Friday, 9 May 2025
ECONBIZ

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ยัน ฐานะทางการคลัง ยังแกร่ง มีสภาพคล่อง รองรับมาตรการรัฐ ชี้ ระยะยาวเร่งเพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษี

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการลดภาระให้กับประชาชน โดยเน้นครอบคลุมให้ตรงจุด จากการออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยยืนยันว่าปัจจุบัน ฐานะทางการคลัง มีความแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องที่เพียงพอ ที่จะรองรับมาตรการเยียวยาประชาชน

ทั้งนี้ในระยะสั้น และระยะกลาง จะต้องบริหารรายได้ รายจ่าย รวมทั้งเงินกู้ เพื่อทำให้เงินคงคลังอยู่ในระดับเหมาะสมส่วนในระยะยาวมีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มศักยภาพทางการคลัง ทำให้งบสมดุล ลดการขาดดุล เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต

พาณิชย์ชงครม.เร่งแก้แรงงานภาคธุรกิจขาดแคลน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ผ่านระบบ VDO conference โดยที่ประชุมได้หารือกันถึงเรื่องแรงงานต่างด้าวที่ขาดแคลนสำหรับภาคการผลิตทั้งภาคการเกษตรอุตสาหกรรม โดยกระทรวงพาณิชย์รับว่า จะนำเรื่องนี้ไปรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบปัญหาและดำเนินการแก้ไขต่อไป รวมทั้งการใช้แรงงานข้ามเขตในบางกรณี เช่น ช่วยเก็บผลไม้หรือตามความจำเป็น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจอนุมัติในแต่ละจังหวัดด้วย

ส่วนเรื่องการผลักดันการส่งออกนั้น ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าแม้ในปัจจุบันตัวเลขการส่งออกถือว่าดีมาก แต่ก็มีปัญหาเรื่องของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งนำเข้าและส่งออก เข้าสู่สภาวะสมดุลแล้ว ตัวเลขนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคมมีจำนวน 2,200,000 TEU ส่งออก 2,000,000 TEU ยังมีตู้เหลืออยู่ประมาณ 200,000 TEUที่สามารถใช้ได้ แต่เนื่องจากในภาคปฏิบัติจริงจำนวนหนึ่งต้องรอขั้นตอนในการนำสินค้าออกทำให้ตู้ไม่ว่าง และภาคเอกชนบางส่วนเคลียร์ตู้ ทำให้บางช่วงตู้ขาดแคลนในบางช่วงเวลา 

ดังนั้นจึงเห็นว่าควรร่วมกันสร้างแรงจูงใจให้เรือขนาดใหญ่เข้ามาเทียบท่าที่แหลมฉบังมากขึ้น โดยควรเปิดโอกาสเรือสินค้าขนาดใหญ่สามารถถ่ายลำระหว่างทางไปยังประเทศอื่นได้ด้วย เรื่องนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงคมนาคมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนหารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการออกมา ส่วนเรื่องค่าระวางเรือ ภาคเอกชนยอมรับว่าเป็นไปตามกลไกราคาในตลาด อยากให้มีการลดค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม จึงได้มอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หารือกับภาคเอกชนต่อไปว่ามีส่วนใดสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้บ้าง

‘สุริยะ’ เผย ขนย้ายสารเคมีสไตรีนโมโนเมอร์ของรง.หมิงตี้ แล้ว 650 ตัน คาดแล้วเสร็จทั้งหมด 17 ก.ค.นี้ สั่ง กรอ. เร่งตรวจสอบโรงงานที่ใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ในเขตชุมชนและเป็นโรงงานที่ได้รับอนุญาตเป็นระยะเวลานาน

ความคืบหน้าการขนย้ายสารสไตรีนโมโนเมอร์ ที่ตกค้างในพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ

ล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ระบุว่าได้ทำการขนย้ายสารเคมีสไตรีนโมโนเมอร์ไปแล้ว 650 ตัน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ค. 64) คาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้

นอกจากนี้ นายสุริยะ ยังได้สั่งการ กรอ.เร่งตรวจสอบโรงงานที่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตยางเรซินสังเคราะห์ ยางอีลาสโตเมอร์ พลาสติก โดยเน้นโรงงานในพื้นที่ชุมชนและเป็นโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโรงงานเป็นระยะเวลานานเป็นอันดับแรก

ด้านนายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) บอกว่า กรอ.ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตยางเรซินสังเคราะห์ ยางอีลาสโตเมอร์ พลาสติก จำนวน 92 โรงงาน และโรงงานประกอบกิจการทำเคมีภัณฑ์ สารเคมี หรือวัสดุเคมี ซึ่งมิใช่ปุ๋ย จำนวน 460 โรงงาน เน้นโรงงานในพื้นที่ชุมชนและเป็นโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโรงงานเป็นระยะเวลานานเป็นอันดับแรก

โดยเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ได้มอบหมายให้นายวีระกิตติ์ รันทกิจธนวัชร์ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองบริการงานอนุญาตโรงงาน 1 กองส่งเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัยโรงงาน และกองบริหารจัดการวัตถุอันตราย เข้าร่วมตรวจสอบโรงงาน บริษัท ไทยโทเรซินเทติคส์ จำกัด เขตบางเขน กรุงเทพฯ เป็นที่แรก

และมีแผนที่จะตรวจสอบโรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ประมาณ 50 โรงงาน ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้

ส่วนกรณีสารสไตรีนที่คงค้างอยู่ภายใน บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ข้อมูลเบื้องต้นเป็นการคาดการณ์ปริมาณสารที่ยังคงเหลืออยู่จากทีมปฏิบัติการฉุกเฉินและผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทสารเคมีที่เข้าไปตรวจสอบว่ามีประมาณ 600 ตัน

