Tuesday, 18 March 2025
NEWS FEED

สถานทูตสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนคนอเมริกัน ระวังก่อการร้ายในไทย ซ้ำรอยปี 58 หลังส่งอุยกูร์กลับจีน

(28 ก.พ. 68) เฟซบุ๊กเพจสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐโพสต์ข้อความ ระบุว่า ตามที่รัฐบาลไทยได้ส่งตัวกลุ่มผู้ลี้ภัยอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน ซึ่งการส่งตัวกลับเช่นนี้ได้เคยสร้างเหตุการณ์รุนแรงในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ในปี 2558 ที่การส่งตัวอุยกูร์จากประเทศไทยส่งผลให้เกิดการโจมตีด้วยระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บ 125 คน 

จากเหตุการณ์ดังกล่าว สถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศไทย ขอออกประกาศเตือนพลเมืองสหรัฐฯ ให้เพิ่มความระมัดระวังและความระมัดระวังในการเดินทาง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะไปเยือน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

นอกจากนี้สถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศไทยขอแนะนำให้พลเมืองสหรัฐฯ ระมัดระวังและเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะไปเยือน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทบทวนแผนความปลอดภัยส่วนบุคคลปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

‘วีระศักดิ์ โควสุรัตน์’ นำคณะนักธุรกิจไทยเยือนบรูไน ศึกษาโอกาสการลงทุนด้านผลิตโปรตีนคุณภาพสูงจากปลา

(28 ก.พ. 68) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงการนำคณะนักธุรกิจไทย เดินทางเยือนประเทศบรูไน ว่า การเดินทางเยือนบรูไนในครั้งนี้ เพื่อดูงานด้านการผลิตโปรตีนคุณภาพสูง และน้ำมันปลาที่สกัดจากปลาซาร์ดีน ทูน่าและแมคคาเรลที่ปกติสะพานปลาและตลาดปลาส่วนมากคัดส่วนที่ไม่ต้องการออก เพื่อนำกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบสกัดทางวิทยาศาสตร์โมเลกุลในอุณหภูมิต่างๆ ให้กลายเป็นผงโปรตีนชงดื่มสำหรับผู้กำลังสร้างกล้ามเนื้อ ผงโปรตีนเฉพาะทางสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่แพทย์ต้องการให้ได้รับสารอาหารเฉพาะทาง หรือนำไปผสมเป็นผงปลาป่นในการผสมอาหารสัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่งพิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์ว่าจะทำให้เซลของสัตว์ได้รับสารโปรตีนคุณภาพสูง ใช้เป็นหัวอาหารเลี้ยงปลาไหลในญี่ปุ่น ใช้เลี้ยงไก่ไข่ให้ออกไข่ที่มีไข่ขาวเป็นวุ้นหนาขึ้น เปลือกไข่แข็งแรงขึ้น และไข่แดงแสดงความสมบูรณ์กว่า โดยตลาดญี่ปุ่นรับซื้อในราคาสูงมาก และยังเป็นที่ต้องการในตลาดโปรตีนคุณภาพสูงทั่วโลก

