Sunday, 11 May 2025
NEWS FEED

ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโวย โดนตำรวจ “รีดไถ” แนะ ปคบ. ให้ความชัดเจนผู้ใช้ผิดหรือไม่ ด้านทนายเกิดผลเชื่อผู้ใช้ไม่ผิด

เฟซบุ๊กเพจ "บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร" โพสต์ถามความคิดเห็นของผู้บุหรี่ไฟฟ้าว่าเคยโดนเจ้าที่หน้ารัฐจับและปรับเพราะพกบุหรี่ไฟฟ้าบ้างหรือไม่ พร้อมข้อความ "ไหนลองเล่าซิ ที่ไหน เท่าไหร่" ซึ่งมีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามาแชร์ประสบการณ์กว่า 490 ราย และมีการแชร์โพสต์ออกไปกว่า 70 ครั้ง โดยส่วนใหญ่เล่าให้ฟังว่าโดนจับและต้องจ่ายค่าปรับนอกระบบตั้งแต่ 2 พัน – 7 หมื่นบาทพร้อมยึดของกลาง บางรายต้องนอนโรงพัก 1 คืนและขึ้นศาล บางรายถูกเพิ่มข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ขณะที่บางรายต่อรองกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอแลกกับอิสรภาพและการไม่ต้องเป็นคดีความ

ผู้ใช้รายหลายยังแสดงความคิดเห็นด้วยว่า ตำรวจเองก็ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากันเต็มโรงพัก บางรายก็ว่าตำรวจจับแต่คนใช้ ส่วนคนวางขายอยู่เต็มตลาดกลับปล่อยให้ขายได้ เช่นความคิดเห็นหนึ่งระบุว่า “เคยโดนเรียกค่าปรับ 1 หมื่นบาทแถวเทพารักษ์ เพราะวางไว้ตรงที่วางแก้วน้ำในรถ แล้วตำรวจส่องไฟเข้ามาเห็น เลยโดนให้จอดข้างทาง ค้นรถ แล้วยึดบุหรี่ไฟฟ้าไปด้วย” อีกรายหนึ่งบอกว่า “เคยโดนจับแต่รอดมาได้ เพราะแลกกับเอ็มร้อย 2 ขวด”

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ แอดมินเพจ "บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร" และตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ หรือ ECST เปิดเผยว่าการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ถือเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบ และเป็นการเอากฎหมายมาทำร้ายประชาชน "ปัญหาผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติถูกรีดไถ เรียกรับเงินค่าปรับแบบไม่ถูกต้อง มีมานานแล้วและเกินกว่าเหตุไปมาก ซึ่งต้นทางมาจากการห้ามนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าและข้อกฎหมายที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความผิดของผู้ใช้ เลยกลายเป็นการเปิดช่องให้ตำรวจทุจริตเรียกเงินจากผู้ใช้ ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วกว่า 70 ประเทศกลับให้มีการควบคุมการใช้บุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย มีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน พวกเราเห็นว่าประเทศไทยควรต้องปลดล็อกแบนบุหรี่ไฟฟ้า แล้วเอามาควบคุมให้ถูกกฎหมายแทน ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อการทุจริตคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบนี้ จึงขอเรียกร้องให้ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. ได้ออกมาให้ความกระจ่างกับสังคมว่าการจับกุมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าและการตั้งศาลเตี้ยแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ทำได้หรือไม่”

“EA- MEA -JR” ยักษ์ใหญ่พลังงานไฟฟ้าผนึกกำลังร่วมพัฒนาโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะ (EV Smart Charging Station) เพิ่มความคล่องตัวการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าของไทย

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ส่ง บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด (EMN) บริษัทย่อย ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) โดย นายวิลาส   เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง และบมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) โดยคุณจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ร่วมลงนาม ใน "โครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า"(EV Smart Charging Station) เพื่อสนับสนุนความคล่องตัวให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ประเดิม 2 โครงการแรก พร้อมต่อยอดความร่วมมือยานยนต์ไฟฟ้าชนิดอื่น "สมโภชน์ อาหุนัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ตั้งเป้าผลิตยานยนต์ไร้มลพิษให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573