เนื่องจากบริเวณที่วางถังบรรจุสไตรีนยังมีความเสี่ยงและอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน โดยหลังจากทีมปฏิบัติงานได้เข้าควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดการทำปฏิกิริยาต่อเนื่องของสารเคมีจนปลอดภัยต่อการขนย้ายได้แล้ว จึงได้ตรวจวัดปริมาณสารอีกครั้ง พบว่ามีสารสไตรีนอยู่ประมาณ 1,000 ตัน ซึ่งสารสไตรีนทั้งหมดจะดำเนินการขนส่งไปกำจัดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 กรกฎาคม 2564

“เบื้องต้นสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ (สอจ.) มีคำสั่งมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2562 ให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมดและให้จัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่เกิดจากเพลิงไหม้ให้เป็นไปตามกฎหมายและให้จัดการสารเคมีที่ตกค้างในภาชนะบรรจุให้มีสภาพปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียง ซึ่งจากการประสานกับผู้แทนโรงงาน ได้รับคำยืนยันว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเพลิงไหม้ทั้งหมด ทางบริษัท หมิงตี้ เคมีคอลฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบ

ขณะเดียวกันในส่วนของการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงฯ กำลังดำเนินการรับเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ 3 แห่ง ทั้งที่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางแก้ว และบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบได้เข้ามายื่นคำขออย่างต่อเนื่อง


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สินมั่นคง หักดับ ยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด หลังเห็นยอดติดเชื้อพุ่งติดหลักหมื่นคนต่อวัน อ้างเป็นการบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ จึงใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ฯ แบบ เจอ จ่าย จบ

วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้งยกเลิกให้ความคุ้มครองประกันภัยโควิด แบบเจอ จ่าย จบ โดยในเอกสารระบุว่า

ด้วยผลสืบเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง จึงนับเป็นภาวะวิกฤตด้านสาธารณสุขในระดับที่ท้าทายจนไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปสู่จุดใด ส่งผลให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ต้องบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ

บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) จึงมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยการติดเชื้อไวรัสโคโรนาแบบ เจอ จ่าย จบ หรือ COVID 2 in 1 ตามแบบและข้อความ หมวดที่ 2 เงื่อนไขทั่วไป และข้อกำหนด ข้อ 2.4.3 และข้อ 2.5.1 โดยให้กรมธรรม์ประกันภัยข้างต้นสิ้นสุดความคุ้มครองทั้งฉบับ เมื่อล่วงพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ผู้เอาประกันได้รับหนังสือเป็นต้นไป และบริษัทฯ จะคืนค่าเบี้ยประกันภัยที่ได้รับมาแล้วแก่ผู้เอาประกันให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผลบังคับ โดยหักเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน

การตัดสินใจดังกล่าว บริษัทฯ ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบและเฝ้าติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยความห่วงใยมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทบทวนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการดำเนินธุรกิจ และการกำหนดทางเลือกและแนวทางที่จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้ความคุ้มครองและดูแลลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของบริษัทฯ อันได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุและการเดินทาง และประกันภัยอื่น ๆ ได้อย่างดีที่สุดและยั่งยืนในระยะยาว

สินมั่นคงประกันภัย ขออภัยลูกค้าเป็นอย่างสูงที่ได้แจ้งยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บริษัทประกันวินาศภัยหลายแห่ง ได้ทยอยเลิกขายประกันภัยโควิดแบบ เจอ จ่าย จบ แล้ว เนื่องจากสถานการณ์ระบาดรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่พบว่า มีบริษัทใดที่ทำการบอกเลิกกรมธรรม์ มีเพียงสินมั่นคงประกันภัย เท่านั้นที่ถอดใจก่อน

ทั้งนี้ จากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พบว่า ประกันภัยโควิด (ณ 15 มิ.ย. 2564) มีเบี้ยประกันรวม 9,070 ล้านบาท คิดจำนวนกรมธรรม์ทั้งหมด 26.41 ล้านกรมธรรม์ ยอดจ่ายเคลมประกันรวมกว่า 1,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2,095% จากสิ้นปี 2563 ที่มียอดเคลมเพียง 77.3 ล้านบาท โดยเฉพาะหลังจากช่วงระบาดโควิดระลอก 3 ยอดจ่ายเคลมเพิ่มขึ้นกว่า 770.26% จากสิ้นเดือน เม.ย. 2564 ที่มียอดเคลมเพียง 195 ล้านบาท โดยตัวเลขยอดเคลมสูงสุดเข้ามาในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2564


ที่มา : https://www.prachachat.net/finance/news-700771


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายกฯ สั่ง เร่งช่วยลูกหนี้พื้นที่ล็อกดาวน์ ให้ คลัง ถก แบงค์ชาติ หามาตรการผ่อนปรนด่วน

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการในที่ประชุม ครม. เมื่อ 13 ก.ค. 64 ให้รีบหารือกันโดยเร่งด่วน เพื่อหามาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย หรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า ทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง รวมถึงช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ 

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ จึงร่วมกันออกออกมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั่วประเทศ ซึ่งได้แก่ ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด และนอกพื้นที่ควบคุมแต่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 หรือเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปแล้วแต่กรณี

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้แต่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้ โดยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ ควรชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น 