โดยนายวีระศักดิ์ นำคณะเดินทางไทยมาสำรวจกิจกรรมด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบรูไนและนอกชายฝั่งเกาะบอร์เนียวเป็นเวลา 3 วัน ทั้งนี้เป็นไปตามคำเชิญของทางการบรูไนที่สนใจดึงดูดผู้มีเทคโนโลยีอาหารระดับสูงและต้องการสำรวจความร่วมมือด้านการจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน และศึกษาลู่ทางการร่วมลงทุน โดยได้จัดให้คณะได้เข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังบรูไนอีกตำแหน่งหนึ่ง ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลบรูไน จัดให้เข้าพบและประชุมร่วมกับอธิบดีกรมประมงของบรูไน  จัดให้เข้าประชุมร่วมกับรักษาการเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจของบรูไน ตลอดจนจัดให้ไปเยี่ยมชมกิจการแพปลา ท่าขึ้นลงเรือสินค้า กิจการห้องเย็นและการเพาะเลี้ยงปลาด้วยระบบปิดที่ทันสมัย สามารถผลิตปลากะพงขาวผสม 3 สายพันธุ์ คือกะพงออสเตรเลีย ผสมกะพงบรูไนและกะพงอ่าวไทยที่มีจุดเด่นที่แตกต่างกันให้กลายเป็นลูกปลาเพาะเลี้ยงไฮบริดที่เหมาะกับความเป็นไปของน้ำทะเลของบรูไน เพื่อใช้เวลาขุนจนโตเหมาะกับการนำขึ้นสู่ภัตตาคารชั้นสูง ในเครือโรงแรมใหญ่ของโลก เช่น เครือไฮแอท เครือแมริออต หรือบรรดาร้านอาหารมิชลินสตาร์ และมารีน่าเบย์แซนด์ ในสิงคโปร์เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ฯพณฯเอกอัครราชทูตไทย บุศรา กาญจนาลัย ได้เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารมื้อกลางวันต้อนรับคณะเดินทางไทย ก่อนคณะจะออกเดินทางกลับไทย โดยมีรักษาการเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจของบรูไนและคณะผู้บริหารกองทุนดารุสซาราม ซึ่งแสดงความประสงค์จะขอร่วมลงทุนในกิจการอาหารระดับสูงของไทยครั้งนี้ รวมทั้งมีผู้แทน Bank of Singapore บินจากสิงคโปร์มาเข้าร่วมใน working lunch ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงบันดาร์เสรีเบกาวานด้วย

‘ชาวเน็ตสงสัย’ เพจนี้ ‘บ้านและสวน’ ของจริงมั้ย หลังโพสต์แซะ ‘นก สินจัย – นก ฉัตรชัย’ ไปไม่รอดต้องปิดบริษัท

(28 ก.พ. 68) จากกรณีที่มีเพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘บ้านและสวน’ ได้โพสต์ภาพ นก สินจัย และ นก ฉัตรชัย เปล่งพาณิชย์ ดารานักแสดงรุ่นใหญ่ พร้อมข้อความว่า  ไปไม่รอด! 2 นก ฉัตรชัยและสินจัยไม่มีละครให้ทำต้องปิด บ.ของตนเรียบร้อยแล้ว ยุติบทบาทผู้จัด ด้านแฟนคลับแซวกลับไปเป่านกหวีดแบบเก่า ‎ ‎

โดยโพสต์ดังกล่าว มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่า เพจนี้ใช่เพจ ‘บ้านและสวน’ จริงหรือไม่ เนื่องจากใช้ชื่อบ้านและสวน ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นสื่อดัง เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน ในเครืออมรินทร์  

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกันยายน 2567 นก สินใจ ได้ออกมาเปิดเผยว่า วงการละครเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก คนดูละครน้อยลง และช่องไม่กล้าลงทุน ทำให้ผู้จัดละคร บริษัท เมตตา และ มหานิยม ที่อยู่มากว่า 20 ปี ต้องปิดบริษัทแล้ว เพื่อให้พนักงานได้แยกย้ายกันไปทำงานอย่างอื่น เพราะไม่สามารถแบกและซัพพอร์ตทุกคนได้

เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุการณ์นี้ผ่านไปนานหลายเดือนแล้ว เหตุใด เพจดังกล่าวยังนำข้อความพร้อมภาพมาโพสต์ส่อเจตนาให้คนเข้าใจผิดอยู่อีก อีกทั้งยัง ตามแซะถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งทั้ง 2 คนเข้าร่วมชุมนุม กปปส. อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจากทางเพจได้โพสต์ข้อความดังกล่าว ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาก ได้แสดงความคิดเห็น ไปในทิศทางที่ไม่เห็นด้วยและไม่เหมาะสมที่เพจออกมาแซะ อีกทั้งยังมีจำนวนไม่น้อย ที่ให้กำลังใจกับดารารุ่นใหญ่ทั้ง 2 เช่นกัน

