Saturday, 10 May 2025
ECONBIZ NEWS

‘สุรพงษ์’ คุยลั่น!! หมดยุค ‘การรถไฟฯ’ ขาดทุน-ติดลบตัวแดง เผย!! มีแผนเพิ่มรายได้ 10 เท่า จาก 2 พันล้าน เป็น 2 หมื่นล้าน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้พบปะกับสมาชิกของ ชมรมคอลัมนิสต์ นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ไทย นำโดย นายณรงค์ ปานนอก ประธานชมรมคอลัมนิสต์ฯ กล่าวถึงภารกิจสำคัญคือ การสร้างรายได้ของ รฟท. ได้ตั้งเป้าผลประกอบการหรืองบดุล จะต้องไม่มีตัวแดง หรือ EBITDA ต้องไม่ติดลบ และต้องเป็นบวก หรือมีกำไร ในปีต่อๆไป โดยให้ปรับแผนงานหารายได้เพิ่มจากธุรกิจทางตรงคือการขนส่งสินค้า เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด จาก 3% ที่มีรายได้เพียง 2,000 ล้านบาท/ปี เป็น 30% ซึ่งรายได้จะเพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท/ปี

“เรื่องนี้ถือเป็นการบ้านของ รฟท. ที่จะต้องไปหาวิธีทำอย่างไรเพื่อไปสู่เป้าหมาย ทั้งด้านการขนสินค้าและผู้โดยสาร อาจหามืออาชีพด้านการตลาดมาช่วย การวางแผนจัดสร้างเส้นทางส่วนต่อขยาย เข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีความต้องการในการขนส่งสินค้ามาก ๆ เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ของ รฟท.” รมช.คมนาคม กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของค่าโดยสาร รฟท. ไม่ได้ปรับค่าโดยสารมาตั้งแต่ปี 2538 หรือ 29 ปีแล้ว ซึ่งจะแบ่งผู้โดยสารเป็น 2 ส่วน คือ ด้านบริการเชิงสังคมสำหรับผู้มีรายได้น้อย ที่รัฐต้องดูแลก็ให้แยกออกมา ส่วนบริการรถไฟเชิงพาณิชย์ ชั้น 2 และชั้น 3 ที่พร้อมจะซื้อตั๋วที่ราคาสูงขึ้นได้ จะทำให้สามารถกำหนดราคาที่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ว่าฯรฟท.ต้องไปทำข้อมูลแยกออกมาว่า มีปริมาณผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ และ ผู้โดยสารรถไฟท่องเที่ยว เพื่อกำหนดแผนได้ตรงกับความต้องการของตลาดผู้โดยสาร

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงแผนการปรับปรุงรถไฟไทยว่า ได้ดำเนินการจัดทำรถไฟท่องเที่ยวขบวนรถหรู SRT Royal Blossom ที่จะเปิดบริการเที่ยวแรกในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นี้ นำร่องเส้นทางท่องเที่ยว กรุงเทพฯ -กาญจนบุรี เป็นรถไฟขบวนใหม่ สไตล์ญี่ปุ่น ที่การรถไฟฯ ทำการปรับปรุง หลังได้รับมอบจากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงเสร็จสิ้นแล้ว 5 คัน จากจำนวนทั้งหมด 10 คัน ถูกออกแบบสำหรับใช้เดินทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีการดีไซน์ด้วยความพิถีพิถันจากฝีมือช่างคนไทย ภายในประกอบด้วยระบบสันทนาการครบครัน เพื่อให้ผู้โดยสารสัมผัสบรรยากาศวิวสองข้างทางอย่างเต็มที่ มีการติดตั้งบันไดทางขึ้น-ลงสำหรับรองรับชานชาลาสูง-ต่ำ และรถวีลแชร์ของผู้พิการตามมาตรฐาน Universal 

ขณะที่ภาพรวมการขนส่งทางราง นายสุรพงษ์ฉายภาพความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 กรุงเทพมหานคร -  นครราชสีมา) ระยะทางรวม 250.77 กิโลเมตร ภาพรวมการดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบัน มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 33.48% ซึ่งได้กำชับให้การรถไฟฯ เร่งรัดการก่อสร้าง รวมถึงแก้ไขอุปสรรคต่างๆ อาทิ ปัญหาที่ยังติดขัด 2 สัญญา จาก 14 สัญญา ประกอบด้วย 1.สัญญา 4-1 บางซื่อ-ดอนเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อยู่ระหว่างการแก้ไขสัญญาของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ภายในปี 2571 

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 (นครราชสีมา-หนองคาย) ระยะทาง 356 กิโลเมตร วงเงิน 3.3 แสนล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการออกแบบและปรับแบบเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ (บอร์ด) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ได้ให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอมายังกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายใน ก.ย.นี้ และสามารถเปิดประมูลพร้อมเริ่มกระบวนการก่อสร้างภายในปี 2567 คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการในปี 2572 

ด้านการพัฒนารถทางคู่ ได้ดำเนินการก้าวหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟสายใหม่ ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้แล้วหลายเส้นทาง ได้แก่ โครงการช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โครงการช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ขณะที่เส้นทางรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร ก็สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนเช่นกัน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยเป็นการเปิดให้บริการระหว่างสถานีบ้านคูบัว จ.ราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จ.ชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร 