นายธนกร กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือทั้งประชาชนและผู้ประกอบการหลายๆ มาตรการ โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เช่น สินเชื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย ให้ผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain สามารถกู้เงินกับธนาคารออมสิน วงเงินต่อรายอยู่ที่ 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ซึ่งตอนนี้ อนุมัติเงินกู้ไปแล้ว จำนวน 2,885 ราย วงเงินรวม 1,218 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวว่า สินเชื่ออิ่มใจ ธนาคารออมสินให้กู้กับผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม วงเงินต่อราย อยู่ที่ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ ไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก และสินเชื่อสำหรับ SMEs ขนาดย่อมและขนาดกลาง  ได้แก่ สินเชื่อ Extra cash โดย SME Bank ให้กู้กับ SMEs ขนาดย่อมในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น วงเงินรายละ 3 ล้านบาท ปัจจุบันอนุมัติแล้ว 4,283 ราย วงเงินรวม 7,335 ล้านบาท และสินเชื่อมีที่มีเงิน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการทั่วไป ได้แก่ มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู

รมว.เฮ้ง รับลูกนายก ลงพื้นที่ซาวด์เสียงเอกชน เดินมาตรการเยียวยาแรงงาน ตอบโจทย์ธุรกิจ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 ได้ออกมาตรการช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคม และนอกระบบประกันสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด -19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้ง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเวลา 1 เดือนนั้น โดยประเภทกิจการที่ให้ความช่วยเหลือ จากเดิม 4 สาขา เพิ่มเติมเป็น 9 สาขานั้น ในเรื่องนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยภาคแรงงานทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงได้สั่งการให้ผมลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการและภาคเอกชน เพื่อเร่งขับเคลื่อนมาตรการโดยเร็ว ทั้งนี้ ผมได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคมเร่งประชุมหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ความชัดเจนกำหนดรายละเอียด เงื่อนไขหลักเกณฑ์ให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้าให้ความเห็นชอบ เพื่อดำเนินการต่อไปได้ 

ขณะที่ นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย 
(อีคอนไทย) กล่าวว่า โดยภาพรวมเห็นด้วยกับรูปแบบมาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด เป็นการจ่ายเงินเติมเพิ่มให้ผู้ประกอบการและแรงงานทั้งในและนอกระบบประกันสังคม วงเงิน 30,000 ล้านบาท แม้ยังไม่กำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน แต่การช่วยเหลือในภาพรวมรอบนี้ถือว่าดี เพราะเป็นการช่วยเหลือทั้งลูกจ้างและนายจ้างในระบบและนอกระบบ 

ด้าน นายเกรียงไกร แก้วเกตุ ประธานสมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันสมาพันธ์มีสมาชิกกว่า 2,000 คน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช่วงโควิดได้รับผลกระทบโดยตรง 
ทำให้รายได้ลดลง ดีใจมากที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือเยียวยา เห็นความสำคัญของพี่น้องแรงงาน โดยเฉพาะคนขับแท็กซี่ที่ต้องหาเช้ากินค่ำ เงินเยียวยาส่วนนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ สิ่งที่อยากให้ช่วยเหลือตอนนี้ ทำอย่างไรให้คนขับแท็กซี่มีสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่อายุประมาณ 65 ปี จึงต้องการหลักประกันความมั่นคงในชีวิตให้การเข้าถึงสวัสดิการจากรัฐในด้านสวัสดิการต่าง ๆ 

ส่วน นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ช่วงโควิดระบาดทำให้ผู้ได้รับผลกระทบไม่มีรายได้ แต่กระทรวงแรงงานทำให้ภาคธุรกิจมีกำลังใจขึ้น มีรายได้ ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ลูกจ้างนายจ้างกลับมามีความสุข เห็นคุณค่าของการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างร่วมไม้ร่วมมือกันสนับสนุนความช่วยเหลือในทุก ๆ ด้าน ในช่วงสถานการณ์โควิดเช่นนี้ โดยเฉพาะกรณีการปิดแคมป์คนงานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้คนงานได้มีอาหารดี ๆ รับประทาน เราก็ได้เห็นมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงนี้ จึงต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเป็นกำลังใจให้ข้าราชการ และคนทำงานทุกๆ คนที่ออกมาช่วยกัน เพื่อให้ทุกคนก้าวข้ามสถานการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน

“บิ๊กตู่”Conference เปิดงาน  Samui Plus Model ยินดีชาวสมัย ที่ยังคงรักษาสถานะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ประจำวันได้ หวังฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและบริการให้กลับมาโดยเร็วที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ Samui Plus Model ผ่านระบบ Video Conference โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นตัวแทนรัฐบาลอยู่ที่ริมชายหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมร่วมชมการแสดง 3D Mapping Performance ชุด Samui+ Top of Mind ซึ่งการเปิดกิจกรรมครั้งนี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของหมู่เกาะทะเลใต้ทั้งเกาะสมุย เกาะพงันและเกาะเต่า รวมถึงพื้นที่อื่นๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ

นายพิพัฒน์ กล่าวรายงานว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พยายามขับเคลื่อนแนวทางการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อพยุง ประคับประคอง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ต้องเผชิญผลกระทบอันเลี่ยงไม่ได้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ขณะที่มาตรการความปลอดภัยทางสาธารณสุขก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ละเลยไม่ได้เช่นกัน ครม.เห็นชอบในหลักการแนวทางการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือ Samui Plus Model เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 โดยรูปแบบของ Samui Model Plus จะเป็นการเปิดพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นหมู่เกาะ สะดวกต่อการจำกัดพื้นที่ท่องเที่ยวและควบคุมการเข้า-ออก รวมทั้งสามารถจัดการเดินทางท่องเที่ยวได้แบบมีเงื่อนไข ในเส้นทางหรือพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น (Sealed route)