รอง ผบ.ตร.เร่งรัดขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและแก๊สหัวเราะ อย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ

(28 ก.พ. 68) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและแก๊สหัวเราะ ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้แทน บช.น., ภ.1 - 9, บช.ก., บช.สอท., บช.ทท. และ สตม. เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและแก๊สหัวเราะ ซึ่งปัจจุบันได้ปรากฏสถานการณ์การแพร่ระบาดทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา พื้นที่ใกล้โรงเรียนหรือสถานศึกษา รวมถึงสถานบริการ สถานประกอบการ และพื้นที่สาธารณะในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเอง หรือผู้อื่น สร้างความเดือนร้อน รำคาญ  แก่ประชาชนใกล้เคียง โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับสถิติการจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 มีการจับกุมความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 457 คดี , คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 จำนวน 213 คดี ,  พ.ร.บ.ศุลกากร จำนวน 2,245 คดี และประกาศกระทรวงพาณิชย์ 30 คดี ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 (ห้วงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 27 กุมภาพันธ์ 2568) มีการจับกุมความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 125 คดี , คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 จำนวน 57 คดี , พ.ร.บ.ศุลกากร จำนวน 923 คดี และประกาศกระทรวงพาณิชย์ 22 คดี

พล.ต.อ.ประจวบฯ กำชับให้ทุกหน่วยตรวจสอบ กวดขันในเขตพื้นที่ มิให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและแก๊สหัวเราะ ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่าย ครอบครอง หรือเป็นแหล่งซุกซ่อน หากพบการกระทำความผิด ให้สืบสวนขยายผลให้ได้ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน นำไปสู่การดำเนินคดีตามความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทุกกรณี , x-ray พื้นที่รับผิดชอบ หาเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบนำเข้าทางชายแดน ท่าเรือ การนำเข้าสินค้าโดยไม่ผ่านพิธีทางศุลกากร การซุกซ่อนสินค้าผิดกฎหมายในโกดังสินค้า แหล่งซุกซ่อน การให้บริการของบริษัทขนส่งต่าง ๆ การลักลอบลำเลียงสินค้าผิดกฎหมายกระจายไปในภูมิภาคต่างๆ พื้นที่กลุ่มเสี่ยงและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะ โรงเรียน สถานศึกษา สถานบริการ สถานประกอบการ และให้เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดปฏิบัติการ (operation) เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ ในห้วงเดือนมีนาคม 2568 ดำเนินมาตรการยึดทรัพย์สิน และกระบวนการลงโทษทางการเงิน โดยประสานศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) อย่างใกล้ชิด , จัดชุดปฏิบัติการถ่ายทอดความรู้ แสวงหาความร่วมมือ สร้างการมีส่วนร่วมให้แก่ชุมชน ผู้ปกครอง เด็กและเยาวชน ในโรงเรียน สถานศึกษา ผู้ประกอบการ ในสถานบริการ ให้ตระหนักถึงอันตราย ผลกระทบต่อสุขภาพ อัตราโทษ ตลอดจนประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวให้ทราบถึงการผิดกฎหมายของบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่ออุดช่องว่าง ลดโอกาส ตัดวงจรการกระทำความผิด และห้ามข้าราชการตำรวจเข้าไปข้องเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเป็นผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเสียเอง หากพบว่าหน่วยใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ปล่อยปละละเลย หรือเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาด

กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือ 2 องค์กรด้านการวิจัยระดับประเทศ ขับเคลื่อนงานวิจัยสมุนไพรไทยการแพทย์แผนไทย สู่มาตรฐานสากล