นาย สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด (EMN) ซึ่งบริษัทย่อย ของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhere” ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับการไฟฟ้านครหลวง และบริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR ในโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Smart Charging Station)

สำหรับวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า โดยส่งเสริมการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้มีความคล่องตัวสูงขึ้น จึงได้ร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะ (EV Smart Charging Station) ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ไฟฟ้า  โดย กฟน. จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินการขอใช้ไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า และ JR จะเป็นผู้วางแผนและดำเนินโครงการด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทร่วมกับ EMN

ต่างสายพันธ์ติดซ้ำได้!! ศูนย์จีโนมฯ เผยเคยติดเชื้อโอมิครอน BA.1 ติด BA.2 ซ้ำได้ แม้เชื้อเหมือนกันแต่ไม่ทั้งหมด - พบได้น้อยแค่ 1 ในร้อย 

เพจศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล เปิดเผยถึงโอกาสที่จะติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย “BA.2” ซ้ำหลังจากเคยติดเชื้อ “BA.1” ว่าเกิดขึ้นได้ แต่พบไม่บ่อย เพียงร้อยละ 1 โดยไม่พบอาการรุนแรงในผู้ติดเชื้อซ้ำ ที่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. หรือเสียชีวิต ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้มีการติดเชื้อซ้ำได้ เนื่องจาก BA.1 และ BA.2 ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว หากเปรียบเทียบกับคนเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายคือ BA.1 และ B A.2 เหมือนเด็กแฝด มีความเหมือนกันในระดับพี่น้องจากพ่อแม่คนเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด บริเวณหนามบางส่วนจะมีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนกัน BA.1 บริเวณหนามกลายพันธุ์ต่างไปจาก BA.2 จำนวน 7 ตำแหน่ง BA.2 บริเวณหนามกลายพันธุ์ต่างไปจาก BA.1 จำนวน 5 ตำแหน่ง ทำให้ภูมิคุ้มกันแอนติบอดีที่ได้จากการติดเชื้อ BA.1 ไม่อาจปกป้องการติดเชื้อจาก BA.2 ได้ 100%

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า การติดเชื้อโควิดต่างสายพันธุ์ สามารถติดเชื้อได้ เช่น หายจากสายพันธุ์เดลตา ก็ติดสายพันธุ์โอมิครอนซ้ำได้ ส่วนกรณีสายพันธุ์โอมิครอนเหมือนกัน แต่เป็นคนละสายพันธุ์ย่อย เช่น BA.1 กับ BA.2 ยังเป็นเรื่องใหม่ ต้องติดตามรายละเอียดข้อเท็จจริงอีกครั้ง ตามหลักแล้วก็มีโอกาส แต่จะ 1 ในแสน หรือ 1 ในล้าน ต้องดูข้อมูลประกอบ รวมถึงดูระยะเวลาด้วย เนื่องจากเมื่อติดเชื้อแล้วจะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อ ส่วนใหญ่จะไม่ติดซ้ำในระยะเวลาสั้นๆ ยกเว้นคนที่มีปัญหาเรื่องการสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย

เซ่นข่าวสงคราม!! ผอ.ททบ.5 หลุดเก้าอี้ เซ่นสงครามรัสเซีย-ยูเครน เจ้าตัวปัด โดนปลด แต่ขอพ้นหน้าที่เอง

29 มี.ค.2565 - จากกรณีมีกระแสข่าวว่า พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานบอร์ดถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) มีคำสั่งให้ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 พ้นจากหน้าที่ โดยให้ พล.ท.วิสันติ สระศรีดา เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ทำหน้าที่แทน ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน เป็นต้นไป เนื่องเนื่องจากกรณีเข้าพบทูตรัสเซีย-ยูเครน

