสมฟูมฟักบาดแผลหยั่งลึกลงในใจของเด็กน้อยไปนานแสนนาน ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหายมีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้สอดส่องพฤติกรรมของบุตรหลานท่าน อย่าได้นิ่งดูดายเพราะพวกเขาอาจจะประสบอยู่กับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้อยู่ก็เป็นได้ และหากทราบเบาะแสโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

'รวบหัวหน้าวิน' ผันตัวเป็นเอเย่นต์บัญชีม้า ส่งขาย Call Center หลอกคนไทย

ตำรวจไซเบอร์ ตามรวบหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ย่านนนทบุรี ริรวยทางลัดผันตัวเป็นเอเย่นต์จัดหาบัญชีม้า ชักชวนลูกวินเปิดบัญชี สุดท้ายแก๊ง Call Center นำบัญชีไปหลอกลวงเทรดหุ้น Hotbit Internationalผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 24 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6 ล้านบาท

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจากการถูกแก๊ง Call Center เข้ามาตีสนิทและชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้น อ้างว่าได้รับผลตอบแทนสูง โดยหลอกลวงให้ทำการติดตั้งแอปพลิเคชั่น “Hotbit International” พร้อมทั้งโอนเงินเข้าร่วมลงทุน ซึ่งปรากฎว่ามีผู้หลงเชื่อและสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5 เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวไปบางส่วนแล้ว เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา 

โดยภายหลังการจับกุม พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ ผบก.สอท.5 ได้สั่งการให้เร่งขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้จากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาบางส่วนรับว่า มีอาชีพขับวินจักรยานยนต์รับจ้าง ได้เปิดบัญชีธนาคารขายให้กับหัวหน้าวิน ชื่อนายโจ้ (นามสมมติ) ซึ่งมาชักชวนให้ลูกวินเปิดบัญชี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5  จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหานี้ไว้ 

ต่อมาวันที่ 5 เมษายน 2567 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.ฯ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ สว.สส.ฯ  ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.สส.ฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายโจ้ (นามสมมติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่ บริเวณหน้าห้องพักของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ใน ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี จากการสอบสวนนายโจ้ ให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยเป็นหัวหน้าวิน ได้รับการติดต่อให้หาคนรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือบัญชีม้า เพื่อใช้โอนเงินในบ่อนการพนันให้นักพนัน โดยให้ค่าเปิดบัญชีในราคาบัญชีละ 1,500 บาท หากหาบัญชีม้าได้มากเท่าไรก็จะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้นตามลำดับ จึงไปชักชวนลูกวินให้พากันมาเปิดบัญชี ซึ่งสามารถหาคนเปิดบัญชีได้จำนวน 4 บัญชี นายโจ้ได้รับเงินค่านายหน้าจัดหาบัญชีมาทั้งหมด 5,000 บาท ส่วนบัญชีม้าที่ขายไปนั้น จะถูกนำไปขายให้กับบ่อนพนันจริงหรือไม่นั้นไม่ทราบ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ กล่าวว่า เบื้องต้นขณะนี้พบว่าบัญชีที่ถูกขายไปนั้น ได้ถูกแก๊ง Call Center นำไปหลอกลวงประชาชน โดยมีผู้เสียหายทั่วประเทศแล้วกว่า 24 ราย สร้างความเสียหายรวมกว่า 6,200,000 บาท และขณะนี้กำลังขยายผล เพื่อเชื่อมโยงไปยังกลุ่มนายทุนผู้อยู่เบื้องหลัง และจะทำการตรวจสอบด้วยว่ามีบ่อนการพนันตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ 

“ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่า การขายบัญชีม้า หรือซิมม้า เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย  ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอกนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้วแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ” พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ กล่าว

อาจารย์เซนต์คาเบรียล ประกาศลาออก ไปเป็นครูอาสา ขอเดินหน้า ทำตามฝัน สอนเด็กด้อยโอกาส ตามต่างจังหวัด

(6 เม.ย.67) ผู้ใช้ TIKTOK ที่ชื่อว่า ‘topaanon’ ได้โพสต์คลิป ขอลาออกจากการเป็นอาจารย์ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ไปทำตามความฝัน เป็นครูอาสา โดยได้ระบุว่า ...

สวัสดีครับ ผมมาสเตอร์ท็อปนะครับ วันนี้ผมมีข่าวจะแจ้งให้ทุกท่านทราบ ผมได้ลาออกจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล แล้วนะครับซึ่งเหตุผลก็คือ ผมอยากออกไปทำตามความฝันที่ผมวางเอาไว้ ผมคิดไว้ตั้งนานแต่ยังไม่มีโอกาสและความกล้าที่จะทำ ความฝันของผมก็คือออกไปสอนเด็กตามพื้นที่ต่าง ๆ อารมณ์เหมือนครูอาสา ผมคิดมาเสมอว่ายังมีเด็กอีกมากมายที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าถึงการศึกษา 