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทยให้ได้มาตรฐานระดับสากล เน้นการพัฒนาแนวทางวิจัยทางคลินิก(Clinical Research) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมงานวิจัยในระดับนานาชาติ การวิจัยเชิงระบบและการวิจัย R2R (Routine to Research) ชู ยุทธศาสตร์ “3 สร้าง”ปูทางสู่การขยายมูลค่าตลาดเศรษฐกิจสมุนไพร 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2570 เพื่อให้การพัฒนาสมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย ให้ก้าวไกลระดับโลก 

นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ร่วมลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทยให้ได้มาตรฐานระดับสากล โดยเน้นการพัฒนาแนวทางวิจัยทางคลินิก (Clinical Research) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมงานวิจัยในระดับนานาชาติ การวิจัยเชิงระบบและการวิจัย R2R (Routine to Research) ระหว่าง 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) โดยมี ผู้บริหารของทั้ง 2 หน่วยงานร่วมลงนาม ประกอบด้วย นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม(สกสว.) และ นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในด้านต่างๆ โดยมีเป้าหมายในการสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานวิจัยให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของประเทศในอนาคต

ความร่วมมือครั้งนี้ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ '3 สร้าง' ของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้แก่ 1.สร้างความร่วมมือ กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการพัฒนางานวิจัยสมุนไพรไทย 2.สร้างความเชื่อมั่น ด้วยการพัฒนามาตรฐานงานวิจัยให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล 3. สร้างมาตรฐานและยกระดับ เพื่อให้สมุนไพรไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลก และเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ “ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาสมุนไพรไทย ให้ก้าวไกลระดับโลก ด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการแพทย์แผนไทย แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ปูทางสู่การขยายมูลค่าตลาดเศรษฐกิจสมุนไพร 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2570 อันจะนำไปสู่ระบบสุขภาพที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต“

ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) กับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและ พัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการใช้ประโยชน์ในระบบสุขภาพ โดยคาดว่าจะเพิ่มงบประมาณ สำหรับยาสมุนไพร 1,000 ล้านบาท พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกองทุนวิจัยและกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ทั้งนี้ มีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสมุนไพรและการแพทย์สุขภาพในเอเชีย และส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยสมุนไพรที่มีคุณภาพและปลอดภัย

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า ความร่วมมือนี้ จะเสริมศักยภาพการวิจัยและนวัตกรรมด้านสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืนโดยเน้นการวิจัยทางคลินิกและพัฒนาเทคโนโลยีที่นำไปใช้ได้จริง รวมถึงสร้างหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้มาตรฐาน สวรส. พร้อมสนับสนุนกรอบการวิจัยและแนวทางที่ชัดเจน โดยจะตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรและการแพทย์แผนไทยให้ได้รับการยอมรับในระดับประเทศและสากล เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและระบบสุขภาพของประเทศ

ด้านนายแพทย์สุรัคเมธ มหาศิริมงคล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกดำเนินการจัดทำ “Guideline for Herbal Medicine Research” เพื่อพัฒนากรอบการวิจัยทางคลินิกสำหรับสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย โดยร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างมาตรฐานการวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ยังสนับสนุนการวิจัยและทดลองทางคลินิกเพื่อยืนยันประสิทธิผลและความปลอดภัยของสมุนไพรไทย            

พร้อมพัฒนามาตรฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ทั้งนี้ สถาบันฯ ยังมุ่งส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพคุณภาพสูง เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาที่มีมาตรฐานสร้างความเชื่อมั่นในการใช้สมุนไพร และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาด้วยแนวทางสุขภาพแบบองค์รวม

📈🍲 สวธ. เดินหน้าสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ 🥗🥘

🗓️ วันพุธที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
🕰️ เวลา ๑๓.๐๐ น.
📍 ณ ห้องศรีวราแกรนด์บอลรูม
ชั้น ๒ โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร

🎀 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best
Local Food) “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยมี นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (ผู้แทนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม) นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) คณะผู้บริหาร ข้าราชการจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ กว่า ๓๐๐ คน เข้าร่วมพิธี