พล.อ.รังษี ยอมรับว่า ตนทำหนังสืออนุมัติถึง ผบ.ทบ.ขอพ้นหน้าที่ ผอ.ททบ. ด้วยเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัว ซึ่ง ผบ.ทบ เซ็นอนุมัติพ้นหน้าที่ และไม่ขอพูดอะไร พูดไปก็ไม่มีประโยชน์

"ไม่ใช่การปลด แต่ผมขออนุมัติพ้นจากหน้าที่เอง อย่าบอกว่าปลด ไม่แฟร์กับ ผบ.ทบ. ผมพึ่งได้รับคำสั่งเมื่อเช้า ก่อน ผบ.ทบ.เดินทางไปลาว" พล.อ.รังษี กล่าว

เมื่อถามว่า เกิดจากกรณีข่าวสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือไม่ พล.อ.รังษี กล่าวว่า เป็นเรื่องของสื่อที่ต้องไปหาข้อมูลเอาเอง ตนไม่มีอยากพูดอะไร เพราะตนเป็นคู่กรณี การพูดถึงบุคคลที่สาม เดี๋ยวทัวร์จะลง

ถามย้ำว่า เป็นกรณีที่บริษัทร่วมผลิต มีการนำเสนอข่าวรัสเซีย-ยูเครน ทั้งที่ถูกสั่งห้ามมาก่อนหน้านี้ พล.อ.รังษี กล่าวว่า สื่อต้องไปหาข้อมูลเอง เพราะตนพูดอะไรไม่ได้จริงๆ พูดไป ก็ไม่ดีกับใครทั้งสิ้น และความจริงก็เป็นไปตามที่ตนพูด โดยสื่อกับก็ติดตามข่าวและรู้เท่าๆกัน

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ไม่พอใจข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.รังษี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ แต่ย้ำว่า ตนเป็นคนขออนุมัติ ผบ. ทบ.พ้นจากหน้าที่เอง ด้วยเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัว

“ผบ.ทสส.” ประธาน พิธีส่งกำลังพล กองร้อยทหารช่าง เฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน บก.ทท. ก่อนการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของUN ในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน 

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่กรมการทหารช่าง จังหวัดราชบุรี พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพล กองร้อยทหารช่าง เฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน จำนวน 273 นาย ของกองทัพไทย ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (UN) ในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (United Nations Mission in South Sudan : UNMISS) ผลัดที่ 3

การส่งกำลังพลฯ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการผลัดเปลี่ยนกำลังระหว่าง กำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 ซึ่งเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ตั้งแต่เดือน กันยายน 2563 จนถึงปัจจุบัน กับ กำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 3 เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีที่มีต่อ UN

โดยกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 3 จำนวน 273 นาย มีกำหนดเดินทางออกจากประเทศไทย ไปปฏิบัติภารกิจ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ในวันที่ 6 เมษายน 2565 ทั้งนี้ในห้วงเวลาที่ผ่านมา กองกำลัง กองร้อยทหารช่างของไทย ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติและองค์การต่าง ๆในความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะคุณสมบัติพิเศษที่ไม่สามารถหาได้จากชาติใด ๆ ได้แก่ การปฏิบัติงานทางการช่างที่มีประสิทธิภาพ ที่ได้รับการมอบหมายจากฝ่ายวิศวกรรมประจำภารกิจ ตลอดจนการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาพัฒนาเพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืน ให้แก่ประชาชนชาวสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ควบคู่ไปกับการปฏิบัติภารกิจทางยุทธวิธี ดังนั้น กองกำลังของไทย จึงได้รับการพิจารณาจากสหประชาชาติ ตามพันธกรณีให้เข้าร่วมการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นบทบาท เกียรติภูมิ และความภาคภูมิใจของประเทศไทยในเวทีโลก รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทยในการปฏิบัติงานร่วมกับกองกำลังชาติต่างๆ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานสากลต่อไป