จากนั้นมีแผนเปิดใช้ทางคู่เพิ่ม ระหว่างสถานีโพรงมะเดื่อ-บ้านคูบัว ระยะทาง 50 กิโลเมตร และสถานีสะพลี – ด้านเหนือสถานีชุมพร ระยะทาง 12.80 กิโลเมตร ซึ่งตามแผนจะเปิดใช้ทางคู่ตลอดเส้นทาง ช่วงนครปฐม – ชุมพร รวมระยะทาง 420 กิโลเมตร ประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 2567 

นอกจากนี้ ในปลายปี 2567 จะเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงบันไดม้า-คลองขนานจิตร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระยะทาง 29.70 กม. ที่การก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ เพื่อช่วยลดระยะเวลาเดินทางแก่ประชาชน

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ปัจจุบันก้าวหน้าไปแล้ว ร้อยละ 9.695 และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญา 1 บ้านไผ่ - หนองพอก สัญญา 2 หนองพอก - สะพานมิตรภาพ 3 ก้าวหน้าแล้วร้อยละ 2.578 อีกทั้งยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ที่เตรียมพัฒนาเพิ่มเติมอีก 7 สายทาง ได้แก่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย อยู่ระหว่างเตรียมประกวดราคาก่อสร้าง ส่วนช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการการรถไฟฯ ไปแล้ว อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคม เสนอขอมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไป

‘เอ็มเค’ รุกตลาดบุฟเฟต์ ประเดิมสาขาแรกที่ ‘เซ็นทรัลเวสต์เกต’ เปิดราคา!! เริ่มต้นที่ 499 บาท เสิร์ฟไม่อั้น อร่อยได้ภายใน 90 นาที

(3 ส.ค.67) เอ็มเค ยักษ์ร้านสุกี้ แตกแบรนด์ใหม่ MK BUFFET ซึ่งเป็นสาขาที่ใช้โมเดลการขายและจัดร้านแบบบุฟเฟต์เต็มตัว ทั้งการมีแพ็กเกจ 3 ราคา เริ่มต้น 499 บาท ไปจนถึง 899 บาท และบาร์น้ำจิ้ม เครื่องดื่ม บาร์ติ่มซำ-ของทอด และซอฟต์เสิร์ฟแบบทานได้ไม่อั้น ภายในเวลา 90 นาที โดยปักธงสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวสต์เกต

องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ MK BUFFET แบบใหม่นี้ แตกต่างจากโมเดลเดิมที่ MK มีการขายแบบบุฟเฟต์ในบางสาขา แบ่งเป็นสาขาพื้นฐานราคา 440 บาท จำกัดเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที และสาขาบุฟเฟต์โกลด์ ราคา 545 บาท สำหรับ จำกัดเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที โดยจะมีในสาขา อาทิ เมเจอร์รัชโยธิน, ฟิวเจอร์รังสิต, เอสพลานาด-รัตนาธิเบศร์, TU Dome รังสิต, The Shelter โชคชัย 4, เซ็นทรัลเวสต์เกต, Topland เพชรบูรณ์, โลตัสหางดง เชียงใหม่, บิ๊กซีชลบุรี (แยกคีรี), บิ๊กซี ตรัง เป็นต้น

ส่วนโมเดลใหม่ MK BUFFET นั้นตามข้อมูลของ MK (https://www.mkrestaurant.com/th/MKBuffet) ระบุว่า มี 3 ระดับราคา คือ Standard 499 บาท, Premium 699 บาท และ Deluxe 899 บาท ซึ่งจะมีจำนวนอาหารที่เลือกสั่งได้แตกต่างกันตามระดับราคา

นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเสริม อาทิ เพิ่มเงินอีก 99 บาท เพื่อรับสิทธิบาร์เครื่องดื่ม ขนมหวาน และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ เพิ่มเงิน 50 บาท เพื่อเลือกน้ำซุปประกอบด้วย ซุปต้นตำรับ, ซุปน้ำดำสไตล์ญี่ปุ่น, ซุปหม่าล่า, และซุปต้มยำกุ้ง ทั้งแบบเต็มหม้อและครึ่งหม้อ

โดยระดับ Standard 499 บาท จะเลือกสั่งอาหารได้กว่า 60 เมนูมีไฮไลต์เป็น เนื้อนำเข้าออสเตรเลีย เนื้อบริสเก็ตออสเตรเลีย และเนื้อกุ้งสด

ส่วน Premium 699 บาท สั่งอาหารได้กว่า 80 เมนู มีไฮไลต์เป็นเนื้อชัคเทนเดอร์ออสเตรเลียวากิวสไลซ์ หอยเชลส์ และปลาหมึกสด

สำหรับ Deluxe 899 บาท จะเลือกสั่งอาหารได้มากกว่า 100 เมนู มีไฮไลต์เป็นเนื้อวากิวส่วนสะโพกระดับ A5, กุ้งแม่น้ำ และสันคอหมูอิโมะบูตะ

อย่างไรก็ตามทั้ง 3 ระดับราคาไม่รวมเมนูเป็ดย่างเอ็มเค ซึ่งจะต้องซื้อแยกต่างหากในราคาเป็ดย่างใหญ่ 439 บาท และเป็ดย่างเล็ก 225 บาท รวมถึงน้ำดื่มที่หากไม่เพิ่มเงิน 99 บาท เพื่อสิทธิบาร์เครื่องดื่ม แล้วสามารถซื้อเครื่องดื่มต่างหากได้ อาทิ น้ำแร่ น้ำชาเอ็มเค และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่า เอ็มเค จะขยายโมเดล MK BUFFET ไปในรูปแบบใดต่อไป เช่น ปรับสาขาที่ขายบุฟเฟต์เดิมเป็นโมเดลใหม่นี้ หรือจะขยายสาขาเพิ่มแยกต่างหาก