🎙️✨ นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวว่า “อาหาร” เป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่สะท้อนแนวคิด (concept) วิถีชีวิต(lifestyle) ประวัติศาสตร์ (history) ภูมิปัญญา (remedy) ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การประกอบอาหาร การปรุงรสอาหาร วิธีการรับประทาน ข้อกำหนดและข้อห้ามเกี่ยวกับอาหารที่แตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ (interaction) กับต่างประเทศ

🍛✨ นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวอีกว่า ปี ๒๕๖๘ นี้ เป็นปีที่ ๓ ในการขับเคลื่อนการยกระดับอาหารถิ่นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นนโยบายที่สำคัญของกระทรวงวัฒนธรรม และนอกเหนือจากการค้นหาเมนูอาหาร “รสชาติ...ที่หายไป” แล้ว ยังมุ่งพัฒนาเมนูอาหารถิ่นสู่การจัดสำรับเครื่องดื่มพื้นบ้าน (assortment of traditional cuisine and beverages) ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เกิดการอนุรักษ์และเผยแพร่องค์ความรู้และภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอาหารของประเทศ ตลอดจนการนำเสนอเมนูอาหารที่สร้างสรรค์สู่สากล

📝👥 สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ ห้องศรีวราแกรนด์บอลรูม ชั้น ๒ โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร โดยการประชุมดังกล่าว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้ร่วมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อาทิ กรมการแพทย์แผนไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง (strengthening) ให้กับชุมชน มุ่งสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (creative economy) อย่างมีส่วนร่วมทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ อันจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (Thailand Creative Culture Agency : THACCA) ได้อย่างมีศักยภาพ

จัดแถลงข่าวการจัดงาน Thailand Summer Festival 2025 ภายใต้แนวคิด '7 Months 7 Wonders'

🗓️ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568
⏰ เวลา 10.00 น.
📍 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงาน Thailand Summer Festival 2025 ภายใต้แนวคิด “7 Months 7 Wonders” โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมแถลงข่าวฯ และมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ผู้บริหารระดับสูงและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานฯ

⭐️ รัฐบาล โดยคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน  ร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไทยมุ่งสู่การเป็น World Class Event Hub โดยจะพลิกโฉมประเทศไทยด้วยการนำนวัตกรรมและความสร้างสรรค์มาต่อยอดวิถีประเพณี วัฒนธรรมซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่น เสริมจุดแข็ง สร้างเสน่ห์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางมาเยือน

✨ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของพวกเราชาวไทย 

ในปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมบูรณาการกับ 28 หน่วยงานในการส่งเสริมประเพณีสงกรานต์ โดยจัดงาน "เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์" ทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด "สงกรานต์บ้านฉัน สีสันแบบไทย สุขไกลทั่วโลก Once in a Lifetime : Experience Songkran in Thailand" เพื่อส่งเสริมประเพณีไทย นำเสนอความงดงามของวัฒนธรรมไทยและต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สงกรานต์ และร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้อย่างยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน

✨ นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานสงกรานต์ในพื้นที่ 17 จังหวัด และ 4 จุด ในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 5 เมืองอัตลักษณ์ 12 เมืองน่าเที่ยว และ 4 จุดหมายหลักในกรุงเทพมหานคร โดยมุ่งเน้นการจัดงานตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ด้วยบรรยากาศแบบดั้งเดิมที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน พร้อมมาตรการดูแลด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

✨ นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรมพร้อมด้วย 28 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันกำหนด 17 มาตรการรณรงค์การจัดงานและการร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ใน 4 มิติ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดงานประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2568 ทั้งมิติวัฒนธรรม มิติเศรษฐกิจ มิติสังคม และมิติสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงวัฒนธรรม คาดหวังผลในการส่งเสริมประเพณีสงกรานต์ในปีนี้ ให้คนไทยทั่วโลกภาคภูมิใจและร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ พร้อมยกระดับประเพณีสงกรานต์สู่ World Event เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา

💐 สุดท้าย นางสาวสุดาวรรณ ฝากถึงพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวว่าประเพณีสงกรานต์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่มีความหมายมากกว่าการเล่นน้ำ แต่เป็นเทศกาลแห่งความรัก ความกตัญญู และความอบอุ่นของครอบครัว ซึ่งควรค่าแก่การส่งต่อไปสู่สายตาชาวโลก "สงกรานต์ไทยคือมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบทอดให้คนรุ่นหลัง เราต้องการให้สงกรานต์เป็นเทศกาลที่ทุกคนต้องมาเยือน อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต" 

🎶 นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ยังได้จัดทำบทเพลงสงกรานต์ 20 ภาษา สื่อสารไปทั่วโลก และขอความร่วมมือสถานทูตไทยในต่างประเทศช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมประเพณีสงกรานต์ในต่างประเทศ เช่น เผยแพร่องค์ความรู้และร่วมจัดประเพณีสงกรานต์กับชุมชนไทยในต่างประเทศ ร่วมทำคลิปอวยพร ส่งความสุข ความปรารถนาดี และร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทย ประเพณีสงกรานต์มีคุณค่าทั้งต่อครอบครัว ชุมชน และสังคม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ยังเป็นช่วงวันครอบครัว ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๔ เมษายน ของทุกปี ประกอบกับประเพณีสงกรานต์ มีคุณค่าต่อครอบครัว ทำให้เกิดความรักความผูกพันในครอบครัว เช่น สมาชิกในครอบครัวมาทำบุญร่วมกัน ลูกหลานมารดน้ำขอพรจากพ่อแม่ เพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่ จึงขอเชิญชวนชาวไทย และครอบครัวไทย ร่วมกันสืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทยกันทั่วประเทศ

💜 กระทรวงวัฒนธรรมขอเชิญชวนทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อมกับสงกรานต์ 2568 ซึ่งจะเป็นเทศกาลที่มอบประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่ทั้งคนไทยและชาวโลก

สบส. นำทีมเครือข่ายประชาสัมพันธ์ดูงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพและระบบสุขภาพภาคประชาชน

เมื่อวันที่ (25 ก.พ. 68) ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปลายบาง จังหวัดนนทบุรี และ Chersery Home กรุงเทพมหานคร นายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานนำเครือข่ายประชาสัมพันธ์ศึกษาดูงานการคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพและระบบสุขภาพภาคประชาชน ทั้งนี้ มีเครือข่ายประชาสัมพันธ์กรม สบส. จำนวน 9 เครือข่ายเข้าร่วมศึกษาดูงานฯ ประกอบไปด้วยเครือข่ายประชาสัมพันธ์ภายในกรมฯ จำนวน 4 เครือข่าย และเครือข่ายสื่อมวลชน จำนวน 5 เครือข่าย ประกอบด้วย 1) สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นางสาวชุติพันธ์ุ ลิมปะพันธุ์ นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์ประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (สวทท.) มอบหมายให้ นางสาวจินตนา ชูชาติ , นางสาวสุพิชญาณ์ สุธาคำ กรรมการ/ฝ่ายประชาสัมพันธ์และสวัสดิการฯ เป็นผู้แทน 2) สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย 3) สำนักพัฒนาการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ 4) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และ 5) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในการสื่อสารภารกิจกรม สบส. ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจและเลือกใช้บริการสุขภาพได้อย่างถูกต้อง

เจ้าของเรือทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา อ้างเป็นฝีมือพนักงานชั่วคราว ด้าน ‘กรมเจ้าท่า’ เตรียมล้อมคอกเข้าแจ้งความพร้อมพักใบขับขี่เรือ