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีความมั่นใจในการบริหารจัดการของจังหวัดในแนวปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสาธารณสุข ประกอบกับมาตรการที่เข้มแข็งของภาคธุรกิจ บริการต่างๆ ภายในจังหวัด ที่มีความชัดเจน และสามารถเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยจะนำมาซึ่งการปรับตัวให้เข้ากับการท่องเที่ยววิถีใหม่ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ 

“ยังเชื่อมั่นว่า การผลักดันทั้ง 3 เกาะ คือ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่าโดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคธุรกิจเอกชน จะยกระดับภาพลักษณ์ สร้างการรับรู้ของเกาะและความสอดรับกับทิศทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่จะส่งเสริมการตลาดต้นทาง จากตลาดที่ได้รับวัคซีนแล้ว เพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจของคนในพื้นที่”

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำหรับวันแรกของการเปิด Samui Plus Model มีผู้เดินทางที่เป็นตัวแทนเอเย่นต์และสื่อมวลชนต่างประเทศ จากลอนดอน ปารีส แฟรงค์เฟิร์ต และฮ่องกง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชิญมา ในรูปแบบแฟมทริป (Experimental FAM Trip) ซึ่งความสำเร็จนี้ ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ ที่สนับสนุนในการรับผู้โดยสารต่อเครื่องจากต่างประเทศเป็นการเฉพาะ (Dedicated Domestic Flight) เพิ่มโอกาสจากประเทศที่ไม่มีเที่ยวบินตรงเข้าสมุย ให้ได้มาสัมผัสประสบการณ์และมุมมองที่อาจแตกต่างไปจากเดิม แต่ยังคงมีความน่าสนใจในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและสุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้เกียรติในพิธีเปิด Samui Grand Opening ค่ำคืนนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ Samui Plus Model ถือเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้วมาท่องเที่ยวในไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวของหมู่เกาะทะเลใต้ ทั้งเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า และพื้นที่อื่นๆที่กำหนด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ขอชื่นชมชาว จ.สุราษฎธานีที่รักษาสถานะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้เป็นอย่างดี สะท้อนถึงการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นไปตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งมาตรการเฝ้าระวังพื้นที่ มาตรการป้องกันควบคุมโรค มาตรการป้องกันส่วนบุคคล มาตรการด้านสังคมและการกำกับติดตาม รวมทั้งระบบการรายงาน การส่งต่อ และการรักษาอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สิ่งสำคัญคือการสื่อสารให้นักท่องเที่ยวเข้าใจถึงเงื่อนไขการท่องเที่ยวในเกาะสมุย เนื่องจากมีหลายประเด็นที่แตกต่างจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อก เช่น การกำหนดให้นักท่องเที่ยวอยู่ในที่พักช่วง 3 วันแรกภายใต้การดูแลร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่ การสร้างความเข้าใจเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของบุคลากรที่เป็นพนักงานบริการ ด่านหน้า ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจคลายความกังวลต่อนักท่องเที่ยว ตลอดจนการสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยที่จะมาประเทศไทย ด้วยการส่งเสริมประชาสัมพันธ์เครื่องหมาย SHA Plus เพื่อการันตีความสะอาดปลอดภัยให้ผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยว ตนเชื่อมั่นว่าประชาชน ผู้ประกอบการชาวเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จะสามารถผ่านสถานการณ์ความท้าทายนี้ไปได้ด้วยกัน ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทุกท่านทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ที่เป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารสร้างความเข้าใจ เน้นย้ำความพร้อมในพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นและเดินทางมาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เพื่อจะฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและบริการของไทยให้กลับมาโดยเร็วที่สุด คืนรอยยิ้ม คืนความสุขกลับสู่คนไทยอีกครั้ง

พาณิชย์ยังขอรอ สธ. เคาะชุดตรวจโควิด พร้อมหาช่องคุมราคา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ขอรอข้อมูลรายละเอียดชุดตรวจโควิด หรือ Rapid test หรือ Rapid Antigen test ทั้งหมดจาก อย.ว่าอนุญาตให้ผู้นำเข้ามาขึ้นทะเบียนกี่ราย ปริมาณเท่าได ราคาต้นทุนเท่าใด เพื่อพิจารณาว่าควรกำหนดราคาขายตามความเห็นของ อย.ในฐานะต้นเรื่องราคาเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถกำหนดเองได้เนื่องจากไม่มีพื้นฐานด้านเครื่องมือแพทย์ ดังนั้นเมื่อกระทรวงสาธารณสุขทำต้นเรื่องมาเสร็จแล้วทางกระทรวงพาณิชย์พร้อมดำเนินการต่อไป

สำหรับปัจจุบันชุดตรวจโควิด หรือ Rapid test หรือ Rapid Antigen test นั้น ถือเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา( อย.) กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้และเบื้องต้นยังไม่ได้อนุญาตให้มีการขายในตลาดทั่วไปแต่ใช้ในเฉพาะในโรงพยาบาลสถานพยาบาลเท่าหรือคลีนิคเอกชนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ส่วนการขายออนไลน์ ถือว่า ผิดกฎหมายเครื่องมือแพทย์ ทาง อย.จะเป็นผู้ดำเนินการเมื่อตรวจสอบพบ