คนญี่ปุ่นหนุน!! คะแนนนิยม ‘คิชิดะ’ ขยับขึ้น 6 จุด หลังดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย

โตเกียว (รอยเตอร์ส/เกียวโด) - ผลการสำรวจความเห็นชาวญี่ปุ่นพบว่า ความนิยมของนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น 6 จุด หลังคว่ำบาตรรัสเซีย ที่ยกกองทัพบุกยูเครน

ความนิยมของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 6 จุด อยู่ที่ร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ โดยโพลล์หยั่งเสียงชาวญี่ปุ่นพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 2 ใน 3 เห็นด้วยที่รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียยกกองทัพบุกยูเครน ซึ่งญี่ปุ่นดำเนินการต่อรัสเซียหลายอย่าง รวมถึงอายัดทรัพย์สินของบุคคลและบริษัทรัสเซีย ตลอดจนถอดรัสเซียออกจากประเทศที่ได้สิทธิพิเศษทางการค้า หรือ MFN

ผู้ตอบแบบสอบถามราวร้อยละ 44 ที่ดำเนินการสำรวจความเห็นโดยหนังสือพิมพ์นิคเคอิเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ระบุว่า พวกเขาเห็นด้วยที่รัฐบาลญี่ปุ่นคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามราวร้อยละ 41 ระบุว่าควรจะลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียอย่างรุนแรง ส่วนชาวญี่ปุ่นร้อยละ 90 เห็นด้วยที่รัฐบาลตัดสินใจรับผู้อพยพจากยูเครน

กระบี่ - RSPO ผลิตวิทยากรชำนาญการ มุ่งยกระดับเกษตรกรสวนปาล์มสู่การผลิตน้ำมันปาล์มยั่งยืน

28 มีนาคม 2565 ณ ห้องประชุมโรงแรมพีซ ลากูนา รีสอร์ท แอนด์ สปา กระบี่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่  - สถาบันฝึกอบรมเกษตรกรรายย่อย RSPO หรือ องค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน ผู้นำด้านมาตรฐานการผลิตปาล์มยั่งยืนของโลก จัดฝึกอบรมหลักสูตรวิทยากรชำนาญการ (Master Training) เพื่อยกระดับองค์ความรู้ด้านการผลิตปาล์มน้ำมันยั่งยืนแก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มของไทย ให้แก่ ผู้จัดการ พี่เลี้ยงเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปาล์มยั่งยืน จากจังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พังงา อาจารย์จากมหาวิทยาเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จำนวน 20 ท่าน
 

เพราะความต้องการใช้น้ำมันปาล์มที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชนและแรงงาน  จึงเกิดกระแสเรียกร้องให้ภาคธุรกิจปรับระบบการผลิตและการใช้น้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน สำหรับประเทศไทย ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มส่วนใหญ่ คือ เกษตกรรรายย่อย ซึ่งเป็นผู้ผลิตต้นน้ำของห่วงโซ่การผลิตยังมีข้อจำกัดด้านโอกาสรวมทั้งการส่งเสริมจากภาครัฐและเอกชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อปรับเปลี่ยนและยกระดับการผลิตน้ำมันปาล์มจากวิถีดั้งเดิมไปสู่มาตรฐาน RSPO

เกษตรกรรายย่อยชาวสวนปาล์ม ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพลิกอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทยสู่ความยั่งยืน จากข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรปีพ.ศ.2562 ระบุว่ามีเนื้อที่ยืนต้นปาล์มน้ำมันรวมของประเทศไทย 6,102,852 ไร่ หากคิดสัดส่วนของพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO ประเทศไทย คาดว่าภายในปีนี้จะมีประมาณ 244,212.71 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4 ของพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันรวมของประเทศไทย ดังนั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตปาล์มน้ำมันสู่มาตรฐานสากล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยทักษะองค์ความรู้ด้านการจัดการสวนอย่างยั่งยืน และการรับรองมาตรฐานสากลที่จะช่วยให้สามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้