กรมเจ้าท่า เร่ง !! ตรวจสอบกรณีเรือภัตตาคารปรากฏคลิปทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่ผู้บริหารเรือรอยัลกาแลคซี่ครูซ แถลงขอโทษพนักงานเทขยะทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา อ้างเป็นพนักงานชั่วคราวทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้ยุติสัญญาจ้างพนักงานรายวันที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว 

(28 ก.พ. 68) จากกรณีผู้ใช้ Facebook Carla Porter โพสต์คลิปวิดีโอจากเจ้าของคลิป Mean Vanvarang โดยเนื้อหาในคลิปเป็นเรือภัตตาคารชื่อ Royal Galaxy Cruise ได้ทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับเรือฯ ลำดังกล่าว เลขทะเบียน 660001070 ชื่อเรือ รอยัล กาแล็คซี่ ครูซ ประเภทเรือโดยสารและภัตตาคาร มีบริษัท แฮปปี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เทรด จำกัด เป็นเจ้าของเรือ 

นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้สั่งการให้สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า รวบรวมข้อมูลดังกล่าว เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายเรือและผู้เกี่ยวข้อง ต่อ สน.ปากคลองสาน และได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเรือฯ ลำดังกล่าวร่วมกับกรุงเทพมหานคร และตำรวจน้ำ โดยจุดที่เกิดเหตุอยู่ในลำแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานกรุงเทพ ซึ่งเกิดเหตุเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ช่วงเวลา 19.00 น. เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนตามมาตรา 119 พ.ร.บ. การเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 (ฉบับที่ 14 พ.ศ.2535) ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า จะเร่งตั้งกรรมการและสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของนายเรือเพื่อพิจารณาพักใช้ใบประกาศนียบัตรนายเรือ (ใบขับขี่เรือ) ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ในส่วนมาตรการอื่นๆ กรมเจ้าท่าจะดำเนินการ จัดประชุม สมาคมเรือไทย ผู้ประกอบการเรือโดยสารในลำแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ตระหนักถึงการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมทางน้ำ ตลอดจนการดูแลความปลอดภัยในการโดยสารทางเรือ และหากประชาชนหรือผู้โดยสารทางเรือพบเห็นเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยทางน้ำ หรือการทิ้งสิ่งของต่างๆ ลงไปในลำแม่น้ำ ลำคลอง หรือทะเล สามารถโทรแจ้ง สายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากที่เห็นคลิปวิดีโอแล้วรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘ทนายวนิดา แซ่ก๊วย’ ได้โพสต์ข้อความว่า พวกเราต้องออกมาเพื่อให้บริษัท Royal Galaxy Cruise  มีการวางโทษหรือคาดโทษให้กับพนักงานกลุ่มนี้โดยนำเงินหักจากเงินเดือนและเพื่อนำเงินเดือนของที่หักมานั้นเพื่อไปเป็นประโยชน์กับสาธารณะในการทำสิ่งแวดล้อมในองค์กรใดองค์กรหนึ่งหรือสภาทนายความที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมได้นะคะเพราะสภาทนายความสำนักงานสิ่งแวดล้อม ทำเพื่อมวลชนและทำเพื่อประชาชนค่ะและให้ช่วยลงข่าวถึงการรับรู้ของประชาชนว่าบริษัท Royal Galaxy Cruise ได้ออกมาขอโทษและทำอะไรที่ดีสำหรับสิ่งแวดล้อมด้วยนะคะช่วยกันแชร์เยอะๆ นะคะเพื่อที่จะให้สังคมประเทศไทยน่าอยู่หากผู้ประกอบการมีการรักษาสิ่งแวดล้อมพวกเรายินดีที่จะสนับสนุนแต่องค์กรใดที่ยังไม่รักษาสิ่งแวดล้อม ต้องออกมาขอโทษและทำในสิ่งดีดีให้กับสิ่งแวดล้อม