How to invest คุยเรื่องลงทุนกับ 'อรวดี ศิริผดุงธรรม' 'หุ้น-ทอง-อสังหาฯ' ในห้วงเวลาที่ต้องคลิกให้ถูกจังหวะ

รายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ คุณอรวดี ศิริผดุงธรรม Senior Investment Advisory เมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 ในประเด็น 'เกาะติดการลงทุนไทย' ว่า...

ช่วงนี้หากมองการลงทุนในตลาดหุ้น คงต้องพิจารณาให้รอบด้าน เนื่องจากมีแรงเทขายหุ้นจากต่างชาติตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งหุ้นไทยทั้งหมด เพียงแต่เปลี่ยนการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น ยานยนต์, การแพทย์ และสื่อสาร 

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมองว่า นักลงทุนควรมองหาโอกาสการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า เช่น กลุ่มที่มีหนี้เป็นสกุลเงินต่างประเทศ, โรงไฟฟ้า, สายการบิน, สินค้านำเข้า เป็นต้น 

ต่อมา คาดกันว่าในเดือนกันยายนนี้ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติลดดอกเบี้ย ก็จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและสินทรัพย์เสี่ยงในอนาคต ซึ่งจะเป็นโอกาสของนักลงทุนเช่นกัน 

ส่วนนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ ก็อยากให้เริ่มต้นด้วยการสำรวจตัวเองก่อนว่า สามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน? แนะนำให้ลองกรอกแบบฟอร์มประเมินความเสี่ยงก่อนลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก จากนั้นควรศึกษาข้อมูลของบริษัทที่สนใจลงทุนอย่างละเอียด เช่น ข้อมูลพื้นฐานของบริษัท, ผู้บริหาร, ธรรมาภิบาล, สินค้าและบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือไม่ 

คุณอรวดี ให้คำแนะนำในส่วนนี้เพิ่มด้วยว่า "การเล่นหุ้น จำเป็นต้องมองภาพใหญ่ของประเทศให้ออก ว่ากำลังเดินไปในทิศทางไหน เช่น รัฐบาลกำลังมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศแบบใด แล้วหุ้นตัวไหนที่มีได้อานิสงส์จากโครงการนี้ เช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม หรือ ร้านค้าปลีก เข้าข่ายไหม จากนั้นก็ค่อย ๆ ทยอยซื้อเก็บไปเรื่อย ๆ พอในระยะยาว เราก็อาจจะสามารถเอาชนะตลาดได้"

เมื่อถามถึงการลงทุนในตลาดทองคำ? คุณอรวดี เผยว่า ปัจจุบันมีผลงานวิจัยรายงานว่าทองคำบนโลกอาจมีให้ขุดได้อีกไม่เกิน 20 ปีเท่านั้น หมายความว่าปริมาณทองคำจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ สวนทางกับความต้องการที่มีมากขึ้น ภายใต้จุดเด่นที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ซึ่งได้รับความนิยมสูง สามารถจับต้องได้ และมูลค่าของทองคำไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย

ทว่า ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่นิยมลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ แต่ไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อทำกำไรมากกว่า แต่กลับกันถ้าเศรษฐกิจขาลง นักลงทุนจะหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น 

ดังนั้น การลงทุนทองคำสามารถลงทุนได้เรื่อยๆ แต่ต้องรู้กลยุทธ์ว่าจะลงทุนในรูปแบบใด ระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว ถ้าลงทุนในระยะยาวมีโอกาสทำกำไรได้สูง 

เมื่อถามถึงการลงทุนในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย? คุณอรวดี กล่าวว่า ในปัจจุบันอสังหาฯ เหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินเย็นมากกว่า เพราะถ้าลงทุนไปแล้ว ไม่สามารถปล่อยเช่า หรือขายได้ ต้นทุนจะสูงขึ้น เนื่องจากต้องจ่ายค่าเสื่อมและค่าส่วนกลางตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันความต้องการอสังหาฯ ในไทยไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนเมื่อก่อน อาจต้องรอนโยบายจากรัฐบาลมาสนับสนุน เพื่อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักอีกครั้ง 

‘สุกี้ตี๋น้อย’ จัดโปรเด็ดทุกสาขา ลดราคาเหลือ 169 บาท เพียงแค่จ่ายผ่าน ‘เป๋าตังเปย์’ ขีดเส้น 1 ส.ค.- 31 ธ.ค.67

(2 ส.ค.67) ‘เพจสุกี้ตี๋น้อย’ ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ กลับมาแล้วส่วนลดปัง เอาใจสายตี้ สุกี้ตี๋น้อย ลดราคาจาก 219 บาท เหลือ 169 บาท เพียงแค่สแกนจ่ายเงินผ่าน ‘เป๋าตังเปย์’ ก็รับส่วนลดไปเลย โดยลูกค้าใหม่รับส่วนลด 50 บาท เมื่อสมัครสำเร็จ และลูกค้าปัจจุบันรับส่วนลด 20 บาท ทุกเดือน

โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 31 ธันวาคม 2567 ที่สุกี้ตี๋น้อยทุกสาขา!​ (ร้าน Teenoi Express ก็สามารถใช้สิทธิได้)

>> สำหรับเงื่อนไขการรับสิทธิ

-สิทธิพิเศษเมื่อสแกนจ่ายผ่านเป๋าตังเปย์วอลเลตเท่านั้น​
-สำหรับลูกค้าใหม่ เมื่อสมัครเป๋าตังเปย์วอลเลต แลกรับคูปองส่วนลด 50 บาท
-สำหรับลูกค้าปัจจุบัน รับคูปองส่วนลด 20 บาท* (เมื่อมียอดชำระขั้นต่ำ 50 บาท)
-ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าเครื่องดื่มรีฟิลและภาษีมูลค่าเพิ่ม​
-คูปองส่วนลด 50 บาท จำกัดการได้รับคูปองส่วนลด 1 สิทธิ/ลูกค้า/กิจกรรมส่งเสริมการขาย
-คูปองส่วนลด 20 บาท จำกัดจำนวนกดรับคูปองส่วนลดสูงสุด 1 สิทธิ/ลูกค้า/เดือน
-จำกัด 1 สิทธิ/คน และจำกัด 1 คูปองส่วนลด ต่อ 1 ใบเสร็จ (ไม่สามารถแยกใบเสร็จในทุกกรณี)​
-จำกัด 20,000 สิทธิแรก โดยนับจากการใช้คูปองส่วนลดตามลำดับ​
-ระยะเวลากิจกรรมส่งเสริมการขายตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เวลา 23.59 น. (ตามเวลาประเทศไทย) (‘ระยะเวลากิจกรรมส่งเสริมการขาย’) เว้นแต่จะครบตามจำนวนสิทธิที่กำหนดก่อนครบระยะเวลาดังกล่าว

-ส่วนลด 50 บาท จำกัดจำนวนคูปองส่วนลด 100,000 สิทธิ ตลอดระยะเวลากิจกรรมส่งเสริมการขาย (เว้นแต่จะครบตามจำนวนสิทธิที่กำหนดก่อนครบระยะเวลาดังกล่าว)
-ส่วนลด 20 บาท จำกัดการใช้คูปองส่วนลดจำนวน 15,000 สิทธิแรก/เดือน รวม 75,000 สิทธิ ตลอดระยะเวลาส่งเสริมการขายนี้ เว้นแต่จะครบตามจำนวนสิทธิ์ที่กำหนดก่อนครบระยะเวลาดังกล่าว
-กรณีใช้คูปองไม่ทันตามลำดับสิทธิ ธนาคารขอสงวนสิทธิไม่ชดเชยคูปองส่วนลดให้แก่ลูกค้า​
-สงวนสิทธิ์เฉพาะลูกค้าที่สมัครเป๋าตังเปย์วอลเลตสำเร็จเท่านั้น​
-คูปองส่วนลดที่ได้รับสามารถใช้ได้ทันที หรือเก็บไว้ใช้ได้ภายใน 30 วันหลังจากวันที่ลูกค้ากดรับคูปองส่วนลด กรณีใช้คูปองส่วนลดไม่ทันในเวลาที่กำหนด หรือจำนวนสิทธิที่ใช้หมดก่อน ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ไม่ชดเชยคูปองส่วนลดหรือชดเชยด้วยวิธีการอื่นใดให้แก่ลูกค้า

-ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการคืนส่วนลดจากมูลค่าของคูปองส่วนลด หากคำสั่งการทำรายการชำระค่าอาหารและบริการถูกยกเลิกหรือถูกปฏิเสธทุกกรณี ​
-ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชันอื่น ๆ ได้​
-ไม่สามารถแลก/เปลี่ยน/ทอนเป็นเงินได้​
-เงื่อนไขการใช้คูปองส่วนลดเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด​
-สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป๋าตังเปย์วอลเลต บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ได้ที่ Krungthai Contact Center โทร. 0-2111-1111

>> ขั้นตอนการเก็บคูปองสำหรับลูกค้าใหม่ มูลค่า​ 50.-

1.เปิดแอปพลิเคชันเป๋าตัง (โปรดอัปเดตแอปพลิเคชันให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด)
2.กดสมัครบริการเป๋าตังเปย์วอลเลต ทำตามขั้นตอนการสมัครจนสำเร็จ
3.กดไอคอน ภารกิจรับรางวัล และเลือกภารกิจ ภารกิจลูกค้าใหม่เป๋าตังเปย์
4.ลูกค้าสามารถกดแลกรับคูปองอิ่มคุ้มร้านแบรนด์ดัง มูลค่าสูงสุด 50 บาทได้
5.สามารถตรวจสอบคูปองส่วนลดที่ได้รับ โดยเข้าไปที่ ภารกิจรับรางวัล > กดเลือก คูปองของฉัน > กดเลือกรางวัลคูปองส่วนลดที่ได้รับจากกิจกรรมภารกิจลูกค้าใหม่เป๋าตังเปย์ > อ่านรายละเอียดและกดใช้งานคูปอง

‘อนุทิน’ สั่งทุกจังหวัด ‘ลดค่าแผง-จัดขายของราคาถูก’ ช่วยประชาชนช่วง 3 เดือน ก่อนได้ใช้ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’