ผมอยากจะไปสร้างแรงบันดาลใจให้เขา ได้รับรู้ว่าการเรียนหนังสือนั้นมันไม่ได้น่าเบื่อ มันสนุกแล้วก็มีความสุขได้อย่างที่ผมนั้นได้ทำมาโดยตลอด ผมอยากให้เขารู้ว่าการศึกษานั้นมีความสำคัญ โดยผมนั้นก็เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก ๆ เลย แต่ที่มีชีวิตดีได้ก็เพราะการศึกษา ผมขอขอบคุณทุก ๆ คนที่ให้กำลังใจผม ทำให้ผมได้กล้าออกไปทำตามความฝัน บางคนก็ comment ว่าอยากให้ลูกได้เรียนกับผมจังเลย อยากให้เด็ก ๆ ตามต่างจังหวัดได้เจอกับผมจังเลย ซึ่งทุก ๆ ความคิดเห็นก็เป็นกำลังใจให้ผม ผมขอขอบคุณทุก ๆ ท่านมากเลยครับ

การลาออกของผมในครั้งนี้ผมรู้สึกใจหายและก็ลำบากใจมากเลย เพราะผมทำงานที่นี่มา 10 ปีที่นี่เป็นโรงเรียนแรกของผมเลย ผมผูกพันกับที่นี่มาก ที่นี่เป็นโรงเรียนที่ให้โอกาสผมได้สอนในแบบที่ผมเป็น และทำให้ผมได้มีความสุขในการสอนหนังสืออย่างมาก แต่ตอนนี้ผมขอออกไปทำตามความฝันของผมก่อน เพราะถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำตอนไหนอีกแล้วครับ

‘กวีเหลวไหลแท้’ โพสต์ ‘ฝรั่งที่ใช้เงินเป็น’ นั่งกินร้านข้าวต้ม ชี้ นี่คือ ซอฟต์พาวเวอร์ของคนไทย อาหารอร่อย บริการเป็นเลิศ

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) ‘กวีเหลวไหลแท้’ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ‘ร้านข้าวต้ม’ ซึ่งถือเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ดั้งเดิมของคนไทย โดยได้ระบุว่า ...

ฝรั่งที่ฉลาดใช้เงินเป็น จะนั่งร้านข้าวต้มหรือร้านอาหารไทยราคาไม่แพง จากนั้นสั่งกับข้าวสักอย่างหรือสองอย่างกินกับข้าว สำหรับคนมีงบประมาณอยู่บ้าง หรือสั่งอาหารเป็นจาน เช่น ข้าวผัด สำหรับคนต้องการประหยัด

ตามภาพ เช็คบิลไม่เกิน 150 อิ่มแปร้ด้วยกุ้งตัวโตแสนอร่อยไปจนเช้า

คนไทยจิตใจบริการเป็นเลิศ อาหารก็อร่อยยอดเยี่ยม จึงไม่แปลกที่ฝรั่งจะชื่นชมนักหนา

นี่คือซอฟต์พาวเวอร์ดั้งเดิมของคนไทย ที่ไม่จำเป็นให้ใครมาแอบอ้าง

เวลคัมทูไทยแลนด์

'รมว.ปุ้ย' ชี้ กรณี กากแคดเมียม ต้องมีคนรับผิดชอบ เตรียมใช้กฎหมาย ลงโทษ ผู้กระทำความผิด!!

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวง ทุกกรมที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปติดตามเรื่องขนย้ายกากแร่แคดเมียมมาที่สมุทรสาคร ที่โรงงานอะลูมิเนียมแท่งและอะลูมิเนียมเม็ด ในสมุทรสาคร

ทั้งนี้ รมว.ปุ้ย ได้เรียกประชุมด่วนและสั่งการโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 35 และมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 สั่งอายัดกากแคดเมียมและกากสังกะสีที่ปรากฏ พร้อมทั้งสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายและดำเนินคดีทะเบียนโรงงานตามกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอายัดกากแร่นี้มาตั้งแต่มีนาคมแล้ว

ในวันเดียวกัน รมว.ปุ้ย ยังได้สั่งการให้มีการเร่งแก้ปัญหาในทุกด้านอย่างเร่งด่วน พร้อมให้ตรวจสอบโรงงานประเภท 106 ซึ่งดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรม และโรงงานประเภท 59 และ 60 ซึ่งดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการหล่อหลอมโลหะในพื้นที่สมุทรสาครทั้งหมด หากโรงงานใดไม่ปฏิบัติตาม พรบ.โรงงาน และประกาศกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง และจะต้องมีบทลงโทษขั้นสูงสุดตามบัญญัติ

สำหรับการลงพื้นที่ไปยังโรงงานอะลูมิเนียมแท่งและอะลูมิเนียมเม็ด ที่สมุทรสาคร พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีจำนวนราว 2,440 ตัน ส่วนที่เหลือได้ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบว่าอยู่ที่ไหน อย่างไร อยู่ในพื้นที่เฉพาะตามกำหนดหรือไม่ ขณะที่ในส่วนที่ปรากฏอยู่นี้จะต้องขนย้ายไปยังจุดฝัง ภายใน 7 วัน และให้ฝังกลบให้เสร็จในที่เฉพาะภายใน 15 วัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและอยู่ในกรอบมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน

นอกจากนี้ รมว.ปุ้ย ยังได้ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจ หากมีการอนุญาตให้เคลื่อนย้าย โดยทราบว่าขณะนี้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีคำสั่งให้อุตสาหกรรมจังหวัดต้นทางย้ายมาช่วยราชการ ที่สำนักงานกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่เรียบร้อย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top