ล่าสุด ทางด้านเรือรอยัล กาแลคซี่ ครูช (Royal Galaxy Cruise) ได้ออกแถลงการณ์ ว่า ในนามของ เรือรอยัลกาแลคซี่ครูซ เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางผู้บริหารได้รับทราบและไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องนี้และวางมาตรการแก้ไขทันที

จากการตรวจสอบ พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากพนักงานลูกจ้างชั่วคราว ที่หมุนเวียนกันเข้าทำงาน ยังไม่ได้รับการอบรมเรื่องขั้นตอนการจัดเก็บขยะบนเรือหลังเลิกงาน ได้กระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในส่วนพนักงานประจำทุกคนจะได้รับการอบรมเรื่องความสะอาดและกระบวนการกำจัดขยะ อย่างถูกต้องอยู่เสมอมา

มาตรการแก้ไขและป้องกัน

- ยุติสัญญาจ้างพนักงานรายวันที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
- กำชับพนักงานทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความสะอาดและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด
- เพิ่มการตรวจสอบและอบรมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

เราขออภัยอีกครั้ง และขอยืนยันว่าจะปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพการบริการและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และจะไม่ให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

นทท. ต่างชาติ ฝ่าแนวเขตพื้นที่ฟื้นฟูปะการัง แถมโวยวายหยาบคายใส่เจ้าหน้าที่ไทยที่เข้ามาเตือน

(27 ก.พ. 68) กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียล เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาดำน้ำที่ทะเลกระบี่บริเวณเขตพื้นที่ปิดเพื่อฟื้นฟูปะการัง ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งราว 750 เมตร โดยที่ไม่มีเรือไกด์ดูแล

และเมื่อทางเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามและตักเตือน นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับตีมึน พร้อมมีท่าทางและคำพูดที่ไม่น่ารักแสดงต่อเจ้าหน้าที่ไทย แถมยังโวยวายว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมาเที่ยวเมืองไทย!

โดยทางเฟซบุ๊กเพจ “ทราย - merman ψ” นักว่ายน้ำและนักอนุรักษ์ทะเลภาคใต้ ได้โพสต์คลิปวิดีโอและให้ข้อมูลว่า

ดูถูกประเทศเรา!! Is this appropriate behavior when visiting Thailand? Ignoring park rangers- disrespecting our people? Absolutely not… someone come collect your disgruntled Italian grandpa because Thailand is NOT your playground. 

ขอบคุณทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ช่วยควบคุม นทท ต่างชาติสองคนนี้... แต่ทำไมเจ้าหน้าที่เราต้องมารับมือกับ นทท คุณภาพต่ำแบบนี้? ไทยกลายเป็นที่ ๆ นทท คิดว่าจ่ายเงินแล้วทำอะไรก็ได้หรอครับ?ทำตามใจไม่ได้จะไม่มาอีกแล้ว!!? #ฟรีวีซ่า

เหตุการณ์: เราได้ตักเตือน นทท. สองคนนี้เรื่องการว่ายน้ำในเขตที่ปิดเพื่อรักษาปะการังเพราะ zone นั้นปะการังตายไปจำนวนมหาศาลจากการฟอกขาวปีที่แล้ว + นทท.ผิดอีกกรณี ที่ว่ายน้ำในพื้นที่แบบเสี่ยงเพราะไม่มีเรือบริษัททัวร์หรือไกด์อยู่ใกล้ๆคอยจับตาดูแล (เขาห่างออกจากหาด 750 เมตร)...

นทท. สองคนนี้ไม่ยอมฟังคำตักเตือนจนทำต่อและฝ่าฝืนคำสั่งรวมถึงใช้ภาษาและแสดงกิริยามารยาทที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ดูถูกประเทศไทย นิสัยแปรปรวนที่จาก นทท บุคคลนี้เป็นอันตรายต่อทั้งตัวเขาและเจ้าหน้าที่บนเรือ - เราจึงจำเป็นต้องควบคุมและพากลับฝั่งและไม่อนุญาตให้ว่ายต่อ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top