(2 ส.ค.67) ทำเนียบฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ ที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นประธานว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอต่อที่ประชุมว่าจะมีมาตรการระยะสั้นระหว่างปัจจุบันถึงเดือนตุลาคม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนที่ประชาชนจะได้เงินจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในไตรมาสที่ 4 ของปี อาทิ การทำให้สินค้าราคาถูกลง สนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กให้มีช่องทางค้าขาย และขอให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ลดราคาสินค้า เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อสินค้าในราคาต่ำลง 

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยก็ได้นำมาตรการที่ว่าไปกำชับทุกจังหวัดทั่วประเทศให้ช่วยประชาสัมพันธ์และหาช่องทางรวมถึงจัดพื้นที่ให้มีการขายสินค้ามากขึ้น อาทิ ศาลากลางจังหวัด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และสั่งการให้องค์การตลาดของกระทรวงมหาดไทยลดค่าเช่าแผงในช่วง 3 เดือนนี้ด้วย

'สุชาติ-รวมไทยสร้างชาติ' หนุนภาคธุรกิจไทย ใช้ประโยชน์จาก FTA มั่นใจ!! ช่วยลดอุปสรรคทางการค้า-ขยายตลาดส่งออกคล่อง

(2 ส.ค.67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ลงพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพื่อพบผู้ประกอบการบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์มาม่า และบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคจำเป็นทั้งของใช้ส่วนตัวและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ แชมพู ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน เป็นต้น โดยสินค้าของทั้งสองบริษัทมีทั้งที่วางจำหน่ายในประเทศทั้งในตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ และส่งออกไปประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในส่วนของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าได้รับความนิยมมากในเอเชีย และมีการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และแอฟริกาด้วย รวม 68 ประเทศ

นายสุชาติ ชมกลิ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งสองบริษัทมีการจ้างแรงงานรวมเกือบ 10,000 คน และได้รับทราบว่ามีการนำนวัตกรรมมาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และปรับปรุงคุณภาพ ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายของสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ และมีการนำโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาใช้ด้วย สำหรับบทบาทของกระทรวงพาณิชย์นั้นจะเป็นลมใต้ปีกให้แก่ผู้ประกอบการที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการสร้างโอกาสในการขยายตลาดจากความตกลงการค้าเสรีหรือ FTA ที่มีทั้งหมด 15 ฉบับ กับประเทศคู่ค้า 19 ประเทศ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะดำเนินการในเรื่องนี้ในเชิงรุกต่อไป

ประเทศคู่ค้า FTA ที่ยกเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าศุลกากรบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ อาเซียน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, จีน และชิลี นอกจากนี้ FTA แต่ละฉบับยังช่วยลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีด้วย เช่น กฎระเบียบทางการค้าต่าง ๆ ที่อาจเป็นภาระสำหรับผู้ประกอบการไทย การทำ FTA จึงถือเป็นแต้มต่อทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ ให้สามารถขยายตลาดส่งออกนำรายได้เข้าประเทศ เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

ในส่วนของการดูแลพี่น้องประชาชนผู้บริโภค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ตลอดจนร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ฯ และบริษัท ไลอ้อนฯ ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่มาโดยตลอด 

ทั้งนี้ ในวันที่ 1-3 สิงหาคม 2567 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในจะจัดงานธงฟ้าราคาประหยัด ณ บริเวณลานกิจกรรมหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดเพื่อลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ซึ่งนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางไปเป็นประธานเปิดงานด้วย

‘บอร์ด EA’ ไฟเขียว!! แต่งตั้ง ‘สุพันธุ์ มงคลสุธี’ นั่งกรรมการฯ ส่ง ‘ฉัตรพล ศรีประทุม’ ขึ้นนั่ง CEO ส่วน ‘วสุ กลมเกลี้ยง’ นั่ง CFO

บอร์ด EA อนุมัติแต่งตั้ง ‘สุพันธุ์ มงคลสุธี’ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการคนใหม่ พร้อมตั้ง ‘ฉัตรพล ศรีประทุม’ ขึ้นแท่น CEO ขณะที่ ‘วสุ กลมเกลี้ยง’ ขึ้นนั่ง CFO มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ ทางด้าน ‘สมใจนึก เองตระกูล’ ยังคงนั่งเป็นประธานบอร์ด มั่นใจศักยภาพทีมผู้บริหารรุ่นใหม่สามารถผลักดันแผนธุรกิจที่วางไว้ให้องค์กรเติบโตในแนวทางพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอบโจทย์ Net Zero สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน 

(2 ส.ค. 67)  นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติแต่งตั้งนายสุพันธ์ มงคลสุธี เข้ารับตำแหน่งกรรมการแทนนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ และมีมติแต่งตั้งทีมผู้บริหารรุ่นใหม่โดยมี นายฉัตรพล ศรีประทุม ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และนายวสุ กลมเกลี้ยง ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) โดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน)