ขวัญใจวัยรุ่น!! "ปิยบุตร" สุดป๊อบ! คณะก้าวหน้าบูธเเตก  ปชช. - นศ แห่ซื้อหนังสือ พร้อมขอลายเซ็นพรึ่บ

ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 บรรยากาศที่บูธ A14 ‘ คณะก้าวหน้า ’ มีนักศึกษาเเละประชาชนที่สนใจเเละผู้สนับสนุนติดตามในผลงานของคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 17.15 น. "ปิยบุตร แสงกนกกุล" แกนนำคณะก้าวหน้า เดินทางมาถึงบูธคณะก้าวหน้า เพื่อแจกลายเซ็นให้สำหรับนักศึกษา ประชาชน ที่เดินทางเข้ามาซื้อหนังสือ “จนกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”

“ถามว่า เราจะสู้กันไปเมื่อถึงจะชนะ คำถามนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า ประชาธิปไตยมันอาจจะไม่ใช่จุดสิ้นสุดก็ได้ เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยนไป มันก็เปลี่ยนไปตาม ปัญหาระดับใหญ่คือ โครงสร้างทางการเมือง มันไปกระจุกตัวอยู่ไม่กี่คน ตั้งเเต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มา สิ่งสำคัญคือ เราต้องการเปลี่ยนขั้วการเมืองเดิม ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายอำนาจรัฐ ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เเละนี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่เราทุกคนต้องร่วมมือกันไปต่อสู้กับกลุ่มทุนอำนาจใหญ่ที่มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของประเทศ"  ปิยบุตร กล่าว

“น้องๆ ที่มาซื้อหนังสือ หลายคนมาซื้อหนังสือตั้งแต่ตอนยังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง จนวันนี้เขามีสิทธิที่จะเลือกตั้งเเล้ว นี่สะท้อนให้เห็นว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน นิวโหวตเตอร์มันเปลี่ยนไป เขาต้องการเห็นการเปลี่ยนเเปลงของสังคม ที่พวกเราจะส่งมอบอนาคตให้พวกเขาในวันข้างหน้า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมคิดว่าเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญ ที่คนกรุงเทพมหานคร ต้องตื่นตัวทางการเมือง หลังจากที่เราไม่ได้เลือกตั้งภายหลังการรัฐประหารของระบอบเผด็จการ “ ปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติม

กลาโหมรัสเซีย โว บุกยูเครน 1 เดือนเป็นไปตามแผน ทำลายกองทัพเคียฟยับ เดินหน้าปลดแอก ‘ดอนบาสส์’

กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า การปฏิบัติการทางทหารในยูเครนของตนกำลังดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ โดยสามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญๆ ทั้งหมดของขั้นตอนแรกแห่งการปฏิบัติการได้อย่างสมบูรณ์ในภาพรวมแล้ว ทั้งนี้ ตามการแถลงข่าวครั้งใหญ่ของกระทรวงเมื่อวันศุกร์ (25 มี.ค.) ที่ผ่านมา

ตามการแถลงของกระทรวง กองทัพยูเครนประสบความสูญเสียอย่างร้ายแรง กล่าวคือ กำลังทางอากาศและกำลังป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนถูกทำลายแทบหมดสิ้น ขณะที่กองทัพเรือยูเครนไม่ดำรงอยู่อีกต่อไปแล้ว เวลาเดียวกัน ดินแดนดอนบาสส์เกือบทั้งหมดได้รับการปลดแอกแล้ว