ส่วนราคายาฟ้าทลายโจร ตอนนี้เป็นไปตามหลักกลไกตลาดพอมีความต้องการเยอะมากขึ้นราคาก็ขึ้น แต่รัฐบาลไม่ได้ละเลย สมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นสินค้าเกษตรชนิดหนึ่ง เป็นพืชสมุนไพรผู้ปลูกที่ตรวจสอบทั้งหมดเป็นผู้ปลูกรายย่อยไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน ส่วนปริมาณของวัตถุดิบการผลิตจึงไม่เสถียรขึ้นอยู่กับภาวะความต้องการของตลาดในแต่ละช่วง ด้านราคาก็เช่นเดียวกัน จะขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดแต่ละช่วง แต่เนื่องจากมีกรณีว่า ยาฟ้าทลายโจรสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรักษาโควิดได้

ขณะเดียวกัน อย.ก็ขึ้นเป็นบัญชียาหลัก โรงพยาบาลสามารถจ่ายให้กับผู้ป่วยและเบิกได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่นเดียวกับบัญชียาหลักอื่น ยาฟ้าทลายโจรจึงต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติยา ซึ่ง อย.กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้โดยตรง

'วีริศ' เผย 'นิคมฯ บางชัน' ผ่านการตรวจประเมินรับรองเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco-Excellence ชี้พื้นที่สีเขียวรวมกันเกินร้อยละ 20 ของพื้นที่อุตสาหกรรม

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า นิคมอุตสาหกรรมบางชัน เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ได้ผ่านการตรวจประเมินรับรองจากคณะกรรมการตรวจประเมินเพื่อให้การรับรองการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco-Excellence หรือนิคมอุตสาหกรรมที่สามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนและคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมให้ยั่งยืน บนพื้นฐานความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดย กนอ. ได้แบ่งการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ Eco-Champion, ระดับ Eco-Excellence และระดับ Eco-World Class

โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการยกระดับนิคมอุตสาหกรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ.ทุกแห่งให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยปีนี้มีเป้าหมายยกระดับนิคมอุตสาหกรรมขึ้นสู่ระดับ Eco-Excellence จำนวน 3 แห่ง ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมบางชันเป็นหนึ่งในเป้าหมาย

ทั้งนี้ กนอ.ได้สร้างความตระหนักรู้ให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุดซึ่งเข้าใจว่าอาจมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนั้น กนอ. กำลังเร่งหามาตรการจูงใจผู้ประกอบการว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง เพื่อไม่ใช่ขอความร่วมมือหรือความสมัครใจเพียงอย่างเดียวแต่จะทำให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางชันและโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม มีการจัดทำแนวป้องกันหรือพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Buffer Zone) หรือพื้นที่สีเขียวรวมกันมากกว่าร้อยละ 20 ของพื้นที่อุตสาหกรรม รวมทั้งดำเนินงานด้านการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน อาทิ จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการพัฒนาทักษะอาชีพให้ชุมชน ช่วยจัดหาช่องทางการจัดจำหน่าย จัดทำโครงการช่วยเหลืออุปกรณ์ประกอบการเลี้ยงเป็ด ไก่ และนำของเสียจากโรงงานผลิตอาหารมาปรับปรุงเพื่อสร้างมูลค่าเป็นอาหารสัตว์และลดมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชากรในชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม มีรายได้ต่อครัวเรือนสูงขึ้น

อีกทั้งมีการใช้วัตถุดิบ น้ำ พลังงาน และทรัพยากรอื่น ๆ ร่วมกัน (Symbiosis หรือ Circular economy) อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดการเกิดของเสีย และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้วย อีกทั้งโรงงานในนิคมฯ ยังมีการแลกเปลี่ยนหรือใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ หรือมีการแลกเปลี่ยนระหว่างโรงงานกับภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระบวนการกลั่นตัวทำละลายกลับมาใช้ใหม่ และกระบวนการแยกอะลูมิเนียมกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งลดค่าต้นทุนวัตถุดิบได้ประมาณ 5%

“กนอ.กำหนดวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมครบวงจรระดับภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน โดยใช้การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเป็นแนวทางหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมอย่างบูรณาการ ภายใต้กรอบ 5 มิติ คือ มิติกายภาพ มิติเศรษฐกิจ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติการบริหารจัดการ ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมด้วยความใส่ใจในผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเกิดเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวปิดท้าย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยมาตรการเร่งด่วนพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือน

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ เห็นร่วมกันที่จะออกมาตรการเร่งด่วนด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือน ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป และเมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้

สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม คือ ลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้ แต่รายได้ลดลงจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ สถาบันการเงินจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ โดยการให้ความช่วยเหลือนี้ ลูกหนี้สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้เพื่อแสดงความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 หากลูกหนี้สามารถให้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนถึงผลกระทบของกิจการหรือการจ้างงาน จะทำให้การพิจารณาให้ความช่วยเหลือโดยเจ้าหนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ จึงควรชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น เช่นเดียวกับลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินอยู่ก่อนหน้า ที่ควรดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและยั่งยืนกว่า


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“สุพัฒนพงษ์” ยันรัฐบาลพร้อมเยียวยาผู้รับผลกระทบทุกกลุ่ม

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนารีสตาร์ทเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ทุกวัน และเตรียมมาตรการไว้หลายชุดเพื่อใช้ช่วยเหลือเยียวยาหรือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม และพร้อมหยิบมาใช้ทันทีขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การเยียวยารอบล่าสุดหลังจาก ศบค. ประกาศวันศุกร์ เพียงแค่วันจันทร์ก็มีมาตรการเยียวยาออกมาทันที จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้ดูแลและสั่งให้ติดตามเรื่องนี้ตลอดเวลา และหาทางหยุดวงจรการระบาดของโรคให้ได้