ขณะที่นายฉัตรพล ศรีประทุม จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท MBA การเงิน ร่วมงานกับบริษัทฯ มากว่า 10 ปี ผ่านงานด้านการพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน รวมถึงโครงการกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนา ปัจจุบันเป็นซีอีโอ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) และประธานกรรมการ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ไต้หวัน) ผลงานโดดเด่นล่าสุด นำ EA เข้าโครงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ นับเป็นโครงการแรกของโลกที่มีการซื้อขายกันเกิดขึ้น ภายใต้ความตกลงปารีส Article 6.2 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างไทย-สวิตเซอร์แลนด์ ผ่านกรอบความร่วมมือกันระหว่างประเทศที่มีการระบุชัดเจนว่าจะต้องเป็นโครงการการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ นับเป็นแรงกระตุ้นที่ดีสำหรับภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการที่ช่วยรักษาและปกป้องสิ่งแวดล้อม

ส่วนนายวสุ กลมเกลี้ยง จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ สาขาการเงินระหว่างประเทศ ก่อนเข้ามาร่วมงานกับบริษัทฯ เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถาบันการเงินหลายแห่ง และเมื่อร่วมงานที่บริษัทฯ ได้ดูแลด้านการบริหารการเงินการจัดหาแหล่งเงินทุนจากทั้งตลาดเงินและตลาดทุน รวมถึงรับผิดชอบงานการลงทุนทั้งในและต่างประเทศของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งหมด 

ผลงานโดดเด่นล่าสุด เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการเจรจาและจัดโครงสร้างการลงทุนใน บมจ. เน็กซ์ พอยท์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการบริหาร บมจ. เน็กซ์ พอยท์ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ร่วมผลักดันการตั้งบริษัทร่วมทุน Super Holding Company กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดย EA มีสิทธิในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาวทั้งหมด เพื่อให้กลายเป็นศูนย์กลางจำหน่าย และ บริหารพลังงานสะอาดแบบครบวงจร 

นายสมใจนึก กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมในฐานะประธานกรรมการมั่นใจว่าทีมผู้บริหารใหม่ ทั้ง CEO และ CFO เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับ EA มานาน พร้อมที่จะสานต่อภารกิจทั้งด้านธุรกิจพลังงานสะอาด แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน การซื้อขายคาร์บอนเครดิต การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ นำพาองค์กรเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้”

ในส่วนของหุ้นกู้บริษัทฯจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 9 และ วันที่ 14 สิงหาคม 2567 โดยบริษัทฯ จะเพิ่มอัตราผลตอบแทนและขอเลื่อนการไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไปเป็นภายในปีหน้า

'รมว.ปุ้ย' ตอบกระทู้สด 'ก้าวไกล' ปมการบริหารจัดการ 'แคดเมียม' 'ขนกลับต้นทางครบ-ไร้กระทบสุขภาพ ปชช.' ลั่น!! คนผิดต้องไม่ลอยนวล

(1 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ทำหน้าที่เป็นประธานพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจาของนายศิรโรจน์ ธนิกกุล ส.ส.สมุทรสาคร เขต 2 พรรคก้าวไกล ถาม นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การบริหารจัดการสารเคมีอันตรายในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยตั้งคำถามปริมาณของกากแคดเมียมที่ขนกลับไป จ.ตาก ตลอดจนถึงความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนหรือไม่ นอกจากนี้แนวทางการบริหารจัดการหลังจากนี้เป็นอย่างไรบ้าง ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการเยียวยาเพียงใด และการสอบสวนผู้กระทำทั้งกระบวนการมีความคืบหน้าอย่างไร  

รมว.พิมพ์ภัทรา ได้มาตอบกระทู้สดด้วยตัวเอง โดยระบุว่า ตนในฐานะ รมว.อุตสาหกรรม หลังจากที่ได้รับรายงานว่ามีการพบกากตะกอนแคดเมียม ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ก็ได้ลงพื้นที่ในทันที โดยได้พบและหารือผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้นำส่วนราชการต่าง ๆ ทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยได้ตรวจสอบถึงที่มาของกากแคดเมียมว่ามาจากแหล่งใด ปริมาณเท่าไร จากนั้นได้มีการตรวจสุขภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อหาสารปนเปื้อนทั้งนี้ พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำงาน คนงาน ทั้งหมด หลังจากนั้นก็ได้เร่งหากกากตะกอนแคดเมียมซึ่งกระจายในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ทั้งหมด 

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของจำนวนตัวเลขกากตะกอนแคดเมียมที่ระบุว่า มีประมาณ 15,000 ตัน เป็นตัวเลขกลม ๆ ที่เกิดจากการแจ้งขอขนย้าย และเมื่อมีการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่ามีการนำออกจริงผ่านระบบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 13,800 ตัน สำหรับปริมาณน้ำหนักของกากแคดเมียมที่ได้ขนกลับไปที่แหล่งต้นทางจังหวัดตากเหลือเพียง 12,912 ตัน สิ่งที่หายไปคือความชื้น และเมื่อไปดูการขุดออกมาจากหลุมฝังกลบ ทั้งกระบวนการ และฤดูกาล ล้วนมีผลต่อน้ำหนัก ซึ่งเราได้ทำการตรวจสอบตามหลักวิชาการในทุกขั้นตอน 

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวถึง การย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตาก เข้ามาประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ทันทีที่เกิดเรื่อง ก็เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อหาข้อเท็จจริงมาตอบสังคมว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นถูกต้องหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้ตั้ง นายเดชา จาตุธนานันท์  ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการการขนย้ายกากแคดเมียมและกากสังกะสี ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นทาง จ.สมุทรสาคร จนถึงปลายทาง จ.ตาก 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการจาก 6 กระทรวงมาทำงานร่วมกันเพื่อให้การกำจัดกากตะกอนแคดเมียมเป็นไปตามกระบวนการ EIA โดยคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมทั้งระบบ ไม่เฉพาะ จ.สมุทรสาครเท่านั้น แต่เป็นความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศต่อการจัดการของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับมาว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนกลับคืนมา  