ผลการประเมินการปฏิบัติการ

“ในภาพรวม เป้าหมายสำคัญๆ ในขั้นตอนแรกของการปฏิบัติการครั้งนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว” รองเสนาธิการใหญ่ (General Staff deputy head) ของรัสเซีย พล.ท.เซียร์เก รุดสกอย (Colonel General Sergey Rudskoy) กล่าวระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้

เขาอธิบายต่อไปว่า จากการที่ศักยภาพทางการทหารของยูเครนถูกลดทอนลงไปอย่างสำคัญแล้วเช่นนี้ จะทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะรวมศูนย์ความพยายามหลักไปที่เป้าหมายสำคัญที่สุด อันได้แก่ การปลดแอกดินแดนดอนบาสส์ ขณะที่ตัวการปฏิบัติการเองจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อบรรลุ “เป้าหมายต่างๆ ที่วางเอาไว้โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด อย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ทั้งหมด”

พล.ท.รุดสกอย บอกว่า เวลานี้กองทหารรัสเซียได้เข้าล้อมเมืองใหญ่สำคัญๆ ของยูเครนเอาไว้จำนวนหนึ่ง ได้แก่ เคียฟ คาร์คอฟ เชอร์นิกอฟ ซูมี และนิโกลาเยฟ ส่วนเขตเคอร์ซอน และเกือบทั้งหมดของเขตซาโปโรชเย ต่างตกอยู่ใต้การควบคุมของฝ่ายรัสเซียอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“สาธารณชน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญบางคน ตั้งคำถามขึ้นมาว่าเราทำอะไรรอบๆ พวกเมืองใหญ่ของยูเครนที่ถูกล้อมหล่านี้ […] ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วเราก็ไม่ได้มีแผนการบุกโจมตีเข้าไปในเมืองเหล่านี้ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการทำลาย และลดความสูญเสียในหมู่บุคลากรและในหมู่พลเรือนให้เหลือน้อยที่สุด” รุดสกอย กล่าว แต่ชี้ด้วยว่า ทางเลือกดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะถูกบอกปัดไม่นำมาใช้กันเลย

ตามปากคำของนายทหารอาวุโสผู้นี้ อาวุธต่างๆ ของรัสเซีย “แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำ และความไว้วางใจได้ในระดับสูง รวมทั้งมีความสามารถในการนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว”

เขาระบุว่า ระหว่างช่วงเดือนแรกของการปฏิบัติการ ทหารรัสเซียเสียชีวิตไป 1,351 คน ขณะที่บาดเจ็บ 3,825 คน

ความสูญเสียของฝ่ายยูเครน

สำหรับกองทหารยูเครน สูญเสียกำลังคนอย่างชนิดที่ไม่สามารถแก้ไขกอบกู้ได้เป็นจำนวนมากกว่า 14,000 คน ขณะที่จำนวนของการสูญเสียทั้งหมดทั้งที่เป็นพลทหารและนายทหารอยู่ที่ราวๆ 30,000 คน หรือเท่ากับประมาณ 11.5% ของบุคลากรในกองทัพยูเครน

รุดสกอยแจกแจงว่า กำลังทางอากาศและระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนนั้น “ถูกทำลายไปแทบหมดสิ้น” เวลาเดียวกันกองทัพเรือยูเครน “ไม่ดำรงอยู่อีกต่อไปแล้ว”

สำหรับขบวนกองทหารภาคพื้นดินของยูเครนทั้ง 24 ขบวนล้วนประสบ “ความสูญเสียอย่างสำคัญ” และเนื่องจากว่ายูเครนนั้นไม่มีกำลังพลสำรองที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงบังคับให้ยูเครนต้องชดเชยกำลังที่สูญเสียไปด้วยการระดมพลกะเกณฑ์ทหารใหม่ๆ ตลอดจนการใช้หน่วยรักษาดินแดนที่ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมอย่างถูกต้องเหมาะสม