นายสุพัฒนพงษ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจว่า แม้ในปัจจุบันประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากโควิดระบาด แต่เมื่อดูการลงทุนก็พบว่า มีแนวโน้มที่ดี เช่น คำขอรับการส่งเสริมลงทุนจากต่างประเทศ 6 เดือนในปีนี้ใกล้เคียงกับตัวเลขคำขอทั้งปีของปี 63 สะท้อนให้การย้ายฐานการลงทุน จนอาจได้เห็นตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นบวกได้อีกไม่นาน 

รวมทั้งในเร็ว ๆ นี้ จะเสนอครม.เห็นชอบการให้วีซ่าพิเศษกับคน 4 กลุ่ม คือ กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย กลุ่มเกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ เข้ามาในไทยระยะยาวด้วย

รัฐบาลแจง อาชีพอิสระ สมัครประกันสังคม ม.40 เพื่อรับเยียวยา ตามมติ ครม. สร้างความมั่นคงระยะยาว ยืนยัน  ไม่ยุ่งยาก ไม่เป็นภาระ 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า จาก กรณีที่มีมติครม.ให้มีมาตรการเยียวยาเร่งด่วนสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการ "ล็อกดาวน์" ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด ครอบคลุม 9 กลุ่มอาชีพ ซึ่งการเยียวยาในครั้งนี้ หากมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์แล้ว จะต้องเป็นผู้ประกันตนกองทุนประกันสังคมด้วย โดยผู้ประกันตนแต่ละมาตรา ไม่ว่าจะเป็น 33 , 39 และ40 จะได้รับการเยียวยาที่แตกต่างกันออกไปตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนด และสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท เป็นเวลา 1 เดือน

กรณีผู้ประกอบการที่ไม่มีลูกจ้าง ผู้ประกอบการในระบบ “ถุงเงิน” ที่ไม่มีลูกจ้าง ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ ที่ยังประกอบอาชีพอยู่ หากไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ยังคงมีสิทธิ์ได้รับการเยียวยา แต่จะต้องลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา40 เสียก่อน โดยเตรียมหลักฐานยื่นลงทะเบียนภายในเดือนนี้ (กรกฎาคม 2564) เพื่อรับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท ซึ่งมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่เป็นภาระ และยังถือว่าเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตในระยะยาวอีกด้วย 

ทั้งนี้ผู้สมัครฯมี 3 ทางเลือกในการจ่ายเงินสมทบรายเดือนระยะยาว เพื่อรับการคุ้มครองที่ต่างกัน คือ ทางเลือกที่ 1 จ่าย 70 บาท ทางเลือกที่ 2 จ่าย 100 บาท ทางเลือกที่ 3 จ่าย 300 บาท มากไปกว่านั้น รัฐบาลได้ลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 40 ให้เหลือร้อยละ 60 ของเงินสมทบ (เดิม) เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ ส.ค. 64 – ม.ค. 65  ดังนี้

-ทางเลือกที่ 1 จากเดิมจ่ายในอัตรา 70 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่ เป็น 42 บาท/เดือน คุ้มครองเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต

-ทางเลือกที่ 2 จากเดิมจ่ายในอัตรา 100 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 60 บาท/เดือน คุ้มครองเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ

-ทางเลือกที่ 3 จากจากเดิมจ่าย ในอัตรา 300 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 180 บาท/เดือน คุ้มครองเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ สงเคราะห์บุตร

สำหรับวิธีสมัคร สามารถทำได้ง่ายๆ ตามช่องทางดังนี้
- สมัครด้วยตนเอง ผ่านมือถือที่เว็บไซต์ www.sso.go.th (เมื่อกรอกข้อมูลครบ รอรับ SMS ยืนยัน)
- สมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11)
- สมัครผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)
- สมัครผ่านเคาน์เตอร์บิ๊กซี (Big C)
- สมัครผ่านผู้แทนเครือข่ายประกันสังคม

น.ส.รัชดา กล่าวว่า เมื่อสมัครแล้วสามารถจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ม.40 ได้ทันที  ซึ่งนอกจะได้สิทธิ์ในการได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทสำหรับกลุ่มแรงงานอิสระที่เข้าข่ายใน 9 กลุ่มอาชีพ และอยู่ใน 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มแล้ว รัฐบาลหวังให้แรงงานและผู้ประกอบอาชีพอิสระเข้าสู่ระบบประกันสังคม ถือเป็นการออมในระยะยาวช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตด้วย ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศหรือสายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

“บิ๊กตู่” เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว Samui Plus Model เย็นนี้ ต่อยอดพื้นที่นำร่องจาก Phuket Sandbox 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ Samui Plus Model (ผ่านระบบ Video Conference) ณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โดยเป็นกิจกรรมการเปิดพื้นที่นำร่องเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ภายใต้  Samui Plus Model  ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับวัคซีนแล้วเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อยอดจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งได้เปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และจะขยายในพื้นที่อื่นที่มีศักยภาพด้วย  