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนหาผู้กระทำความผิดว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการทางการปกครองโดยให้บริษัทต้นทางนำกากตะกอนแคดเมียมกลับไปในพื้นที่ต้นทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึง ยังได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิดต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) แจ้งข้อกล่าวหาทางอาญา โดยในพื้นที่ จ.ชลบุรี ศาลได้พิพากษาจำคุกผู้กระทำความผิดเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และยังได้ฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น จากบริษัทที่ทำให้เกิดความเสียหายทั้งต้นทางและปลายทาง ในจำนวนที่รัฐต้องจ่ายไปก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ยืนยันว่าคนทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย 

"ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมนั้น ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ทำงานร่วมกับดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน นี้" รมว.อุตสาหกรรม กล่าว

‘BOI’ เผย ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 6 เดือนแรก แตะ 4.5 แสนล้าน เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 35% ในแง่เงินลงทุน

(1 ส.ค. 67) Business Tomorrow รายงานว่า BOI เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 6 เดือนแรก ปี 2567 ยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีคำขอรับการส่งเสริม 1,412 โครงการ เงินลงทุน 458,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 นำโดย 3 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และชิ้นส่วน เกษตรและแปรรูปอาหาร

ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) สิงคโปร์อันดับหนึ่ง ตามด้วยจีน และฮ่องกง ครึ่งปีหลังเร่งแผนโรดโชว์ชิงลงทุนฮับภูมิภาค ควบคู่กับการปรับโครงสร้างการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

ตามรายงานจากนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) การลงทุนในประเทศไทยแสดงแนวโน้มการเติบโตที่น่าประทับใจในช่วงครึ่งปีแรกของ 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความน่าดึงดูดของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุน

ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2567 การขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีโครงการทั้งสิ้น 1,412 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 458,359 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 35

>> กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก

1. อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า : 139,725 ล้านบาท
2. ยานยนต์และชิ้นส่วน : 39,883 ล้านบาท
3. เกษตรและแปรรูปอาหาร : 33,121 ล้านบาท
4. ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ : 25,344 ล้านบาท
5. ดิจิทัล : 25,112 ล้านบาท

>> โดยมีการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ดังนี้

- กิจการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ได้แก่ การผลิต Wafer, การออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์, การประกอบ และทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ และวงจรรวม 10 โครงการ เงินลงทุนรวม 19,543 ล้านบาท
- กิจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board: PCB) 31 โครงการ เงินลงทุนรวม 39,732 ล้านบาท
- กิจการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ 8 โครงการ เงินลงทุนรวม 38,182 ล้านบาท
- กิจการ Data Center 3 โครงการ เงินลงทุนรวม 24,289 ล้านบาท
- กิจการผลิตเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือระบบ Automation 69 โครงการ เงินลงทุนรวม 10,271 ล้านบาท
- กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนหรือขยะ 255 โครงการ เงินลงทุนรวม 72,475 ล้านบาท

หากยังมีโจทย์ท้าทายสำหรับประเทศไทยที่จะต้องเอาชนะปัญหาใหญ่ 5 ประการ ดังกล่าวได้ โดยคุณสุวัฒน์ สินสาฎก CFA, FRM, ERP รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ลูกค้าสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) BYD ได้มีความเห็นไว้ว่า ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ถูกละเลยมากว่า 3 ทศวรรษ ตั้งแต่ทศวรรษ 1990s ที่ไทยริเริ่มก่อเกิดโครงการมาบตาพุดที่ได้กลายเป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมส่งออกไทยมากว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา

>> โดยปัญหาเชิงโครงสร้างมีดังนี้

1. ไทยเป็นประเทศสังคมสูงวัย โดยมีอายุเฉลี่ยของประชากรถึง 40.5 ปี เทียบกับเวียดนาม 32.8 ปี และอินโดนีเซีย 29.9 ปี หรือยังมากกว่าจีนที่ 39 ปี จากผลของนโยบายลูกคนเดียว (one child policy)

2. ไทยมีปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างมาก แม้ตัวเลขอัตราการว่างงานต่ำมากเพียง 1.06% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติที่ 2.0% แต่เป็นการทำงานแบบแฝง ดังนั้นไทยจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว 2.3 ล้านคนที่ลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย (8.5% ของแรงงานนอกภาคเกษตรของไทย) แต่คาดว่าตัวเลขแรงงานต่างด้าวจริงในประเทศไทยน่าจะสูงกว่า 5 ล้านคน

3. ไทยเป็นประเทศที่มีค่าแรงค่อนข้างสูง แม้รายได้ต่อหัวจะสูงราว $7,298 สำหรับไทย เทียบกับ $5,109 ของอินโดนีเซีย และ $4,316 ของเวียดนาม