ไม่เพียงเท่านั้น ยูเครนยังสูญเสียยานยนต์สู้รบของตนไปในจำนวนที่สำคัญ กล่าวคือ 65.7% ของรถถังและยานหุ้นเกราะทั้งหมด 42.8% ของปืนใหญ่สนามและปืนครกทั้งหมด 30.5% ของระบบยิงจรวดแบบหลายลำกล้องทั้งหมด และ 82% ของระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ เอส-300 และ บุค-เอ็ม 1 ของตน รวมทั้ง 85% ของระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี โตชกา-ยู ทั้งหมดก็ถูกกำจัดไปแล้ว

ยิ่งกว่านั้น สามในสี่ของเครื่องบินทหารของยูเครน และครึ่งหนึ่งของเฮลิคอปเตอร์ของยูเครนได้ถูกทำลายไปเรียบร้อย ส่วนในจำนวนโดรน บายรัคตาร์ ทีบี-2 จำนวน 36 เครื่อง ก็เหลืออยู่เพียงเครื่องเดียวเท่านั้นที่ยังใช้งานได้

กองทหารรัสเซียยังได้ดำเนินการโจมตีสนามบินทหารแห่งหลักๆ ของยูเครน 16 แห่ง ทำลายคลังยุทธสัมภาระและคลังแสงรวม 39 แห่ง คลังเหล่านี้เป็นที่เก็บรวบรวมมากกว่า 70% ของยานยนต์ทหาร อุปกรณ์ต่างๆ และเชื้อเพลิง ตลอดจนเครื่องกระสุนน้ำหนักมากกว่า 1 ล้านตัน อาวุธที่มีความแม่นยำสูงของรัสเซียยังโจมตีถูกโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับทางทหารแห่งสำคัญๆ 30 แห่ง

สถานการณ์ในดอนบาสส์

สำหรับสถานการณ์ในดอนบาสส์ รุดสกอยอธิบายว่า ระหว่างช่วงเดือนแรกของการปฏิบัติการ พื้นที่ส่วนสำคัญของสาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูกานสก์ ได้รับการปลดแอก คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 54% และ 93% ตามลำดับ ส่วนกองทหารบ้านของประชาชนของสาธารณรัฐทั้ง 2 ก็สามารถเข้าควบคุมเหนือชุมชนต่างๆ มากกว่า 276 แห่ง

กองทหารยูเครนในดอนบาสส์สูญเสียกำลังพลไปประมาณหนึ่งในสี่ หรือเท่ากับราวๆ 16,000 คน โดยที่ 7,000 คนในจำนวนนี้ไม่สามารถแก้ไขกอบกู้กลับมาได้อีกแล้ว

เวลานี้ กองกำลังของสาธารณรัฐประชาชนลูกานสก์ สู้รบอยู่ใกล้ๆ เซเวโรโดเน็ตสก์ และ ลิซิชฮานสก์ ขณะที่กองกำลังของสาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์ยังคงดำเนินการปลดแอกเมืองมาริอูโปล และเปิดการรุกในทางด้านตะวันตกของโดเน็ตสก์

นายทหารอาวุโสผู้นี้ระบุว่า มีผู้คนมากกว่า 23,000 คนจาก 37 ประเทศแสดงความพรักพร้อมที่จะเข้าสู้รบเพื่อดอนบาสส์ และมอสโกเสนอแนะให้สาธารณรัฐทั้งสองยอมรับความช่วยเหลือนี้ ทว่าสาธารณรัฐทั้งสองปฏิเสธข้อเสนอนี้

“พวกเขามีกำลังพลและอาวุธพอเพียงแล้ว” รุดสกอย อธิบาย

อย่างไรก็ตาม กองทหารรัสเซียได้ส่งมอบข้าวของทางทหารที่ยึดเอาไว้ได้ให้แก่สาธารณรัฐทั้งสอง ที่ควรต้องพูดถึงเป็นพิเศษก็คือ สาธารณรัฐทั้งสองได้รับมอบรถถังและยานหุ้มเกราะไปแล้ว 113 คัน ระบบขีปนาวุธต่อสู้รถถัง “เจฟลิน” 138 ชุด และเครื่องยิงระเบิดต่อสู้รถถัง NLAW 67 ชุด