“สำหรับการเปิด Samui Plus Model วันนี้ ช่วงเช้ามีพิธีต้อนรับ Experimental FAM Trip เที่ยวบินปฐมกฤษ์ PG 5125 BKK-USM ซึ่งเป็นตัวแทนเอเย่นต์และสื่อมวลชนต่างประเทศ  (ลอนดอน ปารีส แฟรงค์เฟิร์ต และฮ่องกง) ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชิญมาในรูปแบบแฟมทริปด้วย และในช่วงเย็นเวลาประมาณ 19.00 น. ณ SEEN BEACH CLUB SAMUI อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกรัฐมนตรี จะทำพิธีเปิด Samui Plus Model ผ่านระบบออนไลน์ พร้อมร่วมชมการแสดง 3D Mapping Performance ชุด Samui+ Top of Mind ซึ่งการเปิดกิจกรรมครั้งนี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของหมู่เกาะทะเลใต้ทั้งเกาะสมุย เกาะพงันและเกาะเต่า รวมถึงพื้นที่อื่นๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ” นายอนุชากล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า Samui Plus Model และ Phuket Sandbox เป็นการเดินหน้าอย่างเป็นขั้นตอนตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแนวทางเปิดประเทศไทยภายใน 120 วัน เพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข็มงวดอีกด้วย ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภูเก็ต ภายใต้โครงการ Phuket Sandbox ตั้งแต่วันที่1-14 ก.ค.นี้ รวมแล้ว 5,473 คน

‘โฆษกแรงงาน’เผยมาตรการเยียวยา 10 จังหวัด 9 กิจการ ช่วยบรรเทาภาคแรงงานให้กิจการฟื้นตัวโดยเร็ว

นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 เห็นชอบมาตรการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน รวมทั้งอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัดได้แก่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เป็นเวลา 1 เดือนนั้น 

ประเภทกิจการที่ให้ความช่วยเหลือ จากเดิม 4 สาขา ได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ และกิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมเป็น 9 สาขาโดยเพิ่มเติมสาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร

สำหรับรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้

1) ลูกจ้างมาตรา 33 จ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างรายวัน สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท และจ่ายสมทบให้สัญชาติไทยอีก 2,500 บาทต่อคน ไม่เกิน 10,000 บาท

2) นายจ้างมาตรา 33 จ่าย 3,000 บาทต่อคน ลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คน

3) ผู้ประกันตนมาตรา 39,40 จ่ายรายละ 5,000 บาท

4) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (Freelance) ที่ไม่ได้เป็นผู้ประกันตนและไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ให้ขึ้นทะเบียนตามมาตรา 40 ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อจะได้รับ 5,000 บาท

5) ผู้ประกอบการที่มีลูกจ้าง แต่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมให้ขึ้นทะเบียนตามมาตรา 33 ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อรับเงินช่วยเหลือตามการเยียวยาลูกจ้างมาตรา 33 และนายจ้างมาตรา 33 ผู้ประกอบการในระบบ “ถุงเงิน” 5 หมวด ภายใต้โครงการคนละครึ่งและโครงการเราชนะที่มีลูกจ้างให้ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนมาตรา 33 ภายในเดือน ก.ค. นี้ เพื่อรับเงินช่วยเหลือตามผู้ประกอบการในระบบถุงเงิน 5 หมวด ภายใต้โครงการคนละครึ่งและโครงการเราชนะที่ไม่มีลูกจ้างให้ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนมาตรา 40 ภายในเดือน ก.ค. นี้ เพื่อรับค่าช่วยเหลือ 5,000 บาท

สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาทั้งนายจ้างและผู้ประกันตนในครั้งนี้ เมื่อสำนักงานประกันสังคมได้รับจัดสรรเงินงบประมาณจากรัฐบาล และตรวจสอบข้อมูลถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนให้แก่ผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 รวมถึงนายจ้างในกิจการเจ้าของคนเดียวที่มีชื่อระบุตามทะเบียนพาณิชย์ ขอให้ท่านรีบดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนให้เรียบร้อย ส่วนนายจ้างที่มีสถานะนิติบุคคล สำนักประกันสังคมจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลที่แจ้งขึ้นทะเบียนนายจ้างกับสำนักงานประกันสังคมไว้
 
“ในเรื่องนี้ ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ จึงได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคมประชุมหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งกำหนดรายละเอียดให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต่อไป” นางเธียรรัตน์ กล่าวในท้ายสุด

‘ผอ.สศค’ เผย! เตรียมคุยออนไลน์ฟู้ดเดลิเวอรี่ ดึงร่วม ‘คนละครึ่ง’ ภายใน ก.ค.นี้ ด้าน ‘ร้านอาหาร-ฟู้ดเดลิเวอรี่’ ประสานเสียงหนุนรัฐปลดล็อก จ่ายคนละครึ่งผ่านแอปฯ ซื้ออาหาร-เครื่องดื่ม

‘ผอ.สศค’ เผย! เตรียมคุยออนไลน์ฟู้ดเดลิเวอรี่ ดึงร่วม ‘คนละครึ่ง’ ภายใน ก.ค.นี้ ยกเว้น! รายที่มีปัญหา ระบุ! รอเจรจาค่า GP เหตุมีการโปรโมทให้ร้านค้าและไรเดอร์ ด้าน ‘ร้านอาหาร-ฟู้ดเดลิเวอรี่’ ประสานเสียงหนุนรัฐปลดล็อก จ่ายคนละครึ่งผ่านแอปฯ ซื้ออาหาร-เครื่องดื่ม

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีฟู้ดเดลิเวอรี่ต้องการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลว่า ล่าสุด ได้หารือกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ (Food Delivery) อย่างไม่เป็นทางการ 2 ราย จากผู้ให้บริการทั้งหมด 4 ราย โดยผู้ให้บริการยินดีที่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งอย่างไม่มีปัญหา ยกเว้นผู้ให้บริการหนึ่งรายที่กระทำผิดกฎหมายอยู่ในขณะนี้ ไม่ตอบข้อหารือของสศค. หลังจากที่ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า ‘ไม่ว่าง’