แต่แม้ไทยจะมีรายได้ต่อหัวต่ำกว่ามาเลเซียที่ $13,034 แต่มาเลเซียสามารถดึง FDI ได้มากกว่าไทยมาก เพราะนโยบายภาครัฐที่เน้นการสร้างบุคลากร การสร้างโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่สำคัญเพื่อการลงทุนในอุตสาหกรรม Semiconductor และ AI ต่างกับไทยที่ไม่มีการเตรียมพร้อมใด ๆ ในช่วงที่ผ่านมาเลย

4. ไทยมีค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และสูงกว่าแม้แต่ค่าไฟฟ้าในอเมริกา ทำให้ไทยเสียเปรียบในการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น AI data center semiconductor EV ที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล

ค่าไฟฟ้าไทยปัจจุบันที่ 4.18 บาทต่อ kWh แพงกว่าอเมริกา 11%, แพงกว่ามาเลเซีย 20%, แพงกว่าเกาหลีใต้ 33%, แพงกว่าอินเดีย 35%, แพงกว่าไต้หวัน 39%, แพงกว่าแคนาดา 52%, แพงกว่าจีน 79%, และแพงกว่าเวียดนามและอินโดนีเซียกว่าเท่าตัว

5. ไทยไม่มีความพร้อมแรงงานที่มีคุณภาพสำหรับอุตสาหกรรมยุค 4.0 แตกต่างกับสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่ภาครัฐมีความชัดเจนในนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และมีความพร้อมของบุคลากรมากกว่าไทย

โดยคุณสุวัฒน์ สินสาฎก มองว่ามีทางแก้ปัญหาเพื่อเพิ่ม FDI มีสองทางหลัก ได้แก่

ทางแก้แรก: ‘ลดค่าเงินบาท’ ทางแรกคือการลดค่าเงินบาท เช่นที่เคยทำหลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 1997 เพราะหลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้วยค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ที่ 42-45 บาท FDI เติบโตมากถึง 3 เท่าตัว และการเติบโตของการลงทุนมากถึง 12.6% ในปี 2004 และ 15% ในปี 2005 หากทางนี้เป็นการทำลายประเทศ ซึ่งเป็นไปไม่ได้

ทางแก้ที่สอง: เพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจและเร่งสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมไทยให้รวดเร็วขึ้น ดังเช่นที่ทำได้เป็นรูปธรรมสำหรับอุตสาหกรรมรถ EV

นอกจากนี้ นายนฤตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วงครึ่งปีหลัง ทิศทางการลงทุนโลกยังคงมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายการลงทุนและการปรับซัพพลายเชนทั่วโลก จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญของประเทศไทยที่ต้องช่วงชิงการลงทุนมาให้ได้ โดย BOI จะให้ความสำคัญกับการบุกเจาะกลุ่มเป้าหมายเชิงรุก และส่งเสริมให้เกิดการลงทุนปรับโครงสร้างการผลิต เพื่อให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น

โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวน 1,451 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เงินลงทุนรวม 476,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 ประโยชน์ของโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเหล่านี้

คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกของประเทศอีกกว่า 1.3 ล้านล้านบาท/ปี โดยส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศกว่า 4.9 แสนล้านบาท/ปี และเกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 1 แสนตำแหน่งด้วยกัน

ปิดตำนาน 41 ปี Daidomon โบกมือลา สาขาสุดท้าย 5 ส.ค.นี้ แฟนคลับใจหาย!! หากกลับมาเปิดใหม่ พร้อมจะกลับไปอุดหนุน

(1 ส.ค.67) หลังออกมาประกาศปิด ไดโดม่อน โคเรียน กริลล์ สาขาเซ็นทรัลอุบลราชธานี ไปเมื่อ 30 เมษายน ทำให้ลูกค้าต่างใจหาย พร้อมว่า จะยังเหลือเพียงสาขา ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ตามที่เคยรายงานไปนั้น

ล่าสุด Daidomon ก็ได้ออกมาประกาศข่าวเศร้ากับแฟน ๆ อีกครั้งว่า ไดโดมอน สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต จะให้บริการ 5 สิงหาคม 2567 เป็นวันสุดท้าย

พร้อมระบุว่า “ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุน DAIDOMON สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และขอเรียนให้ทราบว่า ทางร้านจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2567 นี้”

ซึ่งก็มีคนเข้าไปคอมเมนต์ว่า…

- “ขอบคุณที่ผ่านมาเหมือนกัน เกือบ 20 ปีแล้ว ร้านปิ้งย่างขวัญใจวัยรุ่น ครั้งแรกที่กินสาขาฟิวเจอร์พาร์คบางแค น้ำจิ้มอร่อย ข้าวผัดกระเทียมอร่อย น้ำรีฟิล เติมได้เรื่อย ๆ ไว้ถ้าเศรษฐกิจดีกว่านี้มีโอกาสกลับมาเปิดใหม่ เราก็จะกลับไปอุดหนุนเหมือนเดิม”
- “ร้านของเด็กยุค 90 ตลอดไป”
- “ใจหายมาก ความทรงจำสมัยเรียนเลยสาขานี้”
- “ควรปิดตั้งนานแล้วครับ”

สำหรับ ไดโดมอน เป็นร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 นับเป็นร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างแห่งแรก ๆ ในไทย ก่อนที่ บริษัท ​ฮอทพอท จำกัด (มหาชน) จะเข้าซื้อกิจการ บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ในระยะหลัง ประสบกับปัญหาขาดทุนมาตลอด จนกระทั่งเหลือเพียงสาขาเดียวในปีนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top