ความช่วยเหลือจากฝ่ายตะวันตกที่ให้แก่ทางการเคียฟ

ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการปฏิบัติการครั้งนี้ พวกรัฐต่างๆ ของตะวันตกได้ลำเลียงขนส่งชุดปืนใหญ่กว่า 100 หน่วย ระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศแบบคนคนเดียวพกพาไปได้จำนวนเกือบ 900 ชุด  และอาวุธต่อสู้รถถัง 3,800 ชุด

“เราเห็นว่าการที่ฝ่ายตะวันตกลำเลียงขนส่งอาวุธเหล่านี้ไปให้ทางการเคียฟคือความผิดพลาดอย่างมโหฬาร การกระทำเช่นนี้มีแต่ทำให้การสู้รบขัดแย้งคราวนี้ยืดเยื้อออกไป เพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย และจะไม่สามารถส่งผลกระทบกระเทือนผลลัพธ์ของการปฏิบัติการ เป้าหมายแท้จริงของการลำเลียงขนส่งเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อสนับสนุนยูเครนเลย แต่เพื่อดึงลากยูเครนให้เข้าไปในการสู้รบขัดแย้งทางการทหารอย่างยืดเยื้อ “จนกระทั่งถึงพลเมืองชาวยูเครนคนสุดท้าย” รุดสกอย กล่าว

รองเสนาธิการใหญ่ของรัสเซียเตือนด้วยว่า มอสโกจะไม่ยอมปล่อยให้มีการลำเลียงขนส่งเครื่องบินและระบบป้องกันภัยทางอากาศไปถึงทางการเคียฟโดยไม่มีการติดตามใส่ใจ และจะ “ดำเนินการตอบโต้อย่างเหมาะสมในทันที” ถ้าหากมีใครพยายามจัดตั้งพื้นที่ห้ามบินขึ้นเหนือยูเครน

สำหรับจำนวนของพวกนักรบรับจ้างชาวต่างประเทศและนักรบชาวต่างประเทศในยูเครนนั้น รุดสกอย บอกว่าตอนแรกมี 6,600 คน แต่เวลานี้เริ่มลดลงมาแล้ว เรื่องนี้ไม่เพียงต้องขอบคุณการโจมตีด้วยความแม่นยำสูงใส่ฐานต่างๆ ของพวกเขาและค่ายฝึกต่างๆ ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นพราะพวกเขาเองหลบหนีไปยังรัฐเพื่อนบ้านต่างๆ โดยที่ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ไม่มีนักรบรับจ้างชาวต่างชาติแม้แต่คนเดียวเดินทางไปยังยูเครน ขณะที่มีพวกนักรบ 285 คนหลบหนีไป

วางยาพิษ ‘เสี่ยหมี’ - นักสันติภาพยูเครน ระหว่างร่วมการเจรจาสันติภาพ 2 ประเทศ

วอลล์ สตรีท รายงานข่าวด่วนว่า โรมัน อับราโมวิช อดีตเจ้าของสโมสรฟุตบอล เชลซี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจของรัสเซีย ได้ถูกลักลอบวางยาพิษ พร้อมกับนักเจรจาเพื่อสันติภาพชาวยูเครน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในการประชุมที่กรุงเคียฟ มีผู้ถูกวางยาพิษทั้งสิ้น 3 คนด้วยกัน หนึ่งในนั้นรายงานข่าวยืนยันว่าเป็น โรมัน อับราโมวิช

โรมัน พร้อมด้วยผู้ประกอบการชาวรัสเซียอีกคนหนึ่งได้มีส่วนร่วมในการเจรจาร่วมกับตัวแทนของยูเครน  ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 3 มีนาคมได้เกิดขึ้นที่ยูเครน และการประชุมดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณ 22:00 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top