“สศค.จะไม่ตัดสิทธิผู้ให้บริการรายใดออกไป แต่ต้องการทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามเงื่อนไขของโครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นการชำระเงินระหว่างกันโดยตรงไม่ผ่านตัวกลาง (Face to Face)” น.ส.กุลยา ย้ำว่าภายในเดือนนี้จะเชิญผู้ประกอบการมาหารือผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสรุปแนวทางการเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ โดยในระหว่างนี้ สศค.ได้หารือกับธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้ให้บริการ ‘เป๋าตัง’ ในประเด็นการชำระเงินจากภาครัฐไปสู่ผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ และจากฟู้ดเดลิเวอรี่ไปยังผู้ค้า เป็นต้น

ซึ่งประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้จะต้องคำนึงถึงความโปร่งใส และไม่มีปัญหาเรื่องทุจริต ที่ผ่านมาสศค.ได้ตรวจพบการทุจริตโครงการคนละครึ่ง และได้ดำเนินการเข้มงวดแล้ว จึงไม่ต้องการเห็นเกิดช่องโหว่ของการทุจริตกลับมาอีก

ส่วนกรณี การลดค่าธรรมเนียม หรือ Gross Profit (GP) นั้น สศค. อยู่ระหว่างพิจารณาถึงความเหมาะสม และเตรียมหารือกับผู้ประกอบการฯ ทั้งนี้ อยากเห็นการมีส่วนร่วมของฟู้ดเดลิเวอรรี่ต่อประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการเคยให้ข้อมูลว่า มีการจัดโปรโมชันให้กับร้านค้า ไรเดอร์ และผู้สั่งซื้ออาหารอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เช่น โรบินฮู้ด ไม่เก็บค่าขนส่งลูกค้า เป็นต้น โดยมองว่าเป็นเรื่องดีที่ทุกฝ่ายช่วยเหลือสังคมในช่วงที่ล็อกดาวน์

ด้านนายวรพจน์ พูลถนอมสุข เจ้าของร้านอาหาร ‘เป่าซิงสุกี้’ ย่าน ถ.เจริญลาภ กล่าวว่า เดิมร้านมี 5 สาขา ปัจจุบันเหลือ 3 สาขาและกำลังจะปิดอีก 1 สาขา เหลือเพียง 2 สาขาเพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายสุกี้ฯ โดยหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด และรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้รายได้จากยอดขายลดลงมากกว่า 35%

ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะปลดล็อก เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิในโครงการของรัฐ โดยเฉพาะ ‘คนละครึ่ง’ สามารถจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มผ่านแอปฯ ของฟูดเดลิเวอรี่แล้ว เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่ซบเซาจากนโยบายของรัฐ พอจะกระเตื้องขึ้นมาได้ โดยอยากให้ภาครัฐเร่งดำเนินในทันที ข้ามกฎระเบียบและขั้นตอนใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้โครงการดังกล่าวเกิดความล่าช้า เนื่องจากเวลาที่ทอดยาวออกไป ยิ่งเป็นการทำลายโอกาสของผู้ประกอบการร้านอาหารฯ

ขณะที่ น.ส.รัตนาภรณ์ เวชสวรรค์ เจ้าของร้านข้าวมันไก่ ‘ป.เจริญชัยไก่ตอน’ ย่าน ถ.ประชาราษฎร์ ห้วยขวาง กล่าวว่า ร้านได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิดและมาตรการของรัฐ ทำให้ยอดขายหายไปราว 30-40% ส่วนหนึ่งเพราะประชาชนประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ที่สำคัญคือ ประชาชนไม่ออกจากบ้าน เพราะการประกาศล็อกดาวน์ของรัฐ ทำให้โอกาสที่ร้านฯ จะขายอาหารแก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่งยิ่งน้อยลงไปอีก

ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐคลายล็อก และเปิดให้มีการใช้จ่ายค่าอาหารฯ ในโครงการคนละครึ่ง ผ่านแอปฯ เป๋าตังโดยเร็ว และเปิดให้ทุกแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่สามารถรับเงินแทนร้านอาหารได้ ส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งนี้จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติได้อย่างแน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารในตอนนี้คือ การกระตุ้นให้เกิดยอดขาย ไม่ว่าจะจากทั้งรัฐบาล หรือแอปพลิเคชัน เพื่อให้ร้านต่าง ๆ ยังมีสภาพคล่องและรักษาธุรกิจต่อไปได้

ส่วนผู้บริหารระดับสูงของแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่รายหนึ่ง (ค่ายสีชมพู) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ แพลตฟอร์มผู้ให้บริการแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่หลายแห่ง ได้ใช้เวทีการประชุมร่วมกับหน่วยงานของรัฐ เสนอแนวทางการชำระเงินค่าอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่งผ่านแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่มาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หากภาครัฐจะเปิดให้มีการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งผ่านแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่จริง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่บริษัทเจ้าของแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่เท่านั้น เพราะผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด คือ ผู้บริโภคและร้านอาหาร รวมถึงระบบเศรษฐกิจในภาพรวมที่จะกระเตื้องตามกันไป

ดร.เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผอ.ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บเฝ้าติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งนี้ หากเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการฟู้ดเดลิเวอรี่สามารถเข้าร่วมได้ ทางแกร็บก็พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน และพร้อมให้ภาครัฐตรวจสอบตรวจสอบความโปร่งใส

ส่วนในทางปฏิบัติ หากภาครัฐปลดล็อกให้มีการใช้จ่ายเงิน (สิทธิ) ในโครงการคนละครึ่งผ่านแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่ แกร็บก็พร้อมร่วมหารือในรายละเอียดกับธนาคารกรุงไทย ที่ดูแลแอปฯ เป๋าตัง ถุงเงิน และระบบการชำระเงินในโอกาสต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top